คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : ตอนที่ 27 : กบดาน
ในห้องพักของเสี่ยวหลง เสี่ยวหลงฟื้นขึ้นมาโดยที่อากิระได้เฝ้าอยู่ข้างๆ เสี่ยวหลงตื่นขึ้นมาหลังจากอาการบาดเจ็บ ในตอนนั้นอากิระก็เอายามาให้กับเขาได้ดื่มไปด้วย
“เอ้านี่ ยาแก้ช้ำใน กินเยอะๆหล่ะ” อากิระพูดขึ้น จากนั้นก็ป้อนยาให้กับเสี่ยวหลงในทันที เสี่ยวหลงค่อยๆดื่มยาที่อากิระป้อนให้ด้วยความยินดี
“ขอบใจมากนะ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น ในขณะเดียวกันนั้น พัตติยาและอัญชันก็เดินเข้ามาในห้องเพื่อดูอาการของเสี่ยวหลงด้วย
“แหม่ หวานกันจริงๆพวกนายสองคนเนี่ย” อัญชันพูดขึ้น
“เออนี่ นายเป็นยังไงบ้าง เสี่ยวหลง??” พัตติยาถามไป
“อ้อ ฉันไม่เป็นไรแล้วหล่ะ แค่ลุกไม่ขึ้นเฉยๆ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น
“ดี นอนไปแบบนั้นหล่ะดีแล้ว ว่าแต่ พี่วินเขาจะเอายังไงต่อหล่ะ??” อากิระถามกลับไป
“ตอนนี้พวกเขาวางแผนว่าจะตามล่าโซนิค หลังจากที่หมอนั่นโดนองค์กรลับตามล่าอยู่หน่ะ” อัญชันพูดขึ้น
“ใช่ แต่ว่าตอนนี้โซนิคมันคงไม่อยู่เฉย ต้องทำอะไรซักอย่างแน่ๆ” พัตติยาพูดขึ้น
“เอาเถอะ ถึงยังไงเราก็จัดการกับมันได้อยู่แล้ว” อากิระพูดขึ้น
“นี่ อย่าประมาทไอ้หมอนั่นหล่ะ ฉันว่ามันต้องมีดีแน่ๆ ถึงได้ทำแบบนั้น” เสี่ยวหลงพูดขึ้น
“ถ้าไอ้พวกนั้นมันลงมือกันแล้ว เราคงต้องทำอะไรซักอย่างแล้วหล่ะ” อัญชันพูดขึ้น
“ฉันว่ายังหรอก ถ้าพวกนั้นลงมือกันจริง คงต้องมีข่าวออกมาแล้วหล่ะ” พัตติยาพูดขึ้น ในขณะที่เสี่ยวหลงพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็ลุกไม่ไหวเพราะยังบอบช้ำจากภายในอยู่ อากิระถึงกับต้องกดหัวเสี่ยวหลงให้นอนลงไป เพื่อไม่ให้เขาฝืนตัวเองไปมากกว่านี้
ทางด้านของนาวินและคนอื่นๆ พวกเขากำลังตามข่าวของโซนิคว่าตอนนี้พวกมันอยู่ที่ไหน และตอนนี้องค์กรลับกำลังทำอะไรกันอยู่ หลังจากที่ภาภินแกะรอยความเคลื่อนไหวในเมืองไทย ตัวของเขาก็ลากสังขารมาพูดกับทุกคนอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนครับ ตอนนี้มีความเป็นไปได้ว่า โซนิคกำลังซ่อนตัวอยู่ในกรุงเทพ ยังไม่ได้ออกไปไหน เรารู้ตำแหน่งมันแล้วครับ และดูเหมือนว่าทั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่ UNASO กำลังตามล่าหมอนั่นอย่างดุเดือดอยู่ครับ” ภาภินพูดขึ้น
“รู้ตำแหน่งแล้วงั้นเหรอ เอาตำแหน่งมาให้กับทุกคนดูหน่อยสิ” นาวินพูดขึ้น จากนั้นภาภินก็เอาแผนที่ตำแหน่งมาให้กับพวกของนาวินได้ดูในทันที และเมื่อทุกคนได้เห็นก็เป็นเขตแผนที่ที่ภาภินได้วงตำแหน่งเขตเอาไว้
“โห ทำไมมันกว้างจังเลยหล่ะ??” เวียนถามอย่างสงสัย
“แต่ฉันว่า เราน่าจะพอเดาตำแหน่งของพวกมันได้อยู่นะ” ฮารุพูดขึ้น จากนั้นก็ลองชี้ไปยังบริเวณบ้านหลังหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“โซนิคมันจะไปซ่อนตัวที่นี่อย่างงั้นเหรอ??” โจไซอาห์ถามไป
“ฉันว่า มันคงไม่ซ่อนตัวตลอดหรอก มันคงจะไปตั้งหลัก แล้วรอโจมตีกลับ” อินเนสซ่าพูดขึ้น
“นั่นสิคะ หนูว่าเขาจะต้องรีบตอบโต้กลับเร็วแน่ๆ” ลาลินพูดขึ้น
“ว่าแต่ มันจะโต้กลับยังไงได้หล่ะครับ มันกำลังโดนตามล่าอยู่??” โลร็องต์ถามไป
“สงสัยมันคงจะตะโกนใส่เมืองให้เมืองแหลกกระจายหล่ะมั้ง??” ลูโดวิกถามไป
“มีความเป็นไปได้ พลังเสียงของหมอนั่นมีมาก มากพอจะถล่มกรุงเทพได้ทั้งหมดเลย ถ้าดูศักยภาพแล้ว” ดันเต้พูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ตัวของนายลุ้นก็จั่วไพ่ขึ้นมาใบหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“DOWNFALL”
“โอโห้ ผมว่างานนี้หนักจริงๆแล้วพี่” นายลุ้นพูดขึ้น
“ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ๆครับ” ซีโร่พูดขึ้น
“อืม ตอนนี้คงต้องหยุดโซนิคให้ได้ก่อน ว่าแต่คุณซุเป็นยังไงบ้างครับเนี่ย??” ลันโทสถามไป
“ผมว่าคุณซูจัดการได้อยู่แล้วครับ” นาวินพูดขึ้น
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นหล่ะค่ะ เวลาของคนกรุงเทพเหลือน้อยแล้ว” อีสครินน่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาที่เครื่องของดันเต้ ตัวของดันเต้ก็รับสายโทรศัพท์ในทันที
“ฮัลโหลครับ??”
“ด็อกเตอร์คะ ตอนนี้ฉันมาถึงจุดนัดพบแล้ว ตอนนี้กำลังรอให้ลูกน้องของฉันเอาของมาให้อยู่หน่ะ เออ ถือสายรอเดี๋ยวนะคะ” ซูซาคุพูดขึ้น จากนั้นไม่นาน ตัวของเธอก็เห็นชายในชุดสูทคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์มาทางรถของเธอ จากนั้นก็ค่อยๆมาจอดที่รถของเธออย่างรวดเร็ว
“เฮ้ ฮันเตอร์!!”
“คุณซู!!” ฮันเตอร์ทักทายซูซาคุไป
“เป็นยังไงบ้าง ได้ของมาหรือเปล่า??” ซูซาคุถามไป
“ได้ครับผม” ฮันเตอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็เอาฮาร์ดดิสก์พกพามาให้กับซูซาคุอย่างรวดเร็ว
“คุณซูครับ คุณต้องรีบแล้วหล่ะครับ ตอนนี้ทางการสหรัฐและเจ้าหน้าที่ไทยทั้งหมด ตามล่าโซนิคแล้วครับ แต่เราไม่รู้ว่าพวกนั้นจะทำอะไรต่อไป” ฮันเตอร์พูดขึ้น
“อืม ฉันรู้ ตอนนี้พวกเขาคงกำลังเตรียมพร้อมแล้วหล่ะ” ซูซาคุพูดขึ้น
“ครับ ตอนนี้มีโลกทั้งใบเป็นเดิมพันแล้วหล่ะครับ” ฮันเตอร์พูดขึ้น
“ก็จริง แต่ฉันก็หวังว่าจะไม่โดนหักหลังตอนจบนะ เอาหล่ะ นายกลับไปก่อนเถอะ เอาไว้มีอะไรค่อยรายงานฉันก็แล้วกัน” ซูซาคุพูดขึ้น
“ครับ ขอให้โชคดีนะครับ” ฮันเตอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็กลับไปยังมอเตอร์ไซค์ของเขา แล้วขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของซูซาคุก็กลับไปที่ซุปเปอร์คาร์ของเธอ จากนั้นก็คุยกับดันเต้ต่อ
“ด็อกเตอร์คะ ฉันได้ข้อมูลมาแล้ว เดี๋ยวฉันรีบกลับไปค่ะ” ซูซาคุพูดขึ้น จากนั้นเธอก็วางสายโทรศัพท์ และรีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
“ทุกคน คุณซูกำลังจะมาแล้ว” ดันเต้พูดกับทุกคนหลังจากที่ซูซาคุวางสายไปแล้ว
“อ้อ ดูท่าเราจะมีหลักประกันแล้วสินะครับ” นาวินพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลาลินที่ไถโทรศัพท์มือถือดูข่าวไปเพิ่มเติม และเมื่อเธอเจอข่าว เธอก็เอาข่าวมาให้กับทุกคนได้ดูอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนคะ ตอนนี้ในกรุงเทพกำลังวุ่นวายเลยค่ะ หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมต้องตั้งด่าน??” ลาลินถามไป
“เฮ้อ สงสัยคนกรุงเทพคงยังไม่รู้เลยหล่ะมั้งว่ากำลังจะเจอกับอะไร??” เวียนพูดขึ้น
“หรือว่า เราจะไปจัดการกับโซนิคมันเลยหล่ะ??” ฮารุถามไป
“ถึงไปตอนนี้เราก็ยังสู้มันไม่ได้หรอก” อินเนสซ่าพูดปรามไป
“แต่ถ้าเกิดว่าเราช้า โซนิคก็อาจจะทำอะไรก่อนก็ได้นะ” โจไซอาห์พูดขึ้น
“แล้วถ้าเกิดว่าเราจะเอาหทัยราชันย์ ต่อรองกับโซนิคหล่ะครับ คุณอีสครินน่าบอกว่า พลังมีสองส่วน มีแค่พี่วินและโซนิคจะใช้มันได้ เราก็จะใช้พลังที่มีต่อรองกับมัน มันน่าจะนิ่งไปได้” ภาภินพูดขึ้น
“ก็ดีนะ แต่ปัญหาคือ มันจะยอมต่อรองกับเราเหรอ??” นายลุ้นถามไป
“ฉันว่านะ เราจะต่อรองอะไรมันก็ไม่สนใจแล้วหล่ะ” โลร็องต์พูดขึ้น
“มันต้องสนสิ ตอนนี้โซนิคมันก็สนใจพลังของพวกเรา ไม่อย่างงั้นมันไม่เจรจากับพี่วินตอนนั้นหรอก” ลูโดวิกพูดขึ้น
“ไม่แน่นะครับ ถ้าเราเผชิญหน้ากับมัน เราก็อาจจะหยุดเรื่องนี้ได้” ซีโร่พูดขึ้น
“เอาเถอะ ตอนนี้คุณเอาไงผมก็เอาด้วย” ลันโทสพูดขึ้น
“เอาไว้ถ้าเกิดโซนิคมันก่อเรื่อง เราจะไปเจอกับพวกมันเองครับ” นาวินบอกกับทุกคนไป และในขณะเดียวกัน จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์ของใครบางคนติดต่อเข้ามาหาดันเต้ จากนั้นดันเต้ก็รับสายและให้ทุกคนได้ฟังอย่างรวดเร็ว
“คุณดันเต้คะ ฉันเบ็ตตี้เองค่ะ”
“อ้าว คุณเบ็ตตี้ มีอะไรหล่ะครับ??” ดันเต้ถามไป ในขณะที่เขาก็เปิดลำโพงให้ทุกคนได้ฟัง
“ตอนนี้ดิฉันกำลังจะออกจากเมืองไทย เพราะอีกไม่นาน สงครามครั้งนี้คงจะเดือดแล้วค่ะ” เบ็ตตี้พูดขึ้น
“สงคราม สงครามอะไรเหรอครับ??” นาวินถามไป
“อ้าว พวกคุณยังไม่รู้กันเหรอคะ ตอนนี้ทางองค์กร UNASO ได้เปิดศึกกับผู้เกิดใหม่โซนิคเต็มตัวแล้ว สายของฉันยังบอกมาว่าตอนนี้นาวิกโยธินสหรัฐ รวมถึงพวก FBI และ CIA กำลังเดินทางมาเมืองไทยเพื่อจบศึกนี้ด้วย” เบ็ตตี้พูดขึ้น
“อ้อ เรื่องนั้นเราพอรู้แล้วหล่ะค่ะ” เวียนพูดขึ้น
“ใช่ พวกนั้นต้องการให้เราช่วยจัดการโซนิคด้วย” ฮารุพูดขึ้น
“งั้นเหรอ แล้วพวกคุณว่ายังไงหล่ะ??” เบ็ตตี้ถามไป
“อ้อ ตอนนี้พวกเรายังไม่ให้คำตอบพวกมันหน่ะ เรายังไม่ไว้ใจพวกมัน” อินเนสซ่าพูดขึ้น
“ใช่ ว่าแต่คุณมีความเห็นยังไงหล่ะ??” โจไซอาห์ถามไป
“ฉันไม่ค่อยไว้ใจพวกนั้นเท่าไหร่ ถึงได้หนีอยู่นี่ไงหล่ะ” เบ็ตตี้พูดขึ้น
“เอาเถอะครับ ถึงยังไงตอนนี้ก็คงต้องรอดูแล้วหล่ะ” นายลุ้นพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นก็ขอให้โชคดีนะคะ” เบ็ตตี้พูดขึ้น จากนั้นก็วางสายไปในทันที
“เฮ้อ ตอนนี้คนอื่นๆก็หนีกันไปหมดแล้ว เราจะทำยังไงดีคะ??” ลาลินถามไป
“ตอนนี้คงต้องดูก่อน ว่าเราจะเอายังไงหล่ะครับ” ภาภินพูดขึ้น
“ถ้ารอนานสถานการณ์อาจจะแย่ลงนะครับ” ซีโร่พูดขึ้น
“นั่นสิ เราคงต้องทำอะไรซักอย่างแล้วหล่ะ” ลันโทสพูดขึ้น
“ตอนนี้โซนิคยังพอจะจัดการได้ เพราะมันยังไม่ได้พลังของพวกเรา” อีสครินน่าพูดขึ้น
“แต่ถึงยังไง เราก็จัดการกับมันยากอยู่ดี” โลร็องต์พูดขึ้น
“นั่นสิ แค่พวกเราคงจะจัดการกับมันไม่ได้หรอกครับ” ลูโดวิกพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน พวกของอากิระก็เดินมาสมทบกับพวกของนาวินที่กำลังยืนคุยกันอยู่
“อ้าว อากิระ เสี่ยวหลงก็มาด้วยเหรอ??” นาวินถามไป ในขณะที่อากิระก็แบกเสี่ยวหลงมาด้วย
“อ้อ ผมหายแล้วหล่ะพี่ ดูสิ ผมเดินได้เองแล้วนะ” เสี่ยวหลงพูดขึ้นพลางเดินเองให้คนอื่นดู
“โห ตายยากจริงๆพี่หลงเนี่ย” นายลุ้นพูดขึ้น
“แน่นอน นายหลงหัวดื้อจะตาย ไม่มีอะไรหยุดได้” อัญชันพูดขึ้น
“พี่วิน ตอนนี้พี่จะเอายังไงต่อครับ เรื่องโซนิค??” อากิระถามอย่างสงสัย
“อืม ตอนนี้ต้องรอน้าซูของนายกลับมาก่อน” นาวินพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์ปริศนาติดต่อเข้ามาหาอัญชัน ตัวของอัญชันลองรับสายอย่างรวดเร็ว
“อัญชัน นี่ฉันเองนะ แสงจันทร์”
“อ้าว โร่ว์เองเหรอ มีอะไรหรือเปล่า??” อัญชันถามไป
“ฉันลองติดต่อเบอร์เก่าของเธอ ฉันจะมาบอกว่า ตอนนี้มีข่าวว่าโซนิคกำลังว่าจ้างผู้เกิดใหม่ในการก่อการทั่วกรุงเทพ ตอนนี้โซนิคคงเริ่มเดินเกมแล้วหล่ะ ยังไงเธอก็ระวังตัวหน่อยนะ” แสงจันทร์พูดทิ้งท้ายไว้ จากนั้นก็วางสายไปในทันที
“ทุกคนคะ แสงจันทร์เขาโทรมาบอกว่า ตอนนี้โซนิคกำลังว่าจ้างพวกผู้เกิดใหม่เพื่อเตรียมโจมตีกรุงเทพค่ะ” อัญชันพูดขึ้น
“ห่ะ จริงเหรอ ถ้าอย่างงั้นแบบนี้กรุงเทพได้เละแน่” ฮารุพูดขึ้น
“นั่นสิ เราจะเอายังไงกันต่อดีหล่ะ??” เวียนถามไป
“ผมจะไปหยุดพวกมัน ต่อให้คุณไม่ช่วยก็ตาม” ลันโทสพูดขึ้น
“ใครว่าไม่ช่วยหล่ะครับ แต่ว่าตอนนี้เราคงต้องรู้ตำแหน่งของพวกมันว่าพวกมันอยู่ที่ไหน” นาวินพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ภาภินที่ติดตามข่าวสารทางอินเทอร์เน็ตอยู่ก็ไปเจอข่าวหนึ่ง และพูดกับทุกคนในทันที
“ทุกคนครับ ตอนนี้มีข่าวการโจมตีตึกสหประชาชาติในไทย ข่าวบอกว่ามีผู้โจมตีเป็นร้อยคนเลยครับ” ภาภินพูดขึ้น
“ตายแล้ว แบบนี้เราต้องไปช่วยนะคะ” ลาลินพูดขึ้น
“นั่นสิครับ เราคงใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ไปถึงได้ครับ” ซีโร่พูดขึ้น
“เรื่องนี้โซนิคต้องอยู่เบื้องหลังแน่ๆ มันคงต้องการตอบโต้เรื่องที่เกิดขึ้น” นาวินพูดขึ้น
“แล้วทำไมโซนิคมันถึงไม่ลงมือเองหล่ะ??” อินเนสซ่าถามไป
“ถ้าถามผม ผมว่าพวกมันคงต้องการตัดกำลัง เพื่อโจมตีใหญ่” โจไซอาห์พูดขึ้น
“อืม ถ้าอย่างงั้น เราไปเตรียมอาวุธเพื่อโจมตีดีกว่าครับ” ดันเต้พูดขึ้น
“นั่นสิ พวกเราไปเตรียมอาวุธกันเลยดีกว่าครับ” โลร็องต์พูดขึ้น
“อ้าว ถ้าเกิดคุณซูกลับมา จะบอกเธอว่ายังไงหล่ะ??” ลูโดวิกถามไป
“ฉันจะอยู่บอกเธอเอง ไม่ต้องห่วงนะ” อีสครินน่าพูดขึ้น
“งานนี้พวกมันมีเป็นร้อยคน คงต้องเตรียมของเต็มอัตราเลยหล่ะ” พัตติยาพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทุกคนก็รีบไปเตรียมอาวุธและเสื้อเกราะของพวกเขาอย่างรวดเร็ว และดันเต้ก็รีบเตรียมโดรนเพื่อออกเดินทางไปด้วย และไม่นานนัก พวกเขาก็เตรียอาวุธกันจนเสร็จเรียบร้อย กลุ่มของนาวินรีบเดินขึ้นไปด้านบนพื้น เพื่อออกเดินทางในทันที โดยที่โดรนของดันเต้ก็มาจอดรออยู่แล้ว
“นี่ อากิระ ฉันขอไปด้วยเถอะ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น
“นี่ นายอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ ยังไม่หายดีเลย” อากิระพูดขึ้น
“จริงด้วย นายกำลังช้ำในอยู่นะ” อัญชันพูดขึ้น
“เดี๋ยวฉันจะดูแลที่นี่เอง ไม่ต้องห่วงนะคะ” อีสครินน่าพูดขึ้น
“เอาหล่ะ พวกเราไปกันเถอะครับ เราจะโจมตีเร็วและรีบกลับออกมา ไปกันเถอะครับ” นาวินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบขึ้นโดรนกันในทันที จากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทางไปยังตึกสหประชาชาติเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่นั่น
ทางด้านของคริสเตียล และหน่วยของเขา ตัวของเขาได้ระดมกำลังเพื่อออกตามล่าโซนิคที่หลบหนี พวกเขาใช้กองกำลังที่ The Green ส่งให้ เดินทางออกตามหาโซนิค โดยที่พวกเขาก็ได้ปรึกษากันถึงเรื่องแผนการกันด้วย
“เอาหล่ะ ตอนนี้สายของเราบอกมาว่ามันหลบหนีไปอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ชานเมือง เราต้องตามมันไปที่นั่น” คริสเตียลบอกกับทุกคนไป
“ท่านครับ แล้วเราจะไม่ไปช่วยที่ตึกสหประชาชาติเหรอครับ??” ฮาเวิร์ดถามไป
“นั่นเป็นฝีมือโซนิค มันต้องการจะถ่วงเวลาไม่ให้เราไปตามล่ามัน แล้วอีกอย่าง ตอนนี้มีคนทำงานนี้แทนเราแล้วหล่ะ ใช่มั้ย แสงจันทร์??” คริสเตียลหันไปถามแสงจันทร์ไป
“คือ คุณคริสเตียลให้ฉันติดต่อพวกของนาวินหน่ะครับ” แสงจันทร์พูดขึ้น
“นี่หมายความว่า คุณจะร่วมมือกับพวกมันอย่างงั้นเหรอ??” รูกี้ถามไป
“ตอนนี้พวกเขาไม่ใช่ศัตรูกับเราแล้วหล่ะ” จ่าชัยพูดขึ้น
“งานนี้เราต้องสู้ เพื่อรูกิ แล้วก็เจ้าวูฟ ถึงฉันจะไม่ชอบหน้ามันก็เถอะ” เวอร์รีนพูดขึ้น
“เฮ้อ แต่ไอ้หมอนั่นตายซะก็ดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเพราะมัน” ยูริพูดขึ้น
“เอาหล่ะ เราต้องไปที่เซฟเฮ้าส์นั่น ปิดเกมกันวันนี้เลย” คริสเตียลพูดขึ้น แต่ในระหว่างที่ขบวนรถของพวกเขากำลังเข้าสู่ถนนเส้นหนึ่งเพื่อไปยังเซฟเฮ้าส์ จู่ๆ ก็มีกระสุนมากมายบินเข้าใส่ขบวนรถของพวกเขา ทำเอาพวกเขาถึงกับต้องหยุดขบวน แล้วยิงตอบโต้กลับไป
“พวกเรา หาตำแหน่งพวกมัน ฝ่ามันไปให้ได้!!” คริสเตียลพูดขึ้น จากนั้นก็ชักปืนกลออกมาแล้วยิงตอบโต้ไปอย่างรวดเร็ว ส่วนคนอื่นๆก็ชักปืนออกมาแล้วค่อยๆออกจากรถตู้ จากนั้นก็ยิงสกัดกลุ่มโจรไว้
“เราต้องฝ่าไปให้ได้ ให้พวกเขาลุยเลย!!” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ให้สัญญาณกลุ่มมนุษย์ดัดแปลงบุกตะลุยฝ่าออกไปในทันที พวกนั้นไล่ยิงกลุ่มโจรจนเสียขบวน เพราะกลุ่มมนุษย์แปลงแม้ว่าจะถูกยิง แต่ก็ยังลุกขึ้นมาได้ และยังฟื้นฟูตัวเอง
ได้อีก
“พวกเรา อย่าถอยเด็ดขาด!!” เวอร์รีนรีบตะโกนออกมาและยิงสวนกลับไป
“เฮ้อ งานนี้ฉันลุยเอง!!” รูกี้พูดขึ้นและใส่กระสุนลงในปืนลูกโม่ของเขา จากนั้นก็ไล่ยิงพวกมันกลับไป และไม่นานนัก กลุ่มโจรก็เริ่มจะสู้ไม่ไหวเพราะล้มตายไปเรื่อยๆ
“พวกมันถอยไปแล้วครับ!!” แสงจันทร์พูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง ตัวของเขาก้โดนยิงเข้าที่แขนจนล้มลง จนจ่าชัยถึงกับต้องมาประคองเขาไว้
“ทำใจดีๆไว้นะไอ้น้องชาย!!” จ่าชัยพูดขึ้นพลางยิงสวนกับพวกมัน
“พวกมันถอยไปแล้ว เอาแสงจันทร์ขึ้นรถก่อนเถอะ” ยูริพูดขึ้น จากนั้นเจ้าหน้าที่สองคนก็ช่วยกันแบกแสงจันทร์ขึ้นรถอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก กลุ่มโจรก็ถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนคนอื่นๆก็รีบมาดูแสงจันทร์ที่กำลังบาดเจ็บ
“ไอ้น้อง ไหวหรือเปล่า??” คริสเตียลถามในขณะที่ดูแผลของแสงจันทร์
“ผมไม่เป็นไรครับ” แสงจันทร์พูดขึ้น
“เอาแสงจันทร์กลับไปรักษาก่อนดีกว่า” ยูริพูดขึ้น
“ได้ ถ้าอย่างงั้น หารถคันนึงพาแสงจันทร์กลับไปที่หน่วยของเราก่อน” เวอร์รีนพูดขึ้น จากนั้นเจ้าหน้าที่สองคนก็ช่วยกันพาแสงจันทร์ขึ้นไปบนรถกระบะคันหนึ่ง จากนั้นก็พาแสงจันทร์ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนว่าโซนิคมันคงจะอยู่ไม่ไกลนะ” รูกี้พูดขึ้น
“จริงด้วยครับ ไม่งั้นมันคงไม่ให้คนมาคุ้มกันขนาดนี้หรอก” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น
“มันทำกับแสงจันทร์ขนาดนี้ ไปฆ่ามันเลยดีกว่า” จ่าชัยพูดขึ้น
“อืม ได้เลย ตอนนี้เรายังมีเจ้าหน้าที่เหลือพอจะสู้กับพวกมัน สั่งพวกเราทุกคนให้เตรียมพร้อม ล้อมเซฟเฮ้าส์ของพวกมันไว้ จับตายโซนิค ส่วนกาลีน่า ถ้าเธอมีปัญหาก็จับตายได้เลย!!” คริสเตียลออกคำสั่งไป ถึงแม้ว่ายูริจะลังเลเล็กน้อย แต่เขาก็ยังทำใจและลุยต่อไป
ณ เซฟเฮ้าส์ของโซนิค ในวันนั้นตัวของโซนิคได้ว่าจ้างกลุ่มผู้เกิดใหม่ซึ่งตอนนี้แตกกระซานซ่านเซนจากการถูกพวก UNASO ตามล่า มาอยู่รวมกันที่เซฟเฮ้าส์ของเขา โดยที่ลีน่าเป็นจนจัดการเรื่องการหาคนทั้งหมด
“ลีน่า ตอนนี้เรามีคนอยู่แค่ไหน??” โซนิคถามเธอไป
“ตอนนี้เรามีผู้เกิดใหม่ประมาณ 100 คน พร้อมอาวุธครบมือค่ะ” ลีน่าพูดขึ้น
“เราส่งพวกนั้นบางส่วนไปโจมตีตึกสหประชาชาติในประเทศไทย ตามที่คุณสั่งแล้วครับ” เดวิดพูดขึ้น
“ดี ฉันจะไปคุยกับพวกนั้นเอง” โซนิคพูดขึ้น
“พวกนั้นรอคุณอยู่แล้วค่ะ” กาลีน่าพูดขึ้น จากนั้นโซนิคก็ไปหากลุ่มผู้เกิดใหม่ที่พวกเขาว่าจ้างมาอย่างรวดเร็ว คนพวกนั้นเมื่อเจอกับโซนิคก็ลุกขึ้นในทันที
“เฮ้ นายหรือเปล่าที่ว่าจ้างพวกเรา??” ผู้เกิดใหม่คนหนึ่งถามไป
“ใช่ งานนี้ฉันต้องการให้พวกนายจัดการทำให้ประเทศ รวมถึงโลกใบนี้ปั่นป่วนมากที่สุด” โซนิคพูดขึ้น
“แล้วพวกเราจะได้อะไร??”
“ทุกคนจะได้เงินคนละ 20 ล้าน” โซนิคพูดขึ้น ทำเอาพวกผู้เกิดใหม่ถึงกับตาลุกวาว
“นี่ พวกคุณล้อเราเล่นหรือเปล่า??”
“เราสามารถขู่เอาเงินจากรัฐบาลสหรัฐได้ และถ้าเราทำสำเร็จ งานนี้พวกเราจะสบายกันทั้งชาติ” ลีน่าพูดขึ้น
“โห ถ้าพวกคุณพูดจริง พวกเราเอาด้วย จะให้พวกเราทำอะไรหล่ะ??” กลุ่มผู้เกิดใหม่ถามไป
“เราอยากให้พวกคุณสร้างความวุ่นวาย รวมถึงโจมตีพวกเจ้าหน้าที่ให้ได้มากที่สุด บีบให้พวกมันต้องเจรจากับเรา” เดวิดพูดขึ้น
“ใช่ พวกนายจะเอายังไงหล่ะ??” กาลีน่าถามไป จากนั้นกลุ่มผู้เกิดใหม่ต่างก็ชูมือและเฮกันดังลั่น ทำเอาโซนิคถึงกับยิ้มออกมา และไม่นานนัก พวกของโซนิคก็พูดคุยกันต่อในทันที
“ลีน่า เตรียมติดต่อกับทำเนียบขาวได้เลย” โซนิคพูดขึ้น
“รับทราบค่ะ” ลีน่ารับคำสั่งไป
“ตอนนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐส่วนมากกำลังเดินทางมาไทย งานนี้พวกมันคงเอาจริงแล้วครับ” เดวิดพูดขึ้น
“ไอ้พวกนั้นมันขี้ผง แต่ฉันกังวลเรื่องพวกของไอ้นาวินหน่ะสิ” โซนิคพูดขึ้น
“ฉันว่าพวกนั้นคงกำลังลังเลอยู่ พวกนั้นคงไม่ไว้ใจคริสเตียลและพวก UNASO แน่ค่ะ” กาลีน่าพูดขึ้น
“หมายความว่ายังไงหล่ะ??” ลีน่าถามไป
“ก็หมายความว่า กว่าพวกนั้นจะร่วมมือกับคริสเตียล แผนการของเราก็สำเร็จไปแล้วหล่ะ” กาลีน่าพูดขึ้น
“จริงด้วย ถ้าพวกนั้นระแวงกันเอง ก็ไม่มีอะไรหยุดเราได้” เดวิดพูดขึ้น
“แต่เราไม่ควรประมาท จับตาดูพวกไอ้นาวินไว้ แต่อย่าเพิ่งทำอะไรพวกมัน ฉันจะจัดการเอง” โซนิคพูดขึ้น
“รับทราบค่ะ ตอนนี้พวกเราที่ตึกสหประชาชาติคงกำลังลุยกันหนักเลย” ลีน่าพูดขึ้น
“ใช่ เราจะบั่นทอนกำลังของพวกมัน จนกว่าจะถึงเวลา” เดวิดพูดขึ้น
“ถ้าฉันเจอไอ้ภาภิน ฉันจะจัดการมันเอง” กาลีน่าพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วง เธอได้แก้แค้นแน่ แล้วเธอจะได้รางวัลอย่างงาม เธอก็รู้ ทำงานกับฉัน ถ้าซื่อสัตย์และผลงานดี รับรองว่าสบายไปทั้งชาติ” โซนิคบอกกับกาลีน่าไป
และอีกด้านหนึ่ง ห้องพักของเพี้ยน ในตอนนั้นตัวของเพี้ยนได้แง้มประตูออกมาและแอบฟังโซนิคและคนอื่นๆ ที่ได้วางแผนการเพื่อโจมตีกลุ่มเจ้าหน้าที่ เพี้ยนเดินกลับเข้ามาในห้อง จากนั้นก็พูดขึ้นในทันที
“เฮ้อ พี่กาลีน่าจ๋า พี่ไม่รู้เหรอว่าพี่จะมีจุดจบยังไง” เพี้ยนพูดขึ้นจากนั้นก็นั่งอยู่บนเตียง ในขณะเดียวกัน จู่ๆ ก็มีเสียงประตูดังขึ้น และหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเอาอาหารมาให้กับเพี้ยนอย่างรวดเร็ว
“อาหารมาแล้วค่ะ”
“หูว น่ากินจริงๆ!!” เพี้ยนพูดขึ้นในขณะที่เขาได้มองอาหารที่อยู่ในถาด
“วางไว้ตรงนั้นเลยพี่สาว” เพี้ยนพูดขึ้น จากนั้นหญิงสาวคนนั้นก็วางอาหารถาดนั้นไว้บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
“สบายดีนะพี่สาว??” เพี้ยนถามไป
“ก็ดีค่ะ ไม่มีอะไรมาก”
“เพี้ยนว่าพี่สาวน่าจะหนีไปจากที่นี่นะ” เพี้ยนพูดขึ้น
“ฉันไม่ไปไหนหรอก จนกว่าจะได้เงิน”
“เฮ้อ แล้วพี่สาวจะได้อยู่ทันใช้เงินเหรอ??” เพี้ยนพูดขึ้นพลางเดินไปตักอาหารเข้าปาก
“นี่ พูดเรื่องอะไรของเธอเนี่ย??” หญิงสาวคนนั้นถามไป
“ก็เตือนด้วยความหวังดีนะ เรื่องนี้มันหนักเกินกว่าพี่สาวจะรับได้” เพี้ยนพูดขึ้นจากนั้นก็ตักอาหารเข้าปากต่อโดยไม่สนสายตาของหญิงสาวคนนั้น
“ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง ฉันก็ไม่ยอมหรอก”
“อืม กะไว้แล้วว่าจะต้องพูดแบบนี้ ยังไงก็ขอให้โชคดีเน้อ” เพี้ยนพูดขึ้น จากนั้นหญิงสาวคนนั้นก็เดินออกไปจากห้องด้วยอาการหัวเสีย ส่วนตัวของเพี้ยนก็กินอาหารอย่างไม่แคร์สายตาใครเลย
“เฮ้อ เงินนี่มันเสกสรรบันดานอะไรได้ทุกอย่างจริงๆ แต่มันก็จริงหล่ะนะ ทุกอย่างบนโลกนี้มันต้องใช้เงินซื้อทั้งนั้น ถึงซื้อความสุขไม่ได้ แต่มันลดความทุกข์ได้แน่นอน” เพี้ยนพูดขึ้น
ณ ที่ไหนซักแห่งซึ่งไม่ห่างจากเขตบ้านของโซนิคมากนัก กลุ่มของไคและคนอื่นๆ เดินทางตามรอยโซนิคมาเพื่อตามล่าเขา พวกเขาดักซุ่มอยู่ในป่าและดูสถานการณ์ ในขณะเดียวกันก็พยายามตัดกำลังกลุ่มผู้เกิดใหม่ที่โซนิคว่าจ้างมาด้วย ซึ่งในตอนนั้น ชายสองคนกำลังยืนจุดบุหรี่อยู่ข้างทาง
“เฮ้ย จุดให้ด้วยดิ”
“เออๆ แป๊ปนะเว้ย”
“ฉับ!!”
เบลและเกเบรียลจัดการชายสองคนนั้นด้วยการใช้มีดแทงเข้าที่หัวใจของมัน จากนั้นก็ค่อยๆลากศพเข้าไปหลบในพงหญ้าของป่า แต่ในตอนนั้น ร่างของชายสองคนนั้นก็ค่อยๆมอดไหม้อย่างรวดเร็วด้วยเพลิงประหลาดนั่น
“เฮ้ นี่มันอะไรกันเนี่ย??” แก้วถามในขณะที่พยายามจะดับไฟ
“ดูเหมือนว่าไอ้พวกนี้คงจะเป็นผู้เกิดใหม่ด้วย” ไคพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น เราฆ่ามัน ก็เท่ากับว่าเราเปิดเผยตำแหน่งเราหน่ะสิ” เบลพูดขึ้น
“นั่นสิ คงต้องทำให้มันสลบก็พอ” เกเบรียลพูดขึ้น
“ไม่เข้าใจ มันจะว่าจ้างผู้เกิดใหม่มาทำไมเยอะๆหล่ะ??” แก้วถามอย่างสงสัย
“สงสัยพวกมันกำลังมีแผนอะไรซักอย่างแน่ๆ” ไคพูดขึ้น
“แล้วพวกเราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” เกเบรียลถามไป
“ก็ไปลุยกับพวกมันเลยสิ” เบลพูดขึ้น
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก พวกมันอยู่กันเต็มบ้าน เราบุกเข้าไปก็มีแต่เสียเปรียบค่ะ” ไคพูดขึ้น
“แล้วนี่ เราจะรอต่อไปอย่างงั้นเหรอ??” เบลถามอย่างสงสัย
“ก็คงต้องดูสถานการณ์กันต่อหล่ะ เราทำได้แค่นี้” เกเบรียลพูดขึ้น
“นั่นสิคะ ตอนนี้เรายังคงทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ” แก้วพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ พวกเขาก็สังเกตเห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากบ้าน จากนั้นก็ไปขึ้นรถที่จอดอยู่เรียงรายกัน แล้วก็พากันขับรถออกไป
“เอ๊ะ พวกมันจะไปไหนกันเนี่ย??” แก้วถามอย่างสงสัย
“สงสัยพวกมันจะเริ่มเดิมเกมแล้วสินะ” ไคพูดขึ้น
“แต่ว่า ไอ้โซนิคมันไปไหนหล่ะ??” เบลถามอย่างสงสัย
“สงสัยมันยังคงอยู่ในบ้านหล่ะมั้ง??” เกเบรียลถามไป
“งั้นก็ไปฆ่ามันเลยสิ” เบลพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นคนอื่นๆก็ห้ามไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิ ตอนนี้พวกมันก็ยังมีเยอะกว่าพวกเราอยู่” ไคพูดขึ้น
“นั่นสิ ถ้าเราออกไปตอนนี้เราตายแน่” เกเบรียลพูดขึ้น ทำเอาเบลต้องถอยออกมาอย่างหัวเสีย
“มันต้องมีจังหวะซักหน่อยสิคะ” แก้วพูดขึ้น
“ไม่รู้สิ แต่ยังไงก็ต้องรอดูก่อนนะ” ไคพูดขึ้น
“คอยดูเถอะ ถ้าฉันเจอมันเมื่อไหร่ ฉันจะควักไส้มันออกมากองต่อหน้ามัน” เบลพูดอย่างเจ็บแค้น
“นายได้ทำแน่ ไม่ต้องห่วงไป” เกเบรียลบอกกับไคไป
ณ บ้านพักหลังหนึ่งซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดระยอง รถที่มิกิได้โดยสารไปด้วย รถคันนั้นขับเข้าไปยังบ้านพักหรูหลังหนึ่ง ซึ่งมียามติดอาวุธมากมายยืนอยู่บริเวณนั้น รถคันนั้นไปจอด จากนั้นคนขับก็ลงจากรถและพามิกิเข้าบ้านในทันที
“นี่ คุณเบ็ตตี้อยู่ที่นี่เหรอ??” มิกิถามไป
“ใช่ครับ ตอนนี้เธอมากบดานอยู่ที่นี่ครับ”
“อืม ว่าแต่ คุณเบ็ตตี้ต้องการอะไรกันแน่??” มิกิถามอย่างสงสัย
“ผมว่าคุณไปถามเธอได้เลยครับ” คนขับรถพูดขึ้น และไม่นานนัก ตัวของมิกิและคนขับรถก็เดินมาถึงห้องรับแขกซึ่งตัวของเบ็ตตี้กำลังนั่งรออยู่แล้ว
“คุณเบ็ตตี้ครับ เราช่วยเธอกลับมาแล้วครับ”
“อืม นายออกไปก่อนไป” เบ็ตตี้พูดขึ้น จากนั้นคนขับรถก็เดินออกไปด้านนอกในทันที ส่วนมิกิเองก็นั่งโซฟาไปโดยไม่รอให้เบ็ตตี้บอกเลย
“ปลอดภัยดีนะคะ??” เบ็ตตี้ถามมิกิไป
“แน่นอน ฉันไม่โดนจับง่ายๆหรอกค่ะ”
“ดีแล้วหล่ะ เพราะว่าเราต้องการข้อมูลจากคุณเพิ่มเติม” เบ็ตตี้พูดขึ้น
“ข้อมูลอะไร ข้อมูลฉันก็ให้ไปหมดแล้วนะ??” มิกิถามไป
“คุณพอจะมีข้อมูลของพวก UNASO ในซีเรียหรือเปล่า??” เบ็ตตี้ถามไป
“อ้อ ข้อมูลนั่นไม่ได้อยู่กับฉันหรอก” มิกิตอบไป
“คุณรู้งั้นเหรอ ว่ามันอยู่ที่ไหน??” เบ็ตตี้ถามไป
“มันเคยเป็นของเพื่อนฉัน ที่แฮ็กข้อมูลมาได้ แต่ว่าข้อมูลมันหลุดไปแล้ว ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน” มิกิพูดขึ้น
“อืม แล้วคุณเอามาไม่ได้เลยเหรอ??” เบ็ตตี้ถามไป
“ฉันคงต้องลองติดต่อเพื่อนฉันดู ดูว่าเขาจะช่วยอะไรได้” มิกิพูดขึ้น
“งานนี้คุณคงต้องช่วยเราหน่อยแล้วหล่ะ” เบ็ตตี้พูดขึ้น
“แล้วฉันจะได้อะไรหล่ะ??” มิกิถามไป
“ฉันจ่ายเพิ่ม 10 ล้านบาท ถ้าคุณหาข้อมูลมาได้” เบ็ตตี้พูดขึ้น
“อืม ก็ได้ แต่ฉันไม่รับปากนะ” มิกิพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง มิกิก็โทรศัพท์ไปหาใครคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหล เชนเหรอ ฉันมิกิเอง??”
“ยัง ฉันยังไม่โดนจับตอนนี้หรอก”
“เออ ว่าแต่ นายพอจะมีข้อมูลที่ฉันฝากนายไว้ได้หรือเปล่า??”
“ไม่ ตอนนี้พวกตำรวจตรวจค้นสนามบินทั้งหมด นายออกจากประเทศทางสนามบินไม่ได้หรอก คืออย่างงี้ เพื่อนฉันต้องการข้อมูลนั่น ถ้านายทำได้ ฉันจะบอกให้เพื่อนฉันช่วยนายเรื่องพาออกนอกประเทศเอง”
“โอเค ถ้าอย่างงั้นมาเจอฉันที่ระยองนะ ฉันจะบอกที่อยู่นายตอนนายมาถึงระยองแล้ว รีบมาหล่ะ ถ้านายอยากไป” มิกิพูดทิ้งท้ายไป
ณ โกดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งกบดานของ The Green และกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ของเธอ ตัวของ The Green ได้มองหนังสือโบราณของเธออย่างภาคภูมิใจ พร้อมกับเปิดอ่านมันอย่างน่ายินดีด้วย และในขณะเดียวกันนั้นเอง นักวิทยาศาสตร์หญิงคนหนึ่งก็เดินมาหาเธอในห้องเพื่อมาคุยด้วย
“ขออนุญาตค่ะ ตอนนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐทั้งหมดเดินทางมาถึงเมืองไทยแล้วค่ะ ตอนนี้ได้ยินว่าพวกนาวิกโยธินก้มาด้วย”
“อืม ดี สงสัยงานนี้คงจะได้เก็บงานแล้วสินะ” The Green พูดขึ้น
“ยังอ่านหนังสือเล่มนั้นอยู่เหรอคะ??”
“ใช่แล้วหล่ะ ตอนแรกฉันเองก็คิดว่าเรื่องทั้งหมด เป็นแค่นิยายที่คุณปู่ฉันเล่าให้ฉันหลับไปเฉยๆ คุณปู่ฉันบอกว่า พวกเราสืบเชื้อสายมาจากมนุษย์เผ่าพันธุ์โบราณที่มีชื่อเสียง กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ที่เป็นบรรพบุรุษของฉัน ได้ค้นพบชิ้นส่วนเนื้อเยื่อชนิดหนึ่งในเขตแอฟริกา ซึ่งน่าอัศจรรย์มาก ชิ้นเนื้อนั่นสดใหม่และไม่เน่าแม้จะผ่านเวลานานแค่ไหน พวกเราจึงเอาชิ้นเนื้อนั้นมาวิจัยทดลอง ก็พบว่าเนื้อพวกนั้นไม่ใช่เนื้อธรรมดา ขนาดเราผ่ามันแยกออกเป็นชิ้นๆ มันยังฟื้นฟูและเพิ่มปริมาณเองได้อย่างมหัศจรรย์ เราพยายามทดลองในมนุษย์ เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์กับมนุษยชาติ และคุณพ่อฉันก็ทำสำเร็จ ท่านทดลองสกัดเอา DNA ของมันฉีดเข้าโดยตรงกับ DNA ของคน พบว่าผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจมาก มนุษย์คนนั้นสามารถฟื้นฟูแผลจากอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว และยังมีความแข็งแกร่งเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปอีก” The Green พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง นักวิทยาศาสตร์หญิงคนนั้นก็ชักปืนขึ้นมา จากนั้นก็เล็งไปยัง The Green
“มันจบแล้วค่ะ ผลงานของคุณต้องเป็นของฉัน”
The Green ดูจะไม่เกรงกลัวอะไร จากนั้นก็วางหนังสือและเดินมาหาเธออย่างใจเย็น
“ไม่เอาน่า เชอร์รี่ เธอจะเอาแบบนี้จริงๆเหรอ??”
“ตอนนี้คนในสำนักงานส่วนใหญ่ร่วมมือกับฉันแล้ว กรุณาให้ความร่วมมือกับเราดีๆเถอะค่ะ”
ในระหว่างที่บรรยากาศในห้องกำลังมาคุ นักวิทยาศาสตร์ชายคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาหาเชอร์รี่ และพูดอะไรบางอย่างกับเธออย่างหวาดกลัว
“แย่แล้วครับ ไอ้เซนมันบุกมาแล้ว มันกำลังฆ่าพวกเราครับ!!” เชอร์รี่ที่ได้เห็นก็ตกใจมาก
“ดูเหมือนว่าเธอจะเก็บงานได้ไม่ดีเท่าไหร่นะ เอาเป็นว่า รับผิดชอบตัวเองก็แล้วกันนะ แต่ว่าถ้าเธอบอกฉันว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ และส่งปืนมาให้ฉัน ฉันจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด และอาจจะช่วยเธอก็ได้” The Green พูดขึ้น ทำเอาตัวของเชอร์รี่ไม่มีทางเลือก ต้องยื่นปืนให้ The Green อย่างลนลาน
“ด็อกเตอร์ซัลลิแวนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ค่ะ” เชอร์รี่พูดอย่างลนลาน
“คิดไว้ไม่มีผิดว่าต้องเป็นมัน” The Green พูดขึ้น และในตอนนั้น เธอก็โยนกุญแจอะไรบางอย่างให้เชอร์รี่อย่างรวดเร็ว
“อย่าให้เป็นรอยหล่ะ” The Green พูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็รีบหยิบเอาสมุดโบราณของเธอออกไปด้วย และเธอก็เอาเครื่องบันทึกเสียงออกมาแล้วกดหยุดการบันทึกไป
“แกไม่รอดแน่ไอ้ซัลลิแวน” The Green พูดขึ้นและรีบเดินออกไปทางลับ ส่วนตัวของเชอร์รี่ก็รีบลงไปที่ด้านล่างเพื่อไปที่ลานจอดรถ แต่ในระหว่างที่เธอกำลังวิ่งหนีผ่านห้องทดลอง ในตอนนั้นเซนก็เกิดมาเจอกับเธอเข้า
“อีระยำ!!”
“ปัง!!”
เซนยิงปืนเข้าที่ขาของเชอร์รี่อย่างรวดเร็ว ตัวของเชอร์รี่ลงไปนอนกองกับพื้น ตัวของเธอพยายามลากสังขารตัวเองหนีจากเซน แต่เซนก็ยังตามมาเรื่อยๆ
“เดี๋ยว เซน นี่มันอะไรกันเนี่ย??”
“มึงหักหลังกู มึงพยายามจะฆ่ากูที่นั่น” เซนพูดขึ้น
“เดี๋ยวก่อน ฉันไม่รู้เรื่อง พวก UNASO มันจัดการเอง ฉันไม่รู้ด้วย เห็นแก่คิฮาระสิ คิฮาระรอนายอยู่นะ”
“คิฮาระเหรอ เธออยู่ที่ไหน??” เซนถามไป
“เธอรักษาตัวอยู่ในนั้น” เชอร์รี่พูดขึ้น และในตอนนั้นเซนก็รีบวิ่งเข้าไปในทันที ส่วนเชอร์รี่ก็อาศัยจังหวะนั้นลากสังขารของเธอหนีออกไป เซนวิ่งเข้าไปหาคิฮาระในห้องห้องนั้น ซึ่งนักวิทยาศาตร์สองคนกำลังเข็นเธอออกไปที่ไหนซักแห่ง เซนเห็นในตอนนั้นก็ชักปืนเล็งนักวิทยาศาสตร์พวกนั้นในทันที
“พวกแกจะเอาเธอไปไหน??” เซนถามไป
“เออ เธอตายแล้วครับ”
“ห่ะ ตายแล้ว เป็นไปได้ยังไง??” เซนถามไป
“อายุขัยของเธอหมดแล้ว เราช่วยเธอไม่ได้แล้วครับ” เซนได้ยินดังนั้นก็น้ำตาถึงกับตกออกมาโดยไม่รู้สาเหตุ
“พวกมึงห้ามเอาเธอไปไหนเด็ดขาด จะไปไหนก็ไป!!” เซนตะโกนออกมา และในตอนนั้นเขาก็รีบวิ่งกลับไปหาเชอร์รี่อย่างรวดเร็ว เซนตามรอยเลือดของเชอร์รี่ไป จนกระทั่งไล่ตามเธอทัน เชอร์รี่กำลังจะไปที่รถ แต่เซนก็ยิงเธอเข้าที่กลางหลังอีกรอบ
“ปัง!!”
เชอร์รี่ล้มลงไปด้านข้างรถอย่างรวดเร็ว เชอร์รี่พยายามคลานไปที่รถ เซนค่อยๆเดินตามไล่หลังเธอไป จนกระทั่งถึงตัวของเชอร์รี่ เซนก็กระหน่ำยิงเธอจากด้านหลังไปจนหมดแม็ก
“ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”
หลังจากที่ฆ่าเชอร์รี่เสร็จ ตัวของเซนก็รีบกลับเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว เซนรีบไปที่ร่างของคิฮาระบนเตียง จากนั้นก็ไปกอดเธอ ในตอนนี้อาการของเซนราวกับใจจะขาด เขาร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใคร ครั้งหนึ่งเขาเคยเสียน้องสาว มาวันนี้ตัวของเขายังต้องเสียคนรักไปอีก
“ฉันขอโทษ ฉันมันไร้ประโยชน์จริงๆ” เซนพูดออกไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีกองกำลังติดอาวุธนับสิบบุกเข้ามาในโกดังเพื่อช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ พวกนั้นบุกเข้าไปล้อมเซน จากนั้นก็ตะโกนบอกเซนในทันที
“วางอาวุธลง!!”
ตัวของเซนไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มรับชะตากรรมของเขา จากนั้นเขาก็เล็งปืนใส่เจ้าหน้าที่พวกนั้นในทันที
“ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”
กลับมายังถ้ำของวิบัติ ในตอนนี้ตัวของเขาได้พยายามโหมฝึกฝนวิชาขั้นสุดท้ายของเขาอย่างหนัก แต่ดูเหมือนว่าความสำเร็จนั้นค่อนข้างจะเลือนลาง วิบัตินั่งไปเรื่อยๆจนถึงขั้นอ้วกเป็นเลือดออกมา
“พรึ่ก!!”
“นายท่าน!!” วิญญาณรับใช้เห็นและพยายามจะเข้ามาช่วย
“ไม่ต้อง ข้าไม่เป็นไร” วิบัติตอบกลับมา
“แต่นายท่าน นายท่านอาจจักตายอีกครานะขอรับ” วิญญาณรับใช้ของเขาพูดปรามไป ในขณะที่วิบัติได้แต่มองวิญญ๊ณเมืองผาที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าเขา
“มันต้องสำเร็จสิ ข้าจักลองอีกครา” วิบัติพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็กลับไปนั่งสมาธิต่อเพื่อรวบรวมวิญญาณมาฝึกฝนวิชาของเขา แม้ว่าร่างกายของเขาจะต่อต้านแล้วก็ตาม แต่จู่ๆ ในตอนนั้น ร่างกายของเขาก็ค่อยๆกลายสภาพเป็นสีดำมากขึ้น รวมถึงวิญญาณของเมืองผาก็กลายเป็นสีดำเหมือนกัน
“นายท่าน” วิญญาณรับใช้ตนนั้นพูดอย่างตื่นเต้น
“ดูเหมือนจักใกล้ความจริงมาแล้ว” วิบัติพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง วิญญาณรับใช้อีกตนก็รีบมารายงานอะไรบางอย่างกับวิบัติอย่างรวดเร็ว
“นายท่าน ไอ้โซนิคที่ท่านตามล่ามันกำลังจักก่อสงครามอีกคราแล้ว มันกำลังระดมกองกำลังผู้เกิดใหม่เพื่อทำลายโลกนี้!!”
“ไม่ได้การเสียแล้ว เพลานี้วิชาของข้าใกล้จักสมบูรณ์แล้ว พวกเจ้าอย่าช้าที เร่งไประดมวิญญาณของพวกเราทั้งหมดมารวมตัวกัน เราจักเตรียมออกศึก!!” วิบัติตะโกนออกมา
ณ เขตน่านฟ้าอินเดีย เครื่องบินของ สส.สุรสิงห์ได้บินเหนือน่านฟ้าเพื่อเดินทางไปสวิส ตัวของเขาได้แต่นั่งเศร้ากับเรื่องที่เขาทำมาทั้งหมด เขาเก็บตัวเงียบและไม่พูดจากับใครเลย โดยที่เลขาของเขาก็ได้แต่คอยดุเขาอยู่ไม่ห่าง
“ท่านคะ โอเคนะคะ??”
“จะว่าไป นี่มันก็เหมือนกรรมของฉันเลยนะ” นายสิงห์พูดขึ้น
“อย่าพูดแบบนั้นสิคะท่าน” เลขาของเขาพูดขึ้น
“ว่าแต่ เรื่องที่จะเอาคืนพวกคนในพรรคที่ทำกับฉันหล่ะ ไปถึงไหนแล้ว??” นายสิงห์ถามไป
“ตอนนี้พร้อมจัดการแล้วค่ะ”
“ดี ให้พวกมันเจ็บเหมือนกับที่เคยทำกับฉัน ฉันทำครั้งนี้แล้วฉันจะไม่ทำอะไรระยำอีกแล้ว ฉันเหนื่อยเหลือเกินที่จะต้องหนีบ่วงกรรมที่ฉันก่อ” นายสิงห์พูดขึ้น
“ค่ะท่าน ดิฉันเข้าใจ”
“เวรกรรมไม่มาลงกับฉัน แต่มาลงที่ลูกฉัน มันก็คงสาสมกับที่ฉันทำแล้วหล่ะ” นายสิงห์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ยกเหล้าขึ้นดื่มต่อ
“เดี๋ยวฉันจะไปหาอาหารมาให้นะคะ”
“ยังไม่ต้องหรอก เธอไปจัดการตามที่ฉันบอกก็แล้วกัน” นายสิงห์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ดื่มเหล้าต่ออย่างรวดเร็วเพื่อลืมความทุกข์ที่เขาเจอ
“ฉันผิดเอง ฉันขอโทษไอ้ลูกชาย”
ณ ตึกสำนักงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย ในตอนนี้กองกำลังผู้เกิดใหม่ได้เข้ายึดตึกซึ่งมีเจ้าหน้าที่มากมายอยู่ด้านใน เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหารมากมายพยายามล้อมตึกเพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ แต่ก็บุกเข้าไปไม่ได้เพราะไม่สามารถทำอะไรกลุ่มผู้เกิดใหม่ได้เลย โดรนของดันเต้ก็ได้บินเหนือน่านฟ้าของตึก กลุ่มผู้เกิดใหม่ที่อยู่ด้านในก็พากันตกใจ
“เฮ้ย พวกมันมาแล้ว!!”
“ปังๆๆๆๆๆ”
ปืนของโดรนยิงลงใส่กลุ่มผู้เกิดใหม่ที่อยู่ด้านล่างอย่างดุเดือด ทำเอากลุ่มผู้เกิดใหม่ที่อยู่ด้านล่างถึงกับล้มตายกันไปมากมาย และในขณะเดียวกัน ภาภินก็รายงานสถานการณ์บอกกับนาวินอย่างรวดเร็ว
“พี่วิน ตอนนี้ตัวประกันทุกคนอยู่ในห้องนิรภัย ตอนนี้พวกมันยังบุกเข้าไปไม่ได้ แต่ถ้าไฟสำรองหมด พวกมันบุกเข้าไปได้แน่ครับ!!”
“อืม เข้าใจแล้ว พยายามถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุดแล้วกัน” นาวินบอกกับภาภินไป
“ฉันลุยก่อนเอง!!” โจไซอาห์กระโดดลงไปพร้อมกับแปลงร่างเป็นครุฑเหมือนเดิม จากนั้นก็ร่อนลงไปจัดการกลุ่มผู้เกิดใหม่ด้านล่าง
“เดี๋ยว รอด้วยสิ!!” อินเนสซ่าพูดขึ้นจากนั้นก็แปลงร่างเป็นนาคไปบ้าง อินเนสซ่าพ่นไฟใส่พวกมันทุกคนที่เธอเห็น จากนั้นไม่นาน โดรนของดันเต้ก็ร่อนลงจอดที่พื้นอย่างรวดเร็ว และคนอื่นๆก็รีบลงจากโดรนอย่างรวดเร็ว
“รีบเข้าไปช่วยคนก่อน ฉันจะสกัดเจ้าหน้าที่ไว้!!” ดันเต้พูดขึ้น จากนั้นเขาก็สร้างกำแพงน้ำแข็งเพื่อขวางทางเจ้าหน้าที่ที่กำลังเข้ามายังพื้นที่ ส่วนคนอื่นๆก็บุกเข้าไปในตึกเพื่อช่วยเหลือตัวประกันด้านใน
“พวกเรา รีบไปที่ห้องนิรภัยเลย!!” นาวินพูดขึ้นจากนั้นก็ยิงใส่พวกมัน และชักมีดออกมาปาดคอมันด้วย ในระหว่างที่มีการปะทะกัน อากิระก็เห็นชายที่เคยใส่ความเขาอยู่ที่นั่น ตัวของอากิระรีบไล่ตามมันไปในทันที
“มึงจะไปไหน??” อากิระตะโกนออกมาและยิงใส่ทุกคนที่ขวางทาง ชายคนนั้นเมื่อได้เห็นอากิระก็รีบหนีอย่างรวดเร็ว
“อากิระ รอด้วยสิ!!” ฮารุพูดขึ้นจากนั้นก็ขว้างลูกไฟใส่พวกมันจนกระเด็นไปคนละทาง
“ระวัง!!” เวียนเห็นผู้เกิดใหม่คนหนึ่งเล็งปืนใส่คนอื่นๆด้านบน เธอเลยใช้พลังจิตยกร่างของมันและเหวี่ยงมันลงพื้น
“เราต้องรีบจัดการ ก่อนที่พวกนั้นจะเข้ามา” นายลุ้นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็หยิบไพ่ Superhumans ขึ้นมา แต่คราวนี้เขาหยิบไพ่ทาโร่ต์ใบใหม่ของเขามาด้วย ทำให้เขาสามารถจั่วไพ่ได้อีกใบ
“Bulletproof”
เมื่อนายลุ้นได้ไพ่ก็วิ่งฝ่าคนพวกมันและฆ่าพวกมันตายอย่างรวดเร็ว มันพยายามยิงใส่ลุ้นแต่ลุ้นก็ไม่เป็นอะไรเลย
“โลร็องต์ นายไปจัดการตรงนั้น!!” ลูโดวิกพูดขึ้น จากนั้นก็วิ่งไปปาดคอพวกมันทุกคนอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ มีดีแค่นี้เหรอวะ??” โลร็องต์พูดขึ้นพลางใช้มีดแทงหัวใจของมันทุกคน
“พวกมันเหลืออีกเยอะมั้ยคะเนี่ย??” ลาลินตะโกนออกมา ในขณะที่เธอปาระเบิดควันพิษใส่แนวรับของพวกมัน จนพวกมันแตกกระเจิงไปคนละทาง
“ไม่ต้องห่วงนะครับ พวกมันคงเหลือไม่มากแล้ว” ซีโร่พูดขึ้น จากนั้นก็พยายามยิงใส่พวกมัน
“มึงจะขวางกูเหรอ??” ลันโทสตะโกนออกมา และใช้พลังแม่เหล็กไฟฟ้าช็อตและทำลายปืนของพวกมัน จากนั้นก็ยิงพวกมันจนตายเรียบ
“อากิระไปไหนเนี่ย??” อัญชันตะโกนออกมา จากนั้นก็ถือปืนไล่ตามอากิระไป อากิระตามชายคนนั้นไปอย่างรวดเร็ว มันพยายามยิงใส่อากิระที่ขา
“โอ๊ย!!”
ความเจ็บปวดสะท้อนกลับมาที่ขาของมัน ทำเอาตัวของมันถึงกัลป์เซและล้มลง อากิระรีบวิ่งต่อไปจับตัวมันมาในทันที จากนั้นก็ต่อยหน้ามันไป
“ตุ๊บ!!”
“เดี๋ยวๆๆๆๆ เย็นไว้ก่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันโดนบังคับ!!” ชายคนนั้นพูดขึ้นและพยายามร้องขอชีวิตกับอากิระ
“เออหว่ะ นี่กูก็โดนบังคับเหมือนกันหว่ะ”
“ปัง!!”
อากิระยิงตัดขั้วหัวใจหมอนั่นจนตายคาที่ และไม่นานนัก เขาก็เดินกลับไปหาอัญชันที่ยืนรอเขาอยู่ตรงนั้น
ทางด้านของนาวิน กลุ่มของนาวินรีบบุกเข้าไปยังห้องนิรภัยหลังจากที่กำจัดพวกผู้เกิดใหม่ได้เกือบหมดแล้ว แต่ว่าประตูนิรภัยก็ยังคงทำงานอยู่ จนกระทั่ง
“แอ๊ด!!”
ประตูก็เปิดออกมาอย่างง่ายดาย ในตอนนั้นพวกเขาได้เห็นเจ้าหน้าที่หลายชีวิตอยู่ด้านในด้วยความหวาดกลัว
“ทุกคนปลอดภัยแล้วนะคะ ออกไปข้างนอกด้วยค่ะ” พัตติยาพูดขึ้น จากนั้นกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
“รีบกลับไปขึ้นยานดีกว่า” นาวินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทุกคนก็รีบออกไปที่ด้านนอกตึก ซึ่งในตอนนี้ดันเต้กำลังนั่งเหนื่อยอยู่ที่ยาน พวกเขารีบไปหาดันเต้กันอย่างรวดเร็ว
“ผมต้านไม่อยู่แล้ว เราต้องรีบไปแล้ว”
“ครับ ถ้าอย่างงั้นเรารีบไปกันเถอะครับ” นาวินบอกกับทุกคนไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็พากันขึ้นยานและหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเจ้าหน้าที่ที่บุกเข้ามาได้ก็ไม่ได้ตามพวกของนาวินไป เพราะพวกเขาต้องช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่หนีออกมาจากตึกอย่างชุลมุน ทำให้พวกของนาวินหนีรอดมาได้
===================================================================
ดูเหมือนว่าโซนิคเองกำลังจะเตรียมวางแผนเพื่อโจมตีครั้งใหญ่ นาวินและพรรคพวกจะขัดขวางได้สำเร็จหรือไม่ อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย
https://ko-fi.com/shinobinon ถูกใจนิยาย อยากเลี้ยงกาแฟผม จัดเลย
ความคิดเห็น