ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My War - สงครามที่ไม่ได้เลือก

    ลำดับตอนที่ #24 : EP 18 : การจู่โจมครั้งใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 62


    ลูกปืนใหญ่ของฝ่ายรัฐบาลยิงใส่เขตของกลุ่มกบฏทั้งวันทั้งคืน และยังตกไปยังเขตอื่นใกล้เคียงทำเอากลุ่มกบฏที่อยู่ด้านใน ส่วนรอบๆเขต ซึ่งเป็นที่ตั้งของอพาร์ทเม้นท์ของนอร์รีนด้วย เสียงปืนใหญ่และแรงระเบิดสั่นสะเทือนไปทั่ว พวกของนอร์รีนพยายามหาที่หลบอยู่ด้านในตึกเพื่อป้องกันตัวเอง

    ในห้องของนอร์รีน นอร์รีนพามิเชลไปหลบในห้องของเขา ซึ่งน่าจะช่วยกันลูกปืนใหญ่ได้

    นอร์รีน : ไม่ต้องกลัวนะมิเชล เดี๋ยวมันก็หยุดเอง // เขากอดมิเชลเอาไว้

    มิเชล : ฉันกลัวจังเลยนอร์รีน

    นอร์รีน : ไม่เป็นไรนะ ฉันจะกอดเธอไว้แบบนี้หล่ะ

    มิเชล : นี่มันเรื่องอะไรกันหล่ะเนี่ย

    นอร์รีน : สงสัยพวกรัฐบาลคงจะทำการโจมตีระลอกใหม่หน่ะ

    มิเชล : แบบนี้ไม่ดีแน่ ฉันจะส่งข่าวไปให้กับโลกภายนอกอีกครั้ง

    นอร์รีน : ฉันรู้ แต่ว่าโดนตัดขาแบบนี้ เธอจะทำยังไงหล่ะ

    มิเชล : ฉันจะติดต่อกับกลุ่มกบฏ เพื่อส่งข่าวไปเอง

    นอร์รีน : ถ้างั้นฉันจะลองหาทางช่วยก็แล้วกัน

    ในห้องของยูจีน ในตอนนั้นเองมินโฮพายูจีนไปหลบอยู่มุมห้องใต้โต๊ะเพื่อป้องกันไม่ให้อะไรตกใส่หัวพวกเขา ยูจีนกอดมินโฮเอาไว้ด้วยความกลัว

    ยูจีน : นี่มันอะไรกันเนี่ย

    มินโฮ : ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะอยู่ตรงนี้กับเธอเอง

    ยูจีน : แล้วคนอื่นๆเป็นยังไงบ้างหล่ะ

    มินโฮ : ฉันไม่รู้เหมือนกัน คงต้องรอให้ปืนใหญ่หยุดยิงก่อนหล่ะ

    ยูจีน : ฉันว่าฉันจะออกไปหน่ะ ฉันจะไปตามล่าคนที่ฆ่าแฟนเก่าหน่ะ

    มินโฮ : ว่าแต่ เธอรู้ตัวคนที่ทำแล้วงั้นเหรอ

    ในห้องของอลิซและมิสซึ ในตอนนั้นเองโทนี่และเอสเทอร์ก็เข้ามาหลบด้านในด้วย

    โทนี่ : มิสซึ นายเก็บอาหารของเราไว้หรือยัง

    มิสซึ : แน่นอน ฉันเก็บเอาไว้แล้วหล่ะ

    อลิซ : สงสัยมันคิดจะถล่มที่นี่แหงะๆ

    เอสเทอร์ : ไม่หรอก สงสัยมันคงจะถล่มกลุ่มกบฎหน่ะ

    มิสซึ : แล้วเราก็ดันมาแป๊กอยู่ตรงกลางเนี่ยนะ

    โทนี่ : จะกลัวอะไรหล่ะ พวกมันจ้องจะยิงหัวเราลูกเดียวอยู่แล้ว

    อลิซ : แล้วเมื่อไหร่สหประชาชาติจะมาช่วยเราเนี่ย

    เอสเทอร์ : เรื่องนี้คงต้องถามคุณอนูวาหน่ะ

    โทนี่ : นั่นสิ หรือว่าพวกนั้นจะใช้เรารบแทนไปก่อนหน่ะ

    มิสซึ : กว่าเรื่องจะจบเราคงตายกันหมดแน่

    เอสเทอร์ : เฮ้อ ต่อให้มีอะไรกัน ก็ใช่ว่าจะมีความสุขนะเนี่ย

    อลิซ : ก็คงจะเป็นแบบนั้น ฉันเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ

    ในห้องของตะวันและอนูวา ในตอนนั้นเองทั้งคู่กอดกันเพื่อปกป้องกันและกันไว้ ในระหว่างนั้นเองไลฟ์และเอจิก็วิ่งเข้ามาในห้องเพื่อมาหาที่หลบด้วย

    ไลฟ์ : คุณอนูวา เราขอมาหลบด้วยนะคะ

    อนูวา : ได้สิจ๊ะ พวกเธอเป็นอะไรกันหรือเปล่า

    เอจิ : พวกเรายังโอเคอยู่ครับ ดูเหมือนปืนใหญ่จะยิงไปทางอื่นนะครับ // เอจิเอามือลูบหัวฮาจิไว้

    ตะวัน : ดูเหมือนพวกมันจะโจมตีอีกครั้งหน่ะครับ

    อนูวา : ถ้าเป็นแบบนี้เราลำบากแน่ๆนะ

    เอจิ : ผมว่าเรารีบหนีออกไปจากเมืองนี้น่าจะดีกว่านะครับ

    ไลฟ์ : ไม่ได้หรอก พวกนั้นล้อมเมืองเอาไว้หมดแล้ว

    ตะวัน : ใช่แล้วครับ ไม่รู้ว่าลูกน้องของผมจะหาทางออกไปได้หรือเปล่า

    ไลฟ์ : แล้วคราวนี้พวกเราจะรอดมั้ยหล่ะคะเนี่ย

    เอจิ : ต้องรอดสิ ฉันกับเธอจะไม่ตายที่นี่หรอก

    อนูวา : ฉันจะลองติดต่อกับพ่อฉันดู ดูว่าเขาจะมีแผนอะไรต่อไปนะ

    ตะวัน : ก็ดีนะ ลองติดต่อดูสิ

    ที่ห้องรับแขกด้านล่าง ในตอนนั้นอรุณเพิ่งจะติดต่อไปยังฐานใหญ่ของไทย โดยที่เขาแจ้งไปว่าเขาเจอตัวผู้พันตะวันแล้วแต่ยังพามาไม่ได้เนื่องจากว่าถูกปิดล้อม ในตอนนั้นเองพวกเขาก็มาปรึกษากันว่าจะเอายังไงต่อ

    เดชา : หัวหน้า ติดต่อที่หน่วยไปหรือยังครับ

    อรุณ : ใช่ๆ ที่หน่วยบอกเราต้องพาผู้พันออกมาให้เร็วที่สุด

    ในขณะเดียวกัน อลันและฮาน่าก็เดินผ่านมาพอดี พวกเขาเดินมาคุยกับทหารไทยที่อยู่ตรงนั้น

    อลัน : อ้าวพวกคุณ พวกคุณไม่หาที่หลบกันเหรอ

    จินตโล : หาที่หลบเหรอ นั่นไม่ใช่แนวพวกเราหน่ะ

    ฮาน่า : ว่าแต่ พวกคุณจะพาคุณตะวันไปเหรอคะ

    เนตร : ใช่ครับ นี่คืองานของพวกเราครับ

    เจตนา : ว่าแต่ พวกคุณอยู่ฝ่ายกบฏอย่างงั้นเหรอ

    อลัน : อ้อครับ ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นยังไงกันบ้าง

    อรุณ : ตอนนี้สถานการณ์ของพวกกบฏน่าจะดีขึ้นนะ

    เดชา : ใช่ ก็ทางสหประชาชาติเริ่มจะให้การช่วยเหลือแล้วนี่

    ฮาน่า : เมื่อไหร่เขาจะบุกเข้ามาหล่ะคะ

    เจตนา : ผมก็ไม่รู้ แต่คงอีกไม่นานหล่ะ

    จินตโล : นั่นสิ ฉันว่ารอดูว่าพวกนั้นจะเอายังไงดีกว่า

    เนตร : คงงั้นหน่ะ อยู่ที่นี่กันซักพักก็แล้วกัน

    ในห้องของซีโร่และบารีร่า ในตอนนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ยังหลบกระสุนปืนใหญ่อยู่ด้วยกันในห้อง

    บารีร่า : พวกนั้นจะยิงไปถึงไหนกันเนี่ย

    ซีโร่ : นี่เธอไม่กลัวแล้วงั้นเหรอ

    บารีร่า : ฉันว่าฉันเริ่มจะชินซะแล้วหล่ะ

    ซีโร่ : ก็ดีนะ ชินไว้หน่อยก็ดีนี่

    บารีร่า : เมื่อไหร่เรื่องนี้มันจะจบซะทีหล่ะเนี่ย

    ซีโร่ : ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน

     

    และที่ด้านนอก ชาวบ้านคนอื่นๆก็หาที่หลบกันให้วุ่น ซึ่งพวกของทาเคชิก็หาที่หลบเหมือนกัน พวกเขาพาสาวๆไปหลบในตึกแห่งหนึ่งที่อยู่ละแวกนั้น

    อามินะ : นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย

    ทาเคชิ : สงสัยมันคงจะเริ่มจะโจมตีครั้งใหม่หน่ะ

    ชิสา : ตายแล้ว แบบนี้เราจะทำยังไงหล่าคะเนี่ย

    อัลเบิร์ต : ใจเย็นๆก่อนนะ ผมไม่ให้พวกคุณเป็นอะไรหรอก

    ดราก้อน : ว่าแต่ นี่พวกเราติดต่อกับคนที่จะช่วยพวกเธอได้หรือยัง

    ซุนฮยอน : ยังเลย ตอนนี้คนของสถานทฦตก็หนีไปหมดแล้ว

    ไคล่า : ตอนนี้ฉันไม่กกังวลเรื่องพวกนั้นแล้วหล่ะ

    ยู่อี๋ : ใช่ๆ พวกคุณไม่ต้องรีบหรอก เพราะฉันอยู่กับพวกคุรรู้สึกลอดภัยหน่ะ

    ริกโก้ : ว่าแต่ เรื่องสงครามนี่จะเอายังไงกันต่อหล่ะ

    จียอน : อ้าว พวกคุณต้องไปทำสงครามต่อเหรอคะ

    ไซม่อน : ไม่ใช่หรอกจ้ะ แค่เราทิ้งกลุ่มของเราไม่ได้หน่ะ

    ซาซอน : ฉันเข้าใจค่ะ ยังไงก็ขอให้โชคดีนะคะ

    มีกัส : แต่ผมไม่มีทางทิ้งพวกคุณแน่นอนครับ

    ซนแซ : อุ๊ย น่ารักจัง ขอบคุณจริงๆนะคะ

    ทาเคชิ : ผมว่านะ ตอนนี้เรารีบกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ก่อนดีกว่า

    อามินะ : แล้วเราจะกลับไปยังไงหล่ะคะ มันอันตราย

    อัลเบิร์ต : ผมมีวิธี พวกคุณตามผมมาก็แล้วกัน

    อัลเบิร์ตนำทางทุกคนมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงถนนแห่งหนึ่งซึ่งถ้าข้ามไปได้ก็ไปยังอพาร์ทเม้นท์ได้ ในตอนนั้นเองดราก้อนก็ให้สัญญาณคนอื่นๆให้ข้ามไป

    ดราก้อน : เอาหล่ะครับ ถ้าผมให้สัญญาณ ทุกคนรีบวิ่งไปให้ไวเลยนะครับ

    ชิสา : ฉันกลัวว่าจะวิ่งไม่ออกหน่ะสิเนี่ย

    ไคล่า : ใช่ ฉันชักเริ่มจะกลัวๆแล้วหล่ะ

    มีกัส : ไม่ต้องกลัวนะ ยังไงก็จับมือกันไว้ก็แล้วกันนะครับ

    หลังจากที่ปืนใหญ่หยุดยิงเป็นระยะ อัลเบิร์ตก็ให้สัญญาณทุกคนวิ่งข้ามไป ในตอนนั้นเองทุกคนก็วิ่งกันมาจนเกือบจะครบทุกคนแล้ว

    ริกโก้ : เฮ้อ ในที่สุดก็ข้ามมาได้แล้วสิ

    จียอน : เหลือยู่อี๋ที่ยังไม่มีหน่ะสิเนี่ย

    ไซม่อน : ไม่ต้องห่วง ตอนนี้อัลเบิร์ตกำลังให้สัญญาณอยู่หน่ะ

    ในตอนนั้นเอง อัลเบิร์ตก็ให้สัญญาณยู่อี๋กับซุนฮยอนมา

    ซนแซ : รีบวิ่งมาเร็วยู่อี๋ ไม่ต้องกลัว

    ซาซอน : ใช่ๆ ไม่ต้องกลัว พวกเรารอเธออยู่ตรงนี้นะ

    ในตอนนั้นเอง ซุนฮยอนจับมือยู่อี๋แล้วก็พาเธอวิ่งไป

    ซุนฮยอน : ตั้งสติ จับมือฉันไว้นะ ฉันจะดูแลเธอเอง

    หลังจากที่พวกเขาทั้งคู่ข้ามมาได้อย่างปลอดภัย พวกเขาก็โล่งใจในทันที

    ยู่อี๋ : ขอบคุณมากๆเลยนะคะ // เธอหอมแก้มซุนฮยอนไปหนึ่งที

    ทาเคชิ : ผมว่าเรารีบไปจากที่นี่กันดีกว่านะครับ

    พวกเขารีบเดินทางกลับไปยังอพาร์ทเม้นท์ของนอร์รีนในทันทีเพื่อหาที่หลบภัย

     

    กลับมายังบ้านหลังหนึ่งในเขตชานเมือง หน่วยดอว์นซอร์ดเพิ่งจะจับตัวซีวิลไปในบ้าน และเค้นความลับทุกอย่างจากเขา เนื่องจากว่าซีวิลนั่นค่อนข้างที่จะขี้ขลาด เขาจึงคายความลับออกมาได้ไม่ยากเท่าไหร่ หลังจากที่คาสเตอร์ข่มขู่เขานิดหน่อย ซีวิลก็ยอมคายทุกอย่างออกมา

    ซีวิล : อย่าทำอะไรผมเลย ผมยอมแล้ว

    คาสเตอร์ : ถ้างั้นมึงบอกมา ว่ามึงเป็นพวกกับโจเซฟหรือเปล่า

    ซีวิล : เขาแค่ช่วยผมไว้จากในเมือง ผมไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่

    อีริค : เรื่องอะไรจะเชื่อไอ้ตุ๋งติ๋งอย่างมึงวะ

    เควิน : แล้วแกรู้อะไรเกี่ยวกับโจเซฟบ้าง

    ซีวิล : ผมไม่รู้ รู้แค่เขามีลูกสาว สวยซะด้วยนะ

    อเล็กซ่า : นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันอยากจะรู้ซะหน่อย

    คาสเตอร์ : ฉันแค่อยากรู้ว่ามันจะมีแผนอะไร จะทำอะไรต่อ

    อีริค : บอกมาเร็วๆ ฉันไม่มีเวลาทั้งวันนะเว้ย

    ซีวิล : ผมได้ยินว่าเขาจะย้ายค่ายไปใกล้เมืองหลวงมากขึ้นหน่ะ แต่ผมไม่รู้ว่าค่ายนั่นอยู่ที่ไหน

    อเล็กซ่า : ค่ายใหม่งั้นเหรอ เหมือนว่าฉันจะรู้นะ

    เควิน : ถ้าอย่างงั้น ไปบอกหัวหน้าของเราดีกว่า

    และที่ด้านนอกบ้าน ซิลเวสเตอร์และอเล็กซานเดอร์กำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับแผนการต่อไป

    อเล็กซานเดอร์ : ไม่รู้ว่าเปิดปากไอ้หมอนั่นได้หรือยังนะ

    ซิลเวสเตอร์ : ใจเย็นสิ เพิ่งจะเข้าไปได้ไม่นานเองนะ

    จากนั้นไม่นานลูกน้องคนอื่นๆของเขาก็ออกมาจากบ้าน

    เควิน : ท่านครับ เราเพิ่งจะได้ข้อมูลมาใหม่ครับ

    อีริค : ใช่ครับ มันบอกว่าโจเซฟมันจะหนีไปกบดานที่ค่ายใหม่ใกล้เมืองครับ

    ซิลเวสเตอร์ : ค่ายใหม่อย่างงั้นเหรอ

    อเล็กซ่า : จะว่าไปมีการก่อสร้างใหญ่ที่เขตตะวันออก ฉันว่าน่าจะเป็นที่นั่นหน่ะค่ะ

    คาสเตอร์ : แล้วเราจะเอายังไงต่อหล่ะครับ

    อเล็กซานเดอร์ : ไปที่ค่ายตะวันออกทันที ส่วนหมอนั่นก็ปล่อยมันไป มันไม่มีประโยชน์กับเราแล้ว

    และที่เขตก่อสร้างด้านตะวันออก ในตอนนั้นเองขบวนรถของโจเซฟก็มาถึงในไม่กี่อึดใจ จากนั้นรถก็เข้าไปจอดในที่จอดรถซึ่งดัดแปลงเป็นเซฟเฮ้าส์ของเขา จากนั้นไม่นานเขาก็ลงจากรถมาคุยกับลูกสาวของเขาทันที

    โจเซฟ : ในที่สุดก็ถึงจนได้ ค่ายที่ใหญ่ที่สุดของเรา

    มากิ : นั่นสิคะ ว่าแต่เรื่องซีวิลจะเอายังไงต่อคะ

    โจเซฟ : ไม่ต้องห่วงหรอก พวกนั้นไม่มีทางได้อะไรจากเขาไปแน่

    มากิ : แต่เขาอาจจะบอกที่ตั้งของค่ายเรานะคะ

    โจเซฟ : ค่ายนี้สร้างเพื่อรับมือพวกนั้นโดยเฉพาะน่า ตอนนี้กลับเข้าไปในบ้านดีกว่า

    มากิ : ได้ค่ะพ่อ

     

    ณ ถนนเส้นหนึ่งในเขตเมือง หลังจากที่คีธและจูซมนั่งรถเที่ยวกันเสร็จ ในตอนนั้นเองก็มีการยิงปืนใหญ่เข้าไปยังเขตของกลุ่มกบฏ ทำเอาทั้งคู่ต้องขับรถไปหลบในตึกแห่งหนึ่งเพื่อหลบภัย แต่ในตอนนั้นเองก็มีลูกปืนใหญ่ตกลงมาใกล้พวกเขาทำให้รถของเขาเสียหลัก พุ่งเข้าไปพุ่มไม้ คีธลุกขึ้นมาได้แต่จูซมโดนแรงระเบิดจนสลบไป

    คีธ : ทำใจดีๆไว้นะเธอ

    คีธแบกเธอเข้าไปในตึกแห่งหนึ่ง จากนั้นไม่นานเธอก็ฟื้นขึ้นมา ทำเอาคีธถึงกับดีใจแล้วก็กอดเธอ

    คีธ : นึกว่าเธอจะเป็นอะไรไปซะแล้ว

    จูซม : ฉันไม่เป็นไรหรอก แค่นี้สบายน่า // เธอกอดเขาตอบไป

    คีธ : ดูเหมือนว่าเราจะต้องหลบอยู่ที่นี่ซักพักนะ

    จูซม : แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันหล่ะคะ

    คีธ : ดูท่าทางรัฐบาลจะเริ่มโจมตีระลอกสองแล้วหล่ะ

    จูซม : แบบนี้เพื่อนๆฉันจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย

    คีธ : ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พวกผมคงคอยดูแลอยู่หน่ะ

    จูซม : อ้อค่ะ

     

    ณ บ้านพักกลางป่าหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตชานเมือง ซึ่งในตอนนั้นเองมีรถสามคันมาจอดไว้แถวนั้น จากนั้นก็มีนายทหารใหญ่สี่คนเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับลูกน้อง หลังจากที่พวกเขามาถึง พวกเขาก็เปิดประเด็นคุยกันในทันที

    เอาหล่ะ ผมขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ผมว่าประธานาธิบดีเริ่มจะใช้การไม่ได้แล้วหล่ะ

    ผมรู้ แต่ตอนนี้ท่านมีอำนาจสั่งการนี่หน่า พวกคุณกำลังคิดอะไรหล่ะ

    ผมว่า เราน่าจะรัฐประหารประธานาธิบดีซะเองเลยดีกว่า

    แล้วเรื่องกลุ่มกบฎหล่ะจะทำยังไง คุณจัดการได้เหรอ

    ผมพอจะมีวิธีจัดการกลุ่มกบฏก่อนที่ทาง UN จะเข้ามา คุณจะเอากับผมมั้ยหล่ะ

    ถ้าคุณพร้อม ผมก็พร้อม

    ผมกับกองทัพภาคที่มีก็ขอร่วมด้วยเหมือนกัน

    ในระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกัน มีหญิงสาวคนหนึ่งแอบอยู่บนเพดาน เธอฟังทุกอย่างที่พวกนายพลพูดกัน ในตอนนั้นเองเธอเผลอไปเตะของข้างบนเข้า ทำเอาพวกนายพลด้านล่างต้องชักปืนออกมาแล้วสั่งคนไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวคนนั้นแทรกตัวออกจากเพดาน จากนั้นก็กระโดดขึ้นต้นไม้แล้วหนีไปทันที ทหารพวกนั้นพยายามจะไล่ยิงเธอแต่ไม่ทันเพราะเนื่องจากเธอว่องไวมาก

    ท่านครับ มันหนีไปได้ครับ เราเห็นเป็นผู้หญิงที่หนีไปครับ

    เอสเมอรันด้าแน่ๆ ไม่มีเวลาแล้ว เราต้องรีบดำเนินการเดี๋ยวนี้เลย

     

    ในเขตของกลุ่มกบฏ ในตอนนั้นเองเร็นพาอันนาและอเล็กซ์กลับไปยังบ้านของพ่ออันนา ซึ่งบ้านหลังนั้นกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว อเล็กซ์เสียใจมากที่ได้เห็นภาพนั้น

    อเล็กซ์ : ฮือๆๆๆ คุณปู่ไม่อยู่แล้ว

    อันนา : อย่าเสียใจไปเลยลูก คุณปู่เขาไปดีแล้ว

    เร็น : ผมเสียใจด้วยนะครับกับเรื่องนี้ แล้วคุณจะทำยังไงต่อหล่ะครับ

    อันนา : ฉันว่าฉันจะพาอเล็กซ์กลับบ้านหน่ะค่ะ

    อเล็กซ์ : ผมอยากไปจากที่นี่ครับแม่

    เร็น : ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะพาคุณกลับบ้านเอง

    ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงปืนดังมาจากด้านข้างของพวกเขา ในตอนนั้นเองเร็นก็พาอันนาและอล็กซ์ขึ้นรถกระบะของเธอแล้วรีบขับพาเธอเข้าเมืองในทันที

    อเล็กซ์ : นี่เราจะกลับเข้าเมืองเหรอครับ

    เร็น : ใช่ ตอนนี้ท่าทางพวกมันคงจะเตรียมบุกรอบที่สองหล่ะ

    อันนา : แต่ดิฉันมีบัตรผ่านทางอยู่นะคะ

    เร็น : พวกนั้นไม่สนบัตรผ่านหรอกครับตอนนี้ มันคงฆ่าทุกคนแน่ๆ

    อันนา : แล้วเราจะกลับยังไงหล่ะคะ

    เร็น : ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมสัญญาว่าจะพาคุณกลับไปให้ได้

    และที่กลุ่มของเอ็ดเวิร์ด หลังจากที่มีการยิงปืนใหญ่ยิงเข้าไปในเขตของกลุ่มกบฏ เอ็ดเวิร์ดก็โดนเรียกตัวเพื่อไปรายงานตัวเป็นการด่วน

    เอ็ดเวิร์ด : คุณเรียกผมมีอะไรหรือเปล่าครับ

    ดูเหมือนว่าทางรัฐบาลเริ่มจะเตรียมบุกรอบที่สองแล้ว งานนี้พวกมันคงรีบปิดเกมแน่ๆก่อนทางสหประชาชาติจะบุกเข้ามา

    เทเรซ่า : แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงกันดีหล่ะคะ

    เราต้องปกป้องพื้นที่ไว้ 6 วัน จนกว่าทางสหประชาชาติจะมาช่วยหน่ะ

    ลูลู่ : 6 วัน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะถ้ามีกำลังพลแค่นี้

    เดม่อน : นั่นสิครับ กำลังพลเท่าที่มีคงต้านได้ไม่เกิน 4 วันหล่ะครับ

    ผมถึงได้เรียกพวกคุณมาคุยไง ผมอยากให้พวกคุณปลุกระดมชาวบ้านเพื่อช่วยสู้หน่ะ

    เอ็ดเวิร์ด : การปลุกระดมไม่ใช่ของง่ายๆเลยนะครับ

    เทเรซ่า : ใช่ค่ะ ต้องใช้เงินและอาวุธที่มากพอตัวเลย

    เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง แล้วติดต่อคุณอนูวาโดยด่วนเลย ให้พ่อของเธอส่งทหารมาช่วยเรา

    ลูลู่ : เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ดิฉันรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน

    เดม่อน : ถ้าอย่างงั้น เราก็รีบไปติดต่อพวกเขากันดีกว่า

    หลังจากที่พวกเขาเดินออกไป เทโจก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับชินเฮ เพื่อมาคุยกับหัวหน้าของกลุ่มในทันที

    อ้าว เทโจ ฉันรู้ว่านายดูแลคุณผู้หญิงท่านนี้อยู่ แต่ฉันมีเรื่องด่วนอยากให้นายรู้หน่ะ

    เทโจ : มีอะไรอย่างงั้นเหรอครับ ว่ามาเลยครับ

    ตอนนี้เท่าที่ทราบมา ทางรัฐบาลคงจะบุกมาอีกไม่นานหน่ะ

    ชินเฮ : นี่แสดงว่า พวกเราต้องโดนพวกเขาโจมตีอีกเหรอคะ

    อาจจะหนักกว่าแต่ก่อนหน่ะครับ เพราะอีกไม่กี่วันสหประชาชาติจะส่งกำลังเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ พวกนั้นคงต้องรีบจบเกมนี้โดยเร็วหน่ะ

    เทโจ : ว่าแต่ จะให้ผมทำอะไรหล่ะครับ

    นายดูแลคุณผู้หญิงคนนี้อยู่ใช่หรือเปล่า คุณต้องพยายามคุ้มครองเพื่อนๆของเธอไม่ให้เป็นอะไร แล้วเราคงต้องจัดการตั้งรับพวกนั้นด้วย

    ชินเฮ : ฉันรู้ค่ะว่าเพื่อนฉันอยู่ที่ไหน

    ครับ ยังไงก็ขอให้โชคดีนะครับจากนั้นไม่นานเทโจก็พาชินเฮกลับออกมา

    ชินเฮ : แบบนี้ต้องรีบไปเตือนเพื่อนฉันแล้วนะคะ

    เทโจ : นั่นสิครับ คุณรู้ใช่มั้ยครับว่าพวกเธออยู่ที่ไหน

    ชินเฮ : แน่นอนค่ะ ฉันจะพาคุณไปเอง

    เทโจ : ได้เลยครับ

     

    ณ ถนนเส้นหนึ่งแถบชานเมือง รถคันหรูคันหนึ่งของประธานาธิบดีกำลังแล่นไปตามถนน ในระหว่างนั้นเอง รถก็ดันจอดกะทันหัน ประธานาธิบดีสั่งลูกน้องให้ไปดูว่าด้านนอกรถมีอะไร แต่เมื่อลูกน้องไปตรวจสอบก็พบว่ามีแค่ท่อนไม้ล้มขวางทาง ลูกน้องของเขายกท่อนไม้ออกจากนั้นก็กลับไปขับรถต่อ จากนั้นรถก็ขับออกไป แต่สิ่งที่แปลกไปก็คือ ประธานาธิบดีมีคนมานั่งข้างๆกับเขาด้วย

    เอสเมอรันด้า นั่นฝีมือคุณใช่มั้ย

    แน่นอน ฉันมีเรื่องด่วนต้องบอกคุณ

    เรื่องอะไรของคุณอีกหล่ะ

    อย่าไว้ใจทหารของคุณ พวกนั้นกำลังวางแผนยึดอำนาจกันอยู่

    จริงเหรอ มันเป็นใครกันหล่ะเอสเมอรันด้าบอกชื่อของนายพลที่เธอรู้จัก

    เป็นพวกมันเองเหรอ ทำไมฉันถึงไม่สงสัยเลยหล่ะเนี่ย

    สงสัยไว้บ้างก็ดีนะ ฉันขอตัวก่อนหล่ะจากนั้นเอสเมอรันด้าก็กระโดดลงจากรถอย่างรวดเร็วและจากไปอย่างไว

    แกไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ห้ามบอกใครเด็ดขาดเขาบอกกับคนขับรถเพื่อย้ำเตือนไม่ให้ปากโป้ง

     

    กลับมายังกลุ่มของดีซ ในตอนนั้นเองพวกเขาก็ยังคงพักอยู่ที่กระท่อมแห่งเดิมเนื่องจากว่ายังไม่มีทหารมาตามล่าพวกเขา และในขณะเดียวกันนั้นเองดีซก็ได้ข่าวใหม่มาจากในเมือง เขาไม่รอช้ารีบมาแจ้งข่าวกับทุกคนในทันที

    ดีซ : เอาหล่ะ พวกแกมากันครบแล้วนะ

    จอห์นนี่ : มีความเคลื่อนไหวใหม่ของเซบาสเตียนใช่มั้ยครับ

    ดีซ : ไม่ งานนี้สำคัญยิ่งกว่า ลืมภารกิจเดิมไปก่อน ตอนนี้รัฐบาลกำลังเริ่มการโจมตีครั้งใหม่ พวกเราต้องกลับไปในตัวเมืองด่วนเลย

    เดอร์ริก : หะ พวกมันจะโจมตีอีกแล้วเหรอครับเนี่ย

    เอิร์ล : สงสัยว่าทางรัสเซียคงสนับสนุนอาวุธใหม่ให้พวกนั้นหล่ะ

    จอห์นนี่ : แล้วเราจะกลับไปตอนไหนกันดีล่ะครับ

    ดีซ : ตอนนี้เลย เอิร์ล นายไปเก็บของทั้งหมดเลย เดอร์ริก นายไปเช็คเส้นทางเข้าเมือง

    เอิร์ล : ได้เลยครับผม

    เดอร์ริก : ยังไงฝากเก็บของๆฉันด้วยแล้วกันนะเอิร์ล // เดอร์ริกรีบถือสไนเปอร์ไปยังเส้นทางหลักในตัวเมือง เพื่อตรวจสอบเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขา

     

    กลับมายังค่ายทหารของเวร่า ในตอนนั้นเองเธอก็กำลังตรวจเช็คกำลังพลของตัวเองว่าพอจะทำการใหญ่ได้หรือเปล่า เธอเรียกนายทหารเสนาธิการในกองทัพของเธอมาร่วมหารือกันในเรื่องนี้ด้วย

    เวร่า : ตอนนี้เรามีทหารอยู่เท่าไหร่

    เท่าที่ตรวจดู มีอยู่ 30000 ได้ครับ

    เวร่า : แล้วพวกยานพาหนะอื่นๆหล่ะ

    รถหุ้มเกราะ 500 คัน รถถัง 300 เฮลิคอปเตอร์จู่โจมอีก 100ครับ

    เวร่า : อืม ทหารของเราน่าจะพออยู่

    แต่ว่า พวกรัฐบาลมีกำลังพลมากกว่านี้ 4 เท่าเลยนะครับ

    ใช่ครับ ผมว่าเราควรไปเล่นงานพวกกบฏดีกว่า

    เวร่า : พวกคุณไม่รู้จริงๆเหรอ ตอนนี้แม้แต่กลุ่มกบฏยังเข้มแข็งกว่ารัฐบาลซะอีก

    ทำไมถึงคิดแบบนั้นหล่ะครับ

    เวร่า : สายข่าวของฉันบอกมาว่า ตอนนี้สหประชาชาติเริ่มส่งทหารรับจ้างไปแฝงตัวในกลุ่มกบฏแล้ว แถมยังแอบส่งอาวุธให้อีก พวกนั้นมีอาวุธบางอย่างที่ดีกว่าเราด้วยซ้ำ

    แล้วท่านคิดว่าพวกกบฏจะชนะเหรอครับ

    เวร่า : หรือว่าพวกคุณอยากจะขึ้นศาลในฐานะกบฏหล่ะ ก็แล้วแต่พวกคุณเลยนะ

    ครับ แต่เราต้องมีแผนการและทหารที่มากกว่านี้นะครับ

    เวร่า : ฉันรู้ว่าต้องจัดการยังไง ไปเตรียมรถให้ฉันหน่อย ฉันจะไปให้คุณมาร์ค

    ทหารของเธอไปเตรียมรถให้กับเธอในทันที

    กลับมายังโกดังของมาร์ค ในขณะที่เขากำลังนอนหลับอย่างสบายใจ จู่ๆก็มีเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นมาใกล้เขา ทำเอาเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา จากนั้นไม่นานเขาก็เรียกลูกน้องของเขามาในทันที

    มาร์ค : เฮ้ย นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย

    สงสัยว่าพวกรัฐบาลคงจะเริ่มการโจมตีครั้งใหม่ครับ

    มาร์ค : เหรอ แล้วพวกมันยิงไปทางไหนหล่ะ

    ทางด้านนั้นครับลูกน้องของมาร์คชี้เข้าไปในเมือง

    มาร์ค : พวกนั้นคงจะยิงเข้าไปที่เขตของพวกกบฏหน่ะ

    แล้วเราจะทำยังไงต่อดีครับ

    มาร์ค : รักษาของๆเราและเงินเอาไว้ พรุ่งนี้บอกลูกน้องคนอื่นๆด้วย ฉันมีเช็คเงินสดจะให้พวกมัน คนละแสนดอลล่าห์หน่ะ

    จริงเหรอครับนาย ขอบคุณครับ

    มาร์ค : เออ เตรียมเช็คให้คุณเวร่าแล้วหรือยัง

    เตรียมไว้แล้วครับ

    มาร์ค : ดี ไปจัดการตามนั้นก็แล้วกัน // จากนั้นไม่นานลูกน้องของมาร์คก็เรียกคนอื่นๆมาคุยด้วยในทันที

    เฮ้ย พวกแก อย่าหาว่าฉันไม่ช่วยพวกแกนะโว้ย คุณมาร์คจะให้เช็คเงินสดพวกเราคนละแสนดอลล่าห์ อย่าลืมไปเอาด้วยนะโว้ย

    แบบนี้ก็ดีหน่ะสิ ได้เงินซะที

     

    กลับมายังบ้านพักของเจซซิน หลังจากที่อนาตาเซียและอดอลล่าสลบไป พวกเขาก็ฟื้นขึ้นมาโดยที่ยังคงมีอาการมึนงงอยู่ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้

    อนาตาเซีย : นี่ อดอลล่า ตื่นแล้วเหรอเนี่ย

    อดอลล่า : ใช่ๆ แล้วเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

    ทั้งคู่ไม่รอช้าวิ่งลงไปด้านล่างของบ้าน ในตอนนั้นเองพวกเด็กๆก็เจอกับเวสต์และเจซซินที่กำลังรออยู่

    เวสต์ : ตื่นแล้วเหรอลูก รีบไปล้างหน้าแล้วมากินอะไรหน่อยสิ

    เจซซิน : ใช่ แม่เป็นห่วงลูกๆทั้งสองคนมากๆเลยนะ

    เด็กสองคนรีบไปล้างหน้าจากนั้นก็กลับมากินอาหารที่เวสต์และเจซซินเตรียมไว้ให้

    อดอลล่า : เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ

    เจซซิน : ก็ลูกๆง่วงนอนหน่ะสิ อยากออกไปข้างนอกอีกมั้ยหล่ะ

    เวสต์ : ใช่ ต่อไปนี้ไม่ต้องออกไปไหนนะ

    อนาตาเซีย : เฮ้อ คุณพ่อเวสต์พูดแบบน้อีกแล้วนะ

    เวสต์ : นี่ลูก เมื่อคืนที่เจอยังไม่เข็ดใช่มั้ย

    อดอลล่า : เฮ้อ ไม่ไหวเลยนะอนาตาเซีย

    เจซซิน : ลูกเองก็ใช่ย่อยที่ไหนหล่ะ คืนนี้เฝ้าบ้านไว้ก็แล้วกันนะ

    เด็กทั้งสองคนรีบตักอาหารเข้าปากด้วยความหิว ส่วนผู้ใหญ่ก็คอยดูแลเด็กเอาไว้

     

    กลับมายังเขตชานเมือง ฮาเข้าไปนั่งสงบสติอารมณ์ในบ้านหลังหนึ่งซึ่งพ้นจากวิถีของปืนใหญ่ เธอไปนั่งร้องไห้อยู่ในห้องๆหนึ่ง ภาพที่เด็กสาวคลาร่าตายในอ้อมอกเธอยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เธอไม่รู้ว่าชีวิตของเธอทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ ในขณะเดียวกัน มีชายคนหนึ่งเข้ามาในห้องของเธอ มันเห็นเธอจึงมองตาลุกวาวในทันที

    ว้าว น้องสาว น่ารักจริงๆเลย

    ฮา : แกต้องการอะไร อย่าเข้ามานะ

    แค่อยากสนุกกับเธอนิดหน่อย

    ฮา : ถ้าแกเข้ามาใกล้กว่านี้ ฉันฆ่าแกแน่

    ฉันไม่ทำเปล่าๆหรอก ฉันมีขนมปังให้เธอสามก้อน แล้วน้ำให้เธอขวดนึง สนใจมั้ยจ๊ะ

    ฮานิ่งเงียบไปพักนึง จากนั้นเธอก็หยิบขนมปังของเขามา แต่เขาดันตัวเธอลงนอนกับพื้น จากนั้นมันก็ถอดเสื้อเธอแล้วมีอะไรกับเธอบนพื้นตรงนั้น ในขณะที่ฮายังกินขนมปังไปด้วยและไม่ได้สนใจเขา

    ท่าทางจะหิวสินะน้องสาว กินไปก็แล้วกัน

    มันร่วมรักกับฮาแต่ฮาไม่สนใจเขา หลังจากเสร็จกิจมันก็ใส่กางเกงแล้วเดินออกไป

    เธอนี่สุดยอดจริงๆเลย เอ้านี่เป็นของแถม

    หมอนั่นโยนช็อคโกแลตหนึ่งแท่งให้กับเธอ เธอรีบหยิบมาอมในทันที จะคิดอะไรมากหล่ะ เธอเคยขายตัวมาแล้วนี่ จะขายอีกซักครั้งจะเป็นอะไรไปหล่ะ

     

    ณ เขตชานเมืองรอบนอก ผู้พันเซบาสเตียนจัดเตรียมกำลังพลถึง 3 กองพลเพื่อเตรียมบุกเข้าไปในเมือง เพื่อกวาดล้างกลุ่มกบฏครั้งสุดท้าย โดยที่ครั้งนี้มีทั้งทหารและอาวุธเต็มอัตราศึกมาก

    เซบาสเตียน : เอาหล่ะทหารทุกนาย พวกคุณมีเวลาแค่ 5 วันในการกำจัดกลุ่มกบฏให้สิ้นซาก เราจะค้นทุกตึก เผาบ้านทุกหลังที่เป็นที่ซ่อนของพวกมัน

    ท่านครับ ทำไมถึงมีเวลาแค่นั้นเองครับ

    เซบาสเตียน : เราต้องทัพก่อนที่พวกสหประชาชาติจะยกกำลังมาหน่ะสิ

    ครับท่าน แต่ว่าเวลาแค่นี้จะพอเหรอครับ

    เซบาสเตียน : พวกคุณมีเวลาแค่นี้ เพราะฉะนั้น ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าให้หมด

    ได้ครับท่าน

    จากนั้นเอง เซบาสเตียนก็ยิงปืนขึ้นฟ้า เพื่อเป็นสัญญาณว่ากองทัพของเขาจะบุกไปทำลายพวกกบฏให้สิ้นซากในคราวนี้

    =====================================================================

    ดูเหมือนว่ารัฐบาลเริ่มจะทำการกวาดล้างครั้งใหม่ กลุ่มกบฏจะรับมืออย่างไรแล้วพวกของนอร์รีนจะทำอย่างไรต่อไป ติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×