ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn Hero - เกิดอีกที ครั้งนี้ต้องลุย

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2 : ถูกล่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 150
      6
      26 ก.ย. 64

    ช่วงเช้ามืดวันหนึ่ง ตัวของนาวินยังคงนั่งอ่านข้อมูลที่เขาได้รับมาจากสายของเขา มันเป็นข้อมูลของครอบครัวที่เขากำลังตามล่าตัวอยู่ เขาพยายามสืบสาวราวเรื่องทั้งหมดทั้งคืนว่ามีใครที่เกี่ยวกับข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่า แต่ยังไม่ทันที่นาวินจะอ่านมันจบ จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูที่หน้าห้องของเขา จากนั้นตัวของเขาก็เดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว

    “อ้าว เสริม มีอะไรงั้นเหรอ??”

    “มีคนตามคุณวินมาครับ อีก 20 นาทีพวกมันคงจะมาถึงที่นี่ครับ!!” นายเสริมคนนั้นพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ ผมจะไปปลอกล่อพวกมันเอง คุณอยู่ที่นี่ บอกไอ้ยักษ์ไอ้ย้อยให้มันเตรียมของไว้ด้วยหล่ะ” นาวินพูดขึ้นจากนั้นก็วิ่งเข้าไปในห้องแล้วหยิบปืนพกของเขามาในทันที จากนั้นก็เอากระสุนเหน็บกับตัวไปด้วย จากนั้นตัวของเขาก็ออกไปที่นอกบ้านอย่างรวดเร็ว

    และอีกด้านหนึ่งของบ้าน ถนนเส้นหนึ่งซึ่งมุ่งตรงไปที่บ้านของนาวิน บรรดารถตำรวจและรถทหารประมาณ 6 คันรถได้มุ่งตรงไปยังบ้านของนาวิน ด้านในมีทหารพร้อมอาวุธครบมือมากมาย รวมถึงผู้กองธีรนัท และแสงจันทร์ ซึ่งพวกเขาทั้งคู่กำลังเตรียมอาวุธเพื่อออกตามล่านาวินไปด้วย

    “โร่ว์ นายอยู่ข้างหลังฉันไว้” ผู้กองธีรนัทพูดขึ้น โร่ว์ได้แต่พยักหน้าตอบไป พร้อมกับใส่ลูกปืน MP5 ในมือของเขา

    “อีก 10 นาทีถึงสถานที่ต้องสงสัยครับ!!” คนขับรถรายงานเข้ามาในวิทยุของผู้กองธีรนัทอย่างรวดเร็ว

    “ดี เตรียมตัว..” ผู้กองธีรนัทที่ยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆก็เกิดระเบิดขึ้นดังมาจากหน้าขบวนรถของเขา

    “ตู้ม!!”

    รถนำขบวนคันหนึ่งถูกระเบิด จากนั้นรถคันอื่นก็หยุดนิ่งอย่างรวดเร็ว ทำเอาทุกคนรู้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

    “เราถูกโจมตีแล้ว กระจายกำลังตามล่ามัน!!” ผู้กองธีรนัทพูดขึ้น จากนั้นก็เตรียมปืน M4A1 ของเขาในทันที แล้วลงจากรถอย่างรวดเร็ว ทหารและตำรวจของผู้กองธีรนัทเดินสำรวจเข้าไปในป่าละเมาะแถวนั้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาใส่กล้องไนท์วิชั่นกันทุกคน รวมถึงใช้เลเซอร์นำวิถีด้วย พวกเขาบุกเข้าไปอย่างรวดเร็วและค้นป่ากันทุกตารางนิ้ว ส่วนตัวของผู้กองธีรนัทและแสงจันทร์ก็ได้เดินตามไปอย่างใจเย็น

    “โร่ว์ นายตามหลังฉันไว้ ใจเย็น!!” ผู้กองธีรนัทพูดขึ้น ในขณะที่โร่ว์ก็คอยถือปืน MP5 ติดเลเซอร์เล็งไปตามเขตป่า

    “ปังๆๆๆๆๆ!!”

    เสียงปืนดังขึ้นทั่วป่า ทำเอาผู้กองธีรนัทถึงกับต้องหลบหลังต้นไม้ ส่วนโร่ว์ก็ไปหลบอีกด้านหนึ่งเหมือนกัน

    “ระวังด้วย มันอาจมีมากกว่าหนึ่งคน!!” ผู้กองธีรนัทพูดขึ้น จากนั้นพวกของเขาก็ค่อยๆเดินแถวเป็นหน้ากระดานเดินเข้าไปในป่า และมองไปทุกตารางนิ้วของพื้นที่ 

    “ปัง!!”

    กระสุนของนาวินยิงสวนเข้ามาใส่ทหารของผู้กองธีรนัทอย่างต่อเนื่อง ทำเอาผู้กองธีรนัทถึงกับต้องยิงสวนไปยังแนวปืนของนาวิน ซึ่งโร่ว์ก็ทำแบบนั้นด้วย

    “ปังๆๆๆๆๆ!!”

    “ตุ๊บๆๆ!!”

    ในตอนนั้นนาวินที่กำลังยิงต่อสู้กับคนพวกนั้นก็โดนยิงเข้าที่กลางอกสองนัด จากนั้นตัวของเขาก็ล้มลงไปอย่างรวดเร็ว

    “อ๊าค!!”

    เสียงร้องของนาวินเปล่งออกมา พวกทหารได้ยินเสียงนั้นพร้อมกับเห็นแสงไฟที่กำลังลุกไหม้แถวนั้น พวกทหารแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่นานนัก เปลวควันก็ออกมาจากร่างของนาวิน เปลวควันนั้นมันลอยไปทางผู้กองธีรนัทและโร่ว์ ในตอนนั้นโร่ว์ก็รู้ตัวก่อนเลยพยายามยิงไปที่ควัน

    “ปังๆๆๆๆ!!”

    กระสุนพวกนั้นลอยผ่านควันไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่นานนักควันพวกนั้นก็ลอยไปลงอยู่ที่ด้านหลังของโร่ว์ จากนั้นมันก็ค่อยๆรวมตัวกันเป็นตัวของนาวิน โร่ว์พยายามจะหันไปยิง แต่นาวินเตะปืนของเขาทิ้ง จากนั้นก็ถีบโร่ว์ออกไปอย่างรวดเร็ว

    “ตุ๊บ!!”

    ผู้กองธีรนัทจะยิงปืน M4 ใส่นาวิน แต่กระสุนดันหมดพอดี นาวินจับปืนของเขาแล้วโยนทิ้ง จากนั้นก็ยิงหัวของผู้กองธีรนัทไป จากนั้นก็ยิงใส่ลูกน้องของธีรนัทที่เหลือจนตายเกือบหมด โร่ว์ในตอนนั้นยายามจะคลานไปหยิบปืนที่ตกอยู่ที่พื้น เขาคลานอย่างสุดชีวิต จากนั้นก็หยิบปืนได้ แต่ในตอนนั้น นาวินก้ไปเหยียบเข้าที่มือของโร่ว์พอดี จากนั้นก็เล็งปืนใส่หัวของเขา

    “กลับบ้านไป ไอ้หนู!!” นาวินพูดขึ้น แต่ในระหว่างนั้น จู่ๆ เขาก็หันไปแล้วเจอชายสอนคนกำลังยืนเฝ้าอยู่ที่ด้านหลังเขา

    “เชิญมากับเราด้วยครับ!!” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นก็โปะยาสลบชนิดหนึ่งให้กับนาวินไป และเมื่อนาวินสลบ ชายสองคนนั้นก็หิ้วปีกนาวินออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนโร่ว์ในตอนนั้นที่ยังเกร็งอยู่และทำอะไรไม่ถูก เขาจึงพยายามหยิบโทรศัพท์ของเขาติดต่อหน่วยของเขาอย่างรวดเร็ว และเมื่อมีคนรับสาย โร่ว์ก็พูดขึ้นในทันที

    “มารับผมด้วย มีคนเอาตัวนาวินไปแล้วครับ!!” 

     

    รุ่งเช้า ที่ตลาดแห่งหนึ่งในเขตใจกลางกรุงเทพ ในช่วงเช้าซึ่งมีพ่อค้าแม่ค้ามากมายหลายชีวิตมาเปิดแผงขายของแถวนั้น ตัวของอากิระเดินผ่านตลาดแถวนั้น และจู่ๆ เขาก็เกิดสะดุดตากับร้านขายลูกชิ้นร้านหนึ่ง ซึ่งคุณยายคนหนึ่งกำลังจะเริ่มปิ้งลูกชิ้นขาย ซึ่งยายคนนั้นก็เอาหลานของเธอมาเลี้ยงด้วย

    “เดี๋ยวยายขายลูกชิ้นก่อนแล้วเดี๋ยวซื้อข้าวให้หนูกินนะลูก!!” ยายคนนั้นพูดขึ้น และไม่นานนัก อากะก็เดินไปที่ร้านลูกชิ้นนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วควักแบงค์พันแบงค์หนึ่งออกมา แล้ววางแบงค์พันไว้ตรงนั้น

    “ป้า เอามาหมดแผงเลยครับ!!”

    ยายคนนั้นดีใจมาก จากนั้นก็ค่อยๆปิ้งลูกชิ้นให้กับอากิระ จากนั้นเธอก้ใส่ถุงให้อากิระอย่างรวดเร็ว ตัวของเขาหยิบเอาถุงลูกชิ้นมาแล้วเดินกินไปด้วย ทั้งๆที่ตัวเขาไม่จำเป็นต้องกินอะไรก็ได้ แต่มันทำให้เขารู้สึกว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นมนุษย์

    “อยากกินก็บอกมาเถอะ!!”

    “ก็ฉันป่วยอยู่หน่ะ ตามใจหน่อยไม่ได้เหรอ??”

    เขากัดกินลูกชิ้นเข้าไปแต่ละคำ ความทรงจำครั้งเก่าๆก็ได้แล่นเข้ามาในหัว เขาเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเดินผ่านโกดังร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งในตอนนั้น เขาก็รู้สึกอะไรบางอย่าง เขาปล่อยมือจนไม้เสียบลูกชิ้น ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น

    “ปัง!!”

    ตัวของอากิระมีสัญชาตญาณสูงจึงรีบหลบเข้าไปในโกดังอย่างรวดเร็ว กระสุนที่พวกนั้นกระหน่ำยิงพุ่งตัดถุงลูกชิ้นจนร่วง อากิระต้องจำใจทิ้งมัน จากนั้นกองกำลังปริศนาพร้อมอาวุธครบมือนับสิบก็ไล่ตามอากิระไปอย่างติดๆ รวมถึงฮาเวิร์ดในตอนนั้นที่เป็นผู้นำทีม เขาก็ได้มาเจอกับถุงลูกชิ้นที่อากิระทิ้งเอาไว้ เขาเห็นจึงแปลกใจเล็กน้อย

    “ตายห่าไปแล้วยังอยากกินอีกนะ!!” ฮาเวิร์ดพูดขึ้นพลางเตะถุงลูกชิ้นทิ้งไป จากนั้นก็ถือปืนกล M4 ไล่ตามอากิระ อากิระยิงสกัดพวกนั้นด้วย Glock 17 อย่างดุเดือด แต่พวกมันก็บุกกันถาโถมเข้ามา 

    “ปัง!!”

    มันคนหนึ่งยิงเข้าที่ขาของอากิระไปหนึ่งนัด แต่อากิระก็แทบไม่ล้มลงไป แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือชายที่ยิงขาอากิระลงไปนอนร้องโอดโอยราวกับจะเป็นจะตาย เพื่อนในทีมก็แปลกใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไปเช็คคนในทีมทันที

    “อะไรวะ ก็ไม่มีแผลนี่ ร้องทำบ้าอะไรวะ??” คนในทีมอีกคนถามไป แต่ดูเหมือนว่าเขาเจ็บจนแทบลุกไม่ขึ้น ฮาเวิร์ดที่มาดูในตอนนั้นก็พูดขึ้น

    “พลังสะท้อนกลับ ไอ้ผู้เกิดใหม่ตัวนี้มันสามารถสะท้อนความเจ็บปวดได้ เราต้องพยายามจับเป็นมันให้ได้!!” ฮาเวิร์ดตะโกนออกมา จากนั้นคนในทีมก็เปลี่ยนปืนเป็นใช้ปืนยิงยาสลบที่พวกเขาเตรียมมาแทน อากิระพยายามโผล่ออกไปยิงเพื่อสกัดมันไว้ แต่มันคนหนึ่งก็ยิงยาสลบใส่ที่ไหล่ของอากิระอย่างรวดเร็ว จนอากิระถึงกับเซไปมา แต่ยังไม่ทันที่พวกนั้นจะเข้ามาจับอากิระ มีชายปริศนาสองคนใส่หน้ากากสีดำพร้อมปืนกลมือยิงกราดใส่คนของฮาเวิร์ด จากนั้นก็ค่อยๆหามอากิระออกไปอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย จับมันให้ได้!!” ฮาเวิร์ดตะโกนออกมา แต่ชายชุดดำคนหนึ่งหยิบเอาระเบิดแสงออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปาใส่ทหารของฮาเวิร์ดในทันที

    “ตู้ม!!”

    แสงไฟวิบวาบพวกนั้นทำเอาคนของฮาเวิร์ดถึงกับแสบตาและลงไปนอนกับพื้น ฮาเวิร์ดพยายามจะตามไปแต่ก็ไม่ทันแล้ว เขาได้แต่เจ็บใจอยู่ตรงนั้น

     

    ณ ทางหลวงเส้นหนึ่งในกรุงเทพ ฮารุขี่มอไซค์เที่ยวไปในเมืองเรื่อยๆ โดยที่บนถนนในวันนั้นก็เต็มไปด้วยรถรามากมายที่ติดขัดไปมา ฮารุใช้เทคนิคของเธอขี่รถแทรกไปทางนั้นทางนี้เรื่อยๆ แต่ในระหว่างที่เธอกำลังขี่รถของเธอไปเรื่อยๆ เธอก็สังเกตได้ว่ามีชายชุดดำกำลังขี่มอไซค์ตามเธอมาอย่างรวดเร็ว พวกนั้นขี่แทรกตัวไปทางนั้นทีทางนี้ที จนไม่นานนัก เมื่อไฟเขียวให้สัญญาณ ฮารุก็รีบขี่มอไซค์เข้าไปในซอยเล็กๆซอยหนึ่งด้านข้างถนนใหญ่ พวกมันก็ขี่ตามเธอเข้ามาเรื่อยๆ จากนั้นก็ชักปืนพกของพวกมันออกมาไล่ยิงเธออย่างรวดเร็ว

    “ปังๆๆๆๆ!!”

    ฮารุพยายามขี่หลบอย่างทุลักทุเล รวมถึงชักปืนลูกโม่ของเธอออกมายิงสวนกลับพวกมันไปจนรถของมันล้มลง และชนกันระเนระนาด แต่ยังไม่ทันที่เธอจะดีใจ จู่ๆก็มีรถใหญ่คันหนึ่งมาขวางหน้าเธอ เธอไม่ทันเบรกรถเลยชนเข้าอย่างจัง ฮารุกระเด็นออกไป แต่เธอก็ตีลังกาลงพื้นได้อย่างรวดเร็ว และไม่นาน หญิงสาวในชุดหุ่นยนต์ก็เดินลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว ซึ่งเธอก็คือเวอร์รีน แล้วก็พูดขึ้น

    “สวัสดีผู้เกิดใหม่ ตายซะ!!” เวอร์รีนพูดจบก็ชักดาบของเธอออกมา ฮารุหยิบเอาดาบของเธอที่เหน็บไว้ด้านหลังออกมาบ้าง แล้วฟาดฟันกับเวอร์รีนอย่างดุเดือด และในระหว่างที่สู้กัน ดาบของฮารุก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นดาบไฟ จากนั้นก็ฟันทะลวงเข้าใส่เวอร์รีนอย่างต่อเนื่อง

    “พลังไฟงั้นเหรอ ไม่เลว!!” เวอร์รีนพูดขึ้น จากนั้นก็หลบดาบไฟของเธอแล้วถีบเข้าที่กลางอกของเธอจนกระเด็น ฮารุในตอนนั้นจึงใช้พลังลูกไฟใส่เวอร์รีนแทน 

    “ตู้มๆๆๆ!!”

    ฮารุปล่อยไฟใส่เวอร์รีน แต่เวอร์รีนก็หลบได้อย่างรวดเร็ว จนไม่นานนัก ฮารุก็เริ่มมีอาการแปลกๆขึ้นอย่างรวดเร็ว

    “เริ่มหนาวแล้วสิ!!” ฮารุพูดขึ้น จากนั้นเธอก็พยายามวิ่งหนีออกจากพื้นที่ตรงนั้นแทน 

    “คิดจะหนีเหรอ??” เวอร์รีนรีบไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว และในตอนนั้นดูเหมือนว่าฮารุจะไม่กล้าใช้ไฟกับเวอร์รีน เธอพยายามวิ่งลากสังขารตัวเองมาเรื่อยๆ แต่เวอร์รีนก็ตามมาจนใกล้จะถึงตัวเธอแล้ว 

    “เสร็จหล่ะ!!”

    “ตุ๊บ!!” หน้าแข้งปริศนาได้ถีบเข้าใส่เวอร์รีนอย่างรวดเร็ว จากนั้นชายคนที่เตะเธอก็ใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าใส่เธอ เวอร์รีนโดนช็อตไฟฟ้าเข้าที่แขนจนขยับไม่ได้ จากนั้นชายปริศนาก็รีบแบกฮารุออกไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงเวอร์รีนที่ตอนนี้สายตาเริ่มพร่ามัวและมองไม่เห็นอะไร เธอเลยหยุดนิ่งไปและทำให้ฮารุหนีไปได้

     

    ณ ห้องพักเล็กๆห้องหนึ่งซึ่งอยู่ในตึกร้างใจกลางกรุงเทพมหานคร ห้องของเด็กสาวลาลินซึ่งภายในตกแต่งสวยงามต่างจากด้านนอก แต่ในระหว่างที่เธอกำลังพักผ่อน จู่ๆ บรรดาตำรวจนับสิบก็วิ่งเข้ามาในตึกนั้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาเดินเข้ามาจนพบห้องๆหนึ่งมีไฟเปิดอยู่ ตำรวจเลยพังประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว ลาลินเห็นตำรวจในตอนนั้นจึงตกใจเป็นอย่างมาก

    “หนู มากับเราซะดีๆ!!” ตำรวจคนนั้นพูดออกมา และพยายามจะไปจับเธอ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เข้าถึงตัว จู่ๆไฟในห้องก็เกิดติดๆดับๆ พลางบรรยากาศในห้องก็เกิดมีลมหนาวเย็นพัดเข้ามาหาตำรวจพวกนั้น

    “อะไรวะเนี่ย รีบจับไปสิ??” ตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้น แต่ในตอนนั้น ลาลินก็ได้ปล่อยลมอะไรบางอย่างออกจากมือของเธออย่างรวดเร็ว และเมื่อตำรวจสูดเอาลมพวกนั้นเข้าไป พวกเขาก็เกิดอาการปวดหัวขึ้นมา

    “อะไรวะเนี่ย ทำไมปวดหัวอย่างงี้วะ??” ตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นลาลินจึงพยายามฝ่าตำรวจหนีออกมา

    “เฮ้ย ยิงสกัดไว้!!” ตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นก็เล็งปืนใส่ตัวของลาลินเพื่อเตรียมยิง

    “แชะ!!” ปืนของตำรวจพวกนั้นยิงไม่ออกแม้แต่นัดเดียว ทำเอาตำรวจถึงกับเริ่มหวาดกลัวในสิ่งที่เกิดขึ้น

    “ผี ช่วยด้วย!!” ตำรวจนายหนึ่งวิ่งหนีลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว แต่จู่ๆ เขาก็เกิดสะดุดขาตัวเองจนตกบันได และคอหักคาที่ ทำเอาตำรวจคนอื่นๆถึงกับต้องรีบถอนกำลังอย่างรวดเร็ว

    “พวกเรา หนีก่อนเร็ว!!” ตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาที่เหลือก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ลาลินที่ในตอนนั้นวิ่งออกมาจากตึกได้สำเร็จ เธอก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างไล่หลังมา

    “อ๊าค!!”

    เสียงนั้นเป็นเสียงของพวกตำรวจที่ร้องโวยวายอยู่ในตึก ประกอบกับเสียงปืนที่พวกนั้นยิงไปมา แต่ในระหว่างที่ลาลินกำลังจะหนี จู่ๆ ชายในชุดดำสองคนก็เดินมาขวางหน้าเธอไว้ แล้วพูดกับเธออย่างรวดเร็ว

    “มากับเรา ถ้ายังไม่อยากตาย!!”

    ลาลินไม่รู้จะทำอย่างไร ประกอบกับตัวเองก็เริ่มจะวิ่งไม่ไหวแล้ว เธอเลยยอมเดินไปกับสองคนนั้นในทันที

     

    ณ ตึกสำนักพิมพ์ “Le prison” ตัวของเวียนในตอนนั้นก็นั่งอ่านอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะ มันเป็นหนังสือภาษาไทยเล่มหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวกับโลกหลังความตาย การเกิดใหม่ ซึ่งคนอย่างเธอไม่น่าจะชอบอ่านเรื่องพวกนี้ แต่ในระหว่างที่เธอกำลังนั่งอ่าน จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาจากวอสื่อสารของเธอ เธอรีบรับสายมันอย่างรวดเร็ว

    “มีอะไรเหรอ??”

    “คุณเวียนครับ มีตำรวจมาหาคุณ พวกเขาขึ้นไปบนห้องคุณแล้วครับ!!”

    “อืม ได้ ฉันจัดการเอง!!” เวียนพูดขึ้น จากนั้นเธอก็หยิบร่มสีดำคันหนึ่งข้างตัวเธอ แล้วก็เสียบแฟลชไดร์ฟกับคอม แล้วดึงข้อมูลอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ดึงมันออกมาในทันที และไม่นาน ก็มีเสียงประตูดังขึ้น

    “คุณเวียนครับ นี่ตำรวจ เปิดประตูหน่อยครับ!!” 

    เวียนรีบไปที่ด้านหลังประตูอย่างรวดเร็ว และไม่นาน ตำรวจก็เปิดประตูเข้ามาด้านในเพราะเวียนไม่ได้ล็อคไว้ แต่เมื่อตำรวจคนหนึ่งเข้ามา เธอเอามือจับหัวตำรวจคนนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปล่อยออกไป ตำรวจคนนั้นทำหน้านิ่งแล้วหันปืนใส่พวกเดียวกัน แล้วยิงในทันที

    “ปังๆๆๆๆ!!”

    “เฮ้ย อะไรวะ??” ตำรวจคนอื่นพูดขึ้นและจำต้องยิงตำรวจคนนั้นจนตายคาที่ และไม่นาน เวียนก็โผล่ออกไปด้านนอก พร้อมกับใช้ร่มของเธอฟาดตำรวจพวกนั้นอย่างรวดเร็ว ตำรวจพวกนั้นพยายามยิงใส่เธอ แต่เธอก็ปล่อยโล่พลังอะไรบางอย่าง ซึ่งกระสุนทะลุมาไม่ได้ จากนั้นเวียนก็ซัดฝ่ามือใส่ตำรวจพวกนั้นจนพวกมันกระเด็นไปคนละทาง

    “หนีเร็ว!!” ตำรวจพวกนั้นตะโกนออกมา เวียนใช้พลังของเธอจัดการตำรวจพวกนั้นไปเรื่อยๆ แต่จู่ๆใบหน้าของเธอก็เริ่มยี้ฟันเหมือนคนบ้า จากนั้นก็กวัดแกว่งร่มไปมามั่วซั่ว ตำรวจพวกนั้นไม่รู้จะทำยังไงต่อ เลยทำได้แค่ยิงสกัดและหนีออกมา

    “กูจะฆ่าพวกมึง กริ๊ด!!” เวียนตะโกนออกมา จากนั้นก็วิ่งไล่ตำรวจพวกนั้นราวกับคนบ้า แต่ในตอนนั้นเอง ชายชุดดำปริศนาสองคนก็เดินมาด้านหน้าสำนักพิมพ์ของเธอ แล้วยิงตำรวจที่หนีออกมาอย่างรวดเร็ว ตำรวจที่หนีออกมาตายกันหมด ตัวของเวียนเห็นชายสองคนนั้น จึงเปลี่ยนเป้าหมายและเข้าจู่โจมอย่างบ้าคลั่ง แต่ชายสองคนนั้นก็รีบชักปืนยิงยาสลบออกมา แล้วยิงใส่ที่ร่างของเธอในทันที

    “เอื๊อก!!”

    เวียนสลบลงไปอย่างรวดเร็ว ชายสองคนนั้นรีบประคองร่างของพวกเธออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบพาเธอออกไปด้านนอกเพื่อไปที่ไหนซักแห่ง

     

    กลับมายังคอนโดของภาภิน ตัวของเขาตื่นขึ้นมาหลังจากที่หลับคาโต๊ะคอมไป ตัวของเขาก็ตื่นขึ้นมาเนื่องจากได้ยินเสียงเตือนมาจากห้องของเขา เขาได้ยินเสียงนั้นจึงรีบไปดูที่หน้าจอมอนิเตอร์ตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นจอมอนิเตอร์กล้องวงจรปิดบริเวณนั้น สัญญาณเตือนมาจากกล้องวงจรปิดซึ่งห่างออกไปจากคอนโดของเขาประมาณ 5 กิโล เขาพบรถตำรวจประมาณ 6 คันกำลังแล่นไปที่ไหนซักแห่ง ตัวของเขาไม่รอช้ารีบเอามือแตะวิทยุสื่อสารอย่างรวดเร็ว เพื่อแฮกและดักฟังวิทยุสื่อสารของตำรวจ จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงการสนทนาระหว่างตำรวจคำหนึ่ง

    “เป้าหมายของเราอยู่คอนโดพาราไดซ์ ชั้น 25 ผู้ต้องสงสัยชื่อภาภิน...”

    ภาภินได้ยินดังนั้นจึงคิดว่าตำรวจจะมาจับเขา เขารีบไปที่หน้าคอมพิวเตอร์แล้วรีบเก็บข้อมูลใส่ฮาร์ดดิสก์พกพาของตัวเอง แต่ดูเหมือนตำรวจก็ใกล้จะเข้ามาหาเขาแล้ว เขาจึงวิ่งไปเปิดประตูตู้ใบหนึ่ง เขาเปิดมาด้านในก็มีปืนสไนเปอร์ Dragunov ติดกระบอกเก็บเสียง เขาหยิบมันมาแล้วใส่กระสุนในทันที จากนั้นก็รีบไปที่หน้าระเบียง พบขบวนรถตำรวจกำลังใกล้เข้ามาคอนโด เขาในตอนนั้นก็ใช้สไนเปอร์ยิงใส่รถตำรวจพวกนั้นอย่างรวดเร็ว

    “ปิ้วๆๆๆ!!”

    ภาภินยิงปืนใส่พวกตำรวจเพื่อสกัดทางไว้ รถตำรวจหยุดจากนั้นก็ลงเดิน แล้วก็หลบรถตรงนั้นทีตรงนี้ที จากนั้นก็ค่อยๆเข้ามาในคอนโดอย่างรวดเร็ว 

    “ก๊อกๆๆๆ!!” เสียงเคาะประตูดังขึ้น ภาภินเลยใช้ปืนเล็งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว

    “คุณภาภิน พวกเราไม่ใช่ตำรวจ เรามาช่วยคุณ!!” 

    เสียงนั่นมาจากประตู ภาภินรีบเก็บปืนแล้วไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว และเมื่อเขาเปิดประตู เขาก็พบกับชายชุดดำปริศนาสองคนอยู่ที่หน้าห้องเขา จากนั้นก็พูดขึ้น

    “มากับเรา ถ้าคุณไม่อยากตาย!!” ชายสองคนนั้นพูดขึ้น

    “เรื่องอะไรผมต้องเชื่อพวกคุณหล่ะ??” ภาภินถามไป

    “หรือคุณจะรอให้ตำรวจมาจับคุณหล่ะ??” ชายสองคนนั้นถามต่อ

    “ได้ ผมขอเก็บของก่อนได้หรือเปล่า??” ภาภินถามไป ชายสองคนนั้นพยักหน้าแล้วชักปืนออกมาเฝ้าหน้าห้อง และไม่นานนัก ภาภินก็เก็บข้อมูลของเขาทั้งหมดใส่ฮาร์ดดิสก์พกพา รวมถึงเอาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่สำคัญแบกมาด้วย พร้อมกับปืนคู่ใจของเขา จากนั้น ตัวของเขาก็กดรีโมทอะไรบางอย่าง แล้ววางมันไว้ที่หน้าคอมในทันที จากนั้นก็เดินไปหาชายสองคนนั้น

    “นี่ ช่วยผมถือของหน่อยสิ!!” ภาภินพูดขึ้น ชายสองคนนั้นรีบรับของมา จากนั้นก็พาเขาลงไปที่ชั้นล่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่กี่นาที

    “ตู้ม!!” เสียงระเบิดในห้องของภาภินทำลายทุกอย่างในห้อง ทำเอาคนอื่นๆในคอนโดถึงกับแปลกใจและแตกตื่นกันทั้งชั้น

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเขตสถานีรถไฟกลางบางซื่อ ชายหนุ่มคนเดิมซึ่งเขาเพิ่งจะฆ่าโจรตาย เขารีบหนีคดีเพราะไม่รู้จะไปที่ไหน ในระหว่างที่เขากำลังเดินข้ามรางรถไฟ จู่ๆก็มีรถตำรวจและทหารมากมายมาล้อมตัวของเขา ทั้งตำรวจและทหารรวมถึงพวกนอกเครื่องแบบต่างมาล้อมตัวเขาพร้อมเล็งปืนใส่ พร้อมด้วยวูฟที่เดินตามลงมาจากรถ แล้วมาดูชายคนนั้นที่กำลังโดนล้อม 

    “มึงหน่ะเหรอผู้เกิดใหม่ อยากเห็นพลังของมึงหว่ะ!!” 

    ชายคนนั้นไม่ตอบอะไร จากนั้นก็วิ่งเข้าใส่วูฟในทันที ทหารตำรวจพวกนั้นจึงยิงถล่มใส่เขา แต่เขาก็ได้งอกปีกออกมาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว แล้วหมุนตัวพุ่งเข้าใส่ แรงลมพวกนั้นทำเอาตำรวจทหารถึงกับกระเด็นออกไปได้ แต่วูฟเองยังคงต้านแรงลมเอาไว้ได้อย่างแข็งขัน

    “เป็นนกงั้นเหรอ น่าสนุกนี่ เสียดายที่เพิ่งจะเช้า!!” วูฟพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ค่อยๆแปลงร่างกลายเป็นมนุษย์หมาป่าขนาดยักษ์แล้วพุ่งกระโจนเข้าใส่ชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว ชายคนนั้นเอามือสองข้างยันกับหมาป่าตัวนั้นไว้ จากนั้นก็เตะวูฟออกไป แต่วูฟก็กระโดดขึ้นคร่อมตัวของชายคนนั้น แต่ตัวของก็ค่อยๆกลายร่างเป็นนกยักษ์คล้ายพญาครุฑอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยกวูฟออกไป พวกเขาทั้งคู่ซัดกันไปมา นกยักษ์พยายามจะบินขึ้น แต่วูฟก็กระโดดจับขานกยักษ์ไว้ ทำเอาทั้งคู่ถึงกับบินโซซัดโซเซไปเรื่อยๆ โดยที่วูฟพยายามจะดึงนกยักษ์ให้ตกลงมา ในขณะเดียวกันวูฟก็กำลังจะใช้กรงเล็บของเขาตะปบเข้าที่ขาของนกยักษ์เพื่อให้บาดเจ็บ แต่จู่ๆ นกยักษ์ก็เห็นรถไฟที่กำลังสวนมา เขาเลยร่อนลงกับพื้น แล้วหย่อนขาลงไปที่ด้านหน้ารถไฟอย่างรวดเร็ว

    “ตุ๊บ!!”

    วูฟถูกรถไฟกระแทกอย่างรุนแรงจนต้องปล่อยมือ ส่วนนกยักษ์ทำได้แค่บินโซซัดโซเซหนีไป ในตอนนั้นวูฟก็ค่อยๆเปลี่ยนร่างกลับเป็นคนอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก พนักงานรถไฟที่รับผิดชอบรีบมาดูวูฟอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดขึ้น

    “เฮ้ย เป็นอะไรหรือเปล่า??” 

    ในตอนนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับวูฟ ตัวของเขารีบเดินไปหาชายคนนั้น จากนั้นก็ไปต่อยหน้าชายคนนั้นหนึ่งที จากนั้นก็ค่อยๆกัดกินร่างของผู้ชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว และไม่นาน เขาก็กินมันจนตายคาที่ เลือดสีแดงเปื้อนเต็มเสื้อของเขา จากนั้นตัวของเขาก็รีบวิ่งกลับไปยังขบวนรถทหารที่เขาจากมาในทันที

    และนกยักษ์ที่เพิ่งจะต่อสู้กับวูฟ เขาบินโซซัดโซเซไปได้ซักพัก จนเขารู้สึกเหนื่อยและต้องร่อนลงกับพื้นในซอยแห่งหนึ่งอย่างรุนแรง ร่างของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนกับเป็นมนุษย์อย่างรวดเร็ว จากนั้นตัวของเขาก็สลบเหมือดไปกลางซอย แต่ไม่นานนัก ชายปริศนาสองคนก็เดินมาที่ร่างของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ขึ้น

    “ลากขึ้นรถไปเลย!!”

    ชายสองคนนั้นลากเอาร่างของเขาออกไปจากซอยอย่างรวดเร็ว เพื่อเอาไปขึ้นรถคันหนึ่งซึ่งชายสองคนเตรียมเอาไว้

     

    ณ บาร์ซึ่งเป็นที่กบดานของลันโทส ในวันนั้นตัวของเขารวมถึงกลุ่มผู้เกิดใหม่คนอื่นๆก็ได้มารวมตัวกันเพื่อเตรียมทำภารกิจอะไรบางอย่าง แต่ในไม่นานนัก จู่ๆ รถตำรวจนับสิบคันก็ขับมาจอดที่บาร์ของลันโทส ทำเอาลูกค้าในบาร์รีบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก จ่าชัยซึ่งเป็นผู้นำในการจับกุมก็ลงจากรถพร้อมปืนลูกโม่คู่ใจ จึงได้สั่งให้ลูกน้องบุกเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็ว

    “พวกเรา ค้นให้ทั่ว...” จ่าชัยพูดขึ้นแต่ยังไม่ทันจะพูดจบ จู่ๆ กลุ่มคนที่อยู่ในร้านก็ถือปืน AK ยิงปะทะกับกลุ่มเจ้าหน้าที่อย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกับบาดเจ็บกันไปมาก

    “ระวังด้วย ถอยออกมาก่อน อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยง!!” จ่าชัยพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ยิงสวนกลับไปทีละจุดที่ยิงพวกเขา จ่าชัยยิงโดนพวกมันอย่างแม่นยำ รวมถึงตำรวจที่คอยยิงสนับสนุนให้เขา ทำให้จ่าชัยถึงกับบุกเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว

    “กระจายกำลังกันไป พวกมันคงต้องอยู่แถวนี้แน่!!” จ่าชัยตะโกนออกมา แต่ในขณะเดียวกัน ลันโทสกับซีโร่ก็โผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยิงปืนสกัดตำรวจพวกนั้น

    “ปังๆๆๆๆๆ”

    “ซีโร่ ไปก่อนเร็ว!!” ลันโทสพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ยิงกับจ่าชัยอย่างดุเดือด ซีโร่วิ่งออกไปด้านนอกกับพบกับตำรวจกลุ่มหนึ่งกำลังดักรอ เขาชักดาบออกมาแล้วกระโดดฟันตำรวจพวกนั้นอย่างรวดเร็ว

    “คุณลันโทส เราต้องหนีแล้ว!!” ซีโร่ตะโกนออกมา จากนั้นไม่นาน ลันโทสก็วิ่งไปที่หลังร้าน เขาไปที่ห้องครัว จากนั้นก็หมุนหัวเตาแก๊สทุกถัง รวมถึงเอามือของเขาแหย่เข้าไปในปลั๊กไฟ จากนั้นไม่นานก็ชักมือออกมา จากนั้นก็ไปประตูหลังเพื่อปิดประตู รวมถึงใช้มือของเขาดึงอะไรบางอย่างลงมาจากด้านล่าง ซึ่งมันคือถังเก็บน้ำซึ่งมีฐานเป็นโลหะ เขาดึงมันเพื่อใช้มันปิดประตู จากนั้นก็รีบวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว จ่าชัยในตอนนั้นที่พยายามจะไปหลังร้าน เขาก็เกิดได้กลิ่นแก๊สมาจากด้านใน รวมถึงสายไฟในบ้านที่เริ่มจะช็อตและเกิดสะเก็ดไฟ

    “หลบเร็ว!!” จ่าชัยตะโกนออกมา จากนั้นก็รีบวิ่งออกจากบาร์อย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นานก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น

    “ตู้ม!!” ระเบิดได้ทำลายบาร์แห่งนั้นจนอันตรธานไปกับตา ตำรวจบางนายถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บ ตัวของจ่าชัยเองก็เกือบไม่รอด และในขณะเดียวกัน ตอนที่ลันโทสและซีโร่กำลังวิ่งหนีตำรวจกัน จู่ๆก็มีรถคันหนึ่งขับมาจอดที่หน้าพวกเขา จากนั้นก็ลดกระจกลงเพื่อคุยกับเขา

    “รีบขึ้นมาครับ!!”

    ทั้งลันโทสและซีโร่ในตอนนั้นที่ไม่มีทางเลือกก็รีบวิ่งขึ้นรถคันนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นรถก็รีบขับหนีออกไป

     

    ณ สถานบันเทิงที่ไหนซักแห่งในย่านรัชดา หลังจากที่ทั้งตัวสองแฝดได้ใช้เงินอย่างสนุกสนานในสถานบันเทิงกันยันเช้า พวกเขาทั้งคู่ออกจากร้านมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พวกเขากำลังจะเดินกลับบ้าน จู่ๆ พวกเขาก็พบกับตำรวจกลุ่มหนึ่งที่กำลังล้อมพวกเขา ทำเอาทั้งคู่ถึงกับหันมองกัน

    “โลร็องต์ นายไปทางนั้น เจอกันอีกฝั่งนะเว้ย!!” 

    “ได้เลยลูโดวิก!!”

    และเมื่อพูดจบ พวกเขาทั้งคู่ก็ใช้ความเร็วของเขาวิ่งเข้าไปในซอยแคบแห่งหนึ่ง ตำรวจที่อยู่ตรงนั้นถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก แต่พวกนั้นก็ยังวิ่งไล่ตามทั้งคู่ไป ตำรวจพวกนั้นวิ่งไปเรื่อยๆ แต่จู่ๆ พวกเขาก็สะดุดล้มอะไรบางอย่าง ทำเอาพวกเขาถึงกับหัวคะมำกันในซอยนั้น ท่ามกลางเสียงหัวเราะสะใจ

    “ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้าโว้ย!!” ลูโดวิกพูดขึ้น จากนั้นก็รีบออกไปจากซอยนั้นด้วยอาการเหนื่อยหอบเล็กน้อย และอีกซอยหนึ่ง กลุ่มตำรวจนำกำลังตามไปอีกซอย แต่ในตอนนั้น โลร็องต์ก็ใช้ความเร็วแย่งปืนตำรวจมา จากนั้นก็กระหน่ำยิงใส่พวกตำรวจที่บุกเข้ามา เมื่อตำรวจตายกันหมด จากนั้นโลร็องต์ก็พยายามเก็บเอาปืนและกระสุนของตำรวจมาทั้งหมด

    “กูขอนะเว้ย!!” โลร็องต์พูดขึ้น จากนั้นก็วิ่งไปหาลูโดวิกที่กำลังรอเขาอยู่ถนนเส้นหนึ่ง และเมื่อมาถึง โลร็องต์ก็เอาปืนให้กับลูโดวิกอย่างรวดเร็ว

    “พี่ เอานี่ เผื่อต้องใช้!!” 

    “เฮ้ย นี่แกฆ่าตำรวจเลยเหรอ โธ่เอ้ย” ลูโดวิกพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน จู่ๆก็มีรถคันหนึ่งมาจอดที่ด้านหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย พวกนายสองคน ถ้าอยากรอดก็ขึ้นมา!!” 

    สองหนุ่มนั่นไม่มีทางเลือกมากเท่าไหร่เลยขึ้นรถคันนั้นไปอย่างรวดเร็ว

    และอีกด้านหนึ่ง ลุ้นซึ่งเดินเล่นอยู่แถวนั้น เดินไปได้ไม่นาน เขาก็เกิดอยากเอาไพ่มาดู เขาเลยสับไพ่เล่นดู และไม่นานนัก เขาก็ได้ไพ่ใบหนึ่ง 

    “Watch Out!!” เมื่อลุ้นได้เห็นดังนั้นเขาก็ถึงกับตกใจ และไม่นาน กลุ่มตำรวจจากที่ไหนก็ไม่รู้ก็วิ่งไล่กวดเขา ตัวของเขาจึงรีบวิ่งหนีเข้าไปในซอยหนึ่งอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ตำรวจก็ลาตามเขาอย่างไม่ลดละ 

    “บ้าเอ้ย จะมาจับกูทำไมวะ??”

    ลุ้นวิ่งหนีไปเรื่อยๆ เขาวิ่งไปทางนั้นทีทางนี้ที ในขณะที่ตำรวจเองก็ยังตามเขาอยู่

    “เฮ้ย ยอมซะดีๆดีกว่าไอ้น้อง!!” ตำรวจพวกนั้นตะโกนออกมา แต่ในระหว่างที่ลุ้นกำลังวิ่ง จู่ๆตัวของเขาก็ไปสะดุดท่อระบายน้ำแถวนั้นแล้วล้มหน้าคว่ำตรงถนนใหญ่

    “โอ๊ย บ้าเอ้ย นี่สินะผลของไพ่การเตือน!!” ลุ้นพูดขึ้น และไม่นาน จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งขับมาจอดที่ด้านหน้าของเขา จากนั้นก็ลดกระจกลงแล้วพูดขึ้น

    “ขึ้นมา!!”

    ลุ้นในตอนนั้นที่ต้องการจะหนีตำรวจก็รีบขึ้นรถแบบไม่มีทางเลือก ตำรวจในตอนนั้นก็ถึงกับไม่เข้าใจว่าใครมาช่วยเขา

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของอินเนสซ่า ในวันนั้นตัวของเธอก็พยายามหาข่าวเกี่ยวกับการตามล่าผู้เกิดใหม่ แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววอะไรเลยในตอนนี้ เธอเดินไปเดินมาในห้องเพื่อคิดอะไรไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่เธอกำลังเดินผ่านหน้าต่าง 

    “ปัง!!”

    กระสุนปืนปริศนาพุ่งเข้ามาใส่หน้าต่างจนกระจกแตก อินเนสซ่าตอนนั้นจึงรีบไปหลบอยู่กลังกำแพง โดยที่อีกฝากหนึ่ง ที่ดาดฟ้าของตึกหลังหนึ่ง กาลีน่าได้ใช้ปืน Dragunov ยิงใส่ห้องนอนของเธอ 

    “พวกเรา บุกเข้าไปเลย!!” กาลีน่าวิทยุบอกคนในหน่วยไป และไม่นาน บรรดากองกำลังติดอาวุธนับสิบก็บุกเข้าไปในบ้านของอินเนสซ่าอย่างรวดเร็ว คนของอินเนสซ่าที่อยู่ด้านหน้าบ้านก็พยายามยิงสกัดกองกำลังพวกนั้น แต่ด้วยจำนวนและอาวุธ ทำให้คนของอินเนสซ่าที่ไม่ทันตั้งตัวโดยกระหน่ำยิงจนเสียเปรียบ อินเนสซ่าที่อยู่ในห้องเพื่อหลบกระสุนก็สำแดงพลังอะไรบางอย่างออกมาอย่างรวดเร็ว

    “พรึ่บ!!”

    อินเนสซ่าได้แปลงร่างกลายเป็นพญานาคโผล่ออกมา จากนั้นก็พ่นไฟใส่กองกำลังพวกนั้นอย่างรวดเร็ว ทำเอากองกำลังติดอาวุธถึงกับต้องรีบถอยอย่างรวดเร็ว

    “อ้อ น่าสนุกนี่!!” กาลิน่าที่ใช้สไนเปอร์มองเห็นจึงพยายามยิงใส่อินเนสซ่า อินเนสซ่าเห็นดังนั้นจึงใช้หัวอัญมณีสีครามของเธอปล่อยน้ำแข็งออกมา กำแพงน้ำแข็งนั้นเข้มแข็งมาก ทำเอากระสุนของกาลิน่าแทบยิงไม่เข้า

    “โห เวรเอ้ย หนีก่อนดีกว่า พวกเรา ถอนกำลัง” กาลิน่าวอบอกกับทีมของเธอ จากนั้นไม่นานตัวของเธอก็เก็บสไนเปอร์ของเธอใส่ในซองปืน จากนั้นก็รีบหนีออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่กี่นาที อินเนสซ่าก็เหาะไปที่ไหนซักแห่งอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนของเธออยู่ที่บ้านอย่างสงสัย

     

    ณ บ้านร้างหลังเดิมซึ่งเบลใช้มันเป็นที่พักผ่อน ท่ามกลางซากศพของเหล่าเด็กติดยาที่โดนเขาฆ่าตาย ตัวของเขานั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมที่เขาเคยนั่งพัก แต่ในตอนที่ตัวของเขาตื่นขึ้นมา เขาก็พบกับกลุ่มชายฉกรรจ์ถือดาบนับสิบกำลังรุมล้อมเขา ตัวของเบลถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงขวานของเขาที่อยู่ด้านหลังออกมา จากนั้นก็พูดขึ้น

    “พวกมึงตัวไหนอยากตายก็เข้ามา!!”

    กองกำลังปริศนาพวกนั้นไม่รอช้ารีบปรี่เข้ามาฟาดฟันเบลจากหลายทาง แต่ตัวของเบลยังป้องกันเอาไว้ได้ จากนั้นก็ใช้ขวานกันดาบและฟันร่างของพวกมันไปทีละคน

    “ระยำเอ้ย ฝีมือดีนี่หว่า!!”

    เบลตะโกนออกมา มันคนหนึ่งใช้ดาบฟันเข้าที่หน้าอกของเบล แต่เบลถีบมันออกไปได้ จากนั้นก็ค่อยๆฟาดฟันพวกมันตายไปทีละคน มันคนหนึ่งเห็นท่าไม่ดีเลยชักปืนสั้นออกมา จากนั้นก็กระหน่ำยิงไปที่เบล

    “ปังๆๆๆๆๆๆ!!”

    กระสุนนับสิบนัดพุ่งเข้ากลางอกของเบล แต่ดูเหมือนว่าเบลก็ยังคงยืนได้ จากนั้นเบลก็เดินเข้าไปจับปืนของมันในทันที

    “ลูกผู้ชาย เขาไม่ใช้ปืนลอบกัดกันโว้ย!!”

    “ฉับ!!”

    เบลใช้ขวานฟันที่แขนของมัน จากนั้นก็ถีบมันออกไป แล้วใช้ขวานอีกข้างฟันเข้าที่หัวของมันอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้ร่างกายของเขากลับเต็มไปด้วยแผล และไม่นาน ร่างกายของเขาก็ค่อยๆสมานแผลเอง แต่ตัวของเขาถึงกับลงไปทรุดตัวกับพื้นอย่างรวดเร็ว

    “อ๊าค!!” เบลร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แต่ไม่นานนัก แผลของเขาก็ฟื้นฟูจนหมด ร่างกายของเขากลับมาเหมือนเดิมแล้ว

    “คงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วหล่ะ” เบลพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ค่อยๆลากสังขารออกมาจากบ้านหลังนั้นอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเดินออกมาพ้นบ้าน จู่ๆ ชายชุดสูทและหน้ากากสีดำคนหนึ่งซึ่งก็คือรูกี้ที่ใส่หน้ากากปิดหน้าและใส่ชุดดำก็มายืนพิงรั้วหน้าบ้านไว้ แล้วก็พูดกับเขาในทันที

    “พลังแห่งการฟื้นฟู ไม่เลวนี่ครับ”

    “เฮ้ย อย่ามายุ่งกับกูดีกว่าน่า!!” เบลตะโกนออกมาพลางถือขวานไปด้วย

    “อืม ดูเหมือนว่าคุณจะเจ็บปวดมากเลยนะ ถ้างั้น ผมจะจบความทรมานให้เอง!!” รูกี้พูดขึ้น จากนั้นก็ชักดาบออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่เบล แต่เบลก็ใช้ขวานกันเอาไว้ได้ รูกี้จู่โจมเบลทางนั้นทีทางนี้ที แต่ก็ดูเหมือนว่ารูกี้จะทำอะไรเบลไม่ได้เลย เบลจับดาบของรูกี้ จากนั้นก็ดึงออกแล้วถีบจนติดรั้วในทันที

    “อืม เก่งนี่หว่า” 

    “มึงอาจจะฉลาด แต่กูฉลาดกว่ามึงแน่!!” เบลตะโกนออกมา

    “งั้นเหรอลุง ถ้างั้นลุงไม่รู้เหรอ ว่าผมให้คนดักไว้ข้างนอกเพียบเลยตอนนี้??” รูกี้ถามไป

    “คงไม่หรอกมั้ง ถ้าไม่อย่างงั้น แกก็คงจับฉันได้นานแล้วหล่ะ” เบลพูดขึ้น 

    “เฮ้อ ลุงนี่เจ๋งกว่าที่คาดอีกแหะ ถ้าอย่างงั้นก็ขอลองดูหน่อยแล้วกัน!!” รูกี้พูดขึ้น จากนั้นก็หยิบเครื่องช็อตไฟฟ้าออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้าจู่โจมเบลอย่างรวดเร็ว แต่เบลจับแขนของเขาไว้ได้ จากนั้นก็หยิบเอาเครื่องของหมอนั่นออกมา จากนั้นก็ช็อตเข้าใส่ แต่รูกี้ไม่เป็นอะไรเลย เบลเลยทิ้งเครื่องช็อตไฟฟ้าไปแล้วถีบหมอนั่นจนติดรั้วไป

    “ฮ่าๆๆๆ ชุดของกูมันทนกระแสไฟฟ้าได้โว้ย!!”

    “แต่คงทนหมัดกูไม่ได้หรอก!!” เบลพูดขึ้น จากนั้นก็จะเงื้อหมัดต่อย แต่จู่ๆก็มีกองกำลังลึกลับอีกกลุ่มหนึ่งกำลังบุกเข้ามา ตัวของเบลจึงต้องรีบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

     

    กลับมาที่บ้านของแก้วขวัญ ตัวของแก้วขวัญยังคงนั่งอยู่ในบ้านของเธอเพื่อพักผ่อน แต่ในวันนั้น บรรดาตำรวจมากมายก็ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของเธอ บรรดาลูกน้องของเธอรีบไปรับหน้าตำรวจที่หน้าบ้าน แก้วขวัญที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากหน้าบ้านก็รีบเดินลงมาด้านล่างรวดเร็ว

    “เรามาตามหาคน!!” ตำรวจพวกนั้นพูดขึ้น

    “คุณรู้หรือเปล่าว่าบ้านนี้เป็นของตระกูลอะไร เราขอหมายค้นด้วยค่ะ” ป้าคนรับใช้ของแก้วพูดขึ้น และในไม่นานนัก ตัวของขวัญแก้วก็เดินไปที่หน้ารั้วบ้านอย่างรวดเร็ว แต่ในคราวนี้ บุคลิกและกิริยาของเธอดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนมาก เธอดูเหมือนคนเย็นชาและไร้ความรู้สึก จากนั้นเธอก็ไปพูดกับตำรวจในทันที

    “พวกคุณรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร??”

    “คุณแก้วขวัญใช่หรือเปล่า มากับเราด้วยครับ” ตำรวจพวกนั้นพูดขึ้น

    “คุณต้องมีหมายค้นมาก่อน หรือไม่ก็ต้องเป็นหมายจับ ถ้าไม่มีก็เชิญกลับไปเถอะ หรือไม่ก็คุยกับทนายหรือคนของฉันก็ได้” แก้วพูดออกมาอย่างโฉ่งฉ่าง

    “คุณแก้วครับ อย่าทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่เลยครับ”

    “หรือว่าคุณอยากจะลอง มีหมายเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกัน ไม่อย่างงั้น คนของฉันมีสิทธิ์จะยิงพวกคุณตายตรงนี้ข้อหาบุกรุก ที่นี่ติดกล้องวงจรปิดไว้หมดนะคะ ไปโทรเรียกคุณวรรธณามาพบฉันหน่อย” แก้วพูดขึ้น ทำเอาตำรวจในตอนนั้นก็เริ่มพะวะพะวงกันแล้ว เพราะชื่อนี้เป็นชื่อรัฐมนตรีคนหนึ่งในคณะรัฐบาล

    “ก็ได้ครับ ถ้าอย่างงั้นเราจะเอาหมายเรียกมาก่อนก็แล้วกัน!!” ตำรวจพูดขึ้นอย่างเสียหน้า จากนั้นก็ค่อยๆขึ้นรถกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของแก้วในตอนนั้นก็เปลี่ยนนิสัยของเธอไปอย่างรวดเร็ว เธอค่อยๆหมดแรงจนคนของเธอต้องมาประคองเธอเอาไว้

    “เมื่อกี้หนูพูดอะไรไปบ้างคะ??” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานลง

    “เดี๋ยวดิฉันจะไปบอกเองค่ะ” ป้าคนรับใช้ของเธอพูดขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆพาเธอกลับห้องไปอย่างรวดเร็ว

     

    ณ บ้านพักหลังหนึ่งซึ่งอยู่ชานเมืองหลวง บ้านพักซึ่งภายนอกตกแต่งได้อย่างสวยงาม ด้านในเองก็ตกแต่งด้วยโทนสีขาวแบบเรียบง่าย ด้านในห้องมีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังปรุงอาหารอะไรบางอย่างอยู่ในห้องครัว และในขณะเดียวกัน จู่ๆเธอก็พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

    “พัตติยา มาก็บอกกันหน่อยสิ นั่งก่อนก็ได้!!”

    หญิงสาวที่วาร์ปมาหาเธอในตอนนั้นถึงกับหน้าจ๋อย พัตติยารีบไปนั่งโต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นั่งนิ่งไปเลย

    “ใช้พลังไปเยอะสินะ ถึงได้เวียนหัวแบบนี้” แม่ครัวคนนั้นพูดขึ้น

    “ก็นิดหน่อยอิสครินน่า ฉันอยากจะมาคุยเรื่อง..” พัตติยาพูดขึ้นแต่ยังไม่ทันจะพูดจบ 

    “เรื่องการตามล่าผู้เกิดใหม่สินะ ฉันเองแหละที่บอกเธอไป”

    “เออ แล้วนี่ฉันต้องทำยังไงต่อหล่ะ??” พัตติยาถามไป

    “เธอคงต้องหาความช่วยเหลือ ดูเหมือนพวกองค์กรลับกำลังต้องการกวาดล้างผู้เกิดใหม่ใน 30 วันนี้” อิสครินน่าพูดขึ้น

    “30 วัน ทำไมต้อง 30 วันหล่ะ??” พัตติยาถามไป

    “อีก 30 วัน จะเป็นวันที่ประตูนรกเปิดออก พวกผู้เกิดใหม่มีโอกาสที่จะตายและถูกส่งไปยังดินแดนสัมปรายภพสูง หลังจากนั้น การตามล่าผู้เกิดใหม่จะยากขึ้นไปอีก” อินครินน่าพูดขึ้น จากนั้นก็วางอาหารเอาไว้บนโต๊ะ โดยที่เธอเอาจานส่วนของพัตติยาให้กับพัตติยาไปด้วย พัตติยารีบกินอาหารในจานอย่างรวดเร็ว

    “อร่อยดีนะ” พัตติยาพูดขึ้น

    “ตายไปแล้วยังกินเก่งเหมือนเดิมเลยนะ” อิสครินน่าพูดขึ้น

    “มันเป็นอย่างเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกว่ายังเป็นคนอยู่หน่ะ” พัตติยาพูดขึ้น

    “ฉันว่า เธอคงต้องไปรวมตัวกับผู้เกิดใหม่คนอื่นๆ เพื่อปกป้องตัวเองดีกว่า” อิสครินน่าพูดขึ้น

    “เฮ้อ ฉันเอาตัวรอดเองได้น่า!!” พัตติยาพูดอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

    “เอาน่า ฉันอยากจะให้เธอตามหาคนๆหนึ่งให้ฉันด้วยหน่ะ”

    “ตามหาใครกันหล่ะ??” พัตติยาถามไป

    “คนที่มีพลังความเป็นอมตะหน่ะ” อิสครินน่าพูดขึ้น

    “มันก็มีกันตั้งหลายคนนะ ฉันว่า” พัตติยาพูดขึ้น

    “แต่ฉันเชื่อว่าคนนี้เขาอยู่ในไทยนี่แหละ ฉันถึงได้มาที่เมืองไทยไงหล่ะ” อิสครินน่าพูดขึ้น แต่พัตติยาก็ยังตักอาหารเข้าปากของเธอต่อ

     

    ณ ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ เป็นร้านราเมงสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งทานราเมงอยู่ในร้าน และในขณะเดียวกันนั้นเอง มิกิก็เดินเข้ามาในร้านอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็ตะโกนบอกกับคนขายอย่างรวดเร็ว

    “ราเมงพิเศษชามนึงค่ะ!!”

    “คุณมิกิ ไม่มีใครตามคุณมานะ??” ชายที่นั่งกินราเมงอยู่พูดขึ้น

    “ไม่มี ฉันรับประกันได้” มิกิพูดขึ้น และไม่นานนัก เขาก็ยื่นเอาแฟลชไดร์ฟอันหนึ่งให้กับมิกิในทันที

    “ทุกอย่างอยู่ในนี้แล้ว”

    “อืม นี่ของนาย” มิกิพูดขึ้น จากนั้นก็ยื่นซองอะไรบางอย่างให้กับชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว แต่ว่าด้านในเป็นซองเปล่า ทำเอาชายคนนั้นถึงกับหัวเสียไปเลย

    “นี่มันอะไรกันเนี่ย??” ชายคนนั้นพูดขึ้น แต่ไม่นานนัก มิกิก็ยื่นมือใส่ชายคนนั้น

    “ขอโทษด้วยแล้วกัน” มิกิพูดขึ้น

    “ไม่ ผมต่างหากต้องขอโทษ” ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว และไม่นาน ตำรวจกลุ่มหนึ่งก้รีบมาทางร้านอย่างรวดเร็ว มิกิเห็นดังนั้นจึงตกใจ จากนั้นก็ตั้งสมาธิเพื่อทำอะไรบางอย่าง

    “แวบ!!”

    จู่ๆตัวของเธอก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว และตำรวจที่เข้ามาในร้านก็แปลกใจว่ามิกิหายไปไหน ส่วนเจ้าของร้านเองก็ตกใจถึงกับยกมือขึ้น

    “เดี๋ยวครับ อย่ายิงผมครับ!!” 

    ตำรวจพวกนั้นถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่ามิกิไปไหน และไม่นานนัก ไม่ห่างจากพื้นที่ร้านเท่าไหร่ ตัวของมิกิก็เลิกหายตัวอย่างรวดเร็ว และร่างกายของเธอก็เริ่มหนาวสั่น และพยายามกลืนไปกับฝูงชนอย่างรวดเร็ว

    “พลังของไอ้บ้านั่นคงใช้ได้แค่นี้สินะ!!” มิกิพูดขึ้นจากนั้นก็เดินต่อไปในทันที

     

    ณ โกดังร้างแห่งหนึ่งย่านบางซื่อ หลังจากที่เกเบรียลได้ช่วยหมาตัวหนึ่งแล้วต้องฆ่าคนไปด้วย ตัวของเขาจึงได้มาหลบหนีความผิด เขาเอาหมาตัวนั้นมาเลี้ยงอย่างเอ็นดู เขาหาอาหารมาให้กับมัน แต่ในระหว่างที่เขากำลังเลี้ยงหมาน้อยตัวนั้น จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น

    “ปัง!!”

    กระสุนปืนเข้าที่กลางหลังของเกเบรียล หมาตัวนั้นตกใจเสียงปืนจึงหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นเกเบรียลลุกขึ้นมา และไม่นาน กองกำลังปริศนาก็บุกเข้าไปยิงเกเบรียลอย่างรวดเร็ว แต่กระสุนเด้งออกจากร่างของเกเบรียลทุกนัด จากนั้นตัวของเขาก็วิ่งเข้าใส่พวกมัน จากนั้นก็ชักดาบออกมาแล้วฟันพวกมันขาดเป็นครึ่งท่อน

    “ฉับ!!”

    เกเบรียลฟาดฟันคนพวกนั้นไปเรื่อยๆ และไม่นานนัก ยูริซึ่งเป็นหัวหน้าทีมก็บุกเข้าไปจุดการกับเกเบรียล เขาชักปืน Luger ออกมาแล้วซัดใส่เกเบรียลในทันที แต่เกเบรียลก็แทบไม่เป็นอะไร จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปต่อยยูริในทันที แต่ยูริหลบแล้วเตะกลับไป แต่เมื่อเขาเตะเข้าไป เขาก็ต้องเด้งออกมาเพราะขาของเขาเจ็บมากราวกับไปเตะก้อนหินมา

    “โห ร่างกายนี่มัน...” ยูริพูดขึ้น จากนั้นเกเบรียลก็ต่อยยูริจนกระเด็นออกไป แต่ทหารของยุริก็ยังบุกเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งเกเบรียลก็เริ่มเปลี่ยนอาการไป เขาจับทหารคนหนึ่งมา จากนั้นก็กัดเข้าที่คอทหารคนนั้นอย่างรวดเร็ว

    “บ้าเอ้ย นี่มันกินคนด้วยเหรอ ยิงมันเลย!!” 

    ยูริตะโกนออกมา จากนั้นคนของยูริก็ใช้ปืนยิงใส่เกเบรียล ร่างของเกเบรียลถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็ว แต่เขาก็แทบไม่เป็นอะไรเลย เกเบรียลวิ่งเข้าไปฟาดฟันและกินเลือดของทหารพวกนั้นเรียงตัว จนยูริเริ่มจะทนไม่ไหว

    “เวรเอ้ย ถอนกำลังก่อน!!”

    ยูริสั่งหน่วยของเขาให้รีบถอนกำลังในทันที ทหารพวกนั้นรีบวิ่งหนีจากเกเบรียลที่กำลังคลั่ง และไม่นานพวกนั้นก็หนีไปจนหมด ส่วนเกเบรียลในตอนนั้นก็เดินออกมาในสภาพโทงเทงเพราะไฟได้เผาเสื้อของเขาจนหมด 

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเขตของกองถ่ายละคร ซึ่งพวกเขากำลังเตรียมฉาก รวมถึงชุดสำหรับการแสดง หญิงสาวคิฮาระที่เพิ่งจะฆ่าคนทั้งคืน เสื้อของเธอเปื้อนเลือดและไม่ได้ซัก ในตอนนั้นเธอเลยแอบไปขโมยชุดของกองถ่ายแถวนั้นอย่างรวดเร็ว เธอถอดเสื้อและกางเกงตัวเก่าที่เปื้อนเลือดออกมาแล้วใส่เสื้อตัวใหม่ไป แต่ในระหว่างที่กำลังใส่ จู่ๆ เด็กกองถ่ายที่เดินไปเดินมาแถวนั้นก็เห็นเข้า เลยตะโกนออกมาในทันที

    “ช่วยด้วย มีคนขโมยเสื้อ!!” 

    คิฮาระตกใจเลยรีบวิ่งออกไปในทันที ประกอบบริเวณนั้นมีตำรวจราว 5 คนกำลังเดินลาดตระเวนแถวนั้น เด็กกองถ่ายเลยเรียกตำรวจให้ตามคิฮาระไปอย่างรวดเร็ว ตำรวจพวกนั้นเห็นเสื้อเปื้อนเลือดที่คิฮาระทิ้งไว้ก็รีบตามเธอไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงวอบอกตำรวจคนอื่นๆด้วย

    “เราอาจจะเจอผู้ต้องสงสัยที่ฆ่าเด็กวัยรุ่นในย่านสลัมแล้ว!!”

    ตำรวจพวกนั้นรีบวิ่งไล่ตามคิฮาระอย่างรวดเร็ว คิฮาระวิ่งไปเรื่อยๆ จนเห็นแมวดำตัวหนึ่งกำลังเดินอยู่แถวนั้น เธอรีบวิ่งไปคว้าแมวตัวนั้นมา จากนั้นก็แทะกินมันสดๆ สภาพของเธอในตอนนี้ดูน่าสะอิดสะเอียน จากนั้นเธอก็ทิ้งซากของแมวตัวนั้นลงอย่างเวทนา จากนั้นไม่นานเธอก็กระโดดกำแพงหนีอย่างรวดเร็ว ตำรวจที่เห็นตอนนั้นก็ถึงกับตกใจ

    “เฮ้ย อะไรกันวะ??”

    คิฮาระกระโดดไปตามกำแพงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กระโดไปตามหลังคาบ้านคนแถวนั้นอย่างคล่องแคล่ว และเมื่อรู้สึกว่าหนีพ้นแล้ว ตัวของเธอก็กระโดดลงมาอย่างรวดเร็ว สภาพของเธอในตอนนี้แทบดูไม่ได้ เพราะเลือดได้เปื้อนเสือของเธออีกครั้ง จากนั้นไม่นานเธอก็เดินโซซัดโซเซหนีตำรวจต่อไป

     

    ณ ตึกสำนักงานแห่งหนึ่งในสีลม ชั้นหนึ่งของตึกซึ่งอยู่สูงขึ้นไป เซนในชุดฮู้ดกำลังยืนมองอะไรบางอย่างผ่านกระจกของตึกสำนักงาน และไม่นานนัก ตัวของเขาก็หยิบเอาปืนสไนเปอร์เก็บเสียงขึ้นมาในทันที จากนั้นก็เล็งไปที่ชั้น 21 ของตึก ซึ่งภาพที่เขาเห็นก็คือเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังนัวเนียอยู่กับหญิงสาวคนนหนึ่งด้านใน เขามองรูปเป้าหมายแล้วเอามาเทียบกัน ซึ่งมันคือคนเดียวกัน จากนั้นตัวของเขาก็เล็งปืนต่อ

    “ไอ้นี่คงได้พ่อมันมาไม่มีผิด??”
    เซนเล็งปืนและเตรียมเหนี่ยวไก และไม่นานนัก จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงหวอตำรวจเข้ามาจอดที่ด้านหน้าตึกของเป้าหมาย ทำเอาตัวของเซนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่นานเขาก็ลั่นไกใส่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว

    “ปิ้ว!!”

    เซนมองเห็นกระสุนทะลุแขนของเป้าหมายจนนอนแน่นิ่ง จากนั้นไม่นานเขาก็เก็บปืนอย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกัน เขาก็ได้ยินเสียงกุกกักอะไรบางอย่างมาทางด้านหลังของเขา แต่เขาก็เหลือบไปเห็นเงาที่แสงส่องมาพอดี ในตอนนั้นเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปในเงาอย่างรวดเร็ว และเสียงกุกกักที่ตามเขามา ก็คือตำรวจนั่นเอง

    “เฮ้ย ค้นให้ทั่ว!!”

    ตำรวจพวกนั้นพยายามค้นทั่วพื้นที่ แต่ก็ไม่พบอะไรเลยแม้แต่เงา ทำเอาตำรวจถึงกับต้องไปค้นที่ชั้นอื่นต่อ หลังจากที่ตำรวจไปจนหมด ตัวของเซนในตอนนั้นก็โผล่ออกมาจากเงาในทันที แต่ดูเหมือนว่าตัวของเขาจะบาดเจ็บภายในไปด้วย 

    “เวรเอ้ย ไอ้ตำรวจบ้า เสือกไม่รีบไป!!”

    เซนสบถออกมาจากนั้นก็รีบหนีออกจากตึกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ตำรวจพวกนั้นจะมาเจอกับเขาเข้า

     

    กลับมายังห้องแล็บของดันเต้ ในวันนั้นตัวของเขาก็พิมพ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับสั่งการอะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าคอมของเขา โดยที่ในตอนนั้นตัวของไอ้ลืมก็นั่งอยู่แถวๆนั้นไปด้วย ดันเต้พิมพ์ชุดคำสั่งอะไรบางอย่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีข้อความตอบกลับมาหาเขา

    “ด็อกเตอร์ เราช่วยผู้เกิดใหม่มาได้บางส่วนครับ!!”

    “อืม ดี ให้พวกเขาไปอยู่ที่แล็บของเราที่หนองจอก แล้วฉันจะตามไป” 

    เมื่อดันเต้ตอบกลับไป ตัวของเขาก็รีบไปที่คอมอีกตัวหนึ่ง จากนั้นก็พิมพ์ชุดคำสั่งอะไรบางอย่างลงบนคอมไป และไม่นานนัก จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงเตือนภัยมาจากด้านหน้าประตู ทำให้ดันเต้รู้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

    “นี่ นายลืม รีบไปเร็ว!!”

    แต่ยังไม่ทันที่ดันเต้จะพาเขาไป จู่ๆ หน่วยจู่โจมเร็วก็บุกเข้ามาด้านในแล็บอย่างรวดเร็ว ดันเต้ในตอนนั้นจึงชักปืนออกมาแล้วยิงสวนออกไปในทันที

    “ปัก!!”

    ปืนของดันเต้ยิงออกมาเป็นเกล็ดน้ำแข็งพุ่งเข้าปักใส่ร่างของทหารพวกนั้น จากนั้นตัวของเขาก็กดสัญญาณเตือนภัยอย่างรวดเร็ว และไม่นาน รูกิซึ่งเป็นผู้นำทีมก็บุกเข้ามาเพื่อตามล่าดันเต้ในทันที

    “ฆ่ามันให้หมด!!”

    ทหารของรูกิบุกเข้าไปหมายจะสังหารดันเต้ ในตอนนั้นลืมที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงวิ่งสับสนไปแถวนั้น แต่ในตอนนั้นทหารก็มาล้อมตัวเขาไว้ จากนั้นก็เล็งปืนใส่เขา

    “ฆ่ามันเลย!!”

    “เฮ้ย เราต้องฆ่ามันเหรอ??”

    “เอ้า นี่มึงลืมไปแล้วเหรอว่าเราต้อง เออ อะไรกับวันวะ??”

    “ว่าแต่ พวกมึงเป็นใครกันเนี่ย??”

    ทหารพวกนั้นถามกันเองราวกับว่าพวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าต้องทำอะไร ดันเต้ที่เห็นในตอนนั้นจึงพยายามจะวิ่งมาช่วยนายลืม แต่รูกิก็วิ่งเข้ามาแล้วใช้ปืนเลเซอร์ยิงใส่ดันเต้ แต่ดันเต้ก็เสกโล่น้ำแข็งออกมา ซึ่งมันสามารถกันลูกปืนของรูกิได้บ้าง

    “พลังน้ำแข็งอย่างงั้นเหรอ??” รูกิถามไป

    “ก็ใช่สิครับ” ดันเต้พูดขึ้นจากนั้นก็ยิงน้ำแข็งใส่ที่ปืนทั้งสองข้างของเธอ ทำให้ปืนของเธอยิงไม่ออก และไม่นานนัก ดันเต้ก็วิ่งไปกระชากเอานายลืมออกมาอย่างรวดเร็ว

    “อ่า เราจะไปไหนกันครับ??” นายลืมถามไป แต่ดันเต้ไม่ตอบได้แต่รีบพานายลืมหนี รูกิที่โดนพลังน้ำแข็งซัดใส่ปืนจึงใช้เลเซอร์ความร้อนสูงละลายน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว 

    “หวืบ!!” และเมื่อน้ำแข็งละลายหมด เธอก็ลุยต่อในทันที

    “ตามมันไปให้ได้!!” รูกิตะโกนออกมา แต่ไม่ทันไร จู่ๆก็มีเสียงเตือนดังมาจากลำโพงด้านในแล็บ

    “คำเตือน ที่นี่กำลังจะระเบิดใน 30 วินาที!!”

    “เวรแล้ว พวกเรา ถอนกำลัง!!” รูกิวอบอกทุกคนไป จากนั้นคนของเธอก็รีบหนีออกจากแล็บอย่างรวดเร็ว รูกิรีบวิ่งออกมา แต่มันก็ระเบิดจนได้

    “ตู้ม!!”

    ร่างของรูกิกระเด็นออกมา แต่ไม่นานเธอก็ลุกขึ้นมาได้ ส่วนดันเต้และนายลืม ตัวของเขาก็รีบไปขึ้นรถที่อยู่ลานจอดรถของแล็บ ดันเต้ให้นายลืมนั่งอยู่ด้านหลัง จากนั้นตัวของเขาก็รีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

     

    กลับมายังถ้ำของวิบัติ ในวันนั้นวิบัติได้นั่งสมาธิรวมถึงร่ายบริกรรมคาถาอะไรบางอย่างไปด้วย แต่ไม่นานนัก เขากืมตาขึ้นมา จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วพูดขึ้น

    “บัดนี้พวกมันคงกำลังรวมตัวกันแล้ว!!” วิบัติพูดขึ้น และในตอนนั้น ผีที่เขาเลี้ยงไว้ก็พูดกับเขาในทันที

    “แล้วท่านคิดจะทำอันใดต่อหล่ะจ๊ะ??”

    “ข้าจะคอยดูสงครามในครานี้ไปก่อน” วิบัติพูดขึ้น

    “แล้วท่านจักไม่ไปช่วยพวกเดียวกันหรือขอรับ??”

    “ข้าก็ส่งผีของข้าไปคอยสอดส่องและปั่นป่วนพวกหน้าโง่แล้วไง เจ้าอย่ากังวลไปเลย” วิบัติพูดขึ้น

    “แลหากพวกมันยกกำลังมาที่ถ้ำของเราเล่าขอรับ??”

    “ให้พวกมันมา ข้าจักฆ่าพวกมันเสียให้สิ้น!!” วิบัติพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง วิญญาณตนหนึ่งก็ล่องลอยเข้ามาในถ้ำของเขา แล้วมารายงานอะไรบางอย่างกับเขาอย่างรวดเร็ว

    “นายจ๊ะ มีผู้เกิดใหม่โดยจับและฆ่าไปเป็นร้อยในคืนเดียว ตอนนี้บางส่วนได้หนีกระจัดกระจายออกไปแล้ว ตอนนี้ในพระนครมีด่านของพวกเจ้าหน้าที่มากโขเลยขอรับ!!”

    “เฮ้อ ผู้เกิดใหม่มีเป็นหมื่น แต่จัดการได้เพียงเท่านี้งั้นหรือ??” วิบัติถามไป

    “เห็นจะเป็นเช่นนั้นขอรับ”

    “น่าสนุก ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าสงครามจักเป็นเยี่ยงไรต่อไป!!” วิบัติพูดอย่างสะใจ

     

    ณ คอนโดแห่งหนึ่งแถวทองหล่อ แท็กซี่คันหนึ่งได้พาตัวของไคเดินทางมาที่นี่ ไคเดินออกมาจากรถพร้อมกับจ่ายเงินให้แท็กซี่ไป จากนั้นไม่นาน เธอก็เดินเข้ามาที่หน้าคอนโด แล้วเดินต่อไปยังเคาน์เตอร์ จากนั้นก็คุยกับพนักงานในทันที

    “ห้องที่จองในชื่อคุณไคค่ะ”

    “สวัสดีค่ะ รอซักครู่นะคะ” พนักงานพูดขึ้น จากนั้นก็เอากุญแจห้องให้เธอในทันที

    “ชั้น 10 ห้อง 1011 นะคะ” 

    “ขอบคุณค่ะ” ไคพูดขึ้น แล้วในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ตำรวจประมาณ 3 คนก็เดินเข้ามาด้านในคอนโดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินเข้ามาที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อคุยกับพนักงาน

    “เธออยู่ที่นี่ใช่หรือเปล่าครับ??” ตำรวจถามในขณะที่เอาหมายจับให้พนักงานดู พนักงานก็พยักหน้าไป จากนั้นตำรวจก็เดินขึ้นไปที่ด้านบน ทำเอาไคถึงกับแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่นานนัก ตำรวจสามคนก็ลากตัวเอาหญิงสาวคนหนึ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงที่โดนตำรวจจับก็ตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว

    “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนะ!!”

    “เงียบก่อนเถอะครับ ไว้ไปถึงโรงพักค่อยว่ากัน” ตำรวจคนนั้นพยายามพูดปรามไป จากนั้นก็พาหญิงสาวคนนั้นออกไปด้านนอก

    “นี่มันอะไรกันคะเนี่ย??” ไคถามไป

    “ก็แค่ตำรวจจับขโมยหล่ะมั้งคะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” พนักงานโรงแรมตอบไป ไคไม่ถามต่อแล้วเดินขึ้นไปห้องของเธออย่างรวดเร็ว

     

    ณ ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งในย่านทองหล่อ ร้านอาหารขนาดกลางแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า “ครัวอัญชัน” ซึ่งเจ้าของร้านก็คืออัญชันนั่นเอง ตัวของเธอมาเปิดร้านแต่เช้าเพื่อรอรับลูกค้า แต่ด้านในร้านก็มีลูกมือบางส่วนคอยช่วยเธออยู่แล้ว เมื่ออัญชันเดินเข้าไปในร้าน พนักงานร้านก็ทักทายเธอในทันที

    “คุณอัญชันคะ!!”

    “อ้อ ตามสบายจ้ะ” อัญชันตอบกลับไป

    “คุณอัญชันคะ คุณเสี่ยวหลงมารอคุณที่โต๊ะด้านในแล้วค่ะ” พนักงานร้านคนหนึ่งพูดขึ้น อัญชันรีบเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว แล้วเธอก็พบกับเสี่ยวหลงซึ่งกำลังนั่งรออยู่ อัญชันเลยเดินเข้าไปคุยกับเขาอย่างรวดเร็ว

    “ไงนายหลง มาแต่เช้าเลยนะ กินอะไรหรือเปล่า??” อัญชันถามไป

    “อ้อ อยากทำอะไรก็ทำมาเลย” เสี่ยวหลงพูดขึ้น จากนั้นอัญชันก็เดินเข้าไปหลังครัวอย่างรวดเร็ว ไม่นานเธอก็ใช้วัตถุดิบที่มีปรุงอาหารให้เสี่ยวหลงได้ทาน อัญชันใช้เวลาในการหยิบโน่นหยิบนี่มาปรุงไม่นาน เธอก็เอาอาหารจานหนึ่งมาให้กับเสี่ยวหลง ซึ่งมันก็คือข้าวต้มหมูซึ่งจัดเรียงมาอย่างสวยงาม แต่ในตอนนั้นเสี่ยวหลงก็หยิบช้อนขึ้นมาแล้วเขี่ยคนข้าวต้มในถ้วยอย่างจริงจัง ราวกับว่าเขากำลังหาอะไรบางอย่างในถ้วย

    “นี่ ไม่มีหรอก ฉันไม่ได้แกล้งนายนะวันนี้!!”

    “เฮ้อ ค่อยโล่งใจหน่อย” เสี่ยวหลงพูดขึ้น จากนั้นก็ตักข้าวต้มใส่ปากอย่างรวดเร็ว 

    “ถ้าฉันจะแกล้งนาย ฉันรอให้อากิระมาอยู่ด้วยดีกว่า” อัญชันพูดขึ้น ทำเอาเสี่ยวหลงถึงกับหยุดกิน แล้วก็พูดขึ้นในทันที

    “เธอรู้หรือเปล่า ฉันพยายามให้คนที่รู้จักตามหาเขาทั้งคืน และเมื่อกี้ ไอเป๊กมันโทรหาฉันเมื่อเช้า” เสี่ยวหลงพูดอย่างเจ็บแค้น

    “เพื่อนไอ้ธันวาหน่ะเหรอ ไอ้บ้านั่นยังไม่ตายอีกเหรอ แล้วมันมาบอกอะไรกับนาย??” อัญชันถามไป

    “มันโทรมาบอกว่า ไอ้คนที่มันอยู่เบื้องหลังการวางแผนฆ่าอากิระ ตอนนี้มันโดนยิง นอนอยู่โรงพยาบาลหน่ะ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น ทำเอาอัญชันถึงกับแปลกใจ

    “จริงเหรอ ถ้าเป็นอย่างงั้นจริงๆ ก็สมควรแล้วหล่ะ ไอ้ชั่วพรรค์นั้น” อัญชันพูดขึ้น

    “เออ เพื่อนของพ่อเลี้ยงมาบอกฉัน เขาบอกตอนนี้คนของรัฐกำลังระดมกำลังทำอะไรบางอย่าง พวกตำรวจทำงานกันทั้งคืนไม่หลับไม่นอน ตำรวจบางคนก็ตายไปด้วย” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “นายคิดว่า มันเกี่ยวกับอากิระงั้นเหรอ??” อัญชันถามกลับไป

    “ฉันคิดว่ามันต้องเกี่ยว ฉันต้องสืบให้รู้ให้ได้” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้นฉันก็จะช่วยนายอีกแรงก็แล้วกัน” อัญชันบอกกับเสี่ยวหลงไป แล้วก็มองเพื่อนของเธอนั่งตักข้าวต้มเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเขตหนองจอก ตัวของนาวินถูกชายปริศนาสองคนพาขึ้นรถแล้วขับไปที่ไหนซักแห่ง โดยที่ตัวของนาวินแทบไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น แต่ตัวของเขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากถามชายสองคนนั้นไป

    “เฮ้ย พวกนายสองคนจะพาฉันไปไหน??”

    “มากับเราเถอะครับ แล้วคุณจะรู้เอง” ชายคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ตัวของนาวินสังเกตว่ารถคันนี้ไม่ได้มีป้ายทะเบียน และผู้ชายสองคนนี้มีท่าทางแปลกๆ และไม่นานนัก รถคันนั้นก็มาจอดที่หน้าตึกแห่งหนึ่ง ซึ่งดูภายนอกเป็นตึกร้างซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเขตชายป่าละแวกนั้น รถได้ขับเข้าไปด้านในเพื่อไปจอดรถที่ลาน จากนั้นชายสองคนก็ลงจากรถ แล้วลงจากรถมาเปิดประตูให้นาวินในทันที

    “เชิญครับ!!”

    ตัวของนาวินลงจากรถอย่างงุนงง แต่เขาก็ลงจากรถมา จากนั้นชายสองคนก็พาตัวของนาวินเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ชายสองคนนั้นกดลิฟต์เพื่อเรียกลิฟต์มา และเมื่อพวกเขาทุกคนขึ้นลิฟต์และออกจากลิฟต์มา ชายสองคนก็พานาวินเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ซึ่งเมื่อชายสองคนเปิดประตูออกมา เขาก็พบกับชายวัยกลางคนในชุดสูทกำลังยืนรอเขาอยู่พอดี

    “สวัสดีครับคุณวิน ผู้มีพลังความเป็นอมตะ!!” 

    “นี่คุณ คุณรู้ได้ยังไง คุณก็เป็นแบบผมเหรอ??” นาวินถามอย่างตกใจ

    “ผมศึกษาเรื่องของพวกคุณตั้งแต่มาที่เมืองไทย แล้วผมก็ยังค้นพบข้อมูลอีกเยอะเลยครับ” 

    “งั้นเหรอ ว่าแต่คุณเป็นใคร ถึงได้รู้เยอะขนาดนี้ครับ??” นาวินถามไป

    “ผมชื่อดันเต้ ยังไงก็ขอเชิญเข้ามาคุยกันก่อนก็ได้นะครับ” ดันเต้พูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้น ตัวของดันเต้ก็หยิบเอาเข็มกลัดอะไรบางอย่างมาติดให้กับนาวินอย่างรวดเร็ว นาวินแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เดินตามดันเต้เข้าไปด้านในด้วยอย่างรวดเร็ว

    =====================================================================

    ดันเต้จะพานาวินไปพบกับอะไร อย่าลืมติดตามขมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×