คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : EP 8 : สุขสันต์วันปีใหม่ (มีเรื่องจะแจ้งให้ทุกคนทราบ)
กลุ่มของตะวันรีบเดินทางกลับมายังที่พักของพวกเขา
ก่อนที่จะมืดค่ำซะก่อน พวกเขาเดินทางมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงที่พักของพวกเขา
จากนั้นพวกเขาก็เคาะประตูเป็นสัญญาณให้ทุกคนได้รู้แล้วเข้าไปด้านในทันที
นอร์รีน
: อ้าว ทุกคนกลับมาแล้ว เป็นยังไงกันบ้างหล่ะ // พวกเขาไม่พูดอะไรก่อนที่จะผ่านนอร์รีนไปเฉยๆ
บารีร่า
: นี่พวกพี่ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ทำไมดูเงียบๆจัง
ซีโร่
: ไปครั้งนี้เหมือนจะเสียเที่ยวเปล่าๆเลยหน่ะ
อนูวา
: ทำไมหล่ะ เกิดอะไรขึ้นที่เครื่องบินนั้นหล่ะ
ตะวัน
: ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ เราได้เสบียงมาด้วยหน่ะ
ยูจีน
: แต่พวกนั้นเอาส่วนแบ่งของเราไปตั้งเยอะ โคตรเจ็บใจเลย
ซิลเวีย
: ใจเย็นๆสิ อย่าเพิ่งใจร้อนไปสิยูจีน
อลัน
: ผมขอโทษด้วยที่พาทุกคนมาเสี่ยงด้วยกับผมหน่ะ
มิเชล
: อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ ดูๆไปเสบียงเราก็ได้มาพอสมควรอยู่นะ
เอสเทอร์
: แต่เท่าที่ดู มันมีพอให้พวกเราสำหรับวันเดียวนะ
แล้วพรุ่งนี้จะเอายังไงต่อหล่ะ
โทนี่
: พรุ่งนี้เราก็แค่ออกไปหาของต่อสิ ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลย
ซีโร่
: พี่อลิซครับ ผมมีนี่มาให้พี่ด้วย // ซีโร่ยื่นมีดพับสวิสสารพัดประโยชน์ที่จิ๊กมาได้ให้กับอลิซ
อลิซ
: โห เยี่ยมมาก ถ้าแบบนี้คงจะทำอะไรดีๆได้เยอะเลยหล่ะ
มิสซึ
: ใช่ๆ ตอนนี้เรามีทั้งที่กรองน้ำ ที่ประกอบอาวุธ
แล้วเรากำลังจะสร้างแปลงผักชั่วคราวด้วย
เอจิ
: ฉันว่า น่าจะสร้างกับดักสัตว์เล็กๆแถวนี้นะ
ฉันเห็นมันวิ่งรอบๆที่พักเราด้วย
ไลฟ์
: มีแต่หนูทั้งนั้น ฉันไม่ยอมกินมันหรอกนะเอจิ
นอร์รีน
: ไหนๆคืนนี้เราก็ไม่ต้องออกไปหาอาหาร
เราก็พักผ่อนให้เต็มที่ในคืนนี้ดีกว่านะครับ
มิเชล
: จริงด้วย นี่เป็นช่วงปีใหม่ด้วย พรุ่งนี้ก็ปีใหม่แล้ว
จากนั้นไม่นาน
พวกเขาก็แยกย้ายไปพักผ่อนที่ต่างๆ
ในคืนนี้พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะพักผ่อนกันอย่างเต็มที่ก่อนที่พรุ่งนี้จะต้องเผชิญชีวิตต่อ
ทางด้านของหน่วยดอว์นซอร์ด
หลังจากที่พวกเขาทำภารกิจสำเร็จ พวกเขาก็รีบกลับออกมาจากเขตของฝ่ายกบฏ
ก่อนที่กลุ่มของพวกเขาจะถูกตามล่า ในขณะที่พวกเขาหนีออกมาได้
ก็มีสัญญาณวิทยุดังมาจากเครื่องของพวกเขา
“หน่วยเหนือเรียกดอว์นซอร์ด เปลี่ยน”
อเล็กซานเดอร์
: นี่ดอว์นซอร์ดรับทราบ เปลี่ยน ภารกิจสำเร็จ
“ว่าแต่พวกนายเจอของที่อยู่ในนั้นหรือเปล่า เปลี่ยน”
ซิลเวสเตอร์
: เราระเบิดเครื่องบินจนไม่เหลือซาก คงไม่เจออะไรหรอก
“ดีมาก คราวนี้พวกนายกลับมาได้ เลิกกัน” จากนั้นสัญญาณก็หายไป
คาสเตอร์
: เสียดายหว่ะ ไม่ได้ยิงกับพวกแม่งแบบมันส์ๆเลยเนี่ย
อีริค
: อยากมันส์หรือเปล่าหล่ะเพื่อน กลับไปเขตพวกกบฏสิแหม่
เควิน
: ว่าแต่ ทำไมทางหน่วยเหนือถึงถามเรื่องนี้หล่ะ
อเล็กซ่า
: ช่างมันเถอะ ไม่น่าสำคัญอะไรหรอก ว่าแต่พรุ่งนี้ก็ปีใหม่แล้วนี่
คาสเตอร์
: จริงด้วย หัวหน้า ไหนๆก็จะปีใหม่แล้ว คืนนี้เราขอดื่มหน่อยนะครับ
อีริค
: นั่นสิครับหัวหน้า ผมไม่ได้ดื่มอะไรมานานแล้ว
อเล็กซานเดอร์
: ได้สิ ฉันเองก็อยากผ่อนคลายอยู่เหมือนกัน
ซิลเวสเตอร์
: ว่าแต่พวกนายมีอะไรดื่มกันแล้วอย่างงั้นเหรอ
เควิน
: ผมไปจิ๊กเหล้าจากพวกบฏมาได้ น่าจะพอแบ่งพวกเรานะครับ
อเล็กซ่า
: ใครจะกินก็กินไปนะ ฉันขอนอน ไม่ไหวหล่ะ
จากนั้นพวกเขาก็เดินทางหาที่ปลอดภัยสำหรับพักผ่อนในคืนพิเศษคืนนี้
บนเครื่อง
C-130
สัญชาติไทย หลังจากที่เครื่องแล่นมาใกล้จะถึงจุดกระโดดร่ม หน่วยรบพิเศษไทยก็รีบให้สัญญาณกับคนอื่นๆ
เพื่อเตรียมการโดดร่มทันที
“อีก 3 นาทีจะถึงเป้าหมาย” ลูกเรือในนั้นตะโกนบอกพวกเขา
“เอาหล่ะทุกคน พอผมให้สัญญาณ กระโดดได้เลยนะครับ”
เมื่อเครื่องบินแล่นไปได้ซักพัก
ลูกเรือก็ให้สัญญาณโดดร่มในทันที
“เอาหล่ะ ไปๆๆๆ”
พวกเขากระโดดร่มกันทีละคน
ไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงคนสุดท้าย จากนั้นเองเครื่องบินก็หันหัวเลี้ยงกลับไปยังทางเดิมที่จากมา
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็ลงมาถึงพื้นอย่างปลอดภัย
อรุณ
: เอาหล่ะทุกคน ปลอดภัยกันนะ
เดชา
: ครับหัวหน้า ตอนนี้เราจะเอายังไงต่อครับ
เจตนา
: นี่พวก เอาแผนที่มาดูได้หรือเปล่า ตอนนี้เราอยู่ไหน
เนตรหยิบอุปกรณ์แผนที่ของเขามาดู
จากนั้นก็ดูว่ากลุ่มเขาอยู่ที่ไหน
เนตร
: เอาหล่ะ ตอนนี้เราอยู่ตรงนี้ เป้าหมายของเราอยู่ห่างออกไปประมาณ 10
กิโลหน่ะ
จินตโล
:
10 กิโลงั้นเหรอ เดินกันไกลเลยสิงานนี้
เดชา
: จะกลัวอะไรหล่ะ เดินไปแป๊ปเดียวก็ถึงแล้ว
อรุณ
: เอาหล่ะ ฉันว่าเราต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า
ไม่งั้นพวกมันอาจจะตามเรามา
เจตนา
: เห็นด้วยครับหัวหน้า ผมก็ชักเสียวๆหลังอยู่เนี่ย
จินตโล
: เนตร นายรีบไปสำรวจด้านหน้าก่อน ดูว่าปลอดภัยหรือเปล่า
เนตร
: ได้เลย เดี๋ยวฉันจะรีบมา // เนตรรีบวิ่งไปตรวจสอบเส้นทางด้านหน้า
จากนั้นก็ให้สัญญาณทุกคนตามเขามา
กลับมายังเขตเมืองโซราติก
เร็นและเอ็ดเวิร์ดก็เดินทางต่อเรื่อยๆ เพื่อที่จะหาความช่วยเหลือหรือของเพิ่มเติม
เผื่อว่าจะได้อะไรติดไม้ติดมือมาบ้าง
แต่พวกเขาทั้งคู่ก็ยังไม่ยอมละทิ้งภารกิจของเขาไป
พวกเขาเดินเข้าไปในเมืองเรื่อยๆโดยที่พวกเขาทั้งคู่ก็ปรึกษากันถึงเรื่องนี้
เร็น
: เฮ้อ เมื่อไหร่จะได้ไปทำงานของฉันซะทีเนี่ย
เอ็ดเวิร์ด
: เอาน่า ยังไงนายก็ได้ทำงานอยู่แล้วหล่ะ
ในขณะเดียวกัน
ก็มีชายสามคนเดินพร้อมอาวุธเดินเข้ามาหาพวกเขา
เพื่อทำการตรวจค้นหาอาวุธหรือของอันตรายจากพวกเขา
“เฮ้ย พวกแกเป็นใครกันวะ”
เอ็ดเวิร์ด
: นี่ฉันเอง เอ็ดเวิร์ด จำฉันไม่ได้เหรอ
“อ้าว เอ็ดเวิร์ด นายเองเหรอ ว่าแต่นายมากับใครวะ”
เร็น
: อ้อ ฉันเป็นเพื่อนเขาหน่ะ
พวกนายพาฉันสองคนไปค่ายของพวกนายหน่อยได้หรือเปล่า
พวกเขาสามคนพาเร็นและเอ็ดเวิร์ดเดินทางไปยังตึกแห่งหนึ่ง
ซึ่งเป็นที่หลบภัยของเหล่ากบฏทั้งหลาย
พวกเขาเห็นสภาพด้านในซึ่งไม่ค่อยจะน่าอภิรมณ์เท่าไหร่ รอบข้างมีแต่คนบาดเจ็บและคนหิวโซที่กำลังรออาหารอยู่
สามคนนั้นให้เร็นกับเอ็ดเวิร์ดนั่งท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น
“ว่าแต่ แกมาแถวนี้ต้องการอะไร เอ็ดเวิร์ด”
เอ็ดเวิร์ด
: ฉันต้องการกระสุนหน่อยหน่ะ อาจจะต้องใช้เยอะเลยหล่ะ
“ว่าแต่ นายจะไม่ดื่มกับพวกเราก่อนเหรอ”
เร็น
: อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ พวกฉันไม่มีเวลาเท่าไหร่หน่ะ
“เฮ้พวก ฉันไม่ได้พูดกับนายซะหน่อย”
“ว่าแต่เอ็ดเวิร์ด นายจะเอากระสุนพวกนี้ไปทำอะไรวะ”
เอ็ดเวิร์ด
: ฉันมีงานต้องทำหน่อยหน่ะ ไว้กลับมาได้ฉันมาบอกแล้วกัน
“ท่าทางจะงานใหญ่นะเนี่ย ไปเอากระสุนให้เขาหน่อยสิ” จากนั้นชายคนหนึ่งเดินเข้าไปยังห้องเก็บอาวุธ
แล้วก็เอามาให้เอ็ดเวิร์ดกับเร็น เพื่อเช็คว่ากระสุนพวกนั้นมีพอหรือเปล่า
“หวังว่าคงจะพอสำหรับพวกนายนะ”
เร็น
: ก็คงจะพอแล้วหล่ะ เพราะงานนี้สำหรับฉันคงไม่ต้องใช้เยอะหรอก // เร็นพูดพลางใส่กระสุนลงในแม็คกาซีน แล้วก็เก็บแม็คกาซีนพวกนั้นเข้าไปในกระเป๋าของเขา
ณ
เขตเครื่องบินตก หลังจากที่ฮาน่าและเทเรซ่าได้เสบียงกลับมา
พวกเธอก็ดีใจกันมากเนื่องจากว่าเสบียงพวกนี้พอจะเลี้ยงดูพวกกลุ่มกบฏได้ไปอีกซักพัก
พวกเขารีบคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในทันที
ฮาน่า
: ดูสิ เสบียงพวกนี้น่าจะช่วยคนของเราได้ไปอีกซักพักเลยนะ
ลูลู่
: ว่าแต่ พวกที่เราเจอวันนี้จะเป็นยังไงบ้างเนี่ย
เดม่อน
: น่าจะตะบันหน้าไอ้เด็กเวรนั้นให้ฟันร่วงเลยเนี่ย
เทเรซ่า
: ดีแล้ว อาจจะเป็นเธอก็ได้นะที่จะฟันร่วงหน่ะ
เดม่อน
: ไม่มีทางหรอก บอกได้เลย ไม่เคยเจอเด็กเวรแบบนั้นมาก่อนเลย
ฮาน่า
: นี่ เดม่อน นายไม่ควรไปพูดแรงกับพวกเขาแบบนั้นนะ
ลูลู่
: เธอจะสนอะไรหล่ะ ไม่เห็นต้องแคร์อะไรเลย เอ๊ะ หรือว่าเธอจะแคร์
เทเรซ่า
: นี่ ลูลู่ อย่าหาเรื่องกันดีกว่าน่า
ฮาน่า
: ถ้าฉันจะแคร์เธอจะทำอะไรได้หล่ะ ที่พวกเขาพูดก็ถูกแล้วหล่ะ
เดม่อน
: แหม่ ท่าทางเธอจะชอบคนในกลุ่มนั้นนะฮาน่า
เทเรซ่า
: นี่ พอได้แล้วพวกนายเนี่ย ไหนๆก็ได้ของมาแล้ว รีบกลับบ้านกันดีกว่า
ลูลู่
: ก็ดีเหมือนกัน วันนี้วันสิ้นปีซะด้วย เผื่อจะได้ฉลองกัน
และมาที่ฐานลับของกลุ่มกบฏในตึกแห่งหนึ่ง
เทโจกับพรรคพวกกำลังตรวจสอบความเสียหายที่พวกเขาถูกโจมตีมา ซึ่งความเสียหายที่เขาเจอแทบจะหนักหนาสำหรับเขา
เนื่องจากเขาเสียคนไปมากมาย
เทโจ
: เราเสียคนของเราไปเท่าไหร่หล่ะ
“ตอนนี้ที่นับได้ มีประมาณยี่สิบคนครับ”
เทโจ
: พวกเขาที่ตาย ล้วนแต่เป็นสหายของฉัน พวกนายรู้ใช่หรือเปล่า
“รู้ครับ แต่ว่ากลุ่มของเราส่วนใหญ่ก็ยังพอสู้ได้ครับ”
เทโจ
: ฉันรู้ แต่ฉันแค่ไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว
ในขณะเดียวกัน
มีชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานข่าวกับเทโจ
“เทโจ มีชาวบ้านหนีมาอยู่กับเราอีกนับสิบคนเลย”
เทโจ
: แล้วพวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง บาดเจ็บกันหรือเปล่า
“ดูท่าทางจะหิวโซมากเลยครับ แต่ว่า มีกลุ่มผู้หญิงมาด้วยนะครับ”
เทโจ
: เฮ้อ ความจริงเราไม่รับผู้หญิงนะถ้ารบไม่ได้ แต่พาพวกเขาเข้ามาก่อน
จากนั้นค่อยส่งต่อไปยังเขตปลอดภัย
“ได้เลยครับ”
ลูกน้องของเขารีบพาชาวบ้านพวกนั้นเข้ามาในที่มั่นของพวกเขาทันที
อีกฝากหนึ่งของเมือง
หลังจากที่สตอร์มหนีมาจากพวกกินคนได้
เขาก็เดินทางต่อไปเรื่อยๆพร้อมกับนกเหยี่ยวของเขา
เขาเดินเท้ามาเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางข้างหน้าของเขาจะต้องเจอกับอะไร
“เฮ้อ มีแต่นายเท่านั้นแหละที่เป็นเพื่อนฉัน ว่ามั้ยบูล” เขาพูดกับนกเหยี่ยวของเขา ในขณะเดียวกัน เขาก็มาเจออพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง
เขาไม่รอช้าที่จะเข้าไปในนั้นทันที
“ขอให้มีอะไรให้กินด้วยเถอะนะ”
สตอร์มเปิดประตูเข้าไปด้านใน
แต่ประตูมันล็อคมาจากด้านนอก เขาถอดใจคิดว่าคงจะเข้าไปไม่ได้แล้ว แต่ในตอนนั้นเอง
ก็มีคนมาเปิดประตูรับเขา ซึ่งเป็นคนคุ้นเคยมากๆ
“พี่สตอร์ม”
สตอร์ม
: ไลฟ์ พี่อลัน ทุกคนยังไม่ตายเหรอครับ // ทั้งสามคนรีบเข้ามากอดกัน
อลัน
: ดีใจด้วยนะที่เห็นแกยังไม่ตาย
ไลฟ์
: แต่พี่ดูเหมือนไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะคะ
สตอร์ม
: ฉันเพิ่งไปเจอเรื่องแย่ๆมา แต่ช่างมันเถอะนะ
อลัน
: ทำไมหล่ะ นายไปเจออะไรมางั้นเหรอ
สตอร์ม
: อย่าให้เล่าเลยพี่ เรื่องมันเศร้าหน่ะ
ในขณะเดียวกัน
นอร์รีนที่เพิ่งจะลงมาด้านล่าง ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
นอร์รีน
: ทุกคนครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ
ไลฟ์
: คุณนอร์รีนคะ นี่พี่ชายฉันเองค่ะ
นอร์รีน
: ครับ ดีจังเลยที่ได้เจอกัน เข้ามาข้างในก่อนดีกว่านะครับ
อลัน
: เข้ามาข้างในก่อนสิ มีอะไรให้นายกินด้วย
ทั้งสามพี่น้องรีบเข้ามาด้านในทันที
ก่อนที่จะมีใครสังเกตเห็นพวกเขา
ที่โกดังเก็บสินค้าของมาร์ค
ในตอนนั้นเองมาร์คกำลังเมาอย่างเต็มที่ หลังจากที่เขาสร่างได้ไม่นาน ลูกน้องของเขาก็รีบมาบอกข่าวกับเขาในทันที
“นายครับ มีข่าวมาบอกครับ”
มาร์ค
: มีอะไร รีบๆบอกมาสิ
“เครื่องบินที่ตกตอนนี้ โดนระเบิดทิ้งไปแล้วครับ”
มาร์ค
: ห่ะ แล้วพวกแกได้เอาเสบียงออกมาหรือเปล่า
“เราเอาออกมาไม่ทันครับนาย”
มาร์ค
: ห่ะ นี่มันบ้าอะไรกัน ไม่ได้เรื่องกันเลยพวกแกเนี่ย
“แล้วก็มีอีกข่าวหนึ่งครับนาย”
มาร์ค
: มีอะไร แค่นี้ยังแย่ไม่พออีกเหรอ
“คนของเราไปเจอมาครับ มีคนมาขายของเถื่อนให้ชาวบ้านแข่งกับเราครับ”
มาร์ค
: ห่ะ นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย โธ่เว้ย
“จะเอายังไงต่อดีครับนาย”
มาร์ค
: สืบให้รู้ ว่าพวกนั้นเป็นใคร พยายามตัดกำลังพวกนั้นทุกทาง
ขโมยของมันได้เลยยิ่งดี // เขาพูดพลางซัดเหล้าเข้าไปอีกหนึ่งเป๊ก
อีกด้านหนึ่งของเมือง
ในตอนนั้นเองเวร่าก็เข้ามาคุมการขายของเถื่อนในเมือง เธอขายของให้กับรัฐบาล
ฝ่ายกบฏและชาวบ้านทั่วไป กิจการของเธอดูเหมือนจะเฟื่องฟูมาก แต่ในขณะเดียวกัน
ก็มีทหารนายหนึ่งมารายงานเธอในทันทีในเรื่องที่เขาได้ยินมา
“ท่านครับ”
เวร่า
: มีอะไร ฉันกำลังเช็คเงินที่ได้อยู่
“สายข่าวของเราสืบมาได้ครับ มีคนขายของเถื่อนแข่งกับเราด้วยครับ”
เวร่า
: ห่ะ งั้นเหรอ พอรู้มั้ยว่าพวกมันเป็นใคร
“เราไม่ทราบรับ แต่ตอนนี้เรารู้รังของพวกมันแล้วครับ”
เวร่า
: งั้นเหรอ ดี ฉันจะไปเจอหน้ามันซะหน่อย อยากรู้ว่ามันจะเป็นใคร
“ได้ครับท่าน แล้วจะให้เราเอาคนไปเยอะหรือเปล่าครับ”
เวร่า
: ไม่ต้องเยอะหรอก ต้องไปแบบไม่ให้มันรู้ตัวหน่ะ
“ครับ ตอนนี้ทหารฝ่ายรัฐบาลกำลังขาดแคลนเหล้าและกระสุนอยู่ครับ”
เวร่า
: ได้เลย เราจะขายให้มันในราคางามๆ
ส่วนตอนนี้ฉันขอไปเจอหน้าคู่แข่งของฉันก่อนก็แล้วกัน
“ได้ครับ ผมจะเตรียมรถให้นะครับ”
กลับมาในเมือง
ซึ่งเป็นจัตุรัสใจกลางเมือง มีชาวบ้านผู้น่าสงสารเดินกันเต็มถนน บ้างก็มาขอทาน
ข้างก็มาขายสมบัติแลกกับของกิน
บางคนถึงขั้นขายลูกของตัวเองราวกับว่าลูกของพวกเขาเป็นหมูเป็นหมา
ในตอนนั้นอันนาตั้งแผงขายองุ่นของเธอ ชาวบ้านมาขอซื้อแลกกับสมบัติทุกชนิด
ซึ่งเธอก็ขายให้ในราคาที่ค่อนข้างเป็นธรรมสำหรับพวกเขา แต่เธอก็พยายามถามชาวบ้านเรื่องของลูกตัวเองที่หายไป
แต่ก็ไม่มีชาวบ้านคนไหนรู้เลย ทำเอาเธอแทบจะคอตก
ในตอนนั้นเอง
เธอเห็นแม่คนหนึ่งพยายามอุ้มทารกเอามาให้เธอ อันนาสงสัยจึงถามหญิงคนนั้นไป
อันนา
: สวัสดีค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ
“ฉันเอาลูกมาขายให้คุณค่ะ ขออะไรให้เรากินหน่อย”
อันนา
: นี่คุณ จะขายลูกจริงๆเหรอคะ
“ฉันอดมาหลายวันแล้ว ฉันคงไม่มีนมให้ลูกกินหน่ะค่ะ”
อันนา
: เดี๋ยวแป๊ปนึงนะคะ // อันนาให้องุ่นและขนมปังจำนวนหนึ่งกับเธอ
อันนา
: ฉันให้ฟรีค่ะ แต่อย่าคิดขายลูกตัวเองอีกเลยนะคะ มันทรมานนะคะ
ที่มาเสียลูกไปเพราะเรื่องแค่นี้หน่ะค่ะ
“ขอบคุณมากๆเลยนะคะ”
อันนา
: ว่าแต่ คุณเคยเห็นเด็กคนนี้หรือเปล่าคะ // อันนายื่นรูปลูกชายของเธอให้นางดู
“เหมือนฉันจะเคยเห็นนะคะ”
อันนา
: จริงหรือเปล่าคะ ช่วยบอกฉันหน่อยนะคะว่าเขาอยู่ที่ไหน
“เหมือนว่าเขาจะอยู่ในเขตของฝ่ายกบฏนะคะ”
อันนา
: จริงเหรอคะ คุณพอจะรู้หรือเปล่าว่ามันอยู่ที่ไหน
“อยู่ทางด้านนั้น ขับรถไปประมาณ 1 กิโลก็น่าจะถึงหน่ะค่ะ”
อันนา
: ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
อันนารีบเก็บของขึ้นรถ
จากนั้นก็รีบไปตามที่หญิงคนนั้นบอกทาง
และไม่ห่างกันจากตรงนั้น
มีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดที่ดูไม่ค่อยจะเข้ากับชาวเมืองซักเท่าไหร่ เธอพยายามเดินขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง
ในตอนนั้นเองเธอเดินไปชนกับหญิงแก่คนหนึ่ง หญิงแก่คนนั้นล้ม
เธอรีบช่วยดึงหญิงคนนั้นขึ้นมาในทันที
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณยาย”
“ขอบใจมากจ้ะ ว่าแต่หนูเป็นใครกันงั้นเหรอ”
“หนูชื่อชินเฮ หนูเป็นชาวเกาหลี เป็นนักร้องมาร้องเพลงที่นี่หน่ะค่ะ”
“งั้นเหรอจ๊ะ แล้วหนูกำลังมองหาอะไรอยู่หล่ะ” หญิงแก่คนนั้นถามอย่างซื่อๆ
“หนูพลัดหลงกับเพื่อนหน่ะค่ะ หนูพยายามตามหาแต่ไม่พบเลยค่ะ”
“ขอโทษทีจ้ะหลาน ยายก็ไม่รู้เหมือนกัน”
จากนั้นเอา
จู่ๆก็มีคนตะโกนมาแต่ไกล
“พวกมันยิงมาแล้ว รีบหาที่หลบเร็ว”
ลูกปืนใหญ่ที่ฝ่ายรัฐบาลยิง
ตกใส่ประชาชนแถวนั้น ชาวบ้านรวมทั้งตัวชินเฮก็ต่างหาที่หลบกันให้วุ่น
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว จากนั้นไม่นานมันก็สงบลง
ชินเฮเดินออกมาจากที่กำบัง แต่คุณยายที่เธอช่วยไว้กลับโดนระเบิดตายคาที่
ทำเอาเธอถึงกับร้องไห้ออกมา
“นี่มันอะไรกันเนี่ย ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย” เธอคิดในใจจากนั้นก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด
อีกฝากหนึ่งของเมือง
ในเขตของชาวบ้านที่เก็บตุนเสบียงอาหารเอาไว้เพื่อประทังชีวิตของพวกเขา
ซึ่งเหตุการณ์ดูเหมือนจะเป็นปกติ แต่ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงดังจากชาวบ้านตะโกนมา
“ช่วยด้วย มีขโมยขึ้นบ้าน”
เมื่อชาวบ้านคนอื่นได้ยิน
พวกเขารีบหยิบทั้งปืนและอาวุธอื่นที่พอจะหาได้ ออกตามล่าขโมยในทันที
พวกเขาโกรธมากราวกับจะฆ่าคนขโมยคนนั้นให้ตายคามือ
ในขณะที่ขโมยคนนั้นรีบวิ่งออกไปที่อื่นโดยที่ในปากยังเคี้ยวขนมปังอยู่
“ไอ้บ้าเอ้ย แม่งหนีไปได้อีกแล้ว”
“คอยดูเถอะ ถ้าคราวหน้ามันมา จะยิงมันให้ไส้แตกเลย”
ชายคนนั้นโล่งใจ
ดูเหมือนว่าจะเขาจะปลอดภัยแล้ว เขาจึงนั่งถอนหายใจอยู่แถวนั้น
พลางหยิบน้ำที่เขาขโมยมาได้ขึ้นมาดื่มด้วย
“เกือบตายแล้วมั้ยหล่ะซีวิลเอ้ย” เขาชื่อ ซีวิล
มาเจลต้า คนตกงานที่ตอนนี้มีชีวิตราวกับคนจรจัด
หลังจากที่มีสงครามกลางเมืองชีวิตเขาก็ยิ่งตกต่ำลงไปอีก เขานั่งกินขนมปังพลางคิดถึงเรื่องเก่าๆ
วันที่ชีวิตของเขาตกต่ำลงมาถึงทุกวันนี้
“ผมไล่คุณออก”
“แม่ครับ แม่อย่าตายนะครับแม่”
“คนเฮงซวยอย่างแก เป็นได้แค่สวะจนวันตายแหละวะ”
คำพูดพวกนี้เข้ามาในหัวเขา
ในตอนเด็กเขาผ่านอะไรมาเยอะ ทำให้เขากลายเป็นพวกที่เห็นแก่ตัว ชอบเอาตัวรอดเสมอ
ทำไงได้ โลกมันโหดร้าย แต่ฉันต้องไม่ตายสิวะ
หลังจากที่เขากินอะไรเสร็จ
เขาก็ออกเดินทางต่อไปเรื่อยๆ เผื่อว่าทางข้างหน้าจะมีอะไรให้เขาเสี่ยงโชคบ้า
เขาคิดอยู่อย่างเดียวว่า จะทำยังไงให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไปอีกวัน
กลับมายังอพาร์ทเม้นท์ของนอร์รีน
ค่ำคืนปีใหม่เป็นไปอย่างเรียบง่าย
มิสซึทำอาหารที่คิดว่าน่าจะอร่อยที่สุดให้ทุกคนทาน ทุกคนก็กินกันอย่างเต็มที่
และก็นั่งกินด้วยกันจนสนิทสนมกัน มองภายนอกดูราวกับว่าเป็นครอบครัวใหญ่ก็ไม่ปาน
พวกเขานั่งคุยกันซักพัก จากนั้นก็แยกย้ายกันไปนั่งบนดาดฟ้าแต่ละคู่
เพราะว่าปีใหม่จะต้องมีดอกไม้ไฟที่ประเทศของเขาทุกครั้ง
ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะมีแต่จรวดที่ลอยอยู่บนฟ้าก็ตาม
ก็ยังมีการจุดดอกไม้ไฟเพื่อเฉลิมฉลองอย่างสนุกสนาน ในตอนนั้นเองนอร์รีนเกิดเหนื่อยและลงไปที่ห้องของเขา
มิเชลจึงตามไปดูด้วยความเป็นห่วง
มิเชล
: นอร์รีนจ๊ะ มีอะไรหรือเปล่าอ่ะ
นอร์รีน
: ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่มานั่งหลบมุมเฉยๆหน่ะ
มิเชล
: งั้นเหรอ ปีใหม่ปีนี้เธอว่าเป็นยังไงหล่ะ
นอร์รีน
: ก็โอเคนะ ถ้าไม่ติดเรื่องสงครามนี่จะดีมากเลยหล่ะ
มิเชล
: เออนี่ ฉันถามอะไรหน่อย ฉันเจอไอ้นี่ใต้เตียงเธอ หมายความว่าไงอ่ะ //
มันคือถุงยางที่ยังไม่หมดอายุชิ้นหนึ่ง ทำเอานอร์รีนตกใจมาก
นอร์รีน
: เออ ไม่ใช่ของฉันนะ คือ….
มิเชล
: ไม่ต้องอายหรอก ยังไม่หมดอายุด้วย ไหนๆเราก็อยู่ด้วยกันแล้ว ทำไมเราไม่….
นอร์รีน
: จะดีเหรอ เธอไม่โกรธฉันเหรอมิเชล
มิเชล
: ไม่หรอก ก็เราเป็นคนรักกันนี่นะ ถ้าไม่ทำสิแปลก // มิเชลเขยิบเข้ามาใกล้นอร์รีนจากนั้นก็ถอดเสื้อของเธอออก
นอร์รีนก็ถอดเสื้อตาม จากนั้นเขาก็บรรเลงรักกับมิเชลบนเตียงทั้งคืน
ทางด้านคู่ของยูจีนและซิลเวีย
ทั้งคู่นั่งดูดอกไม้ไฟด้วยกัน
จากนั้นยูจีนก็กอดซิลเวียไว้ท่ามกลางสายลมอันหนาวเหน็บ
ยูจีน
: ดอกไม้ไฟปีนี้สวยดีนะ
ซิลเวีย : ที่เธอเห็นหน่ะมันจรวด
ของจริงอยู่ตรงนั้นหน่ะ // เธอชี้ไปอีกด้านหนึ่ง
ยูจีน
: นั่นสิ ทำไมสงครามต้องเกิดที่นี่ด้วยเนี่ย
ซิลเวีย
: เราเลือกได้ที่ไหนหล่ะ แต่ยังไงก็ยังดีนะที่เราได้อยู่ด้วยกัน // จากนั้นทั้งคู่ก็จูบกันอย่างหวานชื่น
ยูจีน
: สิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้ คือฉันมีเธออยู่กับฉัน
ซิลเวีย
: ขอบใจนะยูจีน ปีใหม่ปีนี้ฉันไม่ต้องการอะไรแล้วหล่ะ
ทางด้านคู่ของไลฟ์กับเอจิ
ซึ่งทั้งคู่กำลังเลี้ยงดูฮาจิพร้อมกับดูดอกไม้ไฟไปด้วย
ฮาจิแม้ว่าจะตกใจเสียงดอกไม้ไฟแต่ทั้งคู่ก้ยังช่วยกันปลอบหมาของพวกเขาไว้ได้
ไลฟ์
: ดูท่าฮาจิจะกลัวดอกไม้ไฟนะ
เอจิ
: ความจริงหมาทุกตัวก็กลัวนะครับ
ไลฟ์
: จริงด้วย ปีใหม่ปีนี้สนุกดีนะ ว่ามั้ย
เอจิ
: คิดถึงบ้านที่ญี่ปุ่นเหมือนกันนะครับ
ไลฟ์
: ญี่ปุ่นเหรอ ฉันอยากไปนะ ถ้าว่างๆพาฉันไปหน่อยสิ
เอจิ
: ได้สิครับ เดี๋ยวผมมานะครับ // ในตอนนั้นเอจิจะลงไปยิงกระต่ายข้างล่าง
แต่ในตอนนั้นเองชายสองคนก็ขวางเขาเอาไว้ ซึ่งนั้นก็คืออลันกับสตอร์มนั้นเอง
อลัน
: คุยอะไรกับน้องสาวฉันเหรอ
เอจิ
: เปล่าครับ ก็เรื่องทั่วไปหน่ะครับ
สตอร์ม
: เธอเป็นน้องฉัน นายรู้ใช่หรือเปล่าห่ะ
เอจิ
: ผมก็ต้องรู้สิ ถามอะไรแปลกๆ
อลัน
: ว่าแต่ นายคิดว่าน้องสาวฉันเป็นยังไง
เอจิ
: เธอก็น่ารักดีนะครับ
สตอร์ม
: งั้นเหรอ ฉันจะรอดูกันว่านายจะคิดยังไงกับเธอ // อลันกับสตอร์มเดินขึ้นไปชั้นบนดาดฟ้าต่อ
และคู่ต่อมา
ในขณะที่เอสเทอร์กำลังเบื่อ เธอลงมานั่งปลีกตัวคนเดียวข้างล่าง ระหว่างนั้นเอง โทนี่ก็ดันมาเดินชนกับเธอ
ทำเอาเธอหัวเสียมากแทบจะวีนใส่เขา
เอสเทอร์
: นี่นาย มองไม่เห็นคนหรือไงเนี่ย
โทนี่
: เอ้า ก็ผมไม่รู้นี่หน่าว่าคุณจะมา คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
เอสเทอร์
: ไม่ต้องมายุ่งกับฉันหรอก // แต่ตอนนั้นเองเธอก็ดันเจ็บที่หัวไหล่
โทนี่
: ไหน เดี๋ยวผมดูให้คุณก็แล้วกันนะ
เอสเทอร์
: ใครใช้ให้นายมายุ่งกับฉันเนี่ยห่ะ // โทนี่ไม่ฟัง
นวดหัวไหล่ให้เธอจนเธอสบายขึ้น
โทนี่
: หวังว่าคงสบายขึ้นแล้วนะ
เอสเทอร์
: ขอบใจนะ ว่าแต่ เธอจะไปไหนหรือเปล่าหล่ะ
โทนี่
: ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมเบื่อๆหน่ะ
เอสเทอร์
: ถ้างั้น มานั่งคุยกับฉันหน่อยสิ
ทางด้านอลิซกับมิสซึ
ในตอนนั้นเองทั้งคู่ก็นั่งดูดาวด้วยกันอีกมุมหนึ่ง ในตอนนั้นเอง มิสซึคลำหาอะไรซักอย่างในกระเป๋า
อลิซตกใจจึงถามเขาไป
อลิซ
: นี่มิสซึ นายหาอะไรของนายหน่ะ // ในตอนนั้นเอง
มิสซึหยิบเอาห่อช็อคโกแล็ตก้อนหนึ่งยื่นให้กับเธอ
มิสซึ
: ฉันให้เธอนะ ลองกินดูสิ หวังว่าเธอจะชอบนะ
อลิซหยิบช็อคโกแล็ตเข้าปากเธอ
เธอกินมันด้วยความอร่อยอย่างล้นเหลือ
อลิซ
: อร่อยจัง เธอไปหามาจากไหนเหรอ
มิสซึ
: ฉันแอบทำไว้หน่ะ วัตถุดิบหาได้แค่นี้ สุขสันต์วันปีใหม่นะ
อลิซ
: ขอบใจมากนะมิสซึ ว่าแต่ ฉันถามอะไรหน่อยสิ นายคิดยังไงกับฉันกันแน่
มิสซึ
: เธอ ถามแบบนี้ทำไมเหรอ
อลิซ
: นายบอกฉันมาดีกว่าน่า นายชอบฉันใช่หรือเปล่าหล่ะ
มิสซึ
: ก็ได้ ฉันชอบเธอหน่ะ // มิสซึตอบโดยไม่คิดหน้าคิดหลังในตอนนั้น
จากนั้นอลิซก็หอมแก้มเขา
อลิซ
: ฉันก็ชอบเธอเหมือนกันนะ
มาที่อีกคู่หนึ่ง
ในตอนนั้นเองตะวันและอนูวานั่งเฝ้ายามด้วยกันอยู่ด้านล่าง
เผื่อว่าจะมีใครมาฉวยโอกาสปล้นพวกเขาในช่วงปีใหม่ ในตอนนั้นเองพวกเขาก็คุยกันท่ามกลางเสียงดอกไม้ไฟที่ดังไปทั่วแถวนั้น
ตะวัน
: ผมคิดถึงประเทศของผมจัง ช่วงปีใหม่แบบนี้
อนูวา
: ฉันอยากรู้เหมือนที่เมืองไทยตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
ตะวัน
: ถ้าคุณอยากรู้ ผมจะพาคุณไปถ้าเราออกไปได้นะ
อนูวา
: ขอบคุณนะ แต่ว่าฉันยังมีงานที่ต้องทำหน่ะ
ตะวัน
: ว่าแต่ คุณจะเริ่มติดต่อกลุ่มกบฏตอนไหนหล่ะ
อนูวา
: ไม่ต้องอื่นไกลหรอก พวกนายนี่แหละ มีสมาชิกกลุ่มกบฏมาหานายนี่นะ
ตะวัน
: แล้วถ้าคุณติดต่อได้ คุณจะทำยังไงต่อหล่ะ
อนูวา
: ฉันมีแผนของฉันก็แล้วกัน ฉันบอกคุณไม่ได้หรอก
ตะวัน
: ผมเข้าใจ ยังไงก็ขอให้งานของคุณสำเร็จนะครับ
ทางด้านซีโร่กับบารีร่า
ในตอนนั้นเองบารีร่าก็ออกมาเล่นวิ่งไล่จับกันข้างนอก
ทั้งคู่เล่นกันไปกันมาอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเหนื่อยกันทั้งคู่
จากนั้นพวกเขาก็มานั่งพักด้วยกันแถวนั้น
บารีร่า
: นี่ ไม่ได้เล่นอะไรแบบนี้มานานแล้วนะ
ซีโร่
: นั่นสิ เธอทำฉันเหนื่อยเลยนะเนี่ย
บารีร่า
: อะไรกัน แค่นี้เหนื่อยแล้วเหรอเนี่ย
ในตอนนั้นเอง
ซีโร่ให้ตุ๊กตาหมีตัวหนึ่งกับบารีร่า ซึ่งในตอนนั้นมันทำให้เธอชอบใจมันมากๆ
บารีร่า
: นี่ เธอไปหามาจากไหนเนี่ย
ซีโร่
: ไม่ต้องรู้หรอกน่า ฉันหามาให้เธอได้ก็แล้วกัน
บารีร่า
: ฉันยังคิดชื่อตุ๊กตาตัวนี้ไม่ออกเลยเนี่ย
ซีโร่
: ไม่ต้องห่วงหรอก เธอมีเวลาคิดทุกวันอยู่แล้วนี่
บารีร่า
: ขอบใจเธอมากนะที่อุตส่าห์หามาให้ฉันหน่ะ
ซีโร่
: ไม่เป็นไรหรอก
ค่ำคืนปีใหม่ของเขาดำเนินไปดูราวกับว่ามันมีแต่ความสุข แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่า วันพรุ่งนี้พวกเขาจะต้องเจอกับอะไรต่อไปข้างหน้า
=====================================================================
ตอนนี้พิเศษฉลองช่วงปีใหม่ เอาเป็นว่า สุสันต์ปีใหม่นะครับทุกคน
ตัวละครใหม่ของคุณ Midorisann จะออกมาแค่หัวหน้าวงก่อนนะครับ ส่วนคนอื่นๆจะตามมาทีหลัง
มีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ
หลังจากนี้ตัวละครของพวกคุณจะเริ่มตายกันแล้วนะครับ (สามารถส่งตัวละครมาใหม่ได้)
ส่วนเรื่อง Descentdent War ใครเป็นสาววายเตรียมเลือดสำรองไว้ได้เลย 555
ขอคนละเม้นท์ด้วยนะครัช
ความคิดเห็น