คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 13 : ช่วยตัวประกัน
กลุ่มของนนท์
ซานะและฟรองเกอร์พยายามหาที่แอบแล้วค่อยๆหาทางเข้าไปในโกดัง
เพื่อตรวจสอบว่าบรรดาตัวประกันขาวเอเชียที่ถูกจับมาอยู่ที่ไหน
โดยที่ลินน์รีดและอลาวดี้ก็พยายามไปเจรจากับพวกเขาของที่กำลังช่วยกันคุมตัวประกันชาวเอเชียอยู่
ในตอนนั้นเองลินน์รีดกับอลาวดี้ก็ไปเจอกับดันเต้และโจอี้ที่มาเฝ้าตัวประกัน
พวกเขาจึงลากทั้งคู่ออกมาในทันที
“เฮ้ย
ดันเต้ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย” ลินน์รีดถามดันเต้
“ปารีสบอกให้พวกฉันมาทำงานนี้หน่ะ”
ดันเต้พูดขึ้น
“อ้าว
แล้วปารีสหายไปไหนวะ” อลาวดี้ถามไป
“ฉันก็ไม่รู้
ได้ยินว่ากำลังจะมาหน่ะ” โจอี้บอกไป
“พวกนายต้องปล่อยพวกเขาไปให้หมด
พวกนายกำลังทำเรื่องให้มันแย่ลงนะ” ลินน์รีดพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วง
หลังจากที่ได้ตัวพวกเรา เราปล่อยพวกมันแน่” ดันเต้พูดขึ้น
“แล้วนี่พวกแกไม่รู้เหรอ
ตอนนี้พวกเคมเปนไตล้อมที่นี่ไว้แล้ว พวกนายจะไปไหนรอดวะ” อลาวดี้พูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วง
ปารีสบอกเราว่าจะมีเรือพาเราไปจากที่นี่หน่ะ” โจอี้พูดขึ้น
“ถ้าปารีสมา
ฉันต้องคุยกับเขาหน่อยหล่ะ”
ลินน์รีดพูดขึ้น
ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง นนท์และคนอื่นๆก็พยายามหาทางเข้าไปยังโกดังแห่งนี้
ซึ่งพวกเขาคาดว่าตัวประกันจะโดนจับที่นี่
“แน่ใจนะว่าพวกเขาอยู่ที่นี่หน่ะ” ฟรองเกอร์ถามนนท์ไป
“แน่ใจดิ
โกดังนี้พวกมันดูจะคุมเข้มนี่หน่า” นนท์พูดขึ้น
“ว่าแต่
เราจะเข้าไปได้ยังไงหล่ะ”
ซานะพูดขึ้น
แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆก็มีมือๆหนึ่งมาแตะที่ไหล่ของนนท์ด้านหลัง
นนท์รีบหันไปทันทีอย่างตกใจ
“ไงนนท์
ไม่เจอกันนานเลย สบายดีนะ”
“รุ่นพี่นาโอมิ
มาทำอะไรที่นี่ครับ”
“ฉันมาเยี่ยมนาย
แล้วก็มาดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่นั่นแหละ ว่าแต่
คนที่นอนอยู่นั่นฝีมือพวกนายใช่เปล่า” นาโอมิถามไป
“ก็นิดหน่อยหน่ะค่ะ
ว่าแต่ที่เม็กซิโกเป็นยังไงบ้างคะ” ซานะถามไป
“ตอนนี้กำลังหนักเลย
แต่ช่างมันเถอะ ว่าแต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
“มีตัวประกันโดนจับที่นี่หน่ะครับ” ฟรองเกอร์พูดขึ้น
“เดี๋ยวฉันลองไขประตูดูแล้วกัน”
นาโอมิหยิบมีดพกของเธอแล้วค่อยๆสะเดาะกลอนประตู
จากนั้นไม่นานประตูก็เปิดออก
“เอาหล่ะ
ค่อยๆตามพี่มานะ”
นาโอมิค่อยๆนำหน้าพวกของนนท์
แล้วค่อยๆแอบเข้าไปด้านใน เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง
พวกเขาก็พบกับครอบครัวชาวเอเชียนับร้อยชีวิตที่โดนจับเป็นตัวประกัน
พร้อมด้วยชายฉกรรจ์ถืออาวุธคอยคุมพวกเขาอยู่ชนิดที่ว่าไม่ยอมให้ใครขยับอะไรเลย
“ดูทรงแล้ว
พวกมันน่าจะมีเป็นสิบเลย อาวุธครบมือด้วย” นาโอมิพูดขึ้น
“ผมว่านะ
ค่อยๆเล่นงานพวกมันทีละคนดีกว่า” นนท์พูดขึ้น
“นั่นสิ
ไม่น่าจะยากเย็นอะไรนะ” ฟรองเกอร์พูดเสริม
“ถ้าอย่างงั้นก็ลุยเลยดีกว่า” ซานะพูดขึ้น
จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปช่วยตัวประกันในทันที
ละอีกด้านหนึ่ง
ในขณะที่ลินน์รีดกำลังคุยกับดันเต้อยู่ จู่ๆไม่นานนัก ปารีสก็กลับมาในทันที
จากนั้นเขาก็เดินมาหาลินน์รีดในทันที
“ลินน์รีด
เพิ่งจะมางั้นเหรอ ก็ดีเหมือนกัน”
“ปารีส นายกำลังจะทำให้เรื่องมันแย่ลงนะ” ลินน์รีดพูดขึ้น
“ฉันกำลังจะช่วยคนของฉัน
ถ้าเธอไม่อยากช่วยก็ไม่เป็นไรก็ได้นะ” ปารีสพูดขึ้น
“เฮ้ย
นี่แกไม่รู้เหรอ พวกเคมเปนไตกับทหารล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว แล้วถ้าแกจะหนีทางเรือ
ป่านนี้กองเรือญี่ปุ่นคงปิดท่าเรือนี้ไว้หมดแล้วหล่ะ” อลาวดี้พูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วง
ฉันไม่ยอมให้พวกมันมาตลบหลังฉันหรอก เฮ้ย ดันเต้ ไปลากพวกมันมาคนนึงดิ”
ดันเต้ได้ยินดังนั้นจึงเดินเข้าไปในโกดัง
จากนั้นก็พาผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาหาปารีส ปารีสพาผู้หญิงคนนั้นออกไปในทันที
ส่วนด้านใน พวกของนนท์ก็ค่อยๆจัดการกับยามที่ติดอาวุธ
แล้วไปคุยกับตัวประกันด้านในทันที
“นี่คุณ
เป็นยังไงบ้างครับ”
“ผมไม่เป็นไร
แต่มันจับเมียผมไปแล้ว ช่วยเมียผมด้วยครับ” นนท์ได้ยินดังนั้นก็เป็นกังวลแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากในตอนนี้
ทางด้านของปารีส
ปารีสพาหญิงสาวคนนั้นเดินออกไปเจรจากับหน่วยเคมเปนไตที่ปิดล้อมท่าเรือไว้หมดแล้ว
เขาพาเธอออกมาแล้วพูดขึ้นในทันที
“คุณยามะดะ
เราต้องคุยกันหน่อย ปล่อยพวกของผมภายใน 20 นาที ไม่เช่นนั้นผมจะเผาโกดังนี้ทิ้งซะ”
“ใจเย็นๆ
พวกเขากำลังพาตัวมา ไม่เกิน 10 นาที”
ยามะดะตะโกนกลับไป หลังจากนั้นไม่ถึง 5 นาที ขบวนรถบรรทุกนักโทษก็ขับมาถึงยังที่หมาย
จากนั้นพวกเขาก็พานักโทษลงจากรถมา ยามะดะรีบตรวจเช็คพวกเขาในทันทีเมื่อพวกเขามาถึง
“อืม
ส่งคนให้พวกมัน จากนั้นก็ตามไล่ล่าพวกมัน”
“ท่านครับ
เราติดต่อกองทัพเรือให้เตรียมปิดล้อมท่าเรือแล้วครับ
อีกไม่นานทัพบกจะส่งฮอมาช่วยครับ”
“ให้พวกมันปล่อยตัวประกันไปให้หมด
แล้วค่อยจัดการพวกมัน”
หลังจากที่พวกเขานัดแนะแผนการกันเสร็จ
ยามะดะก็พาตัวนักโทษไปหาปารีส ซึ่งปารีสเห็นก็พูดข้น
“ยามะดะ
แกต้องมากับพวกเขาด้วย”
“ได้
แต่ปล่อยตัวประกันมาก่อนสิ”
ปารีสให้สัญญาณในทันที จากนั้นพวกเขาก็ปล่อยตัวประกันออกมาบางส่วน
แล้วตัวประกันรีบไปหาตำรวจในทันที
“ทำไมแกไม่ปล่อยมาให้หมด” ยามะดะถามไป
“ผมจะปล่อยพวกเขาทั้งหมด
ต่อเมื่อผมแน่ใจว่าไม่มีใครตามล่าตัวผม โดยที่คุณต้องมาเป็นตัวประกันด้วย”
“ก็ได้
ใจเย็นๆก็แล้วกัน”
ยามะดะรีบยกมือขึ้นแล้วไปหาปารีส
จากนั้นปารีสก็จับตัวยามะดะเอาไว้ แล้วพวกเขาก็พาเขาเข้าไปด้านในโกดังทันที
ครอบครัวชาวเอเชียก็ค่อยๆออกจากโกดังไป และนักโทษก็ค่อยๆถูกปล่อยตัวมาทีละส่วน
จนมาถึงจุดหนึ่ง ก็เหลือแค่ไม่กี่ครอบครัวที่ปารีสยังคุมตัวไว้อยู่
แล้วก็ตัวยามะดะด้วย
กลับมายังด้านในโกดัง
พวกของนนท์ยังคงซ่อนตัวอยู่ไม่ยอมให้ใครรู้
โดยที่นนท์พยายามพาครอบครัวที่เหลือออกไปยังประตูด้านหลัง แต่ในตอนนั้นเอง
ในระหว่างที่นนท์กำลังช่วยเหลือครอบครัวๆหนึ่ง เขาก็โดนปืนจ่อที่หัวในทันที
“อยู่เฉยๆ
อย่าขยับด้วย”
พวกมันลากตัวนนท์ออกไปด้านนอก จากนั้นก็ลากเขาลงกับพื้นในทันที
“นนท์
นี่นายทำอะไรเขาเนี่ย” ลินน์รีดถามปารีส
“เราเห็นไอ้บ้านี่แอบเข้ามาในโกดังด้วย” ชายคนหนึ่งที่จับนนท์มาก็บอกไป
“ฆ่ามันทิ้งซะเลย” ปารีสพูดขึ้น
“อย่า
อย่าทำให้เหตุการณ์มันแย่ลงกว่านี้เลย” ลินน์รีดพูดขึ้น
“เธอห่วงอะไรมัน
บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ หรือว่าชอบมัน”
ในขณะเดียวกัน ฟรองเกอร์
ซานะและนาโอมิก็มองดูเหตุการณ์ที่ด้านใน พวกเขาก็เห็นนนท์กำลังโดนจับตัวไว้อยู่
พวกเขาตกใจมากที่นนท์โดนจับได้
“นนท์
ไม่นะ ทำอะไรหน่อยสิ” ซานะพูดขึ้นอย่างใจร้อน
“ใจเย็นก่อนน่า
พวกมันไม่ทำอะไรเขาหรอก” นาโอมิพูดขึ้น
“ใช่
รีดไม่ยอมให้นนท์เป็นอะไรหรอก” ฟรองเกอร์พูดเสริม
“ปล่อยตัวประกันไปเถอะ
แล้วนายจับฉันไปแทน พ่อฉันเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพในประเทศไทย” นนท์พูดกับปารีส
“งั้นเหรอ
พอดีเลย งั้นมึงมากับกูเลย”
ปารีสรีบจับตัวนนท์เอาไว้ จากนั้นก็ค่อยๆปล่อยตัวครอบครัวชาวเอเชียต่อไปทั้งหมด
โดยที่บรรดานักโทษก็ค่อยๆถูกปล่อยตัวมาด้วย
หลังจากที่พวกเขาแลกเปลี่ยนตัวประกันเรียบร้อย
พวกเขาก็พาตัวนนท์และยามะดะไปยังท่าเรือที่หนึ่ง โดยที่ยามะดะพูดกับนนท์ไปด้วย
“น้องชาย
อดทนไว้ เดี๋ยวทัพเรือก็ล้อมที่นี่ไว้แล้ว”
“ก็ขอให้มันเป็นแบบนั้นเถอะครับ”
“เฮ้ย
พวกมึงอย่าพูดมาก รีบไปขึ้นเรือเร็ว” ปารีสพูดขึ้นจากนั้นก็พยายามจะพาพวกเขาทั้งคู่ขึ้นเรือ
ทางด้านของลินน์รีดและอลาวดี้ พวกเขาทั้งคู่แทบจะคลั่งกับการกระทำของปารีส
ในตอนนั้นเองซานะก็โผล่ออกมาเพื่อออกไปหาลินน์รีดในทันทีเพื่อไปขอให้เธอช่วย
“รีดด์
พวกมันจับตัวนนท์ไปแล้ว”
“ฉันรู้
ฉันพยายามหาทางแก้อยู่เนี่ย” ลินน์รีดพูดขึ้น
“ตอนนี้เราต้องรอให้พวกนั้นสลายกองกำลังไปก่อน
แต่อีกไม่นานกองเรือตรวจการณ์ต้องมาที่นี่แน่ๆ” อลาวดี้พูดขึ้น
“กองเรือตรวจการณ์ที่
130 แน่ๆ หน่วยนี้ไม่มีทางจับเป็นแน่ๆ” นาโอมิพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นนนท์ได้ตายแน่ๆเลยแบบนี้” ฟรองเกอร์พูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นตามฉันมาเลย” ลินน์รีดพูดขึ้น
จากนั้นเธอก็นำทางพวกเขาไปหาปารีสที่กำลังจับตัวนนท์ไป เมื่อเรือที่ปารีสรอมาถึงท่าเรือ
พวกของปารีสก็เตรียมพร้อมนัดแนะแผนการเพื่อหลบหนีในทันที
“เฮ้ย
ให้พวกเราบางส่วนหนีไปทางบกนะเว้ย แล้วไปรวมตัวกันที่เขตปลอดภัย”
“ได้เลยพี่
ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน”
แต่ในขณะเดียวกัน
พวกเขาก็พบกับกองเรือตรวจการณ์ที่ใกล้เข้ามายังท่าเรือ
พวกเขาตกใจอย่างหนักเนื่องจากมีกองเรือมาตามล่าเขา
“ชิบหายแล้ว
พวกเราโดนล้อม”
นนท์ขัดขืนพวกนั้นออกมาแล้วแย่งปืนจากปารีส
เขายิงสวนพวกนั้นแต่ไม่โดนอะไร
ในตอนนั้นเองยามะดะก็ขัดขืนพวกมันออกมาได้จากนั้นก็กระโดดลงน้ำไป
ส่วนนนท์ก็โดนยิงเฉี่ยวที่แขนจนผลัดตกลงน้ำไปต่อหน้าลินน์รีด พวกกองเรือตรวจการณ์ก็ระดมยิงใส่พวกของปารีสอย่างหนัก
ทำเอาพวกนั้นถึงกับแตกกระเจิงหนีไปคนละทิศหล่ะทาง จากนั้นไม่นาน
หน่วยรบพิเศษและเคมเปนไตหลายนายก็บุกเข้ามาแล้วคลี่คลายสถานการณ์ทั้งหมด
ลินน์รีดรีบวิ่งไปดูจุดที่นนท์ตกน้ำในทันที
เธอไม่รอช้ารีบกระโดดลงน้ำแล้วไปช่วยเหลือเขาในทันที จากนั้นไม่นานเธอก็พานนท์ขึ้นมาโดยที่นาโอมิมาช่วยดึงเขาเอาไว้ด้วย
“นนท์
ทำใจดีๆไว้นะ”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก” นนท์ตอบกลับไป
“ฉันจะไปเรียกหมอให้นะ” นาโอมิวิ่งไปหาหน่วยรบพิเศษแถวนั้นจากนั้นก็ไปเรียกหน่วยพยาบาลมาในทันที
หน่วยพยาบาลมาดูอาการของนนท์ในทันที
“โชคดีนะที่โดนแค่เฉี่ยวๆ
ต้องพาไปทำแผลหน่อยหล่ะ”
หมอคนหนึ่งพานนท์ขึ้นเตียงพยาบาล
จากนั้นพวกเขาก็พานนท์ไปรักษาในทันที อีกด้านหนึ่ง ยามะดะก็ว่ายน้ำขึ้นมาหลังจากที่กองกำลังมาถึง
พวกเขารีบช่วยยามาดะขึ้นมาในทันที
“ท่านครับ
ปลอดภัยแล้วนะครับ”
“เออๆ
ตามล่าพวกมันให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”
“ครับท่าน”
กลับมายังอพาร์ทเม้นท์ลึกลับ
แหล่งกบดานของกลุ่มกบฏที่เดิม หลังจากที่เกิดเรื่องกับปารีสและพรรคพวก
พวกเขาก็รีบเก็บของในอพาร์ทเม้นท์แห่งนั้น
เพื่อที่จะหลบหนีจากการตามล่าของหน่วยเคมเปนไต
ซึ่งคุณย่าออลเรียสจะต้องเป็นหนึ่งในคนที่จะต้องหลบหนีไปยังเขตเป็นกลางด้วย
“นี่เราต้องรีบไปขนาดนี้เลยเหรอ”
“ใช่ครับคุณย่า
พวกนั้นกำลังจะมาค้นที่นี่แล้ว”
“แล้วลินน์รีดกับคนอื่นๆหล่ะ” คุณย่าออลเรียสถามไป
“พวกเธอเอาตัวรอดได้อยู่แล้วน่าครับ”
หลังจากนั้นไม่นาน โจอี้และดันเต้ที่เพิ่งจะหนีรอดกลับมาได้
พวกเขารีบมาบอกกับสมาชิกทุกคนในนั้นให้รีบไปจากที่นี่ทันที
“ทุกคน
ปารีสฝากมาบอกว่าเราต้องไปจากที่นี่ก่อนคืนนี้ ด่วนเลยครับ”
“แล้วลินน์รีดหล่ะ
เธอไปอยู่ที่ไหน” คุณย่าออลเรียสถามไป
“ผมไม่รู้
เราหลงกันต่อพวกมันบุกเข้ามาครับ”
“ลินน์รีดเอาตัวรอดได้อยู่แล้วครับ” ดันตพูดเสริมโจอี้
“แล้วปารีสมันจะมาตอนไหนหล่ะวะ” ชายคนหนึ่งที่เก็บของอยู่แถวนั้นพูดขึ้น
“เดี๋ยวเขามา
ใจเย็นๆ ตอนนี้รีบไปก่อนเร็ว”
พวกเขารีบเก็บของกันเท่าที่พอจะเก็บได้
โดยที่ดันเต้และโจอี้เป็นคนพาคุณย่าออลเรียสออกไปขึ้นรถที่อยู่ด้านนอก
หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกรถไปจากอพาร์ทเม้นท์นั้นในทันที
ณ เมืองเว้ อินโดจีน เวียดนาม
โกโร่ขับรถมาเรื่อยๆเพื่อเดินทางไปยังกรุงฮานอยซึ่งกำลังวุ่นวาย
พวกเขาขับรถโดยที่มองเห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดของไทยบินเข้าบินออกเวียดนามทางเหนือทุกวัน
เสียงระเบิดดังกึ้กก้องไปทั่วทั้งดินแดน
โกโร่กับซุนกิวเห็นเหตุการณ์ก็คุยกันในทันทีถึงสถานการณ์ในตอนนี้
“ถล่มทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ใครจะรอดวะ” โกโร่พูดขึ้น
“อย่าดูถูกพวกมันนะเว้ย
พวกนี้มันเก่งมาก” ซุนกิวพูดขึ้น
“ดูเหมือนนายจะมีสายข่าวเยอะอยู่นี่นะ” โกโร่พูดขึ้น
“ก็นิดหน่อยหล่ะ
ฉันเคยติดต่อกับหน่วย 707 นี่หน่า” ซุนกิวตอบไป
“อ้อ
หน่วยรบพิเศษจอมโหดนั่นหน่ะเหรอ ได้ยินว่าพวกเขากำลังจัดการสถานการณ์ในจีนนี่หน่า”
“ใช่
นายพลพักตอนนี้กุมอำนาจไว้หมดแล้วหล่ะ”
“เฮ้อ
แมนจูกัวเนี่ย ทำไมต้องให้นายเกาหลีนี่มาปกครองด้วยน้า” โกโร่พูดขึ้น
“ใจเย็นๆพวก
เดี๋ยวใครได้ยิน”
“เอาเถอะ
เดี๋ยวก็เข้าเมืองเว้หล่ะ แถวนี้ได้ยินว่ายังปลอดภัยอยู่”
“ใช่ๆ
ได้ยินว่านายพลเหงียนเกาโลนกำลังตรึงกำลังไว้อยู่นี่” ซุนกิวพูดขึ้น
“อืม
ฉันไม่เข้าใจว่าทางญี่ปุ่นทำไมถึงไม่ส่งกำลังมาช่วยหล่ะ” โกโร่พูดขึ้น
“ให้เดานะ
ฉันว่าทางการไทยคงกำลังโชว์ศักยภาพทางการทหารให้ประเทศอื่นๆดูอยู่
ได้ยินว่าปัญหาของพวกเขากับญี่ปุ่นเริ่มก่อตัวขึ้นนี่” ซุนกิวพูดขึ้น
“เอาเถอะ
ยังไงก็รอดูก็แล้วกัน”
โกโร่ขับรถไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าสู่เมืองเว้ได้สำเร็จ
จากนั้นพวกเขาก็ขับรถไปพักผ่อนในโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งพวกเขาได้จองที่พักเอาไว้แล้ว
ณ เขตมิชิแกน สหรัฐอเมริกา เขตปกครองตัวเอง
โซลขับรถหลบหลีกการตามล่าของกลุ่มต่อต้านจากถนนหลัก
แล้วเบนรถเข้าไปยังเขตป่าแห่งหนึ่งซึ่งขับเข้าไปตามเส้นทางที่ค่อนข้างจะทุรกันดาร
จากนั้นไม่นานเขาก็จอดรถเอาไว้ในป่าแถวนั้น จากนั้นพวกเขาก็เดินป่าต่อไปเพื่อตามหากลุ่มต่อต้าน
เพื่อแทรกซึมไปเล่นงานไวเวิร์น เขาเดินทางไปเรื่อยๆจนกระทั่วเขามาเจอกับชายสามคนซึ่งถืออาวุธครบมือซึ่งเดินลาดตระเวนไปมาแถวนั้น
โซลหาที่หลบแถวต้นไม้แถวนั้นก่อนในทันที เพื่อดูท่าทีของพวกนั้น และฟังการสนทนาของพวกมันด้วย
“เฮ้ย
แกว่าไอ้บ้านั่นมันจะผ่านมาทางนี้หรือเปล่าวะ”
“ไม่รู้ดิ
ไวเวิร์นจะให้ตามล่าชายเอเชียคนหนึ่งที่จะมาแถวนี้ คงเดินหากันวุ่นหน่ะ”
“แล้วแต่ทำไมคุณไวเวิร์นต้องตามล่าเขาหล่ะ”
“ก็มันฆ่าคุณคาเรนหน่ะสิ
ได้ยินว่าเผาบ้านหมดด้วย”
“ระยำเอ้ย
อย่าให้ฉันเจอมันหล่ะ”
ในตอนนั้นเอง
พวกนั้นเดินทางไปเรื่อยๆจนพวกมันได้เจอรถคันหนึ่งที่ใครบางคนขับมาจอดเอาไว้
พวกนั้นเดินมาสังเกตความผิดปกติในทันที
“เฮ้ย
นี่มันรถใครวะ”
“นั่นดิ
ไม่มีใครมาจอดในป่าแน่ๆ ไม่แน่มันอาจจะอยู่แถวนี้ก็ได้ ตามหามันเลย”
พวกมันค่อยๆเดินลาดตระเวนแถวนั้นเพื่อออกตามล่าชายเจ้าของรถ
แต่ในตอนนั้นเองโซลก็ค่อยๆจัดการพวกมันทีละคนไปเรื่อยๆจากคนแรก
เมื่อพวกมันเริ่มหายไปทีละคน อีกคนก็เริ่มสงสัยว่าเพื่อนเขาหายไปไหน
“เฮ้ย
พวกมึงอยู่ไหนวะ”
เขาชักปืนออกมาแล้วเล็งปืนไปทางซ้ายทีทางขวาทีอย่างกล้าๆกลัวๆ
แต่ก็ยังจับปืนไว้แน่นไม่ยอมปล่อยไปไหน แต่ในขณะนั้นเอง
“ฉึก”
มีมีดเล่มหนึ่งมาปักที่กลางอกเขา
ทำให้เขาถึงกับทิ้งปืนลงในทันที จากนั้นโซลก็วิ่งเข้ามาหาตัวเขา
จากนั้นก็จับที่มีดเอาไว้แล้วบิดไปบิดมา
“ไอ้ไวเวิร์นมันอยู่ที่ไหน”
“มึงไม่มีวันรู้หรอก”
โซลไม่รอช้าชักมีดออกมา
จากนั้นก็เก็บมีดและปืนของมันไปจนหมด
ปล่อยให้มันเลือดไหลจนหมดตัวแล้วตายไปองในป่าแห่งนั้น
กลับมายังที่มั่นของไวเวิร์นและพรรคพวก
หลังจากที่พวกเขาถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มอย่างหนัก
พวกเขาก็รีบมาตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพวกเขา สภาพค่ายของพวกเขาในตอนนั้นแทบจะไม่เหลือชิ้นดี
ซากที่พักที่สร้างจากไม้แหลกเป็นผุยผง คนบาดเจ็บและนอนตายเกลื่อน
ไวเวิร์นรีบไปดูอาการของคนเจ็บในทันที
“อดทนไว้นะ
เจนนี่ เรียกหมอมาเร็ว” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“ตอนนี้หมอกำลังยุ่งอยู่
เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง” เจนนี่วิ่งมาดูอาการของชายคนนั้น
เธอดูอาการเรียบร้อยจึงฉีดมอร์ฟีนให้กับเขา จากนั้นก็พาไวเวิร์นออกไป
“เขาไม่รอดแล้วไวเวิร์น”
“เฮ้ย
ไวเวิร์น เราต้องการให้ช่วยทางนี้หน่อย” โบซอลตะโกนเรียก
จากนั้นเขาก็รีบวิ่งมาหาโบซอลในทันที
“เป็นยังไงบ้างวะ”
“หนักเลยหว่ะ
คนของเราเจ็บเป็นร้อย บ้านพังเสียหายอีกหลายหลังเลย” โบซอลพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นพาคนเจ็บไปรักษาตรงนั้นก่อนเลย”
“ไม่รู้ว่ายาพวกเราจะพอหรือเปล่านะ” เจนนี่พูดขึ้น
“นี่
บอกกับทุกคนด้วย เก็บยาช่วยคนที่พอจะช่วยได้ ส่วนคนที่ช่วยไม่ได้
ฉีดมอร์ฟีนให้พวกเขา จะได้สบาย” โบซอลพูดขึ้น
“ดูเหมือนว่าพวกเราคงต้องทำอะไรหน่อยหล่ะ” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“ทำยังไงหล่ะ
ตอนนี้กำลังคนของเรายังทำอะไรไม่ได้หรอกนะ” เจนนี่พูดขึ้น
“เราต้องการปืนต่อสู้อากาศยาน
ขอเยอะๆเลย” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“ลำบากมาก
ป่าแถวนี้มีต้นไม้สูง อาจจะทำให้ระยะยิงน้อยลงนะ” โบซอลพูดขึ้น
“นายเห็นเขาตรงนั้นหรือเปล่า” ไวเวิร์นชี้ไปยังภูเขาลูกหนึ่ง
ซึ่งอยู่ข้างๆกับพวกเขา
“ภูเขาแถวนั้นเป็นที่โล่งด้านบน
ถ้าหาปืนมาตั้งได้จะดีมากเลย” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“ก็ดีนะ
แต่ว่าเราจะหาจากไหนได้หล่ะ” เจนนี่พูดขึ้น
“เราน่าจะติดต่อโรงงานอาวุธของพวกเรานะ” โบซอลพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นฉันจะลองเขียนจดหมายถึงพวกเขาดู” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“แล้วที่ค่ายเราจะเอายังไงต่อหล่ะ” เจนนี่ถามไป
“รักษาคนเจ็บ
สร้างค่ายกันใหม่ ที่เหลือค่อยว่ากันก็แล้วกัน”
“ได้เลย
ตามนั้น”
โบซอลพูดขึ้นก่อนที่จะเดินออกไปจัดการตามที่ไวเวิร์นสั่ง
กลับมายังแนวกำแพงชายแดนมิชิแกน
แองเจลล่าก็เดินทางไปตรวจสอบการสร้างกำแพงที่เธอต้องการสร้าง
แล้วก็ยังเดินทางไปตรวจสอบที่ทะเลสาบที่พวกเขาเพิ่งจะให้สร้างท่าเรือ
เพื่อให้เรือตรวจการณ์สามารถเข้าเทียบท่าได้ เธอรีบไปตรวจสอบท่าเรือในทันทีหลังจากที่สร้างไปได้ซักพัก
“ตอนนี้ท่าเรือเป็นยังไงบ้าง” แองเจลล่าถามลูกน้องของเธอ
“อ่า
ตอนนี้ดำเนินการไปได้ 75%
แล้วครับ”
“อืม
แล้วเรื่องเรือตรวจการณ์นี่ไปถึงไหนแล้วหล่ะ”
“ติดต่อเรียบร้อยแล้วแล้วครับ
ทางทัพเรือจะส่งมา 5 ลำครับ”
“อืม
ให้เรือ 5 ลำออกลาดตระเวนเป็นระยะๆ ยังไงพวกมันก็ว่ายข้ามมาไม่ได้หรอก” แองเจลล่าพูดขึ้น
“คิดว่าพวกมันจะทำลายกำแพงนี้ได้หรือเปล่าครับ”
“ต่อให้พวกมันทำ
เราก็รู้ตัวก่อนอยู่แล้วนี่” แองเจลล่าพูดขึ้น ในขณะเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นมาจากฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง
พวกเขาถึงกับตกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เครื่องบินมาถล่มอีกแล้วเหรอครับ” ทหารคนนั้นถามไป
“ไม่หรอก
คราวนี้น่าจะเป็นปืนใหญ่อ่ะนะ” แองเจลล่าพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน
ทหารคนหนึ่งก็วิ่งมาหาแองเจลล่าพร้อมโทรศัพท์ติดต่ออย่างเร่งรีบ
“คุณแองเจลล่าครับ
โทรศัพท์จากท่านนายพลสติฟท์ครับ” แองเจลล่ารีบรับโทรศัพท์ในทันที
“ค่ะท่าน
เย็นนี้เลยเหรอคะ ได้ค่ะ”
แองเจลล่ารับคำสั่งแล้ววางสายไป
ณ แม่น้ำโวลก้า สตาลินกราด รัสเซีย
กลุ่มของเรซนอร์ฟก็ขับรถมาถึงในไม่กี่อึดใจ แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือเมืองที่โดนทำลายล้างอย่างหนัก
เศษซากหลังการถูกทิ้งระเบิดช่างไม่ต่างกับการรบที่สตาลินกราดในครั้ง
ซึ่งคราวนี้พวกเขาได้ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่พลาดแบบคราวที่แล้วแน่ๆ
“โห
นี่มันไม่ต่างกับที่ฉันเจอมาตอนรบคราวที่แล้วเลย” ดาโกวิชพูดขึ้น
“ดูเหมือนว่าพวกมันเพิ่งจะทิ้งระเบิดกันนะ” เรซนอร์ฟพูดขึ้น
และในขณะเดียวกัน มีเรือลำหนึ่งแล่นเข้ามายังท่าเรือซึ่งเป็นครอบครัวๆหนึ่ง มีพ่อ
แม่ และลูกสาวคนเล็กหนึ่งคนที่ถือตุ๊กตาของเธอ เรซนอร์ฟและพรรคพวกรีบเข้าไปถามพวกเขาในทันที
“คุณครับ
ด้านในเป็นยังไงบ้างครับ”
เอลซาร์วินด์ถามไป
“โดนทิ้งระเบิดทุกวันเลย
เราต้องอพยพออกมาครับ”
“แล้วด้านในสถานการณ์รบเป็นยังไงบ้าง” เรซนอร์ฟถามไป
“ตอนนี้พวกเขายังตรึงกำลังไว้อยู่หน่ะค่ะ
แต่พวกเราแทบจะไม่เหลือเสบียงแล้วค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้นพวกเราขอเรือพวกคุณได้หรือเปล่าครับ
แลกกับรถของพวกผมก็ได้” เรซนอร์ฟถามไป
“ได้เลยครับ
เอาไปเลยครับ”
เรซนอร์ฟยื่นกุญแจรถให้พวกเขา
จากนั้นพวกเขาก็รีบขึ้นรถในทันที
ส่วนพวกเขาก็ไปขึ้นเรือเพื่อเตรียมข้ามฝั่งไปยังสตาลินกราดในทันที
“โห
บรรยากาศมันคุ้นเคยยังไงไม่รู้สิ” ดาโกวิชพูดขึ้น
“ถ้าปกติมันต้องมีเครื่องบินมาบนโฉบนี่หน่า” เอลซาร์วินด์พูดขึ้น
แต่พูดยังไม่ทันขาดคำ พวกเขาก็เห็นเครื่องบินเจ็ทขับไล่ลำหนึ่งบินสำรวจแถวนั้น
เมื่อพวกเขาเห็นเรือของเรซนอร์ฟและพรรคพวก
มันก็หันลำมายังพวกเขาแล้วพยายามยิงจรวดใส่พวกเขาในทันที
“ตู้ม”
จรวดลูกแรกเฉียดเรือไป
แต่พวกเขาก็ยังขับเรือต่อไปเพื่อเข้าฝั่ง แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาคงจะหลบหลีกเครื่องบินลำนั้นไม่ได้แล้ว
“ทุกคน
พอใกล้ถึงฝั่ง พอได้สัญญาณแล้ว เตรียมโดดเลยนะ” เรซนอร์ฟพูดขึ้น
จากนั้นเครื่องบินลำนั้นก็ค่อยๆขับมาใกล้พวกเขา จากนั้นก็ปล่อยจรวดใส่พวกเขา
พวกเขาเร่งเรือสุดชีวิตเพื่อไปให้ใกล้ฝั่งที่สุด และเมื่อจรวดเข้ามาใกล้พวกเขา
“โดดเลย”
พวกเขาแยกย้ายกันกระโดดไปคนละทาง
“ตู้ม”
เรือลำนั้นระเบิดจนแทบจะหายไปทั้งลำ
ส่วนเรซนอร์ฟและพวกก็พากันรอดมาได้ แล้วรีบว่ายน้ำขึ้นฝั่งไปในทันที
กลับมายังเคปทาวน์ แอฟริกาใต้
มิคาอิลเดินไปพักในโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่ที่อยู่ในเขตของกลุ่มกบฏ
มิคาอิลเดินเข้าไปด้านในห้องพักของเขา
โดยที่เครื่องบินทิ้งระเบิดและเฮลิคอปเตอร์ก็บินมาทิ้งระเบิดใส่ทั้งวันทั้งคืน
ในตอนนั้นเองมิคาอิลก็แอบใช้กล้องส่องทางไกลมองออกไปด้านนอกเพื่อดูสถานการณ์รบในทันที
“ตอนนี้พวกอิตาลีคงมาถึงอียิปต์แล้ว” มิคาอิลพูดขึ้น
“ผมก็ว่างั้นแหละครับ
พวกมันทิ้งระเบิดทั้งวันทั้งคืนเลยครับ”
“ใช่
แต่อีกไม่นานพวกมันก็คงจะใช้กำลังคนบุกมาหล่ะ”
หลังจากนั้นไม่นาน เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอิตาลีก็ขับเฮลิคอปเตอร์นับสิบมาจอดแถวนั้น
จากนั้นพวกเขาก็เอาหน่วยรบของพวกเขาบุกเข้ามาด้านในตัวเมือง
มิคาอิลเห็นจึงรีบหยิบปืนแล้วให้ลูกน้องเอากระเป๋าไปในทันที
“คุณมิคาอิลครับ
ทางนี้ครับผม”
คนของอาบาตูซึ่งถูกส่งมารับมิคาอิลพาเขาลงไปชั้นล่าง
โดยที่พวกเขายิงสกัดทหารอิตาลีไปด้วย
มิคาอิลใช้ปืนพกยิงสกัดพวกมันไม่ให้เข้ามาใกล้กับเขา
จากนั้นเขาก็เดินทางไปยังท่าเรือในทันที
“คุณมิคาอิลครับ
รีบไปขึ้นเรือด่วนเลยครับ”
“แล้วอาบาตูหล่ะ” มิคาอิลถามไป
“เขาให้คุณหนีไปก่อนครับ
ตัวเขาจะสกัดพวกมันเอาไว้ครับ”
ลูกน้องของอาบาตูรีบพามิคาอิลไปขึ้นเรือที่ท่าเรือ
โดยที่ลูกน้องของมิคาอิลที่กำลังบรรทุกเสบียงลงไปบนเรือ
เมื่อพวกเขาเห็นมิคาอิลพวกเขาก็ขึ้นเรือไปในทันที ก่อนที่หน่วยรบพิเศษอิตาลีจะมาค้นโรงแรมเขา
แต่ยังไม่ทันจะค้นได้ทั่ว คนของอาบาตูก็นำกำลังบุกเข้ามาใหม่
ทำให้พวกเขาต้องหนีขึ้นไปยังเฮลิคอปเตอร์เพื่อถอนกำลังในทันที
กลับมายังทะเลทรายแห่งหนึ่ง ชายแดนคูเวต
กลุ่มของออร์ลินด้าได้เดินทางเข้ามายังเขตชายแดนเพื่อผ่านทางไปยังซาอุดิอาราเบีย
กลุ่มของออร์ลินด้าเดินทางเข้าไปยังด่านชายแดนในทันทีเพื่อขออนุญาตผ่านทางกับเจ้าหน้าที่
“สวัสดีครับ
มาจากไหนกันครับ”
“มาจากอิหร่านค่ะ
เราจะไปหาเพื่อนที่ซาอุค่ะ”
บาโธรี่พูดขึ้น
“ขอดูใบอนุญาตผ่านทางด้วยครับ”
ออร์ลินด้ายื่นหนังสือขอผ่านทางให้กับชายคนนั้น
จากนั้นพวกเขาก็ตรวจสอบเอกสารไปเรื่อยๆ และจู่ๆออร์ลินด้าก็เดินไปหาพวกเขาในทันทีพร้อมกล่องอะไรบางอย่าง
“นี่น่าจะพอสำหรับพวกคุณนะคะ” ออร์ลินด้าพูดขึ้น
จากนั้นพวกเขาก็เปิดกล่องนั้นขึ้นมา ก็พบว่าด้านในมีเหรียญทองคำและเพชรพลอยบางส่วน
พวกเขาดูตื่นเต้นกันมากจากนั้นก็เก็บไปในทันที
“เอาหล่ะ
ผ่านทางได้ครับ”
พวกเขาเปิดทางให้กับออร์ลินด้าและคาราวานของเธอ
จากนั้นพวกเธอก็เดินทางเข้าคูเวตกันต่อ
“ใจถึงดีนะคะคุณออร์ลินด้า” บาโธรี่พูดขึ้น
“นิดหน่อยหน่ะ
พวกนี้เห็นแก่เงินอยู่แล้วนี่”
“แล้วเราจะพักที่นี่ก่อนดีหรือเปล่าคะ” บาโธรี่ถามอีกครั้ง
“อืม
ถ้าก่อนเย็นเราไปไม่ถึงชายแดนซาอุ ค่อยหาที่พักเอาก็ได้” ออร์ลินด้าพูดขึ้นจากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องของเธอเดินทางกันต่อ
กลับมายังอาคะสึกิ คอปเปอร์เรชั่น
หลังจากที่อาคะสึกิเตรียมหลักฐานยื่นฟ้องศาลญี่ป่นในเขตแคลิฟอร์เนีย ในขณะเดียวกัน
เลขาของเธอก็เดินเข้ามาในห้องเพื่อคุยอะไรบางอย่างกับเธอ
“คุณอาคะสึกิคะ
มีคนมาขอพบค่ะ”
“เหรอ
บอกให้เขารอที่ด้านล่างก่อนนะ” อาคะสึกิบอกไป
“แต่เขาขึ้นมาแล้วนะคะ”
เลขาคนนั้นเดินออกไปในทันที
จากนั้นชายคนนั้นก็เดินเข้าไปในห้องของอาคะสึกิทันที
แล้วก็ถอดหมวกของเขาออกแล้วแขวนไว้แถวนั้น
“คุณอิชิโร่”
“อาคะสึกิ
คุณสบายดีนะ”
“นี่คุณมาหาฉันถึงที่นี่
แน่ใจเหรอว่าตำรวจจะไม่ตามมา”
“ไม่หรอก
ผมแอบมาคนเดียวหน่ะ ไม่ได้เข้าประตูหน้าด้วย”
“คุณมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า”
“ผมแค่จะมาเยี่ยมคุณหน่ะ
ได้ยินว่าคุณเจออะไรมาเยอะนี่ช่วงนี้” อิชิโร่ตอบไป
“ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรหรอก”
“ถ้าไม่รังเกียจผมขอดื่มชาที่นี่ซักพักก่อนนะ” อิชิโร่ไปนั่งที่โซฟาในห้องของเธอ
“ก็ได้
ถ้างั้นฉันจะให้เลขาเอาชาไปให้นะคะ” อาคะสึกิพูดขึ้น
จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไปในทันที
กลับมายังกรุงเบอร์ลิน
หลังจากที่มาเรียน่ากลับมาที่บ้านของเธอ เธอก็รีบลากกระเป๋าเข้าไปในบ้านทันที
โดยที่มีแม่บ้านคนหนึ่งเดินมาหาเธอ แล้วมาหยิบกระเป๋าของเธอไปด้วย
“คุณมาเรียน่าคะ
ฉันถือให้นะคะ”
“ขอบคุณค่ะป้าแพนนี่ ที่บ้านเราเป็นยังไงบ้างคะ” มาเรียน่าถามไป
“ตั้งแต่ท่านผู้นำตายไป
ละแวกนี้ก็เงียบเหงาเลยค่ะ”
“นั่นสินะ
ฉันเองก็เพิ่งจะหนีมาได้เหมือนกัน”
“หนีเหรอคะ
ใครทำอะไรคุณคะ”
“แค่พวกโจรเรียกค่าไถ่หน่ะ
ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูอยากนอนพักค่ะ”
“อ้อค่ะ
ถ้างั้นเชิญด้านในเลยค่ะ”
แพนนี่พามาเรียน่าขึ้นไปยังห้องนอนเดิมของเธอที่ชั้นสาม
ซึ่งแพนนี่ได้ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว มาเรียน่าเข้าไปในห้องทันที จากนั้นเธอก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอย่างสบายอารมณ์
จากนั้นเธอก็นอนพักในทันทีราวกับว่าเธอไม่ได้นอนมาหลายปี
กลับมายังเรือสำราญสัญชาติอินเดียซึ่งกำลังจะแล่นไปยังอเมริกา
หลังจากผ่านมาไม่กี่วัน เรือลำนั้นก็ค่อยๆแล่นเข้าใกล้ฮาวายไปทุกที ซวาตีได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ในเรืออย่างสบายใจ
และจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงประกาศมาตามสายๆหนึ่งประกาศไปยังส่วนต่างๆในเรือทันที
“ประกาศๆ
อีก ไม่กี่วันเราจะเข้าจอดเรือเทียบท่าที่ฮาวาย สหรัฐอเมริกา สำหรับใครที่จะลงที่ฮาวาย
ก็ขอให้แจ้งกับพนักงานได้เลยนะครับ เราจะจอดที่ฮาวาย 3 ชั่วโมง
ขอบคุณที่ใช้บริการกับเรือของเราค่ะ”
ซวาตีเดินออกไปหาอะไรกินที่นอกห้อง
ในตอนนั้นเองเธอถือโรตีมาอันหนึ่งจากนั้นก็เดินออกไปด้านนอกเรือ
เธอขึ้นไปบนกราบเรือเพื่อมองดูฮาวายจากบนเรือ เมื่อเธอมองไปด้านหน้า
เธอก็เห็นฮาวายมาแต่ไกล ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นมากๆ
เพราะนี่เป็นครั้งแรกของเธอที่เธอได้เห็นฮาวาย เธอมองไปซักพัก
จู่ๆเธอก็เห็นเครื่องบินรบหลายลำได้ขับแล่นผ่านพวกเธอไปอย่างหน้าตาเฉย เธอเห็นท่าไม่ดีเลยเข้าไปหลบด้านในเรือทันที
โดยที่คนในเรือก็เพิ่งจะเห็นเธอกลับมา
“อ้าว
กลับมาแล้วเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ
เครื่องบินพวกนั้นบินผ่านพวกเราอีกแล้ว”
“สงสัยจะไปเติมน้ำมันที่ฮาวายหน่ะ
ไม่ต้องตกใจหรอก”
ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นซวาตีก็เดินจากไป เธอได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่เหตุการณ์แบบนี้มันจะจบลงเสียที
ณ โรงพยาบาลแคลิฟอร์เนีย หลังจากที่รถพยาบาลของหน่วยฉุกเฉินที่พาตัวนนท์ขึ้นรถมาถึงที่
ลินน์รีดก็รีบแบกเขาไปหาหมอคิมในทันที โดยที่หมอคิมได้รับเรื่องแล้ว
เขาก็รีบวิ่งมาหานนท์ในทันที
“หมอคะ
นนท์โดนยิงมาค่ะ ช่วยด้วย” ซานะพูดขึ้น
“หือ
ถ้าอย่างงั้นรีบพาเข้าห้องผ่าตัดเลย”
หมอคิมรีบพาตัวนนท์เข้าไปในห้องผ่าตัดและทำแผล
โดยที่ทุกคนที่มากับนนท์ก็คอยอยู่หน้าห้องด้วยความเป็นห่วง
และรอดูว่าอาการของนนท์จะเป็นอย่างไรต่อไป
===================================================================
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ
ช่วงนี้จะพยายามหาเวลามาเขียนนะครัช
ความคิดเห็น