ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Descendant War - สมรภูมิปิตุฆาต

    ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 15 : กองเรืออังกฤษจู่โจม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 66
      4
      25 พ.ย. 61

    นอร์ดิกจัดเตรียมกำลังพลกว่าหนึ่งแสนนายเตรียมปักหลักไว้ที่ชายแดนริงก้า เนื่องจากทหารโซราบอลเคลื่อนพลผ่านแคว้นเดลล์มาแล้ว นอร์ดิกจะเป็นคนนำกลังพลออกสู้ศึกเอง ในระหว่างนั้นเอง อาร์เทมิสและเนม่าทั้งคู่ เมื่อรู้ว่านออร์ดิกกำลังจะไปยังสมรภูมิ พวกเธอทั้งสองคนก็ตามมาพบกับนอร์ดิกในทันที

    เนม่า : พี่นอร์ดิก พี่จะไปไหนเหรอคะ

    นอร์ดิก : พี่ต้องไปที่ชายแดนริงก้าตอนนี้แล้วหล่ะ เธออยู่ที่นี่รักษาเมืองไปก่อนนะ

    อาร์เทมิส : ฉันขอไปด้วยค่ะ ทหารของฉันจะร่วมรบด้วย

    นอร์ดิก : ขอบคุณมากนะครับ เนม่า เธออยู่ที่นี่ต้องระวังตัวด้วยนะ คุณอาบาตูครับ ดูแลน้องสาวผมด้วย

    เนม่า : สบายใจได้ค่ะพี่ หนูจะจัดการเองค่ะ

    อาร์เทมิส : ฉันจะไประดมกำลังพลมาช่วยเองค่ะ

    นอร์ดิก : ยังไงก็รีบตามมานะครับ ยังไงผมไปก่อนนะครับ สั่งทหารเคลื่อนพลได้

    นอร์ดิกนำกำลังพลนับแสนไปประชิดยังชายแดนของริงก้าในทันที ก่อนที่พวกโซราบอลจะบุกเข้ามา

     

    กลับมายังห้องโถงของพระราชวัง หลังจากที่นิโคลัสกำลังจัดการเตรียมเงินทุนและวัสดุในการก่อสร้างทางรถไฟ ซึ่งนิโคลัสเตรียมการไว้นานแล้ว ในขณะเดียวกัน เอลิซ่าก็มาขอเข้าร่วมหุ้นในการสร้างทางรถไฟในครั้งนี้ เนื่องจากเธอเห็นว่ามันจะทำเงินได้มหาศาลในย่านนี้นั้นเอง ในตอนนั้นนิโคลัสยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้กับเอลิซ่าเซ็นในทันที

    เอลิซ่า : ว่าแต่ ฉันต้องเซ็นเอกสารนี่เหรอ มีคุณนอร์ดิกเซ็นจ่ายเงินด้วย

    นิโคลัส : ก็เซ็นเพื่อทำสัญญาไงครับ แบบว่าคุณจะได้กำไรในส่วนนี้ด้วย

    เอลิซ่าเซ็นชื่อของเธอไปในทันที จากนั้นนิโคลัสก็เก็บเอกสารเอาไว้กับตัวเอง

    เอลิซ่า : ว่าแต่ นายจะเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่งั้นเหรอ

    นิโคลัส : พรุ่งนี้เลยก็ได้ เอ็น อุปกรณ์ที่ฉันเตรียมไว้นี่พร้อมแล้วนะ

    เอ็น : ฉันส่งเรื่องไปตั้งนานแล้ว ก่อนที่นายจะบอกอีกเนี่ย

    ในระหว่างนั้นเอง อาเรียก็เดินเข้ามาในห้องที่พวกเขาทั้งคู่เจรจาเรื่องธุรกิจกันอยู่

    เอ็น : นี่เธอ มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่าเนี่ย

    อาเรีย : อ้อ ที่บ้านฉันจะจัดงานเลี้ยงรับรองแขก มาเชิญพวกคุณหน่ะ

    เอ็น : เธอมาชวนฉันเนี่ยนะ จริงเหรอเปล่าเนี่ย

    อาเรีย : ก็จริงหน่ะสิ นายจะไปหรือเปล่าหล่ะ

    นิโคลัส : เธออุตส่าห์ชวนนายนะ ไม่ไปหน่อยเหรอ

    เอ็น : ก็ได้ ขอบใจเธอมากเลยนะ พวกนายสองคนไม่ไปด้วยกันเหรอ

    เอลิซ่า : ฉันมีธุระนิดหน่อยหน่ะ เอาไว้วันหลังก็แล้วกันนะ

    อาเรีย : โอเค ถ้าอยากมาก็ตามฉันมาเลยนะ // อาเรียเดินออกไปก่อนที่เอ็นจะตามเธอไปติดๆ

     

    และที่ห้องรับรองแขกในพระราชวัง อาร์เทอร์ได้รับข่าวว่าตอนนี้ที่ฟิลล์บอน ทางริงก้าได้ตีทัพโซราบอลจนต้องถอยกลับไป อาร์เทอร์ไม่รีรอไปบอกให้ทุกคนทราบ ทุกคนในห้องดีใจกันมาก เนื่องจากว่าฟิลล์บอนกำลังจะปลอดภัยแล้ว

    ดราโก้ : ถ้าแบบนี้ก็แปลว่า เราอาจจะได้กลับบ้านแล้วสิ

    อาร่า : นั่นสิคะคุณ ฉันอยากกลับบ้านของเราแล้วสิ

    และในระหว่างนั้นเอง มีทหารคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานนายพลอาร์เทอร์ แจ้งว่ามีคนมาขอเข้าพบเขา

    ท่านครับ ผู้กองฟีนด์จากมอร็อคมาขอพบครับ

    อาร์เทอร์ : ฟีนด์งั้นเหรอ เรียกเขาเข้ามาพบด่วนเลย // จากนั้นฟีนด์ก็มารายงานตัวกับนายพลอาร์เทอร์ เมเทอร์เห็นหน้าของฟีนด์ในตอนนั้นก็ค่อนข้างที่จะหลงไหลเขา ทำเอามาร์ธิวถึงกับต้องสะกิดแขนเธอเลยทีเดียว

    ฟีนด์ : คุณอาร์เทอร์ครับ ตอนนี้สงครามกำลังจะมาถึงริงก้าแล้วครับ

    ฟีนด์ : ใจเย็นก่อนนะฟีนด์ ตอนนี้ทางเรากำลังคุมสถานการณ์อยู่ นายไปพักผ่อนตรงนั้นก่อนดีกว่านะ // ฟีนด์เดินไปนั่งพักผ่อนอีกด้านหนึ่ง ในตอนนั้นเอง เมเทอร์เอาเครื่องดื่มไปให้เขาเผื่อว่าจะดับกระหายให้เขาได้

    เมเทอร์ : ดื่มก่อนสิ มันน่าจะช่วยนายได้นะ

    ฟีนด์ : ขอบคุณครับ ว่าแต่ คุณเป็นใครงั้นเหรอครับ

    เมเทอร์ : ฉันเมเทอร์ คุณคงชื่อฟีนด์ใช่หรือเปล่าคะ

    ฟีนด์ : ครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะครับ

    เมเทอร์ : คุณมาจากมอร็อคงั้นเหรอ ฉันก็เหมือนกันนะ ฉันอยู่ที่นั่นจนโตเลยหล่ะ

    ฟีนด์ : ครับ ยินดีที่ได้เจอคุณครับ

    และอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่โคน่าได้ยินเรื่องที่ฟิลล์บอน เธอตั้งใจว่าจะกลับไปยังฟิลล์บอนเพื่อเปิดห้องแล็ปน้ำมันต่อ เธอคุยกับพ่อแม่ของเธอว่าจะขอกลับไป

    โคน่า : พ่อคะ แม่คะ หนูจะกลับไปที่ห้องแล็ปของหนูต่อค่ะ

    คาเนส : เธอคิดดีแล้วจริงๆเหรอโคน่า เหตุการณ์ยังไม่สงบเลยนะ

    โคน่า : ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะพี่ หนูไม่เป็นอะไรง่ายๆอยู่แล้ว

    อาเรียส : ถ้าอย่างงั้น ฉันขอกลับด้วยคนสิโคน่า

    เลออน : ผมอาสาไปส่งคุณเองครับ ใช่หรือเปล่าแมทธิว

    แมทธิว : แน่นอนครับ ผมก็อยากไปจะฟิลล์บอนเหมือนกัน

    เอเทอร์ : หะ พี่พูดจริงเหรอพี่ แล้วผมจะทำยังไงล่ะ

    เลออน : นายอยากจะไปกับพวกเราก็ได้นะ เปิดหูเปิดตาหน่อยสิ

    เอเทอร์ : เอาที่สบายใจเลยพี่เอ้ย ยังไงผมก็ต้องไปสินะ

    แมทธิว : แล้วพี่มาร์ธิวไม่ไปหน่อยเหรอครับ

    มาร์ธิว : ไม่หรอก พวกนายก็เที่ยวให้สนุกก็แล้วกันนะ

    คาลิมบ่า : แบบนี้แสดงว่า เราต้องกลับฟิลล์บอนหลังจากที่มาได้ไม่กี่วันสินะ

    มาร์ธิว : ก็คงจะเป็นแบบนั้นหน่ะครับ

    อาเรียส : นายจะไม่กลับก็ได้นะคาลิมบ่า

    คาลิมบ่า : โอเคครับ ผมก็ต้องกลับอยู่แล้ว ไปทำงานสินะ

    ดราโก้ : โอเค ถ้างั้นพ่อจะไปเตรียมของให้ลูกก่อนนะ

    อาร่า : เดี๋ยวฉันขอไปด้วยนะคะ

    ในขณะเดียวกัน คุณหนูเนม่าก็เดินมาตามหานายพลอาร์เทอร์ที่อยู่แถวนั้นพอดี เมื่อคาเนสเห็นเนม่า เขาก็ตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง

    คาเนส : เออ สุภาพสตรีคนนั้นเป็นใครอย่างงั้นเหรอ

    อาร์เทอร์ : อ้อ คุณหนูเนม่า เป็นน้องสาวของผู้นำริงก้าหน่ะ นายถามทำไมเหรอ // คาเนสแอบยิ้มอยู่ในใจ อาร์เทอร์ได้แต่สงสัยในแววตาของเขา

     

    ที่ชายแดนริงก้า ในระหว่างที่ซอลกำลังวางกำลังพลป้องกันชายแดน ในขณะเดียวกันเองเฟรย์อาก็เดินเข้ามาในเต้นท์ของเขา จากนั้นก็ปิดเต้นท์ ทำเอาซอลถึงกับตกใจนิดหน่อย

    ซอล : คุณเฟรย์อา มีอะไรหรือเปล่าครับ

    เฟรย์อา : ฉันมีข่าวมาบอก ตอนนี้ทัพหลวงของริงก้ากำลังจะมาช่วยเราแล้วนะคะ // เฟรย์อาพูดจากนั้นก็เข้ามานั่งข้างๆซอล ทำเอาซอลถึงกับหวั่นๆนิดหน่อย

    เฟรย์อา : ทำไมถึงทำแบบนั้นหล่ะ เธอไม่ชอบฉันเหรอ

    ซอล : ไม่ใช่ครับ ผมชอบคุณ แต่ว่า

    เฟรย์อา : ในที่สุดคุณก็บอกว่าชอบฉันแล้ว แต่ทำไมต้องกลัวแบบนั้นหล่ะ

    ซอล : คุณเฟรย์อาเป็นหญิงสูงศักดิ์ ผมไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นหรอกครับ

    เฟรย์ : กับคุณ ฉันจะเป็นแค่เฟรย์อา คนที่อยู่ข้างคุณวันนี้จะเป็นผู้หญิงธรรมดาที่คุณรักนะ

    ซอลสัมผัสใบหน้าของเฟรย์อา จากนั้นก็จูบกับเธออย่างดูดดื่ม เฟรย์อาจึงเปลื้องผ้าของเธอให้กับซอลในตอนนั้น

     

    กลับมายังเมิองหลวงของฟิลล์บอน ทหารริงก้านำตัวเชลยบางส่วนไปขังเอาไว้ในคุก ส่วนสการ์เล็ตกับพอลลี่ก็ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ห้องแห่งหนึ่ง ซึ่งไซโซกับเคจาจะลงมือสอบสวนสองคนนี้ด้วยตัวเอง

    พอลลี่ : ท่านคะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะพาท่านหนีไปให้ได้

    ในตอนนั้นเอง สการ์เล็ตถูกจับมัดแล้วให้นั่งอยู่ต่อหน้าเคจา เคจาก็เริ่มการเจรจากับเธอทันที

    สการ์เล็ต : อยากทำอะไรก็ทำ แล้วไปลงนรกซะ

    เคจา : นี่เธอจำฉันไม่ได้จริงๆเหรอสการ์เล็ต

    สการ์เล็ต : นี่เธอเป็นใคร ทำไมถึงได้รู้ชื่อฉันหล่ะ

    เคจา : ฉันเคจาไง เธอจำไม่ได้เหรอ เราโตมาด้วยกันนะ

    สการ์เล็ต : เคจา นี่เธอจริงๆเหรอ เธอยังไม่ตาย

    พอลลี่ : นี่มันเรื่องอะไรกันคะ

    ไซโซ : ใจเย็นก่อนสาวน้อย นี่ไม่เกี่ยวกับเธอนะ

    สการ์เล็ต : ส่วนนายก็คือไซโซใช่หรือเปล่า ทำไมพวกนายถึงมาอยู่ที่นี่หล่ะ

    ไซโซ : เรื่องมันซับซ้อนนิดหน่อยหน่ะ แล้วพ่อเธอหล่ะ หายไปไหน

    พอลลี่ : อย่าพูดถึงท่านนายพลแบบนั้นอีกนะ

    สการ์เล็ต : ไม่ต้องทำอะไรหรอก พวกเขาไว้ใจได้ ท่านหนีไปแล้วหล่ะ

    ไซโซ : หะ ทิ้งลูกไว้กลางสงครามเนี่ยนะ พ่อแบบไหนกันนะ

    เคจา : เอาหล่ะ ปล่อยสการ์เล็ตซะ ส่วนคนนี้อย่าเพิ่ง รอดูก่อนว่าเธอจะขัดขืนหรือเปล่า // ทหารริงก้าปล่อยตัวสการ์เล็ต ส่วนพอลลี่เธอโดนจับขังที่ห้องขังพิเศษห้องหนึ่ง ซึ่งพวกเขาต้องดูแลพอลลี่เป็นอย่างดี

    และที่ด้านนอกค่าย ในขณะนั้นซิกนัสกำลังตรวจสอบความเรียบร้อยที่ด้านนอก เนื่องจากเพิ่งจะยึดเมืองได้ ในตอนนั้นเอง มีทัพม้าของชายคนหนึ่งเข้ามาสมทบเพิ่มเติม ซึ่งนั้นคือกองทัพของเซเลนส์นั้นเอง เมื่อเซเลนส์มาถึง ซิกนัสก็มาต้อนรับเขาในทันที

    ซิกนัส : สวัสดีครับ ท่าทางคุณจะเป็นทหารมาจากริงก้าสินะครับ

    เซเลนส์ : ใช่ครับ ผมมาเสริมกำลังที่นี่เนื่องจากได้รับคำสั่งมา ถ้าไม่รังเกียจ ช่วยพาผมไปดูแถวนี้หน่อยได้หรือเปล่าครับ

    ซิกนัสพาเซเลนส์ไปสำรวจยังรอบเมือง ซึ่งในตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการวางกำลังคุ้มกันเมืองอยู่

    ซิกนัส : ตอนนี้เรายึดเมืองหลวงคืนมาได้แล้ว อีกไม่นานคงผลักดันพวกมันให้ถอยไปได้ครับ

    เซเลนส์ : ว่าแต่ คุณอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้วครับ

    ซิกนัส : ผมสู้กับพวกมันตั้งแต่เริ่มสงครามหน่ะครับ

    เซเลนส์ : ผมว่าคุณคงเหนื่อยแย่ อีกไม่นานผมคงได้ช่วยเหลือคุณแล้วหล่ะ

    ซิกนัส : ผมยินดีมากเลยครับ

     

    กลับมายังแคว้นเดลล์ ในระหว่างที่นายพลบูลกำลังจัดทัพเพื่อคิดบัญชีกับผู้เฒ่าตาร์ก ในขณะนั้นเองเขาก็ได้รับข่าวใหม่จากคนนำสาสน์ของเขาเกี่ยวกับแคว้นริงก้า

    ท่านครับ มีข่าวมาแจ้งครับผม

    บูล : มีอะไรหล่ะ ขอเป็นเรื่องสำคัญได้หรือเปล่า

    ตอนนี้ทัพหลวงของริงก้าเคลื่อนพลมาประชิดชายแดนแคว้นเดลล์แล้วครับ

    บูล : แล้วพวกนั้นมีปฏิกิริยาอะไรกับเราหรือเปล่า

    ไม่มีครับ พวกเขาแค่ปักหลักรอพวกโซราบอลมาจู่โจมครับ

    บูล : จำไว้ ห้ามโจมตีพวกเขาก่อนเด็ดขาด แล้วตอนนี้กองทัพของเราเป็นยังไงบ้าง

    กองทัพของเราพร้อมแล้วครับ

    บูล : ดีมาก คืนนี้ฉันจะจัดการไอ้แก่นั่นให้จบๆไป เตรียมทหารของเราให้พร้อมด้วย

    หลังจากที่มีคำสั่ง ทัพม้าของนายพลบูลก็เริ่มเคลื่อนขบวนออกไปจากที่มั่น เพื่อบุกไปยังหุบเขาเพื่อเข้าจู่โจมต่อไป

     

    ที่แคว้นริงก้า หลังจากที่อราชกับโอลลี่มาถึงวังหลวง ในขณะนั้นเองเธอก็แจ้งกับทหารริงก้าว่าโอลลี่มาขอเข้าพบ หลังจากที่รออยู่ไม่นาน เมเทอร์ก้มาพบกับโอลลี่ในทันที โอลลี่ดีใจมากที่เมเทอร์ยังไม่ตาย เธอจึงวิ่งเข้าไปกอดเมเทอร์ในทันที

    เมเทอร์ : โอลลี่ ฉันคิดว่าเธอตายไปแล้วนะเนี่ย

    โอลลี่ : มีคนช่วยฉันเอาไว้หน่ะค่ะ ยินดีจังเลยที่ได้เจอคุณ // ในตอนนั้นอราชแอบยิ้มแล้วก็พยายามจะเดินจากไป แต่โอลลี่เดินมาจับมืออราชเอาไว้ก่อน

    โอลลี่ : อ้าว เธอจะไปไหนอย่างงั้นเหรอ

    อราช : ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ฉันนึกไม่ออกเลย

    โอลลี่ : มาอยู่กับฉันเถอะนะอราช เธอเป็นคนเดียวที่ฉันไว้ใจนะ

    อราช : แต่ว่า พวกเขาจะต้อนรับผมอย่างงั้น

    โอลลี่ : แน่นอนสิ นายห้ามทิ้งฉันไปเด็ดขาด นายสัญญากับฉันแล้วนะ

    อราช : ได้สิ ที่ผมอยู่ก็เพื่อคุณนะครับ

    โอลลี่กอดอราชเอาไว้ ท่ามกลางความสงสัยของเมเทอร์ เมเทอร์จึงเดินเข้ามาถาม

    เมเทอร์ : นี่คนรักของเธออย่างงั้นเหรอ

    โอลลี่ : ก็ไม่รู้สิ อาจจะใช่ในอนาคตก็ได้ เขาจะมาอยู่กับฉันนะ

    อราช : ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ

     

    ละที่กองทัพของโซราบอล ในขณะนั้นพวกเขาก็เดินทัพจนใกล้จะถึงใจกลางของแคว้นเดลล์แล้ว โซรอนจัดให้ปืนใหญ่ทั้งหมดยิงถล่มทุกตารางนิ้วที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก็สั่งให้ยิงถล่มทั้งวันทั้งคืน และในขณะเดียวกัน หลังจากที่คูเปอร์กลับมาจากการลาดตระเวน เขาก็เรียกคูเปอร์มาพบในทันที

    โซรอน : คูเปอร์ มาพอดีเลย ฉันมีเรื่องอยากจะให้นายช่วยหน่อย

    คูเปอร์ : มีอะไรให้ผมช่วยครับท่าน

    โซรอน : ฉันอยากให้นายนำกำลังพลไปจัดการพวกมันที่ตั้งแนวรับด้านหน้าเมืองหน่อยหน่ะ

    คูเปอร์ : แต่ว่าพวกมันมีอาวุธหนักมากมายพอที่จะยันเราได้นะครับ ทางที่ดีเราควรมีแผนการที่ดีกว่านี้ครับ

    โซรอน : จะให้ทำยังไงดีหล่ะ

    คูเปอร์ : เราควรจะยิงปืนใหญ่ถล่มแนวรับพวกมันก่อน จากนั้นก็ให้ทหารของเราลอบเข้าไปโจมตีมันครับ

    โซรอน : ก็ดีนะ งั้นสั่งให้ปืนใหญ่เปลี่ยนเป้าหมายในการยิงก่อน

    โซรอนสั่งหื้นใหญ่ทุกกระบอกเล็งไปที่แนวรับของพวกเดลล์ จากนั้นก็ยิงถล่มพวกมันอย่างไม่ยั้ง แต่ในขณะที่กำลังยิงถล่มอยู่นั้น ปืนใหญ่ก็หยุดยิงไปซะดื้อๆ ทำเอาโซรอนต้องเรียกทหารปืนใหญ่มาคุย

    โซรอน : ทำไมปืนใหญ่ถึงหยุดยิงไปหล่ะ

    กระสุนของเราใกล้จะหมดแล้วครับท่าน

    คูเปอร์ : ไม่ได้การ แบบนี้เราต้องหากระสุนปืนใหญ่เพิ่มนะครับท่าน

    โซรอน : ก็ได้ ฉันจะให้ทางโซราบอลส่งลูกปืนใหญ่มาเพิ่ม แล้วจะเขียนจดหมายส่งไปที่แม่ทัพเรือสหรัฐขอลูกปืนใหญ่เพิ่มด้วย // จากนั้นโซรอนหัวเสียเดินเข้าไปในเต้นท์ของเขา

    และอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่เอ็ดเวิร์ดและทหารของเขาโดนซุ่มโจมตีจนทหารตายกันหมด เขาก็เดินลัดเลาะป่าเพื่อกลับไปยังกองทัพของเขา แต่ในระหว่างนั้นเขาก็ต้องระวังสัตว์ป่าที่อยู่ด้านในและอันตรายอีกรอบด้าน เขาเดินทางไปเรื่อยๆจนมาถึงน้ำตกแห่งหนึ่ง เขาไม่รอช้ากระโดดลงไปเพื่อดื่มน้ำในนั้นทันที

    อ้าส์ ชื่นใจจังเลย

    เอ็ดเวิร์ดดื่มน้ำและอาบน้ำอย่างสบายใจ จากนั้นเขาก็เดินขึ้นมาจากน้ำแล้วเดินทางต่อ เขาพกแผนที่มาแต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เขามองไปทางนั้นทีทางนี้ที จากนั้นก็เดินทางต่อไปเรื่อยๆตามทิศที่เข็มทิศมันบอก

    ฉันน่าจะมาทางนี้นะ

    เขาถือเข็มทิศเดินไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเป้นอย่างไรต่อไป

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของมาร์ธ่า ในระหว่างที่นายพลเนโรกำลังรักษาตัว วิเวียนพยายามเอาใจนายพลเนโรเพื่อที่จะขอสิ่งที่เธออยากได้ ซึ่งนั่นก็คือสมบัติของเขาที่มีมากมาย

    วิเวียน : คุณพี่ขา ให้น้องช่วยอะไรหรือเปล่าคะ

    เนโร : ไม่ต้องแล้วหล่ะ พี่ดีใจนะที่น้องมาอยู่กับพี่

    วิเวียน : แหม่ ก็ฉันเป็นเมียคุณพี่นี่คะ

    ในระหว่างนั้นเอง มาร์ธ่ากับซาร่าที่เพิ่งจะมาเยี่ยมนายพลเนโร เมื่อเธอเห็นเขาอยู่กับวิเวียนเธอสองคนจึงไม่อยากเข้าไปรบกวน และในตอนนั้นเองซิลเวียร์ก็ตามเธอสองคนมาพอดี

    ซิลเวียร์ : คุณหญิงคะ ไม่ไปเยี่ยมท่านนายพลหน่อยเหรอคะ

    มาร์ธ่า : ไม่หรอกจ้ะ เขากำลังอยู่กับเมียเขาหน่ะ

    ซาร่า : เฮ้อ ไม่รู้ว่าเขาจะหายดีเมื่อไหร่นะ ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่เหรอ

    ซิลเวียร์ : หนูมาให้ยากับท่านนายพลค่ะ

    มาร์ธ่า : แล้วเธอได้ข่าวของนอร์ดิกบ้างหรือเปล่าหล่ะ

    ซิลเวียร์ : นอร์ดิกสบายดีค่ะ ตอนนี้ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเลยค่ะ

    ซาร่า : แต่ว่านายพลโซรอนเขากำลังจะยกทัพบุกริงก้านี่

    ซิลเวียร์ : ตอนนี้ทหารของนอร์ดิกกำลังเตรียมพร้อมรับมืออยู่หน่ะ

    มาร์ธ่า : เมื่อไหร่สงครามบ้าๆนี่มันจะหยุดลงซะทีนะ

    ซาร่า : ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะแม่ หนูว่าตอนนี้แม่พักผ่อนให้เยอะๆดีกว่านะคะ

    ซิลเวียร์ : ถ้าอย่างงั้น หนูไปให้ยากับท่านนายพลก่อนนะคะ // ซิลเวียร์เดินจากไปเพื่อเตรียมยา

     

    กลับมายังแคว้นเดลล์ หลังจากที่แอนตาร์กติกมาถึงสถานทูตของเธอ ก็พบว่าพวกเขากำลังย้ายของออกไปจากสถานทูตเดิม เนื่องจากว่าสงครามกำลังจะมาถึงในไม่ช้า แอนตาร์กติกรีบเข้าไปพบท่านทูตของเธอในทันที

    คุณแอนตาร์กติก ดีใจมากเลยที่คุณมาทันเวลา

    แอนตาร์กติก : ว่าแต่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะท่าน

    ตอนนี้กองทัพของโซราบอลกำลังจะเข้ามาเมืองหลวงแล้ว

    แอนตาร์กติก : แล้วตอนนี้ทัพเรือของฉันอยู่ที่ไหนหล่ะคะ

    ตอนนี้ทัพเรือกำลังจะมารับเราหน่ะ ไม่นานนี่หรอก

    ระหว่างนั้นเอง เสียงปืนใหญ่ก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำเอาพวกเขาตกใจและหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

    คุณฟังเสียงนั่นสิ เข้ามาใกล้ทุกวัน เราต้องรีบหนีกันหล่ะ

    แอนตาร์กติก : ไม่ต้องห่วงค่ะท่าน ฉันจะคุ้มกันพวกเราที่นี่เอง

    ขอบคุณมาก งานนี้คงต้องฝากพึ่งคุณแล้วหล่ะครับ

    แอนตาร์กติกไม่รอช้ารีบพาทหารของเธอไปคุ้มกันชาวเยอรมันที่อยู่ในพื้นที่ให้ออกไปจากแคว้นเดลล์โดยเร็วที่สุด ก่อนที่ทหารโซราบอลกำลังจะมาถึง

    เช่นเดียวกับพวกรัสเซีย ซึ่งในตอนนั้นโทมารอฟก็เพิ่งจะนำอาวุธที่ยึดมาได้ส่งไปยังสถานทูต แต่ในระหว่างนั้นสถานทูตกำลังวุ่นวายกับการอพยพครั้งใหญ่ ในขณะนั้นโทมารอฟเองก็มาถึงสถานทูตพอดี โดยที่ทูตรัสเซียกำลังรอเขาอยู่

    โทมารอฟ ขอบคุณสวรรค์ ในที่สุดคุณก็มาจนได้

    โทมารอฟ : ท่านทูตครับ เรากำลังจะอพยพไปไหนกันครับ

    เราจะไปริงก้ากันหน่ะ มีสถานทูตชั่วคราวอยู่ที่นั่น เราต้องไปรายงานตัวด่วน

    โทมารอฟ : แต่ท่านครับ ผมเพิ่งยึดอาวุธของเครือข่ายพวกอเล็กซ์สกี้ได้นะครับ

    ผมเข้าใจ ยึดอาวุธพวกนี้กลับไปด้วยให้หมด อย่าให้มันเอาไปใช้งานได้

    โทมารอฟ : รับทราบครับ แล้วนี่เราต้องออกเดินทางเลยเหรอครับ

    ใช่ คุณต้องคุ้มกันเราด้วย

    โทมารอฟ : รับทราบครับผม

     

    ทางด้านของแพททรีเซีย เธอเดินทางมายังบ้านพักของนายพลจอร์ส เพื่อที่จะเตือนเรื่องของพวกโซราบอลที่กำลังจะบุกมา หลังจากที่เธอมาถึงบ้าน เธอก็พบแมทธิวกำลังรออยู่ที่บ้านอยู่พอดี เมื่อเธอเห็นจึงเข้าไปทักทายเขา

    แพททรีเซีย : แมทธิว มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่หล่ะ

    แมทธิว : ก็ก่อนที่พี่จะรู้นั่นแหละครับ ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับพี่

    แพททรีเซีย : เธอก็ยังปากหวานเหมือนเดิมเลยนะ

    ในขณะนั้นเอง นายพลจอร์จก็กลับมาจากการประชุมพอดี เมื่อเขาเห็นทั้งคู่อยู่กันพร้อมหน้าก็ดีใจในทันที

    จอร์จ : วันนี้เป็นวันอะไรกันเนี่ย ครอบครัวอยู่พร้อมหน้ากันเนี่ย

    แพททรีเซีย : แหม่ พ่อไม่ได้เรียกหนูแบบนี้นานแค่ไหนแล้วเนี่ย

    จอร์ส : นี่ อย่าเพิ่งพูดจาประชดประชันตอนนี้ได้หรือเปล่าเนี่ย

    แมทธิว : พ่อ พ่อต้องรีบออกไปจากที่นี่โดยด่วน ทหารโซราบอลกำลังจะมาแล้ว

    จอร์ส : เรื่องนี้พ่อก็เพิ่งจะประชุมเสร็จ ไม่ต้องย้ายไปไหนทั้งนั้น

    แพททรีเซีย : เหตุผลหล่ะคะท่านนายพล

    จอร์ส : ตอนนี้เราเป็นพันธมิตรกับโซราบอล ทัพเรืออังกฤษจะบุกแคว้นริงก้าในเร็วๆนี้

    แมทธิว : พวกริงก้าตอนนี้เข้มแข็งมาก กลัวว่าเราอาจจะต้องเจออันตรายหนักแล้วหล่ะ

    จอร์จ : ทัพเรือของเราไม่มีวันจะพ่ายพวกหลังเขานี่หรอก

    แพททรีเซีย : ถ้างั้นก็แล้วแต่พ่อก็แล้วกัน // แพททรีเซียเดินหัวเสียออกไปจากห้องรับแขก

    จอร์จ : แล้วแกหล่ะแมทธิว แกคิดยังไง

    แมทธิว : ผมว่า พ่อควรระวังตัวให้มาก พวกริงก้าไม่ใช่อย่างที่พ่อคิด // เขาเดินตามแพททรีเซียไปติดๆ ปล่อยให้นายพลจอร์สนั่งดื่มชาอยู่คนเดียว

     

    กลับมายังแคว้นเดลล์ ในขณะนั้น กลุ่มนกฮูกกำลังหนีจากการตามล่าของศาสนจักรแห่งโซราบอล เขาออกจากโบสถ์แห่งนั้นตั้งแต่มืด พวกเขาหนีไปกับรถม้าคันหนึ่งซึ่งบรรทุกอาวุธเต็มอัตราศึก ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาก็คือแคว้นริงก้านั้นเอง

    อัลฟ่า : นี่พี่ เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ยที่เราหนีหัวซุกหัวซุนเนี่ย

    เบต้า : นั่นสิ เมื่อไหร่เราจะได้ลุยกับพวกมันซะที

    โอเมก้า : ไม่ต้องห่วงหรอก หลังจากวันนี้ไป พวกเราไม่ต้องหลบอีกแล้ว

    ชาร์ลี  :ว่าแต่ พวกนายคิดเหรอว่าริงก้าจะช่วยเราได้หน่ะ

    เดลต้า : ฉันว่าได้นะ ตอนนี้ริงก้ากำลังเข้มแข็งพอๆกับโซราบอลเลยนะ

    โอเมก้า : มันก็จริงอยู่ แต่ตอนนี้ผู้นำที่ยังหนุ่มไม่รู้ว่าจะไปรอดหรือเปล่า

    ชาร์ลี : ว่าแต่ ผู้นำของเขาจะหน้าตาเป็นยังไงกันนะ

    อัลฟ่า : แหม่ พูดถึงผู้ชายหน่อยนี่หื่นเลยนะตัวเธอ

    เบต้า : ตอนนี้อย่าเพิ่งสนใจเลย เรารีบไปให้ถึงริงก้าก่อนดีกว่า

    เดลต้า : ไม่ต้องห่วงหรอก อีกไม่กี่ไมล์ก็ถึงชายแดนริงก้าแล้ว

    พวกเขาควบรถม้าไปเรื่อยๆ เพื่อให้ไปถึงริงก้าก่อนที่พวกศาสนจักรจะตามล่าพวกเขาได้ทัน

     

    กลับมายังแคว้นบาส์ก เกาะของโรส ในตอนที่เธอไปส่งผู้ชายสองคนนั้นเรียบร้อยแล้ว โรสก็กลับมายังบ้านพักของเธอ แต่ในขณะนั้นเอง เรือของลอเรนซ์ก็แล่นมาจอดส่งแพทและเมดที่เกาะของโรส โรสเห็นจึงรีบวิ่งออกไปรับทั้งคู่มาในทันที

    โรส : แพท เมด พวกเธอทั้งคู่ปลอดภัยดีนะ

    เมด : ก็โอเค แค่นี้ไม่ถึงกับตายหรอกจ้ะ ว่ามั้ย

    แพท : แหม่ ปากเก่งจริงๆเลยนะตัวเธอเนี่ย

    ลอเรนซ์ : บังเอิญว่าช่วงนี้เราโดนโจมตีบ่อยหน่ะ เราของเราจมไปลำหนึ่งด้วย

    โรส : นั่นสิคะ หนูว่าช่วงนี้มันดูแปลกๆนะคะ

    ลอเรนซ์ : ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงพวกเขาก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก

    แพท : แต่ถ้าเราไม่ตอบโต้พวกมันบาง พวกมันอาจจะได้ใจก็ได้นะ

    เมด : นี่ แล้วเธอจะสู้ยังไง พวกมันมีทั้งกองทัพเลยนะ

    แพท : ก็ไปให้พวกริงก้าช่วยสิ

    โรส : ให้ทางนั้นช่วยงั้นเหรอ ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่านะ

    ลอเรนซ์ : ฉันว่าพวกนั้นก็ไม่ต่างจากโซราบอลเท่าไหร่หรอก

    เมด : เอาเป็นว่า ตอนนี้เราแยกย้ายกันไปพักก่อนดีกว่านะคะ ทุกคนเหนื่อยมาเยอะแล้ว

    ลอเรนซ์ : ก็ดีนะจ๊ะ งั้นเจ๊ไปก่อนนะจ๊ะเด็กๆ // จากนั้นลอเรนซ์ก็ขึ้นเรือของเธอกลับออกไป

    โรส : ไปหาอะไรกินดีกว่า ฉันเตรียมอะไรอร่อยๆให้พวกเธอด้วยนะ

    แพท : ดีเลย กำลังหิวอยู่ดี

    ทางด้านของอาร์มเมอร์และสกาย หลังจากที่ทั้งคู่กลับมายังแผ่นดินแม่ของบาส์ก ทั้งคู่ก็ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อไป กับกลุ่มโจรสลัดพวกนี้

    อาร์มเมอร์ : นี่ เรื่องพวกโจรสลัดนายจะทำยังไงต่อหล่ะ

    สกาย : หรือว่าเราจะสั่งเรื่องให้ทัพเรือจัดการบุกเกาะมันหล่ะ

    อาร์มเมอร์ : ถ้าทำแบบนั้น แพทกับเมดคงจะ

    สกาย : เออ จริงด้วย ลืมไปว่าสองคนนั้นก็เป็นโจรนี่

    อาร์มเมอร์ : หรือว่าเราจะเงียบเอาไว้ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นดี

    สกาย : ทำแบบนั้นเราจะไม่โดนเล่นงานงั้นเหรอ

    อาร์มเมอร์ : ก็ไม่มีใครรู้ซักหน่อย อีกอย่างสองคนนั้นก็เคยช่วยเรานะ

    สกาย : ฉันรู้ เอาเป็นว่าเรื่องนี้เราคุยกันทีหลังดีกว่า // จากนั้นทั้งคู่ก็เดินมาถึงค่ายทหารของพวกเขา ซึ่งมีทหารรอต้อนรับเขาอยู่

    ท่านครับ กลับมาแล้วเหรอครับ

    สกาย : ใช่ สถานการณ์ที่นี่เป็นยังไงบ้างหล่ะ

    ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นครับ

    อาร์มเมอร์ : ฉันขอไปพักผ่อนก่อน อย่าเพิ่งมารบกวนฉันหล่ะ // ทั้งคู่รีบเดินเข้าไปยังที่พักของตัวเองในทันที

     

    กลับมายังแคว้นริงก้า ในขณะนั้นนอร์ดิกก็เคลื่อนกำลังพลมาถึงค่ายหลักทางชายแดนพอดี ในตอนนั้นเอง ซอลรีบใส่เครื่องแบบจากนั้นก็มาพบกับเขาในทันที

    ซอล : นอร์ดิก นายมาที่นี่จนได้สินะ

    นอร์ดิก : ก็ฉันได้ยินว่าที่นี่กำลังจะโดนโจมตี นายกับเฟรย์อาเป็นยังไงบ้าง

    เฟรย์อา : เราสบายดีค่ะ ดีมากๆเลย // เฟรย์อาออกมาในสภาพที่ใส่เสื้อยังไม่ทันเสร็จดี

    นอร์ดิก : ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้างหล่ะ

    ซอล : ตอนนี้พวกมันเริ่มเข้าใกล้เมืองหลวงขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ

    เฟรย์อา : ดิฉันลองถามชาวบ้านที่อพยพมา พวกเขาบอกว่าตอนนี้มันกำลังจะยึดเมืองหลวงของเดลล์ได้แล้วค่ะ

    อาร์เทมิส : ถ้าอย่างงั้นก็คงเหลือไม่กี่ไมล์ พวกมันก็จะมาถึงแล้วสินะ

    นอร์ดิก : ถ้าอย่างงั้น รีบวางแนวปืนใหญ่และปืนกลดักพวกมันไว้ทันที

    แต่ในระหว่างนั้นเอง ก็มีเสียงระฆังดังเตือนพวกเขา นอร์ดิกนำทหารออกไปดู ก็พบว่ามีกองเรืออังกฤษและอเมริกาลอยลำมากำลังจะเข้าใกล้ชายฝั่งของเขา ทหารริงก้าเข้าประจำการอยู่ที่ปืนใหญ่รอพวกมันมาถึง

    อาร์เทมิส : ดิฉันจะไปเตรียมปืนใหญ่ยิงสกัดพวกมันเอง

    นอร์ดิก : ใจเย็นก่อนครับ เรือพวกอังกฤษมีประสิทธิภาพมาก แต่ผมมีวิธีรับมือแล้ว

    ซอล : วิธีอะไรของนายงั้นเหรอ

    นอร์ดิก : สั่งให้เอาปืนใหญ่ออกจากกำแพง แล้วเอาไปซ่อนไว้ก่อน แล้วให้ทหารซุ่มอยู่ในป่าด้วย

    หลังจากที่มีคำสั่ง ทหารของนอร์ดิกก็เริ่มแผนการในทันที

    ================================================================

    นอร์ดิกคิดจะทำอะไรของเขากันแน่ แล้วกองเรืออังกฤษจะจู่โจมพวกเขาได้หรือไม่ ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
    ขอคนละเม้นท์ด้วยครัช

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×