ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn Hero - เกิดอีกที ครั้งนี้ต้องลุย

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 10 : อดีตของอากิระ

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 64


    โดรนจู่โจมเล็กบินเข้ามาแล้วสาดกระสุนใส่ตึกนั้นรวมถึงกองกำลังที่วิ่งไปมาด้านล่างอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้เกิดใหม่แต่มันก็ทำให้พวกเขาลงไปนอนดิ้นกับพื้นได้ กลุ่มผู้เกิดใหม่ยิงสวนกลับไป แต่ก็ดูเหมือนว่าจะทำอะไรโดรนพวกนั้นไม่ได้เลย 

    “บ้าเอ้ย โดรนมันบินไวมากเลย เราต้องหยุดมันก่อน!!” ผู้เกิดใหม่คนหนึ่งพูดขึ้น

    “ถ้าเราจัดการมันไม่ได้ พวกเราแย่แน่” เบ็ตตี้ที่อยู่ในตึกพูดขึ้นในขณะที่ยิงสวนกับโดรนพวกนั้น และในตอนนั้นเอง โจไซอาห์ก็วิ่งออกไปและแปลงร่างเป็นครุฑเพื่อบินฉีกโดรนเป็นชิ้นและไล่พวกมันออกไป ส่วนอินเนสซ่าก็แปลงร่างเป็นนาคเหมือนกัน จากนั้นก็รีบจัดการโดรนพวกนั้นจนพวกมันร่วงลงไปมาก

    “เอามันให้ร่วงลงมาเลย!!” นาวินตะโกนออกมา และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ วิทยุจากภาภินติดต่อเข้ามาอย่างรวดเร็ว

    “พี่วิน ตอนนี้กองกำลังภาคพื้นของพวกมันใกล้มาถึงแล้ว พวกมันเอาอาวุธมาเต็มอัตราศึกเลย ระวังด้วยนะพี่!!”

    “ทุกคน พวกมันกำลังจะมาแล้วครับ!!”

    นาวินบอกกับทุกคนไป จากนั้นเขาก็เตรียมปืนของเขาอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก ยานบินนับสิบลำก็บินเข้ามาจู่โจมกองกำลังผู้เกิดใหม่อย่างรวดเร็ว ปืนกลรวมถึงจรวดมากมายถล่มยิงถาโถมเข้าใส่ ทำเอาคนอื่นๆถึงกับรีบเข้าไปหลบในตึกำอย่างรวดเร็ว

    “นั่นไง พวกมันมาแล้ว!!” นาวินพูดขึ้น และในตอนนั้น ยานบินก็ค่อยๆลงจอดอย่างรวดเร็ว รวมถึงได้ปล่อยทั้งคนและจักรกลชนิดพิเศษซึ่งมีขาดูคล้ายแมงมุม ติดอาวุธครบมือ รวมถึงหุ่นยนต์ชนิดต่างๆ บุกเข้าใส่กลุ่มผู้เกิดใหม่อย่างรวดเร็ว

    “ปังๆๆๆๆ!!”

    “แย่แล้ว พวกมันเอาหุ่นยนต์มา รีบหนีเร็ว!!” กลุ่มผู้เกิดใหม่พูดขึ้น และในตอนนั้นจักรกลก็บุกเข้ายิงใส่กองกำลังผู้เกิดใหม่จนนอนแน่นิ่งลงไปกับพื้น เนื่องจากว่าพวกนั้นไม่สามารถถูกฆ่าตายได้ จึงทำได้แค่ให้พวกนั้นบาดเจ็บหนัก

    “บ้าเอ้ย เข้ามาเลยไอ้พวกระยำ!!” อากิระพูดขึ้นพลางชักปืน Glock ของเขาออกมาแล้วยิงใส่จักรกลพวกนั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะทำอะไรจักรกลพวกนั้นไม่ได้เลย 

    “อากิระ ปืนนายทำอะไรมันไม่ได้หรอก!!” นาวินพูดขึ้น จากนั้นเขาก็โยนปืนเลเซอร์ให้กับอากิระ อากิระหยิบมา จากนั้นอากิระก็เอามันมายิงใส่จักรกลพวกนั้น จนจักรกลเริ่มจะเสียหายมากขึ้น

    “เราต้องใช้ปืนของคุณดันเต้จัดการมัน!!” ฮารุพูดขึ้น และในตอนนั้นเธอก็ยืงลูกไฟใส่จักรกลแมงมุมตัวหนึ่งจนเศษซากกระเด็น

    “พี่คะ ดูรถนั่นสิ!!” ลาลินเหลือบไปเห็นรถกระบะคันหนึ่ง ซึ่งมันขับเข้ามาพร้อมกับขนเครื่องเสียงอะไรบางอย่าง มันมาจอดบริเวณตึกที่พวกเขาอยู่ จากนั้นมันก็ปล่อยเสียงอะไรบางอย่างออกมา

    “ตื้ด!!”

    เสียงนั้นเป็นเสียงที่ยากจะอธิบาย มันเข้ามายังโสตประสาทหูกลุ่มผู้เกิดใหม่ โดยเฉพาะตัวของอากิระ ที่ดูเหมือนว่าตอนนี้สติจะเริ่มไม่อยู่กับตัวแล้ว เสี่ยวหลงที่เห็นอาการของเขาเลยพูดกับเขาอย่างรวดเร็ว

    “อากิระ นายเป็นอะไรหรือเปล่า??” เสี่ยวหลงถามไป แต่ในตอนนั้น พวกมันก็กระหน่ำยิงใส่ที่มั่นของพวกเขาต่อ ทำเอาพวกเขาถึงกับต้องหาที่หลบอย่างรวดเร็ว

    “บ้าเอ้ย นี่มันจะถล่มไม่ให้เหลือซากเลยเหรอ??” อัญชันตะโกนออกมา 

    “เธอหลบอยู่หลังฉันให้ดีก็แล้วกัน” เวียนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็ใช้พลังจิตของเธอดึงเอาจักรกลตัวหนึ่งเหวี่ยงใส่อีกตัวอย่างรวดเร็ว

    “ไอ้รถบ้านั่นมันจะเอามาทำอะไรวะเนี่ย??” โลร็องต์ถามในขณะที่ยิงสกัดพวกมันเอาไว้

    “คลื่นเสียงแบบนี้ มันอาจจะทำให้เราเสียสมาธิได้ ระวังด้วยหล่ะ” ลูโดวิกพูดขึ้น แต่ในตอนนั้น ในขณะที่อากิระกำลังยิงสกัดพวกนั้นเอาไว้ จู่ๆ เขาก็ถูกยิงเฉียดไปที่แขน แต่ตัวของอากิระก็ล้มลงและไปร้องโอดโอยราวกับจะขาดใจ ทั้งๆที่กระสุนแค่เฉียดเขาไปเท่านั้น เสี่ยวหลงและอัญชันรีบไปดูอาการของอากิระอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย อากิระ มันเจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ แค่เฉียดเองนะ??” อัญชันเห็นสภาพของอากิระเลยถามไป

    “มันเป็นจุดอ่อนของฉัน ถ้าฉันเสียสมาธิ ความเจ็บปวดจะได้รับเพิ่มมากขึ้น” อากิระพยายามประคองตัวเองแล้วพูดออกมา

    “แสดงว่าไอ้รถนั่นต้องมาทำลายสมาธิเราแน่ๆ เราต้องทำลายรถนั่นให้ได้!!” เสี่ยวหลงพูดขึ้นแล้วพยายามจะลุกออกไป แต่ในตอนนั้นพวกมันก็ยิงกดพวกเขาเอาไว้ ชนิดที่ว่าไม่ให้พวกเขาโผล่หัวออกมาเลย

    “บ้าเอ้ย ถ้าเราออกไปไม่ได้ พวกเราตายกันหมดแน่” ดันเต้พูดพลางยิงตอบโต้พวกมัน ในตอนนั้นหุ่นยนต์ตัวหนึ่งก็บุกเข้ามาจุดการกับพวกเขา แต่ลันโทสได้ยิงพลังแม่เหล็กไฟฟ้าใส่มัน จนตัวของมันช็อตและหยุดนิ่งไป

    “เราใช้อาวุธธรรมดาไม่ได้ เราต้องใช้อาวุธพิเศษกับพวกมัน!!” ลันโทสพูดขึ้น

    “ก็ใช่ครับ แต่พวกเราส่วนใหญ่ไม่มีอาวุธจะจัดการมันนี่ครับ” ซีโร่พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ปาระเบิดใส่พวกมันอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นตัวของลุ้นก็จั่วไพ่ขึ้นมาใบหนึ่งอย่างรวดเร็ว

    “SHOCKED!!”

    และไม่นานนัก จู่ๆ จักรกลพวกนั้นก็เริ่มเกิดอาการไฟช็อต จากนั้นไม่นานตัวของนายลุ้นก็เกิดอาการไฟช็อตไปด้วย ทำเอาตัวของเขาล้มลงไปเลย คนอื่นๆจึงรีบไปปฐมพยาบาลเขาเบื้องต้น จนไม่นาน ตัวของเขาก็ฟื้นขึ้นมา

    “บ้าเอ้ย เจ็บชิงโป้งเลย!!” นายลุ้นพูดขึ้น โจไซอาห์และอินเนสซ่าที่แปลงร่างใช้พลังจัดการโดรนกลุ่มนั้น พวกเขารีบกลับคืนร่างมนุษย์ จากนั้นก็รีบหยิบเอาช็อกโกแลตของพวกเขาออกมา แล้วกินมันเข้าไปหนึ่งชิ้น

    “เราเหลือช็อกโกแลตน้อยแล้วนะ ต้องประหยัดหน่อยหล่ะ” อินเนสซ่าพูดขึ้น

    “เอาส่วนของฉันไปก็ได้นะ” โจไซอาห์พูดขึ้น จากนั้นก็หยืบเอาส่วนของเขาหนึ่งชิ้นให้กับอินเนสซ่าไป และไม่นานนัก จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอะไรบางอย่างมาจากด้านนอก พวกเขาโงหัวออกไปดู ก็พบว่าเห็นเหล่าวิญญาณกำลังพากันหักคอกลุ่มเจ้าหน้าที่ในชุดเกราะอย่างดุเดือด พวกมันบางคนพยายามทิ้งอาวุธหนี แต่ก็ไม่รอดฝีมือของวิญญาณพวกนั้น และไม่นาน วิบัติก็วาร์ปมาหาพวกของนาวินอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มาคุยกับพวกเขาไป

    “เฮ้อ พวกเจ้านี่ไม่คิดจะทำอันใดหน่อยหรือ??” วิบัติถามไป แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ทำอะไรกันต่อ จู่ๆ ยานบินอีกฝูงหนึ่งก็บินเข้ามาในพื้นที่ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ยานบินพวกนั้นไม่ได้ทำการโจมตีปูพรม แต่ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะขนกองกำลังอีกส่วนหนึ่งลงมา หนึ่งในนั้นมีกลุ่มของคริสเตียลด้วย ซึ่งพวกเขารีบลงมาจู่โจมกลุ่มผู้เกิดใหม่อย่างรวดเร็ว โดยที่คริสเตียลเป็นผู้นำทีม

    “พวกเรา กระจายกำลังออกไป!!” คริสเตียลพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็รีบยิงสกัดพวกผู้เกิดใหม่อย่างรวดเร็ว กลุ่มของคริสเตียลบางคนเห็นผีแบบตัวเป็นๆ แสงจันทร์ที่กลัวผีอยู่แล้วจึงยิงใส่มันไป

    “ปัง!!”

    “อ๊าค!!”

    วิญญาณตนนั้นโดนกระสุนของแสงจันทร์ก็ถึงกับกรีดร้องออกมา จากนั้นร่างของมันก็ค่อยๆสลายไปอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย ทำไมเราฆ่ามันได้หล่ะ??” แสงจันทร์ถามอย่างสงสัย

    “ก็พวกที่มีดวงเพชรฆาตอย่างเราสามารถฆ่าไอ้พวกนี้ได้ไงหล่ะ” จ่าชัยตอบไป จากนั้นเขาก็ชักลูกโม่ออกมาแล้วยิงใส่วิญญาณเหล่านั้นอย่างดุเดือด

    “พวกมันอยู่ด้านใน ยิงระวังด้วย เดี๋ยวโดนลูกหลง!!” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ไปหลบหลังซากหุ่นยนต์ แล้วยิงตอบโต้อย่างดุเดือด

    “พวกมันกำลังจะหนีแล้ว หน่วย B สกัดมันไว้ด้วย!!” เวอร์รีนพูดขึ้น

    “ฉันจัดการเอง!!” รูกิตะโกนออกมา จากนั้นไม่นานนัก ตัวของเธอก็วิ่งไปยังเส้นทางนั้นแล้วยิงใส่ขบวนรถที่กำลังจะหลบหนี แต่เธอก็สกัดไว้ได้แค่บางคัน

    “เฮ้อ ฉันขอสนุกหน่อยก็แล้วกัน!!” วูฟพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็แปลงร่างอย่างรวดเร็วจากนั้นก็บุกจู่โจมใส่กลุ่มผู้เกิดใหม่ที่หลบหนีไม่ได้

    “พวกมันมีกำลังมากไป เราจะฝ่ามันยังไงหล่ะ??” ยูริถามในขณะที่ยิงตอบโต้ไป

    “พวกมันจัดการจักรกลเราได้ มันคงต้องมีของดีแน่ๆ” รูกี้พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ใส่กระสุนเข้าไปในปืนใหม่แล้วกระหน่ำยิงต่ออย่างดุเดือด

    “พวกเรา ด้านในมีเส้นทางด้านหลังที่พอเข้าไปได้!!” กาลีน่าที่ใช้สไนเปอร์คุ้มกันบนยานบินได้พูดขึ้น

    “พวกเรา รีบเข้าไปด้านในเลย อย่าให้พวกมันทำลายหลักฐานได้!!” คริสเตียลพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบวิ่งฝ่าเข้าไปในตึกทางด้านหลัง ซึ่งในตอนนี้กำลังวุ่นวายอย่างสุดขีด

     

    และที่ด้านใน หลังจากที่การปะทะเป็นไปอย่างดุเดือด ตอนนี้แต่ละฝ่ายต่างถอนกำลังหนีไปคนละทาง เพราะพวกเขาไม่อยากเสียกำลังคนไปมาก ส่วนกลุ่มของนาวิน เมื่อพวกเขาเห็นว่าจะต้านไม่ไหว พวกเขาจึงต้องรีบตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว

    “พวกเรา ฉันต้านไม่ไหวแล้วนะ!!” ผู้เกิดใหม่คนหนึ่งพูดขึ้น และในตอนนั้นเขาก็ถูกยิงหัวจนแน่นิ่งคาที่ไป

    “คุณเบ็ตตี้ เอายังไงต่อหล่ะครับแบบนี้??” ลันโทสถามอย่างสงสัย

    “ฉันจะไม่ยอมเสียพวกไปมากกว่านี้ รีบไปจากที่นี่ รีบพาทุกคนหนีออกไปเร็ว!!” เบ็ตตี้พูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็ยิงสกัดพวก UNASO ไว้

    “ทางนี้ครับ ผมจะพาพวกคุณไปเอง” ซีโร่พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบพากันหนีออกไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว 

    “ภา รีบส่งโดรนมารับพวกเราหน่อย!!” นาวินบอกกับภาภินผ่านทางวิทยุไป

    “เย็นไว้พี่ ตอนนี้น่านฟ้ายังไม่สะอาด ผมคงต้องใช้โดรนไปเคลียร์ก่อน!!”

    “ฉันมีโดรนจู่โจมอยู่ ต้องรีบใช้มันด่วนเลย” ดันเต้พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็เห็นสภาพอากิระที่ดูเหมือนคนอิดโรยมานาน ทั้งๆที่ตัวของเขาถูกยิงแค่ถากๆ 

    “อากิระ นายเป็นยังไงบ้าง??” ฮารุถามไป

    “ฉันไม่เป็นอะไรหรอก แค่นี้สบายอยู่แล้ว” อากิระพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ลาลินก็ช้พลังกลิ่นของเธอให้อากิระดมเข้าไป จากนั้นอากิระก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

    “โอเคขึ้นนะคะพี่??” ลาลินถามไป และอากิระก็พยักหน้าตอบกลับเธอ

    “แล้วนี่ เราจะหนีไปยังไงต่อหล่ะ??” เสี่ยวหลงถามไป

    “เราจะเรียกโดรนมารับ ไม่ต้องกลัวไปหรอก” เวียนพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน อินเนสซ่าและโจไซอาห์ก็วิ่งมารวมตัวกับพวกเขาอย่างรวดเร็ว

    “ทุกคน ปลอดภัยดีนะ??” อินเนสซ่าถามไป

    “ก็โอเคพี่ แล้วพวกพี่สองคนเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” นายลุ้นถามไป

    “ตอนนี้เหมือนว่าพวกมันกำลังล้อมตึกไว้หมดแล้ว” โจไซอาห์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ทั้งโลร็องต์และลูโดวิกก็วิ่งลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว และก็กลับมาโดยใช้เวลาไม่นานนัก

    “ด้านหลังพวกมันอยู่กันเต็มเลย พวกที่เคยปะทะกับเรา” โลร็องต์พูดขึ้น

    “ใช่ ทางที่ปลอดภัยที่สุดน่าจะเป็นที่ด้านขวา เพราะพวกมันน้อยที่สุดครับ” ลูโดวิกพูดเสริม

    “ถ้าอย่างงั้น เรารีบลงไปด้านล่างก่อนดีกว่า ระวังให้ดีทุกฝีก้าวหล่ะ” นาวินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบวิ่งลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็วเพื่อหาทางหนี แต่ในตอนนี้กลุ่มของคริสเตียลก็บุกเข้ามาทางด้านหลังเรียบร้อยแล้ว พวกเขารีบฝ่าเข้าไปเพื่อจัดการกับกลุ่มผู้เกิดใหม่ที่ขวางทางพวกเขา

    “เข้ามาเลยไอ้พวกระยำ!!” รูกี้พูดขึ้นพลางใช้ปืนยิงพวกมันอย่างดุเดือด

    “ทุกคน หลบก่อนเร็ว!!” ฮาเวิร์ดตะโกนออกมา จากนั้นเขาก็หยิบเอาระเบิดแสงลูกหนึ่งออกมา จากนั้นก็ปาใส่พวกนั้นในทันที

    “ตู้ม!!”

    เมื่อระเบิดแสงทำงาน พวกเขาก็บุกเข้าไปปะทะกับกลุ่มผู้เกิดใหม่จนพวกมันต้องถอยกลับออกมา

    “เฮ้อ นึกว่าจะแน่ซักแค่ไหน” เวอร์รีนพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีวิทยุติดต่อพวกเขาเข้ามา

    “ทุกคน นี่กาลีน่า พวกมันตั้งแนวปืนกลไว้ ระวังด้วย!!”

    “ทุกคน ระวังด้วย...” รูกิยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ ก็มีเสียงปืนกลดังขึ้นมาจากด้านหน้าของพวกเขา

    “ปังๆๆๆๆๆ!!”

    ในตอนนั้นรูกิเกือบโดนกระสุนเข้า แต่แสงจันทร์ก็คว้าตัวเธอมาหลบได้ทัน จากนั้นตัวของเขาก็ชักปืนออกมาแล้วพยายามยิงสวนไป

    “บ้าเอ้ย แบบนี้เราไปไหนไม่ได้แน่ๆ” แสงจันทร์พูดขึ้น

    “นั่นสิ ไม่อย่างงั้นเราบุกเข้าไปไม่ได้แน่” ยูริพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง คริสเตียลก็ใช้อาวุธพิเศษของเขายิงใส่มัน มันเป็นลูกระเบิดชนิดพิเศษ ซึ่งมันทำลายรังปืนกลนั้นได้เบ็ดเสร็จ

    “พวกมันไปหมดแล้ว เราจะเอาไงต่อดีหล่ะ??” จ่าชัยถามไป และในตอนนั้นเอง จู่ๆ วิญญาณตัวหนึ่งก็พยายามมาล็อคตัวของจ่าชัยเอาไว้ ทำเอาคนอื่นๆถึงกับแปลกใจมาก จ่าชัยในตอนนั้นพยายามจะเอื้อมไปหยิบมีดของเขามา แต่ในตอนนั้น วูฟก็ใช้กรงเล็บฟาดมันเข้าไปด้านหลัง จนดวงวิญญาณของพวกมันถึงกับสลายไปอย่างรวดเร็ว

    “ทำอะไรระวังหน่อยสิโว้ย!!” วูฟตะโกนออกมา จากนั้นไม่นานพวกเขาก็พยายามฝ่าแนวของพวกนั้นเพื่อบุกต่อ

     

    กลุ่มของนาวินพยายามวิ่งลงมาด้านล่าง และในตอนนั้นพวกเขาก็ลงมาถึงชั้นสอง และไม่นาน พวกเขาก็ใกล้กับกองกำลังของ UNASO ชนิดที่ว่าแทบจะหายใจรดต้นคอ แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งวิ่งมาชนกลุ่มของนาวิน ทำเอาพวกเขาเซไปคนละทาง และในตอนนั้นอากิระก็ล้มลงกับพื้น แต่ในตอนนั้น เขาก็เห็นของอะไรบางอย่างตกพื้น มันเป็นซองพลาสติกซึ่งบรรจุอะไรบางอย่างซึ่งมีสีขาว ชายคนที่ชนรีบคว้าของนั้นขึ้นมา และเหลือบไปมองเจอหน้าอากิระเข้า มันมองอยู่ซักพักก็รีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว อากิระเห็นดังนั้นจึงแปลกใจเล็กน้อย แต่เสี่ยวหลงและอัญชันก็มาประคองเขาไว้และให้ลุกขึ้นมา และไม่นาน ชายอีกกลุ่มหนึ่งก็พยายามวิ่งผ่านพวกเขาแล้วหนีออกไป แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะหนีพ้น จู่ๆ พวกเขาก็ถูกยิงมาจากที่ไหนซักแห่งจนตายคาที่ อากิระเห็นดังนั้นจึงหยิบปืนออกมา จากนั้นก็ยิงสวนพวกมันไปอย่างรวดเร็ว

    “ปังๆๆๆๆ!!”

    กลุ่มของนาวินเห็นสถานการณ์ดังนั้นจึงรีบไปหลบก่อน และกลุ่มคนที่ยิงพวกเขาก็คือกลุ่มของคริสเตียลนั่นเอง คริสเตียลพยายามจะบุกขึ้นไป แต่กลุ่มของนาวินยิงสกัดเอาไว้อย่างดุเดือด

    “เฮ้ย ถอยออกไปดีกว่า!!” นาวินพูดขึ้น

    “ฉันไม่ถอยจนกว่าพวกแกจะยอมแพ้!!” คริสเตียลพูดขึ้น และในตอนนั้น อากิระที่ได้ยินเสียงก็พูดขึ้น

    “สวัสดีครับท่าน ท่านยังจำผมได้หรือเปล่า แล้วก็ผู้พันจอห์นสันด้วย??” 

    “จอห์นสัน นี่แกเป็นใครกันแน่ ทำไมรู้จักจอห์นสันด้วย??” คริสเตียลถามไป

    “อย่ามาทำเป็นไขสือ พวกมึงหักหลังผู้พัน และพยายามจะฆ่ากูด้วย วันนี้แหละ มึงไม่รอดแน่!!” อากิระพูดขึ้น จากนั้นเขาก็โผล่ออกไปยิงกับพวกของคริสเตียล แต่คริสเตียลก็หลบได้ ฮาเวิร์ดพาคริสเตียลไปหลบอยู่บริเวณหลังกำแพง จากนั้นไม่นาน พวกของนาวินก็รีบลงมาอย่างรวดเร็วและหนีไปทางด้านขวาของตึก ในขณะที่คนอื่นๆพยายามจะสกัดไว้ แต่ก็แทบไม่ได้ผล เพราะแต่ละคนมีพลังที่ต้านทานกับพวกเขาได้

    “ท่านครับ เราต้องจัดการพวกมันนะครับ!!” ฮาเวิร์ดพยายามจะดึงสติคริสเตียลกลับมา และไม่นานคริสเตียลก็ตั้งสติได้ เขาจึงหยิบปืนและออกตามล่ากลุ่มของนาวิน แต่พวกเขาทั้งหมดหนีออกมาได้ทัน คริสเตียลในตอนนั้นพยายามจะไล่ตามกลุ่มของนาวินซึ่งหนีออกไปทางลานกว้างด้านนอก แต่ในตอนนั้น

    “ฟิ้ว!!”

    โดรนของดันเต้ได้บินเข้ามา ยิงสกัดพวกของคริสเตียลอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบไปรับพวกของนาวินให้ขึ้นมา

    “พี่วิน เราต้องหนีแล้วครับพี่ ตอนนี้น่านฟ้าสะอาดครับ!!” 

    ภาภินประกาศออกมาทางวิทยุของเขา จากนั้นกลุ่มของนาวินทั้งหมดก็ขึ้นโดรนหนีในทันที พวกของคริสเตียลคนอื่นๆพยายามจะขัดขวางเอาไว้ แต่ก็ไม่ทันแล้ว วูฟพยายามจะตามไป แต่หลังจากที่ตัวของเขาใช้พลังสู้กับโจไซอาห์และอินเนสซ่าก็แปลงร่างไม่ไหว โดรนลำนั้นค่อยๆบินออกไปจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว

    “ระยำเอ้ย แม่งหลุดไปจนได้!!” วูฟพูดขึ้นพลางเตะของที่อยู่แถวนั้น และในขณะที่พวกเขากำลังหายใจหายคอกันอยู่นั้นเอง จู่ๆ ทหารคนหนึ่งก็วิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับคริสเตียลอย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ เชิญทางนี้ด้วยครับ!!”

    คริสเตียลรีบพาคนของเขาตามทหารคนนั้นไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาเดินตามทหารคนนั้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขามาหยุดที่ห้องใต้ดินของตึก ภาพที่พวกเขาเห็นก็คือ บรรดาเครื่องจักรผลิตสินค้ามากมายที่อยู่ในนั้น คริสเตียลตอนนั้นแปลกใจเลยเดินเข้าไปดูในทันทีว่ามันเป็นเครื่องจักรอะไร

    “นี่มันเครื่องจักรผลิตอะไรกันเนี่ย??” คริสเตียลถามไป

    “เฮโรอีนครับท่าน เรายึดเฮโรอีนของพวกมันมาได้บางส่วนด้วยครับ!!” ทหารคนหนึ่งตอบไป ทำเอาคนอื่นๆถึงกับแปลกใจว่ามันเป็นไปได้ยังไง

    “นี่พวกมันใช้ที่นี่เป็นแหล่งผลิตยาเสพติดด้วยงั้นเหรอ ไอ้พวกระยำเอ้ย!!” ยูริตะโกนออกมา และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารอีกกลุ่มหนึ่งได้พาผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินมาหาคริสเตียลด้วย 

    “จับผู้เกิดใหม่ได้อย่างงั้นเหรอ??” คริสเตียลถามไป

    “ไม่ใช่ครับ พวกเธอเป็นคนครับ พวกเธอถูกจับมาขายครับผม”

    “อะไรกัน นี่มันยังค้ามนุษย์ด้วยเหรอ ไอ้พวกนี้!!” แสงจันทร์พูดอย่างโมโห

    “ดูเหมือนว่าเรามาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวนะคะเนี่ย” รูกิพูดขึ้น

    “แต่ว่า พวกนี้มันอยู่ในขอบข่ายงานของเรางั้นเหรอ??” วูฟถามไป

    “ถึงยังไงเราก็ต้องช่วยพวกเธอเอาไว้ พาพวกเธอไปที่ปลอดภัยก่อน” คริสเตียลพูดขึ้น 

    “เราต้องแจ้งตำรวจด้วยนะครับว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น” จ่าชัยพูดขึ้น

    “นั่นสินะ ติดต่อทางกรมตำรวจไทย บอกว่าพวกเราตรวจพบยาเสพติด รวมถึงมีการค้ามนุษย์ที่นี่ด้วย” คริสเตียลออกคำสั่งไป และไม่นานนัก กาลีน่าก็รีบวิ่งมาสมทบกับพวกเขาด้วย เพื่อมาดูเรื่องราวที่เกิดขึ้น

    “อ่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะเนี่ย??” กาลีน่าถามไป

    “เธอไม่ต้องรู้หรอก ว่าแต่ เราจับพวกมันได้เท่าไหร่ เสียคนไปเท่าไหร่??” คริสเตียลถามไป

    “พวกมันผลัดกันฆ่ากันตายหนีความผิดไปก่อนแล้วครับ ทำให้เราจับใครไม่ได้เลยครับ ส่วนคนของเราตายไป 10 เจ็บไป 28 จักรกลเสียหายอีกนับร้อยเลยครับ!!” ทหารคนหนึ่งได้รายงานไป

    “พวกมันต้องฆ่าตัวตายเพื่อไม่ให้ความลับรั่วไหลแน่นอน” รูกี้พูดขึ้น

    “ท่านคะ ว่าแต่ ผู้พันจอห์นสันเกี่ยวข้องอะไรด้วยอย่างงั้นเหรอคะ??” เวอร์รีนถามอย่างสงสัย

    “นั่นสิครับ ถ้าที่เจ้าหมอนั่นมันพูดมาเป็นจริง มันเกิดอะไรขึ้นกับเขาเหรอครับ??” ฮาเวิร์ดถามเสริม แต่ดูเหมือนว่าคริสเตียลจะน้ำท่วมปาก เขาแทบไม่พูดอะไรออกมาเลย

     

    ทางด้านของนาวินและกลุ่มของเขา หลังจากที่พวกเขาขึ้นโดรนกันมาจนหมด พวกเขาก็รีบกลับไปที่แหล่งกบดานของดันเต้อย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นทุกคนดูเหมือนจะเหนื่อยกันมาก แต่เป็นอากิระคนเดียวที่รู้สึกโกรธแค้น ทำเอาเสี่ยวหลงถึงกับต้องไปคุยกับเขาอย่างรวดเร็ว

    “อากิระ นายไม่เป็นไรนะ??” เสี่ยวหลงถามไป แต่ในตอนนั้นอากิระไม่ได้ตอบอะไรเพราะมัวแต่โมโหอยู่

    “อากิระ หมอนั่นเกี่ยวข้องอะไรกับนายอย่างงั้นเหรอ??” อัญชันถามเสริม

    “เรื่องมันยาวหน่ะ เอาไว้กลับไปฉันจะไปเล่าให้ฟังก็แล้วกัน ไอ้ระยำคริสเตียล” อากิระพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ ยังดีที่เราหนีมาได้ ดูเหมือนว่าครั้งนี้พวกมันจะเอาจริงนะครับ” ซีโร่พูดขึ้น

    “นั่นสิ คุณเบ็ตตี้ครับ คุณจะไปที่ไหนต่อครับ??” ลันโทสถามไป

    “ถ้าคุณยังไม่มีที่พัก ไปอยู่บ้านผมก่อนได้นะครับ” ดันเต้พูดขึ้น

    “ไม่เป็นไรค่ะดันเต้ ไปส่งฉันที่ตึกข้างหน้าก็ได้ค่ะ ฉันนัดคนเอาไว้แล้ว” เบ็ตตี้ตอบไป

    “ตอนนี้พวกมันเล่นอาวุธหนักเลย ทั้งหุ่นยนต์ รวมถึงโดรนพวกนั้นอีก” ฮารุพูดขึ้น

    “เห็นทีเราคงใช้อาวุธธรรมดาๆไม่ได้แล้วหล่ะ” เวียนพูดในขณะที่นั่งกอดเข่า

    “พี่วินๆ วันนี้เป็นยังไงบ้างพี่??” ภาภินถามอย่างสงสัย

    “อ้อ เดี๋ยวกลับไปจะเล่าให้ฟังนะ เอาหล่ะ เห็นทีเราคงต้องมาคิดแผนกันใหม่เลยหล่ะ” นาวินพูดขึ้น

    “เห็นด้วย ไม่อย่างงั้นพวกเราตายกันหมดแน่” โจไซอาห์พูดขึ้น

    “ฉันว่าจักรกลพวกนั้นไม่เท่าไหร่หรอก แต่คนที่ชื่อคริสเตียลหน่ะสิไม่ธรรมดา” อินเนสซ่าพูดขึ้น

    “กะไว้แล้วว่าไพ่ที่ผมจั่วมามันต้องเป็นแบบนี้” นายลุ้นพูดขึ้น

    “เอาเถอะ อย่างน้อยมันก็เป็นประโยชน์นี่นะ” ลูโดวิกพูดพลางแตะไหล่ลุ้นไป

    “ผมว่าปัญหาคงไม่มีอะไรมากหรอก ถ้าไม่เก็บพวกมันก่อน ก็โดนพวกมันเก็บ แค่นั้นเอง” ลูโดวิกพูดขึ้น

    “หนูว่า พวกมันคงต้องตามล่าพวกเราแน่นอนค่ะ” ลาลินพูดต่อไป

    “เอาเถอะ ถึงยังไงพวกมันก็ยังตามเราไม่ได้หรอก เราคงต้องกบดานกันซักพักแล้วหล่ะ” นาวินบอกกับทุกคนไป

     

    และอีกด้านหนึ่งของที่เกิดเหตุ หลังจากที่กลุ่มของเกเบรียลนั่งรถแท็กซี่เดินทางมาถึงสถานที่ที่พวกตำรวจเดินทางมาถึง พวกเขาก็พบกับรถตำรวจมากมายจอดเรียงรายกัน ราวกับว่าพวกเขากำลังบุกจับอะไรบางอย่าง พวกเขาซุ่มอยู่ในป่าบริเวณนั้นและดูความเคลื่อนไหวไปด้วย 

    “โห พวกตำรวจมาทำอะไรกันแถวนี้เนี่ย??” แก้วถามอย่างสงสัยในขณะที่กำลังขี่หลังเบลมองดูไป

    “สงสัยพวกนั้นต้องมาบุกจับอะไรบางอย่างแน่ๆ” เบลพูดขึ้น

    “ว่าแต่ พวกเราจะมาที่นี่ทำไมกันนะ??” เกเบรียลถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงอะไรดังมาจากด้านหลัง พวกเขาหันไปมองก็พบกับชายคนหนึ่งในสภาพเลือดท่วมตัว แต่ที่น่าแปลกก็คือ พวกเขาสัมผัสได้ถึงสิ่งที่พวกเขามีเหมือนกัน

    “นี่นาย ผู้เกิดใหม่งั้นเหรอ??” แก้วถามไป และในตอนนั้นเอง ตัวของชายคนนั้นก็ล้มลงไปกับพื้น ทำเอาเบลและเกเบรียลต้องรีบไปดูเขาอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย นาย เป็นอะไรหรือเปล่า??” เบลถามชายคนนั้นไป

    “พวกมันมาตามล่าผู้เกิดใหม่แล้ว UNASO” ชายคนนั้นพูดด้วยเสียงแผ่วๆ

    “เดี๋ยว นี่มันอะไรกันเนี่ย??” เบลถามอย่างสงสัย

    “ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะมาที่นี่ แล้วฆ่าทุกอย่างที่ขวางหน้าสินะ” แก้วพูดขึ้น

    “พวกคุณต้องไปที่เขตรังสิต พวกเราไปสมทบกันที่นั่น แล้วพวกคุณจะปลอดภัย” ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นไม่นานตัวของเขาก็สิ้นลมล้มลงไปอย่างดื้อๆ 

    “เฮ้ย อย่าเพิ่งตายสิ ทำไมหมอนี่ถึงตายได้อีกหล่ะ??” เกเบรียลถามอย่างสงสัย

    “แสดงว่า เขาต้องถูกผู้เกิดใหม่ด้วยกันฆ่าตาย ไม่ก็ผู้ที่มีดวงเพชรฆาตหน่ะ ฉันเคยได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน” แก้วพูดขึ้น

    “งั้นแสดงว่า พวกมันขนคนที่มีดวงเพชรฆาตมาปราบสินะ” เบลพูดขึ้น

    “แล้วเราจะเอายังไงต่อหล่ะ อย่าบอกนะว่าต้องไปถึงหนองจอกตามที่มันบอกหน่ะ??” เกเบรียลถามไป

    “ไม่ต้องหรอก เราไปหลบอยู่ต่างจังหวัดซักพักดีกว่า” แก้วพูดขึ้น

    “ป่านนี้พวกมันคงปิดทางเข้าออกหมดแล้ว ไม่อย่างงั้น พวกเราก็พักกันแถวนี้ก่อน รอจนกว่าพวกตำรวจจะไปกันหมดก็แล้วกัน” เบลบอกกับทุกคนไป จากนั้นตัวของเขาก็ทิ้งตัวลงนั่งอยู่ในป่าแห่งนั้น

     

    กลับมายังบ้านของอีสครินน่า ในตอนนั้นเธอและพรรคพวกของเธอกำลังเตรียมพร้อมเพื่อออกเดินทางตามหาพัตติยาที่หายตัวไป ในตอนนั้นเธอให้ลูอีสเกณฑ์คนมาเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ออกรถกัน จู่ๆ พัตติยาก็วาร์ปมาหาอีสครินน่าที่กำลังยืนอยู่หน้าบ้าน อีสครินน่าที่เห็นเธอจึงวิ่งเข้าไปกอดเธออย่างรวดเร็ว เพราะในตอนนี้เธอได้เจอกับพัตติยาแล้ว

    “พัตติยา เธอปลอดภัยดีนะ??”

    “ฉันไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ เธอจะไปที่ไหนเหรอ??” พัตติยาถามไป

    “ฉันก็กำลังจะไปตามหาเธอนั่นแหละ แล้วเธอไปที่ไหนมาหล่ะ??” อีสครินน่าถามไป

    “ฉันไปเจอกับพวกกลุ่มต่อต้านเรียบร้อยแล้ว และเธอต้องไม่เชื่อแน่ๆว่าฉันไปเจอใคร” พัตติยาพูดอย่างตื่นเต้น

    “ห่ะ เธอไปเจอใครอย่างงั้นเหรอ??” อีสครินน่าถามไป

    “ก็คนที่เธอกำลังตามหาเขาอยู่ไง ฉันว่าเขาน่าจะต้องรู้อะไรแน่ๆ” พัตติยาพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ ก็ดีหน่ะสิ” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เราก็ลองไปหาพวกเขาสิ” พัตติยาพูดขึ้น

    “อืม เอาไว้คราวหน้าก็ได้นี่” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “ฉันอยากจะไปช่วยพวกเขา พวกเขาช่วยฉันไว้ ไม่อย่างงั้นฉันคงตายไปนานแล้วหล่ะ” พัตติยาพูดขึ้น

    “แต่ว่า คุณรู้เหรอครับว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน??” ลูอีสถามไป

    “ก่อนจะจากมา ฉันขอที่อยู่พวกเขาไว้หน่ะ” พัตติยาพูดขึ้น

    “อ้อ อย่างงั้นเหรอ ดีแล้วหล่ะ แล้วเธออยากไปช่วยพวกเขาจริงๆเหรอ??” อีสครินน่าถามไป

    “ใช่แล้วหล่ะ แล้วฉันก็อยากให้เธอช่วยพวกเขาด้วย ฉันไม่อยากทิ้งพวกเขา” พัตติยาพูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้นก็ได้ เธอลองพาฉันไปหาพวกเขาหน่อยสิ” อีสครินน่าพูดขึ้น และในตอนนั้น ตัวของพัตติยาก็เอากระดาษโน้ตอะไรบางอย่างให้กับอีสครินน่า ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอขอจากพวกของนาวินมานั่นเอง 

    “ที่นี่อย่างงั้นเหรอ ลูอีส ว่าไง??” อีสครินน่าพูด จากนั้นก็เอาที่อยู่ให้กับลูอีสไป

    “อืม ดูแล้ว เราน่าจะเดินทางไปพรุ่งนี้ จะปลอดภัยกว่าครับ” ลูอีสพูดขึ้น

    “ห่ะ ต้องพรุ่งนี้เลยงั้นเหรอ??” พัตติยาถามไป

    “เธอไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงเราไปเจอกับพวกเขาแน่ๆ ตอนนี้เธอก็พักผ่อนก่อนเถอะ ไว้ค่อยว่ากันว่าจะเอายังไงต่อไป” อีสครินน่าเกลี้ยกล่อมพัตติยาไปจนเธอใจอ่อนและยอมทำตามที่อีสครินน่าขอ

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในกรุงเทพ หลังจากที่ตัวของมิกิได้หนีจากพวกตำรวจที่มาตามล่าเธอได้เรียบร้อยแล้ว ตัวของเธอต้องรีบหาที่อยู่ใหม่ เพราะในตอนนี้เธอแทบไม่มีที่ไหนให้ซุกหัวแล้ว ตัวของเธอเดินหลบตำรวจไปตามถนน แต่ในระหว่างที่เธอกำลังเดินไปตามถนน จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่ข้างเธอ จากนั้นก็เปิดกระจกให้กับเธอ

    “คุณมิกิใช่หรือเปล่า คุณเบ็ตตี้มีข้อเสนอ ถ้าคุณไม่อยากตาย??”

    มิกิได้ยินดังนั้นจึงไม่มีทางเลือก เธอจึงรีบขึ้นรถไปกับชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นรถคันนั้นก็รีบขับออกไปจากพื้นที่นั้น ชายคนขับรถรีบคุยกับมิกิอย่างรวดเร็ว

    “ตามหาฉันเจอได้ยังไง??” มิกิถามอย่างสงสัย

    “คุณเปิดเพจสินะ ผมก็ตามแกะรอยจากเพจคุณมานั่นแหละ” 

    “ห่ะ นี่คุณแกะรอยได้งั้นเหรอ??” มิกิถามไป

    “ดูเหมือนระบบของคุณจะมีช่องโหว่นะ”

    “ว่าแต่ มีข้อเสนออะไรอย่างงั้นเหรอ??” มิกิถามอย่างสงสัย

    “ข้อมูลของคุณ แลกกับเงิน แล้วก็หนีออกจากประเทศนี้ ไปอยู่ประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน” 

    “งั้นเหรอ จะให้ฉันกี่ล้านกันหล่ะ??” มิกิถามไป

    “50 ล้านบาท พร้อมกับหนีไปอยู่ที่มาเก๊า คุณเบ็ตตี้มีเซฟเฮ้าส์ที่นั่น คุณจะปลอดภัย”

    “อืม น่าสนใจ ฉันเองก็อยากไปคาสิโนเหมือนกัน” มิกิพูดขึ้น

    “แต่เราต้องการข้อมูลที่คุณมีทั้งหมดครับ”

    “แน่นอน แต่ฉันต้องการทำให้แน่ใจว่าฉันจะไม่โดนตามล่า หรือโดนหักหลังหน่ะ” มิกิพูดขึ้น

    “ได้สิ ผมจะพาคุณไปหาเบ็ตตี้ก่อน ไว้คุณเจรจากับเธอได้เลย ว่าแต่ หลักฐานที่คุณมีมันจะช่วยงานของเราได้หรือเปล่าหล่ะ??” 

    “ข้อมูลของฉัน รับรองว่าสามารถสาวไส้พวกมันได้ทั้งหมดเลยหล่ะ” มิกิพูดขึ้น

    “อืม ผมก็หวังว่ามันจะคุ้มนะครับ” ชายคนขับรถพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ขับรถไปเรื่อยๆ เพื่อไปยังเป้าหมายที่เขาตั้งใจไว้

     

    ทางด้านของไค ในตอนนั้นตัวของเธอก็พยายามตามรอบเกเบรียลไปเรื่อยๆ ตามข่าวที่เธอได้เจอมาตามโทรทัศน์และหน้าหนังสือพิมพ์ ตัวของเธอเดินทางไปเรื่อยๆ แต่ในตอนนั้นเอง ตัวของเธอก็เดินผ่านวินมอเตอร์ไซค์แถวนั้น ซึ่งมีโทรทัศน์เปิดอยู่ เธอเดินไปดูโทรทัศน์อย่างรวดเร็วเพื่อฟังว่ามันเป็นข่าวอะไร

    “มีการบุกเข้าตรวจค้นตึกร้างแห่งหนึ่งในย่านธัญบุรี พบเครื่องจักรซึ่งใช้ผลิตยาเสพติดมากมาย รวมถึงทางตำรวจได้ช่วยเหลือหญิงสาวมากมายซึ่งถูกจับมาเตรียมส่งไปขายต่างประเทศ ในตอนนี้ทางตำรวจยังไม่มีเบาะแสอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีนี้ แต่จะมีการขยายผลและตามล่าตัวการเบื้องหลังต่อไป..”

    “อะไรกัน อย่าบอกนะว่าผู้เกิดใหม่อีก??” ไคถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง ตัวของเธอก็เกิดนิมิตอะไรบางอย่าง ซึ่งภาพที่เธอเห็นก็คือกลุ่มตำรวจที่กำลังจะเดินทางมาที่นี่ ในตอนนั้นวินมอเตอร์ไซค์คนหนึ่งที่ได้เห็นเธอเข้าก็มาคุยกับเธอในทันที

    “นี่คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ??”  

    “อ่า ไม่มีอะไรคะ คุณคะ ดิฉันต้องการจะไปที่นั่นค่ะ” ไคถามวินมอไซค์คนนั้นไป วินมอไซค์ที่รู้ข่าวก็พูดขึ้น

    “อ้อ แต่มันไกลนะคุณ ผมว่าคุณไปแท็กซี่ดีกว่า”

    “งั้นเหรอคะ ให้บอกเขาว่าไปไหนหล่ะคะ??” ไคถามไป

    “บอกเขาว่าไปคลอง 8 ธัญบุรีหน่ะ คุณลองไปดูก็แล้วกัน” วินมอไซค์พูดขึ้น จากนั้นไม่นานตัวของไคก็เดินไปที่ถนนใหญ่อย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็รีบโบกแท็กซี่คันหนึ่งที่ขับเข้ามา จากนั้นก็คุยกับคนขับไป

    “คุณคะ ไปธัญบุรีคลอง 8 ค่ะ”

    โชเฟอร์คนนั้นพยักหน้า จากนั้นตัวของเธอก็ขึ้นรถ และรถก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว 

     

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งบนถนนพหลโยธิน ในตอนนั้นเซนได้ขโมยรถคันหนึ่งมาแล้วขับไปยังธัญบุรีเพื่อตามหาคนที่จ้างวานฆ่าเขา โดยที่ตัวของเซนเป็นคนขับรถ ส่วนคิฮาระก็คอยอ่านเอกสารให้กับเขา คิฮาระอ่านไปอ่านมา เธอก็พบกับข้อมูลอะไรบางอย่าง เธอเลยอ่านมันให้กับเซนได้ฟังในทันที

    “เออนี่ ฉันอ่านเจอมาว่า มีชายคนหนึ่งได้ว่าจ้างมือปืนไปทั่วเลย” คิฮาระพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ แล้วมันเป็นใครหล่ะ??” เซนถามอย่างสงสัย

    “เห็นว่ามันชื่อเฉิน มันเป็นนายหน้าหน่ะ” คิฮาระพูดขึ้น

    “อ้อ ฉันเคยได้ยินชื่อมัน เป็นนักธุรกิจจีนนี่ แล้วทำไมมันต้องจ้างมือปืนเยอะขนาดนี้หล่ะ??” เซนถามไป

    “มันอาจจะอยากกำจัดคนที่ขวางทางมันหล่ะมั้ง??” คิฮาระถามไป

    “แล้วไอ้ลูกนักการเมืองนั่นมันไปขวางทางอะไรเขาหล่ะ??” เซนถามอย่างสงสัย

    “คงต้องไปถามจากปากมันแล้วหล่ะ” คิฮาระพูดขึ้น

    “พวกมันไปกบดานที่นั่นทำไมกันหล่ะ??” เซนถามอย่างสงสัย

    “อืม มันมีโน้ตเล็กๆอยู่นะ เนี่ย” คิฮาระพูดขึ้นพลางยื่นมันให้กับเซนได้ดู เซนได้ดูแล้วก็พูดขึ้นในทันที

    “อืม โลเคชั่นใช้ได้นี่ เขตชานเมือง ไม่อยู่ในสายตาของงพวกตำรวจ” เซนพูดขึ้น

    “พวกมันก็ต้องอยู่ที่แบบนี้นั่นแหละ” คิฮาระพูดขึ้น

    “หวังว่าพวกตำรวจจะไม่ตามเรามานะ” เซนพูดขึ้น

    “ถึงยังไงพวกนั้นก็ทำอะไรเราไม่ได้อยู่แล้วนี่นะ” คิฮาระพูดขึ้นพลางเอนหลังนอนบนรถอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ตัวของเซนก็ขับรถต่อไปเรื่อยๆ เพื่อไปยังจุดหมายที่เขาตั้งใจไว้ 

     

    ณ ห้องพักของเพี้ยนในโรงแรมแห่งหนึ่ง ตัวของเพี้ยนนอนพักอยู่ในห้องนั้นอยู่ซักพัก เพี้ยนก็ลุกขึ้นมาจากเตียง แล้วก็เปิดโทรทัศน์ดูเพื่อแก้เบื่อ

    “นี่ เราไม่ได้เปิดแก้เบื่อนะ เดี๋ยวมันจะมีข่าวให้ดู”

    เพี้ยนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเพี้ยนก็เปิดโทรทัศน์ดูอย่างรวดเร็ว 

    “มีการบุกเข้าตรวจค้นตึกร้างแห่งหนึ่งในย่านธัญบุรี พบเครื่องจักรซึ่งใช้ผลิตยาเสพติดมากมาย รวมถึงทางตำรวจได้ช่วยเหลือหญิงสาวมากมายซึ่งถูกจับมาเตรียมส่งไปขายต่างประเทศ ในตอนนี้ทางตำรวจยังไม่มีเบาะแสอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีนี้ แต่จะมีการขยายผลและตามล่าตัวการเบื้องหลังต่อไป..”

    “เฮ้อ ไรท์ ใครจะโง่เชื่อหล่ะ เรารู้ว่ามันเป็นการปะทะระหว่างพวกผู้เกิดใหม่กับพวก UNASO หน่ะสิ งอนไรท์แล้วที่ไม่ยอมให้เราไปที่นั่น” 

    แต่พอเพี้ยนพูดจบ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูมาจากด้านหน้าห้องอีกครั้ง ในคราวนี้ก็มีเสียงพูดดังขึ้น

    “นี่ตำรวจ เปิดประตูหน่อย!!”

    “โหไรท์ เล่นแรงกันอย่างงี้เลยเหรอ??”

    เพี้ยนรีบเก็บของใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว และเมื่อเพี้ยนเก็บของเรียบร้อยแล้ว ตัวของเพี้ยนก็รีบออกไปทางหน้าต่างอย่างรวดเร็ว เพี้ยนออกไปเกาะขอบหน้าต่าง จากนั้นก็ค่อยๆหย่อนตัวลงจากตึก โดยใช้วิธีเกาะขอบหน้าต่างและหย่อนตัวลงไปเรื่อยๆ และไม่นานนัก ตัวของเพี้ยนก็เจอกับหน้าต่างบานหนึ่งที่เปิด ตัวของเพี้ยนจึงค่อยๆย่องออกไปจากห้องๆนั้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าของห้องนั้นกำลังอาบน้ำอยู่ เพี้ยนเปิดประตูออกมา จากนั้นตัวของเพี้ยนก็ถอนหายใจไปเฮือกใหญ่เลย

    “ไรท์จะพาเราไปหาเบาะแสใช่หรือเปล่า เยี่ยมเลย” เพี้ยนพูดขึ้น แต่ในตอนนั้น จู่ๆ ตำรวจสองคนก็เดินลงมาเจอกับเพี้ยนเข้า จากนั้นก็รีบไล่กวาดเพี้ยนในทันที

    “ไรท์ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก เราไปเอง!!” เพี้ยนพูดขึ้น จากนั้นก็รีบวิ่งหนีตำรวจทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว

     

    ณ สถานทูตสหรัฐอเมริกาในประเทศไทย รถของซูซาคุขับรถมาถึงสถานทูตซึ่งเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งกำลังรอต้อนรับเธออยู่ รวมถึงชายวัยชราคนหนึ่งซึ่งกำลังรอเธออยู่ด้านหน้าสถานทูต ตัวของเธอเดินลงจากรถ แล้วก็เดินไปหาชายชราคนนั้นอย่างรวดเร็ว

    “อ้าว ในที่สุดคุณก็มา คุณซูซาคุ”

    “ท่านทูตคะ ยินดีที่ได้พบท่านค่ะ” ซูซาคุตอบไป

    “อืม ต่อไปคุณก็ต้องมานั่งที่แทนผมแล้ว ยังไงผมก็ฝากทุกอย่างด้วยหล่ะ” 

    “รับทราบค่ะท่าน” ซูซาคุพูดขึ้น และไม่นานตัวของเธอก็รับตำแหน่งทูตอย่างรวดเร็ว และไม่นาน ตัวของทูตคนเก่าก็รีบเดินไปยังลานจอดเฮลิคอปเตอร์เพื่อออกเดินทางในทันที โดยที่ซูซาคุมาคอยส่งเขา หลังจากที่เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นไป ในตอนนั้นชายในชุดสูทคนหนึ่งก็เดินมาหาซูคาคุอย่างรวดเร็ว

    “คุณซูซาคุครับ”

    “อ้าว ฮันเตอร์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ซูซาคุทักทายเขาไป

    “ครับ ของที่คุณให้ผมเตรียมอยู่นี่แล้วครับ” ฮันเตอร์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ให้เอกสารมาประมาณ 10 แฟ้ม ซึ่งตัวของซูคาคุก็ยังไม่ได้อ่านมันเนื่องจากมันมีมาก

    “ข้อมูลเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไทยอย่างงั้นเหรอคะ??” ซูคาคุถามไป

    “ใช่ครับ มันเป็นเรื่องที่ผมรวบรวมจากสำนักข่าวไทยได้ครับ แล้วก็นี่ เป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็กที่คุณกำลังตามหาอยู่ครับ” ฮันเตอร์พูดขึ้นพลางยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้กับเธอด้วย

    “อืม อย่างงั้นเหรอ ขอบคุณมากนะ วันนี้นายไปกับฉันหน่อย” ซูซาคุพูดขึ้น

    “อ้าว วันนี้คุณจะไม่ทำงานหน่อยเหรอครับ??” 

    “อ้อ รอก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะกลับมาเคลียร์งานเอง ตามฉันมา” ซูซาคุพูดขึ้น จากนั้นเธอก็แบกเอกสารทั้งหมดกลับไปที่รถ Super Car ของเธอ โดยที่ฮันเตอร์ไปเปิดประตูรถให้เธออย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของฮันเตอร์ก็รีบไปนั่งที่นั่งคนขับ แล้วเตรียมออกรถในทันที

    “ผมดูจากตำแหน่งของบ้านเด็กกำพร้าแล้ว อยู่ห่างจากที่นี่ 30 นาทีครับ ถ้ารถไม่ติด” ฮันเตอร์พูดขึ้น

    “ยังไงรถก็ติดแน่ๆ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะอ่านเอกสารพวกนี้ก่อนก็แล้วกัน” ซูซาคุบอกเขาไป จากนั้นรถก็ออกตัวอย่างรวดเร็วเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง

     

    ณ เซฟเฮ้าส์ของสส.สุรสิงห์ ในตอนนั้นตัวของเขาได้ติดต่อผู้พันประกอบให้มาคุยกับเขาด้วย เนื่องจากในตอนนี้สถานการณ์ผู้เกิดใหม่เริ่มจะไม่สู้ดีนัก การพูดคุยเป็นไปอย่างดุเดือดมาก

    “ทำงานพลาดกันมามากแค่ไหนแล้ว นี่คุณรู้หรือเปล่าว่าผมเสี่ยงแค่ไหน??” สส.สุรสิงห์พูดขึ้น

    “ผมก็เสียลูกน้องไปเยอะเหมือนกัน แต่งานนี้องค์กรลับเขาบอกมาว่าจะจัดการเอง” 

    “แล้วพวกมันไม่คิดจะทำอะไรหน่อยเลยเหรอ ตอนนี้ข่าวของเรามันเริ่มจะแพร่กระจายออกไปแล้ว ถ้าเกิดพวกฝ่ายค้านเอามาเล่นงานเรา เราจบเห่แน่” สส.สุรสิงห์พูดขึ้น

    “ผมรู้ ตอนนี้เราต้องหาคนที่ปล่อยข่าวให้ได้ก่อน” 

    “ผมส่งตำรวจไปตามล่าแล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย” สส.สุรสิงห์พูดขึ้น

    “หรือว่าเราจะจัดการกันเองดีครับ??” ผู้พันประกอบถามไป

    “ก็คงต้องเป็นแบบนั้น ฉันลงทุนกับการกวาดล้างพวกมันไปเยอะ ไม่อย่างงั้นถ้าเกิดท่านนายกและพรรคเกิดไม่พอใจขึ้นมา พวกเราชิบหายแน่” 

    “จะกลัวอะไรหล่ะครับ อีกไม่นานคุณก็คงได้เป็นนายกสมใจคุณแล้ว” ผู้พันประกอบถามไป

    “ก็วันนั้นยังมาไม่ถึงหน่ะสิ ฉันต้องระวังตัวไว้ เฮ้อ ความจริงถ้าไอ้ลูกชายตัวแสบของฉันมันก่อเรื่อง มันคงไม่มีวันนี้หรอก” สส.สุรสิงห์พูดขึ้น

    “อย่าบอกนะครับว่าท่านจะถอนตัวหน่ะ??” ผู้พันประกอบถามไป

    “ผมแค่จะหาวิธีเพื่อให้เราสองคนรอดหน่ะ ผมว่าผมเปลี่ยนใจแล้ว เราปล่อยให้คนพวกนั้นดำเนินการไปหน่ะดีแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ไอ้พวกบ้านั่นก็ซวยแทนไป” สส.สุรสิงห์พูดขึ้น

    “จริงด้วยครับผม” ผู้พันประกอบพูดเสริม

     

    กลับมาที่ถ้ำของวิบัติ หลังจากที่ตัวของเขาได้เกณฑ์กำลังพลวิญญาณของเขาไปรบกับกลุ่ม UNASO ตัวของเขาก็กลับมาเพื่อตรวจสอบความเสียหายเพิ่มเติมในทันที

    “พวกเราตายไปเท่าไหร่กัน??” วิบัติถามวิญญาณของเขาไป

    “พวกเราไปตาย 20 ขอรับ” 

    “พวกมันจัดการวิญญาณของเราได้ พวกมันต้องมีดวงเพชรฆาตในกลุ่มเป็นแน่” วิบัติพูดขึ้น

    “จริงด้วยขอรับ แล้วนายท่านจักทำเยี่ยงไรต่อขอรับ??”

    “พวกเจ้าไปสืบมา ว่าผู้ใดมันมีดวงเพชฌฆาตบ้าง แล้วมาแจ้งแก่ข้า” วิบัติพูดขึ้น

    “รับทราบขอรับนายท่าน”

    “ว่าแต่ เมืองผาของข้า พวกเจ้ายังหาเขาไม่เจออีกหรือ??” วิบัติถามอย่างสงสัย

    “เราพยายามหาอยู่ขอรับท่าน”

    “ตามหาเขาต่อไปเสีย!!” วิบัติออกคำสั่งแก่พวกวิญญาณเหล่านั้นไป

     

    ณ สำนักงานใหญ่ของหน่วยงาน UNASO ตัวของ The Green กำลังผสมยาชนิดต่างๆเข้าไปในหลอดทดลองของเธอ รวมถึงเตรียมวัตถุดิบต่างๆในห้องของเธอ ในระหว่างที่เธอกำลังทดลองอยู่นั้น นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งก็มารายงานอะไรบางอย่างกับเธออย่างรวดเร็ว

    “ท่านคะ สำเร็จแล้วค่ะ!!”

    “สำเร็จ อะไรสำเร็จงั้นเหรอ??” The Green ถามอย่างสงสัย

    “ตัวทดลองของเราค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ” The Green ได้ยินดังนั้นจึงเดินตามนักวิทยาศาสตร์คนนั้นไปอย่างรวดเร็ว และไม่นานเธอก็เข้ามาในห้องๆหนึ่ง ซึ่งด้านในมีมนุษย์กลุ่มหนึ่งทั้งชายหญิง กำลังยืนนิ่งพร้อมกับร่างเปลือยเปล่า ยืนแถวตรงกันเพื่อรอรับ The Green อย่างรวดเร็ว

    “มนุษย์ทดลองของเรา หลังจากที่เราปรับโครงสร้างของร่างกาย โดยการฉีด DNA ที่เราปรับแต่งเข้าไปแล้ว ร่างกายของพวกเขาสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงทักษะการต่อสู้ก็เพิ่มสู้ขึ้นได้ตามที่เราตั้งใจไว้เลยค่ะ” นักวิทยาศาสตร์คนนั้นพูดขึ้น จากนั้นเธอก็จัดการทดลองมนุษย์พวกนั้นให้กับ The Green ได้ดู และเมื่อได้ทำการทดลองแล้ว The Green ก็ดูจะชื่นชอบผลการทดลองเป็นอย่างมาก ทำให้เธอถึงกับยิ้มออกมา

    “แล้วพลังของพวกนี้หล่ะ มีอะไรบ้าง??” The Green ถามไป

    “ตอนนี้เราพยายามทดลองอัตลักษณ์ประจำตัวของแต่ละคนอยู่ค่ะ แต่ยังไม่สำเร็จ แล้วอีกเรื่อง เราได้รับข่าวยืนยันมาแล้วว่า The S เริ่มจะปรากฏและเคลื่อนไหวแล้วค่ะ”

    “อย่างงั้นเหรอ แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหน??”

    “เรายังไม่ทราบตำแหน่งที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าเขาจะไปประเทศไทยค่ะ”

    “ถ้าอย่างงั้น ส่งมนุษย์ทดลองไปที่ประเทศไทย ไปอยู่ที่หน่วยของคริสเตียล ไม่ว่ายังไง เราก็ต้องจัดการกับ The S ให้ได้ แล้วการทดลองอัตลักษณ์ประจำตัว ก็ทำต่อไปแล้วกัน” The Green ออกคำสั่งไป

     

    กลับมายังหน่วยของ UNASO ซึ่งในตอนนี้พวกเขากลับมาหลังจากที่ปราบปรามกองกำลังผู้เกิดใหม่ ตัวของลีน่ากำลังแชทกับชายปริศนาอยู่ในห้อง โดยที่เธอได้นั่งจิ้มทองหยอดกินไปด้วย

    “ที่รักคะ ตอนนี้ฉันได้ตำแหน่งของดันเต้ รวมถึงของของที่รักแล้วค่ะ”

    “จริงเหรอ ถ้าอย่างงั้นเธอรีบจัดการเลย เอามันมาให้ฉัน แล้วฉันจะรีบไปเมืองไทยเลย”

    “ได้เลยค่ะที่รัก ไว้รอฟังข่าวดีจากฉันได้เลยค่ะ”

    ในขณะที่ลีน่ากำลังคุยแชทนั้น จู่ๆ กลุ่มของคริสเตียลก็กลับมาแล้ว ตัวของเธอหยุดแชท แล้วรีบเดินไปหากลุ่มของคริสเตียลอย่างรวดเร็ว 

    “สวัสดีค่ะคุณคริสเตียล คุณมาก็ดีแล้ว ฉันมีงานให้พวกคุณทำ” 

    “งานอะไรเหรอครับ คุณลีน่า??” คริสเตียลถามไป

    “สายของฉันเชื่อว่ากลุ่มผุ้เกิดใหม่ซึ่งมีความอันตรายระดับสูงสุด กำลังกบดานอยู่สถานที่แห่งหนึ่ง ฉันต้องการให้พวกคุณไปที่นั่น แต่ว่าอย่าเพิ่งปราบปรามพวกมันหล่ะ”

    “หือ ไม่ให้ปราบปราม ทำไมหล่ะครับ??” คริสเตียลถามไป

    “เรายังต้องใช้คนพวกนั้นเพื่อให้เราเข้าถึงกลุ่มผู้เกิดใหม่คนอื่นๆ ถ้าเราฆ่าพวกมันหมดตอนนี้ เราอาจจะหาพวกมันที่เหลือไม่เจอก็ได้ เอาหล่ะ เราจะเข้าโจมตีวันพรุ่งนี้ วันนี้พวกคุณไปพักผ่อนกันก่อนได้ค่ะ” ลีน่าพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เดินกลับเข้าไปในห้องของเธอออย่างรวดเร็ว

    “เฮ้อ ทำมาเป็นวางก้าม ว่าแต่ ท่านคะ เรื่องของผู้พันจอห์นสันนี่มันยังไงคะ??” เวอร์รีนถามอย่างสงสัย

    “เออ ขอโทษนะครับ ผู้พันจอห์นสันนี่เป็นใครกันครับ??” ยูริถามเสริมไป

    “ผู้พันจอห์นสัน เคยเป็นมือดีของฉัน เขาคุมหน่วยรบ War Dogs ซึ่งพวกเขาทำหน้าที่คอยเก็บกวาดงานให้กับเรา เขาเป็นคนที่ทำภารกิจได้ไม่เคยพลาด แต่วันหนึ่ง มีรายงานมาถึงผมว่าเขาทรยศคนในหน่วย แต่ก็ถูกวิสามัญไปแล้ว”

    “อืม แต่ในตอนนั้นผมคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ ผู้พันไม่ใช่คนแบบนั้น” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น

    “อ้าว แล้วแบบนั้น ทำไมพวกคุณถึงไม่สอบสวนคนที่ใส่ความเขาหล่ะ??” แสงจันทร์ถามไป

    “เรากำลังจะทำ แต่ว่ามันก็ชิงลาออกไปก่อน ฉันพยายามหาตัวมันแต่ก็ไม่พบเลย หน่วย War Dogs ถูกฆ่าตัดตอนจนหมด โดยที่ผมไม่ได้เป็นคนสั่ง” คริสเตียลพูดขึ้น

    “เฮ้อ ไอ้บ้านั่น ถ้าฉันเจอมันอีก รับรองว่าฉันเชือดไข่มันออกมาแน่” รูกี้พูดขึ้น

    “แล้วไอ้หมอนั่นมันเกี่ยวอะไรด้วยอย่างงั้นเหรอคะ??” รูกิถามคริสเตียลไป

    “หมอนั่นเป็นลูกน้องของจอห์นสัน ผมเคยเจอเขาครั้งหนึ่ง ในตอนที่ทำการทดลองผู้เกิดใหม่คนหนึ่งถามคำสั่ง The Green หน่ะ” คริสเตียลพูดขึ้น 

    “ดูเหมือนว่าหน่วยของคุณจะมีหนอนบ่อนไส้สินะ” วูฟพูดขึ้นพลางกอดอกไป

    “แล้วคุณตามล่าหนอนพวกนั้นไม่ได้เลยเหรอคะ??” กาลีน่าถามไป

    “ผมพยายามแล้ว แต่คนพวกนั้นก็ทยอยลาออกจากหน่วยกันหมด ผมเลยไม่รู้จะทำยังไงต่อ” คริสเตียลพูดขึ้น

    “เอาเถอะครับ ตอนนี้เราคงต้องไปจัดการงานของเราต่อหล่ะ” จ่าชัยพูดขึ้น

    “แน่นอน เอาหล่ะ วันนี้พวกคุณพักผ่อนกันเถอะ เรายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะเลย” คริสเตียลบอกกับทุกคนไป

     

    กลับมายังสถานที่กบดานของดันเต้ หลังจากที่โดรนของพวกเขาบินมาจอดที่ดาดฟ้าของตึก ในตอนนั้นตัวของภาภินและนายลืมก็มารอพวกเขา รวมถึงได้มาทักทายกันหลังจากนั้น

    “อ้าว เป็นยังไงกันบ้างครับเนี่ยพวกพี่??” นายลืมถามไป

    “ก็เกือบตายหน่ะสิ แต่ไม่เป็นไรหรอก” นาวินตอบกลับไป

    “ตอนนี้ผมพรางสัญญาณทุกอย่างเอาไว้แล้ว รีบเข้าไปด้านในกันก่อนเถอะครับ” ภาภินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็วเพื่อหลบให้พ้นจากสายตาของกลุ่มเจ้าหน้าที่ และไม่นานนัก พวกเขาก็มาคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

    “เสียดายที่พี่ไม่ให้ผมไปด้วย ผมอาจจะช่วยได้ก็ได้” นายลืมพูดขึ้น

    “ปัดโธ่ นายจะเป็นภาระเปล่าๆหน่ะสิแหม่” ภาภินพูดขึ้น 

    “ว่าแต่ อากิระ ทำไมคนพวกนั้นถึงได้รู้จักนายกันหล่ะ มันเกิดอะไรขึ้น??” อัญชันถามอย่างสงสัย ในขณะที่ทุกคนก็คอยฟังอย่างตั้งใจ

    “หลังจากที่ฉันฆ่าตัวตาย ฉันได้เจอกับผู้พัน เขาได้ชักชวนฉันให้เข้ามาในหน่วยรบอะไรบางอย่าง ซึ่งงานของเราเป็นงานตามล่าและเก็บกวาดสถานที่หน่ะ ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดีจนวันหนึ่ง” ตัวของเขาเล่าต่อ และความทรงจำเก่ามันก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวของเขา ในวันที่ตัวของอากิระยังอยู่ในหน่วยรบ เขาและผู้พันจอห์นสันกำลังยืนรับคำสั่งจากชายคนหนึ่ง นั่นก็คือคริสเตียลนั่นเอง 

    “เอาหล่ะ คุณไปจัดการตามนั้นเถอะผู้พัน” คริสเตียลออกคำสั่งไป และเปิดประตูเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ซึ่งในตอนนั้นอากิระก็เหลือบไปเห็นชายผิวสีคนหนึ่งซึ่งกำลังถูกจับมาทดลองอะไรบางอย่าง สายตาของอากิระกับชายคนนั้นประสานกันอยู่ซักพัก จากนั้นตัวของผู้พันจอห์นสันก็พาอากิระออกมาอย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ ไอ้หมอนั่นมันเป็นใครครับ ถึงต้องให้เราคุ้มกันและพามันมาที่นี่??” อากิระถามไป

    “ได้ยินว่ามันเป็นตัวอันตราย แต่ผมไม่รู้ชื่อมันหรอก อากิระ ฉันมีอะไรจะคุยกับนายหน่อย” ผู้พันจอห์นสันพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พากันไปที่ห้องทำงานของผู้พันจอห์นสัน และเมื่อเขาปิดประตูห้อง จอห์นสันก็คุยกับอากิระอย่างรวดเร็ว

    “อากิระ ผมอยากถอนตัว”

    “ท่านว่ายังไงนะครับ??” อากิระถามอย่างแปลกใจ

    “ฉันว่างานนี้มันเริ่มมีลับลมคมในแล้ว แล้วอีกอย่าง ไอ้ผู้กองเจ็ค ผมรู้สึกว่ามันกำลังซ่อนความลับอะไรอยู่ ผมอยากจะให้คุณช่วยเอานี่ไปให้กับเมียผมหน่อย ถือว่าผมขอร้อง บอกผมด้วยว่าผมรักเธอ ให้เธอหนีไปที่อื่นกับลูกๆด้วย” ผู้พันจอห์นสันพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็หยิบเอาแฟลชไดร์ฟของผู้พันจอห์นสันมา และในตอนนั้น ตัวของผู้พันจอห์นสันก็ส่งเขาไปที่เส้นทางลับซึ่งถูกซ่อนอยู่หลังชั้นวางหนังสือ จอห์นสันเลื่อนมันออกจนเห็นเส้นทางลับ แล้วส่งตัวของอากิระไปอย่างรวดเร็ว 

    “ก๊อกๆๆ” จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าห้อง จอห์นสันไปดูจอภาพกล้องวงจรปิดที่อยู่ด้านหน้า แล้วก็พบว่ามีทหารประมาณ 3 คนยืนอยู่ด้านหน้า กำลังเคาะประตูที่หน้าห้องของเขา

    “มาเร็วกว่าที่คิดแหะ ถ้าเกิดว่าผมไม่รอด ยังไงก็ฝากจัดการทุกอย่างให้ผมด้วย” 

    จอห์นสันพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ส่งอากิระออกไปอย่างรวดเร็ว

     

    “นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เจอกับผู้พัน จากนั้นฉันก็ได้ยินไอ้เจ็คมันข่มขู่ผู้พัน แล้วก็เสียงปืนดังอีก 3 นัด ฉันรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันเลยหลบหนีมาจากอเมริกา รวมถึงปกปิดตัวตน แล้วมาไทยแบบเงียบๆ นั่นหล่ะสาเหตุที่พวกนายไม่เคยเจอตัวฉันเลย” อากิระบอกกับทุกคนไป

    “อ้อ มิน่าหล่ะ นายถึงได้หายไปจากฉัน แล้วทำไมนายถึงไม่กลับมาหาฉันหล่ะ??” เสี่ยวหลงถามต่อ แต่ในตอนนั้นอากิระก็ยังไม่ยอมตอบอะไร

    “ดูเหมือนว่า ฝ่ายนั้นมันก็มีหนอนบ่อนไส้เหมือนกัน” เวียนพูดขึ้น

    “ใช่ แต่ก่อนอื่น เราคงต้องหาข้อมูลของพวกมันเพิ่ม ภาภิน จัดการด้วยหล่ะ” ฮารุพูดขึ้นและหันไปบอกภาภิน ภาภินพยักหน้าตอบไป

    “แล้วนี่ พวกเราจะเอายังไงกันต่อหล่ะ??” โจไซอาห์ถามอย่างสงสัย

    “เราคงต้องกบดานอยู่ที่นี่กันซักพักแล้วหล่ะ จนกว่าจะมีข่าวเพิ่มเติม” อินเนสซ่าออกความเห็นไป

    “ก็ดีเหมือนกันนะครับ ผมเองก็อยากพักผ่อน” โลร็องต์พูดขึ้น

    “นั่นสิ เรามาเล่นไพ่กันหน่อยดีหรือเปล่า??” นายลุ้นถามไป

    “โธ่ แกมันเซียนพนัน ยังไงแกก็ชนะอยู่แล้วนี่หว่า แต่ถ้าไม่เสียเงิน ฉันก็อยากลองเหมือนกัน” ลูโดวิกพูดขึ้น

    “แหม่ๆ พวกพี่ๆเล่นกันไม่รู้เวลาจริงๆนะคะ” ลาลินพูดขึ้น

    “ตอนนี้บรรดากลุ่มต่อต้านคงจะไปกบดานกันแล้ว คงต้องรอคุณเบ็ตตี้ติดต่อมา” ลันโทสพูดขึ้น

    “เรื่องเบ็ตตี้ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะคุยกับเธอเอง” ดันเต้พูดขึ้น

    “ตอนนี้เราคงต้องเสริมกำลังที่นี่ ไว้รับมือพวกมันแล้วหล่ะ” ซีโร่พูดขึ้น 

    “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ เอาเป็นว่าถ้ามีสถานการณ์อะไร เราค่อยมาจัดการก็แล้วกันนะครับ” นาวินบอกกับทุกคนไป ก่อนที่ทุกคนจะรีบแยกย้ายกันไปพักผ่อนอย่างรวดเร็ว

    ====================================================================

    ถึงแม้ว่าพวกเขาจะหนีรอดมาได้ แต่พวกเขาต้องเจอกับอะไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    https://ko-fi.com/shinobinon ถูกใจนิยาย อยากเลี้ยงกาแฟผม จัดเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×