คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : EP 18 : ลี้ภัย
วินและคนอื่นๆช่วยกันฝ่าขึ้นไปยังชั้นบน
เพื่อหนีจากการตามล่าของคนทรยศ ในหน่วยของ Nation ซึ่งท่านรองคนนั้นก็รีบวิ่งขึ้นไปด้านบน
เพื่อไปเรียกลูกน้องของเขามาให้จัดการกับเอกและพรรคพวก
“เฮ้ย พวกเอ็ง
ไอ้เอกมันทรยศ ฆ่ามันให้ได้”
“จริงเหรอครับท่าน”
“เร็ว ไปจัดการมันเซ่”
ทหารติดอาวุธนับสิบคนวิ่งลงไปด้านล่าง
แต่พวกเขาก็โดนวินและพรรคพวกยิงสกัดเอาไว้
พวกเขาพยายามฝ่าออกไปแต่ก็ยังโดนปิดทางเอาไว้อยู่
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย”
วินถามเอกไป
“ผมก็ไม่รู้
แต่ผมว่ามันต้องมีใครบางคนคิดแผนอะไรอยู่แน่ๆ”
“เธอคิดว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังหล่ะ”
เอย์จิถามซากิริ
“อ้าว
ก็ท่านรองนั่นไม่ใช่งั้นเหรอ” ซากิริตอบไป
“ไม่ใช่หรอก
ยังมีคนที่ใหญ่กว่าเขาอีก ฉันเชื่อนะ” เอเรียน่าพูดขึ้น
“แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงต่อดีหล่ะ”
เกรซถามพวกเขา
“ก็ไปจากที่นี่
แล้วสืบเรื่องราวดูสิ” เซบตอบไป
“แล้วนี่
ในหน่วย Nation ใครคุมกันหล่ะครับ” เวหาถามเอก
“ท่านอภิชาตดูแลอยู่
แต่ผมว่าไม่ใช่ท่านแน่นอน”
“แสดงว่าท่านคงโดนพวกมันยึดอำนาจแล้วหล่ะ”
ไข่มุกให้ความเห็น
แต่ในขณะเดียวกัน
พวกมันยังคงบุกมาเรื่อยๆเพื่อสังหารเอกและพรรคพวก
วินและคนอื่นๆยิงปะทะกับพวกมันอย่างดุเดือด เสียงปืนดังไปทั่วจนคนในหน่วยตกใจแล้วรีบหนีไป
“ทุกคน
รีบหาที่หลบ เร็ว”
เอกตะโกนบอกคนอื่นๆในหน่วย
ในขณะที่พวกมันก็ยังคงตามล่าเอกอย่างสุดชีวิต
พวกเขาหาที่หลบอยู่แถวๆนั้นเพื่อหลบกระสุนปืนของพวกมัน
จากนั้นพวกเขาก็หาทางออกทางอื่นทันที
“ที่นี่มีทางออกทางอื่นหรือเปล่าครับ”
วินถามเอก
“มีอยู่ทางนึง
เป็นทางลับ แต่เราต้องฝ่ามันไป”
“ผมว่ายากนะท่าน
เราออกประตูหลักดีกว่า” เอย์จิออกความเห็น
“ฉันว่าพวกมันคงดักทางออกไว้แล้วหล่ะ”
ซากิริตอบไป
“พวกคุณยอมแพ้ซะดีกว่าน่า”
เสียงประกาศจากโทรโข่งดังมา
“ใครจะยอมแพ้กันหล่ะวะ
ฝันไปเถอะ” เซบพูดขึ้น
“ถ้าเราไม่ออกไป
เราไม่รอดแน่” เวหาพูดขึ้น
“เราจะนับ 1
ถึง 3 ถ้าพวกคุณไม่มอบตัว เราจะบุกเข้าไป”
“ตายแล้ว
พวกเราตายหมดแน่ๆ” เกรซพูดขึ้น
“ใจเย็นๆ
เรายังไม่ตายตอนนี้หรอกน่า” เอเรียน่าพูดขึ้น
“ถ้าตาย
ก็ตายด้วยกันสิ จะกลัวอะไรหล่ะ” เวหาพูดขึ้น
“1”
“2”
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะนับ
3 จู่ๆก็มีคนปาระเบิดลูกหนึ่งใส่กลางวงของพวกมัน ทำเอาพวกมันแตกกระเจิง
“ตู้ม!!”
หลังสิ้นเสียงระเบิด
ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งถือปืนเดินมาหาเอก
“คุณเอก
เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“แองเจลล่า
คุณมาที่นี่ได้ไงเนี่ย”
“ฉันมาช่วยค่ะ
รีบไปจากที่นี่เถอะ”
แองเจลล่าพาเอกและพรรคพวกออกไปอีกทางหนึ่ง
ซึ่งแถวนั้นเป็นทางออกลับที่เอกชอบใช้บ่อยๆ
พวกเขารีบไปที่ลานจอดรถทันทีเพื่อหนีออกจากสำนักงาน
“นี่คุณเอก
มันเกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย” แองเจลล่าถามอย่างสงสัย
“ผมเกรงว่าจะมีคนทรยศในหน่วยเราหน่ะสิ”
“แล้วคุณแองเจลล่ามาที่นี่ได้ไงครับ”
เอย์จิถามอย่างสงสัย
“ฉันพานักโทษมาที่นี่
แต่จู่ๆพวกเขาให้ฉันอยู่ในห้องรับรองจนกว่าจะได้รับคำสั่ง
ฉันได้ยินเสียงปืนเลยออกมาดูหน่ะ”
“คุณแองเจลล่าพอรู้มั้ยคะว่าใครอยู่เบื้องหลัง”
เอเรียน่าถาม
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ตอนนี้เราต้องสืบให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
เกรซพูดขึ้น
“แต่ว่า
ใครจะรู้เรื่องนี้บ้างหล่ะ” ซากิริถามอย่างสงสัย
“อ้อ
ผมแอบปล่อยไวรัสดักฟังที่โทรศัพท์ของไอ้ท่านรองนั่นหน่ะ
เดี๋ยวผมจะเปิดเพื่อดักฟังมันเอง” เวหาพูดขึ้นจากนั้นก็กดโทรศัพท์ตัวเอง เพื่อ active
ไวรัสที่ตัวเองสร้างขึ้น
เมื่อได้ที่ เสียงก็ค่อยๆมาในทันที
“บ้าเอ้ย
คุณปล่อยพวกมันไปได้ยังไงท่านรอง”
“ท่านครับ
ผมพยายามแล้วครับ”
“ฆ่ามันให้ได้
คนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับมันด้วย เพื่อความปลอดภัย”
“ท่านครับ
แล้วเราจะเอายังไงกับไอ้ชาติมันดีครับ”
“เก็บมันไว้ก่อน
ฉันจะต่อรองกับมันหน่อย”
“แล้วแผนการของเราหล่ะครับ
จะทำยังไงต่อ”
“เตรียมคนบุกได้เลย
ให้พวก NSA ยกพลขึ้นบก และไอ้สุวรรณมันมาก่อน เราจะรวบพวกมันให้หมดเลย”
“ครับท่านเชษฐ์ครับ”
“สุรเชษฐ์งั้นเหรอ
ไอ้สารเลวเอ้ย”
“นี่
ท่านสุรเชษฐ์อยู่เบื้องหลังอย่างงั้นเหรอ” เอย์จิถามอย่างสงสัย
“แล้วเขาเป็นใครกันเหรอคะ”
ไข่มุกถามอย่างสงสัย
“หมอนั่นเป็นรองผู้บัญชาการหน่วยครับ”
เอกตอบไป
“แล้วเขาต้องการทำแบบนี้เพื่ออะไรเหรอคะ”
ซากิริถามไป
“สงสัยเขาอาจจะหลอกใช้พวก
NSA หล่ะมั้งนะ” เอเรียน่าตอบไป
“ถ้าอย่างงั้น
นายสุวรรณนี่คงจะเป็นแค่เบี้ยโง่ๆสินะ” เซบพูดขึ้น
“หรือไม่เขาก็อาจโดนหักหลังมาตั้งแต่แรกหล่ะ”
เกรซพูดขึ้น
“ว่าแต่
งานนี้เราจะทำยังไงต่อดีหล่ะ” เวหาถามเอก
“ดักฟังเขาไปเรื่อยๆ
ดูว่าจะมีอะไรเพิ่มเติม” แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆ สัญญาณของโทรศัพท์เวหาก็ดับไป
“แย่หล่ะครับ
ดูเหมือนว่ามันจะสแกนไวรัสไปแล้ว ผมไม่ได้ยินอะไรเลย”
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ
พวกเขาก็มาขึ้นรถที่จอดรออยู่ โดยที่พวกมันยังคงตามพวกของเอกมาเรื่อยๆ
พวกเขายิงสกัดมันไว้แล้วก็ค่อยๆขึ้นรถไปทีละคน
“ทุกคน
รีบๆขึ้นรถกันเร็ว”
เอกยิงคุ้มกันทุกคนให้ขึ้นรถ
โดยเฉพาะพวกผู้หญิง เมื่อพวกผู้หญิงขึ้นรถแล้ว พวกผู้ชายก็รีบขึ้นไปในทันที
“เร็วค่ะคุณเอก
พวกมันจะมาแล้ว”
แองเจลล่าตะโกนบอกเอก
แต่จู่ๆเอกก็โดนกระสุนเฉียดเข้าที่แขน จนเกือบจะตกรถ
ยังดีที่วินคว้าตัวเขาขึ้นมาได้
“ไม่เป็นไรนะครับ”
วินถามเอกไป
“ฉันไม่เป็นไร
รีบไปจากที่นี่เถอะ”
พวกเขาพยายามบึ้งรถออกไป
แต่พวกมันก็เอาคนมาขวางทางเอาไว้ เพื่อไม่ให้เอกและพวกออกไปได้
“ทำไงดีหล่ะ
เราไปไหนไม่ได้แน่” เกรซพูดอย่างกลัวๆ
“ฉันจะยิงเปิดทาง
พวกเธอไปหลบก่อน” เอย์จิกำลังจะยิงพวกนั้น แต่จู่ๆก็มีคนมายิงเปิดทางให้กับพวกของเอก
พวกมันเลยเปลี่ยนเป้าหมายมายิงเขาแทนจนร่างพรุน
“คุณเอก หนีไป”
ชายคนนั้นพูดครั้งสุดท้าย
ก่อนที่รถของเอกและพรรคพวกจะฝ่าพวกมันออกมาได้
“ลุงศิลป์
ไม่น่าเลย แกกำลังจะกลับบ้านแท้ๆ” เอเรียน่าพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วง
ผมแก้แค้นให้ลุงเขาแน่” เซบพูดขึ้น
“แน่นอน
อย่าให้ฉันเจอพวกมันก็แล้วกัน” ซากิริพูดขึ้น
“แล้วนี่พวกเราจะเอายังไงต่อเนี่ย”
เวหาถามคนในกลุ่ม
“เราต้องกบดานซักพัก
ฉันจะลองติดต่อใครคนหนึ่ง อดีตศัตรูของเรา”
“ใครกันเหรอคะ”
ไข่มุกถามอย่างแปลกใจ
“นายสุวรรณไงหล่ะ”
ที่สำนักงานใหญ่
Nation สุรเชษฐ์ที่รู้เรื่องการหลบหนีของเอก เขาโกรธมากจนต้องเรียกประชุมคนที่เขาไว้ใจได้ทุกคนมาประชุมกันในทันที
“เฮ้ย
พวกแกนี่ยังไงวะ ปล่อยให้พวกมันหนีไปได้”
“เราพยายามจับพวกเขาแล้วครับท่าน”
“ตามหามันให้ได้
ไม่ว่าจะยังไง”
“ครับท่าน
ผมจะระดมคนตามหาเต็มที่เลยครับ”
“แล้วก็นำกำลังของเราบุกลงมา
กระหนาบข้างพวกไอ้สุวรรณ พรุ่งนี้ตอนเช้า”
“ได้ครับท่าน”
ณ
โรงพยาบาลของวาเดลเรีย หลังจากที่เธอจัดการเรื่องทุกอย่าง
ท้งคนป่วยและเรื่องในโรงพยาบาล ในตอนนั้นเองเธอกำลังจะพักผ่อน ในขณะเดียวกัน
ก็มีโทรศัพท์ติดต่อเธอเข้ามา เธอรับสายในทันที
“คุณเอก
ดีใจจังที่ได้ยินเสียงคุณอีก”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว
ฟังผมนะครับ คุณต้องเก็บของแล้วออกมาจากโรงพยาบาล
ไปเจอผมที่โรงแรมที่เราผ่านไปบ่อยๆ แล้วผมจะบอกรายละเอียดอีกที”
“หะ
มีอะไรกันเหรอคะ”
“พวกมันกำลังตามล่าคุณ
คุณต้องออกมาเจอผม ด่วนเลย”
“ได้ค่ะ
เดี๋ยวฉันจะเก็บของนะคะ”
วาเดลเรียรีบเก็บของๆเธอใส่กระเป๋า
โดยที่พยายามไม่ให้ใครเห็น
หลังจากนั้นเธอก็รีบแบกของออกไปด้านนอกทางประตูหลังทันที
แต่จู่ๆก็มียามสองคนมาตามเธอ เขาตะโกนเรียกเธอทำให้เธอหยุดชะงัก
“คุณวาเดลเรีย
กรุณามากับเราด้วยครับ”
เธอรีบวิ่งออกไปทางประตูหลังในทันที
ยามสองคนพยายามไล่จับตัวเธอแต่ก็ไล่ตามไม่ทัน
“หยุดเดี๋ยวนี้”
วาเดลเรียรีบไปขึ้นรถ
จากนั้นเธอก็รีบบึ้งรถออกไปในทันที พวกนั้นพยายามจะไล่ยิงเธอแต่ก็ตามเธอไม่ทัน พวกมันคนหนึ่งโทรติดต่อไปยังเจ้านายของเขาในทันที
“นายครับ
มันหนีไปได้ครับ”
“ไอ้บ้าเอ้ย
พวกแกเนี่ยไม่ได้เรื่อง ตามหามันสิ”
วาเดลเรียบึ้งรถไปตามทางของเธอเรื่อยๆ
เพื่อไปสมทบกับเอก ในตอนนั้นเองเธอก็โทรศัพท์คุยกับเอกไปด้วย
“คุณเอกคะ
คุณคิดถูกจริงด้วย มันพยายามจะฆ่าฉัน”
“คุณปลอดภัยดีนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ
มันเกิดอะไรขึ้นคะ”
“เดี๋ยวเจอกันผมจะบอก
คุณมาเจอผมก่อนก็แล้วกัน”
“ได้เลยค่ะ”
วาเดลเรียรีบขับรถของเธอไปตามทางเรื่อยๆ
เพื่อออกไปพบกับเอกในทันที
กลับมายังค่ายของสุวรรณ
หลังจากที่ผ่านค่ำคืนอันแสนหวาน ในที่สุดโมเอกะก็ยอมมอบกายและใจให้กับสุวรรณ
เนื่องจากเธอเห็นว่าสุวรรณเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและช่วยเหลือเธอได้
ในระหว่างที่พวกเขาทั้งคู่กำลังนอนด้วยกัน จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
“ตู้ม”
สุวรรณกับโมเอกะตื่นขึ้นมา
เขารู้สึกแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น สุวรรณเรียกลูกน้องของเขามาในทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย”
“มีคนยิงปืนใหญ่ใส่ชายฝั่งของเราครับ”
“เป็นพวกไหนกันวะ”
“ผมก็ไม่ทราบเรา
เรากำลังตรวจสอบอยู่”
“อาจจะเป็นพวก NSA
ก็ได้หล่ะมั้ง
ถ้างั้นติดต่อพวกเรา ยึดกรุงเทพให้เร็วที่สุด ส่วนคูไกกับฟาฟา
ให้พวกเขานำคนไปคุ้มกันชายฝั่ง ด่วนเลย”
“ได้ครับท่าน
แล้วตัวท่านหล่ะครับ”
“ฉันจะกลับไปสมุทรปราการ
ป้องกันการโดนตลบหลังหน่ะ”
“ครับท่าน”
ลูกน้องของเขารีบออกไป
หลังจากนั้นสุวรรณก็ไปคุยกับโมเอกะ
“คุณครับ
เราต้องไปจากที่นี่”
“ไปไหนอย่างงั้นเหรอคะ”
“เขตภาคตะวันออก
บ้านของผมเอง เพื่อความปลอดภัยหน่ะ”
“ถ้างั้นฉันเป็นเก็บของให้นะคะ”
โมเอกะไปเก็บของให้กับสุวรรณ
จากนั้นสุวรรณก็พาโมเอกะไปขึ้นรถของเขาที่เตรียมไว้ จากนั้นพวกเขาก็ไปเตรียมรับมือที่มั่นด้านตะวันออกเพื่อป้องกันการโดนตลบหลัง
ทางด้านของเสือและพรรคพวก
ในตอนนั้นเองเขาได้รับวิทยุจากคนของสุวรรณ แจ้งคำสั่งใหม่กับพวกเขา
หลังจากที่เสือได้รับคำสั่งใหม่ เขาก็ไปคุยกับพรรคพวกของเขาในทันที
“คุณสุวรรณสั่งให้นาย
แล้วก็เธอ กลับไปคุ้มกันชายฝั่งทันทีเลย” เสือสั่งคูไกและฟาฟา
“ทำไมกัน
เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นเหรอ” คูไกถามอย่างสงสัย
“พวกมันยิงปืนใหญ่ใส่เขตชายฝั่งเราหน่ะ”
เสือตอบไป
“ก็ยิงจรวดตอบโต้ไปสิ
แค่นั้นเอง” ภาคินตอบไป
“จะยิงยังไงหล่ะ
พวกเรายังไม่รู้ตำแหน่งของเรือเลย” ฟาฟาตอบไป
“ก็คงต้องรีบหาตำแหน่งหล่ะ
ไม่งั้นชายฝั่งได้แหลกเป็นจุลแน่” ติ๋มพูดขึ้น
“ฟาฟา
ถ้างั้นเราคงต้องเดินทางกันคืนนี้เลยหล่ะ” คูไกพูดกับฟาฟา
“อ้าว
ว่าแต่คนที่เหลือจะทำยังไงหล่ะ” ฟาฟาถามไป
“ที่เหลือก็ต้องยึดกรุงเทพให้เร็วที่สุดหน่ะ”
เสือบอกไป
“ถ้างั้นเราต้องรีบลงมือ
คืนนี้เลย ดีมั้ย” ภาคินออกความเห็น
“อย่าเพิ่งเลย
ตอนนี้คนของเรากำลังพักผ่อนกันอยู่” ติ๋มพูดขึ้น
“แต่ว่าถ้าช้าไปมันจะสายนะ”
ภาคินพยายามพูดกับเธอ
“แต่ถ้าทำแบบนั้น
คนของเราจะสู้ไม่เต็มที่สิ” ติ๋มพยายามค้าน
“เอาเป็นว่าพวกเรารีบไปกันก่อนดีกว่า
แล้วเจอกันนะ”
พวกเขาแยกย้ายกันไปทำภารกิจของพวกเขาแต่ละคน
เนื่องจากว่าสงครามกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
ทางด้านของยามาโมโตะ
หลังจากที่เขาใช้เรือปืนใหญ่ของเขาระดมยิงไปยังชายฝั่งของภาคตะวันออก
เพื่อยิงปูพรมก่อนจะยกพลขึ้นบก พวกนั้นยิงกดสถานที่ทุกที่ที่พวกเขาคิดว่าเป็นแหล่งกบดานของกำลังพล
โดยที่ยามาโมโตะใช้กล้องส่องทางไกลมองผลการรบด้วยตัวเอง
“ท่านครับ
เป็นยังไงบ้างครับ”
“ตอนนี้พวกมันกำลังคิดว่าเรากำลังจะบุกหล่ะ”
“แล้วท่านจะบุกเลยมั้ยครับ”
“อย่าเพิ่ง
ยังไม่ถึงเวลา”
“แล้วท่านจะเอายังไงต่อครับ”
“เก็บกระสุนไว้โจมตีพวกมันต่อพรุ่งนี้เช้า
พวกมันไม่รอดแน่”
“ได้ครับท่าน
เรือทุกลำจะบุกประชิดชายฝั่งครับ”
“ว่าแต่
เรื่องการส่งทหารไปทางใต้เป็นยังไงบ้าง”
“ตอนนี้เราควบคุมได้แล้วครับ
ไม่กี่ชั่วโมงด้วยครับ”
“ง่ายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
ผมว่างานนี้มันแปลกๆนะ”
“แปลกยังไงเหรอครับ”
“ก็หลายเรื่องหน่ะ
ถ้านายมองออก ตั้งแต่เรื่องที่พวกนั้นจะให้ยกพลขึ้นบกตอนเช้า
แล้วไหนจะเรื่องขอกำลังให้จัดการทางใต้อีก ถ้าพวกเขามีกำลังพลมากพอ
เขาน่าจะจัดการเองได้สิ” ยามาโมโตะพูดขึ้น
“ท่านคิดว่าจะมีการเล่นตุกติกเหรอครับ”
“อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้”
“แล้วพรุ่งนี้ท่านยังจะโจมตีพวกมันหรือเปล่าครับ”
“ลองดู
แต่ถ้ามีอะไรตุกติกขึ้นมา คุณก็น่าจะรู้ว่าต้องทำยังไง”
หลังจากนั้นไม่นาน
พวกเขาก็เห็นทางชายฝั่งกำลังเตรียมอาวุธกันยกใหญ่ เพื่อป้องกันการบุกรุก
“ไม่มีเวลาแล้ว
ไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”
เรือของยามาโมโตะรีบหันหัวเรือกลับไปยังใจกลางอ่าวไทย
เพื่อที่จะหนีจากการตามล่าจากพวกของนายสุวรรณ
กลับมายังเหลามังกรฟ้า
หลังจากที่เรย์พยายามติดต่อเอก จากนั้นไม่นานเอกก็รับสายเธอในทันที
“คุณเอก
ดิฉันมีเรื่องใหญ่จะบอกค่ะ”
“ผมก็กำลังจะบอกคุณอยู่พอดีเลย
ช่วงนี้คุณอย่าเพิ่งติดต่อกับผมเด็ดขาด”
“ทำไมคะ
มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ตอนนี้เราโดนหักหลัง
พวกมันต้องการกำจัดทุกคนที่รู้จักผม นี่ผมอำพรางเบอร์ก่อนโทรคุยกับคุณเลยนะ”
“ฉันก็กำลังจะบอกคุณอยู่เลย
ตอนนี้ท่านนายพลอภิชาตยังไม่ตาย แต่ไม่รู้ว่ามันเอาตัวท่านไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“งั้นเหรอ
แล้วพวกมันบอกอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า”
“ไม่รู้ค่ะ
พวกมันก็สงสัยฉันอยู่”
“ดีเลย
ตอนนี้คุณอย่าเพิ่งติดต่อกับผม ไม่งั้นคุณอาจโดนพวกมันเก็บแน่ๆ”
แต่ยังไม่ทันที่เรย์จะวางสาย
จู่ๆก็ชายฉกรรจ์ชุดดำจำนวนหนึ่ง ก็บุกเข้ามาในร้าน พร้อมอาวุธครบมือ
“คุณครับ
จะมากินหรือเปล่าครับ ร้านกำลังจะปิดนะครับ”
“ปัง!!”
พนักงานร้านที่เข้าไปถามก็โดนยิงพรุน
พวกนักเลงในร้านที่กำลังนั่งกินก็โดนยิงไปด้วย เรย์ได้ยินเสียงปืน
เธอรีบเก็บของในห้องของเธอทันที พวกมันยิงพวกนักเลงที่อยู่ด้านล่างเสร็จ
พวกมันก็ขึ้นมาชั้นบนต่อ
“เฮ้ย
หาตัวเจ้าของร้านให้เจอ”
พวกมันพยายามหาตัวเรย์
แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา พวกนั้นพยายามค้นชั้นบนของร้านแต่ก็ไม่พบ
“เฮ้ย
มันหายไปไหนวะ”
แต่เมื่อพวกเขามารู้สึกตัวอีกที
พวกนั้นก็พบว่าเรย์กำลังขี่มอไซค์หนีไป พวกนั้นพยายามจะไล่ยิงเธอแต่ก็ไม่เป็นผล
เธอไปไกลเกินระยะยิงแล้ว
“บ้าเอ้ย
หนีไปได้อีกแล้ว”
เช้าวันต่อมา
คนของสุวรรณเริ่มเตรียมการบุกกรุงเทพในส่วนที่เหลือ
เมื่อพวกเขาได้รับสัญญาณ พวกเขาก็เดินหน้าบุกต่อไปทันที ส่วนพรรคพวกของอาเปียว
พวกเขาได้มาถึงเขตในหนึ่งกรุงเทพ พร้อมคนของเขาอีกนับร้อย
พวกนั้นเตรียมจะบุกไปช่วยเถ้าแก่หยงเพื่อชิงตัวเขากลับมา
“เฮ้ย
พวกเราพร้อมกันนะเว้ย”
“ครับเฮีย
พวกเราพร้อมแล้วครับ”
“ดีมาก
ถ้างั้นก็เล่นพวกแม่งเลย”
แต่ยังไม่ทันที่พวกของอาเปียวจะได้เดินหน้า
จู่ๆก็มีชายชุดดำคล้ายทหารเข้ามาจู่โจมพวกเขา พวกมันยิงคนของอาเปียวทุกด้าน
อาเปียวพยายามสกัดพวกมันแต่พวกมันมีจำนวนและอาวุธที่ดีกว่า อาเปียวเริ่มสติแตก
ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เขาจึงรีบขึ้นรถหนี แต่รถของเขาก็โดนยิงถล่มจนรถไฟไหม้
เขารีบลงจากรถแล้วหนีออกมาในทันที เขาวิ่งหนีไปในซอยแห่งหนึ่ง แต่จู่ๆ
เขาก็โดนสันปืนฟาดเข้าที่หน้า จากนั้นมันก็เอาปืนจ่ออาเปียวในทันที
“อย่า อย่าทำอะไรอั๊วเลย
พวกลื้อเป็นใครวะ”
“ปัง!!”
ชายคนหนึ่งยิงเข้าที่หัวอาเปียว
จากนั้นก็โทรศัพท์หาใครบางคน
“ท่านครับ
เราฆ่ามันคนหนึ่งตายครับ น่าจะเป็นพวกเจ้าพ่อท้องถิ่นหน่ะ”
“ไม่สำคัญหรอก
ตอนนี้แหละ พวกแกโจมตีได้เลย”
“ครับท่าน”
และไม่กี่อึดใจ
คนของสุวรรณก็เห็นกองกำลังปริศนาไล่ต้อนพวกเขา พวกนั้นไล่ต้อนด้วยทุกอย่างที่มี
ทั้งรถหุ้มเกราะ และเฮลิคอปเตอร์จู่โจม พวกนั้นโจมตีสุวรรณสายฟ้าแลบ
จนทำให้พวกเขาต้องรีบถอยกลับออกมา
“พวกมันมาจากไหนวะเนี่ย”
คูไกพูดในขณะที่กำลังยิงสกัดพวกมัน
“ไม่รู้เหมือนกัน
รีบรายงานคุณสุวรรณเถอะ” ภาคินพูดขึ้น ติ๋มรีบโทรศัพท์หาสุวรรณในทันที
“ท่านคะ
เรากำลังโดนโจมตีค่ะ”
“บ้าเอ้ย
ถ้างั้นรีบถอยมาเลย ตอนนี้เรากำลังโดนถล่มชายฝั่งอยู่” สุวรรณพูดในขณะที่ปืนใหญ่ของเรือรบกำลังกระหน่ำยิงถล่ม
และจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เห็นเรือบรรทุกค่อยๆแล่นเข้าใกล้ชายฝั่งของพวกเขา
“แย่แล้ว
พวกมันกำลังยกพลขึ้นบก” คูไกมองไปยังชายฝั่ง
“ให้คนของเราไปสกัดพวกมันไว้
ด่วนเลย” ฟาฟาสั่งให้คนของเธอไปประจำตามตึก เพื่อเตรียมเข้าปะทะ
คูไกสั่งให้ปืนครกยิงสกัดไว้ แต่สุดท้ายพวกของยามาโมโตะก็ยกพลขึ้นบกมาได้
แล้วปะทะกับคนของสุวรรณ การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด สุวรรณเห็นสถานการณ์ในตอนนั้น
เขาก็สั่งให้คนของเขาทำอะไรบางอย่าง เพื่อป้องกันกองกำลังของเขา
ทางด้านของเพลิง
เขาตื่นขึ้นมายังไม่ทันจะล้างหน้า
เขาก็ได้ยินเสียงปืนและระเบิดมากมายอยู่รอบคัวเขา เขาสับสนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ
เขาจึงวิ่งออกจากห้องของเขาแล้วหาความช่วยเหลือในทันที ในระหว่างนั้น
เขาก็พบกับทหารที่เคยตรวจค้นเขาตอนที่เขามา
“เฮ้ย
ไอ้เพลิงหรือเปล่า มานี่หน่อยสิ”
เพลิงรีบเดินมาหาทหารคนนั้น
“เฮ้ย
มึงขับรถได้ใช่หรือเปล่า งั้นมึงเอาถุงนี่ไปให้กับคุณสุวรรณที”
“คุณสุวรรณอยู่ที่ไหนครับ”
เพลิงถามไป
“อยู่ที่ภาคตะวันออก
ถามคนแถวนั้นก็รู้แล้ว ที่สำคัญ มึงห้ามเปิดถุงเด็ดขาด”
“อ่า
มันสำคัญมากขนาดนั้นเหรอครับ”
“ก็เออดิ
ห้ามเปิดเด็ดขาด ถึงตายเลยนะเว้ย”
เพลิงได้รับคำสั่งดังนั้น
เขาก็รีบขนถุงนั้นแล้วหารถไปในทันที แต่เขาเกิดอยากรู้อยากเห็นของที่อยู่ด้านใน เขาจึงแอบอยู่ที่ตึกแถวนั้น
เมื่อเปิดถุงออกมา เขาก็พบกับเหรียญทองคำและเพชรพลอยจำนวนหนึ่ง เขาจึงเกิดละโมบขึ้นมาในใจ
“จะรวยแล้วเว้ยไอ้เพลิงเอ้ย”
เพลิงไม่รอช้ารีบหารถที่ใกล้มือแถวนั้น
โดยที่มีรถยนต์คันหนึ่ง ซึ่งประตูเปิดอยู่ เมื่อเขาเข้าไปในรถ
เขาก็พบว่ากุญแจรถเสียบคาไว้อยู่ เขารีบบิดกุญแจสตาร์ทรถในทันที
“เอ๊ะ
แล้วเราจะไปไหนต่อดีหล่ะ ไปทางเหนือดีกว่า ไกลหูไกลตาพวกมันดี”
เพลิงไม่รอช้า
รีบบึ้งรถขึ้นไปทางเหนือ เพื่อหาทางหนีไปจากสุวรรณ
แล้วไปใช้ชีวิตพร้อมกับทรัพย์สินมากมาย
ทางด้านของชนและโซระ
หลังจากที่พวกเขาพักผ่อนกันเสร็จ พวกเขาทั้งคู่ก็ตื่นมาตอนเช้าตรู่
เนื่องจากเสียงปืนและระเบิดที่ดังอยู่รอบๆพวกเขา พวกเขารีบชักปืนออกมาเพื่อตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“เฮ้ย
นี่มันอะไรกันวะเนี่ย” โซระถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้สิ
ไปดูบนดาดฟ้าดีกว่าหว่ะ”
ชนและโซระขึ้นไปบนดาดฟ้า
สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือกองกำลังของทั้งสองฝ่ายซึ่งพวกเขาไม่รู้ว่าใครเป็นใครกำลังยิงปะทะกันอย่างดุเดือด
“นี่มันเกิดสงครามหรือไงเนี่ย”
โซระถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้เหมือนกัน
แต่ไม่น่าเป็นผลดีกับเราหรอก”
แต่ไม่ทันไร
พวกเขาก็โดนไล่ยิงจากด้านล่าง เนื่องจากพวกมันทั้งสองฝ่ายเห็นพวกเขาทั้งคู่
ชนและโซระรีบลงไปขึ้นรถด้านล่างเพื่อหนีออกไปในทันที
“เราต้องไปจากที่นี่
เชื่อใจใครไม่ได้แล้วหล่ะ” โซระพูดขึ้น จากนั้นก็ชักปืนขึ้นมา
“รู้
แต่เราจะไปที่ไหนดีหล่ะ” ชนถามกลับ
“ฉันจะลองเสี่ยงไปที่ๆนึงดู
ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า” โซระพูดอย่างมีนัยยะ
โดยที่ชนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจที่เขาพูด
“เออ
ช่างมันเถอะ ไปจากที่นี่ดีกว่า”
พวกเขาทั้งคู่รีบขึ้นรถที่จอดไว้
ก่อนที่จะรีบบึ้งรถออกไปในทันที
ณ
โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งเอกไปนัดเจอกับวาเดลเรียที่นั่น เมื่อทั้งคู่มาเจอกัน
วาเดลเรียเข้ามากอดเอกไว้ในทันที
“คุณเอก
คุณปลอดภัยนะคะ”
“ผมไม่เป็นไร
ดีใจที่คุณปลอดภัย”
“อ้าว
คุณหมอคนนั้นนี่หน่า” เซบพูดขึ้น และจากนั้นไม่นาน ก็มีมอไซค์คันหนึ่งขี่มาหาพวกเขา
ซึ่งนั้นคือมอไซค์ของเรย์นั่นเอง เธอรีบมาหาเอกในทันทีหลังจากที่เจอเขา
“คุณเอก
คุณพูดถูก มีคนมาพังร้านฉันด้วย”
“ตอนนี้เราต้องหาความจริงกับเรื่องนี้ให้ได้
ก่อนอื่น เราหาที่ปลอดภัยไปหลบก่อนดีกว่า”
“เซฟเฮ้าส์ของผมยังไงหล่ะ
ไปกันเถอะครับ”
วินออกความเห็น
จากนั้นพวกเขาก็ขึ้นรถในทันทีเพื่อไปหลบภัยยังบังเกอร์ของวิน โดยที่นั่นจะเป็นที่มั่นสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่
และพวกเขาต้องหาความจริงให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
================================================================================
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่างลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ
ไม่กี่ตอนจะจบแล้ว เย้ๆ
ความคิดเห็น