คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2 : นัดเจอที่ต้นแอปเปิ้ล
นนท์นอนหลับบนเครื่องบินญี่ปุ่นอย่างสบายใจ
แล้วก็ใกล้เวลาที่จะถึงอเมริกาแล้ว แต่ในคืนนั้น นนท์ได้ฝันเห็นอะไรบางอย่าง
ทำเอานนท์ตกใจมาก
เขาเห็นกองเรือของญี่ปุ่นโดนเครื่องบินของสหรัฐอเมริกาทำลายบนเกาะมิดเวย์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐบินโฉบโจมตีพวกนั้น จนกองเรือญี่ปุ่นเสียหายจนหมด ทั้งๆที่เขาเรียนมามันไม่ใช่แบบนี้
กองทัพญี่ปุ่นยึดมิดเวย์ได้ในไม่กี่วันนี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย
“เราชนะพวกมันแล้ว นนท์”
เสียงนั้นมันทำให้เขาตกใจ
เขาแปลกใจมากที่ชายคนนั้นรู้จักชื่อนนท์ได้ยังไง จากนั้นไม่นาน เขาก็ตื่นขึ้นมาโดยที่ซานะปลุกเขา
“นนท์ นนท์คุง ตื่นได้แล้ว เราถึงแล้วนะ” ซานะปลุกนนท์แล้วปลดเข็มขัดให้นนท์
“นี่เราถึงแล้วเหรอ” นนท์พูดในขณะที่ยังมึนงง
“ใช่ๆ รถเมล์มหาลัยรอเราอยู่นะ รีบไปกันดีกว่า”
ซานะพานนท์ไปขึ้นรถบัสของมหาวิทยาลัยที่มารอรับพวกเขา
นนท์และซานะขึ้นรถจากนั้นรถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปในทันที
ณ
ชุมชนแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย
หญิงสาวในชุดเซอร์ซึ่งเธอแต่งตัวเหมือนคนที่แต่งตัวไม่เป็น
เธอเดินฝ่ากลุ่มตำรวจญี่ปุ่นแล้วเข้าไปในบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง
ซึ่งในนั้นเองมีหญิงแก่วัยไม้ใกล้ฝั่งและวัยรุ่นอีกสองสามคนกำลังยืนรอเธออยู่
“มาสายประจำเลยนะรีด” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดกับเธอ
“อะไรกันเนี่ยดันเต้ ก็โทรมาปลุกกันแต่เช้า
นายก็รู้นี่ฉันไม่ค่อยชอบตื่นเช้า” หญิงสาวคนนั้นพูดอย่างอารมณ์เสีย
“โธ่แม่คุณ คือฉันจะบอกว่า คุณย่าออลเรียสมีเรื่องจะบอกพวกเรา” ดันเต้พูดกับเธอ
“เออนี่ แล้วอลาวดี้ยังไม่มาอีกเหรอ” ลินน์รีดถามดันเต้
“หมอนั่นไปช่วยไมเคิลที่เพิ่งโดนจับหน่ะ
แล้วไปหาข่าวให้เราด้วย” ชายอีกคนที่ไม่ใช่ดันเต้พูดกับเธอ
“เขามาแล้ว ชายผู้มากับโรคร้าย ที่จะกำจัดมาร
เขามาที่นี่แล้ว พวกเธอต้องไปเจอกับเขา พาเขามาหาฉัน” หญิงแก่คนนั้นพูดขึ้น ท่ามกลางความสงสัยของทุกคน
“ห่ะ นี่คุณจะบอกว่าคนในจินตนาการของคุณมาแล้วเหรอ” ดันเต้พูดขึ้น
“ฉันว่า เราอย่าไปเพิ่งวิธีแบบนี้เลย
เราสู้กันเองก็ได้” ลินน์รีดพูดขึ้น
“แบบที่ทำมาตลอด 10 ปีงั้นเหรอ ที่แต่ละรุ่นมาไม่เคยสำเร็จเลยเนี่ยนะ”
“นี่นายหาเรื่องฉันเหรอโจอี้” ทั้งคู่เกือบจะวางมวย แต่ดันเต้ก็มาห้ามไว้ก่อน
“ตามหาเขา แล้วเราจะกำจัดภัยพาลได้” ออลเรียสพูดอีกครั้งหนึ่ง
จนลินน์รีดถึงกับพูดขึ้น
“ถ้างั้นฉันจะลองหาเขาเองก็แล้วกัน” ลินน์รีดเดินออกจากบ้านอย่างหัวเสีย
ในขณะที่คนอื่นๆก็มองหลังเธออย่างต้อยๆ
ณ
ศูนย์บัญชาการเคมเปนไต แคลิฟอร์เนีย เขตปกครองญี่ปุ่น
ชายคนหนึ่งกำลังนั่งตรวจเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะ และทันใดนั้นเอง
ชายอีกคนหนึ่งมีเหรียญตราดูโอ่อ่าก็เดินเข้ามาในห้อง
ชายหนุ่มคนนั้นยืนทำความเคารพในทันที
“ท่านซาคาโมโตะครับ”
“นั่งลงเถอะผู้กอง วันนี้ดูท่างานจะหนักนะเนี่ย”
“ใช่ครับ
วันนี้ผมต้องเขียนรายงานและเขียนหมายจับพวกกบฏแต่เช้าเลย แล้วผมได้ยินว่า ไวเวิร์น
คริส มาป่วนเปี้ยนแถวเขตเราด้วยครับ”
“เฮ้อ คนที่พวกเกสตาโปทำอะไรไม่ได้งั้นเหรอ
กระจอกชะมัด”
“แล้วเราจะเอายังไงกับเขาดีครับ”
“ก็ส่งหมายจับออกไป เราต้องทำให้พวกเยอรมันขายหน้าให้ได้” และในขณะเดียวกัน ชายคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในห้อง
เพื่อมารายงานสถานการณ์อะไรบางอย่างกับซาคาโมโตะ
“ท่านครับ แย่แล้วครับ รถขนนักโทษทุกปล้นชิงตัวนักโทษครับ”
“งั้นเหรอ รีบส่งคนออกตามล่ามันสิ”
และในขณะเดียวกัน ลูกน้องของเขากลับเข้ามาในห้อง โดยที่พาชายคนหนึ่งเข้ามาในห้องด้วย
“ท่านครับ เราพาเจ้าหน้าที่ใหม่มาแล้วครับ” ชายคนหนึ่งใส่ชุดฮู้ดสีดำเดินเข้ามาในห้องทันทีด้วยสีหน้าที่ใจเย็น
“ผม อาศิรา มารายงานตัวจากไทยครับ”
“ขอต้อนรับสู่แคลิฟอร์เนียนะ เดินทางเป็นยังไงบ้างหล่ะ”
“ก็ดีครับ” อาศิราตอบไป
“เอาหล่ะ ตอนนี้เรายังไม่พร้อมจะให้ข้อมูล คุณไปพักก่อนดีกว่า พรุ่งนี้คุณได้ทำงานแน่ๆ”
ณ ถนน clovis แคลิฟอร์เนีย ชายหนุ่มหน้าหวานคนหนึ่งกำลังขับรถพาชายในชุดนักโทษสีส้มออกจากตัวเมือง
โดยที่ชายในชุดนักโทษกำลังเปลี่ยนชุดของเขาไปด้วย
“นี่ ไมเคิล
ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาเล่นงานพวกยุ่นนั่นคนเดียว”
“นี่ อลาวดี้ มันเป็นงานของฉันนะเฟ้ย”
“เออ เลยทำเอาทุกคนต้องเดือดร้อนเพราะนายเนี่ย”
“ขอโทษๆ ว่าแต่ นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย”
“พาไปขึ้นรถเมล์ ไปส่งที่เขตเป็นกลาง
ฉันฝากนายไปกับคนขับที่ไว้ใจได้หน่ะ”
“แน่ใจนะว่าพวกเคมเปนไตจะไม่เจอฉัน”
“แน่นอน เอาหัวเป็นประกันได้เลย
แต่ตอนนี้นายเปลี่ยนเสื้อก่อนดีกว่า”
อลาวดี้ขับรถไปเรื่อยๆ
ในขณะที่ไมเคิลก็ใส่เสื้อตัวใหม่ จนกระทั่งพวกเขาก็มาถึงสถานีรถขนส่ง
พวกเขาจอดรถแล้วส่งไมเคิลขึ้นรถในทันที
“เดินทางปลอดภัยหล่ะพวก”
“แน่นอน ฝากความคิดถึงถึงพวกเราทุกคนด้วยหล่ะ”
รถเมล์คันนั้นออกจากสถานีอย่างรวดเร็ว
ส่วนอลาวดี้ก็รีบขับรถกลับมายังแคลิฟอร์เนียต่อ
ณ รัฐมิชิแกน
เขตปกครองนาซี ซึ่งในตอนนั้นแทบจะร้างผู้คน ไม่มีใครออกจากบ้านเลย
เพราะอะไรหน่ะเหรอ
เพราะพวกนาซีกำลังตามล่าหาคนที่พวกเขาต้องการตัวมากที่สุดคนหนึ่ง
พวกเขาระดมกำลังทั้งหน่วย SS
เกสตาโป และหน่วย Panzer ปิดเมืองตามหาเขาในทันที
“เฮ้ย นายเคยเห็นหน้าหมอนั่นหรือเปล่า ไวเวิร์นหน่ะ” ทหาร SS คนหนึ่งพูดขึ้น
“ไม่รู้สิ ได้ยินว่าไอ้หมอนี่มันฉลาดมาก
มันฆ่าพวกเราไม่มีเว้นเลย”
ยังไม่ทันจะพูดจบ
จู่ๆก็มีเสียงปืนดังมาจากทุกด้าน พวกนาซีรีบหลบหลังรถหุ้มเกราะ
แต่รถหุ้มเกราะก็โดน Bazooka
เล่นงานจนย่อยยับ
พวกเขารีบยิงไปยังตึกและหน้าต่างทุกที่ที่คิดว่าพวกมันยิงมา
“เฮ้ย ใช่มันหรือเปล่าวะ”
“ฉันว่าตัวจริงเสียงจริงเลยหล่ะ”
พวกเขากระจายกำลังออกค้นไปทั่วเมือง
แต่เมื่อเข้าไปที่บ้านหลังไหน พวกเขาก็โดนยิงตายจนเหี้ยน พวก SS ที่เหลือพยายามขอกำลังเสริม
แต่พวกนั้นเข้าประชิดจู่โจมพวกนาซีอย่างรวดเร็ว และไม่มียั้งมือ
“พวกเราถอยก่อน”
พวกนาซีรีบถอนกำลังออกจากตัวเมือง
แต่จู่ๆชายคนหนึ่งพร้อมกับพรรคพวกอีกนับสิบก็ปิดทางออกใส่พวกเขา
จากนั้นพวกเขาก็โจมตีพวกนาซีที่เหลือ เขายิงนาซีทุกคนที่ขวางหน้า
จนกระทั่งพวกมันตายกันเกือบหมด บางส่วนก็ยอมแพ้เนื่องจากกระสุนหมดด้วย
“เฮ้ย พวกแกคิดว่าชนะงั้นเหรอ
พวกเรายังมีอีกเป็นล้าน”
“จะมาเป็นล้านฉันก็ไม่สน
ฉันฆ่ามันได้หมดทั้งล้านคนนั้นแหละ แล้วอีกอย่าง ฉันนี่แหละ ไวเวิร์น คริส
ที่พวกแกกำลังตามล่ายังไงหล่ะ” ชายหนุ่มคนนั้นถือปืนพกพูดกับนายทหารเยอรมัน
“เฮ้อ ดูปวกเปียกกว่าที่คิดนะเนี่ย”
“ก็คงงั้นหล่ะวะ” คริสยิงนายทหารนาซีคนนั้นตายคาที่
“เอาหล่ะทุกคน รีบเอาอาวุธกับกระสุนไปให้หมด” คริสบอกลูกน้องของพวกเขา
จากนั้นพวกเขาก็หยิบอาวุธของพวกนาซีทั้งหมดไปแล้วถอยกลับออกจากตัวเมือง และอีกด้านหนึ่งของเมือง ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังมองพวกนาซีจากกล้องส่องทางไกล
แล้วก็มองคนของไวเวิร์นกำลังลำเลียงอาวุธบางส่วนของพวกนาซีไปด้วย
“ดูท่าไวเวิร์นกำลังสนุกกับปาร์ตี้ของเขานะ” ชายคนนั้นพูดอย่างใจเย็น
“แล้วนี่ โบซอล นายจะไม่ไปสนุกหน่อยเหรอ” โบซอล หนึ่งในสมาชิกกลุ่มกบฏกู้ชาติอเมริกาหันหน้ามาหา
“ใจเย็น วันนี้ยังไม่ถึงเวลาของฉัน”
“แล้วจะให้หมอนั่นเอาความดีความชอบไปเหรอ”
“คนอย่างฉันไม่สนเรื่องนั้นหรอก
ฉันสนแค่ว่าจะเอาพวกมันไปลงนรกได้มากแค่ไหน นายพลสติฟท์คงฆ่าล้างเมืองแน่
รีบกลับไปดีกว่าหว่ะ”
“เห็นด้วยนะ ไปกันเถอะ”
เขากับลูกน้องของเขารีบลงจากต้นไม้
จากนั้นก็ขี่มอไซค์ออกไปจากที่เกิดเหตุในทันที
ณ
ศูนย์บัญชาการหน่วย SS ชายคนหนึ่งได้รับรายงานจากมิชิแกน
เขาถึงกับโกรธเลือดขึ้นหน้า เขาทุบโต๊ะดังปัง แล้วพูดกับลูกน้องของเขาทันที
“อะไรกันวะ คนๆเดียวพวกแกจัดการไม่ได้
ฉันส่งพวกแกไปเป็นกองพันเลยนะเว้ย”
“ท่านนายพลสติฟท์ครับ
ไวเวิร์นมันไม่ใช่โจรกระจอกนะครับท่าน”
“ฉันไม่สน รีบจัดการกับมิชิแกนให้ได้
ไม่งั้นเราอาจเสียอำนาจการปกครองในเขตนี้ไปด้วย พรุ่งนี้แองเจลล่ากำลังจะมาที่นี่
ให้เธอมารายงานตัวที่ฉันด่วน”
“ได้ครับท่าน”
ณ
เขตปกครองพิเศษรัสเซีย เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งซึ่งแบกกระเป๋าใบใหญ่ใบหนึ่งเดินเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งใจกลางป่าเขตหนาวของพื้นที่
โดยที่มีชายอีกสองสามคนก็กำลังรอเขาอยู่อย่างตั้งใจ เมื่อเขาเข้ามาในบ้าน
ชายวัยกลางคนนายหนึ่งก็คุยกับเขาในทันที
“คุณเรซนอร์ฟครับ ผมมาแล้วครับ”
“เอลซาร์วินด์ กลับมาแล้วเหรอ ข่าวเป็นยังไงบ้าง”
“ครับ ฮิตเลอร์จะมาเยี่ยมประชาชนที่เบลารุสครับ”
“ดีมาก เอลซาร์
ฉันอยากให้นายค้นหาเส้นทางที่ฮิตเลอร์จะใช้ แล้วเขียนลงแผนที่ด่วนเลย” เรซนอร์ฟพูดกับเขา
“ครับผม ผมจะจัดการเองครับ”
“หวังว่างานนี้จะไม่พลาดเหมือนงานก่อนนะครับ
เพราะถ้าพลาด ฮิตเลอร์อาจจะไม่มายุโรปตะวันออกอีกก็ได้” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“แน่นอนดาโกวิช งานนี้ฉันจะไม่พลาดเด็ดขาดเลย” เรซนอร์ฟพูดขึ้น
“เรามีโอกาสครั้งเดียว กระสุนนัดเดียว
แค่นั้นนะครับ พวก SS มีกันเป็นร้อยคอยคุ้มกันฮิตเลอร์อยู่หน่ะครับ” เอลซาร์วินด์พูดขึ้น
“ฉันขอแค่นัดเดียวก็พอ
งานนี้ฉันยอมถวายหัวเพื่อรัสเซียของเรา” เรซนอร์ฟพูดขึ้นจากนั้นก็ดื่มวอดก้าไปหนึ่งอึก
ณ ในทะเลที่ไหนซักแห่งในเขตน่านน้ำสากล
กองเรือลำหนึ่งกำลังฝ่าคลื่นลมที่พัดกระหน่ำ ท่ามกลางบรรยากาศที่พวกเขาไม่ไว้วางใจเท่าไหร่นัก
และบนเรือลำใหญ่ลำหนึ่ง ซึ่งชายคนหนึ่งกำลังนั่งดูแผนที่การเดินเรืออยู่บนโต๊ะ
พวกเขาต้องเดินเรืออย่างระวัง เพราะการเดินเรือครั้งนี้ของพวกเขามันสุ่มเสี่ยงมาก
ในขณะเดียวกัน
ชายคนหนึ่งในชุดธรรมดาเดินเข้ามาในห้องที่กัปตันของเขาอยู่
“คุณมิคาอิลครับ
เราใกล้จะเข้าเขตรัสเซียแล้วครับ”
“อืม หวังว่าเราจะหลบเรืออูของพวกมันพ้นนะ” เขาพูดอย่างใจเย็น
“ว่าแต่ ส่งของล็อตนี้แล้ว
มันจะช่วยเราได้จริงๆเหรอครับ” ชายคนนั้นถามต่อ
“ก็ไม่ชัวร์หรอก แต่มันก็ต้องลองหล่ะนะ” มิคาอิลตอบลูกน้องของเขาไป
“ครับ ท่านนายพล” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น
“ผมไม่ใช่นายพลอะไรหรอก
ผมมันก็แค่ไอ้แก่ค้าของเถื่อนคนนึง ให้เกียรติเกินไปแล้วหล่ะ”
“ผมหวังว่าวันหนึ่งท่านจะได้เปิดเผยตัวตนนะครับ” ชายคนนั้นเดินออกจากห้องไป
ส่วนมิคาอิลยังคงนั่งอ่านแผนที่ของเขาไป
ณ
ประเทศหนึ่งในตะวันออกกลาง เขตกันชนระหว่างนาซีเยอรมันและจักรวรรดิญี่ปุ่น หญิงสาวคนหนึ่งในฮีญาบจูงอูฐเดินผ่านทะเลทรายอันร้อนแรง
เธอเดินไปยังโอเอซิสแห่งหนึ่ง จากนั้นเธอก็เดินไปยังเกาะกลางน้ำ เมื่อเธอกดปุ่ม
ลิฟท์นั้นก็พาเธอลงไปยังชั้นล่าง ซึ่งด้านล่างของโอเอซิสเป็นที่อยู่ลับแห่งหนึ่ง
ซึ่งมียามติดอาวุธเดินไปมา แล้วก็พร้อมที่จะกำจัดทุกคนที่ก้าวล่วงล้ำอาณาเขต
หญิงสาวคนนั้นปล่อยอูฐไว้ในคอกแถวนั้น
จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปในถ้ำเพื่อเจอใครบางคน
“ฉันมาเจอคุณออร์ลินด้า ให้ฉันเข้าไปหน่อย”
ยามที่อยู่ด้านในเปิดประตูให้เธอ
เธอเดินเข้าไปในห้องอย่างใจเย็น เมื่อเธอไปถึงหน้าประตู เธอเคาะประตูก่อนที่จะเดินเข้าไป
หลังจากที่เธอเข้ามาในห้อง เธอก็พบกับหญิงสาวที่ชื่อออร์ลินด้ากำลังนอนแช่น้ำอยู่ในห้อง
“มีอะไรว่ามาเลยจ้ะ บาโธรี่” ออร์ลินด้าพูดกับเธอ
“มีข่าวจากเบอร์ลิน
ว่าฮิตเลอร์กำลังจะไปเยือนเขตรัสเซียหน่ะค่ะ”
“อืม ป่านนี้พวกมือสังหารคงตามไปเก็บเขาหล่ะ”
“เราจะทำยังไงต่อหล่ะคะ”
“ส่งสายข่าวไปตรวจสอบดู ว่าฮิตเลอร์ตายหรือเปล่า”
“ได้ค่ะ เราจะติดต่อคนของเราในรัสเซียให้”
จากนั้นออร์ลินด้าก็ยื่นแก้วไวน์ให้บาโธรี่
บาโธรี่หยิบขวดไวน์แล้วรินไวน์ให้กับออร์ลินด้า
และกลับมายังแคลิฟอร์เนีย
ณ บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง บริษัทแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า อาคะสึกิ
คอปเปอเรชั่น บริษัทนี้เป็นบริษัทเล็กๆแต่ตั้งมาเพื่ออำพรางการมีอยู่ของมัน บริษัทนี้มีพนักงานไม่มาก
แต่ก็มีแต่คนหัวกะทิเข้ามาทำงาน และในวันหนึ่ง
หญิงสาวในชุดทำงานถือเอกสารกำลังจะเข้าไปยังห้องของหัวหน้าของเธอ
เธอเคาะประตูจากนั้นก็เดินเข้าไปในห้อง
เธอก็พบกับหัวหน้าของเธอในชุดสูทกำลังนั่งมองไพ่อะไรบางอย่างบนโต๊ะ
“คุณอาคะสึกิคะ
มีเอกสารให้คุณเซ็นรับทราบค่ะ” อาคะสึกิได้ยินจึงพูดขึ้น
“วางไว้ตรงนั้น เดี๋ยวฉันไปจัดการเอง”
เลขาของเธอวางไว้แล้วเดินออกไป
ปล่อยให้เธอจัดการไพ่ที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นเธอก็ค่อยๆเปิดมาทีละใบ
“ว้าว มันเป็นแบบนี้จริงเหรอ”
เธอทำท่าตกตะลึงกับไพ่พวกนั้น
และเมื่อเธอเปิดไพ่ใบสุดท้าย นั่นทำให้เธอถึงกับตกตะลึง
“เขามาที่นี่แล้วอย่างงั้นเหรอ
ต้องรีบหาตัวเขาแล้วหล่ะ”
ณ อ่าวเพิร์ล
ฮาร์เบอร์ ฮาวาย เขตปกครองญี่ปุ่น กองเรือญี่ปุ่นกองหนึ่งกำลังจะแล่นเข้าสู่เพิร์ล
ฮาร์เบอร์เพื่อไปซ่อมบำรุงและเติมน้ำมัน
ในตอนนั้นเองหญิงสาวคนหนึ่งในชุดนายทหารเรือกำลังมองฮาวายจากกราบเรือของเธอเอง และมีทหารเรือคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาเธอ
“คุณนาโอมิครับ เราใกล้จะเทียบท่าแล้วครับ” นาโอมิหันมาพูดกับเขา
“ดี ถ้างั้นก็เตรียมพร้อมก็แล้วกัน”
“ครับผม ผมเห็นคุณมองฮาวายอยู่ตั้งนานแล้วหน่ะครับ”
“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่คิดถึงมันหน่ะ
ฉันเคยมาที่นี่”
“ครับผม แล้วภารกิจของเรามีอะไรบ้างครับ”
“ตอนนี้มีข่าวว่าเม็กซิโกกำลังวุ่นวายหนัก
พวกเขาให้เราไปตรวจสอบหน่ะ ออกจากเกาหลีมาตั้งสิบกว่าวันแล้ว มาถึงที่นี่ซะทีนะ” เธอพูดขึ้น
“นั่นสิครับ ผมก็อยากมาฮาวายตั้งนานแล้ว”
“อืม ได้ยินว่าทะเลที่นี่สวยมาก
ยังไงก็เที่ยวให้สนุกก็แล้วกัน แล้วก็เตรียมเทียบท่าด้วยหล่ะ”
นาโอมิสั่งให้ทหารของเธอเอาเรือเทียบท่า
เพื่อที่จะให้กองเรือของเธอเทียบท่า
ทหารของเธอดูตื่นเต้นมากสำหรับการมาฮาวายในครั้งนี้
ณ
ศูนย์วิจัยคอมพิวเตอร์ ZEUS
สาขาสวิสเซอร์แลนด์ เขตปกครองจักรวรรดินาซี
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังร่วมวิจัยคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ชนิดใหม่
และรองรับการเชื่อมต่อกันทั่วโลก ที่นักวิทยาศาสตร์นาซีเป็นคนคิดค้น
งานนี้มีการร่วมวิจัยกับนักวิทยาศาสตร์จากหลายประเทศ หนึ่งในนั้นมีญี่ปุ่น และในห้องประชุมห้องหนึ่ง
หญิงสาวคนหนึ่งในชุดสูท มีเข็มกลัดนาซีติดไว้หน้าอกซ้าย เธอเดินเข้ามาในห้องทันทีหลังจากที่องค์ประชุมเข้ามากันครบทุกคนแล้ว
“สวัสดีค่ะ ดิฉันขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ดิฉันชื่อมาเรียน่า
ลา เฟรย์อา วันนี้จะมาเสนอแผนการเกี่ยวกับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ตัวใหม่และคอมพิวเตอร์ประจำสำนักงานค่ะ”
“สวัสดีครับ วันนี้คุณมีอะไรมาแนะนำผมหล่ะ” ชายคนหนึ่งที่นั่งหัวโต๊ะพูดขึ้น
“ค่ะ นี่คือเทคโนโลยีขั้นสูงที่เราคาดการณ์ได้
ถ้าหากเราทำสำเร็จ
จะเป็นการสร้างโครงข่ายคอมพิวเตอร์แห่งแรกที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
และยังเป็นการพัฒนาคอมพิวเตอร์สำนักงานได้ค่ะ”
มาเรียน่าโชว์แผนผังในการสร้างซุปเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่
โดยที่ทุกคนในห้องต่างก็สนใจกับโครงการตัวนี้มาก เมื่อเธอพูดจบ
ทุกคนในห้องก็ปรบมือให้เธอในทันที เธอยกมือทำความเคารพแบบนาซีให้กับทุกคน
“แด่ท่านผู้นำของเราค่ะ” จากนั้นเธอก็ได้รับเสียงปรบมืออย่างเนื่องแน่น
ณ
รัฐแคลิฟอร์เนีย มหาวิทยาลัยที่นนท์มาเรียน
เป็นมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับเป็นอันดับต้นๆของโลก
มีนักเรียนหัวกะทิจากทั่วโลกมาเรียนที่นี่ เมื่อรถบัสของนนท์เข้ามายังมหาวิทยาลัย
รถบัสคันนั้นก็จอดอยู่ที่ลานกว้าง นนท์และนักเรียนคนอื่นๆลงจากรถ
พวกเขาก็ตกตะลึงไปกับความยิ่งใหญ่ของมหาวิทยาลัยแห่งนั้น
“ดูสินนท์คุง ที่นี่สวยมากเลยนะ”
“นั่นสิ เรารีบไปลงทะเบียนกันดีกว่านะ”
“ดูตรงนั้นสิ เขาขายอะไรด้วยหล่ะ” ซานะรีบไปดูซุ้มขายของของเด็กมหาลัยที่มาขายงานฝีมือของพวกเขา
มีทั้งของกิน ของใช้ และของแปลกๆมากมายที่พวกเขาพอจะหาได้
และในงานไม่ได้มีแค่นักศึกษา กลุ่มกบฏในคราบนักศึกษาก็มีเหมือนกัน
ลินน์รีดที่เข้ามาในมหาลัยเพื่อมาหาข่าวใหม่ของเธอจากสายข่าวคนหนึ่งก็ยืนรออยู่ที่ซุ้มขายของซุ้มหนึ่ง
ลินน์รีดเห็นดังนั้นจึงเดินไปยังซุ้มนั้นในทันที
สายข่าวคนนั้นรีบยื่นห่อกระดาษเล็กๆห่อหนึ่งให้กับเธอในทันที
“นี่คงจะเป็นข่าวสุดท้ายของผม
พวกมันรู้ตัวแล้วว่าผมเป็นสาย ผมต้องไปอยู่ที่เขตปกครองตัวเองด่วนเลย”
“ได้สิ เดี๋ยวฉันจะรีบติดต่อคนอื่นๆให้
ตอนนี้นายรีบไปเถอะ”
และไม่ทันที่พวกเขาจะพูดจบ
หน่วยเคมเปนไตนับสิบคนก็วิ่งเข้ามาในมหาลัยอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
พวกเขารีบมายังซุ้มขายของและค้นหาทุกอย่างที่น่าสงสัยว่าจะเป็นข้อมูลลับ
ลินน์รีดหนีออกมาจากซุ้มในขณะที่สายข่าวของเธอนั้นโดนจับตัวได้
“บอกมา แกส่งข้อมูลไปให้ใครวะ” ชายคนนั้นไม่ยอมพูด จึงโดนต่อยหน้าไปหนึ่งที
“เฮ้ย ใช่มันหรือเปล่า” ตำรวจคนหนึ่งชี้ไปยังลินน์รีดที่เดินหันหลัง ตำรวจพวกนั้นรีบตามลินน์รีดไปในทันที
เธอพยายามเข้าปะปนกับฝูงชนเพื่อถ่วงเวลาตำรวจ
แต่จู่ๆเธอก็ดันไปชนกับนนท์ที่กำลังยืนรอซานะอยู่
ลินน์รีดเสียหลักจะล้มแต่นนท์ประคองเธอเอาไว้
สายตาทั้งสองคนต่างจ้องมองแต่ละฝ่ายโดยไม่ละสายตาจากกันเลย แต่ในตอนนั้นเอง
เสียงตำรวจก็กำลังเข้ามาใกล้
นนท์เห็นของในมือของเธอจึงหยิบมันมาใส่ในกระเป๋าของเขา ลินน์รีดรีบวิ่งหนีตำรวจไป
ส่วนตำรวจพวกนั้นเมื่อตามมาถึง พวกนั้นก็เดินมาหานนท์ในทันที
“นี่คุณ เราขอค้นตัวหน่อยสิ”
“อ้าว
ผมทำอะไรผิดครับคุณตำรวจ”
“อยู่เฉยๆน่า อย่าขัดขืนดีกว่า” พวกเขาพยายามจับนนท์แต่นนท์ขัดขืน
มันจึงชกหน้านนท์จนร่วง ซานะที่เพิ่งจะซื้อของเสร็จ เธอเห็นนนท์นอนไปกองกับพื้น
เธอจึงรีบมาดูเขาในทันที
“นนท์คุง เป็นอะไรหรือเปล่า” ซานะหันไปต่อว่าตำรวจพวกนั้นในทันที
“นี่พวกคุณ ทำกับเพื่อนฉันแบบนี้ได้ยังไง
รู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร”
“เราแค่จะตรวจค้น คุณเป็นใครไม่ทราบ”
“ฉันโทยานะ ซานะลูกสาวของโทยานะ ชิโร่ รัฐมนตรีใหญ่ญี่ปุ่นนะ
ฉันจะเอาเรื่องพวกคุณทุกคนเลย เจ้านายคุณอยู่ไหน ฉันอยากคุยกับเขา”
ตำรวจพวกนั้นได้ยินชื่อของเธอจึงรีบหนีไปในทันที
ส่วนนนท์ก็ลุกขึ้นมาในทันที ซานะมาดูอาการของเขาอีกครั้ง
“นนท์คุง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ” นนท์ตอบไป
“เดี๋ยวฉันไปหายามาให้นะ” ซานะรีบไปที่ห้องพยาบาล และในขณะเดียวกัน
นนท์ก็หยิบของของลินน์รีดในกระเป๋ามาดู ก็พบว่าเป็นจดหมายฉบับหนึ่ง
พร้อมกับรูปถ่ายสองสามแผ่น แต่เมื่อนนท์ดูรูปภาพพวกนั้น
นนท์กลับปวดหัวขึ้นมาในทันที
“อะไรกัน ภาพพวกนี้ มันเข้ามาในหัวอีกแล้ว”
ภาพเหตุการณ์ที่เขามักจะเห็นอยู่ประจำในความฝันมันลอยเข้ามา
คราวนี้มันมาหนักกว่าเก่า มันแทบจะทำให้นนท์ขาดใจตายอยู่ตรงนั้น นนท์พยายามประคองอาการตัวเอง
แต่ครั้งนี้มันหนักกว่าที่ผ่านมา นนท์ถึงกับล้มฟุบไปในทันที ท่ามกลางสายตาของคนทั้งมหาลัย
ณ
ห้องพยาบาลของมหาวิทยาลัย นนท์ฟื้นขึ้นมาด้วยอาการมึนงง
แต่โดยรวมเขายังมีสติดีอยู่
ชายคนหนึ่งเมื่อเห็นนนท์ฟื้นแล้วจึงเข้ามาดูอาการของเขาในทันที
“สวัสดีนนท์ นี่ผมซุนฮยอน
ท่านรัฐมนตรีส่งผมมารักษาคุณหน่ะ”
“ครับคุณหมอ คุณหมอประจำอยู่ที่นี่เหรอครับ”
“เปล่าหรอก
หมออยู่ที่โรงพยาบาลแคลิฟอร์เนียเจนเนอรัลหน่ะ อาการของเธอตอนนี้หมอตรวจแล้ว
ไม่มีอาการผิดปกตินะ”
“ไม่มีอะไรผิดปกติเหรอครับ แต่ผมปวดหัวแทบตายเลยนะครับ”
“อืม หมอก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เอาเป็นว่า
ถ้าเธอว่าง เธอมาหาฉันที่โรงพยาบาลได้นะ ฉันจ่ายยาให้เธอแล้วหล่ะ
ตอนนี้อยู่กับเพื่อนเธอนะ”
“ครับคุณหมอ ขอบคุณมากๆครับ” นนท์พูดกับเขา
“ตอนนี้เธออกจากห้องพยาบาลได้แล้วนะ
เธอไม่เป็นไรแล้วหล่ะ”
ซุนฮยอนเดินออกจากห้องไป
ส่วนในขณะเดียวกัน ซานะที่อยู่ด้านนอกก็วิ่งมาหานนท์ในทันที
“นนท์คุง เธอเป็นยังไงบ้าง”
“อ้อ ผมไม่เป็นไรแล้วหล่ะตอนนี้”
“คุณหมอซุนฮยอนหน่ะเก่งมากเลยนะ
พ่อฉันส่งมารักษาเธอโดยเฉพาะเลยหล่ะ แล้วนี่ก็ยาของเธอนะ” ซานะยื่นยาให้กับนนท์
“ครับ ผมขอตัวไปล้างหน้าก่อนนะครับ”
นนท์เดินเข้าไปในห้องน้ำชายเพื่อไปล้างหน้า
เขาเปิดก๊อกน้ำอุ่นจากนั้นก็ล้างหน้าตัวเองไป และในขณะเดียวกัน
มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องน้ำห้องเดียวกับเขา
จากนั้นก็ยื่นกระดาษอะไรบางอย่างให้กับเขา แล้วก็ออกจากห้องน้ำไป
นนท์รีบเช็ดมือแล้วอ่านข้อความในกระดาษทันที
“6 โมงเย็นมาเจอฉันที่ต้นแอปเปิ้ลใหญ่ด้วยนะ”
นนท์แปลกใจมากและไม่รู้ว่าข้อความนี้เป็นข้อความของใคร
นนท์เก็บข้อความนั้นไว้ จากนั้นก็ออกจากห้องน้ำมาเจอกับซานะในทันที
“นนท์คุง มาแล้วเหรอ ฉันต้องไปพักที่ห้องฉันก่อน
เสียดายจังที่หอพักเราอยู่ห่างกัน แต่ช่างเถอะ เรื่องวันนี้ฉันโทรบอกพ่อฉันแล้วนะ
พ่อฉันจะจัดการทุกอย่างให้เอง”
“ขอบคุณมากนะ แล้วเจอกันนะ”
ทั้งคู่โบกมือให้กัน
จากนั้นนนท์ก็ดูนาฬิกา นี่ก็ใกล้จะหกโมงแล้ว เขาคงต้องไปตามที่มีคนนัดไว้แล้วหล่ะ
นนท์รีบออกจากห้องพยาบาลแล้วไปยังต้นแอปเปิ้ลต้นใหญ่ในทันที
=============================================================================
ใครเป็นคนส่งข้อความมาให้กับนนท์กันแน่ แล้วเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วย มาครบแล้วเน้อ
ตอนแรกคิดว่าจะอัพพรุ่งนี้ แต่ไปๆมาๆเปลี่ยนใจหล่ะ รีบจัด
ไปติดตาม Channal ผมด้วยเน้อ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber
ความคิดเห็น