ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn Hero - เกิดอีกที ครั้งนี้ต้องลุย

    ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 19 : หทัยราชันย์

    • อัปเดตล่าสุด 23 ม.ค. 65


    ตัวของโซนิคค่อยๆเดินเข้าไปด้านในถ้ำ ในขณะที่กลุ่มของนาวินคนอื่นๆก็พยายามประคองตัวขึ้นมาเพื่อป้องกันตัว และไม่นานนัก โซนิคก็เดินมาอยู่ตรงหน้านาวินในทันที แล้วก็พูดกับเขา

    “อืม ในที่สุด ผมก็ได้เจอกับผู้ที่มีพลังอมตะซักที” 

    “เฮ้อ เจอแล้วยังไงวะ??” นาวินถามไป

    “ก็ไม่มีอะไร ผมแค่รู้สึกถูกชะตากับคุณนิดหน่อย ความจริงผมชิงพลังของคุณมาก็ยังได้” โซนิคพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง อากิระก็แอบหยิบปืนของเขาขึ้นมา จากนั้นก็ยิงไปทางโซนิคในทันที 

    “ปังๆๆๆ!!”

    โซนิคโดนกระสุนของอากิระเข้าไป แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาแทบจะไม่เป็นอะไรเลย เดวิดยิงสวนอากิระที่แขน กระสุนโดนเข้าไปที่แขนของอากิระ แต่แขนของเดวิดก็เจ็บไปด้วย

    “ระยำเอ้ย เจ็บชิบหายเลย!!” เดวิดพูดขึ้น และในตอนนั้นอากิระก็รีบไปหาที่หลบกระสุนอย่างรวดเร็ว 

    “แน่จริงเข้ามาเลยสิวะ!!” อากิระตะโกนออกมา จากนั้นลีน่าก็ชักปืนมายิงสวนอากิระไป แต่ในตอนนั้น เวียนก็ปล่อยพลังใส่ลีน่าในทันที

    “วิ้ง!!” คลื่นพลังถูกปล่อยออกไป แต่ลีน่าหลบได้อย่างหวุดหวิด 

    “เฮ้อ คิดว่าจะเก่ง แน่จริงก็มาเลย!!” เวียนพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน นาวินได้จังหวะก็ใช้แขนกลของเขาต่อยเข้าไปที่หน้าของโซนิค แต่โซนิคก็กันหมัดของนาวินเอาไว้ได้

    “นี่แก เป็นไปไม่ได้!!” นาวินพูดขึ้น

    “เฮ้อ ไม่ควรเลยจริงๆคุณวิน” โซนิคพูดขึ้นและเตะนาวินกระเด็นออกไป ฮารุปล่อยลูกไฟใส่กลุ่มของโซนิค ทำเอาพวกเขาถึงกับต้องหนีกระจายกันไปคนละทาง และไม่นาน วิบัติก็ปล่อยวิญญาณออกไปสู้ด้วย

    “ออกไปจัดการพวกมัน!!” วิบัติตะโกนออกมา โซนิคเห็นฮารุปล่อยพลังเพลิง เขาเลยดีดนิ้วในทันที ทำเอาฮารุถึงกับปล่อยพลังไม่ได้ ฮารุถึงกับแปลกใจมาก

    “เฮ้ย อะไรกันวะเนี่ย??” ฮารุถามอย่างแปลกใจ

    “ไอ้ระยำเอ้ย อินเนสซ่า ลุยเลย!!” โจไซอาห์พูดขึ้นและใช้พลังครูฑและนาคของพวกเขา โซนิคใช้พลังสั่งให้วูฟออกต่อสู้ด้วย พวกเขาทั้งสามคนต่อสู้กันจนถ้ำเกือบจะถล่ม แต่ในคราวนี้ดูเหมือนว่าวูฟจะมีพลังมากกว่าเดิม

    “เฮ้อ คราวนี้พวกแกเสร็จฉันแน่!!” วูฟตะโกนออกมา

    “เฮ้อ ถ้าคิดว่าจะหยุดฉันได้ก็ลองดู!!” อินเนสซ่าพูดขึ้นพลางพ่นไฟใส่วูฟ แต่วูฟก็หลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว นาวินประคองตัวลุกขึ้น จากนั้นก็วิ่งใส่โซนิค แต่โซนิคก็ยันกับนาวินเอาไว้ได้อย่างสูสี 

    “พวกเรา ยิงคุ้มกัน!!” คริสเตียลตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาก็รีบเข้าที่กำบังและยิงต่อสู้กับกลุ่มของนาวิน อีสครินน่าที่แอบมองเหตุการณ์ในตอนนั้น เมื่อได้เห็นโซนิคก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง

    “อีสครินน่า เป็นอะไรไปเหรอ??” พัตติยาถามไป

    “เป็นไปไม่ได้ พวกเรา รีบหนีเร็ว เราสู้มันไม่ได้หรอก!!” อีสครินน่าพูดขึ้น และในตอนนั้นเมื่อโซนิคก็เตะนาวินกระเด็นออกไป จากนั้นก็วิ่งไปหาอีสครินนน่า อีสครินน่าเห็นในตอนนั้นเลยร่ายมนต์อะไรบางอย่าง แล้วซัดใส่โซนิคในทันที

    “ตุ๊บ!!”

    “บ้าเอ้ย ทำไมร่างกายฉัน??” โซนิคสบถออกมาในขณะที่ร่างกายของเขาเริ่มอ่อนแรง และไม่นาน โลร็องต์และลูโดวิกวิ่งเข้าไปจะเล่นงานโซนิค ในตอนนั้นโซนิคก็พยายามดีดนิ้วใส่ทั้งคู่ ทำเอาทั้งคู่พลังหมดในทันที

    “เฮ้ย อะไรกันวะเนี่ย ทำไม..” โลร็องต์ถามไป และในตอนนั้นโซนิคก็เดินไปต่อยทั้งคู่จนกระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว

    “นี่ มันหยุดพลังของเราได้เหรอเนี่ย??” ลูโดวิกถามไป นายลุ้นพยายามจั่วการ์ดของเขาออกมา แต่ตอนนั้นผีของวิบัติก็ผลักนายลุ้นกระเด็นติดกำแพงดินจนดินกระเทาะ เสี่ยวหลงต้องใช้ปืนยิงวิญญาณพวกนั้นอย่างดุเดือด นายลุ้นลุกขึ้นมาแล้วเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างในกำแพงดิน มันเป็นห่อหนังอะไรบางอย่าง ทำเอานายลุ้นถึงกับหยิบมาเพราะคิดว่าน่าจะช่วยอะไรได้

    “พี่ลุ้น หาที่หลบเร็ว!!” ลาลินตะโกนออกมา 

    “ได้ ตอนนี้เราต้องรีบหนีแล้วหล่ะ” นายลุ้นตะโกนออกมา แล้วในขณะเดียวกัน ดันเต้ที่วางระเบิดเสร็จก็รีบตะโกนบอกลันโทสในทันที

    “ลันโทส จุดระเบิดเลย!!” ลันโทสได้ยินอย่างนั้นจึงกดระเบิดอย่างไม่ลังเล

    “ตู้ม!!”

    ระเบิดของดันเต้ทำให้เกิดรูยาวขึ้นไปด้านบน และทำให้มองเห็นท้องฟ้าซึ่งอยู่ด้านบน 

    “พวกเรา เราต้องถอยแล้ว!!” ลันโทสพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็พยายามยิงกดฮาเวิร์ดและคนอื่นๆไว้ ตอนนั้นวิบัติพยายามจะเรียกวิญญาณของเขามาต่อสู้

    “วิบัติ นี่เจ้าทำอันใด??” วิญญาณของเมืองผาตะโกนถามวิบัติ ทำเอาวิบัติถึงกับฟื้นขึ้น

    “เมืองผา นี่เจ้าจริงๆหรือ ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่หรือไม่??” วิบัติถามไป

    “ใช่ เจ้าจำข้าไม่ได้แล้วงั้นหรือ??” เมืองผาถามต่อ ทำเอาตัวของวิบัติถึงกับนิ่งไป ในตอนนั้นลีน่าเห็นวิบัตินิ่งก็เริ่มจะรู้ตัวแล้วว่าวิบัติกำลังจะได้สติ เธอเลยเล็งปืนใส่เขา แต่ในตอนนั้นซีโร่ก็ยิงสวนเธอไป ทำเอาลีน่าถึงกับต้องหาที่หลบ

    “รีบไปจากที่นี่เถอะ ไม่อย่างงั้นเราตายหมดแน่!!” ซีโร่พูดขึ้น ตัวของนาวินที่ต่อสู้กับโซนิค นาวินก็ต่อยหน้าโซนิคไป จากนั้นก็วิทยุหาภาภินในทันที

    “ภาภิน เอาโดรนมารับเราที่รูด้านบน??”

    “ได้เลยพี่ ผมบอกนักบินไปแล้ว!!” ภาภินตอบกลับไป และในตอนนั้น โดรนของพวกเขาก็บินขึ้นเหนือหัวของพวกเขา จากนั้นก็โรยเชือกลงมาที่ด้านล่างอย่างรวดเร็ว

    “อัญชัน ไปเร็ว!!” เสี่ยวหลงพูดขึ้นในขณะที่ยิงคุ้มกันให้เธอ

    “พวกเรา รีบตามมาเร็ว!!” อัญชันพูดขึ้น จากนั้นทุกคนก็รีบวิ่งไปที่เชือกอย่างรวดเร็วเพื่อไปเกาะมัน ทุกคนเอาตะขอที่เตรียมไว้เกี่ยวกับเชือกใหญ่นั้น วิบัติที่ได้สติก็วิ่งตามพวกของนาวินมาด้วย โดยที่นาวินก็เอาตะขอนั่นให้กับเขา

    “เอามันเกี่ยวกันไว้!!” นาวินพูดขึ้น และหลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็ใช้ตะขอเกี่ยวเชือกเรียบร้อย โดรนก็ดึงเชือกขึ้นไปอย่างรวดเร็ว และมันก็ดึงให้พวกของนาวินถึงไปด้วย ดันเต้ในตอนนั้นที่โรยตัวขึ้นก็เอาระเบิดชนิดพิเศษ จุดชนวนและหย่อนลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้น คริสเตียลที่เห็นระเบิดก็พูดขึ้น

    “ระเบิด พวกเรา หนีเร็ว!!”

    “ตู้ม!!”

    เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นถ้ำ ในตอนนั้นโซนิคเองก็พยายามประคองตัวเองไป ลีน่ารีบไปดึงตัวเขาออกมาจากพื้นที่ในทันที

    “ที่รัก รีบหนีเร็วค่ะ!!” ลีน่าพูดขึ้น

    “พวกเรา ถ้ำมันจะถล่มแล้ว ไปเร็ว!!” เดวิดพูดขึ้น จากนั้นทุกคนก็รีบวิ่งหนีกันออกจากถ้ำอย่างทุลักทุเล ในขณะที่ถ้ำแห่งนั้นก็เริ่มจะถล่มหนักขึ้นทุกที

    “พวกเรา รีบหนีกันเร็ว!!” คริสเตียลบอกกับทุกคนไป

    “บ้าเอ้ย พวกเราตายกันหมดแน่เลย” แสงจันทร์พูดขึ้น

    “ตั้งสติหน่อยไอ้น้อง พวกเรายังไม่ตาย!!” จ่าชัยพูดขึ้น

    “พวกเรา รีบวิ่งสุดชีวิตเลย!!” เวอร์รีนรีบบอกกับทุกคนไป

    “ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้วหล่ะน่า” กาลีน่าสบถออกมาในขณะที่วิ่งออกไป 

    “บ้าเอ้ย เมื่อไหร่จะถึงวะเนี่ย??” ยูริตะโกนถามไป และไม่นานนัก พวกเขาก็เดินทางมาถึงหน้าประตูถ้ำอย่างรวดเร็ว

    “ทางออกอยู่ด้านหน้า รีบไปเร็ว!!” ฮาเวิร์ดตะโกนบอกทุกคนไป จากนั้นก็รีบส่งทุกคนให้ออกไปจากที่นี่ 

    “แสงจันทร์ มาเร็ว!!” รูกิพูดขึ้นพลางจูงมือแสงจันทร์ขึ้นมา

    “ระยำเอ้ย รีบไปหน่อยสิวะ!!” วูฟตะโกนออกมา

    “มึงจะอะไรนักหนาวะ จะเอาตัวรอดคนเดียวหรือไง??” รูกี้ถามไป และไม่นานนัก พวกเขาก็พากันออกมาจากถ้ำอย่างทุลักทุเลได้ทั้งหมด และถ้ำนั้นก็ถูกดินถล่มจนทุกอย่างปิดตาย พวกเขายืนอยู่บนโบราณสถานนั้นแล้วพากันพักหายใจอย่างเหนื่อยหอบ

    “ทุกคน มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า??” คริสเตียลตะโกนถามทุกคนไป แต่ในตอนนั้นทุกคนก็ยังโอเคอยู่

    “ที่รัก เป็นอะไรหรือเปล่าคะ??” ลีน่าถามอย่างสงสัย

    “ระยำเอ้ย มันใช้พลังบ้าอะไรกับฉันวะ??” โซนิคตะโกนถามไป

    “เธอก็เป็นผู้เกิดใหม่เหรอครับ??” เดวิดถามโซนิคไป

    “ฉันก็ไม่รู้ ยัยนั่นมันต้องเป็นใครที่เราคาดไม่ถึงแน่ๆ” โซนิคพูดขึ้น

    “ที่รัก ที่รักจะเอายังไงต่อไปคะ??” ลีน่าถามไป

    “เห็นทีคงต้องลองใช้ไม้นวมกับพวกมันก่อน แต่เอาเถอะ ถึงจะเสียวิบัติไป แต่ยังไงเราก็ตามตัวมันเจออยู่ดี กลับฐานของเราเถอะ” โซนิคพูดขึ้น 

    “คุณคริสเตียล รีบไปที่โดรนของเรา เร็ว!!” เดวิดตะโกนสั่งคริสเตียลไป จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ปล่อยให้พวกของคริสเตียลตามไปด้วย

    “บ้าเอ้ย คิดว่าเป็นใครวะ มาทำเป็นสั่งพวกกู??” ฮาเวิร์ดถามไป

    “เฮ้อ นั่นสิ คิดว่าไอ้หมอนั่นมันจะแน่ซักแค่ไหน” วูฟพูดขึ้น

    “แต่ยังไงก็เก่งกว่าที่เราคิดก็แล้วกันน่า” กาลีน่าพูดขึ้น

    “นี่ กาลีน่า เธอทำงานให้กับหมอนั่นเต้มตัวแล้วเหรอ??” ยูริถามไป ในขณะที่เธอก็เบะปาก

    “เอาเถอะ เสียดายที่จัดการพวกมันไม่ได้ แล้วก็เกือบตายในนั้นด้วย” รูกี้พูดขึ้น

    “เฮ้อ เอาเถอะ ว่าแต่พวกมันมาตามหาอะไรกันนะ??” เวอร์รีนถามไป

    “มันอาจจะเป็นของวิเศษอะไรบางอย่างก็ได้” รูกิพูดขึ้น

    “มันจะวิเศษอะไรขนาดนั้นกันหล่ะครับ??” แสงจันทร์ถามไป

    “อาจจะวิเศษมากถึงขั้นที่พวกมันต้องถ่อกำลังมาตามหาถึงที่นี่ก็ได้” จ่าชัยพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ อย่าเสียเวลาเลย รีบติดต่อโดรนของเราก่อนเร็ว” คริสเตียลพูดขึ้น

    “เวอร์รีนเรียกฟินิกซ์ โดรนเป็นยังไงบ้าง??” เวอร์รีนถามไป

    “โดรนของเราซ่อมเสร็จแล้ว แต่เราบินไปรับไม่ได้ครับ!!”

    “อะไรกันวะ ทำไมถึงมารับไม่ได้วะเนี่ย??” วูฟตะโกนออกมา

    “เอาน่า อย่าเรื่องมากนักเลย รีบๆเดินเถอะน่า” กาลีน่าพูดขึ้น ตอนนั้นวูฟได้ยินก็ถึงกับไม่สบอารมณ์ แต่คนอื่นๆก็มาห้ามเอาไว้ก่อน

    “เฮ้ย อย่าเอาอารมณ์ไปลงกับคนอื่นสิพวก” จ่าชัยพูดขึ้น

    “เฮ้อ ทีมเรานี่มันหาความสงบไม่ได้เลยหรือไง??” รูกิถามไป

    “รอจบงานนี้ก่อน แล้วพวกเราจะแยกย้ายกันไปไหนก็ไป” รูกี้พูดขึ้น

    “เฮ้อ เอาเถอะ เอาที่สบายใจกันเลย” ยูริพูดพลางถอนหายใจ

    “แล้วนี่ เราจะไม่ตามล่าพวกมันอย่างงั้นเหรอ??” แสงจันทร์ถามไป

    “ไอ้หมอนั่นมันบอกเองว่ามันสามารถตามหาพวกผู้เกิดใหม่ได้นี่” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น

    “เอาเถอะ มันอยากจะทำอะไรก็ทำ เอาไว้ถ้ากลับไปถึงฐาน ค่อยว่ากันอีกที” คริสเตียลพูดขึ้น

     

    และที่โดรนของนาวิน พวกเขารีบบินหนีกลับไปยังฐานของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกของโซนิคจะตามมาถึง ในระหว่างที่บินกลับมานั้น พวกเขาก็คุยกันไปด้วยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้

    “เฮ้อ เกือบตายแล้วมั้ยหล่ะวันนี้ ไอ้บ้านั่นแม่งสุดยอดพลังเลย” โลร็องต์พูดขึ้น

    “ใช่ ไอ้หมอนั่นมันมีพลังมาก มันต้องมีดีอะไรที่เราไม่รู้แน่ๆ” ลูโดวิกพูดขึ้น

    “เออนี่ ว่าแต่ ทำไมแกถึงไปร่วมกับพวกมันได้หล่ะ??” อากิระหันไปถามวิบัติที่อาศัยเครื่องติดมาด้วย

    “ดูเหมือนว่าพวกมันใช้พลังในการควบคุมข้า แต่ข้าได้เจอกับคนรักของข้าแล้ว” วิบัติพูดขึ้น

    “โห นี่มันก็ใช้พลังควบคุมพวกเราได้อย่างงั้นเหรอ??” อัญชันถามไป

    “พลังของมันมีมากมายขนาดนี้ มันเพราะอะไรกันครับ??” นาวินหันไปถามอีสครินน่า ในตอนนั้น อีสครินน่าที่กำลังถือกล่องสีทองก็พูดขึ้น

    “ฉันว่า เราคงเจอกับศัตรูที่อันตรายเข้าแล้วหล่ะ แล้วที่ฉันอยากจะบอกพวกนายทุกคนก็คือ เจ้านั่นหน่ะ มันมีดวงจิตของเทพโซราห์ ฉันคิดว่านั่นแหละ คือเทพโซราห์ เทพแห่งเสียง” อีสครินน่าพูดขึ้น ทำเอาทุกคนถึงกับแปลกใจมาก

    “ห่ะ ไอ้บ้านั่นหน่ะเหรอที่เป็นเทพโซราห์หน่ะ??” เวียนถามไป

    “ว่าแต่ ทำไมมันถึงหยุดพลังของพวกเราได้หล่ะ??” ฮารุถามอย่างสงสัย

    “ฉันว่า ไอ้หมอนั่นมันคงกินหัวใจของผู้เกิดใหม่คนอื่นๆไปมาก มันถึงได้มีพลังที่หลากหลายเช่นนี้ ตอนนี้ที่ฉันรู้ มันมีพลังของเทพเจ้าระดับสูงทั้งนั้น” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “โห ถ้ามันมีพลังขนาดนี้ พวกมันก็ครองโลกได้หน่ะสิ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “แล้วแบบนี้ เราจะเอาอะไรไปสู้กับพวกมันหล่ะ??” อัญชันถามไป

    “มันก็ไม่ถึงกับไม่มีทางซะทีเดียว ปกติผู้เกิดใหม่ที่ได้พลังของผู้อื่น จะใช้พลังได้แค่วันละ 2 พลัง ยกเว้นพลังที่มีในตัวปกติอยู่แล้ว” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “โห ช่วยทำให้อุ่นใจได้มากเลยแหะ” โจไซอาห์พูดขึ้น

    “นั่นสิ แบบนั้นเราก็ยังรับมือกับมันยากอยู่ดี” อินเนสซ่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ลาลินเองก็เห็นลุ้นกำลังถือถุงหนังอะไรบางอย่าง ลาลินจึงถามมันด้วยความอยากรู้ในทันที

    “พี่ลุ้น นั่นมันอะไรกันเหรอคะ??” 

    ในตอนนั้นลุ้นก็รีบเอามันออกมาดูในทันที ปรากฏว่าด้านในมีไพ่สำรับหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นไพ่ทาโร่ห์ 

    “อืม ไพ่ทาโร่ท์อย่างงั้นเหรอ??” นายลุ้นถามพลางเกาหัวไป

    “เอาเถอะ แต่ถึงยังไง เราก็ต้องหาทางรับมือกับพวกมันสิ” ลันโทสพูดขึ้น

    “แต่ถ้าเป็นอย่างที่คุณอีสครินน่าว่า เราก็ต้องเดากันว่ามันมีพลังอะไร และมันจะใช้พลังอะไรในวันนั้น” ซีโร่พูดขึ้น

    “ตอนนี้ พลังที่ฉันรู้ในตัวมัน มีพลัง Superhuman พลัง Scan พลังธาตุต่างๆ พลังล้างสมอง พลังจิต พลังคุมวิญญาณ พลังการปลอมตัว พลังการวาร์ป พลังสัมผัสที่ 5 พลังการมองอนาคต พลังแห่งการหยุดพลัง พลังควบคุมแรงโน้มถ่วง พลังแห่งภาษา และพลังแห่งสรรพสัตว์ แต่จะว่าไป พลังแห่งการ Reset ของมัน เหมือนจะติดตัวมันไปได้ ดูท่า ต้องมีคนมอบพลังนี้ให้มันแน่ๆ” อีสครินน่าพูดขึ้น 

    “โซนิค เขาเคยขอความช่วยเหลือจากผม ผมจึงประดิษฐ์เครื่องออกเสียงโดยใช้ความคิดให้เขา แต่ตัวของเขามีความทะเยอทะยานมากเกินไป เขาต้องการที่จะครองทั้งโลก” ดันเต้พูดขึ้น 

    “ว่าแต่ ไอ้กล่องนั่นมันมีของวิเศษหรือเปล่าครับ??” อากิระถามอีสครินน่า ในขณะที่ชี้ไปที่กล่องนั้นด้วย

    “อืม นี่แหละ มันบรรจุหทัยราชันย์เอาไว้” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “โห ถ้าอย่างงั้น เราเปิดมันได้หรือเปล่าคะ??” ฮารุถามอย่างสงสัย

    “คงต้องใช้เวลาหน่ะ ฉันต้องใช้กุญแจนี่เพื่อเปิดมัน รวมถึงท่องมนต์เป็นเวลา 7 วัน” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “โห ถ้า 7 วันนี่ ไม่ทันการแน่ พวกมันคงจะฆ่าเราให้ตายในไม่กี่วันนี้” โจไซอาห์พูดขึ้น

    “หรือไม่ เราก็คงต้องถ่วงเวลาพวกมันเอาไว้ก่อน” อินเนสซ่าพูดขึ้น

    “อืม พวกมันคงไม่เอะใจหรอกว่าเราอยู่ที่ไหนตอนนี้” นายลุ้นพูดขึ้น

    “เอาเป็นว่าฉันจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด เราต้องรีบหยุดมันให้ได้” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ในกล่องใบนั้นมันมีพลังมากแค่ไหนครับ??” โลร็องต์ถามอย่างตื่นเต้น

    “ได้ยินว่า พลังของเทพีสาราวานั้นมีมากมหาศาลเกินกว่าที่หลายคนจะจินตนาการ ลือกันว่าพลังของนาง สามารถควบคุมพลังของเทพทุกองค์ได้ในโลกนี้” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น คนที่เป็นบุตรของนาง ก็ต้องได้รับพลังนี้ไปสิครับ” ลูโดวิกพูดขึ้น

    “คนที่จะได้รับพลังก็คือคุณนาวินหน่ะสิคะ” ลาลินพูดขึ้น

    “ใช่แล้วหล่ะ เพราะนางสาปพลังของเธอเอาไว้ว่า จะมีแต่บุตรสองคนนี้ ที่จะได้พลังของนางไป” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “เดาว่า ตอนนี้ไอ้โซนิคมันก็อยากจะได้พลังนี้เหมือนกัน แต่ว่ามันไม่รู้วิธีเปิด” ดันเต้พูดขึ้น

    “ถ้าเกิดเราได้พลังนี้มาก่อนมัน เราก็น่าจะชนะมันได้” ลันโทสพูดขึ้น

    “แต่พวกมันคงไม่รอช้า คงระดมกำลังตามล่าเราแน่” ซีโร่พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ภาภินก็วิทยุมาบอกอะไรบางอย่างกับนาวิน

    “พี่วิน ผมสังเกตว่าตอนนี้โดรนไม่ทราบฝ่ายกำลังบินตามพวกพี่มาครับ”

    “อ้อ ถ้าอย่างงั้นเราคงต้องรีบแล้วหล่ะ” นาวินพูดขึ้น

    “ผมจะพยายามป่วนระบบของพวกมัน ถ้ายังทันนะครับ” ภาภินพูดขึ้น

    “ถ้าเกิดเรากบดานอยู่ให้ได้ถึง 7 วัน ก็น่าจะมีโอกาสแล้วหล่ะค่ะ” พัตติยาพูดขึ้น

    “หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างนี้นะคะ” อัญชันพูดขึ้น

    “ไม่หรอก ถ้าเกิดว่าพวกเราอยู่ด้วยกันหน่ะ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “คุณวิน ตอนนี้คุณต้องรักษาตัวไว้นะคะ คุณคือความหวังเดียวของเราค่ะ” เวียนพูดขึ้น

    “ผมรู้ ผมจะไม่ยอมให้มันทำระยำอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้วหล่ะ” นาวินพูดขึ้น ในขณะที่โดรนของพวกเขาก็บินหลบหนีจากการตามล่าของโซนิคไปด้วย

     

    กลับมายังโกดังหน่วยบัญชาการ UNASO ในวันนั้นเพี้ยนก็ได้นอนหลับอยู่ในห้องขังของเขา เพี้ยนตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการสะลึมสะลือเล็กน้อย

    “อะไรกันไรท์ เรายังสดชื่นอยู่นะ ลืมแล้วเหรอ คนอย่างเราไม่จำเป็นต้องนอนก็ได้??” เพี้ยนพูดขึ้น และในขณะเดียวกันั้นเอง ยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูห้องก็ใช้เท้าถีบประตูห้องเพื่อส่งเสียงเตือนเพี้ยน

    “เฮ้ย เงียบๆหน่อยไอ้บ้าเอ้ย!!”

    “นี่เราต้องมาเฝ้าไอ้บ้าคนนี้ด้วยอย่างงั้นเหรอเนี่ย เป่ามันทิ้งก็สิ้นเรื่อง??” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามอย่างไม่สบอารมณ์

    “เอาน่า อย่างน้อยมันก็ไม่หนี แล้วอีกอย่าง VIP ของเราสั่งไว้ ห้ามทำอะไรมัน” เจ้าหน้าที่อีกคนตอบไป

    “เฮ้อ กว่าพวกนั้นจะกลับมาก็ใช้เวลานานโข แต่รู้อะไรมั้ย หทัยราชันย์ในตอนนี้ก็ถูกค้นพบแล้ว รับรองว่าเรื่องนี้สนุกแน่ๆ เราก็จินตนาการไม่ออกเลยว่าหทัยราชันย์จะมีพลังอะไรที่เรายังไม่รู้” เพี้ยนพูดขึ้น

    “เฮ้อ เมื่อไหร่คุณคริสเตียลจะกลับมาเนี่ย ไม่อย่างงั้นฉันคงปวดหัวตายแน่ๆ” เจ้าหน้าที่คนเดิมพูดขึ้น

    “แนะ รู้นะว่าชอบแซะกันแบบนี้ แต่เราจะบอกความลับอะไรให้ฟัง หทัยราชันย์หน่ะ พลังของมันแทบจะหยุดโลกใบนี้ได้เลย แบบว่า ทั้งสองฝ่ายต้องการชิงพลังนี้ แต่นายโซนิค ดูท่าทางจะยากหน่อย เพราะถึงเขาจะได้มันไป แต่ก็เปิดมันไม่ออกอยู่ดี แล้วก็อีกฝ่าย ถึงจะได้มันมา แต่มันก็ต้องใช้เวลาในการเปิดนานพอสมควร เอาเป็นว่า ศึกนี้มันยังอีกยาวไกล” เพี้ยนพูดต่อ จนในตอนหน้าเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าเขาก็ถึงกับรำคาญ จึงเอากุญแจมาคล้องประตูไว้ในทันที

    “โว๊ะ รำคาญโว้ย!!” เจ้าหน้าที่คนนั้นสบถออกมา จากนั้นก็พากันเดินออกมาอย่างรวดเร็ว

    “เอาเถอะ คนพวกนี้ไม่อยากเข้าใจก็ไม่เป็นไร แต่เอาเป็นว่าเราเข้าใจกันและกันก็พอเนอะ เออนี่ แล้วถ้าเป็นไปได้ ตอนจบของเรื่อง อย่าให้กรุงเทพต้องเละเทะหล่ะไรท์ เรายังอยากเที่ยวต่ออยู่เลย” เพี้ยนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ค่อยๆนอนเอนหลังและพักผ่อนอย่างสบายในห้องนั้น

     

    ณ ถนนเส้นหนึ่งซึ่งมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองกรุงเทพมหานคร หลังจากที่ไค เกเบรียล และแก้วพาเบลหนีออกมาได้ ไคก็ขโมยรถคันหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโกดังเท่าไหร่นัก ไคขับรถเข้ามาในตัวเมือง เพื่อไปยังบ้านของแก้วตามที่แก้วได้บอก 

    “อีกไกลหรือเปล่าคะเนี่ย??” ไคถามอย่างสงสัย ในขณะที่มือก็จับพวงมาลัยไปด้วย

    “น่าจะไม่ไกลหรอก อีกไม่เท่าไหร่” แก้วพูดขึ้น

    “ถ้าเกิดพวกตำรวจมันชุมแถวนั้น จะทำยังไงหล่ะ??” เบลถามอย่างสงสัย

    “ถ้าเจอพวกตำรวจ ก็หนีสิ จะอยู่ทำไมหล่ะ??” เกเบรียลถามไป และในตอนนั้น ไคก็ขับรถกันมาจนถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งด้านหน้าบ้านไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่มีรถตำรวจจอด ไคเห็นดังนั้นจึงจอดรถเอาไว้แถวนั้น ไม่ไปจอดที่ด้านหน้าบ้าน

    “อ้าว ทำไมจอดตรงนี้หล่ะ??” แก้วถามอย่างสงสัย

    “พวกมันอาจจะเอาตำรวจซุ่มไว้ในบ้านก็ได้” ไคพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบชักปืนออกมา แล้วก็ค่อยๆลงจากรถ ในขณะที่คนอื่นๆก็เตรียมอาวุธเพื่อป้องกันตัวด้วยเหมือนกัน และค่อยๆย่องเข้าไปในบ้าน

    “นี่ เราต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ??” เบลถามอย่างสงสัย

    “ถ้าไม่อยากโดนจับก็ทำๆไปเถอะน่าพวก” เกเบรียลพูดขึ้น และไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงหน้าประตูบ้าน ตัวของแก้วพยายามเหลือบเข้าไปมองในบ้าน เพื่อดูว่ามีใครอยู่หรือเปล่า

    “เจออะไรหรือเปล่าคะ??” ไคถามอย่างสงสัย

    “ยังไม่เจอเลย ไม่มีใครอยู่ที่นี่ ปกติต้องมีสิ มันแปลกๆนะ” แก้วพูดขึ้น

    “หรือจะลองเข้าไปดูในบ้านดีหล่ะ??” เกเบรียลถามอย่างสงสัย

    “แล้วเราจะเข้าไปยังไงหล่ะ??” เบลถามอย่างสงสัย และในตอนนั้น เกเบรียลก็จะลองเปิดประตูเล็กหน้าบ้าน แต่ในตอนนั้น เขาก็พบว่าประตูไม่ได้ล็อค เขาจึงลองเปิดเข้าไปด้านในทันที และคนอื่นๆก็ลองตามเกเบรียลมา แต่ยังไม่ทันที่จะเข้าบ้านครบทุกคน จู่ๆ สาวใช้คนหนึ่งก็เดินมาจากด้านข้างบ้าน พร้อมกับถือไม้กวาดมาด้วย

    “เฮ้ย ขโมย!!”

    “เดี่ยวค่ะ เราไม่ใช่ขโมย!!” แก้วถึงกับต้องตะโกนเพื่อห้ามศึก

    “คุณแก้ว คุณแก้ว” สาวใช้คนนั้นรีบวิ่งเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว

    “คุณแก้วกลับมาแล้วเหรอคะ??”

    “ใช่ค่ะ ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นเหรอคะ??” แก้วถามอย่างสงสัย

    “ตั้งแต่ที่คุณแก้วไปพวกตำรวจก็มาค้นที่นี่ทุกวัน แต่ว่าตอนนี้หลานของคุณจัดการให้เรียบร้อยแล้วค่ะ พวกเขากำลังตามหาคุณแก้วอยู่เลย ว่าแต่พวกนี้เป็นใครกันคะ??” สาวใช้ถามไป

    “อ้อ คนพวกนี้ช่วยฉันเอาไว้หน่ะ ป้าจ๊ะ ช่วยทำความสะอาดห้องนอนให้พวกเราซัก 4 ห้องได้หรือเปล่าจ๊ะ??” แก้วถามไป

    “ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปบอกคนอื่นให้ค่ะ” สาวใช้คนนั้นพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้อ นี่เราปลอดภัยแล้วใช่เปล่าเนี่ย??” เบลถามไป

    “อย่าลืมเงินตามที่เราตกลงกันไว้นะ” เกเบรียลพูดขึ้น

    “โธ่คุณ ยังจะมาคิดเรื่องเงินอีกเหรอคะ รอดตายมาได้ก็ดีแล้วค่ะ” ไคพูดขึ้น

    “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะจัดการเอง” แก้วพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ ว่าแต่ พวกคุณจะเอายังไงกันต่อหล่ะคะ??” ไคถามอย่างสงสัย

    “คงต้องกบดานกันที่นี่ จนกว่าเรื่องจะซา จากนั้นเราก็ค่อยมาคุยกันอีกที แล้วถ้าเรื่องมันจบ พวกเราก็ต่างคนต่างไป” เกเบรียลพูดขึ้น

    “เอาเถอะ ฉันเองก็อยากอยู่สงบๆเหมือนกัน” เบลพูดขึ้น

    “ถ้าพวกนายได้เงินจากฉัน พวกนายจะอยู่กันจนตายไปข้างเลยก็ได้” แก้วพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เดินเข้าไปในบ้านของเธออย่างรวดเร็ว ส่วนคนอื่นๆก็ตามแก้วไปในทันที

    “เออนี่ ฉันขอโทษนะที่พูดไปแบบนั้น” เกเบรียลรีบวิ่งไปพูดกับแก้ว

    “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันทำตามสัญญาอยู่แล้ว” แก้วตอบกลับไป

    “เอาเถอะ อย่าไปคิดมากเลย ตอนนี้ห่วงชีวิตของเรากันก่อนดีกว่า” ไคพูดขึ้น

    “เออ ถ้าหัวถึงหมอน ฉันขอนอนเลยก็แล้วกัน ไม่ไหวหล่ะ” เบลพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทุกคนก็รีบเดินเข้าบ้านของแก้วอย่างรวดเร็ว

     

    ณ บ้านพักหลังหนึ่งย่านชานเมืองกรุงเทพ รถคันหนึ่งได้ไปจอดบริเวณลานจอดรถ จากนั้นไม่นาน คนขับก็พาหญิงสาวคนหนึ่งลงจากรถ ซึ่งหญิงสาวคนนั้นก็คือมิกินั่นเอง ตัวของมิกิมองไปทางนั้นทางนี้ที แล้วก็เห็นว่าบ้านหลังนี้มีสภาพไม่ค่อยน่าอยู่เท่าไหร่

    “นี่ คุณเบ็ตตี้ให้ฉันมาอยู่หลังนี้เหรอ??” 

    “ก็คงงั้นครับ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ คิดว่าคงไม่นานหรอกครับ” ชายคนเดิมที่เคยร่วมงานกับเธอพูดขึ้น

    “อืม ดูไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ แต่เอาเถอะ” มิกิพูดขึ้น

    “ถ้าขาดเหลืออะไรบอกผมก็ได้นะครับ ผมจะจัดการให้เอง”

    “อืม เอาเถอะ งานนี้ฉันคงไปเหยียบตาปลาใครซักคนเข้าหล่ะ พวกมันถึงได้ตามไล่ฟัดฉันขนาดนี้” มิกิพูดขึ้น

    “มันคงแค้นที่คุณได้เงินมันมาฟรีๆหน่ะครับ”

    “อืม ได้เงินไปแล้ว อย่าลืมตรวจดูแล้วกันว่าแบงค์มีตำหนิหรือเปล่า” มิกิพูดขึ้น

    “อ้อ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมมีที่ฟอกเงินเตรียมไว้แล้วครับ”

    “แผนดีนี่ ตอนนี้ฉันอยากอาบน้ำหน่ะ” มิกิพูดขึ้น

    “เชิญทางนี้ครับ” ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็พามิกิเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว และผู้ชายคนนั้นก็พามิกิเข้าไปในห้องนอนของเธอเพื่อพักผ่อน

    “เชิญค่ะ ห้องนี้สะอาดที่สุดแล้วค่ะ” หญิงสาวในบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น

    “อืม ที่นี่ไม่มีใครหาเราเจอแน่นะ??” มิกิถามไป

    “แน่นอนครับ ที่นี่อยู่ไกลจากตำรวจ สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตก็พรางสัญญาณไว้แล้วครับ”

    “อืม ดี แล้วนี่ ฉันจะได้เจอคุณเบ็ตตี้เมื่อไหร่??” มิกิถามไป

    “คงไม่นานหรอกครับ ตอนนี้คุณเบ็ตตี้คงกำลังจัดการเรื่องกลุ่มต่อต้านอยู่”

    “เอาเถอะ ตอนนี้ฉันอยากอาบน้ำ ที่นี่น้ำไหลหรือเปล่า??” มิกิถามไป

    “ค่ะ เชิญได้เลยค่ะ” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็ทั้งสองคนก็เดินออกไปนอกห้อง ปล่อยให้มิกิอยู่ในห้องคนเดียวไป และมิกิในตอนนั้นก็ค่อยๆถอดเสื้อผ้าออก จากนั้นก็เปิดฝักบัวอาบน้ำในทันที

    “ซู่!!”

    “เฮ้อ เมื่อไหร่จะได้ไปซะทีวะเนี่ย??” มิกิสบถออกมา หลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็เอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดและปิดเอาไว้ จากนั้นเธอก็ไปเช็คโทรศัพท์ของเธอต่ออย่างรวดเร็ว

    “10 สายที่ไม่ได้รับ สายที่ไม่รู้จัก!!”

    ในตอนนั้นเมื่อมิกิเห็น เธอก็รีบติดต่อกลับไปในทันที และเมื่อปลายสายรับสาย มิกิก็พูดขึ้น

    “ฮัลโหล”

    “ว่าไงนะ??”

    “ข่าวนี้ยืนยันแน่แล้วนะ ถ้าใช่ ฉันให้ 1 ล้านเลย” มิกิพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็วางสายไป

     

    ณ เขตโกดังซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วย UNASO หลังจากที่มีการบุกรุกคราวก่อน พวกเขาได้มีการเสริมกำลังมากขึ้นบริเวณโกดัง ในวันนี้เซนและคิฮาระได้เดินทางมาถึง พวกเขาทั้งคู่ก็ได้เจอกับเจ้าหน้าที่ติดอาวุธมากมายเดินตรวจตราบริเวณนั้น เซนใช้กล้องส่องบริเวณโกดัง จากนั้นก็คุยกับคิฮาระในทันที

    “โห นี่พวกมันมาจากไหนกันเยอะแยะวะเนี่ย??” เซนถามอย่างแปลกใจ

    “หือ นายคิดว่าพวกมันมีเยอะแค่ไหนหล่ะ??” คิฮาระถามไป

    “ไม่ต่ำกว่า 100 แน่ๆ ฉันว่านะ” เซนพูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบเก็บปืนของเขาอย่างรวดเร็ว

    “เออนี่ แล้วนายจะเอายังไงต่อหล่ะ??” คิฮาระถามไป

    “คงต้องซุ่มอยู่แถวนี้ก่อน แล้วค่อยว่ากัน” เซนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็พยายามลอบเข้าไปในเขตของโกดังซึ่งอยู่ละแวกใกล้เคียง ดูเหมือนว่าพวกมันจะส่งคนไปเฝ้าตามโกดังต่างๆแล้ว 

    “บ้าเอ้ย ดูเหมือนว่าเคยมีคนบุกมาที่นี่” เซนพูดขึ้น

    “นายรู้ได้ยังไงอ่ะ??” คิฮาระถามไป

    “ไม่อย่างงั้นพวกมันไม่คุมเข้มขนาดนี้หรอก” เซนพูดขึ้น และในตอนนั้น ตัวของเขาก็ค่อยๆย่องไปที่ด้านข้างของโกดัง โดยพยายามไม่ให้เจ้าหน้าที่เห็น และไม่นานนัก ทั้งคู่ก็มาถึงช่องแอร์ซึ่งอยู่ด้านข้างโกดัง

    “เฮ้ ฉันจะยกเธอขึ้นไปนะ” เซนพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ทำมือประสานกันและยกให้คิฮาระไปบนช่องแอร์ คิฮาระดึงเอาแผงของมันออก จากนั้นก็ขึ้นไปในทันที แล้วเอื้อมมือให้กับเซนไป

    “รีบขึ้นมาเร็ว”

    คิฮาระพูดขึ้น แต่ตอนนั้นเซนยื่นอาวุธให้คิฮาระเอาไปก่อน เธอจึงรีบเอาอาวุธของเซนเข้าไปในช่องแอร์ จากนั้นตัวของเซนก็ตามขึ้นไปบ้าง และเมื่อทั้งคู่เข้ามา พวกเขาก็ปิดฝาตะแกรงช่องแอร์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ค่อยๆคลานเข้าไปในช่องแอร์

    “เฮ้อ หวังว่าจะไม่มีพวกมันอยู่ด้านในนะ” คิฮาระพูดขึ้น

    “ฉันก็หวังไว้แบบนั้น” เซนพูดขึ้น และไม่นานพวกเขาก็ออกจากช่องแอร์ได้ จากนั้นก็เข้ามาด้านในโกดังซึ่งดูเงียบและไม่มีใครอยู่ในนั้นเลยซักคน

    “อืม ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ในนี้นะ” คิฮาระพูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้นฉันจะไปวางระเบิดหน้าประตู ส่วนเธอไปหาจุดซุ่มยิงให้ฉันหน่อย” เซนพูดขึ้น จากนั้นตัวของคิฮาระก็แยกไปจัดการในทันที ส่วนตัวของเซนก็ไปวางกับระเบิดที่หน้าประตู เขาใช้ระเบิดมือขึงกับสลิงแล้ววางไว้ และหลังจากที่ตัวของเซนวางระเบิดเรียบร้อยแล้ว คิฮาระก็รีบมาคุยกับเซนในทันที

    “เฮ้ เซน ทางนี้”

    เซนได้ยินคิฮาระเรียบเขาจึงรีบตามคิฮาระไปในทันที และไม่นานนัก คิฮาระก็พาเขาไปที่จุดซุ่มยิงที่คิฮาระไปเจอมา ตัวของเซนมองวิวแถวนั้น จากนั้นก็พูดขึ้น

    “อืม วิวดีนี่” 

    เซนพูดขึ้น จากนั้นก็เอาปืนสไนเปอร์เก็บเสียงของเขาออกมาจากกระเป่า แล้วก็ตั้งมันเอาไว้ แล้วก็มองพื้นที่โกดังผ่านทางกล้องในทันที

    “อืม ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังลาดตระเวนอยู่นะเนี่ย” เซนพูดขึ้น

    “ก็นายบอกไปเมื่อกี้แล้วนี่หน่า”

    “แต่มันตระเวนเข้มขนาดนี้ คงต้องคิดว่าจะมีใครบุกมาแน่ๆ” เซนพูดขึ้น

    “เฮ้อ คิดถูกหรือเปล่าเนี่ยที่มาที่นี่??” คิฮาระถามไป

    “เอาน่า อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือสิ” เซนพูดขึ้น

    “ก็หวังว่าจะมีลูกเสือจริงๆนะ” คิฮาระพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้น เซนก้เห็บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างพากันวิ่งไปวิ่งมาบริเวณโกดัง จากนั้นก็สั่งกำลังคนให้เตรียมแถวไว้เพื่อคุ้มกันอะไรบางอย่าง

    “เอ๊ะ นั่นมันอะไรกัน??” เซนถามอย่างสงสัย

    “ทำไม เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นเหรอ ตื่นเต้นไปได้??” คิฮาระถามกลับไป

    “ดูเหมือนว่าพวกมันจะรอต้อนรับใครอยู่นะ” เซนพูดขึ้น ในขณะที่ตัวของเขาก็พยายามสอดแนมพื้นที่โกดัง เพื่อดูว่าใครเดินทางมา

     

    ณ ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในเขตปริมณฑล ซูซาคุขับรถเข้ามายังหัวจ่ายเติมน้ำมัน และไม่นานนัก เด็กปั๊มคนหนึ่งก็รีบเดินมาที่รถอย่างรวดเร็ว

    “เต็มถังค่ะ” ซูซาคุพูดขึ้น และไม่นานนักเด็กปั๊มก็เติมน้ำมันให้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เติมน้ำมันเสร็จ เด็กปั๊มก็มาเก็บเงินในทันที

    “795 บาทค่ะ”

    “ไม่ต้องทอนนะคะ” ซูซาคุยื่นแบงค์พันให้เด็กคนนั้นแล้วขับรถออกไปและจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อแถวนั้น จากนั้นก็เดินไปในร้านอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปที่หน้าตู้ขายน้ำ 

    “อืม เอาอะไรดีนะ??” ซูซาคุพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาหาซูซาคุ เธอรีบรับสายอย่างรวดเร็ว

    “ฮัลโหล ฮันเตอร์เหรอ??”

    “คุณซูซาคุครับ เดินทางเป็นยังไงบ้างครับ??” 

    “อ้อ ก็ยังไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวฉันไปต่อ” ซูซาคุพูดขึ้นพลางหยิบเอาโคล่ามาหนึ่งขวด

    “ครับ ตอนนี้ผมลองส่งร่างและเอกสารแนบที่คุณเขียนให้ทางสภาคองเกรสเรียบร้อยแล้วนะครับ”

    “เร็วแบบนี้เชียวเหรอ ดีแล้วหล่ะ” ซูซาคุพูดขึ้น จากนั้นก็รีบเอาโคล่าไปวางไว้ที่แคชเชียร์ในทันที แล้วพนักงานร้านก็คิดเงินไป

    “18 บาทค่ะ!!”

    “ค่ะ ซักครู่นะคะ” ซูซาคุพูดขึ้นพลางหยิบเอาเศษเหรียญ 18 บาทให้กับพนักงาน จากนั้นก็รีบหยิบโคล่าออกไปจากร้านในทันที

    “เออ เมื่อกี้ว่าไงต่อนะ ฮันเตอร์??” 

    “ครับ คุณออกไปข้างนอกต้องระวังด้วยนะครับ ไม่รู้ว่าจะมีพวกไหนมาเล่นงานคุณหรือเปล่า”

    “อืม ฉันเข้าใจแล้วหล่ะ ปืนฉันก็มีนะ” ซูซาคุตอบไป

    “ครับผม ถ้าเกิดคุณมีปัญหา เราจะส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยนะครับ”

    “ขอบใจมากนะ เอาไว้ถ้าไปถึงแล้วเจอกันก็แล้วกัน” ซูซาคุพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็วางสายในทันที แล้วเดินไปที่รถของเธอ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็เอะใจรถกระบะสีดำคันหนึ่งซึ่งจอดอยู่ไม่ห่างจากเธอมากนัก

    “อืม ขอให้ไม่ใช่เถอะ” ซูซาคุพูดขึ้น จากนั้นก็รีบขับรถออกไปจากปั๊มน้ำมันอย่างรวดเร็ว

    “นายครับ มันออกจากปั๊มแล้วครับ”

    “อืม ตามมันไป ถ้ามีโอกาส เก็บมันซะ!!”

    “ครับนาย”

     

    กลับมายังเซฟเฮ้าส์ของ สส.สุรสิงห์ ในวันนั้นตัวของเขาก็เดินทางกลับมาที่บ้านของเขา เพื่อจัดการสะสางเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ในตอนนี้ตัวของเขาถูกกดดันจากพรรคที่เขาสังกัด ทำเอาเขาถึงกับต้องมานั่งเครียดที่เก้าอี้ทำงานของเขา รวมถึงตะโกนโวยวายในห้องไปด้วย

    “ไอ้พวกระยำเอ้ย ไม่คิดถึงตอนที่ฉันหาเสียงให้พวกมันเลยหรือไง??”

    นายสิงห์พูดขึ้นพลางทุบโต๊ะดังปัง โดยที่ในขณะเดียวกัน เลขาของเขาก็เข้ามาในห้องของเขาเพื่อมาคุยด้วย

    “ท่านคะ โอเคนะคะ??”

    “เธอคิดว่าฉันโอเคอย่างงั้นเหรอ??” นายสิงห์ถามอย่างสงสัย

    “ค่ะ ดิฉันเข้าใจค่ะ แสดงว่ามันต้องเรื่องใหญ่มากแน่ๆ”

    “เออสิ ไอ้พวกบ้านั่นมันบีบฉันให้วางมือและลาออกจากพรรคทุกวัน สงสัยพวกมันคงจะลอยแพฉันจริงๆแล้วหล่ะ” นายสิงห์พูดขึ้น

    “แล้วท่านว่ายังไงไปคะ??”

    “ฉันบอกว่าขอเวลาอาทิตย์นึง แต่พวกมันให้เวลาฉันแค่ 3 วัน!!” นายสิงห์พูดขึ้น

    “ค่ะ ฉันว่า เรามีวิธีจะแก้แค้นพวกนั้นค่ะ” เลขาของเขาพูดขึ้น

    “นี่ ฉันไม่มีเวลามาฟังเรื่องล้อเล่นอะไรนะ” นายสิงห์พูดอย่างไม่สบอารมณ์

    “ไม่หรอกค่ะ ดิฉันมีข้อมูลที่จะสาวไปถึงพรรคนั้น เรื่องการอุ้มหาย สส. ฝ่ายค้านค่ะ” เลขาของเขาพูดขึ้น จากนั้นก็เอาเอกสารกองหนึ่งให้กับนายสิงห์ในทันที 

    “ทั้งหมดอยู่ในนี้งั้นเหรอ??” นายสิงห์ถามไป

    “นี่แค่เล็กๆน้อยๆค่ะ” เลขาพูดขึ้น จากนั้นตัวของนายสิงห์ก็อ่านข้อมูลในเอกสารอย่างรวดเร็ว และนั่นก็ถึงกับทำให้เขาแปลกใจมาก

    “นี่ ท่านรองสุริยันอยู่เบื้องหลังอย่างงั้นเหรอ??” นายสิงห์ถามไป

    “ค่ะ ดิฉันจ้างให้คนสืบข่าวนี้ให้ รับรองว่าข้อมูลถูกต้องแน่นอนค่ะ”

    “เฮ้อ ไอ้บ้านั่นมันไม่ค่อยชอบขี้หน้าผม ตอนที่ผมบอกเรื่องนี้ให้กับทุกคนได้ฟัง มันเป็นคนแรกที่คัดค้านผม กะไว้แล้วไม่มีผิด” นายสิงห์พูดขึ้น

    “ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมด้วยค่ะว่ามีการโอนเงินจำนวนมากเข้าบัญชีของผู้พันประกอบด้วยค่ะ”

    “ห่ะ นี่ไอ้ประกอบมันข้ามหัวฉันแบบนี้งั้นเหรอ??” นายแสนถามไป

    “ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นค่ะ มันน่าจะไปทำงานให้ท่านรองสุริยันด้วยค่ะ” 

    “ระยำเอ้ย นี่พวกมันคงจะรวมหัวกันโยนขี้ให้ฉัน แล้วนี่ ใครเป็นคนหาข่าวมาให้เนี่ย??” นายสิงห์ถามไป

    “เป็นสายข่าวของสำนักข่าวญี่ปุ่น ที่มีข่าวว่าโดนตำรวจบุกจับค่ะ”

    “อืม ดี เก็บข้อมูลนี้เอาไว้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น เอาไปเผยแพร่ให้ทั่วเลย” นายสิงห์พูดขึ้น

    “รับทราบค่ะท่าน”

    “อืม แล้วเรื่องโยกย้ายเงินตอนนี้หล่ะ เป็นยังไงบ้าง??” นายสิงห์ถามไป

    “เรียบร้อยแล้วค่ะ อีก 3 วัน เงินของเราจะโอนย้ายไปหมดค่ะ”

    “ดี จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบิน แล้วก็โรงพยาบาลให้ลูกชายฉันด้วยหล่ะ” นายสิงห์พูดขึ้น

    “ได้ค่ะ ถ้าอย่างงั้นฉันขอตัวนะคะ” เลขาของเขาพูดขึ้น จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว

     

    กลับมายังเขตโกดังของหน่วย UNASO หลังจากที่โซนิคและคริสเตียลนำกำลังไปชิงของวิเศษไม่สำเร็จ พวกเขาก็กลับที่ฐานเพื่อวางแผนกันต่อไป ยานบินนับสิบได้ร่อนลงจอดบริเวณลานกว้าง และกลุ่มของโซนิคก็ลงจากยานในทันที ในขณะที่กลุ่มของคริสเตียลคนอื่นๆก็ลงจากยานตามมาด้วย เจ้าหน้าที่ที่รอต้อนรับพวกเขาก็มาช่วยเหลือพวกเขาในทันที

    “เป็นยังไงบ้างครับ??”

    “ฉันขอประชุมกับคนของฉันหน่อย พวกแกแยกย้ายไปไหนก็ไปซะ!!” โซนิคพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็พากันกลับเข้าไปในห้องของพวกเขา โดยที่คริสเตียลเองก็สั่งให้กำลังคนของเขาแยกย้ายกันไปก่อน ที่ห้องของโซนิค ตัวของเขามานั่งที่โซฟาตัวหนึ่ง จากนั้นก็เอนหลังนอนไปในสภาพที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

    “ที่รักเป็นอะไรหรือเปล่าคะ??” ลีน่าถามโซนิคไป

    “ฉันไม่เคยเจอพลังอะไรแบบนี้เลย นี่มันพลังบ้าอะไรกันวะเนี่ย??” โซนิคถามไป ในขณะที่ตัวของเขาก็พยายามหายใจ

    “ผมว่า ผู้หญิงคนนั้นต้องมีอะไรที่เรายังไม่รู้แน่นอนครับ” เดวิดพูดขึ้น

    “ฉันรู้ แต่ฉันเจ็บใจที่พวกมันได้ของนั่นไปก่อนแล้ว แล้วไอ้คัมภีร์บ้านี่มันจะยังมีประโยชน์อะไรอยู่เล่า??” โซนิคตะโกนออกมาในขณะที่โยนคัมภีร์ที่เขาพกติดตัวไว้ทิ้งลงพื้น เดวิดในตอนนั้นรีบไปหยิบมันขึ้นมาในทันที

    “ไม่ต้องห่วงนะคะที่รัก เราต้องแก้แค้นพวกมันได้แน่” ลีน่าพูดขึ้น

    “พวกมันได้ตัววิบัติกลับไปแล้ว ดูเหมือนว่าเราจะควบคุมเขาไม่ได้อีกแล้วหล่ะครับ” เดวิดพูดขึ้น พลางเอาคัมภีร์เล่มนั้นไปไว้ที่โต๊ะของโซนิค

    “เออ จะว่าไป ฉันอยากจะเจอกับคนในกลุ่มของพวกมันหน่อย” โซนิคพูดขึ้น

    “ที่รักอยากเจอกับใครเหรอคะ??” ลีน่าถามไป

    “ไอ้คนที่ชื่ออากิระ ฉันอยากจะคุยอะไรกับมันหน่อย” โซนิคพูดขึ้น

    “แล้วทำไมเราถึงต้องคุยหล่ะครับ คุณจะควบคุมหมอนั่นอย่างงั้นเหรอ??” เดวิดถามไป

    “ฉันว่า ไอ้หมอนั่น มันอาจจะพอโน้มน้าวใจคนที่ชื่อนาวินได้ก็ได้ ถ้าเราได้มันมาเป้นพวก อย่างน้อยพวกเราก็น่าจะได้เปรียบ” โซนิคพูดขึ้น

    “แล้วที่รักจะทำยังไงหล่ะคะ??” ลีน่าถามไป

    “ฉันรู้ความลับเรื่องของมัน รับรองว่ามันต้องมาแน่ เสียดายที่เราไม่มีวิบัติแล้ว เห็นทีฉันคงต้องติดต่อวิญญาณเองแล้วหล่ะ เพื่อให้มันส่งข้อความจากฉันไปหาหมอนั่น” โซนิคพูดไป

     

    และที่ห้องๆหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องลับที่คริสเตียลพาคนในหน่วย UNASO ที่ไว้ใจได้ มาประชุมลับกัน พวกเขาเช็คจนแน่ใจว่าไม่มีใครที่ไม่เกี่ยวข้องมาที่นี่ ในตอนนั้นคริสเตียลก็เอาโทรศัพท์เครื่องหนึ่งมา แล้วโทรหา The Green ที่พวกเขาทำงานด้วยอย่างรวดเร็ว 

    “ฮัลโหลครับ”

    “อ้าว คริสเตียล งานวันนี้เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” The Green ถามกลับไป

    “ครับผม ดูเหมือนว่าโซนิคมันต้องการของอะไรบางอย่างซึ่งไอ้พวกผุ้เกิดใหม่กลุ่มนั้นมี ตอนนี้พวกมันได้ของไปแล้วครับ” คริสเตียลพูดขึ้น

    “ห่ะ นี่พวกมันได้ของไปก่อนโซนิคอย่างงั้นเหรอ แสดงว่าพวกนั้นก้ต้องมีดีนะเนี่ย”

    “ใช่ครับ พวกนั้นมีดีกว่าที่เราคิดครับ ถึงได้เป็นหนามตำใจพวกเราจนถึงวันนี้” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น

    “หรือว่า พวกเขาอาจจะเป็นตัวช่วยสำคัญของเรา ถ้าเกิดว่าเราจะยื่นข้อเสนอให้กับพวกเขา” The Green พูดขึ้น

    “ห่ะ นี่คุณหมายความว่ายังไงคะ??” เวอร์รีนถามไป

    “ก็หมายความตามที่พูด เพราะตอนนี้ งานของ CIA คือกำจัดโปรเจ็กค์ S หรือโซนิคเป็นปฐมหน่ะ” 

    “หมายความว่า เราจะร่วมมือกับพวกมันอย่างงั้นเหรอ??” รูกี้ถามไป

    “แบบนั้นก็แย่แล้วนะคะ เราจะไปเจรจากับพวกผู้ก่อการร้ายอย่างงั้นเหรอ??” รูกิถามไป

    “ก็ไม่ได้จะปล่อยพวกมันไปตลอดนี่หน่า พอถึงเวลา เราก็ส่งคนไปกำจัดพวกมันทีละคนก็ได้”  

    “แล้วคุณ The Green มีแผนอะไรหรือเปล่าครับ??” ฮาเวิร์ดถามไป

    “เราจะติดต่อกับพวกนั้น แล้วหาทางกำจัดโซนิค แลกกับการที่เราจะนิรโทษให้พวกเขา หลังจากที่พวกนั้นแยกตัว เราก็กำจัดพวกมันทีละคน” The Green ออกความเห็นไป

    “หมายความว่า เราจะยืมมือพวกมันจัดการโซนิคอย่างงั้นเหรอครับ??” คริสเตียลถามไป

    “ก็คงจะเป็นอย่างงั้น เอาเป็นว่า ตอนนี้ฉันกำลังระดมกองกำลังของฉันอยู่ ถ้าเกิดพร้อมที่จะกำจัดมันเมื่อไหร่ ฉันจะติดต่อไปบอกพวกนายก็แล้วกัน” The Green พูดขึ้น จากนั้นเธอก็ตัดสายไป

    “นี่เราต้องไปขอความช่วยเหลือจากพวกมันอย่างงั้นเหรอ??” รูกิถามไป

    “นั่นสิ ฉันว่าพวกเราจัดการกันเองก่อนดีกว่า” รูกี้พูดขึ้น

    “มันก็ใช่นะ แต่ว่าหลังจากที่กำจัดพวกนั้น แล้วโซนิคหล่ะ เราจะเอายังไงต่อไป เราก็ต้องหาคนมากำจัดมันอยู่ดี” คริสเตียลพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เราก็ลองจัดการกันเองก่อน ถ้าเกิดมันเหนือบ่ากว่าแรงนัก เราก็ค่อยมาคุยกันอีกทีก็แล้วกัน” เวอร์รีนพูดขึ้น หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็รีบแยกย้ายกันออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็ว ซึ่งที่ด้านนอก กาลีน่าที่มาแอบฟังตอนนั้นก็ค่อยๆหนีออกมาจากบริเวณนั้นในทันที ตัวของเอเข้าไปหลบในห้องน้ำแถวๆนั้น จากนั้นก็รีบเอาเครื่องวบันทึกเสียงที่เธออัดมาจากด้านหน้าประตูมาฟังในทันที แต่เมื่อเธอเปิดฟัง ก็พบว่าเสียงค่อนข้างเบาแม้ว่าจะเปิดดังสุดแล้ว 

    “เฮ้อ ไปให้เจ้าหน้าที่เทคนิคลองขยายเสียงดูก็ได้” 

    กาลีน่าพูดขึ้นพลางเปิดประตูห้องน้ำออกไป และในตอนนั้น เธอก็รีบเดินโดยไม่สนอะไรและไปชนวูฟที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้น 

    “เฮ้ย อะไรวะเนี่ย??” 

    กาลีน่าเห็นดังนั้นจึงรีบเดินไป แต่ตอนนั้นวูฟก็กระชากเสื้อเธอกลับมา

    “นี่ ปล่อยฉันนะ!!” กาลีน่าพูดขึ้น

    “นี่ จะไม่ขอโทษซักคำเลยเหรอวะ??” วูฟถามด้วยอาการหัวเสีย

    “ปล่อยฉันนะเว้ย ไม่งั้นฉันจะเรียกคนให้ช่วยนะเว้ย!!” กาลีน่าพูดขึ้น และในตอนนั้น กลุ่มของจ่าชัยที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นก็รีบมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นในทันที

    “เฮ้ย อะไรกัน นี่มันอะไรกัน??” จ่าชัยถามไป

    “ช่วยด้วย ไอ้บ้านี่มันจะลวนลามฉัน!!” กาลีน่าพูดขึ้น จากนั้นก็สลัดวูฟออกไปจนหลุด

    “ยัยบ้าเอ้ย ฉันไม่ได้กระสันทุกเวลานะเว้ย แกต่างหากที่เดินมาชนฉัน!!” วูฟตะโกนออกมา และในตอนนั้นเอง กาลีน่าก็รีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยที่แสงจันทร์ได้สังเกตอาการของเธอ

    “เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด ว่าแล้วเธอต้องมีอาการแปลกๆ” แสงจันทร์พูดขึ้น

    “อะไรวะ มันเรื่องอะไรกันวะ??” วูฟถามอย่างสงสัย

    “พวกเราสงสัยแม่นั่น ว่ากำลังมีนอกมีในอะไรหรือเปล่า” ยูริเผลอพูดออกมา และในตอนนั้น วูฟก็ทำหน้านิ่งแล้วพูดขึ้น

    “ถ้างั้น ให้ฉันช่วยสืบก็แล้วกัน” วูฟพูดขึ้น จากนั้นตัวของวูฟก็เดินออกไปจากพื้นที่นั้นอย่างรวดเร็ว

    “นี่ เราไว้ใจไอ้หมอนั่นได้เหรอ??” จ่าชัยถามอย่างสงสัย

    “ทำยังไงได้หล่ะ ก็ได้แต่เลยตามเลยหน่ะ” ยูริพูดขึ้น

    “หวังว่าไอ้หมอนั่นมันจะไม่แพร่งพรายอะไรออกไปนะครับ” แสงจันทร์พูดขึ้น

    “ถ้ามันทำแบบนั้น ฉันได้เป่ากบาลมันแน่” จ่าชัยพูดขึ้น

    “เอาเถอะ รอดูก็แล้วกันว่ามันจะไว้ใจได้หรือเปล่า” ยูริพูดขึ้น

    “ก็ดีนะครับ ขืนเป็นแบบนี้ พวกเราได้ลงหลุมกันหมดแน่ครับ” แสงจันทร์พูดขึ้น

    “เอาเถอะ ตอนนี้เราคงต้องสืบให้ได้ว่ากาลีน่ารู้อะไรมา” ยูริพูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้นเรารีบไปกันก่อนเถอะ” จ่าชัยพูดขึ้น

    “ยังไงงานนี้ก็คงต้องระวังกันหน่อยนะครับ เราไว้ใจใครแทบไม่ได้เลยในตอนนี้” แสงจันทร์บอกกับทุกคนไป

     

    กลับมายังฐานที่มั่นของดันเต้ หลังจากที่พวกของนาวินหลบหนีมาได้อย่างหวุดหวิด หลังจากที่ยานบินของพวกเขาร่อนลงจอดได้สำเร็จ พวกเขาก็พากันลงจากยานในทันที วิบัติหลังจากที่ตัวของเขาช่วยเหลือเมืองผามาได้ วิบัติก็พูดกับคนอื่นๆในทันที

    “ข้าขอตัวก่อน ขอบน้ำใจพวกเจ้ามาที่ช่วยข้าแลเมืองผา ข้าจักมิมีวันลืมบุญคุณนี้เลย!!” วิบัติพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ค่อยๆหายไปอย่างไร้ร่องรอย

    “อะไรของมันวะ นึกจะไปก็ไป นึกจะมาก็มา??” อากิระสบถออกมา

    “เอาเถอะครับ ตอนนี้เราได้หทัยราชันย์มาแล้ว เราจะเอายังไงต่อครับ??” นาวินถามไป

    “ฉันขอเวลา 7 วัน ฉันจะทำพิธีทำลายกล่องนี้ ฉันขอห้องเงียบๆหน่อยนะ” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นก็เชิญทางนี้เลยครับ” ดันเต้พูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ภาภินและนายลืมก็รีบวิ่งขึ้นมาหาพวกของนาวินอย่างตื่นเต้น

    “เย้ พวกพี่กลับมาแล้วเหรอครับ??” นายลืมถามไป

    “กลับมาแล้วจ้า พวกพี่ไม่เป็นอะไรหรอกจ้า” อัญชันพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ ตอนนี้ก็คงต้องรอจนกว่าจะเอาหทัยราชันย์ออกมาได้สินะ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “ก็คงต้องเป็นแบบนั้นหล่ะค่ะ หวังว่าพวกมันจะไม่มาเจอเราก่อน” พัตติยาพูดขึ้นพลางกอดอก และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลันโทสก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง ตัวของเขารับสายอย่างรวดเร็ว และเมื่อคุยกันได้ไม่นาน เขาก็วางสายในทันที

    “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ??” ซีโร่ถามอย่างสงสัย

    “ดูเหมือนว่าตอนนี้คุณเบ็ตตี้กำลังเจอศึกหนัก เธอบอกมีศัตรูใหม่ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เคยเจอมาก่อน” ลันโทสพูดขึ้น

    “ศัตรูใหม่ พวกไหนกันอย่างงั้นเหรอ??” ฮารุถามไป

    “สงสัยพวกนั้นคงอยากจะให้เราไปช่วยแน่ๆ” นายลุ้นพูดขึ้น

    “จะว่าไป ช่วงนี้เที่ยวบินราชการจากต่างประเทศมาไทยบ่อยมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นครับ” ภาภินพูดขึ้น

    “หรือว่า พวกนั้นมันจะเป็นหน่วยรบพิเศษที่มาจัดการกับเราคะ??” ลาลินถามไป

    “อืม เป็นไปได้ พวกมันอาจจะมาที่นี่เพราะเรา” โจไซอาห์พูดขึ้น

    “ให้มันมาเถอะ มันคงไม่เจ๋งไปกว่าไอ้บ้าคนนั่นแล้วหล่ะ” อินเนสซ่าพูดขึ้น

    “เฮ้อ ถ้ามันมีพลังขนาดนี้ เราจะชนะมันยังไงหล่ะ??” โลร็องต์ถามไป

    “มันก็ไม่ยากหรอก ถ้าเกิดเราจะหาวิธีเล่นงานมัน เราได้เปรียบที่มีผู้เกิดใหม่มากกว่า และพลังหลากหลายมากกว่ามัน” ลูโดวิกพูดขึ้น

    “แล้วคุณจะเอายังไงต่อหล่ะคะคุณวิน??” เวียนหันไปถามนาวิน

    “ตอนนี้เราคงต้องหาข่าวเพิ่มเติม รอจนกว่าคุณอีสครินน่าจะทำพิธีเสร็จ ส่วนเรื่องของคุณเบ็ตตี้ เดี๋ยวค่อยคุยกับคุณดันเต้ก็ได้ ตอนนี้แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะครับ” นาวินบอกกับทุกคนไป

    =================================================================

    พวกเขาได้หทัยราชันย์มาแล้ว และจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    https://ko-fi.com/shinobinon ถูกใจนิยาย อยากเลี้ยงกาแฟผม จัดเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×