ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn Hero - เกิดอีกที ครั้งนี้ต้องลุย

    ลำดับตอนที่ #20 : ตอนที่ 18 : เผชิญหน้า

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 65


    ขบวนโดรนของดันเต้ออกเดินทางมาเรื่อยๆ เพื่อที่จะไปถึงเป้าหมาย ที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็นที่ซ่อนของหทัยราชันย์ พวกเขาส่งโดรนเล็กบินนำร่องเพื่อสำรวจพื้นที่ว่ามีใครมาหรือยัง โดยที่ตัวของดันเต้เองก็คอยดูหน้าจอจากกล้องที่ติดโดรนไว้ ตัวของดันเต้มองไปยังพื้นที่เป้าหมาย แล้วก็พบว่าพื้นที่ยังคงปกติ ยังไม่มีใครเข้ามายังพื้นที่ที่พวกเขาจะไป

    “ตอนนี้พื้นที่ปกติ ยังไม่มีใครไปที่นั่น” ดันเต้พูดขึ้น

    “แต่ก็ไม่แน่ พวกมันอาจจะกำลังไล่ตามพวกเรามาติดๆก็ได้นะ” ฮารุพูดขึ้น

    “หนูว่าไม่นะคะ ถ้าไม่อย่างงั้น พี่ภินก็คงวอมาบอกแล้วสิคะ” ลาลินพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ภาภินก็วอมาบอกอะไรบางอย่างกับนาวินอย่างรวดเร็ว

    “พี่วิน ผมจับสัญญาณของกลุ่มยานบินนับสิบ กำลังไปทางเป้าหมายของพี่ อยู่ห่างจากพวกพี่ประมาณ 10 นาทีได้” 

    “นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำเลย พวกมันจะถึงเราแล้ว” นายลุ้นพูดขึ้น

    “ก็ไม่แน่ ด็อกเตอร์ครับ ตอนนี้โรยผงที่ผมบอกแล้วใช่หรือเปล่าครับ??” ลันโทสถามไป ในตอนนั้นดันเต้ก็พยักหน้าให้

    “มันคือผงอะไรเหรอครับ ผมไม่เข้าใจ??” เสี่ยวหลงถามไป

    “เป็นผงพิเศษที่สามารถลอยในอากาศได้นานถึงครึ่งชั่วโมง มันจะรบกวนแผงวงจร ทำให้ยานติดขัดได้หน่ะครับ” ซีโร่พูดขึ้น

    “แต่ถึงยังไง ก็อาจจะหยุดพวกมันไว้ได้ไม่นานหรอก ยังไงก็ต้องไปให้ถึงที่นั่นเร็วๆ” อากิระพูดขึ้น

    “อืม อีสครินน่า เป็นยังไงบ้างคะ??” พัตติยาถามอีสครินน่าไป

    “ฉันรู้สึกได้ ดูเหมือนว่าเราจะเข้าใกล้มันได้แล้วค่ะ” อีสครินน่าตอบกลับไป และในตอนนั้น นาวินเองก็เกิดหัวใจสั่นเล็กน้อย รวมถึงสมองของเขาเริ่มปั่นป่วน เวียนที่ดูออกในตอนนั้นก็รีบมาดูเขาในทันที

    “เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณวิน??”

    “ผมรู้สึก เหมือนมีอะไรบางอย่าง มันกำลังร้องเรียกหาผม” นาวินพูดขึ้น

    “หนูว่า ต้องใช่ที่นี่แล้วหล่ะค่ะ ที่ซ่อนของหทัยราชันย์” อัญชันพูดขึ้น

    “แต่ว่าพวกมันกำลังจะมาแล้ว คงต้องรีบกันหน่อยนะครับ” โลร็องต์พูดอย่างตื่นเต้น

    “ถ้าอย่างงั้น ฉันจะออกไปยันพวกมันเอาไว้ก่อน น่าจะถ่วงเวลาพวกมันได้” โจไซอาห์พูดขึ้น

    “อย่าเลย เดี๋ยวพวกมันจะเล่นงานเราได้อีก ตอนนี้เราต้องอยู่ด้วยกัน” อินเนสซ่าพูดปรามเขาไป

    “ถ้าพวกมันมา เราต้องจอดยานแอบๆพวกมันหน่อย แล้วเราต้องรีบลงมือด้วย” ลูโดวิกพูดขึ้น

    “เรื่องนั้นคงไม่ต้องห่วงหรอกครับ” นาวินบอกกับทุกคนไป ในขณะที่ตัวของเขาเองก้เริ่มใจสั่น และสมาธิไม่อยู่กับตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวของเวียนได้แต่กุมมือของนาวินไว้ และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงของดังบินดังขึ้น 

    “อีก 1 นาทีถึงเป้าหมาย เตรียมการลงจอดครับ!!”

    ยานบินพวกนั้นค่อยๆร่อนลงจอดบริเวณพื้นที่ซากสถานที่โบราณอย่างรวดเร็ว พวกของนาวินรีบพากันลงไปยังพื้นที่อย่างรวดเร็ว จากนั้นอุปกรณ์ขุดเจาะของดันเต้ก็ออกมาจากยานอย่างรวดเร็ว 

    “ไว้เราจะบินวนมารับนะครับด็อกเตอร์!!”

    ยานบินของดันเต้รีบบินออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนกลุ่มของนาวินก็รีบไปหยิบเอาเครื่องขุดเจาะชนิดพกพาง่ายที่ดันเต้เตรียมไว้ออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนั้น ตัวของนาวินก็เริ่มมีการอาการมึนหัวอีกครั้ง แต่เขาก็ยังพยายามประคองตัวไว้ โดยที่เวียนได้ประคองตัวเขาไว้

    “คุณวินคะ คุณไปนั่งพักแถวนั้นก่อนเถอะค่ะ” เวียนพูดขึ้น

    “ผมไม่เป็นไร ผมแค่รู้สึกว่ามีอะไรบ้างอย่างมันกำลังเรียกร้องหาผม” นาวินพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็พยายามเดินเข้าไปใกล้กับซากสถานโบราณซึ่งอยู่ตรงหน้าพวกเขา มันถูกทิ้งร้างมานาน ทำให้บรรยากาศดูช่างวังเวง

    “แสดงว่าไม่ผิด มันต้องเป็นที่นี่แน่ๆ” อีสครินน่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบวิ่งนำหน้านาวินไปที่ซากสถานโบราณนั่นก่อน จากนั้นไม่นาน ตัวของเธอก็รีบไปคลำหาอะไรบางอย่างบริเวณใต้ซากโบราณสถานอย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกัน อีสครินน่าก็เรียกทุกคนมาหาอย่างรวดเร็ว

    “ด็อกเตอร์คะ ระเบิดพื้นตรงนี้ทีค่ะ” 

    “อ้อ ได้เลยครับ โลร็องต์ ลูโดวิก ลุ้น พวกนายวางระเบิดตามจุดที่ฉันยืน” ดันเต้พูดขึ้น จากนั้นไม่นาน ทั้งสามหนุ่มก็พยายามวางระเบิดตามที่ดันเต้บอก พวกเขาวางระเบิดไว้บนพื้นแล้วจุดชนวนตามที่ดันเต้บอกอย่างรวดเร็ว

    “โห ระเบิดสถานโบราณแบบนี้ จะดีเหรอคะ??” ฮารุถามไป

    “ไม่น่าจะเป็นอะไรหล่ะมั้งคะพี่??” ลาลินพูดไป

    “ไม่รู้ว่าด้านใต้มันจะมีอะไรหรือเปล่านะ หรือว่าจะเป็นทางลับ??” อัญชันถามไป

    “มันก็น่าจะใช่นะคะ ดูอย่างในหนังสิคะ ทางลับมันจะอยู่ใต้ดินทั้งนั้น” พัตติยาพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ทั้งสามหนุ่มก็วางระเบิดเสร็จเรียบร้อย 

    “จุด A เรียบร้อยแล้ว!!” โลร็องต์พูดขึ้น

    “จุด B ก็เรียบร้อยแล้วครับ!!” ลูโดวิกพูดขึ้น

    “จุด C พร้อมระเบิดแล้วครับ!!” นายลุ้นพูดขึ้น และในตอนนั้น พวกเขาก็รีบออกมาอย่างรวดเร็ว

    “ตู้ม!!”

    ระเบิดพวกนั้นทำลายหินที่อยู่บนพื้น จากนั้นไม่นานหินบนพื้นก็ค่อยๆร้าวออกมา ทำเอาทุกคนถึงกับต้องรีบถอยออกมา

    “เวรเอ้ย ที่นี่จะถล่มหรือเปล่าเนี่ย??” ลันโทสถามไป

    “ไม่หรอกครับ อย่าเพิ่งกลัวไปเลยครับ” ซีโร่พูดขึ้น และไม่นานนัก พื้นที่ถูกระเบิดก็กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ซึ่งด้านล่างมีบันไดที่พาลงไปยังใต้ดินด้วย ทำเอาทุกคนถึงกับแปลกใจ

    “โห มีทางลับจริงๆด้วยแหะ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “นั่นสิ หทัยราชันย์ต้องอยู่ในนี้แน่ๆ แบบนี้คงไม่ต้องขุดอะไรเพิ่มแล้วหล่ะ” อินเนสซ่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของอากิระก็รีบวิ่งออกไปด้านนอกพร้อมกับระเบิดอะไรบางอย่าง 

    “เฮ้ อากิระ นายจะไปไหนหน่ะ??” โจไซอาห์ตะโกนถามไป และไม่กี่นาทีต่อมา ตัวของอากิระก็กลับมาหาทุกคนอย่างรวดเร็ว

    “ฉันไปวางระเบิดด้านนอกมา อย่างน้อยก็น่าจะยื้อเวลาให้พวกเราได้ซักพัก” อากิระพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ภาภินก็ติดต่อมาหานาวินอย่างรวดเร็ว

    “พี่วิน อีก 3 นาทีพวกมันจะเดินทางมาถึง แต่พวกมันหยุดชะงักไปครับ!!”

    “อ้อ ดี แสดงว่าแผนของเราได้ผล” นาวินพูดขึ้น

    “ทุกคนยังปลอดภัยกันนะครับ??” นายลืมตะโกนแทรกขึ้นมา 

    “ทุกคนปลอดภัยดีไอ้น้อง ภิน ถ้ามีอะไร รายงานให้ฉันรู้เป็นระยะๆนะ” นาวินตอบไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง อีสครินน่าเองก็ร่ายมนต์อะไรบางอย่างลงไปด้านล่าง ส่วนตัวของนาวินเองก็มีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ 

    “คุณวิน เป็นยังไงบ้างคะ??” เวียนถามเขาด้วยความเป็นห่วง

    “อ้อ ผมไม่เป็นไรมากหรอก แสดงว่าเราเข้าใกล้มากแล้ว เรารีบเข้าไปดูด้านในเถอะครับ” นาวินพูดขึ้น และในตอนนั้น จู่ๆ เสียงๆหนึ่งก็ลอยเข้ามาในหัวของเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

    “ลูกแม่...”

    “ยังไงก็ระวังทุกฝีก้าวนะคะ มันอาจจะมีอะไรรอเราอยู่แน่ๆ” อีสครินน่าบอกกับทุกคนไป ในขณะที่ตัวของนาวินเองก็ยังคงสงสัยว่าเสียงปริศนานั้นมันคืออะไร แล้วก็พยายามเดินตามคนอื่นไปด้วย

     

    ณ เขตน่านฟ้าซึ่งไม่ห่างจากสถานโบราณมากนัก กลุ่มยานบินของหน่วย UNASO ได้เดินทางมายังพื้นที่อย่างรวดเร็ว เพื่อเข้าถึงพื้นที่ให้ได้ก่อนกลุ่มของนาวิน แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ยานบินที่พวกเขาโดยสารมาก็เกิดขัดข้องขึ้น 

    “เครื่องขัดข้อง เตรียมลงจอดฉุกเฉิน!!”

    นักบินพวกนั้นไม่มีทางเลือกต้องรีบจอดยานอย่างรวดเร็ว พวกเขาจอดยานบริเวณชายป่าแห่งหนึ่ง และเมื่อลงจอด กลุ่มของโซนิคและคริสเตียลก็รีบลงจากยานอย่างหัวเสีย

    “นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย??” โซนิคถามไป

    “ดูเหมือนว่าจะมีตัวอะไรบางอย่างไปเล่นงานเครื่องยนต์ของเราครับ!!” นักบินพูดขึ้น และไม่นานนักพวกเขาก็รีบตรวจสอบเครื่องในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น 

    “เป็นไง ได้ความคืบหน้าอะไรหรือยัง??” คริสเตียลถามไป และในตอนนั้นเอง นักบินก็พูดขึ้น

    “มีผงอะไรบางอย่างไปขัดกับเครื่องยนต์ มีส่วนผสมหลายชนิด ดูเหมือนว่ามันทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อเล่นงานพวกเราครับ”

    “แสดงว่าต้องเป็นฝีมือพวกมันแน่ๆ พวกมันต้องการถ่วงเวลาเรา” เดวิดพูดขึ้น

    “แล้วนี่ จากตรงนี้ อีกกี่นาทีจะถึงเป้าหมาย??” ลีน่าถามไป

    “จากที่ตรวจสอบแผนที่ ถ้าเราเดินเท้า น่าจะใช้เวลา 10 นาทีได้ค่ะ” เวอร์รีนพูดขึ้น

    “ถึงตอนนั้นพวกมันก็คงจะหนีไปกันหมดแล้วหล่ะ” กาลีน่าพูดขึ้น

    “ถ้าเกิดที่นั่นเป็นสถานที่โบราณ พวกนั้นต้องหาเบาะแสเพิ่มเติม น่าจะต้องใช้เวลาซักพัก” แสงจันทร์พูดขึ้น

    “ถ้าเรารีบเดินทาง ก็อาจจะไปถึงพวกนั้นก่อนก็ได้” รูกี้พูดขึ้น

    “ฉันจะไปจัดการพวกมันก่อนเอง!!” วูฟพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นโซนิคเองก็ควบคุมวูฟให้หมอบลงกับพื้นก่อน

    “เก็บชีวิตแกไว้เถอะ แกสู้พวกมันไม่ได้หรอก วิบัติ แกส่งวิญญาณของแกไปเตรียมพร้อม!!” โซนิคสั่งวิบัติที่ตอนนั้นยังทำหน้านิ่ง จากนั้นวิบัติเองก้เรียกเหล่าวิญญาณในทันที

    “ถ้าอย่างงั้น พวกเราเดินทางกันเถอะ เตรียมอาวุธให้พร้อม พวกมันอาจซุ่มโจมตีเราก็ได้” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น จากนั้นไม่นานกองกำลังของพวกเขาก็เดินเท้ากันต่อเพื่อไปยังเป้าหมายในทันที

    “แสงจันทร์ นายอยู่หลังฉันแล้วกัน ฉันจะคุ้มกันนายเอง” รูกิพูดขึ้น

    “มองพื้นที่ทุกฝีก้าวด้วยหล่ะ พวกมันซุ่มโจมตีเรา” จ่าชัยพูดขึ้น

    “ฉันว่า พวกมันไม่น่ามีกำลังขนาดนั้นหรอก” ยูริพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเราจะต้องผ่านมันไปได้” คริสเตียลพูดขึ้น จากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินเท้ากันต่ออย่างรวดเร็ว พวกเขาพยายามเดินโดยไม่สนอะไรเพราะพวกเขาต้องรีบไปให้ทัน

    “ลีน่า ถ้าเป็นไปได้ จับไอ้พวกนั้นมาเป็นๆก่อน” โซนิคพูดขึ้น

    “รับทราบค่ะที่รัก ฉันจะจัดการเอง” ลีน่าพูดขึ้น

    “จับเป็นเหรอครับ ทำไมถึงไม่ฆ่าพวกมันหล่ะครับ??” ฮาเวิร์ดถามไป

    “พวกคุณไม่ต้องรู้หรอก พวกคุณทำตามที่พวกเราสั่งก็พอ” เดวิดพูดขึ้น

    “เอาน่าคุณฮาเวิร์ด ถึงยังไงพวกเราก็ฆ่ามันไม่ได้อยู่ดีนี่” กาลีน่าพูดขึ้น

    “แหม่ รู้ใจกันดีจริงๆนะตัวเธอ” รูกิพูดแขวะกาลีน่าไป ทำเอาตัวของกาลีน่าถึงกับหน้าเปลี่ยนสี แสงจันทร์ในตอนนั้นก็สังเกตอาการของเธอได้

    “นั่นไง ที่ผมคิดไว้ถูกจริงๆด้วย” แสงจันทร์กระซิบที่ช้างหูของจ่าชัย

    “เงียบไว้ไอ้น้อง เดี๋ยวก็คอขาดหรอก” จ่าชัยกระซิบกลับไป 

    “ไม่รู้ว่าพวกมันจะดักรอเล่นงานเราหรือเปล่า ระวังไว้หน่อยแล้วกัน” รูกี้พูดขึ้นพลางควงปืนลูกโม่ของเขาเล่นไปด้วย

    “เอาเถอะ จะว่าไป ที่นี่มันก็บรรยากาศดีนะ” ยูริพูดขึ้น

    “แต่ตอนนี้เราไม่มีเวลามาชมธรรมชาตินะคะ” เวอร์รีนพูดขึ้น 

    “เมื่อไหร่จะถึงซะทีนะเนี่ย จะได้ไปเล่นงานพวกมันให้หมด” วูฟพูดขึ้น

    “เย็นไว้ไอ้หนู นายอาจจะโดนพวกมันฆ่าก็ได้” ลีน่าพูดขึ้น ในตอนนั้นวูฟถึงกับต้องเก็บความแค้นของตัวเองเอาไว้

    “ลีน่า ส่งพลลาดตระเวนไปสำรวจก่อน ดูว่าพวกมันกำลังทำอะไรกันอยู่” โซนิคบอกกับลีน่าไป

    “ได้ค่ะที่รัก ทีม A ไปได้!!” ลีน่าวอบอกหน่วยของเธออย่างรวดเร็ว

    “ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่คิดซุ่มโจมตีเรา เราเดินมาตั้งนานแล้ว ยังไม่เจออะไรผิดปกติเลย” เดวิดพูดขึ้นในขณะที่เล็งปืนไปรอบๆ

    “เวอร์รีน เหลือเวลาอีกนานแค่ไหน??” คริสเตียลถามไป

    “อีก 5 นาทีค่ะ เราใกล้จะถึงแล้ว” เวอร์รีนพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ ทุกคน เตรียมอาวุธให้พร้อม ปืนยิงยาสลบ งานนี้เราจะจับเป็นพวกมัน” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น และไม่นานนัก พวกเขาก็เตรียมปืนยิงยาสลบและกระสุนไว้อย่างรวดเร็ว

    “เอาหล่ะ ฉันจะคุ้มกันจากด้านนอกเอง” กาลีน่าพูดขึ้น

    “งานนี้พวกมันคงจัดเต็มกับเราแน่ ยังไงก็อย่าประมาทมันหล่ะ” จ่าชัยพูดขึ้น

    “เราต้องชิงของสิ่งนั้นมาใช่หรือเปล่าครับ??” แสงจันทร์ถามไป

    “ไม่ต้องหรอก เรื่องของนั่น ที่รักฉันจะจัดการเอง!!” ลีน่าพูดปรามขึ้นมาก่อน

    “ใช่ หน้าที่ของพวกนายคือคุ้มกันพวกเรา และจับพวกมัน แค่นั้นหล่ะ” เดวิดพูดขึ้น

    “เฮ้อ เก่งนักไม่ทำเอาหล่ะวะ??” รูกี้สบถออกมาเบาๆ
    “โธ่ ไอ้พวกนี้ ทำมาเป็นวางก้าม คอยดูเถอะ” วูฟคิดในใจ

    “เราใกล้จะถึงแล้ว พวกมันอาจจะเอากับดักมาก็ได้” ยูริพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง

    “ตู้ม!!”

    พวกเขาได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากด้านหน้า ทำเอาพวกเขาถึงกับหยุดนิ่งไปในทันที

    “นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำเลย!!” รูกิพูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่าคนที่คุณส่งไปจะไปเจอกับดักเข้าหล่ะครับ” คริสเตียลบอกกับโซนิคไป

    “เอาเถอะ ให้พวกมันจัดการกับดักไป” โซนิคพูดขึ้น

    “ที่รักคะ พวกมันอาจจะมียิ่งกว่าระเบิดก็ได้ ยังไงก็ต้องระวังด้วยนะคะ” ลีน่าพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นโซนิคยังเดินล้วงกระเป๋าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “เฮ้อ ฉันอยากจะเจอหน้าพวกมันทุกคนแล้วจริงๆ” โซนิคพูดขึ้น

    “คุณได้เจอพวกมันแน่ครับท่าน” เดวิดพูดขึ้น

    “แน่นอน ถ้าฉันไปถึงที่นั่น ฉันจะดูหน้าพวกมันทุกคนเลย ไม่ว่าจะใคร แกก็ด้วยวิบัติ สั่งบริวารของแก อย่าเพิ่งฆ่าพวกมัน!!” โซนิคสั่งวิบัติ และวิบัติก็ก้มหน้ารับคำสั่งไป จากนั้นตัวของเขาก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่เสียงกับดักระเบิดที่ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่กลุ่มของโซนิคก็ไม่มีท่าทีจะหวาดหวั่นอะไรเลย

     

    กลับมายังสถานโบราณที่กลุ่มของนาวินเดินเข้ามาด้านใน พวกเขาเดินไปตามบันไดเรื่อยๆ เพื่อดูว่าเส้นทางที่พวกเขาจะไปมีอะไรบ้าง แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากด้านนอกอย่างต่อเนื่อง ทำเอาพวกเขาถึงกับแปลกใจ

    “พวกมันมาเร็วกว่าที่คิดแหะ ไม่มีเวลาแล้ว” อากิระพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ถึงยังไงเราก็ไปถึงที่นั่นก่อนมัน” นาวินพูดขึ้น

    “แต่ว่า ถ้าเกิดพวกมันปิดทางออกเอาไว้ พวกเราตายกันหมดแน่ครับ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “นั่นสิคะ เราคงต้องหาทางออกสำรองเอาไว้นะคะ” พัตติยาพูดขึ้น

    “โลร็องต์ ลูโดวิก พวกนายสองคนลองวิ่งไปสำรวจได้หรือเปล่า??” ลันโทสถามทั้งคู่ไป ในตอนนั้นทั้งคู่รีบพยักหน้าแล้ววิ่งออกไปสำรวจในทันที และไม่นานนัก พวกเขาก็พบกับกลุ่มคบเพลิงมากมายซึ่งเรียงรายกัน ฮารุใช้ไฟของเธอจุดมันอย่างรวดเร็ว

    “พรึ่บ!!”

    ไม่นานนัก แสงสว่างก็สาดส่องไปทั่วพื้นที่ ส่องให้เห็นเส้นทางยาวไกลไปสุดสายตา

    “บ้าเอ้ย โคตรไกลเลย มันจะไปสุดที่ไหนเนี่ย??” ฮารุถามไป

    “ก็ไม่แน่ ต้องรอสองคนนั้นกลับมาก่อนหน่ะ” เวียนพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง โลร็องต์และลูโดวิกก็รีบกลับมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว

    “ทางที่พวกเราไปเป็นทางตันหมดเลย!!” โลร็องต์พูดขึ้น

    “ใช่ ตอนนี้คงเหลือทางเดียวแล้วหล่ะ” ลูโดวิกพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ภาภินก็รีบวิทยุมาคุยกับนาวินเพื่อรายงานสถานการณ์ไป

    “พี่วิน พวกมันกำลังมาแล้ว!!”

    “ได้ พวกพี่จะเตรียมพร้อมเอง” นาวินตอบไป 

    “ดูเหมือนว่าพวกมันจะมาเร็วกว่าที่เราคิดนะ” ดันเต้พูดขึ้น

    “เราสองคนจะสกัดพวกมันไว้เอง!!” โจไซอาห์พูดขึ้น

    “อย่าเลยพี่ ถ้ามันจับพวกเราได้ เราจะเสียเปรียบนะคะ” ลาลินพูดขึ้น

    “นั่นสิครับ เรารีบฉกของแล้วไปจากที่นี่ดีกว่าครับ” ซีโร่พูดขึ้น

    “ฉันเชื่อว่าต้องมีทางออกลับอยู่แถวนี้แน่ๆ ใจเย็นก่อน” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “ถ้าไม่อย่างงั้น เราคงต้องทำทางออกกันเองแล้วหล่ะ” อินเนสซ่าพูดขึ้น

    “โห แล้วเราจะทำยังไงหล่ะครับ ระเบิดเพดานข้างบนเหรอครับ??” นายลุ้นถามไป

    “ถ้ามันทำได้ก็คงต้องทำแล้วหล่ะ ไม่อย่างงั้นพวกเราตายกันหมดแน่” อัญชันพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เรารีบเดินกันต่อดีกว่าครับ” นาวินพูดกับทุกคนไป จากนั้นพวกเขาก็รีบเดินเข้าไปด้านในเส้นทางยาวนั้นอย่างรวดเร็ว 

    “โห แล้วใครมันทำทางแบบนี้ได้เนี่ย ไกลโขอยู่นะ??” ลูโดวิกถามอย่างสงสัย

    “ไม่รู้สิ คนสมัยโบราณนี่ก็เก่งนะ” ฮารุพุดขึ้น และในตอนนั้นเอง จู่ๆ ลาลินก็เกิดไปเตะอะไรบางอย่างเข้า พวกเขามองไปก็เห็นว่าเป็นหัวกะโหลกของมนุษย์

    “กริ๊ด!! มีคนตายค่ะพี่!!” ลาลินตกใจร้องดังลั่น ในขณะที่อัญชันก็ไปปลอบเธอไว้

    “ดูเหมือนว่ามีคนพยายามจะมาที่นี่นะเนี่ย” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “หรือว่าที่นี่มันจะมีกับดักกันนะ ยังไงก็ระวังด้วยหล่ะ” อากิระพูดขึ้น

    “ไม่ต้องกลัวนะ พวกเราไม่เป็นอะไรหรอก” อัญชันปลอบลาลินไป

    “แบบนี้ ที่นี่มันน่าจะต้องมีกับดักแน่ๆ” นายลุ้นพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ลุ้นก็พยายามจะจั่วไพ่ขึ้นมา แต่ในตอนนั้น โจไซอาห์ก็ห้ามเอาไว้ก่อน

    “เย็นไว้ เก็บความสามารถไว้ใช้ยามจำเป็นดีกว่า” โจไซอาห์พูดขึ้น

    “ทุกคน ระวังทุกก้าวที่เดินด้วย ฉันว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ” อินเนสซ่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน เธอก็เกิดไปสะดุดกับอะไรบางอย่างเข้า และในขณะเดียวกัน จู่ๆ ก็มีท่อนไม้สามอันพุ่งเข้ามาใส่พวกเขา 

    “พวกเรา หลบเร็ว!!” ดันเต้ตะโกนออกมา ในตอนนั้นเวียนก็ใช้พลังของเธอหยุดไม้พวกนั้นเอาไว้ จากนั้นก็เหวี่ยงมันทิ้งในทันที

    “มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า??” เวียนตะโกนถามไป

    “ทุกคนปลอดภัยดี ไม่มีอะไรครับ!!” ซีโร่ตะโกนออกมา

    “เอาเถอะ ปลอดภัยก็ดีแล้วหล่ะ” ลันโทสพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ก็มีแก๊สอะไรบางอย่างออกมาจากรู ทำเอาทุกคนถึงกับต้องรีบปิดจมูกในทันที

    “นี่มันกลิ่นบ้าอะไรกันวะเนี่ย??” โลร็องต์ถามอย่างแปลกใจ ในตอนนั้น ลาลินเองจึงใช้พลังของเธอปล่อยกลิ่นออกมา เพื่อที่จะจัดการกับแก๊สพวกนั้น

    “รีบเข้าไปด้านใน เร็ว!!” นาวินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบเดินตรงไปด้านหน้า พวกเขาเดินเข้าไปด้านในอย่างทุลักทุเล และพยายามจะเอาตัวรอด

    “เมื่อไหร่จะพ้นซะทีเนี่ย??” พัตติยาถามไป และไม่นานนัก พวกเขาก็หลบออกจากกลิ่นพวกนั้นได้สำเร็จ และฮารุเองก็ใช้ลูกไฟของเธอเผาแก๊สพวกนั้นอย่างรวดเร็ว

    “ตู้ม!!”

    เสียงระเบิดดังขึ้นราวกับถ้ำจะถล่ม แต่ทุกคนก็ยังต้านเอาไว้ได้ และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก

    “พี่วิน พี่ต้องรีบแล้ว พวกมันเข้าใกล้มาแล้วครับ!!” ภาภินวอบอกนาวินไป

    “พี่ๆ นั่นเสียงระเบิดหรือเปล่า??” นายลืมตะโกนแทรกทางวิทยุไป

    “ใช่แล้วหล่ะ เราเผาแก๊สนิดหน่อยหน่ะ” นาวินพูดขึ้น 

    “ทุกคน นิ่งเอาไว้ก่อนนะ” อิสครินน่าพูดขึ้น และในตอนนั้น ตัวของเธอก็ค่อยๆเดินไปต่อ จนมาจบที่ประตูหินซึ่งไม่ใหญ่มาก แต่ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งและทนทานเป็นอย่างมาก

    “ด็อกเตอร์ ดูเหมือนว่าเราจะมาถึงแล้วนะครับ เตรียมระเบิดได้เลยครับ” นาวินพูดขึ้น

    “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันจะจัดการเอง” อีสครินน่าพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็กุมมือกับสร้อยคอที่เธอใส่ จากนั้นเธอเดินไปที่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว

    “ฉันมาแล้วนะคะ”

    อีสครินน่าเอามือยื่นไปแตะที่ประตูหินอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นานนัก ประตูหินนั้นก็เริ่มเปล่งแสงออกมา

    “คุณวิน เอามือมาแตะหิน พูดว่า ข้ากลับมาแล้ว ท่านแม่” อีสครินน่าพูดขึ้น และในตอนนั้น ตัวของนาวินก็ประคองตัวเองไปที่หน้าประตูหิน จากนั้นก็เอามือยื่นออกไปด้วย

    “ข้ากลับมาแล้ว ท่านแม่”

    หลังจากที่พูดจบ ในตอนนั้นประตูหินก็ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ ในตอนนี้ทุกคนถึงกับตาค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้

    “อะไรกัน ทำไมผมถึงเปิดมันได้หล่ะ??” นาวินถามไป

    “ก่อนที่แม่นายจะฆ่าตัวตาย แม่ของนายได้สาปพลังนี้เอาไว้ ว่ามีแต่นาย กับเทพโซราห์เท่านั้นที่เข้าถึงมันได้” อีสครินน่าพูดขึ้น และไม่นานนัก พวกเขาก็เห็นแท่นหินอะไรบางอย่างด้านใน ตั้งตระหง่านสู้ลมอยู่มานานนับหลายพันปี

    “โห นี่ใครมาสร้างที่นี่เอาไว้หล่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่าเกี่ยวกับวัลธารัตน์??” นายลุ้นถามไป

    “หลังจากที่นางตาย สวามีของนายได้สร้างที่นี่ขึ้นมาจากกลุ่มผู้ภักดีของนาง กลุ่มผู้ภักดีได้สละชีวิตเพื่อปิดปากตัวเองพร้อมกับพระสวามี เพื่อไม่ให้คนรู้ว่าที่นี่ซ่อนอะไรไว้” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “โห มหัศจรรย์อะไรอย่างงี้เนี่ย??” เสี่ยวหลงถามไป 

    “ว่าแต่ แท่นหินนั่นมันคืออะไรหน่ะ??” อากิระถามอย่างสงสัย 

    “ฉันจัดการเอง ฉันต้องใช้เวลาเอาหทัยราชันย์ออกมาหน่ะ พวกนายถ่วงเวลาพวกมันไว้หน่อย ถ้าเป็นไปได้” อีสครินน่าพูดขึ้น จากนั้นก็รีบเดินไปยังแท่นหินในทันที

    “เอาหล่ะ ตอนนี้เราคงต้องมาตั้งแนวป้องกันสู้กับพวกมัน” ลันโทสพูดขึ้น

    “ผมจะช่วยเรื่องแนวป้องกันเอง” ดันเต้พูดขึ้น จากนั้นเขาก็สร้างน้ำแข็งขึ้นมาเป็นแนวป้องกันให้กับคนอื่นๆ ในทันที และในขณะเดียวกัน ลาลินก็สร้างสารอะไรบางอย่างเคลือบน้ำแข็งเอาไว้

    “หนูเคลือบสารไว้ ให้น้ำแข็งมันละลายช้าหน่ะค่ะ” ลาลินพูดขึ้น

    “ที่นี่มีทางเข้าทางเดียว เราสามารถกันพวกมันได้ตรงนี้” ฮารุพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ทางหนีของเราหล่ะ เราจะหนีไปยังไง??” โจไซอาห์ถามไป และในตอนนั้น อินเนสซ่าก็พยายามวิ่งไปดูเพดานที่ด้านบนในทันทีเพื่อหาช่องโหว่

    “ถ้าเราเจาะหินด้านบน มันน่าจะช่วยได้” อินเนสซ่าพูดขึ้น 

    “ถ้าอย่างงั้น ตอนนี้เราก็พยายามเจาะหินให้ร้าวก่อน แล้วพอเราหนีได้ พวกเราก็ใช้แรงกระแทก ถล่มถ้ำนี้ทำลายพวกมันเลยสิ” เวียนพูดขึ้น

    “จริงด้วยครับ แบบนี้เราก็ถล่มพวกมันให้ตายให้หมดได้” โลร็องต์พูดขึ้น

    “แต่ว่า เราต้องหาจุดที่มันอ่อนที่สุดก่อน แล้วค่อยให้โดรนบินเหนือหัวเรา แล้วมารับเรา” ลูโดวิกพูดขึ้น

    “โห ความคิดดีเหมือนกันนะครับเนี่ย” ซีโร่พูดขึ้น

    “ด็อกเตอร์ คุณจัดการเรื่องทางหนีได้หรือเปล่าครับ??” นาวินถามดันเต้ไป ดันเต้พยักหน้ารับ จากนั้นเขาก็หยิบเอาอุปกรณ์อะไรบางอย่างขึ้นมา จากนั้นก็เล็งอุปกรณ์นั้นไปยังชั้นหินด้านบนอย่างรวดเร็ว

    “สงสัยงานนี้คงเจอศึกหนักแล้วหล่ะ” พัตติยาพูดขึ้น

    “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ว่ายังไงเราก็จะผ่านมันไปได้นะ” อัญชันพูดปลอบใจพัตติยาไป และในขณะเดียวกัน ภาภินก็วอรายงานนาวิน

    “พี่วิน พวกมันมาแล้ว ระวังตัวด้วยนะพี่!!”

    “ได้เลย ทุกคน เตรียมพร้อมนะครับ พวกมันมาแล้ว!!” นาวินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เตรียมอาวุธอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือการปะทะ

     

    และที่ด้านนอกถ้ำ กลุ่มของโซนิคก็เดินมาถึงโบราณสถานได้สำเร็จ แต่เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึง พวกเขาก็ต้องพบกับซากศพของหน่วยลาดตระเวนมากมายอยู่บริเวณพื้นที่ เนื่องจากกับระเบิดที่อากิระติดตั้งเอาไว้ ในตอนนั้นคริสเตียลเองก็สั่งให้ทุกคนมารวมตัวกันในทันที

    “ดูเหมือนว่าพวกมันมาถึงแล้ว พวกมันคงตั้งกับดักไว้แน่นอน” คริสเตียลพูดขึ้น

    “รับทราบครับ พวกเรา เตรียมพร้อม!!” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น และในตอนนั้น โซนิคก็ยกมือขึ้นไปก่อน เพื่อสั่งให้ทุกคนหยุด

    “ทุกคน หยุดก่อน ที่รักบอกอย่าเพิ่งลุย!!” ลีน่าพูดขึ้น และในตอนนั้น โซนิคเองก็เดินล้วงกระเป่าเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ แต่ในตอนนั้น เขาก็ไปเหยียบระเบิดเข้า

    “ตู้ม!!” ระเบิดนั้นทำเอาโซนิคลอยกระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วร่วงลงมากับพื้นอย่างรวดเร็ว 

    “เฮ้อ คิดว่าจะแน่” วูฟแอบนินทาไป แต่ในตอนนั้น โซนิคก็ค่อยๆลุกขึ้นมา จากนั้นร่างกายของเขาก็ค่อยๆฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย เป็นไปไม่ได้!!” แสงจันทร์พุดอย่างตื่นเต้น และในตอนนั้น โซนิคก็ปัดฝุ่นบนเสื้อของเขา 

    “ไอ้บ้าเอ้ย นี่มันไม่ใช่คนแล้ว” จ่าชัยนินทาเบาๆ

    “โห เจ๋งดีแหะ มันต้องแบบนี้สิ” กาลีน่าพูดอย่างออกหน้าออกตา 

    “เฮ้อ จะอะไรขนาดนั้นยัยนี่??” ยูริแอบสบถออกมาเบาๆ เดวิดจะเข้ามาประคองโซนิค แต่โซนิคก็ห้ามเอาไว้ก่อน

    “เออ ท่านครับ ท่านต้องระวังหน่อยนะครับ” เดวิดพูดขึ้น 

    “ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีดีกว่าที่คิด” โซนิคพูดขึ้น และในตอนนั้นตัวของเขาก็เดินดุ่มๆเข้าไปในโบราณสถานอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คนอื่นๆก็พยายามเดินตามเขาไป

    “โห ไอ้นี่มันก็มีดีหว่ะ” รูกี้สบถออกมาเบาๆ

    “ระวังทุกฝีก้าวนะคะ พวกมันอาจวางกับดักเรา!!” เวอร์รีนตะโกนบอกทุกคนไป

    “อย่าให้ฉันเจอพวกมันอีกแล้วกัน” รูกิพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เดินมาถึงรูซึ่งนำพาพวกเขาไปยังถ้ำด้านใน และดูเหมือนว่าจะมีไฟส่องสว่างมาจากด้านในด้วย

    “ดูเหมือนว่าพวกมันจะเข้าไปด้านในแล้วครับ” คริสเตียลพูดขึ้น

    “รู้แล้วน่า ที่รัก เราส่งคนเข้าไปบุกเลยดีมั้ยคะ??” ลีน่าถามไป

    “พวกมันคงต้องรออยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ฉันจะเข้าไปก่อนเอง” โซนิคพูดขึ้น

    “คุณเอาจริงเหรอครับท่าน??” เดวิดถามไป

    “เอาจริงสิ ฉันไม่กลัวพวกมันหรอก พวกนายตามฉันมาก็แล้วกัน งานนี้พวกมันอาจจะมีดีกว่าที่เราคิด” โซนิคพูดขึ้น จากนั้นตัวของโวนิคก็ค่อยๆเดินลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เดวิดและลีน่าจะตามเขาลงไปด้วย

    “คุณจะตามมันลงไปด้วยหรือเปล่าครับ??” ฮาเวิร์ดกระซิบถามไป

    “นั่นสิคะ ความจริงเราน่าจะระเบิดพวกมันให้ตายให้หมดเลย” เวอร์รีนกระซิบที่ข้างหูคริสเตียล แต่ในตอนนั้นกาลีน่าก็เกิดเอะใจขึ้นมา

    “ยังก่อน ยังไม่ใช่เวลานี้ ตามผมมาเถอะ” คริสเตียลกระซิบกลับไป จากนั้นพวกเขาก็สั่งให้กำลังทั้งหมดเดินตามหลังคริสเตียลลงไปด้านล่างในทันที

     

    กลับมายังโกดังซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการของหน่วย UNASO ในตอนนั้นตัวของเบลก็กำลังนอนหลับหลังจากที่โดนทรมานเล่นมานาน ในขณะเดียวกันนั้นเอง เพี้ยนก็มาปลุกเบลอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นทำเอาเบลถึงกับหัวเสีย

    “เฮ้ย ไอ้น้อง ปลุกฉันทำไมวะ??”

    “ไม่ต้องนอนแล้วพี่ เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยพี่แล้ว” เพี้ยนพูดขึ้น เบลในตอนนั้นก็พยายามสอดส่องไปว่าใครจะมาช่วย

    “ไหนวะ ใครจะมาช่วยวะเนี่ย??” เบลถามไป

    “พวกนั้นน่าจะอยู่ข้างนอกพี่ ไรท์น่าจะเขียนอีกย่อหน้าหนึ่ง ใช่หรือเปล่าหล่ะ??” เพี้ยนถามไป และในตอนนั้นเบลก็รู้สึกรำคาญและนอนต่อไป 

    และในขณะเดียวกันที่ด้านนอก ในตอนนั้นยามส่วนหนึ่งก็กำลังยืนเฝ้าพื้นที่อย่างแข็งขัน ในตอนนั้นเอง ตัวของเกเบรียลก็เดินเข้ามาหาพวกเขา พร้อมกับถือดาบในมือมาด้วย

    “เฮ้ย หยุดนะ ไม่งั้นยิง!!” เจ้าหน้าที่พูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเกเบรียลก็พุ่งดาบใส่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้าที่อกและตายคาที่ เจ้าหน้าที่คนอื่นๆยิงใส่เกเบรียลอย่างรวดเร็ว แต่เกเบรียลก็มีพลังเกราะเหล็กทำให้กระสุนทำอะไรเขาไม่ได้ เขารีบดึงดาบจากชายคนนั้นมาเก็บ จากนั้นก็หยิบปืนของเจ้าหน้าที่คนนั้นมายิงตอบโต้ไปด้วย

    “เข้ามาเลย!!” เกเบรียลตะโกนออกมา และอีกด้านหนึ่งของโกดัง ไคและแก้วได้ใช้จังหวะที่พวกยามกำลังชุลมุนกันที่ด้านหน้าบุกเข้าไปด้านข้างของโกดัง จากนั้นก็วิ่งไปตามทางเรื่อยๆ และยิงใส่เจ้าหน้าที่ไประหว่างทางด้วย

    “ปังๆๆๆๆ!!”

    “แก้ว คุณใช้ปืนเป็นหรือเปล่า หยิบปืนพวกมันมายิงเลย!!” ไคบอกกับแก้ว และไม่นานแก้วก็หยิบ MP5 ของพวกนั้นมายิงช่วยอย่างรวดเร็ว

    “นี่เบลหายไปไหนกันหล่ะเนี่ย??” แก้วถามอย่างสงสัย และในตอนนั้น ในห้องขังซึ่งหลังจากเบลได้ยิงเสียงปืน เขาก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยที่เพี้ยนก็ได้อยู่ข้างๆเขาด้วย

    “นี่มันอะไรกันวะเนี่ย??” เบลถามอย่างสงสัย

    “ก็คนที่มาช่วยพี่ยังไงหล่ะ” เพี้ยนตอบกลับไป ในตอนนั้นเบลก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วก็รีบไปที่ประตูอย่างรวดเร็วเพื่อกระแทกประตูเพื่อเปิดออก

    “นี่ ไม่ต้องเสียงแรงกระแทกหรอกพี่ เดี๋ยวก็มีคนมาเปิดแล้ว” เพี้ยนพูดขึ้น และไม่นานนัก ไคและแก้วก็วิ่งมาที่หน้าประตู จากนั้นก็เอากุญแจมาไขประตูในทันที

    “อ้าว แก้ว มาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย แล้วเกเบรียลไปไหน??” เบลถามไป

    “คุณเกเบรียลไปยันพวกมันไว้ที่ด้านนอกค่ะ” แก้วพูดขึ้น

    “อืม กว่าจะมาช่วยพี่เบลได้ก็เหนื่อยกันหน่อยนะจ๊ะ!!” เพี้ยนพูดขึ้น

    “แล้วนี่ นายนี่เป็นใครกันหล่ะเนี่ย??” ไคถามอย่างสงสัย

    “อย่าเรียกเราว่านายสิ เราไม่มีเพศซะหน่อยนะแหม่!!” เพี้ยนพูดขึ้น ทำเอาตัวของไคถึงกับปวดหัว

    “อย่าไปอะไรกับเจ้านี่มากเลย ว่าแต่ จะไปกับเราด้วยหรือเปล่า??” เบลถามเพี้ยนไป

    “ไม่เป็นไรหรอกพี่ พี่ไปเถอะ หนูมีเรื่องต้องจัดการกับพวกนั้นหน่อย” เพี้ยนพูดขึ้น

    “เออ ถ้าอย่างงั้นก็โชคดีนะ ไว้โอกาสหน้าเจอกันใหม่ ถ้ายังไม่ตายนะ” เบลบอกกับเพี้ยนไป

    “ไม่ต้องห่วงพี่ เดี๋ยวตอนจบเราก็ได้พบกันอีก รีบไปเถอะพี่” เพี้ยนพูดขึ้น จากนั้นไม่นานกลุ่มของเบลก็ต้องรีบออกมาจากห้องขัง ก่อนที่กลุ่มเจ้าหน้าที่พวกนั้นจะรวมกำลังแล้วกลับมา พวกนั้นเมื่อเจอเพี้ยนก็เล็งปืนใส่เพี้ยนในทันที

    “เฮ้ย กลับเข้าไปซะ!!”

    “เออ รู้แล้ว ไม่ต้องโวยวายก็ได้นี่หว่า!!” เพี้ยนตอบกลับไป จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว ไค แก้วและเบลรีบวิ่งออกมาจากด้านนอกโดยที่กลุ่มเจ้าหน้าที่ก็ไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ 

    “ทุกคน ระวังนะ เราต้องรีบแล้ว!!” ไคพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบยิงสกัดพวกมันเอาไว้ และไม่นานนัก เบลก็เห็นประตูทางออก เขารีบวิ่งกระแทกประตูอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบพาทุกคนออกไปในทันที

    “รีบไปเร็ว ไม่งั้นพวกเราตายแน่!!” เบลพูดขึ้น

    “กำลังรีบอยู่ เราต้องรีบไปหาเกเบรียล” แก้วพูดขึ้น และไม่นานนัก พวกเขาก็วิ่งมาที่ด้านหน้าที่เกเบรียลกำลังยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ ไควิ่งไปแล้วยิงพวกเจ้าหน้าที่ที่เหลืออย่างรวดเร็ว 

    “ปังๆๆๆๆ!!”

    เกเบรียลที่กำลังหลบอยู่ในตอนนั้นก็ออกจากที่กำบังมาช่วยยิงอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตายกันจนหมด พวกเขาก็มารวมตัวกันในทันที

    “มาช้ากันนะเนี่ย” เกเบรียลพูดขึ้น

    “เออ ก็มาแล้วนี่ไง จะเอาอะไรอีกหล่ะ??” เบลถามไป

    “ตอนนี้พวกมันคงเรียกตำรวจท้องที่มาที่นี่แล้ว รีบไปเถอะ” ไคพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบออกจากพื้นที่โกดังอย่างรวดเร็วเพื่อหลบหนีจากการตามล่า

    “หวังว่าพวกมันส่วนใหญ่จะไม่กลับมาก่อนนะ” แก้วพูดขึ้น

    “เอาเถอะ ว่าแต่ตอนนี้เราจะไปที่ไหนกันต่อหล่ะ??” ไคถามอย่างสงสัย

    “ลองไปที่บ้านฉันดู ถ้าเกิดว่าพวกตำรวจมันไม่มาค้นที่บ้านฉันก่อนนะ” แก้วพูดขึ้น

    “เอาเถอะ ยังไงก็ต้องลองดูก่อน ยังดีกว่านั่งรอวันตายที่นี่หล่ะ” เบลพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ใครมันเล่นงานนายซะขนาดนี้วะเนี่ย??” เกเบรียลถามอย่างสงสัย แต่ในตอนนั้นเบลก็ไม่ได้ตอบอะไรไป ในขณะที่พวกเขาก็รีบเดินทางกันอย่างรวดเร็ว

     

    กลับมายังคอนโดของมิกิ หลังจากที่ตัวของมิกิตอบโต้ด้วยการปล่อยข้อมูลอีกชุดหนึ่งออกไปเผยแพร่ทั่วอินเทอร์เน็ต ตัวของเธอก็กลับมาอ่านที่หน้าฟีดของเธอเพื่อเช็คข่าวความเคลื่อนไหวเพิ่มเติม แล้วก็พบว่าข่าวนั้นแพร่ออกไปไกลมาก แทบจะสะเทือนวงการสื่อในประเทศไทยเลย

    “เฮ้อ ให้มันรู้ซะบ้างว่าเล่นกับใคร” มิกิพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ตัวของมิกิในตอนนั้นก็รีบไปเปิดประตูรับในทันที

    “คุณมิกิครับ!!”

    “อ้าว มีอะไรงั้นเหรอ??” มิกิถามอย่างสงสัย

    “เราต้องรีบเปลี่ยนที่อยู่แล้วครับ พวกตำรวจจะมาค้นที่นี่ครับ”

    “อ้าว ทำไมกัน แล้วนี่คุณเบ็ตตี้ว่ายังไง??” มิกิถามไป

    “เธอบอกให้คุณไปที่เซฟเฮ้าส์ที่เธอจัดไว้ให้ก่อนครับ”

    “อืม ถ้าอย่างงั้นฉันขอเก็บของก่อนแล้วกัน” มิกิพูดขึ้น จากนั้นไม่นาน ตัวของเธอก็รีบกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วเพื่อเก็บของของเธอบางส่วน เธอใช้เวลาเก็บได้ไม่นาน ตัวของเธอก็เดินออกมาด้านนอกอย่างรวดเร็ว

    “เชิญทางนี้ครับ!!”

    คนของเบ็ตตี้พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พากันลงไปที่ห้องใต้ดินในทันที และที่ห้องใต้ดิน พวกเขาก็เปิดประตูประตูหนึ่งอย่างรวดเร็ว แล้วก็พามิกิเข้าไปในนั้น

    “ที่นี่เชื่อมต่อกับท่อระบายน้ำ มันจะพาเราไปที่รถครับ” คนของมิกิพูดขึ้น จากนั้นไม่นานนัก โทรศัพท์สายหนึ่งก็โทรเข้ามาหามิกิ มิกิรีบรับสายในทันที

    “ฮัลโหล คุณมิกิ นี่ฉันเบ็ตตี้ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น คุณต้องรีบหนีแล้ว”

    “ฉันรู้ แล้วนี่คุณกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย??” มิกิถามกลับไป

    “ฉันก็เหมือนคุณ พยายามปกป้องตัวเอง เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกมันเอาจริงแล้ว” 

    “เอาเถอะ ไว้เจอกันก็แล้วกันค่ะ” มิกิพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบวางสายในทันที แล้วเดินตามชายคนนั้นอย่างรวดเร็วเพื่อไปขึ้นรถและหลบหนี

     

    กลับมาที่ห้องของเซนและคิฮาระ หลังจากที่พวกเขาทั้งคู่เสพสมกันอย่างหวานชื่น พวกเขาก็นอนกอดกันอยู่บนเตียงอย่างอบอุ่น และในขณะเดียวกันที่พวกเขากำลังนอนกอดกันอยู่ จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้าหา ในตอนนั้นเซนก็คว้าโทรศัพท์มาแล้วรับสายในทันที

    “ฮัลโหล อ้องั้นเหรอ ขอบใจมาก” เซนพูดขึ้นจากนั้นก็รีบวางสายโทรศัพท์ในทันที

    “มีอะไรอย่างงั้นเหรอ??” คิฮาระถามไป

    “ไม่มีอะไรหรอก แค่เพื่อนฉันโทรมาบอกข่าวนิดหน่อย” 

    “หือ บอกอะไรงั้นเหรอ??” คิฮาระถามไป

    “พวกนั้นบอกที่กบดานของไอ้คนที่อยู่เบื้องหลังหน่ะ” เซนพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ แล้วนายจะเอายังไงต่อหล่ะ??”

    “ผมก็จะตามไปล่าพวกมันหน่ะสิ” เซนพูดขึ้น

    “แล้วนายมีแผนอย่างงั้นเหรอ??” คิฮาระถามไป

    “ฉันจะไปสืบข่าวที่นั่น แล้วจัดการคนที่อยู่เบื้องหลังด้วยนัดเดียว” เซนพูดขึ้น

    “อ้อ เยี่ยม แล้วนายจะไปเมื่อไหร่หล่ะ??” คิฮาระถามไป

    “เดี๋ยวนี้เลยก็ได้” เซนพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นแล้วไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เซนกำลังจะปิดประตูห้องน้ำ คิฮาระก็เข้ามาในห้องน้ำด้วยเพื่ออาบน้ำ

    “นี่เธอ..”

    “เอาน่า นอนแก้ผ้าด้วยกันยังทำมาแล้ว” คิฮาระพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็เข้าไปด้านในและอาบน้ำด้วยกันในทันที ในระหว่างที่อาบน้ำ พวกเขาก็คุยกันไปด้วย

    “เออนี่ แล้วพวกนั้นบอกหรือเปล่า ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน??” คิฮาระถามไป

    “บอกแล้ว เดี๋ยวฉันพาไปเอง” เซนพูดขึ้น

    “แล้วอาวุธหล่ะ เราจะเอายังไง??” คิฮาระถามไป

    “กระสุนเรายังพอมีอยู่ น่าจะพอรับมือพวกมันได้” เซนพูดขึ้น

    “เออนี่ แล้วนายจะให้ฉันทำยังไงหล่ะ??” คิฮาระถามไป

    “เธอก็ระวังหลังให้ฉันยังไงหล่ะ” เซนตอบไป

    “ยิ่งกว่าระวังหลังฉันก็ทำได้นะ” คิฮาระพูดขึ้น และไม่นานนัก พวกเขาก็อาบน้ำกันเสร็จเรียบร้อย แล้วพวกเขาก็เดินออกมาเช็ดตัวรวมถึงเปลี่ยนเสื้อผ้ากันในทันที

    “เฮ้อ ในที่สุดก็จะได้ฆ่าคนซะที” เซนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็โยนปืนเก็บเสียงกระบอกหนึ่งให้คิฮาระ คิฮาระรีบรับปืนนั้นมาอย่างรวดเร็ว

     

    ณ ถนนเส้นหนึ่งซึ่งกำลังจะเดินทางไปยังเขตปริมณฑล ปทุมธานี ซุปเปอร์คาร์ของซูซาคุได้ขับไปเรื่อยๆตามเส้นทาง ในขณะเดียวกันที่เธอก็โทรศัพท์ติดต่อกับคนของเธอที่สถานทูตไปด้วย เธอรีบโทรหาฮันเตอร์อย่างรวดเร็ว เพื่อคุยกันถึงสถานการณ์เพิ่มเติมไปด้วย

    “ฮันเตอร์ ได้ยินหรือเปล่า??” 

    “ครับผม เดินทางเป็นยังไงบ้างครับ??” ฮันเตอร์ถามกลับไป

    “อ้อ ก็โอเค ไม่มีอะไรมาก ว่าแต่มีข่าวอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า??” ซูซาคุถามไป

    “มีข่าวมาว่าพวก UNASO มันกบดานกันอยู่ที่โกดังในกรุงเทพ แต่เมื่อเช้า ได้ยินว่าพวกมันเดินทางไปที่จังหวัดอื่นเพื่อทำงานอะไรซักอย่างนี่หล่ะครับ”

    “อืม ว่าแต่ พอจะมีที่อยู่อื่นที่มีเบาะแสหรือเปล่า??” ซูซาคุถามไป

    “ผมจะส่งโลเคชั่นไปครับ”

    “อืม ดี แล้วนี่อากิโกะเป็นยังไงบ้าง??” ซูซาคุถามไป

    “ผมส่งเจ้าหน้าที่ไปคุ้มกันแล้วครับ เธอปลอดภัยครับ”

    “ดี ยังไงฉันก็ต้องขอรบกวนนายหน่อยแล้วกัน” ซูซาคุพูดขึ้น

    “ว่าแต่ คุณจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ??” ฮันเตอร์ถามไป

    “ยังไม่รู้เลย ถ้าฉันกลับมา ฉันจะติดต่อไปแล้วกัน” ซูซาคุพูดขึ้น

    “ผมมีเรื่องต้องบอกอีกเรื่อง ตอนนี้พวก UNASO กำลังจับตามองคุณอยู่ ตอนนี้คงต้องเคลื่อนไหวอะไรระวังหน่อยนะครับ” ฮันเตอร์พูดขึ้น

    “ก็พอจะเดาออก พวกนั้นไม่แฮปปี้เท่าไหร่ ฉันรู้” ซูซาคุพูดขึ้น

    “ครับ ผมไม่รู้ว่าพวกมันกำลังวางแผนจะเล่นงานอะไรคุณอีก เลยมาเตือนหน่ะครับ”

    “ไม่ต้องห่วง นายก็รู้ว่าไม่มีใครทำอะไรฉันได้” ซูซาคุพูดขึ้น 

    “ครับผม ถ้าอย่างงั้น ผมจะส่งโลเคชั่นไปให้คุณนะครับ” ฮันเตอร์พูดขึ้น จากนั้นไม่นาน ตัวของซูซาคุก็เอาโทรศัพท์หนีบไว้กับที่วางโทรศัพท์ของรถยนต์ จากนั้นก็เปิดโลเคชั่นที่ฮันเตอร์ส่งมาในทันที

    “อืม อยู่ไกลจังแหะ”

    ซูคาคุบ่นออกมาหลังจากที่เห็นโลเคชั่นของทั้งสามจุด

    “เห็นทีคงต้องไปที่แรก ธัญบุรีก่อน แล้วค่อยกลับมาที่ตรงนี้”

    ซูซาคุพูดขึ้นจากนั้นตัวของเธอก็เหยียบคันเร่ง รถของเธอขับไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาติดไฟแดงจุดหนึ่ง ทำเอาเธอต้องจอดรถไปและรอให้ไฟเขียว ในขณะเดียวกันนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะกระจกรถของเธอ

    “พวงมาลัยมั้ยครับ??” เด็กคนหนึ่งถือพวงมาลัยเคาะที่กระจก ตอนนั้นซูซาคุเลื่อนกระจกลงมา แล้วควักแบงค์พันให้เด็กคนนั้นอย่างรวดเร็ว

    “ขอบคุณครับ!!” เด็กคนนั้นรับเงินอย่างตื่นเต้น จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปในทันที และไม่นานนัก ไฟเขียวก็ได้แจ้งเตือนขึ้น ซูซาคุรีบเร่งเครื่องขับรถออกเดินทางต่อในทันที

     

    กลับมายังเซฟเฮ้าส์ของ สส.สุรสิงห์ ในวันนั้นตัวของเขาก็กลับมาเยี่ยมลูกที่โรงพยาบาล ในตอนนี้อาการของนายแสนก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ดูเหมือนว่านายแสนจะไม่ลดละความพยายามในการแก้แค้นเลย ในตอนนั้นมีโทรศัพท์โทรเข้ามาหานายสิงห์ นายแสนรีบคว้าโทรศัพท์แล้วลากสังขารตัวเองเข้าห้องน้ำไปในทันที แล้วรีบรับสายโทรศัพท์ไป

    “ฮัลโหล ว่ายังไงวะ??”

    “พี่ เราไปสืบที่ร้านอาหารของยัยอัญชัน ตอนนี้มันจ้างแก๊งค์มอไซค์มาเฝ้าร้านมันครับ”

    “เอ้า ทำไมมึงไม่ถล่มมันหล่ะ??” นายแสนถามไป

    “พวกมันมีเยอะ แล้วก็มีอาวุธด้วยครับ แล้วอีกอย่าง พ่อลูกพี่สั่งไว้ไม่ให้เราลงมือด้วยครับ”

    “เออ งั้นพวกมึงจับตาดูมันไว้ แล้วค่อยโทรบอกกู” นายแสนพูดขึ้น และในตอนนั้น ตัวของเขาก็กลับออกมาจากห้องน้ำ โดยที่ตอนนั้น นายสิงห์ก็มายืนรออยู่ที่หน้าห้องน้ำอยู่พอดี

    “ป๊า นี่ป๊ามาทำอะไรเนี่ย??” 

    “ก็มาฟังว่าแกกำลังทำอะไรอยู่นี่หล่ะ” นายสิงห์ตอบกลับไป

    “โธ่ป๊า นี่ป๊าจะให้ผมอกแตกตายหรือไง??”

    “ฉันว่าแกน่าจะได้หัวแตกก่อนอกแตกตายแน่ๆ” นายสิงห์พูดขึ้นพลางเดินกลับไปนั่งที่โซฟาในห้องทันที

    “ฉันตัดสินใจแล้ว เราจะหนีไปสวิส เมื่อทุกอย่างพร้อม” นายสิงห์พูดขึ้น

    “ป๊า นี่ป๊าจะไม่ทำอะไรกับมันหน่อยเหรอ??” นายแสนถามไป

    “แกยังไม่ตายก็บุญแค่ไหนแล้ว แกรู้มั้ย ตอนนี้คนในพรรค เริ่มมากดดันฉันแล้ว แกรู้มั้ยว่ากดดันอะไร??” 

    “พวกมันมากดดันอะไรป๊าอีกหล่ะ??” นายแสนถามไป

    “พวกมันมากดดันให้ฉันลาออกจากพรรค แกรู้มั้ย พวกมันเอาข่าวแกมาเล่นงานฉันด้วย!!” 

    “โธ่ป๊า ป๊ามีเงินตั้งเยอะ ไปตั้งพรรคใหม่ก็ได้นี่หน่า” นายแสนพูดขึ้น

    “นี่ แกรู้มั้ยเส้นทางการเมืองมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะ ทุกสิ่งที่ฉันสร้างมัน มันอาจจะพังลงได้ ถ้าเกิดว่าแกยังก่อเรื่องอะไรแบบนี้” 

    “นี่ป๊าจะให้มันเป็นหนามตำใจผมอย่างงั้นเหรอ??” นายแสนพูดขึ้นพลางกลับขึ้นไปนอนบนเตียงของเขาอย่างรวดเร็ว

    “แกไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เราจะไปเมืองนอกกัน ถ้าแกยังไม่อยากตาย” นายแสนพูดขึ้น

    “เอาเถอะ ถึงยังไงป๊าก็ไม่สนใจอยู่แล้วนี่ว่าผมต้องการอะไร” นายแสนพูดขึ้น

    “ดูสิ่งที่แกต้องการแต่ละอย่างสิ มันจะทำให้เราบรรลัยกันหมด แกอยู่เฉยๆไปเถอะ ถือว่าฉันขอร้องแล้วกัน” นายสิงห์พูดขึ้นแล้วก็ลุกขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็ว

    “ป๊าจะปล่อยให้มันทำกับผมแบบนี้เหรอ??”  

    “ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้ว จะมีคนจัดการให้เราเอง!!” นายสิงห์พูดขึ้น จากนั้นก็เปิดประตูออกจากห้องพยาบาลอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เลขาก็กำลังยืนอยู่ที่หน้าห้องเพื่อรอเขา

    “ท่านคะ ดิฉันกำลังดำเนินการเรื่องโอนย้ายเงินแล้วค่ะ”

    “ดี คงต้องรีบกันหน่อยหล่ะ” นายสิงห์พูดกลับไป

     

    กลับมายังโบราณสถานซึ่งเก็บหทัยราชันย์ กลุ่มของนาวินในตอนนั้นก็ตั้งกำลังไว้เพื่อรอรับมือพวก UNASO ที่กำลังจะบุกเข้ามา พวกเขาเตรียมอาวุธเล็งไปที่ปากทางเข้าถ้ำ ส่วนดันเต้เองก็พยายามหาตำแหน่งที่จะสามารถเจาะดินเพื่อทะลุขึ้นไปได้ และไม่นานนัก ดันเต้ก็ได้เจอกับตำแหน่งเข้า

    “ตรงนี้ไง มันน่าจะพาเราขึ้นไปด้านบนได้ ลันโทส คุณมาช่วยผมที!!” ดันเต้พูดขึ้น จากนั้นไม่นานลันโทสและซีโร่ก็รีบเอาอุปกรณ์มาให้กับดันเต้อย่างรวดเร็ว

    “เราต้องขุดระวังหน่อยนะครับ ไม่อย่างงั้นมันจะถล่มเอา” ซีโร่พูดขึ้น

    “แน่นอน ตัวขุดตัวนี้มันไร้แรงสะเทือนหน่ะ” ลันโทสพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ซึ่งมันดังเข้ามาในหูของพวกเขาทุกคน

    “ทุกคน ได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า??” เวียนตะโกนถามไป และในตอนนั้น ตัวของนาวินก็เดินไปที่ต้นทางของเสียงอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเป็นก้อนหินอะไรบางอย่าง ตั้งอยู่ในช่องหินซึ่งดูเหมือนเป็นแท่นอะไรบางอย่าง

    “ช่วยข้าด้วย ทำลายหินนี่ที!!”

    นาวินได้ยินเสียงที่ออกมาจากหิน ตัวของเขารีบชักปืนออกมาแล้วยิงหินนั้นอย่างรวดเร็ว

    “ตู้ม!!”

    หินก้อนนั้นได้ระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่นานก็มีไอพลังงานลอยออกมาจากหิน และในตอนนั้น มันก็ปรากฎร่างชายในชุดนักรบโบราณให้ทุกคนได้เห็น

    “นี่มันตัวอะไรกันเนี่ย??” โลร็องต์ถามอย่างตื่นเต้น

    “ก็ผียังไงหล่ะ นายนี่ไม่เคยเห็นหรือไง??” ลูโดวิกถามอย่างสงสัย

    “ขอบใจพวกเจ้ามาก ที่ช่วยปล่อยให้เราเป็นอิสระ” 

    “นี่ ท่านเป็นใครกัน เทวดางั้นเหรอ??” นาวินถามอย่างสงสัย

    “ข้ามันก็อมนุษย์เหมือนกับพวกเจ้านี่หล่ะ ข้าถูกพลังอะไรบางอย่าง ทำให้ต้องมาติดอยู่ที่นี่ ไม่ได้ไปผุดไปเกิด ต้องมาเฝ้าที่นี่อยู่นานนัก ข้าชื่อเมืองผา ข้าเป็นนักรบ”

    “เมืองผาอย่างงั้นเหรอ คุ้นๆแหะ??” ฮารุพูดขึ้น

    “พวกเจ้าเคยได้ยินชื่อข้าด้วยเช่นนั้นหรือ??”

    “เราไม่แน่ใจ แต่ท่านจำชื่อของวิบัติได้หรือไม่??” โจไซอาห์ถามไป เมืองผาที่ได้ยินชื่อวิบัติก็ถึงกับหูผึ่ง แล้วถามกลับไปในทันที

    “นี่ พวกเจ้ารู้หรือว่าพวกเขาอยู่ที่ใด??” 

    “ยิ่งกว่ารู้อีก ตอนนี้หมอนั่นโดนไอ้พวกระยำควบคุมจิตใจไปแล้ว” อากิระพูดขึ้น

    “แล้วนี่ คุณไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างงั้นเหรอ??” เสี่ยวหลงถามไป

    “นี่ ใจเย็นสิ เขาอาจจะไม่รู้จริงๆก็ได้” อัญชันพูดปรามไป

    “ตั้งแต่ที่ข้าสิ้นชีพ วิญญาณของข้าก็เร่ร่อน แต่จู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างดึงข้าให้มาที่นี่” เมืองผาพูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่ามันจะมีอะไรซับซ้อนกว่าที่คิดแหะ” อินเนสซ่าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น คงต้องถามคุณอีสครินน่าแล้วหล่ะ” นายลุ้นพูดขึ้น

    “คุณอีสครินน่ายังไม่ว่างตอนนี้หรอกค่ะ” ลาลินพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ภาภินก็วิทยุมาติดต่อกับทุกคนอย่างรวดเร็ว

    “พี่วิน ทำไมพี่นิ่งไปเลยหล่ะครับ ตอนนี้โดรนกำลังรออยู่นะครับ??” 

    “อ้อ มีปัญหานิดหน่อยหน่ะ กำลังจัดการอยู่” นาวินตอบกลับไป และในขณะเดียวกัน พัตติยาก้ตะโกนออกมาบอกอะไรบางอย่างกับทุกคน

    “ทุกคนคะ สำเร็จแล้วค่ะ!!” พัตติยาพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน อีสครินน่าก็สามารถเอากล่องอะไรบางอย่างออกมาได้สำเร็จ กล่องสีทองดูอร่ามตา และมีรูกุญแจสำหรับไขมันออก

    “ได้แล้ว คราวนี้หล่ะ พวกเราไป..” 

    อีสครินน่ายังพูดไม่ทันจบ ในตอนนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างมาจากด้านหน้า เอาพวกเขาถึงกับแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น

    “ทุกคน เตรียมอาวุธ..” นาวินพูดขึ้น แต่ยังไม่ทันไร

    “วิ้ง!!”

    จู่ๆ มีคลื่นเสียงประหลาดพุ่งเข้ามาในรูถ้ำของพวกเขา มันทำเอาทุกคนถึงกับกระเด็น น้ำแข็งของดันเต้กระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ด้านในสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินจะถล่ม 

    “อ่ะ บ้าเอ้ย!!” นาวินและคนอื่นๆนอนดิ้นลงไปกับพื้น แต่ตัวของนาวินก็พยายามจะประคองตัวขึ้นมา แล้วเล็งปืนไปยังหน้าประตูหินนั้น

    “อย่าขัดขืนดีกว่าน่า” เสียงสะท้อนนั้นดังขึ้นมาต่อหน้าเขา พร้อมกันนั้น ก็ปรากฎร่างของชายผิวสีใส่เสื้อฮู้ดเดินมาอยู่ที่หน้าประตู พร้อมกับส่ายหัวไปด้วยเล็กน้อย

    “ดูเหมือนว่าพวกแกคนนึง จะมีคนที่สะท้อนพลังได้นะ ใช้ได้เลยหว่ะ” ชายคนนั้นพูดขึ้น 

    “แกเป็นใครกันวะ??” นาวินตะโกนถามไป

    “ผมโซนิคครับ คุณนาวิน..”

    =====================================================================

    การเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่ายจะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    https://ko-fi.com/shinobinon ถูกใจนิยาย อยากเลี้ยงกาแฟผม จัดเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×