คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 17 : ออกเดินทางล่าสมบัติ
กลุ่มของนาวินยังคงทำงานแข่งกับเวลาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการออกเดินทางตามหาหทัยราชันย์ ดันเต้เตรียมอุปกรณ์สำหรับขุดเจาะและทำลายหินใต้ดินอย่างเร่งรีบ ในขณะที่คนอื่นๆก็ยังคงฝึกฝนตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับศัตรูคนใหม่ซึ่งมีพลังมากกว่าใครที่พวกเขาเคยเจอมา และในช่วงหนึ่ง อัญชันได้เข้าครัวไปทำอาหารให้กับทุกคนได้ลองทาน ซึ่งในตอนนั้นทุกคนกำลังนั่งรอที่โต๊ะอาหารอยู่ ไม่นานนัก อัญชันก็เอาอาหารที่เธอทำออกมาให้กับทุกคนได้ทานอย่างรวดเร็ว
“กินเลยค่ะทุกคน ตอนนี้กำลังร้อนๆเลย” อัญชันพูดขึ้น ทุกคนเห็นอาหารที่วางบนโต๊ะก็เกิดน้ำลายไหล ยกเว้นแต่เสี่ยวหลงและอากิระที่ยังคงทำหน้าเหมือนจะระแวงอะไรบางอย่าง
“นี่ พวกนายสองคนเป็นอะไรไปเนี่ย??” นาวินมองหน้าเสี่ยวหลงและอากิระอย่างแปลกใจ ในขณะที่พัตติยาก็ลองทานอาหารที่อัญชันทำดู
“โห อร่อยมากเลยนะเนี่ย!!” พัตติยาพูดขึ้น ในตอนนั้นมันทำให้เสี่ยวหลงคลายสงสัยว่าเธอจะแกล้งพวกเขาหรือเปล่า เลยตักอาหารเข้าปากตามไปด้วย
“เฮ้อ นานแค่ไหนนะที่ไม่ได้กินอะไรอร่อยๆแบบนี้” นายลืมพูดขึ้น
“เออใช่ จะว่าไป มื้ออาหารอร่อยๆแบบนี้ มันต้องมีเรื่องเล่านะครับ” ซีโร่พูดขึ้น
“นั่นสิครับ ผมอยากจะถามคุณอีสครินน่าพอดี ทำไม ผมกับ อ่า เทพโซราห์อะไรเนี่ย ถึงได้ขัดแย้งกับผมหล่ะ??” นาวินถามอย่างสงสัย
“เมื่อสมัยสงครามเทพ ตัวของคุณและเทพโซราห์เป็นเทพที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการทำสงคราม แต่ครั้งหนึ่ง ตัวของคุณทำสงครามล้างผลาญจนพลั้งมือฆ่าเด็กสาวคนหนึ่งตาย นั่นทำให้คุณเริ่มตั้งคำถามกับสงครามนี้ จนไม่นาน คุณก็มีแนวคิดในการสงบศึกกับพวกมนุษย์ แม้ว่าเทพโซราห์จะต้องการกวาดล้างมนุษย์ให้สิ้นซาก แต่คุณกลับต้องการปกป้องพวกเขา รวมถึงเห็นว่าสงครามครั้งนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะทำให้เทพเจ้าล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ความขัดแย้งของคุณและเทพโซราห์มีมากขึ้น จนต้องเข้าต่อสู้กัน”
“เจ้าทำบาปมามากแล้ว หยุดเสียเถิด น้องข้า!!”
“หากพี่คิดว่าจักหยุดข้าได้ ก็ลองดู!!”
เทพสององค์เข้าห่ำหั่นกันอย่างดุเดือด พวกเขาผลักกันชิงความได้เปรียบ โซราห์ใช้พลังเสียงของเขาจะเล่นงานอิมเมอร์ทา แต่เทพอิมเมอร์ทารู้ทันแกว เขาจึงใช้พลังปิดที่หูของเขา แล้วจัดการโต้กลับ แต่ในตอนนั้นเอง
“พรึ่บ!!”
จู่ๆ พวกเขาทั้งคู่ก็ถูกผลักเข้าติดภูเขาและขยับตัวไม่ได้
“นี่มันอันใดกัน พวกเจ้าเป็นพี่น้องกัน เหตุใดจึงต้องฆ่าฟันกันเยี่ยงนี้??” นั่นคือเสียงของมหาเทพีสาราวาที่ตะโกนด่าลูกทั้งสองของนางไป
“ท่านแม่ พี่เราเกิดเอาใจออกห่างพวกเรา ไปเข้าร่วมกับมนุษย์พวกนั้น!!”
“ท่านแม่ ข้าไม่เห็นว่าสงครามนี้จักมีประโยชน์อันใดเลย นอกจากจะเป็นการสูญเสียเหล่าเทพของเรา เพลานี้เหล่าเทพเริ่มไม่พอใจสงครามครั้งนี้มากขึ้น หากพวกเขาก่อกบฏขึ้นมาจักทำเยี่ยงไร??”
“ในตอนนั้น แม่ของคุณเข้าข้างคุณ นางเลยตัดสินใจที่จะสงบศึกกับพวกมนุษย์หน่ะ” อีสครินน่าพูดขึ้น
“อืม แล้วตอนนั้น เหล่าเทพคนอื่นๆเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” อากิระถามไป
“ตอนนั้นคุณที่ยังเป็นเทพคินส์ได้ฆ่าตัวตายไปก่อน ครั้งหนึ่งโซราห์พยายามจะดึงตัวคุณไปทำงานด้วย แต่คุณยังภักดีกับเทพอิมเมอร์ทา ส่วนมเหสีของอิมเมอร์ทาก็ปลิดชีพตนเองตามสวามีไป” อีสครินน่าพูดขึ้น
“เฮ้อ น่าเศร้าจริงๆนะคะเนี่ย” เวียนพูดขึ้น
“ยังมีเทพองค์ไหนที่ไม่ฆ่าตัวตายบ้างครับ??” เสี่ยวหลงถามไป
“เทพส่วนใหญ่ได้หนีไปยังมิติอื่นหน่ะ แล้วก็ฉันที่ยังไม่ฆ่าตัวตาย เพื่อทำภารกิจสะสางเรื่องในโลกใบนี้หน่ะ” อีสครินน่าพูดขึ้น
“อืม เพิ่มอรรถรสในการกินมากเลยครับผม” โลร็องต์พูดขึ้นจากนั้นก็ตักอาหารเข้าปากไป
“เออ กินๆไปเถอะ ไม่รู้จะได้กินอีกเมื่อไหร่” ลูโดวิกพูดปรามไป
“ตอนนี้ผมกำลังจะเตรียมอุปกรณ์เสร็จแล้ว พรุ่งนี้ช่วงเย็นน่าจะออกเดินทางกันได้หน่ะครับ” ดันเต้พูดขึ้น
“ดีแล้วหล่ะครับ เราต้องรีบหาให้เจอก่อนไอ้พวกนั้น” โจไซอาห์พูดขึ้น
“นั่นสิคะ ถ้าพวกมันได้ไป ฉันก็ไม่อยากจะคิดเลย” อินเนสซ่าพูดขึ้น
“อืม หลังจากที่เราได้มันมาแล้ว มันต้องยังไงต่อหล่ะคะ??” ฮารุถามในขณะที่กำลังตักต้มยำกุ้ง
“ฉันต้องใช้เวลา 10 วัน ในการท่องมนต์และเปิดกล่องนั้น” อีสครินน่าพูดขึ้น
“10 วันเลยเหรอครับ ถึงตอนนั้นพวกเราก็คงลงหลุมกันหมดแล้ว” นายลุ้นพูดขึ้น
“ไม่หรอก พวกมันคงยังไม่กล้าทำอะไรมากหรอก” ลันโทสพูดขึ้น
“อืม จะว่าไป สถานการณ์ตอนนี้ก็น่าเป็นห่วงอยู่นะคะ” ลาลินพูดขึ้น
“นั่นสิ ถึงเราจะได้มันมาก็ต้องใช้เวลาอีก” ภาภินพูดขึ้นในขณะที่กำลังนั่งกินผัดเผ็ดไป
“แล้วคุณสาโรจน์หล่ะ เป็นยังไงบ้างตอนนี้??” นาวินถามภาภินไป
“ผมให้อาหารเขาไปแล้ว แล้วก็สอบถามเขาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเบาะแสด้วย ตอนนี้กำลังจะได้หลักฐานแล้วหล่ะครับ” ภาภินตอบกลับไป
“เออ จะว่าไป เรื่องของคุณวิบัติที่ถูกพวกมันควบคุม เราจะช่วยเขายังไงหล่ะครับ??” เสี่ยวหลงถามอย่างสงสัย
“ก็คงต้องแล้วแต่สถานการณ์ แต่ถ้ามันมาขวางตีนฉัน ฉันเอามันตายแน่” อากิระพูดขึ้น
“เย็นไว้ก่อนสิ ยังไงเราก็ต้องช่วยเขานะ” อัญชันพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ตัวของอีสครินน่าเองก็ถึงกับแอบคิดอะไรบางอย่างไปด้วย
“อีสครินน่า เธอคิดอะไรอยู่งั้นเหรอ??” พัตติยาถามอย่างสงสัย
“แปลกใจนิดหน่อยว่ามันใช้พลังอะไรในการควบคุม ถ้ามันใช้พลังของเทพนาร์ส ก็น่าจะพอแก้ทางได้ พลังของมันเป็นการควบคุมจิตใจโดยใช้ภาพลวงตาของคนที่เขารัก ถ้าเกิดเราตามหาสิ่งที่เขารักจริงๆเจอได้ เราก็น่าจะช่วยเขาได้” อีสครินน่าพูดขึ้น
“โห ถ้าเป็นแบบนั้นก็แย่เลยหล่ะสิ เราจะไปหาที่ไหนหล่ะ??” ฮารุถามไป
“ไม่ก็ต้องฆ่าทิ้งซะก็จบเรื่อง” เวียนพูดขึ้น
“ใจเย็นก่อนสิ ยังไงเราก็ต้องลองดูก่อนนะครับ” นาวินพูดปรามเวียนไป
“ถ้าเกิดพวกมันใช้งานคุณวิบัติ พวกมันก็ต้องใช้งานวิญญาณที่คุณวิบัติมีด้วย แบบนั้นพวกมันคงหัวปั่น ตามหาหทัยราชันย์กันยกใหญ่แน่ค่ะ” ลาลินพูดขึ้น
“อืม จริงด้วย แต่ถึงยังไง พวกมันก็คงเปิดกล่องนั่นไม่ได้หรอก” โจไซอาห์พูดขึ้น
“ใช่ แต่ถ้าพวกมันได้กล่องไป เราก็ต้องเสียเวลาไปชิงกับพวกมันอีก” อินเนสซ่าพูดขึ้น
“อืม ถ้าเกิดเราได้มันมาอยู่ในมือ เราก็ได้เปรียบพวกมัน” นายลุ้นพูดขึ้น
“อ้าว นี่เรามีศัตรูใหม่ แล้วศัตรูเก่าหล่ะครับ??” นายลืมถามไป
“ถ้าเราจัดการศัตรูใหม่ได้ ไอ้พวกนั้นก็ไม่มีประโยชน์แล้วหล่ะ” ดันเต้พูดขึ้น
“อืม จะว่าไปพวก UNASO ก็แทบไม่เคลื่อนไหวอะไรเลยช่วงนี้” ลันโทสพูดขึ้น
“ผมว่า พวกมันต้องเตรียมทำงานใหญ่อยู่แน่นอนครับ” ซีโร่พูดขึ้น
“ก็คงจะออกตามหาของวิเศษเหมือนกับเรานั่นหล่ะครับ” โลร็องต์พูดขึ้น
“โชคยังดีที่พวกมันไม่มีใครรู้ว่าเราอยู่ที่นี่นะ” ลูโดวิกพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูอีสก็เดินออกมาจากนอกห้อง แล้วก็มาบอกกับทุกคนในทันที
“คุณครับ คุณสาโรจน์เขาอยากมาพบกับพวกคุณหน่ะครับ” ลูอีสพูดขึ้น และไม่นานนัก ตัวของสาโรจน์ก็เดินเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว
“อ่า ผมอยากจะขอบคุณหน่ะครับที่พวกคุณช่วยเหลือผม”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่เหนือบ่ากว่าแรงมากหรอกครับ” นาวินพูดขึ้น
“แต่ ผมอยากจะกลับบ้านครับ” สาโรจน์พูดขึ้น
“ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ปลอดภัยนะครับ พวกมันยังออกตามล่าตัวคุณอยู่ คุณออกไปจากที่นี่ คุณโดนพวกมันเก็บแน่ๆ” ดันเต้พูดขึ้น
“ผมเป็นห่วงครอบครัวหน่ะครับ”
“เออ ไม่ทราบว่าที่บ้านคุณมีกล้องวงจรปิดหรือเปล่าครับ เอาไว้ผมจะดูผ่านกล้องที่บ้านคุณให้” ภาภินพูดขึ้น
“อ้อ มีอยู่แล้วหล่ะครับ ยังไงก็รบกวนด้วยนะครับ” สาโรจน์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็รีบเดินออกไปที่ด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“ผมจะคุ้มกันเขาเองครับ” ลูอีสพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ จะว่าไป การเมืองมันก็มีราคาที่ต้องแลกนะครับ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น
“ใช่ แต่ฉันเชื่อว่าทุกคนพร้อมที่จะแลก เพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้นหน่ะ” อัญชันพูดขึ้น
“เอาเถอะ แต่ถ้าเราปล่อยให้ครอบครัวของเขาอยู่แบบนั้น มันจะไม่เป็นอันตรายเหรอ??” อากิระถามไป
“เดี๋ยวนี้โซเชียลมันไปไว ทำอะไรไปใครก็เห็นหมดหล่ะ” พัตติยาพูดขึ้น
“คุณดันเต้คะ คุณจะเตรียมโดรนออกเดินทางเยอะแค่ไหนคะ??” อีสครินน่าถามดันเต้ไป
“อ้อ ผมเตรียมไว้แล้วหล่ะครับ ตอนนี้ขอแค่ไปถึงก่อนพวกมันก็พอ เพราะตอนนี้พวกมันก็คงเตรียมอุปกรณ์เหมือนกัน” ดันเต้พูดขึ้น
“ถ้าพวกมันมา ฉันจะเล่นงานพวกมันให้หมดเลย” ฮารุพูดขึ้น
“เธอได้ทำแน่ ไม่ต้องห่วงหรอก” เวียนตอบเธอไป
“แต่ว่า ตอนนี้เราต้องหาอาวุธเพิ่มนะ” โจไซอาห์พูดขึ้น
“อืม นั่นสิ เราไม่รู้ว่าศัตรูใหม่น่ากลัวแค่ไหน” อินเนสซ่าพูดขึ้น
“พี่ลุ้น พี่ลองจั่วไพ่ขึ้นมาดูได้หรือเปล่าหล่ะ??” นายลืมถามไป
“นี่ ใจคอจะต้องพึ่งดวงทุกวันเลยเหรอ??” นายลุ้นตอบกลับไป
“เอาน่า ถึงยังไงเราก็สู้กับพวกมันได้อยู่แล้วนี่” โลร็องต์พูดขึ้น
“เออ ก็ขอให้มันจริงดังคำนะไอ้น้อง” ลูโดวิกพูดขึ้น
“จะว่าไป พี่อัญชันสอนหนูทำกับข้าวหน่อยสิคะ” ลาลินบอกกับอัญชันไป
“ฮ่าๆๆๆ เรียนรู้อะไรเยอะๆก็ดีนะคนเรา” ลันโทสพูดขึ้น
“คืนนี้เราคงต้องพักให้เต็มที่นะครับ” ซีโร่พูดกับทุกคนไป
“เอาหล่ะครับ เอาเป็นว่าเราไปพักผ่อนกันดีกว่า อัญชัน ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะ” นาวินบอกกับอัญชันไป และไม่นานนัก ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนกันต่อในทันที
และในที่พักผ่อนของแต่ละคน ห้องของนาวิน ซึ่งเขาได้นอนกอดกับเวียนบนเตียงอย่างหวานชื่น โดยที่ทั้งคู่ก็คุยอะไรกันไปด้วย
“คุณวินคะ ถ้าจบเรื่องนี้ คุณจะทำอะไรต่อคะ??” เวียนถามอย่างสงสัย
“อืม ผมอยากจะใช้ชีวิต 30 วันสุดท้ายให้คุ้มที่สุด ก่อนที่ผมจะ...”
“ฉันรู้ค่ะ ถึงตอนนั้น ฉันเองก็คงไม่อยู่แล้วเหมือนกัน” เวียนพูดขึ้น
“แล้วคุณจะทำยังไงหล่ะครับ คุณก็ฆ่าตัวตายไม่ได้แล้วนะครับ??”
“ถ้าถึงตอนนั้น คุณฆ่าฉันให้ตายที” เวียนพูดขึ้น
“นี่คุณ คุณจะให้ผมฆ่าคุณงั้นเหรอ??”
“ฉันอยากตายด้วยน้ำมือคนที่ฉันรัก ถึงตอนนั้น ฉันก็คงจะตายตาหลับแล้วหมดห่วงค่ะ ที่รัก” เวียนพูดขึ้นจากนั้นก้กอดนาวินต่อ ในขณะที่นาวินได้แต่ลูบหัวเธอไป
ทางด้านของอากิระ ในตอนนั้นตัวของเขาออกไปเดินเล่นด้านนอกบนพื้นดิน ซึ่งในตอนนั้นฝนก็เริ่มจะตกปรอยๆแล้ว และในขณะเดียวกัน เสี่ยวหลงก็ตามอากิระมาเพื่อมาตามหาเขา แต่อากิระก็พยายามจะเดินหลบเขา เสี่ยวหลงไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าหาอากิระ แล้วกอดเขาจากด้านหลังในทันที
“ทำไมนายต้องหนีจากฉันด้วย??”
อากิระในตอนนั้นก็ได้แต่ยืนนิ่ง เพราะเขาไม่เคยรู้สึกอบอุ่นแบบนี้มาก่อน
“ฉันแค่ ไม่อยากให้นายมาเสี่ยง”
“แต่นายทำแบบนี้ มันจะทำให้ฉันใจไม่ดีเลยนะ ทุกครั้งที่นายหายไป ฉันหลับตาไม่ลง ฉันรักนาย..” เสี่ยวหลงพูดขึ้น นั่นทำให้โลกของอากิระแทบจะหยุดหมุน อากิระตอนนั้นก็แทบจะหยุดนิ่ง เขาไม่ขัดขืนเสี่ยวหลงเลย
“เสี่ยวหลง ฉัน...”
“ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันยอมตายดีกว่าที่จะอยู่ห่างนาย” เสี่ยวหลงพูดขึ้น ทำเอาอากิระพูดอะไรไม่ออก เขาได้แต่กุมมือของเสี่ยวหลงเอาไว้
“ฉันเองก็รักนาย..”
อากิระตอบกลับไป และไม่นานนัก เสี่ยวหลงก็ปล่อยอากิระออก แล้วเขาก็หันหน้าไปหาเสี่ยวหลง และในตอนนั้นเสี่ยวหลงก็พุ่งเข้าไปประกบปากกับเสี่ยวหลงอย่างรวดเร็ว
“อือ..” เสี่ยวหลงจูบเขาอย่างดูดดื่ม และไม่นานนัก ตัวของอากิระก็ค่อยๆจูบตอบกับเสี่ยวหลง และไม่นานนัก พวกเขาทั้งคู่ก็นอนกอดกันท่ามกลางสายฝนที่ค่อยๆโปรยกระหน่ำ
และที่ห้องของอัญชัน ในตอนนั้นพัตติยาก็เข้าไปพักผ่อนที่ห้องของอัญชัน ทั้งคู่นอนกอดกันบนเตียงนุ่มๆ แต่ในตอนนั้นอัญชันกลับคิดอะไรของเธอไปเรื่อย ทำเอาพัตติยาถึงกับถามเธอไป
“อัญชัน เธอคิดถึงเรื่องอะไรอยู่เหรอ??”
“อ้อ ฉันคิดถึงเพื่อนของฉันที่อยู่ในทีม UNASO พวกนั้นหน่ะ” พัตติยาพูดขึ้น
“อ้อ นายคนนั้นอย่างงั้นเหรอ จะว่าไป หมอนั่นก็ดูไม่มีพิษภัยอะไรนะ”
“เขาโดนรัฐบาลว่าจ้างให้มาทำงานนี้หน่ะ ไม่น่าเชื่อเลย” อัญชันตอบไป
“อืม ว่าแต่ จบเรื่องนี้แล้วเธอจะเอายังไงต่อหล่ะ??” พัตติยาถามไป
“ฉันก็จะอยู่กับเธอไปจนตายนั่นหล่ะ ว่าแต่เธอหล่ะ??” อัญชันถามไป
“ฉันจะออกจากวงการ ฉันเบื่อเต็มทีแล้วที่ต้องหลอกตัวเองว่ามีความสุข แต่อยู่กับเธอ ฉันมีความสุขที่สุดแล้วหล่ะ” พัตติยาบอกกับอัญชันไป
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะทุกอย่างเพื่อให้คุณมีความสุขเอง” อัญชันบอกกับพัตติยาไป
“ต่อให้มันเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันก็ดีใจที่ได้ฟังมันนะ” พัตติยาตอบกลับไป
และที่ด้านนอก ภาภินจัดการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลักพาตัวของนายสาโรจน์ รวมถึงหาหลักฐานจากกล้องเพิ่มเติม และไม่นานนัก ตัวของเขาก็ได้ข้อมูลใหม่ เขารีบเดินไปหาดันเต้ แต่ในตอนนั้นคนอื่นๆก็อยู่บริเวณหน้าห้องดันเต้กันก่อน
“เฮ้ นายภิน จะไปไหนหน่ะ??” ฮารุถามไป
“อ้อ มีเรื่องต้องคุยกับด็อกเตอร์หน่ะครับ” ภาภินพูดขึ้น
“ด็อกเตอร์เขายุ่งอยู่ มีอะไรเหรอ??” นายลุ้นถามในขณะที่ตัวของเขากำลังนั่งสับไพ่ไป
“อ้อ จะบอกว่า มีความคืบหน้าเกี่ยวกับไอ้พวกที่ลักพาตัวคุณโรจน์แล้ว ผมลองแกะรอยรถที่มันลักพาตัวคุณโรจน์ พบว่าเป็นรถที่ถูกขโมยมา หลังจากที่ลักพาตัวเขา พวกมันก็ทำลายรถทิ้ง แต่ผมก็แกะรอยไปถึงซุ้มที่พวกมันอยู่ ได้ยินว่าไอ้พวกซุ้มนี้มันรับงานจากคนต่างชาติหน่ะครับ ส่วนเสียงใครเป็นใคร ผมจะแกะเสียงอีกที แต่ตอนนี้ผมรู้แค่บางส่วนครับ” ภาภินพูดขึ้น
“โห พี่ภินสุดยอดมาก!!” ลาลินพูดอย่างตื่นเต้น
“งั้นก็แสดงว่าพวกเราก็เดาถูก ไอ้ฝรั่งพวกนั้นต้องเป็นพวก UNASO แน่ๆ” โลร็องต์พูดขึ้น
“อืม แต่ก็ต้องมาดูอีกว่าใครเป็นใคร ถ้าแกะเสียงการสนทนาได้ก็คงดี” ลูโดวิกพูดขึ้น
“ชื่อของไอ้ฝรั่งที่นายว่า มันน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างอีกที” ลันโทสพูดขึ้น
“แต่ถ้าเรารู้ เราก็น่าจะเข้าถึงตัวใหญ่ได้นะครับ” ซีโร่พูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น พวกเราก็ต้องสืบกันต่อไปสินะ” ฮารุพูดขึ้น
“เรื่องนี้พี่ภินคงไม่พลาดอยู่แล้วหล่ะค่ะ ที่เหลือก็แค่รอเวลา” ลาลินพูดขึ้น
“ตอนนี้ ตัวปัญหาของเราทั้งหมดคือไอ้โซนิคอะไรนั่น ฉันว่านะ” ลันโทสพูดขึ้น
“ผมว่าหมอนั่นมันก็ต้องมีดี เราคงประมาทมันไม่ได้หรอกครับ” ซีโร่พูดขึ้น
“เฮ้ย ลุ้น จะแจกไพ่ได้หรือยังเนี่ย??” โลร็องต์ตะโกนถามไป
“เออๆ ใจเย็นก่อนสิ” นายลุ้นสับอีกครั้ง จากนั้นก็แจกให้กับคู่แฝดอย่างรวดเร็ว และในตอนนั้น พวกเขาก็เปิดไพ่ออกมา แต่ก็ต้องแพ้ให้กับนายลุ้นอีกแล้ว
“โธ่เอ้ย แพ้อีกแล้ว อะไรวะเนี่ย??” ลูโดวิกตะโกนออกมา
“เฮ้อ เล่นกันไม่รู้เวลาเลยนะพวกนาย” ฮารุพูดขึ้นในขณะที่กุมขมับไป
“ไหนๆเจ้าลืมก็ไม่อยู่ เล่นหน่อยก็ดีนะ ฉันขอซักขานึงสิ” ภาภินพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ไปร่วมวงกับนายลุ้นในทันที
“เฮ้อ ไม่ไหวจริงๆนะคะ การพนันเป็นสิ่งไม่ดีนะคะ” ลาลินพูดขึ้น
“เอาน่า ถ้าไพ่มันกำลังสวย เล่นหน่อยก็ดีนะ” นายลุ้นพูดขึ้น จากนั้นก็แจกไพ่ต่อให้ทั้งสามคน
“คราวนี้ฉันไม่แพ้นายแน่ๆ” โลร็องต์พูดขึ้น และไม่นานนัก พวกเขาก็เปิดไพ่ออกมา แต่ก็ยังแพ้นายลุ้นเหมือนเดิม คราวนี้แม้แต่ภาภินก็ยังหัวเสีย
“บ้าเอ้ย อีกแล้วเหรอ ขอชนะซักวันเถอะ!!” ลูโดวิกตะโกนออกมา
“เฮ้อ หนูลาลิน คนติดการพนัน ไม่มีวันเจริญหรอกนะ” ลันโทสกระซิบข้างหูของลาลินไป
“เอาเป็นว่า ผมขอไปเช็คอาวุธก่อนนะครับ” ซีโร่พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
ในห้องของโจไซอาห์และอินเนสซ่า ในตอนนั้นพวกเขาทั้งคู่ได้นอนกอดกันอยู่ในห้องอย่างหวานชื่น รวมถึงได้คุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กันไปตามประสาคนที่ชอบกัน
“คุณอินเนสซ่า จบเรื่องนี้ เราไปหาที่อยู่ใหม่เงียบๆกันดีไหม??” โจไซอาห์ถามไป
“อืม ก็ดีเหมือนกันนะคะ ฉันเองก็อยากอยู่แบบสงบๆเหมือนกัน” อินเนสซ่าพูดขึ้น
“เฮ้อ แต่ก็ไม่รู้สินะ ว่ามันจะจบยังไง” โจไซอาห์ถามไป
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ยังไงวันนี้เราก็ต้องสู้กับมัน” อินเนสซ่าพูดขึ้น
“ผมจะล้างแค้นพวกมันให้หมด ไม่ว่าใครหน้าไหน” โจไซอาห์พูดขึ้นในขณะที่ลูบหัวอินเนสซ่าไป
“เฮ้อ คุณทำได้แน่ค่ะ ฉันก็อยากฆ่าพวกมันเหมือนกัน” อินเนสซ่าพูดขึ้น
“ผมอยากอยู่กับคุณให้นานที่สุด” โจไซอาห์พูดขึ้น จากนั้นก็จูบหน้าผากของอินเนสซ่า
“ฉันจะอยู่กับคุณที่นี่เองค่ะ” อินเนสซ่าพูดขึ้น
กลับมายังห้องของดันเต้ ในตอนนั้นตัวของเขาก็กำลังเตรียมของเพื่อออกเดินทางตามหาหทัยราชันย์ตามที่อีสครินน่าบอก และด้านในห้อง ตัวของนายลืมก็นั่งอยู่แถวๆนั้น เพื่อดูอุปกรณ์ของดันเต้อย่างตื่นเต้น
“เอาหล่ะ ดูเหมือนจะเร็วกว่าที่คิด พรุ่งนี้ก็ออกเดินทางกันได้เลย” ดันเต้พูดขึ้น
“พรุ่งนี้ผมขอไปด้วยไม่ได้เหรอครับ??” นายลืมถามไป
“อ้อ ไม่เป็นไรจ้ะ นายอยู่ที่นี่แหละ” อีสครินน่าพูดขึ้น
“หมายความว่าผมเป็นตัวถ่วงแบบที่คนอื่นบอกจริงๆ” นายลืมพูดขึ้น
“ไม่ใช่หรอก ฉันแค่อยากให้นายอยู่กับคุณสาโรจน์ ช่วยดูเขาหน่อยหน่ะ” ดันเต้พูดขึ้น
“อืม ดูเหมือนว่าพวกมันก็กำลังเริ่มออกตามหาหทัยราชันย์ด้วยแล้วหล่ะ” อีสครินน่าพูดขึ้น
“อืม แล้วมันจะช่วยให้พี่นาวินมีพลังอย่างงั้นเหรอครับ??” นายลืมถามไป
“มันสามารถคาดเดาไปได้หลายแบบหน่ะ ยังไงก็ต้องรอดูก่อน” อีสครินน่าพูดขึ้น
“ถ้ามันเป็นไพ่ตายของเรา มันก็ต้องลองดู” ดันเต้พูดขึ้น
“อืม ถ้าอย่างงั้น ผมขอออกไปเดินเล่นด้านนอกนะครับ” นายลืมพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“อืม ตอนนี้ก็รอเวลาที่เราจะเดินทาง เสียดายที่เรายังไม่รู้ข่าวคราวของพวกมัน แต่ผมว่าโซนิคคงไม่หยุดแค่นี้แน่ๆ” ดันเต้พูดขึ้น
“เฮ้อ ตอนนี้เราคงทำได้แค่ ไปให้ถึงก่อนพวกมัน” อีสครินน่าพูดไป
กลับมายังฐานที่มั่นของหน่วย UNASO ในตอนนั้นโซนิคได้อยู่กับวิบัติซึ่งกำลังนั่งสมาธิอยู่บนที่นั่งที่โซนิคเตรียมไว้ให้ วิบัตินั่งสมาธิรวมถึงส่งจิตให้กับวิญญาณบริวารของเขา เพื่อให้ตามหาสิ่งที่โซนิคต้องการอยากจะเจอ
“วิบัติ เจ้าเจอหรือยัง??”
“เย็นไว้เมืองผา ข้ากำลังใช้ความคิดอยู่”
“เจ้าเร่งมือเข้าเถิด จบเรื่องนี้ เราจักได้อยู่ด้วยกัน”
“ข้ารู้ เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจไปเลย”
ในระหว่างที่โซนิคกำลังรอวิบัติทำงานของเขาอยู่นั้น จู่ๆ กาลีน่าก็พยายามมาขอพบกับโซนิค แต่ในตอนนั้น ลีน่าก็ออกไปรับหน้าแทนโซนิคก่อน
“นี่เธอ ที่รักกำลังยุ่งอยู่ มีอะไร??” ลีน่าถามไป
“ฉันพอจะรู้ว่าคริสเตียลกำลังทำอะไรอยู่ พวกนั้นน่าจะเล่นไม่ซื่อกับพวกคุณ” กาลีน่าพูดขึ้น และในตอนนั้นมันก็ดึงความสนใจของโซนิคได้ โซนิคในตอนนั้นรีบมาหาเธออย่างรวดเร็ว
“ว่าไง พวกมันกำลังทำอะไร??” เสียงของโซนิคออกมาจากลำโพงของเขา
“ฉันคิดว่า พวกนั้นกำลังรับงานจากใครบางคนอยู่ ฉันเห็นพวกเขา กับคนในหน่วยบางคนที่ไว้ใจได้ไปคุยกันค่ะ” กาลีน่าพูดขึ้น
“เป็นไปได้นะครับ ผมเองก็ว่าคริสเตียลมีท่าทีแปลกๆ” เดวิดพูดขึ้น
“อืม แล้วทำไมเธอถึงมาบอกกับฉันหล่ะ เธอจะหักหลังพวกนั้นเหรอ??” โซนิคถามไป
“ฉันเองก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับไอ้พวกนั้นอยู่แล้วหล่ะ แต่ฉันอยากช่วยพวกคุณมากกว่า” กาลีน่าพูดขึ้น
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะมีแค่นี้” เดวิดพูดขึ้น
“ใช่ เธอต้องการอะไร บอกมาดีกว่า??” ลีน่าถามเสริม
“ก็แค่ ถ้าคุณต้องการกำจัดพวกมัน ไอ้ผู้เกิดใหม่ที่ชื่อภาภิน ฉันขอฆ่ามันกับมือเอง” กาลีน่าพูดขึ้น
“อ้อ แค่นี้เองอย่างงั้นเหรอ??” เดวิดถามไป
“ถ้าอย่างงั้น ก็ได้เลยสาวน้อย ถ้าอย่างงั้น ต่อไปนี้เธอทำงานให้กับฉัน ไม่ว่าพวกนั้นจะทำอะไร หรือถ้าเธอรู้อะไรมา เธอต้องบอกฉันทุกอย่าง ตกลงมั้ย??” โซนิคถามไป
“แน่นอนค่ะ ฉันพร้อมรับใช้ค่ะ” กาลีน่าตอบกลับไป
“เอาหล่ะ ตอนนี้เธอรู้อะไรอีกบ้างหล่ะ??” เดวิดถามไป
“ตอนนี้มีคนที่คุณไม่ควรไว้ใจ ก็คือพวก UNASO คริสเตียล ฮาเวิร์ด เวอร์รีน รูกิ แล้วก็รูกี้ ส่วนคนอื่น ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าพวกนั้นจะหักหลังคุณหรือเปล่า” กาลีน่าพูดขึ้น
“อืม ถ้าเกิดไอ้พวกนั้น ก็พอจะเดาออกแล้วหล่ะ” ลีน่าพูดขึ้น
“ดูเหมือนว่าพวกมันจะเล่นงานฉันข้างหลังจริงๆ ตอนนี้ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้พวกระยำที่คริสเตียลทำงานให้เป็นใคร กาลีน่า ฉันคงต้องให้เธอระวังหลังให้แล้วหล่ะ ถ้าเธอทำงานนี้ให้ฉันได้ ฉันจะให้เธอทุกอย่างแน่นอน” โซนิคบอกกับกาลีน่าไป
“ได้เลยค่ะ ฉันรับรองว่าคุณต้องไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ” กาลีน่าตอบกลับไป และไม่นานนัก ตัวของวิบัติก็ดันลืมตาขึ้นมา จากนั้นก็ถอนหายใจไป และในตอนนั้น โซนิคก็เดินไปหาวิบัติในทันที
“มีอะไรงั้นเหรอ??” โซนิคถามไป
“ข้าว่า ข้าเจอสถานที่ที่ท่านต้องการจะไปแล้วหล่ะ นายท่าน” วิบัติตอบไป
“ที่ไหนอย่างงั้นเหรอ บอกมา??” โซนิคถามอย่างตื่นเต้น
และที่ด้านนอกห้อง ในตอนนั้นกลุ่มของคริสเตียลเองก็ยังคงพยายามติดต่อพูดคุยกับ The Green ในห้องลับห้องหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าในวันนี้จะเป็นเรื่องสำคัญซะด้วย
“คุณ The Green ครับ พวกของโซนิคมันจะเดินทางไปตามล่าอะไรบางอย่างในไม่กี่วันนี้ครับ” คริสเตียลพูดขึ้น
“อืม ดูเหมือนว่ามันกำลังตามหาอะไรบางอย่าง ตามที่หน่วยข่าวกรองบอกไว้จริงๆด้วย มันต้องเป็นของสำคัญแน่ๆ” The Green พูดขึ้น
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อหล่ะครับ??” ฮาเวิร์ดถามไป
“อืม ตอนนี้เราต้องรู้ให้ได้ว่าของสิ่งนั้นมันคืออะไร ศักยภาพของเราตอนนี้ยังทำอะไรมันไม่ได้หรอก” The Green ตอบไป
“ตอนนี้เราก็คงต้องจับตาดูพวกมันไปก่อนสินะ” รูกิพูดขึ้น
“ถ้ามันเป็นของสำคัญ และพวกไอ้นาวินมันรู้ด้วย มันก็ต้องออกตามหาของสิ่งนั้นด้วยแน่ๆ” รูกี้พูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น เราคงต้องปะทะกับพวกมันแน่ๆ” เวอร์รีนพูดขึ้น
“พวกคุณพูดถึงใครกันอย่างงั้นเหรอ??” The Green ถามไป
“อ้อ เราหมายถึงกลุ่มผู้เกิดใหม่ที่สร้างปัญหาให้เราอยู่ทุกวันนี้หน่ะครับ” คริสเตียลพูดขึ้น
“ยิ่งกว่าสร้างปัญหาอีก มันฆ่าคนของเราไปเยอะด้วย” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น
“อืม จะว่าไป ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าคนพวกนั้นมีฝีมือมาก ฉันอยากรู้ข้อมูลของพวกเขา” The Green พูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เราจะส่งข้อมูลของพวกมันเบื้องต้นให้คุณค่ะ” เวอร์รีนพูดขึ้น
“หวังว่างานนี้คงจะจบเร็วๆนะคะ” รูกิพูดขึ้น
“เอาเถอะ อย่าเพิ่งไปหวังอะไรลมๆเลยในตอนนี้” รูกี้พูดไป
“พวกคุณไปสืบหาข้อมูลมาก็แล้วกันนะคะ ฉันจะรอฟังข่าว ตอนนี้พวกคุณไปพักผ่อนกันเถอะค่ะ” The Green พูดทิ้งท้าย จากนั้นตัวของเธอก็ตัดสัญญาณจบไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ ยังจะมีงานใหม่อีกนะพวกเรา” คริสเตียลพูดขึ้น
“ผมจะจัดการเรื่องข้อมูลของพวกไอ้นาวินเองครับ” รูกี้พูดขึ้น
“เรื่องติดตามโซนิค เป็นหน้าที่ผมเองครับ” ฮาเวิร์ดพูดไป
“ถ้าอย่างงั้น ฉันคงทำอะไรไม่ได้นอกจากช่วยสนับสนุนพวกนายหน่ะ” เวอร์รีนพูดขึ้น
“นั่นสิคะ แต่ว่า ฉันมีเรื่องอยากจะบอก แต่ไม่รู้ว่าควรจะบอกดีหรือเปล่า??” รูกิพูดขึ้น
“เรื่องอะไรงั้นเหรอ ว่ามาเลย??” คริสเตียลถามไป
“ฉันว่าช่วงนี้กาลีน่าเริ่มมีอะไรแปลกๆ ฉันกับแสงจันทร์สงสัยเธอหน่ะค่ะ” รูกิพูดขึ้น
“เฮ้อ จะว่าไป เธอกับหมอนั่นเริ่มกุ๊กก๊กกัน ใช่หรือเปล่าหล่ะ??” รูกี้ถามไป
“แต่รูกิพูดก็ถูกนะคะ ฉันก็รู้สึกเหมือนเธอค่ะ” เวอร์รีนพูดขึ้น
“นี่หมายความว่า กาลีน่ามีลับลมคมในกับเราเหรอ??” ฮาเวิร์ดถามไป
“อืม ถ้าเป็นแบบนี้ สถานการณ์ไม่ดีแน่ๆ เอาเป็นว่า ฮาเวิร์ด นายติดตามดูโซนิคแล้วเก็บข้อมูล รูกี้ จัดการเรื่องของพวกไอ้นาวิน เวอร์รีน รูกิ เธอสองคนจับตาดูกาลีน่าเอาไว้ ถ้าเป็นไปได้ บอกแสงจันทร์ จ่าชัย แล้วก็ยูริด้วย ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น ฉันว่าฉันไว้ใจสามคนนั้นได้” คริสเตียลบอกกับทุกคนไป
และที่ด้านนอกโกดัง ในตอนนั้นแสงจันทร์ก็ไปนั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ และในขณะเดียวกัน จ่าชัยและยูริที่ออกมาเดินเล่นก็เจอกับแสงจันทร์ พวกเขาเลยมานั่งคุยกับเขาในทันที
“เอ้า ไอ้น้อง มานั่งอะไรตรงนี้คนเดียวหล่ะ??” จ่าชัยถามไป
“เฮ้อ ไม่รู้สิครับ ว่าจะเอายังไงต่อดี ผมอยากถอนตัว” แสงจันทร์พูดขึ้น
“อ้าว ทำไมนายพูดแบบนั้นหล่ะ??” ยูริถามไป
“ไม่รู้สิครับ ตอนนี้ผมรู้สึกไว้ใจใครไม่ได้เลยตอนนี้” แสงจันทร์พูดขึ้น
“ฉันเข้าใจ ฉันเองก็คิดเหมือนนายนั่นแหละ แต่เราจะทำอะไรได้ นอกจากทำตามหน้าที่หล่ะ??” จ่าชัยถามไป
“ใช่ แล้วอีกอย่าง นายคิดถึงหน้าครอบครัวนายที่รอเพิ่งนายอยู่สิ” ยูริพูดขึ้น และในตอนนั้น มันทำให้แสงจันทร์ถึงกับก้มหน้าไป จ่าชัยและยูริทำได้แค่ลูบหลังเขาเพื่อปลอบใจ
“ไม่เป็นไรนะไอ้น้อง ฉันเชื่อว่าทุกอย่างต้องดีขึ้น” ยูริพูดขึ้น
“นั่นสิ ถ้านายมานั่งร้องไห้แบบนี้ มันช่วยอะไรไม่ได้หรอก” จ่าชัยพูดขึ้น
“ผมรู้ แต่ผมอดคิดไม่ได้หน่ะ ผมสับสนไปหมดจริงๆครับ” แสงจันทร์พูดขึ้น
“ตอนนี้เราต้องทำงานให้ไอ้บ้านั่น ซึ่งมันเป็นใครก็ยังไม่รู้เลย” ยูริพูดขึ้น
“ว่าแต่ ที่นายพูดว่าไว้ใจใครไม่ได้ นายไว้ใจใครไม่ได้หล่ะ ไอ้วูฟเหรอ??” จ่าชัยถามไป
“ไอ้วูฟ ถึงมันจะเลว เราก็ยังพอคาดเดามันได้ แต่ผมหมายถึงกาลีน่าครับ” แสงจันทร์พูดขึ้น
“เออใช่ จะว่าไป ช่วงนี้กาลีน่าก็มีท่าทีแปลกๆนะ” ยูริพูดขึ้น
“นี่คุณก็สังเกตได้เหมือนกันเหรอครับ??” แสงจันทร์ถามไป
“อืม แต่ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐาน แล้วคนอย่างเธอยังไงก็ดิ้นหลุดได้” จ่าชัยพูดขึ้น
“ผมกังวลว่าเธอกำลังวางแผนอะไรอยู่หน่ะครับ” แสงจันทร์พูดขึ้น
“ตอนนี้เราคงทำได้แค่จับตาดูเธอไว้สินะ” ยูริพูดขึ้น
“ใช่ ถ้าเธอหักหลังเราจริงๆ ผู้หญิงฉันก็ไม่เอาไว้หรอก” จ่าชัยพูดขึ้น
“กาลีน่าเธอคิดถึงแต่ตัวเอง ผมว่า เธอคงจะทำได้ทุกอย่างนั่นหล่ะครับ” แสงจันทร์พูดขึ้น
“เอาเถอะ ยังไงเราก็ต้องลองสืบดูแล้วกัน” ยูริพูดขึ้น
“ใช่ ไม่ต้องห่วงหรอกไอ้น้อง ยังไงเราก็ต้องจัดการได้” จ่าชัยพูดขึ้น พลางเขย่าตัวแสงจันทร์ไป
ณ ห้องขังของนายเพี้ยนและเบล ในตอนนั้นเพี้ยนก็ได้เฝ้าอาการของเบลหลังจากที่โดนโซนิคทรมานราวกับของเล่น ซึ่งตัวของวูฟก็คอยเฝ้าพวกนั้นราวกับพยัคฆ์คุมเหยื่อ และวูฟก็พยายามจะจ้องเล่นงานเพี้ยนอยู่ตลอดเวลา
“ไอ้ระยำ อย่าคิดนะว่ากูจะยอมแค่นี้ ไอ้ตุ๊ด!!” วูฟตะโกนด่าไป
“นี่ พี่ชาย พี่ต้องไปอ่านความหมายของคำว่า LGBTQ ใหม่นะพี่ แต่เอ๊ะ พี่คงต้องไปเรียนหนังสือใหม่เลยดีกว่า” เพี้ยนตอบกลับไป และในตอนนั้น วูฟก็ถีบประตูไปเพื่อข่มขู่
“ไอ้ระยำ มึงอยากมีเรื่องงั้นเหรอ??” วูฟตะโกนถามไป
“เฮ้ย กูว่ามึงเงียบๆไปดีกว่า เอาปลอกคอออกไปให้ได้ก่อนเถอะ!!” เบลตะโกนกลับไป
“เฮ้อ มึงก็ระวังเงาหัวมึงไว้ให้ดีเถอะ จะตายห่าวันไหนก็ยังไม่รู้!!” วูฟพูดขึ้น
“เขาอาจจะตายทีหลัง หรือตายก่อน นี่ก็คงแล้วแต่ไรท์หล่ะ แต่เราว่าพี่ชายคงไม่ตายดีแน่นอน เพราะไรท์จัดหนักพี่แน่” เพี้ยนตอบกลับไป
“เอ้า ไอ้บ้านี่!!” วูฟพยายามจะพังประตูเข้าไป แต่เขาก็ต้องหยุดไว้เพราะกลัวว่าโซนิคจะเล่นงานเขาอีก
“อะไร เป็นอะไร ไม่กล้าหรือไงไอ้กร๊วกเอ้ย??” เบลถามไป
“เออ เอาเถอะ ปากดีไปเถอะ จบเมื่อไหร่กูเอาพวกมึงตายแน่ กูจะเอาหัวใจของมึงมาไอ้หัวขาว ส่วนมึงไอ้ตุ๊ด กูจะให้มึงทรมานยิ่งกว่าตาย!!” วูฟตะโกนออกมา จากนั้นตัวของเขาก็เดินออกไปอยากไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ส่วนตัวของเพี้ยนก็คอยดูเบลไปในห้องนั้น
“เฮ้อ ดูแล้วมันไม่กล้าหรอกพี่ชาย” เพี้ยนพูดขึ้น
“เออ อย่าประมาทมันก็แล้วกัน ไอ้บ้านี่มันน่าจะพูดจริงทำจริง” เบลพูดขึ้น
“โธ่พี่ เชื่อหัวเพี้ยนได้เลยค่ะ!!”
“เออ เอาที่สบายใจ แทนที่จะได้ตายแบบสงบ กลับต้องมาเจออะไรแบบนี้ เศร้าใจ” เบลพูดขึ้น
“เอาน่าพี่ มันเป็นโชคชะตาหน่ะ” เพี้ยนพูดขึ้น
“ทำไมหล่ะ ฉันอยากจะกำหนดชะตาของตัวเองไม่ได้เลยหรือไง??” เบลถามไป
“เข้าใจคร้าบ แต่พี่ต้องอดทนนิดนึงนะคร้าบ” เพี้ยนพูดขึ้น
“เอาเถอะ ให้มันทำไป แต่อย่าให้ฉันหลุดไปได้แล้วกัน ฉันเล่นพวกมันแน่” เบลพูดขึ้น
“ถึงตอนนั้นก็ทำให้ได้นะพี่” เพี้ยนพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง วูฟก็เดินมาหาพวกเขาแล้วถีบประตูเล่น
“โอ๊ย เบื่อโว้ย!!”
“อะไรอีกพี่ เสี้ยนมากขนาดนั้นเลยหรือไง??” เพี้ยนตะโกนถามไป
“เรื่องของกูโว้ย ผู้หญิงอยู่ไหนวะ??” วูฟตะโกนออกมา
“ฮ่าๆๆๆ เขาบอกกันคนแบบนี้ส่วนใหญ่จะจอดไม่แจวนะเว้ย” เบลบอกกับวูฟไป
“เฮ้ย นี่มึงด่ากูเหรอ??” วูฟถามไป
“เออ เขาชื่นชมพี่อยู่หล่ะม้างแบบนี้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” เพี้ยนพูดพลางหัวเราะร่า
“ไอ้ระยำเอ้ย พวกมึงเจอกูแน่ คอยดู!!” วูฟชี้หน้าเพี้ยนไป แต่ตอนนั้นเพี้ยนก็ทำหน้าหยอกล้อวูฟ ทำเอาวูฟถึงกับต้องเบนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว
ณ โกดังที่กบดานของไคและคนอื่นๆ ในตอนนั้นตัวของไคก็พยายามสอดส่องความเคลื่อนไหวของกองกำลังที่อยู่ด้านใน ในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของเธอก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เธอรีบคุยกับเกเบรียลและแก้วที่กำลังพักผ่อนอยู่ พวกเขารีบมาคุยกับไคซึ่งกำลังซุ่มดูสถานการณ์แถวนั้นในทันที
“เฮ้ ไค มีอะไรหรือเปล่า??” เกเบรียลถามอย่างสงสัย
“อ้อ ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังเคลื่อนไหวกันค่ะ” ไคพูดขึ้น
“เคลื่อนไหวอะไรเหรอคะ??” แก้วถามอย่างสงสัย
“เหมือนว่าพวกมันกำลังระดมอาวุธและยานพาหนะ ไม่รู้ว่าพวกมันจะไปที่ไหนกัน” ไคพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น ก็หมายความว่าเราก็ช่วยเบลได้สิ” แก้วพูดขึ้น
“อืม ถ้าเกิดพวกมันออกไปซักพัก ฉันจะลุยเลย” เกเบรียลพูดขึ้น
“อาวุธของเราตอนนี้มีน้อย คงต้องไปเอาด้านในด้วย” ไคพูดขึ้น
“นั่นสิคะ ปืนของเราก็มีไม่กี่กระบอกเอง” แก้วพูดขึ้น
“ถ้างั้นฉันจะเป็นตัวหลอกล่อพวกมัน ส่วนพวกเธอ ก็บุกเข้าไปด้านในเลย” เกเบรียลพูดขึ้น
“ได้เลยค่ะ ถ้าฉันได้สัญญาณ ฉันจะมาช่วยเองค่ะ” ไคพูดขึ้น
“แต่เราต้องรู้นะคะว่าพวกมันมีกันเยอะแค่ไหน” แก้วพูดขึ้น
“ถึงมันจะมีเยอะแค่ไหน มันก็ยิงฉันไม่เข้าหรอก” เกเบรียลพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินไปที่ดาบของเขา แล้วก็ชักมันออกมาเพื่อเตรียมลับคม
“ยังเก็บดาบนี้อยู่เหรอคะเนี่ย??” ไคถามไป
“เออ จะว่าไป ดาบนี้มันมีที่มายังไงหล่ะคะ??” แก้วถามอย่างสงสัย
“ก็ไม่มีอะไรหรอก มันหลั่งเลือดร่วมกับฉันมานานแล้วหล่ะ” เกเบรียลพูดขึ้น
“อืม แก้ว เธอพอสู้ไหวหรือเปล่า ถ้าไหว ไปกับฉัน” ไคพูดขึ้น
“ได้สิ ฉันพร้อมอยู่แล้ว” แก้วพูดขึ้น
“เอาไว้เตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกัน” เกเบรียลพูดขึ้น
“กระสุนของฉันเหลือไม่มาก ฉันไม่อยากจะเข้าปะทะกับพวกมันตรงๆ” ไคพูดขึ้น
“แน่นอน ฉันมีมีดพกอยู่ ถ้าฉันเรียกร่างสองออกมาได้ ก็น่าจะสู้กับพวกมันได้” แก้วพูดขึ้น
“ถ้าเกิดเราเจอเบล เราจะเอาตัวหมอนั่นออกมาเลย ว่าแต่เราจะหนีไปที่ไหนต่อ??” เกเบรียลถามไป
“ฉันพอรู้จักคนในกรุงเทพ เขาน่าจะมีเซฟเฮ้าส์ให้เรา” ไคพูดขึ้น
“อืม ฉันว่า ไปที่บ้านฉันก่อนดีกว่า ฉันจะลองติดต่อกับญาติที่สนิทกับคนในรัฐบาลดู เผื่อพวกเขาจะช่วยได้” แก้วพูดขึ้น
“เอาเถอะ ยังไงก็ได้หมดหล่ะตอนนี้” เกเบรียลบอกไป
ณ คอนโดซึ่งเป็นแหล่งกบดานของมิกิ หลังจากที่ตัวของเธอได้เงินมาเรียบร้อยแล้ว ตัวของเธอก็เรียกคนของเบ็ตตี้มาเพื่อแบ่งเงินกันในทันที มิกิไปที่ห้องของเธอแล้วรีบแจกเงินตามที่ได้ตกลงกันไว้
“ทั้งหมดได้มา 50 ล้าน งานนี้ต้องเก็บไว้ให้ดีหล่ะ” มิกิพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง คนของเบ็ตตี้คนหนึ่งที่ร่วมปล้นกับเธอก็ได้รับโทรศัพท์เข้ามา จากนั้นเขาก็รับสายในทันที
“ครับนายหญิง”
“คุณมิกิครับ คุณเบ็ตตี้จะคุยด้วยครับ”
ชายคนนั้นยื่นโทรศัพท์ให้กับมิกิในทันที ส่วนมิกิก็รับสายอย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหลค่ะ คุณเบ็ตตี้”
“คุณมิกิ ตอนนี้เรื่องที่คุณจะได้ออกนอกประเทศ คงต้องซาออกไปก่อนนะคะ”
“อ้าว ทำไมเป็นอย่างงั้นหล่ะคะ??” มิกิถามไป
“ตอนนี้พวก UNASO มันอยู่กันเต็มสนามบินไปหมด พวกมันร่วมมือกับตำรวจตระเวนชายแดนในการปิดทางเข้าออกด้วย ดูเหมือนว่างานนี้พวกมันจะเอาจริงแล้วหล่ะ”
“แล้วแบบนี้ฉันจะทำยังไงหล่ะคะ??” มิกิถามไป
“คุณกบดานอยู่ที่ที่เราจัดไว้ให้ก่อน ฉันรับรองว่าคุณจะปลอดภัย”
“เอาที่สบายใจเลยค่ะ แต่อย่าลืมว่าเรามีข้อตกลงกันนะคะ” มิกิพูดขึ้น
“แน่นอน ฉันเคารพทุกข้อตกลงอยู่แล้วหล่ะค่ะ” เบ็ตตี้พูดขึ้น
“เอายังไงก็เอาเถอะค่ะ” มิกิพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบวางสายไป
“มีอะไรหรือเปล่าครับ??” ลูกน้องของเบ็ตตี้ถามไป
“ไม่มีอะไรหรอก ดูเหมือนว่าพวกมันจะปิดสนามบินไว้เกือบทั้งหมดเลย ตอนนี้เราออกไปไหนไม่ได้หน่ะ” มิกิพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบเก็บเงินส่วนของเธอในทันที
“ถ้าอย่างงั้น ผมขอตัวนะครับ มีอะไรเรียกใช้ก็บอกนะครับ” ลูกน้องของเบ็ตตี้พูดขึ้น จากนั้นเขาก็เอาเงินออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของมิกิเองก็รีบเดินไปยังโน๊ตบุ๊คของเธออย่างรวดเร็ว
“จะเอาแบบนี้ใช่ไหม??”
มิกิพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เอาฮาร์ดดิสก์ของเธอออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วเตรียมจัดการข้อมูลที่เธอได้มาเพื่อทำอะไรบางอย่าง
“เฮ้อ อยากเล่นกับฉัน ฉันก็จะเล่นด้วย!!” มิกิพูดขึ้นอย่างโมโห
กลับมายังห้องพักย่านอนุสาวรีย์ชัย ห้องพักชั่วคราวของเซน ในตอนนั้นเขาได้พยายามติดต่อกับเพื่อนที่เคยร่วมงานกันเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และไม่นานนัก หลังจากที่เขาพยายามติดต่อกับคนอื่นๆได้ทั้งหมด ตัวของเขาก็มาคุยกับคิฮาระที่กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายใจ
“เฮ้ คิฮาระ”
“อ้าว เซน มีอะไรหรือเปล่า??”
“ฉันลองติดต่อเพื่อนฉันที่มีเอี่ยวกับงานของฉัน มันบอกว่าตอนนี้เรากำลังโดนตามล่าอย่างหนัก” เซนพูดขึ้น
“ห่ะ จริงเหรอ ใครที่มันตามล่าเราหล่ะ ลูกไอ้นักการเมืองคนนั้นเหรอ??” คิฮาระถามไป
“มันเป็นองค์กรลับหน่ะ มาจากต่างประเทศ คราวนี้งานช้างแน่ๆ” เซนพูดขึ้น
“โห ถ้าเป็นอย่างงั้น แล้วเราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” คิฮาระถามไป
“เอาไว้ที่หลังก็แล้วกัน ตอนนี้ฉันว่าจะไปจัดการไอ้ลูกนักการเมืองคนนั้นก่อนดีกว่า” เซนพูดขึ้น
“เฮ้ย เอาจริงเหรอ ฉันว่าป่านนี้พวกมันคงเอาคนไปคุ้มกันที่นั่นเยอะแยะแล้วหล่ะ??” คิฮาระถามไป
“พวกมันคุ้มหัวไอ้บ้านั่นได้ไม่นานหรอก” เซนพูดขึ้น
“เอาเถอะ ว่าแต่ นายรู้เหรอว่าไอ้ลูกนักการเมืองนั่นอยู่ที่ไหน??” คิฮาระถามไป
“ก็ไม่ยากเกินจะเดาหรอก ฉันจะลองถามเพื่อนๆฉันดู” เซนพูดขึ้น
“แล้วนายไว้ใจไอ้พวกนั้นได้งั้นเหรอ??” คิฮาระถามไป
“ก็พอได้อยู่ ถ้าไม่ได้ ฉันจะไปตามฆ่ามันทีหลัง” เซนพูดขึ้น
“อืม ก็แล้วแต่นายก็แล้วกัน” คิฮาระพูดขึ้นพลางเอนหลังนอนไป
“ว่าแต่ หลังจากจบเรื่อง เธอจะเอายังไงต่อหล่ะ??” เซนถามคิฮาระไป
“ฉันจะไปไหนได้หล่ะ นอกจากอยู่กับนาย??” คิฮาระพูดขึ้น
“อืม ก็นั่นสินะ ฉันเองก็อยากเกษียณเหมือนกัน” เซนพูดขึ้น
“อ้าว แล้วนายมีเงินมากพอจะเกษียณแล้วเหรอ??” คิฮาระถามไป
“ก็พอมีนะ แต่เรามันผู้เกิดใหม่อยู่แล้วนี่ ไม่ต้องใช้เยอะขนาดนั้นหรอก” เซนพูดขึ้น
“นั่นสินะ ฉันว่าเรามาทำอะไรแก้เครียดหน่อยเถอะ” คิฮาระพูดขึ้นพลางส่งสายตาให้เซน และเซนก็ตอบรับคำของของเธออย่างไม่ลังเล
ณ สถานทูตสหรัฐอเมริกา ในวันนั้นตัวของซูซาคุได้เตรียมของอะไรบางอย่างในห้องทำงานของเธอ รวมถึงเอาข้อมูลที่หมดที่ฮันเตอร์ให้มาสังเคราะห์ทั้งหมด จากนั้นก้เก็บมันเอาไว้กับตัว และในขณะเดียวกัน ฮันเตอร์ก็เดินเข้ามาในห้องของเธอเพื่อมาคุยด้วย
“คุณซูซาคุครับ!!”
“อ้าว มีอะไรอย่างงั้นเหรอ??” ซูซาคุถามไป
“ตอนนี้มีข่าวยืนยันมาแล้วครับ ว่าเป้าหมาย VIP ของเรากำลังเคลื่อนไหว แล้วมันเกี่ยวข้องกับคนที่คุณตามหาด้วยครับ”
“อะไรกัน นี่เขาทำงานให้ VIP อย่างงั้นเหรอ??” ซูซาคุถามไป
“ไม่ใช่ครับ ตอนนี้เขาน่าจะถูกตามล่าครับ”
“งั้นเหรอ แล้วนายไปเอาข้อมูลมาจากไหนหล่ะ??” ซูซาคุถามไป
“มีคนของเราแฝงตัวอยู่ในหน่วย UNASO ครับ เลยพอจะเอาข้อมูลมาได้”
“อืม ดี อย่างน้อยก็ได้ความคืบหน้า” ซูซาคุพูดขึ้น
“แล้วคุณซูซาคุจะไปที่ไหนครับ??” ฮันเตอร์ถามไป
“ฉันว่าถ้าว่างๆ ฉันจะลองไปเขตธัญบุรีหน่อยหน่ะ” ซูซาคุพูดขึ้น
“อ้อครับ แล้วจะให้ผมไปคุ้มกันหรือเปล่าครับ??” ฮันเตอร์ถามไป
“ไม่ต้องหรอก ถ้าพวกนั้นรู้ว่านายหายไป มันจะคิดว่าฉันเคลื่อนไหว นายคอยอยู่ที่นี่ รอฟังข่าวจากฉันจะดีกว่านะ” ซูคาคุพูดไป
“รับทราบครับผม แล้วคุณจะเดินทางตอนไหนครับ??”
“อ้อ ไม่นานนี้หรอก” ซูซาคุพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์ดังเข้ามาในเครื่องของเธอ เธอจึงรีบรับสายในทันที
“ซูซาคุพูด”
“ซู ลูกสาวฉันเป็นยังไงบ้าง??”
“อ้าว เจสเหรอ ลูกสาวเธอปลอดภัยดีนะ”
“ได้ยินว่าที่โน่นมีปัญหา ฉันเลยโทรมาถามหน่ะ”
“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ฉันส่งคนไปคุ้มกันลูกเธอแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ”
“ดีแล้วหล่ะ ถ้าเธอพูด ฉันจะได้ไม่กังวล”
“อืม เอาไว้มารับลูกก็โทรบอกกันได้นะ”
“ได้ๆ แล้วฉันจะติดต่อไป” ปลายสายพูดจนจบ จากนั้นก็วางสายกันในทันที
“อืม เพื่อนคุณซูซาคุเหรอครับ??” ฮันเตอร์ถามไป
“ยิ่งกว่าเพื่อนอีก มันอธิบายยากหน่ะ”
“ถ้าอย่างงั้นผมขอตัวนะครับ” ฮันเตอร์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินออกไปด้านนอกในทันที ส่วนตัวของซูซาคุก็กลับมานั่งที่เก้าอี้ของเธอ
ณ เซฟเฮ้าส์ของ สส. สุรสิงห์ ในตอนนี้ตัวของเขากำลังเครียดอย่างหนัก หลังจากที่เขาพลาดในการจับตัว สส.ฝ่ายค้าน ในตอนนี้ข่าวกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาตัวของเขาต้องรีบติดต่อกับผู้พันประกอบเพื่อคุยกันว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้กันต่อไป
“สวัสดีผู้พัน”
“ท่านสิงห์ ผมรู้ว่าตอนนี้คุณเป็นกังวล แต่พวกนั้นกำลังจัดการกันอยู่”
“แล้วพวกนั้นมันติดต่อมาหรือยัง มันได้ความคืบหน้าอะไรหรือยัง??” นายสิงห์ถามไป
“พวกนั้นยังไม่ติดต่ออะไรผมมาเลยครับ”
“เฮ้อ เริ่มส่อแววความชิบหายแล้วหล่ะงานนี้” นายสิงห์พูดขึ้น
“ทำไมคุณถึงคิดแบบนี้หล่ะ??”
“คุณไม่รู้เหรอว่ามันจะมีผลกระทบยังไงบ้าง ตอนนี้ในพรรค ท่านนายกก็เริ่มจะไม่ไว้ใจผมแล้วว่าจะจัดการได้ ถ้าเกิดผมหมดอนาคตทางการเมืองเมื่อไหร่ ผมรับรองว่าผมจะเล่นงานคุณแน่!!” นายสิงห์พูดขึ้น
“ผมรู้ ถ้าพวกมันไม่ตาย ผมมีหวังโดนเด้งแน่” ผู้พันประกอบพูดขึ้น
“เออ หาลู่ทางเอาตัวรอดไว้เถอะ อีกไม่นานนี้มันจะกลับมาเล่นงานพวกเราแน่ๆ” นายสิงห์พูดขึ้น
“คุณก็รู้นี่ว่าผมเป็นใคร ผมจะหาทางตามหา สส. คนนั้นเอง”
“เออ เอาเถอะ ถ้าคุณทำได้ผลจะได้ไม่ต้องกังวล” นายสิงห์พูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วง ผมพยายามส่งสายของผมตามหาไปทั่วแล้ว แล้วก็ส่งคนคอยตามดูครอบครัวของมันด้วย”
“เออ แต่อย่าแตะต้องครอบครัวของมันเด็ดขาด คุณคงไม่อยากจะโดนเล่นงานทีหลังหรอกนะ” นายสิงห์พูดขึ้น
“ผมรู้ว่าต้องทำยังไงน่า”
“หวังว่าคุณคงจะจำคำพูดนี้ไว้นะครับ” นายสิงห์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็รีบวางสายอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก เลขาของเขาก็เดินเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
“ท่านคะ ดิฉันกำลังจัดการเรื่องที่สวิส กำลังไปได้สวยค่ะ”
“อืม ดีแล้วหล่ะ แล้วเรื่องโรงพยาบาลลูกฉันเป็นยังไง??” นายสิงห์ถามไป
“กำลังติดต่ออยู่ค่ะ”
“อืม ขนย้ายเงินของเราส่วนหนึ่งไปเข้าบัญชีธนาคารที่นั่น ค่อยๆโอนไป อย่าให้กระโตกกระตากนะ” นายสิงห์พูดขึ้น
“รับทราบค่ะท่าน”
“แล้วอีกอย่าง ทำลายทุกอย่างที่มันจะสามารถสาวถึงตัวเราด้วยหล่ะ” นายสิงห์พูดทิ้งท้ายไว้ จากนั้นตัวของเขาก็กลับไปนั่งที่เก้าอี้เอนหลังของเขาในทันที
วันต่อมา ช่วงเที่ยงผ่านไป กลุ่มของโซนิคซึ่งในตอนนั้นได้เตรียมกองกำลัง UNASO เพื่อออกเดินทางไปตามที่วิบัติได้บอก โซนิคสั่งให้คริสเตียลเตรียมกำลังพลมากมายเพื่อคุ้มกัน รวมถึงยานบินและอาวุธตามที่โซนิคได้ขอมาด้วย และไม่นานนักเมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม โซนิคก็เรียกทุกคนมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดกับทุกคนไป
“เอาหล่ะ ทุกคน วันนี้เราจะออกเดินทางตามหาสถานที่โบราณกัน ซึ่งมันจะมีความลับแห่งพลังที่ซ่อนอยู่ ถ้าพวกเราได้พลังมา พวกเราจะสามารถเอาชนะพวกมันได้” โซนิคพูดขึ้น
“รับทราบครับ ผมได้เตรียมทีมเอาไว้แล้วครับ” คริสเตียลตอบไป
“เอาหล่ะ แล้วก็อย่าลืมที่ผมบอกก็แล้วกัน ผมต้องการจับเป้นพวกมัน ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะรู้ว่าพวกมันรู้อะไรบ้าง” โซนิคพูดขึ้น
“ฉันเตรียมอาวุธเอาไว้จัดการพวกมันแล้วค่ะที่รัก” ลีน่าพูดขึ้น
“ตอนนี้ยานของท่านพร้อมแล้ว เชิญครับ” เดวิดพูดขึ้น จากนั้นก็นำทางโซนิคไปอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของคริสเตียลเองก็บอกคนอื่นๆให้เตรียมพร้อมออกเดินทาง
“เอาหล่ะทุกคน รีบไปขึ้นยานกันได้ เราต้องไปให้ถึงก่อนพวกมัน” หลังจากที่คริสเตียลสั่งไป ทุกคนก็รีบไปขึ้นยานที่เตรียมไว้ในทันที
“เอาหล่ะ พวกเราเตรียมพร้อมก็แล้วกัน งานนี้พวกมันอาจจะนำหน้าเราไปแล้ว” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น
“ว่าแต่ เขากำลังไปหาอะไรของเขากันนะ??” แสงจันทร์ถามไป
“เอาเถอะ ไม่ต้องถามมากหรอก ทำงานไปเถอะ” กาลีน่าพูดขึ้น
“โห ดุจริงๆเลยนะแม่สาวน้อย” วูฟพูดขึ้นก่อนที่กาลีน่าจะชูนิ้วกลางใส่เขา
“ไม่รู้ว่าที่นั่นมันจะมีอะไรรอเราอยู่นะ” จ่าชัยพูดขึ้น
“ได้ยินว่ามันมีพลังอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ที่หมอนั่นไม่อยากให้เรารู้” รูกี้พูดขึ้น
“เอาน่า ที่ต้องห่วงก็คือ ไปถึงที่นั่น ก็ต้องปะทะกับพวกมันอีก” รูกิพูดขึ้น
“นี่เธอจะกลัวอะไรกับพวกมันหล่ะ??” เวอร์รีนถามไป
“เราแพ้พวกมันมาตั้งหลายครั้งแล้ว ยังจำได้มั้ยเนี่ย??” ยูริถามกลับไป
“เอาเถอะ เอาเป็นว่าทำให้ดีที่สุดก็พอ ไม่ต้องถามอะไรอีกแล้วหล่ะ” คริสเตียลพูดขึ้น จากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ให้สัญญาณกัน และกลุ่มยานของคริสเตียลก็ออกเดินทางกันในทันที
กลับมายังฐานทัพของดันเต้ หลังจากที่กลุ่มของดันเต้ได้เตรียมอุปกรณ์สำหรับขุดเจาะเรียบร้อยแล้ว พวกของนาวินก็เดินขึ้นมาบนพื้นดินเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับขึ้นโดรน พวกเขาแบ่งโดรนออกเป็น 3 ทีม ทีมแรกจะเป็นทีมจู่โจม ทีมที่สองเป็นโดรนขนส่ง และทีมที่สามจะเป็นโดรนที่ใช้คุ้มกันการถอนกำลัง กลุ่มของนาวินก็พากันไปขึ้นโดรนจู่โจมเพื่อนำร่องกันก่อนในทันที
“เอาหล่ะ วันนี้พวกเราต้องระวังหน่อย เพราะศัตรูที่เราต้องเจอ มันเป็นตัวอันตรายเลยหล่ะ” นาวินพูดขึ้น
“เฮ้อ ฉันเองก็อยากจะเจอหน้าไอ้บ้านั่นอีกทีเหมือนกัน” อากิระพูดขึ้น
“แต่ว่า พวกมันก็ต้องเอากำลังคนไปที่นั่นแล้วเหมือนกัน” เสี่ยวหลงพูดขึ้น
“ตอนนี้อยู่ที่ว่า ใครจะไปถึงที่นั่นก่อนกันสินะ” เวียนพูดขึ้น
“ถ้าเรื่องนั้น เราก็ส่งโดรนสอดแนมไปดูพื้นที่ก่อนก็ได้นี่คะ” ลาลินพูดขึ้น
“จริงด้วย แต่เราก็ต้องหาจุดลงจอดที่ปลอดภัยไปด้วย” ฮารุพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ภาภินก็ติดต่อนาวินเข้ามาทางวิทยุอย่างรวดเร็ว
“พี่วิน ตอนนี้ท้องฟ้าสะอาด แต่ผมลองแกะรอยการบินทั่วประเทศแล้ว ดูเหมือนจะมีเที่ยวบินที่กำลังไปที่ที่เดียวกับเราครับ แต่ปัญหาก็คือ เจ้าลืมมันมาเกาะแกะที่เตียงผมด้วยหน่ะ” ภาภินพูดขึ้น
“อืม ถ้าเป็นอย่างงั้น นายลองดักฟังการสื่อสารของพวกมันดู” นาวินตอบไป
“อืม แล้วเราปล่อยให้นายลืมอยู่ที่นั่นจะไม่เป็นไรเหรอ??” อัญชันถามไป
“พวกมันทั้งหมดคงต้องยกกำลังไปที่นั่น ส่วนตำรวจท้องที่ก็คงขี้เกียจทำงานหน่ะ” ลันโทสพูดขึ้น
“อืม ถ้าอย่างงั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาสินะครับ” ซีโร่พูดขึ้น
“เอาหล่ะ ตอนนี้ที่ต้องห่วงก็คือ จะรับมือกับไอ้โซนิคยังไง” โจไซอาห์พูดขึ้น
“พลังของหมอนั่นเป็นเรื่องของเสียง แต่ฉันพอมีวิธีรับมือแล้วหล่ะ” ดันเต้พูดขึ้น
“แล้วไอ้พวกลิ้วล้อของมันหล่ะ จะเอายังไง??” อินเนสซ่าถามไป
“ใครซ่าส์ก็แค่ฆ่าให้หมด แค่นั้นหล่ะครับ” นายลุ้นพูดขึ้น
“เฮ้อ ถ้าเจอแม่สาวน้อยคนนั้น ฉันไม่ไว้หน้าแน่” โลร็องต์พูดขึ้น
“นี่ ห่วงตัวเองก่อนเถอะไอ้น้องชาย!!” ลูโดวิกพูดปรามเขาไป
“อีสครินน่า พอเราไปถึงที่นั่นแล้ว เราจะทำยังไงต่อหล่ะ??” พัตติยาถามไป
“ฉันต้องไปดูที่หน้างานก่อน แล้วที่เหลือค่อยว่ากัน” อีสครินน่าพูดไป
“เอาหล่ะทุกคน เรารีบออกเดินทางกันเถอะครับ” นาวินบอกกับทุกคนไป จากนั้นไม่นานกลุ่มโดรนของพวกเขาก็ขึ้นบินในทันที เพื่อออกเดินทางตามหาหทัยราชันย์ที่หายไป
===================================================================
นาวินจะเจอหทัยราชันย์ได้ก่อนโซนิคหรือไม่ และเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย
https://ko-fi.com/shinobinon ถูกใจนิยาย อยากเลี้ยงกาแฟผม จัดเลย
ความคิดเห็น