NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Magic Bullet - กระสุนเวทย์พิชิตโลก (ปิดรับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 7 : งานใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ค. 67


    ที่ร้านของชำของดอรี่ ในตอนนี้กลุ่มของเคนนี่เพิ่งจะมาถึงร้าน และพวกเขาก็พบว่าตอนนี้ร้านปิด โดยที่ผู้คนบางส่วนยังเดินผ่านไปผ่านมาหน้าร้าน ส่วนกลุ่มของเคนนี่ก็คอยซุ่มดูอยู่ที่หน้าร้าน และต้องปลอมตัวไปด้วย เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะมีจับตามองพวกเขาหรือเปล่า

    “ดูเหมือนจะเงียบเลยแหะ” โรเบิร์ตพูดขึ้น

    “นั่นสิ ปกติร้านนี้เงียบแบบนี้มั้ยเนี่ย??” คามิลล่าถามไป

    “ไม่นะ ปกติร้านของเธอจะเปิดอยู่ตลอด ถึงเธอจะไม่มาเปิดเอง แต่ก็มีลูกน้องคอยเปิดให้ แต่คราวนี้มันแปลกๆแหะ” เคนนี่ตอบกลับ

    “เออ แล้วนายว่ามันเกิดจากอะไรหล่ะ??” เวโรนิก้าถามไป

    “คงต้องไปถามจากปากดอรี่เอง..” เคนนี่ยังพูดไม่ทันจบ ในตอนนั้นเขาก็เจอกับชายคนหนึ่งที่เดินมาหยุดที่หน้าร้าน เขาเองมองอยู่ซักพัก ก็สะกิดบอกทุกคน

    “ทุกคน ตามฉันมา” เคนนี่พูดขึ้น

    “จะไปไหนของเจ้าหรือ??” ไปจื่อถามอย่างสงสัย

    “ไอ้นั่นมันเป็นเด็กที่ร้านของดอรี่หน่ะ” เคนนี่ตอบ ในขณะที่ตัวของเขาก็รีบเดินตามเด็กของร้านดอรี่

    “ไอ้เด็กนั่นมันรู้อะไรงั้นเหรอ??” ซิลเวสเตอร์ถามไป

    “เขาเป็นเด็กของร้าน เขาน่าจะต้องรู้อะไรบ้างหล่ะครับ” วอลตอบ

    “เอาเถอะ ถ้ามันไม่รู้ ฉันจะทำให้มันรู้เอง” คามิลลาพูดต่อ ในขณะที่กลุ่มของเคนนี่ก็ยังคงเดินตามชายคนนั้นไปเรื่อยๆ ไม่นานนัก ชายคนนั้นก็เดินเข้าไปในซอยแห่งหนึ่ง พวกของเคนนี่เองก็แอบตามเข้ามาในซอนนั้น ก่อนที่เขาจะเจอกับชายคนนั้นกำลังคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง เคนนี่จึงแอบฟังในทันที

    “นั่นไง ยัยดอรี่” เคนนี่พูดกับทุกคน ก่อนที่การสนทนาระหว่างชายคนนั้นและดอรี่ก็เริ่มต้นขึ้น

    “เฮ้ยเจ๊ เราจะเอายังไงต่อ นี่มันก็เรื่องใหญ่แล้วนะ??”

    “ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม”

    “ควบคุมอะไรเจ๊ จ่ากับผู้กองนั่นก็ตายแล้ว ต่อไปจะใครหล่ะ เจ๊ว่าฝีมือใคร??” 

    “ฉันก็ไม่รู้ แต่ถึงยังไง เราก็เดินหน้าต่อได้”

    “แล้วเจ๊จะทำอะไรต่อหล่ะ??” 

    “ฉันจะไปหาท่านเซ็นทอร์เลย แล้วไปต่อรองกับเขา” ดอรี่ยังพูดไม่ทันจบ ในตอนนั้นเอง

    “ต่อรองอะไรกันครับ??” เคนนี่พูดขึ้น และเดินออกมาจากที่ซ่อน ดอรี่ที่เห็นเคนนี่ก็ตกใจมาก

    “เคนนี่ อะไรกัน อย่าเข้ามานะ ฉันไม่รู้เรื่อง!!” ดอรี่พูดอย่างลนลานและพยายามจะหนีออกไป แต่กลุ่มของเคนนี่ก็ไปขวางทางเธอไว้อีกด้าน ทำเอาเธอหนีไปไหนไม่ได้

    “เดี๋ยวพี่ ผมไม่เกี่ยว ปล่อยผมไปเถอะ พี่อยากรู้อะไรผมพูดหมดเลย!!” เด็กของร้านดอรี่พูดอย่างลนลาน

    “เฮ้ย อย่ามาโยนสิวะ!!” ดอรี่ตอบกลับไป

    “นี่ คุณดอรี่ ไอ้จ่าเอ็มเมอร์ก็ตายห่าไปแล้ว คงไม่มีใครคุ้มหัวคุณได้แล้วหล่ะ” เคนนี่พูดขึ้น

    “นี่ เรื่องจ่าเนี่ย ฝีมือนายใช่หรือเปล่า งั้นก็แปลว่า เรื่องผู้กองก็ฝีมือแกด้วยสิ??” ดอรี่ถามไป

    “พวกมันจะฆ่ากันเองอยู่แล้ว ผมใจดีแค่ไหน ที่ไปมอบความตายที่รวดเร็วให้พวกมัน” เคนนี่ตอบ

    “แล้วนายต้องการอะไร??” ดอรี่ถามเคนนี่ไป

    “ผมอยากรู้ว่าคุณรู้อะไรอีก เกี่ยวกับไอ้ผู้กองเซ็นทอร์ ไอ้พวกเคอาร์ด้วย??” เคนนี่ถามไป

    “อยากจะล้างมลทินให้ตัวเองหล่ะสิ ความจริงนายควรจะหนีไปซะก็ดีอยู่แล้ว เรื่องนี้มันใหญ่กว่าที่นายคิด นายอาจจะต้องเป็นศัตรูกับรัฐเลยก็ได้??” ดอรี่พูดขึ้น

    “เฮ้อ ไอ้จ่าเอ็มเมอร์คนนั้นมันก็พูดทรงนี้แหละ ซึ่งพวกเราไม่อยากรู้หว่ะ” เวโรนิก้าพูดขึ้น

    “นี่เธอเป็นใคร อย่ามายุ่งเรื่องนี้ดีกว่า” ดอรี่ตอบกลับ

    “พวกเขาเป็นเพื่อนใหม่ฉัน ไม่ต้องเฉไฉไปเรื่องอื่น บอกมาดีกว่า” เคนนี่พูดต่อ ดอรี่เห็นว่าเคนนี่ดูจะเอาจริงก็เลยพูดขึ้น

    “ก็ได้ๆ ท่านเซ็นทอร์ทำงานให้คนในรัฐบาล ซึ่งตอนนี้พวกเขากำลังวางแผนอะไรบางอย่างกัน ฉันก็ไม่รู้ว่าแผนอะไร แต่แกลองไปตามกับ สส.เลเบอร์แมน ไม่ก็สส.ดาวิสแล้วกัน” ดอรี่ตอบ

    “ไอ้ สส.เลเบอร์แมนมันก็ตายไปแล้ว ก็คงเหลือแต่ไอ้ดาวิส” คามิลล่าพูดขึ้น ทำเอาดอรี่แอบตกใจเล็กน้อย

    “อะไร นี่ยังไม่รู้อีกเหรอ??” โรเบิร์ตถามไป

    “นี่ แม่นาง แล้วยังรู้อะไรอีกหรือไม่??” ไปจื่อถามดอรี่ต่อ

    “ก็ไปถามกับพวกมันสิ จะมาถามฉันทำไม??” ดอรี่ถามกลับไป

    “ก็เผื่อว่าเธอยังคายออกมาไม่หมดยังไงหล่ะ” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น

    “บอกพวกเรามาดีๆเถอะครับ พวกเราไม่อยากจะเล่นงานคุณ” วอลพยายามพูดดีๆกับดอรี่

    “ก็บอกไปแล้ว ว่าให้ไปถามพวก..” ดอรี่ยังพูดไม่ทันจบ ในตอนนั้นเอง

    “ปิ้ว!!”

    กระสุนนัดหนึ่งพุ่งเข้าแสกหน้าของดอรี่จนตายคาที่ อีกนัดโดนพนักงานของร้านดอรี่ จนพวกเขาล้มลงทั้งคู่

    “บ้าเอ้ย!!” เคนนี่รีบชักปืนออกมา แต่ในตอนนั้น ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาและปิดทางเข้าออกซอยที่พวกเขาอยู่ ในตอนนั้นทุกคนก็รีบชักอาวุธออกมา

    “ใจเย็น พวกเราทุกคนมีกระสุนทองแดง กระสุนเงินก็มีนะ” ชายปริศนาคนนั้นพูดขึ้น ทำเอาทุกคนถึงกับหยุดนิ่งไป ก่อนที่เคนนี่จะพูดกับชายคนนั้น

    “แกเป็นใคร ต้องการอะไรกันวะ??” 

    “ใจเย็น ถ้าพวกเราอยากฆ่าพวกนาย พวกเรายิงพวกนายให้ตายตามยัยบ้านั่นแล้วหล่ะ” ชายปริศนาพูดต่อ

    “แล้วคุณต้องการอะไร คุณฆ่ายัยนั่นทำไม??” เคนนี่ถามอย่างแปลกใจ

    “นายอยากรู้หรือเปล่าหล่ะว่าไอ้เซ็นทอร์มันทำงานให้ใคร??” ชายปริศนาคนนั้นถามเคนนี่

    “ห่ะ นี่คุณรู้เหรอ ว่ามันเป็นใคร??” เคนนี่ถาอย่างสงสัย

    “ยิ่งกว่ารู้ ความจริง ฉันตามพวกนายตั้งแต่ในคาสิโนนั่น รู้ด้วยว่าพวกนายกำลังเล่นกับใครอยู่ ฉันมายื่นข้อเสนอให้กับพวกนาย” ชายปริศนาคนนั้นพูดขึ้น

    “ข้อเสนออะไรของนาย??” เคนนี่ถามชายคนนั้นไป

    “แบบว่า ฉันมีงานให้นายช่วย เราสองฝ่ายต่างก็มีศัตรูคนเดียวกัน พวกเราโดนทั้งพวกรัฐบาลและพวก Magic Hunt ตามล่าอยู่” ชายคนนั้นพูดต่อ

    “นี่ เข้าเรื่องมาเลยดีกว่า จะเอายังไง??” เวโรนิก้าถามอย่างสงสัย

    “ฉันอยากให้พวกนายช่วยตามหาตัวของมาเรียน่า เทพปีศาจแห่งธาตุน้ำ เราได้ข้อมูลมาว่าเธอกำลังกบดานอยู่ที่เวกัสหน่ะ” ชายคนนั้นพูดขึ้น ทำเอาคามิลล่าเองถึงกับตกใจมาก

    “เทพปีศาจธาตุน้ำงั้นเหรอ??” ซิลเวสเตอร์ถามอย่างสงสัย

    “เดี๋ยว ตั้งแต่เหตุการณ์ที่เหล่าเทพปีศาจถูกจองจำ ตัวนางเป็นคนเดียวที่หลบหนีไปได้นี่ ใช่หรือเปล่า??” คามิลล่าถามอย่างสงสัย

    “ใช่ เราเชื่อว่าเธอเป็นคนรุ่นแรกๆที่หนีมายังโลกมนุษย์ และแฝงตัวเงียบน่ะ” ชายปริศนาตอบ

    “เออ ทำไมพวกเขาถึงจองจำเหล่าเทพปีศาจพวกนั้นด้วยครับ??” วอลถามอย่างสงสัย

    “ข้าเคยได้ยินว่า หลังจากสงครามอันยาวนานในดินแดนเวทย์มนต์ เหล่าสภาจอมเวทย์ระแวงว่าเหล่าเทพปีศาจที่มีผลงานพวกนั้นจะยึดอำนาจพวกมัน พวกมันเลยจัดการกับเหล่าเทพพวกนั้นก่อน” ไปจื่อตอบ

    “ถูกต้องแล้วพวก แต่อย่างที่บอก มาเรียน่านั้นหายสาบสุญไปก่อนที่จะมีการจับตัวกันหน่ะ” ชายปริศนาพูดต่อ

    “ว่าแต่ ทำไมถึงให้พวกเราไปตามหล่ะ พวกคุณไปไม่ได้เหรอ??” โรเบิร์ตถามไป

    “ตอนนี้เธอกำลังระแวงทุกคน โดยเฉพาะคนจากดินแดนเวทย์มนต์ พวกนายมาจากโลกมนุษย์ นางคงไม่สงสัยอะไรมาก แค่ยื่นจดหมายนี่ให้นายก็พอ” ชายปริศนาคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะยื่นจดหมายซองหนึ่งให้กับพวกของเคนนี่ เคนนี่เองก็รีบรับมาในทันที

    “พูดง่ายๆคือจะให้พวกเราไปเวกัสงั้นเหรอ??” เคนนี่ถามไป

    “ใช่ แล้วก็นี่ ค่าจ้าง เอาไปก่อนครึ่งนึง อีกครึ่งตอนงานเสร็จ พร้อมกับข้อมูลของไอ้เซ็นทอร์หน่ะ” ชายคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่จะยื่นซองเงินให้กับเคนนี่ เคนนี่ลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนที่เขาจะรับมันมา

    “โอเค ถ้างานคุณสำเร็จ เราจะกลับมาหาคุณอีกครั้ง ขอบคุณครับ” ชายปริศนาพูดขึ้น ก่อนที่เขาและคนของเขาจะค่อยๆเฟดตัวเองหายไปจากซอยๆนั้นอย่างรวดเร็ว

    “เคนนี่ นายเอาจริงเหรอ??” เวโรนิก้าถามไป

    “เราไม่มีทางเลือก พวกมันทำขนาดนี้ได้ พวกมันก็อาจจะฆ่าพวกเราทั้งหมดก็ได้ อีกอย่าง มันอาจจะรู้อะไรเพิ่มเกี่ยวกับความลับที่ดำมืดพวกนี้ก็ได้” เคนนี่ตอบ

    “แปลว่า เราต้องไปไอ้ที่เรียกว่าเวกัสสินะ” ไปจื่อพูดขึ้น

    “เยี่ยมเลย ฉันจะไปกวาดเงินในคาสิโนให้เรียบเลย” โรเบิร์ตพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น

    “นี่ นายอาจจะเจ๊งหมดตูดมากกว่า” ซิลเวสเตอร์พูดปรามไป

    “ที่นั่นมีขาใหญ่ชื่อแองเจลโล่คุมอยู่ เขาไม่ใช่คนที่จะลูบคมง่ายๆ” คามิลล่าพูดขึ้น

    “แต่เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปป่วนเขานี่ครับ” วอลพูดขึ้น

    “โอเค แป๊ปนะ” เคนนี่พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะหยิบเอาเงินออกมาดู พบว่าด้านในมีเงินอยู่ประมาณ 7 หมื่นเหรียญ

    “โห ฉันนับได้ 7 หมื่นแหะ เหมือนมันจะรู้ว่าพวกเรามีกี่คน หมอนั่นต้องไม่ธรรมดา เราจะแบ่งกันคนละหมื่น แล้วไปเวกัสกัน” เคนนี่พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะแบ่งเงินให้กับทุกคน จากนั้นพวกเขาก็กลับไปที่รถเพื่อเดินทางกลับไปที่ค่ายมวยของเวโรนิก้า

     

    และเมื่อพวกเขาเดินทางกลับมาถึงค่ายมวยเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็จอดรถที่หน้าค่าย จากนั้นก็กลับเข้าไปในค่ายอย่างรวดเร็ว ซึ่งเหล่านักมวยในค่ายก็กำลังซ้อมมวยกันอย่างแข็งขัน เวโรนิก้าเดินไปหาพ่อเลี้ยงของเธอในทันที

    “พ่อ หนูจะไปเวกัสหน่อยนะ”

    “อ้าว เหรอ ไปทำอะไรหล่ะ??” พ่อของเธอถามไป

    “มีงานนิดหน่อยหน่ะพ่อ หนูอาจจะไม่อยู่ซักพัก ไว้เดี๋ยวหนูจะกลับมา” เวโรนิก้าพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะรีบกลับเข้าไปในห้องของเธอ และเก็บของที่จำเป็น รวมถึงเสื้อผ้าบางส่วน ไม่นานนัก เธอก็แบกกระเป๋าของเธอลงมาที่ด้านล่างในทันที

    “เจอกันนะคะ” เธอบอกกับพ่อของเธอ

    “อ่าๆๆ โทรกลับมาหาด้วยหล่ะ!!” พ่อของเธอพูดไล่หลังไป ก่อนที่เวโรนิก้าจะกลับไปหากลุ่มของเคนนี่ที่กำลังรออยู่

    “โอเค พร้อมแล้ว เราไปกันเถอะ” เวโรนิก้าพูดขึ้น

    “อืม แต่ก่อนอื่น เราน่าจะต้องหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไหนจะหาที่อยู่ที่เวกัสอีก” เคนนี่พูดต่อ

    “ถ้าที่อยู่ ฉันพอรู้จักโรงแรมที่นั่นนะ” คามิลล่าพูดขึ้น

    “ฉันมีเพื่อนอยู่เวกัส ฉันจะลองติดต่อดู” ซิลเวสเตอร์พูดเสริม

    “ฉันจะไปสืบที่คาสิโนด้วย” โรเบิร์ตพูดขึ้น

    “เจ้าคงจักไปเล่นพนันขันต่อมากกว่า” ไปจื่อพูดปรามเขา

    “ผมว่า เธออาจจะอยู่ในคาสิโนก็ได้นะครับ” วอลพูดขึ้น

    “ไม่รู้สิ ยังไงก็คงต้องลองไปสำรวจดูก่อนหล่ะนะ โอเค ไปเถอะ” เคนนี่พูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะพากันขึ้นรถ และเดินทางไปยังเวกัสในทันที โดยที่เวโรนิก้าก็เป็นคนขับ 

    “เออ เธอรู้ทางไปเวกัสเหรอ??” เคนนี่ถามเวโรนิก้าไป

    “รู้สิ เคยไปกับเพื่อนหน่ะ” เวโรนิก้าตอบ

    “เออ ว่าแต่ พวกเรามีใครพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับมาเรียน่า เทพธาตุน้ำนี่หรือเปล่า??” ซิลเวสเตอร์ถามอย่างสงสัย

    “อืม เท่าที่ตามในตำนาน นางเป็นพวกรักสงบหน่ะ ขนาดในสงครามดินแดนเวทย์มนต์ นางเองก็ยังไม่อยากจะเข้าร่วม นางชอบนอนอยู่ในน้ำเงียบๆหน่ะ และต้องเป็นน้ำที่บริสุทธิ์ทั้งนั้น” คามิลล่าพูดขึ้น

    “ที่ดินแดนเวกัสอะไรเนี่ย มันมีแหล่งน้ำที่บริสุทธิ์ด้วยงั้นเหรอ??” ไปจื่อถามอย่างสงสัย

    “เออ เรื่องได้ยินว่ามันมีแต่การพนันนะครับ” วอลพูดขึ้น

    “เอ้ย โรงแรมที่นั่นก็เด็ดนะ” โรเบิร์ตพูดขึ้น

    “โอเค ทุกคน ทำความเข้าใจกันก่อนนะ เราไม่ได้จะไปเล่นการพนัน เราจะไปตามสืบหาคน แล้วถ้าเราทำงานเสร็จแล้ว เราจะทำอะไรต่อก็เอาเลย” เวโรนิก้าบอกกับทุกคนไป ในขณะที่ขับรถไปเรื่อยๆ

    “โอเค ถ้าเราไปถึง ก็ต้องหาเบาะแสก่อนเลย” เคนนี่พูดขึ้น รถของพวกเขาขับไปเรื่อยๆ ตามถนนซึ่งไม่เคยหลับใหล รถคันอื่นๆ ก็เดินทางกันไปหมายจะไปยังเวกัส ในขณะเดียวกัน เคนนี่ก็เปิดเพลงที่วิทยุของรถเวโรนิก้า ซึ่งเพลงที่ขึ้นมาเป็นเพลงอมตะอย่าง Hotel California นั่นเอง 

    “On a dark desert highway, cool wind in my hair

    Warm smell of colitas rising up through the air

    Up ahead in the distance, I saw a shimmering light

    My head grew heavy and my sight grew dim, I had to stop for the night..”

    “เออ คืนนี้ฉันไม่พักที่โรงแรมนะ” เวโรนิก้าพูดขึ้นมา

    “ทำไมกันหล่ะ กลัวผีเหรอ??” เคนนี่แซวกลับไป ทำเอาเธอถึงกับมองบน

    “เพลงอมตะจริงๆเลยครับเพลงนี้” วอลพูดขึ้น

    “แต่ว่า ผีมีจริงด้วยเหรอ??” โรเบิร์ตถามไป

    “ถ้าในดินแดนเวทย์มนต์ มีจริงๆนะ แต่ได้ยินว่าอาศัยอยู่ตามป่าเขาหน่ะ ไม่เข้ามายุ่งกับพวกผู้ใช้เวทย์หน่ะ” คามิลล่าตอบ

    “ใช่ พวกเขาจะวนเวียนอยู่ในดินแดนเวทย์มนต์ เพื่อรอให้มีการทำพิธี เรียกเทพเจ้ามารับหน่ะ” ไปจื่อพูดต่อ

    “โห อย่างกับเทพนิยายเลยแหะ” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของซิลเวสเตอร์ก็เด้งข้อความอะไรบางอย่างขึ้นมา เขารีบหยิบมันขึ้นมาดู

    “คุณปลอดภัยนะ??” และในตอนนั้น โรเบิร์ตก็เหลือบไปเห็นข้อความด้วย เลยพูดแซวเขา

    “เฮ้ สาวน้อยของนายส่งข้อความมาเหรอ??” โรเบิร์ตถามไป

    “เฮ้ย อะไรของนายเนี่ย??” ซิลเวสเตอร์ถามกลับไป

    “แสดงว่าใช่จริงๆด้วย แสดงว่านางคงมีใจแก่เจ้า” ไปจื่อพูดขึ้น ซิลเวสเตอร์แอบเคืองเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดอะไรมาก

    “เออ พวกนายว่า เธอคนนั้นไว้ใจได้หรือเปล่า??” คามิลล่าถามไป

    “ผมว่าได้นะครับ ถ้าไม่อย่างงั้น เธออาจจะเรียกตำรวจให้มาจัดการกับพวกเราแล้ว” วอลตอบ

    “แล้วนี่ นายว่าพวกทางการจะรู้หรือเปล่าว่าเป็นฝีมือเรา??” เวโรนิก้าถามไป

    “ไม่หรอก พวกเราจัดการกล้องวงจรปิด แล้วก็ปกปิดหน้าตัวเอง ไหนจะไอ้จ่ากับไอ้ผู้กองก็ตายแล้วอีก” เคนนี่พูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก พวกเขาจะขับรถกันมาจนถึงปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง เวโรนิก้าขับไปและจอดตรงที่เติมน้ำมันในทันที แล้วเธอก็เดินลงไปเติมน้ำมันต่อ

    “เฮ้ พวกนาย มีใครจะไปซื้ออะไรหรือเปล่า ฉันจะเฝ้ารถให้??” เคนนี่ถามไป

    “โอเค ฉันจะไปหาอะไรกินหน่อยแล้วกัน มีใครเอาอะไรหรือเปล่า??” ซิลเวสเตอร์ถามไป

    “ข้าไปด้วย ข้าเองก็หิวเหมือนกัน” ไปจื่อพูดต่อ แต่ไม่นานนัก ทุกคนก็พากันลงจากรถตามซิลเวสเตอร์และไปจื่อ และเดินเข้าไปในร้านของชำในทันที

     

    กลับมายังตึกสำนักงานของสภาจอมเวทย์ ห้องทำงานของกลุ่มผ้าคลุมขาว จีโอเดินทางมาที่นี่เพื่อรายงานข่าววงในจากรัฐบาลเพิ่มเติม ตัวของเธอเดินเข้าไปในห้องซึ่งตอนนี้เอ็นวากำลังนั่งคุยกับเจ้าหน้าที่ชุดขาวอยู่ในห้อง

    “ขออนุญาตค่ะ”

    “อ้าว จีโอ มาพอดีเลย” เอ็นวาพูดทักทาย

    “เออ อันนี้รบกวนหรือเปล่าคะ??” จีโอถามไป

    “อ้อ ไม่หรอก มีอะไรหล่ะ??” เอ็นวาถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้ดูเหมือนว่าทางรัฐบาลของโลก กำลังจะพิจารณาเริ่มการเจรจาสงบศึกกับพวกเราค่ะ” จีโอตอบ

    “โห ดูเหมือนว่าทางนั้นเองก็เริ่มจะหมดท่าเหมือนกันนะครับ” เจ้าหน้าที่ชุดขาวที่คุยกับจีโอพูดขึ้น

    “แต่ถึงยังไงก็ต้องระวัง เราจะไว้ใจพวกรัฐบาลของพวกมันไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก เราต้องมีแผนสำรอง” เอ็นาวพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของเอ็นวาคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ แย่แล้วครับ ตอนนี้หน่วยเยเกอร์ย่อยของพวกเราที่กำลังกบดานอยู่ โดนตำรวจตามเจอที่กบดานแล้วครับ!!”

    “บ้าเอ้ย บอกพวกนั้นให้รีบออกมาก่อน อย่าทิ้งร่องรอยไว้หล่ะ” เอ็นวาตอบ

    “พนันได้เลยค่ะว่าเป็นฝีมือไอ้โครวี่แน่ๆ” จีโอพูดขึ้น

     

    ณ บริเวณที่ไหนซักแห่งในเทกซัส เขตทะเลทราย ในตอนนี้กองกำลังระหว่างสองฝ่ายกำลังเข้าโจมตีและปะทะกันอย่างดุเดือด ราวกับว่ามันเป็นสงครามย่อยๆ ทั้งเสียงอาวุธปะทะกัน พร้อมกับการเสกเวทย์มนต์ใส่กันอย่างดุเดือด 

    “เคร้ง!!”

    “ตุ๊บ!!”

    “เข้ามาเลย!!” อาคุมะ หัวหน้ากลุ่มโกเทย์ตะโกนออกมา ในขณะที่เหวี่ยงธงมะตอยของเขาใส่ศัตรูจนกระเด็นออกไป

    “ทุกคนระวังด้วย พวกมันอาจจะมีอะไรรอเล่นงานเราอยู่ก็ได้” เรียวเฮพูดขึ้นมา ก่อนที่เขาจะใช้ดาบของเขาฟันที่ร่างของมันคนหนึ่งจนกระเด็น

    “ไอ้มิไรมันอยู่ที่ไหนเนี่ย??” วาจจิน่าตะโกนออกมา ในขณะที่ใช้ปืนยิงไล่พวกมันไป

    “จัดการพวกมันตรงนี้ก่อนเถอะ” หู่ลงตอบกลับมา ก่อนที่เธอจะใช้ง้าวฟันพวกมันจนต้องถอย

    “ไอ้พวกนี้มันโคตรเก่งเลย จะเอายังไงต่อหล่ะ??” วาซิริสต์ที่ยืนอยู่หลังเลโอนาร์ดถามไป

    “ตามหาไอ้มิไรให้เจอก่อน” เลโอนาร์ดตอบ ก่อนที่เขาจะยิงเส้นใยของเขายิงใส่กองกำลังของมิไร 

    “ให้มันมาเถอะ!!” โซเร็นตะโกนออกมา ก่อนที่มันจะต่อยดาบของกองกำลังมิไรคนหนึ่ง จนดาบเล่มนั้นค่อยๆสลายกลายเป็นฝุ่นผงไปเลย

    “หวังว่าจะพกหน้ากากมานะ” เรียวเฮพูดขึ้น

    “แน่นอน ฉันเตรียมไว้แล้ว” วาซิริสต์พูดเสริม

    “ฉันเบื่อจะสู้กับไอ้พวกกระจอกแล้วนะ” วาจจิน่าพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนปืนของเธอให้ยิงลำแสงปริซึมออกไปและยิงใส่พวกมัน

    “เข้ามาเลย!!” โซเร็นตะโกนออกมา ในขณะที่พยายามจะต่อยพวกมัน

    “เอานี่ไปกิน” วาซิริสต์ตะโกนออกมา ก่อนที่เขาจะปาเข็มฉีดยาตัวหนึ่งปักเข้าที่คอของมัน

    “ทุกคน ระวังด้วย ฉันสัมผัสได้ถึงอะไรแปลกๆ” เลโอนาร์ดพูดขึ้น 

    “จริงด้วย มัน..” อาคุมะยังพูดไม่ทันจบ ชายปริศนาก็พุ่งเข้าใส่อาคุมะ อาคุมะเองใช้ธงมะตอยของเขายันดาบกับมันเอาไว้ และชายปริศนาคนนั้นก็คือมิไรนั่นเอง

    “ตามหากูอยู่เหรอ??” มิไรพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะดันดาบลงหนักขึ้น อาคุมะรู้สึกแปลกๆอะไรบางอย่าง เขาเลยต้องถอยกลับมา 

    “ย้าก!!” เรียวเฮตะโกนออกมาแล้วพุ่งเข้าไปประดาบกับมิไร แต่ผลัดกันได้ไม่กี่นาที มิไรก็เตะเข้าที่ร่างของเรียวเฮจนกระเด็น

    “แดกลูกปืนซะ!!” วาจจิน่าตะโกนออกมา ก่อนที่เธอจะยิงกระสุนปริซึมเวทย์มนต์ของเธอใส่มิไร แต่มิไรใช้ด้านที่ไม่คมของดาบปัดลำแสงของวาจจิน่าได้ทั้งหมด 

    “เฮ้ย อะไรวะเนี่ย??” วาซิริสต์ตะโกนอย่างแปลกใจ โซเร็นที่อยากลองวิชาก็พุ่งเข้าไปและต่อยใส่มิไร แต่มิไรเองก็ใช้ด้านที่ไม่คมของเขารับหมัดของโซเร็นได้ทุกหมัด

    “บ้าเอ้ย ดาบอะไรของแกวะ??” โซเร็นตะโกนออกมา ก่อนที่มิไรจะใช้ด้านเดิมของดาบตีเข้าไปที่หน้าของโซเร็นจนกระเด็น

    “ตุ๊บ!!”

    “ถอยไป!!” หู่ลงตะโกนออกและกระโดดฟาดง้าวใส่มิไร แต่มิไรใช้ด้านคมดาบกันเอาไว้ จากนั้นก็ปัดง้าวของเธอกลับไป 

    “ปิ้วๆๆๆ!!”

    เลโอนาร์ดยิงกระสุนเส้นด้ายของเขาใส่มิไร มิไรเองก็ใช้ด้านไม่คมของดาบรับเอาไว้ได้ ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงมีดสั้นของเขาใส่เลโอนาร์ด ซึ่งเฉียดหน้าของเขาไปนิดเดียว

    “เก่งสมคำร่ำลือ มิไร” อาคุมะพูดขึ้น

    “อาคุมะ ฉันไม่ได้อยากมีปัญหากับแก ทำไมต้องตามไล่ล่าฉันด้วยวะ??” มิไรถามกลับไป

    “โทษทีหว่ะ หน้าที่ของฉันคือล่าหัวแก” อาคุมะตอบไป

    “ฉันว่าแกคงต้องไปขอโทษไอ้พวกผู้เฒ่าพวกนั้นแล้วหล่ะ” มิไรตอบ 

    “ให้แน่ใจก่อนแล้วค่อยพูดก็ได้” อาคุมะพูดขึ้น ก่อนที่ธงของอาคุมะจะเปลี่ยนเป็นธงเปลวเพลิง ส่วนมิไรเองก็เตรียมสลับคมดาบของเขา และไม่นานนัก พวกเขาก็เข้าปะทะกันอีกรอบ

    “เคร้ง!!”

    ธงมะตอยไฟของอาคุมะนั้นเข้ากระทบกับดาบของมิไร ดูเหมือนว่าพลังของพวกเขาทั้งสองคนจะสูสีกันมาก และแทบจะทำอะไรกันไม่ได้เลย

    “สันของดาบทำจากทองแดงงั้นหรือ??” อาคุมะถามไป

    “อืม ฉลาดดีนี่” มิไรตอบ แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะปะทะอะไรกันได้มากกว่านี้ จู่ๆ รถตำรวจกลุ่มหนึ่งก็ขับเข้ามาทางพวกเขา ทำเอาทั้งสองฝ่ายถึงตกใจมาก

    “แม่งเอ้ย มีตัวเสือกซะงั้น” อาคุมะพูดขึ้น

    “พวกสายตรวจ เดี๋ยวกองกำลังหลักตามมาแน่” มิไรพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะออกห่างจากกันก่อน แล้วกลับมาตั้งหลัก ในขณะที่คนของทั้งสองฝ่ายก็เข้าไปปะทะกับพวกตำรวจที่บุกเข้ามา

    “แกเรียกตำรวจมาด้วยเหรอ??” มิไรถามอาคุมะไป

    “ฉันไม่ต้องพึ่งไอ้พวกสวะนั่นหรอก” อาคุมะตอบ

    “อืม งั้นลองไปถามพวกแกดูแล้วกันว่าใครเรียกพวกมันมา แต่เอาเถอะ พวกแกกลับไปดีกว่า วันหลังพวกเราได้สู้กันแน่” มิไรพูดขึ้น

    “เฮ้อ เอาให้จบตรงนี้เลยก็ได้นี่หว่า!!” อาคุมะพูดต่อ

    “ตามใจนะ แล้วพวกทางการก็จะเอาหน่วยที่ตามล่าพวกผู้ใช้เวทย์มาตามล่าพวกเรา แล้วพวกเราก็จะซวยกันทั้งคู่” มิไรพูดขึ้น ในขณะที่อาคุมะก็มองลูกน้องของเขาต่อสู้สกัดพวกตำรวจเอาไว้

    “เจอกัน” มิไรพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาและกองกำลังของเขาจะพากันหนีออกไปจากพื้นที่ ส่วนอาคุมะเองก็รีบไปสมทบกับลูกน้องคนอื่นๆของเขา

    “พวกเรา รีบถอยก่อน อย่าเพิ่งเสี่ยงกับพวกมันเลย!!” อาคุมะตะโกนออกมา

    “โอเค งั้นเรารีบไปก่อนดีกว่า” เรียวเฮพูดขึ้น ก่อนที่ในตอนนั้นเฮลิคอปเตอร์อีก 2 ลำจะบินโฉบเข้ามาหาพวกเขา อาคุมะเองก็เสกลูกไฟใส่เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งจนร่วง

    “ไปเร็ว!!” อาคุมะบอกกับทุกคน

     

    กลับมายังฐานที่มั่นของกองกำลัง Magic Hunt หลังจากที่โยมิได้ตัวหัวหน้าแก๊ง Izzy มาเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็จับตัวมันเอาไว้เพื่อเตรียมรีดความลับ โดยที่เอเตียนจะเป็นแกนหลักในการรีดความลับ

    “กูมีเกมให้มึงเล่นง่ายๆ นั่นคือกูถามอะไรมึงต้องตอบอย่างงั้น ไม่อย่างงั้น..” เอเตียนพูดขึ้น

    “เฮ้ยๆๆ แกจะปล่อยฉันตายหรือไงวะ ให้ไอ้นี่มาอยู่กับฉันเนี่ย??” หัวหน้าแก๊งคนนั้นเมื่อเห็นเอเตียนดูจะเอาจริงก็รีบพูดขึ้นมาอย่างลนลาน

    “บลาๆๆ พูพีๆๆ” อันจิพูดต่อ

    “มึงพูดเหี้ยอะไรของมึง..” เขายังพูดไม่จบ เอเตียนเลยใช้ท้อแป๊ปทองแดงของเขาฟาดเข้าที่ท้องของเอเตียน

    “เอเตียน ใจเย็น” โยมิบอกกับเขาไป

    “ใช่ๆๆๆ จะเอากูตายเลยหรือไงวะ??” ชายคนนั้นพูดต่อ

    “แกหน่ะเงียบเถอะ หรืออยากจะโดนหนัก ห่ะ??” ไอจังตะโกนถามไป

    “พวกแกกำลังทำอะไรกันอยู่ ช่วงนี้แกติดต่อกับแก๊งไหนบ้าง??” โยมิถามชายคนนั้นไป

    “พวกแกสู้คนที่ฉันกำลังทำงานด้วยไม่ได้หรอก รู้จักคุณโครวี่หรือเปล่าหล่ะ??” ชายคนนั้นถามไป

    “เฮ้ย ไอ้โครวี่อีกแล้วเหรอ??” เอเตียนถามไป

    “ก็เออไง ตอนนี้คุณโครวี่กำลังเริ่มแผนการในการรวบรวมพวกเราเข้าด้วยกัน เพื่อสู้กับพวกมึงไง และยังมีอีกหลายแก๊งเลย รู้ไว้!!” ชายคนนั้นพูดต่อ

    “พาพี บลาบู!!” อันจิพูดต่อ

    “ไอ้ห่านี่ มึงพูดภาษา..” ชายคนนั้นพูดยังไม่ทันจบ อันจิก็กระโดดถีบเข้าที่ท้องของชายคนนั้นจนถึงกับจุกและพูดอะไรไม่ออกเลย

    “สมน้ำหน้า” ไอจังพูดต่อ

    “นี่ ฉันไม่อยากรุนแรงกับนาย แต่นายรีบบอกมาเถอะ” โยมิพูดต่อ

    “แม่งเอ้ย ตอนนี้คนในรัฐบาลเองก็เริ่มจะเคลื่อนไหวกันแล้ว พวกเขาเป็นพวกผู้ใช้เวทย์ อีกไม่นาน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันคงชะตาขาดแน่” ชายคนนั้นพูดต่อ

    “หมอนั่นมีความคิดที่จะปราบพวกผู้ใช้เวทย์ทั้งหมดนี่นะ” เอเตียนพูดขึ้น

    “บาลีบูบับๆ” อันจิพูดต่อ ชายคนนั้นพยายามจะพูด แต่อันจิเองก็ง้างเท้าของเขารอไว้แล้ว

    “แล้วมันจะเป็นใครกันหล่ะ ที่จะล้มประธานาธิบดีหน่ะ??” ไอจังถามไป

    “อันี้ฉันก็ไม่รู้ ฉันติดต่อกับคนในรัฐบาลผ่านนายหน้า ชื่อชาร์ลี แอดกิ้นส์ ไปตามหามันเองแล้วถามมันเองแล้วกัน แล้วนี่จะปล่อยฉันไปได้ยัง??” ชายคนนั้นถามต่อ 

    “อืม ก็ได้ ปล่อยมันไปเอเตียน” โยมิพูดขึ้น เอเตียนเองทำท่าไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ต้องทำตามคำสั่งโยมิ เอเตียนปล่อยตัวชายคนนั้น แต่ไม่นานนักเมื่อมันหลุดออก เอเตียนเองก็ฟาดชายคนนั้นด้วยท่อแป๊แจนร่วงลงกับพื้น

    “ตุ๊บ!!”

    “เออ คิดเหมือนกันเลย” โยมิพูดขึ้น

    “ผมรับผิดชอบทุกอย่างเอง” เอเตียนพูดขึ้น

    “แต่คุณเอเตียนไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ” ไอจังพูดขึ้น

    “บลาๆบูบี้” อันจิพูดต่อ

    “เอามันไปจัดการ เงียบๆหล่ะ” โยมิพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เอเตียนจะลากชายคนนั้นออกไปในทันที ส่วนอันจิเองก็เดินตามเอเตียนไปบ้าง

    “แล้วเราจะเอายังไงต่อคะ??” ไอจังถามโยมิไป

    “ตามสืบเรื่องที่มันพูด ส่วนเรื่องหนอนในองค์กร ฉันจะจัดการเอง” โยมิตอบไป

     

    กลับมายังคาสิโนของแองเจลโล่ ในวันนี้ตัวของเขาก็ยังคงบริหารคาสิโนไปตามปกติ รวมถึงป้องกันกิจการของเขาในเวกัส หลังจากที่ตอนนี้พวกเขาเป็นศัตรูกับกลุ่มของซอกฮุนไปแล้ว แองเจลโล่เดินดูลาดเลาบริเวณคาสิโน รวมถึงห้องกล้องวงจรปิดอย่างแข็งขัน 

    “มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า??” แองเจลโล่ถามเจ้าหน้าที่กล้องวงจรปิดในห้อง

    “ไม่มีครับ ทางเราสอดส่องดูแล้ว เจ้าหน้าที่เราก็คอยดูอยู่ครับ”

    “อืม ตรวจให้แน่ใจไปเรื่อยๆ ช่วงนี้เราต้องระวังตัว” แองเจลโล่พูดต่อ ก่อนที่ไม่นานนัก เยเรน่าก็เดินเข้ามาในห้องกล้องวงจรปิด พร้อมสัตว์เลี้ยงของเธอ

    “มาตรวจในห้องวงจรปิดเลยเหรอคะ??” เยเรน่าถามไป

    “อืม เพื่อความไม่ประมาทหน่ะ ว่าแต่ข่าวเป็นยังไงบ้าง??” แองเจลโล่ถามเธอกลับ

    “ตอนนี้ทางตำรวจเวกัสกำลังลาดตระเวนกันใหญ่เลยค่ะ”

    “แค่นั้นไม่พอหรอก ฉันว่ามันต้องมีมากกว่านั้น” แองเจลโล่พูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก โทรศัพท์ของเยเรน่าก็ดังขึ้น เยเรน่ารีบรับสายในทันที

    “ฮัลโหล??”

    “ห่ะ จริงเหรอ ได้เลยๆ” เยเรน่าพูดจบก็วางสายไป

    “เกิดอะไรขึ้นหน่ะ??” แองเจลโล่ถามอย่างแปลกใจ

    “ที่ร้านเดวิลสเต๊กเฮ้าส์โดนปล้นค่ะ”

    “เฮ้ย จริงเหรอ แล้วโทนี่เจ้าของร้านเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” แองเจลโล่ถามไป

    “ตอนี้ปลอดภัยค่ะ แต่ว่าพวกมันก็พังร้านไปเยอะเลยค่ะ”

    “ระยำเอ้ย ต้องเป็นพวกมันแน่ๆ จ่ายเงินช่วยเหลือให้โทนี่ แล้วบอกคนอื่นว่าช่วงนี้ให้ระวังตัวหน่อย กระจายข่าวไปเยอะๆเลย” แองเจลโล่บอกเธอไป

    “เออ จะว่าไป ร้านนั้นอยู่ไม่ห่างจากร้านปืนของคุณเวเรนน่านี่คะ” เยเรน่าพูดขึ้น

    “จริงด้วย แต่ไม่เป็นไร พวกมันควรจะกลัวเวเรนน่ามากกว่า” แองเจลดล่พูดขึ้น และในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขาในห้องอย่างรวดเร็ว

    “นายครับ มีคนพยายามจะแทงลูกค้าในห้องอาหารครับ”

    “ห่ะ จริงเหรอ ลูกค้าเป็นยังไงบ้าง??” แองเจลโล่ถามไป

    “เราจับมันได้ก่อนครับ”

    “ดี จับมันสอบเลยว่าใครส่งมันมา” แองเจลโล่สั่งลูกน้องของเขาต่อ

    “นี่มันเริ่มเล่นแรงขึ้นแล้วนะคะเนี่ย” เยเรน่าพูดขึ้น

    “นั่นสิ ฉันจะไปดูหน้ามันเอง” แองเจลโล่พูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะเดินออกไปด้านนอกในทันทีเพื่อไปยังห้องสอบปากคำ ซึ่งเป็นที่ที่เหล่าคนโกงพนันโดนลากไปเชือดมากเยอะ แองเจลโล่เข้ามาในห้อง ซึ่งตอนนี้ชายผู้ก่อเหตุกำลังโดนจับห้องอยู่กับขื่อด้านบนเรียบร้อยแล้ว

    “เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” แองเจลโล่ถามไป

    “ไอ้นี่แม่งทนยิ่งกว่าแรดอีกครับนาย” ลูกน้องของเขาตอบ

    “เออ อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะทนได้นานแค่ไหน” แองเจลโล่พูดขึ้น

    “เฮ้ย ปล่อยกูนะเว้ย!!” ชายคนนั้นตะโกนออกมา แต่ก็โดนคนของแองเจลโล่ใช้ไม้พันด้วยผ้าขนหนูตีเข้าไปอีกดอก

    “มึงมาป่วนที่บ่อนกู คิดว่าจะรอดเหรอ??” แองเจลโล่ถามไป

    “สงสัยคงต้องเอามันให้หนักเลยค่ะ” เยเรน่าพูดต่อ

    “นั่นสิ ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าแกจะทนได้ถึงคืนหรือเปล่า” แองเจลดล่พูดจบและยิ้มมุมปาก

     

    กลับมายังร้านปืนของเวเรนน่า ในขณะที่เธอกำลังเช็คของอยู่ด้านหลังร้าน ในตอนนั้นเอง เด็กของร้านคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาบอกอะไรบางอย่างกับเธอ

    “เจ๊ๆ แย่แล้วเจ๊!!”

    “อะไรหล่ะ??” เวเรนน่าถามไป

    “ร้านคุณโทนี่โดนปล้นหน่ะเจ๊”

    “ห่ะ อะไรนะ ฝีมือใครกัน??” เวเรนน่าถามไป

    “ไม่รู้เหมือนกันเจ๊ ตำรวจกำลังสอบมันอยู่ครับ”

    “ต้องเป็นพวกที่แองเจลโล่เคยบอกแน่ๆ” เวเรนน่าพูดขึ้น

    “แล้วมันมาใกล้ๆถิ่นเราด้วยนะเจ๊” เด็กที่ร้านพูดต่อ

    “สงสัยเราต้องระวังกันให้มากขึ้นแล้วหล่ะ” เวเรนน่าพูดขึ้น

    “ให้มันมาดิเจ๊ เนี่ย ของมีเพียบเลย!!” เด็กที่ร้านอีกคนพูดขึ้น

    “เออ ยังไงก็อย่าประมาทพวกมันก็แล้วกัน” เวเรนน่าพูดต่อ

    “เดี๋ยวผมจะไปตามข่าวที่โรงพักให้นะเจ๊” เด็กที่ร้านพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินออกไปนอกร้านอย่างรวดเร็ว

     

    กลับมายังคอนโดของมารี หลังจากที่งานของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวของเธอก็พักผ่อนอยู่ในห้อง หลังจากที่ทำงานหนักมานาน ในขณะที่เธอกำลังนอนอยู่ จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงกุกกักอะไรบางอย่างดังมาจากหน้าห้อง ตัวของเธอรีบหยิบปืนขึ้นมาในทันที

    “แอ๊ด!!” คนปริศนาเปิดประตูเข้ามาในห้องเธอ ในตอนนั้นมารีก็ยิงใส่มันในทันที

    “ปิ้วๆๆ!!”

    ร่างของมันคนหนึ่งร่วงลงพื้น อีกคนหนึ่งที่ตามหลังมาก็สาดปืนกลใส่เธอ 

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    มันสาดกระสุนอยู่พักหนึ่ง มันก็หยุดนิ่ง และเดินเข้ามาสำรวจในห้องทันที แต่ดูเหมือนว่าจะไม่พบร่องรอยของมารีเลย รวมถึงอาวุธและของก็หายไปหมดด้วย

    “อยู่ไหนวะ??” มันพูดขึ้นมา ก่อนที่มันจะเดินเข้าไปที่เตียงนอนของเธอ ซึ่งมีระเบิดลูกหนึ่งวางอยู่บนเตียง

    “ตู้ม!!”

    ระเบิดลูกนั้นทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าในห้อง พวกมันบางส่วนที่รออยู่ด้านนอกก็เห็นแรงระเบิด และรู้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น พวกมันรีบชักปืนออกมาในทันที

    “ไปเว้ย!!” พวกมันนับสิบรีบหรูกันเข้าไปในอพาร์ทเมนท์ ในขณะที่ตัวของมารีก็เดินออกมาจากห้องๆหนึ่ง พร้อมกับกระเป๋าและอาวุธของเธอบางส่วน ตัวของเธอรอให้พวกมันวิ่งไปที่ห้องเธอกันหมด และเมื่อเธออกมา เธอก็พบกับนายหน้ารับงานเพื่อนของเธอซึ่งโดนยิงตายคาที่ เธอใช้พลังหายตัวและเดินฝ่าพวกมันออกไป เธอเดินไปที่รถของเธอซึ่งจอดอยู่ด้านหลังสุดของอพาร์ทเมนท์ เธอรีบเปิดประตูรถในทันที และเอาของไปไว้ด้านหลัง

    “ตุ๊บ!!”

    หลังจากนั้น เธอก็รีบไปนั่งที่นั่งคนขับ ก่อนที่จะรีบขับออกจากอพาร์ทเมนท์อย่างรวดเร็ว เพื่อหลบหนีจากการตามล่า 

    “เวรเอ้ย เอาไงดีวะเนี่ย??” มารีสบถออกมา แต่ในระหว่างที่กำลังขับรถ ตัวของเธอก็นึกอะไรบางอย่างออก เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งหาใครบางคน

    “ตอบหน่อยสินาย”

    ตัวของเธอรออยู่ซักพัก ไม่นานนัก เขาก็ตอบกลับเธอมา ตัวของเธอก็พิมพ์คุยกับเขา ไม่นานนัก เธอก็วางโทรศัพท์

    “เวกัสสินะ” มารีพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะเหยียบคันเร่งขับออกไป

     

    ณ ถนนเส้นหนึ่งซึ่งพาพวกเขาเดินทางไปยังแคลิฟอร์เนีย กลุ่มของดีค่อนหนีจากการตามล่าของตำรวจเทกซัสมาได้ พวกเขารีบกลับไปที่อพาร์ทเมนท์ของเขาในทันที

    “เฮ้ย มีใครตามพวกเรามาหรือเปล่า??” ดีค่อนถือวอถามลูกน้องของเขาไป

    “ไม่มีครับพี่!!”

    “เออ ดูให้แน่ใจนะเว้ย” ดีค่อนพูดต่อและวางวอไป

    “ลูกพี่ ผมว่าพวกมันไม่ตามเรามาแล้วหล่ะ” คนขับรถพูดขึ้น

    “ไม่รู้สิ มันไม่ควรจะง่ายเกินไปหว่ะ” ดีค่อนพูดต่อ

    “เออ หรือว่า..” คนขับรถยังไม่ทันพูดจบ ในตอนนั้นเองพวกเขาก็เห็นรถตำรวจรัฐประมาณ 3 คันไล่ตามพวกเขามา ก่อนที่ตำรวจพวกนั้นจะประกาศออกมา

    “รถสีดำสามคันข้างหน้า หยุดรถด้วย!!”

    “เฮ้อ แบบนี้สิค่อยสมจริงหน่อย เตรียมพร้อม!!” ดีค่อนรีบวอบอกลูกน้องของเขา ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะหยิบเอาปืนยิงลูกระเบิดออกมา

    “ชิบ!!” ตำรวจคนหนึ่งอุทานขึ้นมา

    “ตู้ม!!”รถตำรวจพวกนั้นโดนยิงใส่จนเสียหลักตกข้างทางไป

     

    กลับมายังคลับของซอกฮุน ในตอนนี้ตัวของเขากำลังนั่งเมาได้ที่อยู่กับนายหน้าคนหนึ่ง พวกเขาพูดคุยเรื่องธุรกิจกันอย่างถูกคอ แต่ในระหว่างที่คุยกัน ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องเพื่อรายงานอะไรบางอย่าง

    “ลูกพี่ครับ”

    “อะไรอีกวะ??” ซอกฮุนถามกลับไป

    “คือว่า ไอ้พวกที่เราส่งไปเวกัส โดนพวกมันจับได้ 2 คนแล้วครับ”

    “เฮ้ย อะไรวะ โดนจับง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ??” ซอกฮุนถามไป

    “ครับ คนนึงตอนนี้อยู่โรงพัก ส่วนอีกคน คงจะโดนเชือดในบ่อนแองเจลโล่แน่นอนครับ”

    “ระยำเอ้ย แล้วนี่มันพูดอะไรหรือเปล่า??” ซอกฮุนถามไป

    “ผมกำชับมันไปแล้ว ถ้าพวกมันพูด ลูกเมียพวกมันโดนหนักแน่ครับ”

    “เออ มันทำงานพลาดแบบนี้ ต้องให้ลูกเมียมันมาชดใช้ให้ฉัน เข้าใจนะ” ซอกฮุนพูดขึ้น ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะเดินออกไปในทันที

    “ดูเหมือนว่านายจะมีปัญหานะ” ชายคนนั้นพูดกับซอกฮุน

    “เฮ้ย แค่เรื่องขี้หมูราขี้หมาแรงหน่ะ ว่าแต่ เรื่องเหมืองทองแดงที่เอเชียใต้นี่ จะยังไงต่อหล่ะ??” ซอกฮุนถามไป

    “ฉันได้ยินมาว่า กำลังจะมีอีกเจ้าแข่งกับเราหน่ะ เจ้าของโครวี่” 

    “โครวี่งั้นเหรอ เราก็แย่งกับมันเลยสิ” ซอกฮุนพูดขึ้น

    “เฮ้ ใจเย็น โครวี่มันไม่ใช่ง่ายๆอย่างที่นายคิดนะเว้ย”

    “ฉันไม่สนว่ามันจะเป็นใคร ฉันต้องได้พื้นที่เหมืองตรงนั้นมาให้ได้” ซอกฮุนพูดต่อ

    “เออ แต่ฉันพอจะล็อบบี้รัฐบาลในภูมิภาคนั้นได้อยู่”

    “ดี งานนี้ถ้าได้กำไร เอาไปเลย 20 เปอร์เซ็นต์” ซอกฮุนพูดขึ้น

    “ได้เลย แต่ฉันขอของแถมหน่อยแล้วกัน”

    “อยากได้อะไรแถมหล่ะ??” ซอกฮุนถามไป

    “นายก็รู้นี่ว่าฉันอยากได้อะไร”

    “อ้อ ได้เลย จัดแบบสดๆไม่เคยต้องมือใครให้เลย!!” ซอกฮุนตอบกลับไป

     

    กลับมายังอพาร์ทเมนท์กบดานชั่วคราวของเฟท ในตอนนี้ตัวของเขาก็ยังคงนั่งพักผ่อนอยู่ในห้องของเขา และกำลังนอนงีบอย่างสบายใจ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้งีบอย่างเดียว เขานั้นกำลังฝันถึงอะไรบางอย่างด้วย

    “เจ้า..”

    “ท่าน ท่านเป็นใคร??” เฟทพูดขึ้นมา

    “ข้ามาเรียน่า เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าลองเชื่อมต่อจิตกับผู้ที่มีพลังแบบเจ้า..”

    “มาเรียน่า ท่าน เหตุใดท่านถึง??” เฟทพูดขึ้น

    “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าอยากให้เจ้าช่วยไปเตือนเพื่อนข้า พวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย..”

    “อันตราย เดี๋ยว แล้วข้าจะไปหาเพื่อท่านได้ที่ใด??” เฟทถามต่อ

    “เจ้าก็รู้วิธี..” 

    “เฮือก!!” เฟทตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พบว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียง ในมือยังกำสร้อยทำนายดวงของเขา ตัวของเขาตอนนี้ยังแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

    “อะไรกันอีกวะเนี่ย จะเกิดอะไรขึ้น??” เฟทพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะหลับตา แล้วกำสร้อยและปย่อบมันห้อยในมือเขา เพื่อดูคำทำนายว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น และไม่นานนัก เขาก็ลืมตาขึ้นมา พร้อมกับสีหน้าที่ตกใจมาก

     

    กลับมายังเขตกองกำลังเทพปีศาจ หลังจากที่พวกเขาได้เข้าต่อสู้กับกองกำลังผ้าคลุมขาวที่มาโจมตีเขตของพวกเขา กลุ่มเทพปีศาจก็สามารถจับจอมเวทย์คนสำคัญคนหนึ่งของกลุ่มผ้าคลุมขาวมาได้ พวกเขาจับชายคนนั้นมัดเอาไว้ด้วยเชือกทองแดง 

    “เพียะ!!”

    มอลอซตบหน้าของจอมเวทย์คนนั้นไปหนึ่งที ก่อนที่จอมเวทย์คนนั้นจะตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ

    “เฮ้ย พวกแก กล้าจับฉันมางั้นเหรอ??” จอมเวทย์คนนั้นตะโกนออกมา

    “เออ ยิ่งกว่ากล้าอีก มากกว่านี้เราก็กล้าทำ เอามั้ยหล่ะ??” มอลอซถามมันกลับไป ทำเอาจอมเวทย์คนนั้นถึงกับเงียบและหน้าจ๋อยไปเลย

    “ไงหล่ะมึง ปากดีอีกสิ!!” ยิเมียร์พูดขึ้น

    “แกคือเทนเนอร์ หนึ่งในคนสนิทของเอ็นวา ใช่หรือเปล่า??” อาร์เทมิสถามไป

    “ใช่ ถ้ารู้แบบนี้ก็ปล่อยฉันไปได้แล้วเว้ย!!” จอมเวทย์เทนเนอร์คนนั้นพูดต่อ

    “ถ้าพวกกูไม่ปล่อยแล้วมึงจะทำไมวะ??” บาร์บาทอสถามมันกลับไป

    “เอางี้ พวกเราอาจจะปล่อยแกไปก็ได้ ถ้าแกยอมบอกสิ่งที่เราอยากรู้ บางที พวกเราอาจจะเมตตาให้แกไปสบายๆก็ได้นะ” ไรจินพูดขึ้น

    “ถุ๊ย ให้กูตายดีกว่า!!” จอมเวทย์คนนั้นตะโกนออกมา ก่อนที่มอลอซจะต่อยเข้าที่ท้องของมันไปหนึ่งที

    “ตุ๊บ!!”

    “พูดดีๆไม่รู้เรื่อง สงสัยคงต้องแรงขึ้นแล้วหล่ะ ไรจิน” มอลอซพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเธอจะเดินเข้าไปใกล้ตัวของจอมเวทย์คนนั้น จากนั้นก็เอานิ้วจิ้มไปที่แขนของจอมเวทย์เทนเนอร์

    “จึก!!”

    “อ๊าค!!”

    ไรจินใช้ไฟฟ้าช็อตเทนเนอร์ ทำเอาตัวของเทนเนอร์ถึงกับทรมานมาก 

    “ว่าไงหล่ะมึง จะเอายังไง??” ไรจินถามไป

    “เออๆๆๆ พวกมึงอยากรู้อะไรวะ??” เทนเนอร์คนนั้นตะโกนออกมา

    “พวกมึงกำลังทำอะไรกันอยู่ แล้วมึงรู้เบาะแสอะไรเกี่ยวกับมาเรียน่าหรือเปล่า??” บาร์บาทอสถามไป

    “ไอ้ห่า มาเรียน่าเกี่ยวอะไรกับกูวะ??” ชายคนนั้นถามไป

    “พวกมึงกำลังตามล่าเธอนี่ ใช่หรือเปล่า??” ยิเมียร์ถามไป

    “เรื่องนี้กูไม่รู้ ส่วนแผนของพวกกูหน่ะเหรอ ตอนนี้พวกเรากำลังเตรียมเจรจากับรัฐบาล เพื่อสงบศึก และเตรียมกวาดล้างพวกผู้ใช้เวทย์ครั้งใหญ่หน่ะ” เทนเนอร์ตอบ

    “งั้นเหรอ เดี๋ยวนี้จนตรอกขนาดนี้แล้วเหรอ เชื่อเหรอว่าพวกรัฐบาลไว้ใจได้??” อาร์เทมิสถามไป

    “พวกแกไม่ต้องรู้หรอก พวกเราเตรียมแผนการไว้หมดแล้ว พวกแกเองก็เตรียมลงนรกเถอะ” เทนเนอร์พูดขึ้น ทำเอามอลอซถึงกับต่อยหน้าของเทนเนอร์จนสลบไป

    “คิดเหมือนกันเลย” ยิเมียร์พูดขึ้น

    “นั่นดิ ปากดีชิบหายไอ้นี่” บาร์บาทอสพูดเสริม

    “แล้วนี่จะเอายังไงกับมันต่อหล่ะ??” อาร์เทมิสถามไป

    “ต้องสอบมันเพิ่มสิ มันต้องรู้มากกว่านี้แน่ๆ” ไรจินพูดต่อ

    “อืม เอาตัวมันไป สอบมันให้หนักเลย” มอลอซพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก คนของมอลอซจะพาตัวของเทนเนอร์ไป และในขณะเดียวกัน ลูกน้องของมอลอซก็เดินมาหาเธอและรายงานอะไรบางอย่าง

    “ท่านครับ เรามีข้อมูลมาว่ามาเรียน่ากำลังกบดานอยู่ในเวกัสครับ”

    “จริงเหรอ ถ้าอย่างงั้นก็ให้คนของเราไปสืบด้วยหล่ะ” มอลอซบอกกับคนของเธอไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเวกัส ตัวของเอล ซาดินเดินทางเข้ามาในเมือง เพื่อตามหาใครบางคน เขาเดินไปตามถนนไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหน 

    “หวอๆๆๆ!!”

    รถตำรวจมากมายขับผ่านตัวของเขาไป ตัวของเขาก็แปลกใจเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน ตัวของเขาก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนถืออยู่หน้าโซนเรือโจรสลัดขนาดใหญ่ ตัวของเขารู้สึกสนใจเลยเดินไปหาเด็กคนนั้น

    “มาทำอะไรแถวนี้เหรอหนู??” ซาดินถามเด็กไป

    “คุณหล่ะคะ มาตามหาอะไรแถวนี้??” เด็กหญิงคนนั้นถามกลับ

    “เธอรู้งั้นเหรอ??” ซาดินถามไป

    “ก็ไม่ยากเกินเดา แต่หนูว่าลุงอย่าเจอเธออีกเลยค่ะ”

    “ทำไมกันหล่ะ ฉันก็แค่อยากจะชดใช้ทุกอย่าง” ซาดินพูดขึ้น

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณลุงเลย” เด็กสาวคนนั้นพูดต่อ

    “ถ้าฉันไม่ทำ ฉันคงต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆ” ซาดินพูดขึ้น จนกระทั่งเด็กหญิงคนนั้นก็ถอนหายใจ จากนั้นก็พูดขึ้น

    “เฮ้อ คุณลุงคะ ตอนนี้มีหน้าใหม่กลุ่มหนึ่งกำลังเข้ามาในเมืองนี้ ลงน่าจะไปพบกับพวกเขาหน่อยนะคะ”

    “ห่ะ อะไรกัน พวกนั้นเป็นใครกันเหรอ??” ซาดินถามกลับไป

    “ลุงลองไปเจอพวกเขา ไม่แน่ ลุงอาจจะได้เจอกับสิ่งที่ลุงตามหาก็ได้นะคะ” เด็กหญิงคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะเดินขึ้นไปบนเรือโจรสลัด แต่แค่ซาดินละสายตาไปแวบเดียว เด็กหญิงคนนั้นก็หายตัวไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าซาดินจะไม่ได้ตกใจมากเท่าไหร่นัก

    “พวกนายเป็นใครกันนะ” ซาดินพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก จู่ๆ รถตำรวจสองคันก็มาจอดใกล้ๆกับพื้นที่ที่พวกเขาอยู่ ก่อนที่พวกเขาจะบุกเข้าไปในร้านๆหนึ่ง

    “หยุด นี่ตำรวจ!!” เสียงของตำรวจดังขึ้น

    “คงต้องไปจากที่นี่แล้วหล่ะ” ซาดินพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินออกไปเพื่อให้ห่างจากตำรวจ ในระหว่างที่เดินก็ปกปิดตัวเองเอาไว้

    “ดูเหมือนจะแย่กว่าที่คิดนะเนี่ย” ซาดินนึกในใจ

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในนิวยอร์ก โกดังแห่งหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นโกดังร้าง

    “ตุ๊บ!!”

    ร่างของชายชุดขาวคนหนึ่งได้ร่วงลงกับพื้น โดยที่โครวี่เองที่อยู่ใกล้ๆก็กำลังบิดขี้เกียจอย่างสบายใจ ท่ามกลางกลุ่มกองกำลังชุดขาวที่นอนเจ็บทุรนทุรายอยู่บนพื้น ในขณะเดียวกัน ยูจีนเองก็เดินเข้ามาหาเขาด้วย

    “ตอนนี้เราจัดการพวกมันได้หมดแล้วครับ” ยูจีนพูดขึ้น

    “ดี พวกมันหนีไปได้เยอะแค่ไหน??” โครวี่ถามไป

    “น่าจะบางส่วน แต่ไม่เยอะหรอกครับ” ยูจีนตอบ

    “ดี ให้พวกมันป่าวประกาศไปให้ทั่วเลย” โครวี่พูดขึ้น แต่ในตอนนั้น ชายชุดขาวคนหนึ่งก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายของเขายิงพลังอะไรบางอย่างออกมาจากไม้เท้า

    “ฟิ้ว!!”

    ลูกพลังลูกนั้นพุ่งใส่โครวี่ แต่โครวี่หันมาเห็นได้ทัน แล้วใช้ฝ่ามือของเขาสัมผัสไปที่พลังนั้น ก่อนที่พลังพวกนั้นจะสลายออกไปเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และพวกชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็กระเด็นออกไประเบิดทางอื่น

    “ตู้มๆๆๆๆๆๆ!!”

    “อืม ไม่เลวนี่หว่า” โครวี่พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินไปลากคอของชายคนนั้นขึ้นมาในทันที

    “ไงหล่ะมึง??” โครวี่ถามมันไป

    “จะทำอะไรก็ทำ แล้วไปลงนรกซะ!!” ชายชุดขาวคนนั้นพูดขึ้นใส่หน้าโครวี่

    “เฮ้อ ไม่ต้องห่วง ตอนนี้แกจะได้รู้จักนรกก่อนฉัน” โครวี่พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะแตะไปที่ร่างของชายคนนั้น และร่างของชายคนนั้นก็ค่อยๆสลายไปทีละส่วน เริ่มจากหน้าท้องที่เขาโดนแตะ

    “อ๊าค!!” ชายคนนั้นตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด

    “นี่แหละ นรกที่มึงต้องเผชิญ” โครวี่พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะวางชายคนนั้นให้นอนดิ้นทุรนทุรายบนพื้น จากนั้นก็เดินออกจากชายคนนั้นไป

    “เฮ้อ ไม่น่าเลย” ยูจีนพูดขึ้น

    “เสือกอยากกวนตีนฉันเอง แล้วนี่เราต้องเอายังไงต่อหล่ะ??” โครวี่ถามไป

    “ตอนนี้รอแค่ให้พวกมันมาเจอครับ” ยูจีนตอบ

    “ใช่ งั้นเรารีบไปกันดีกว่า” โครวี่พูดขึ้น ก่อนที่ยูจีนจะเปิดประตูวาร์ปให้กับโครวี่ และโครวี่ก็เดินเข้าประตูวาร์ปไปในทันที และลูกน้องคนอื่นๆก็ตามเขามาบ้าง

    “หวังว่าพวกเราจะเก็บทุกร่องรอยแล้วนะ” โครวี่พูดขึ้น

    “แน่นอนครับ ทุกคนรู้หน้าที่ดีครับ”

    “โอเค เดี๋ยวฉันขอเข้าไปในห้องหน่อยแล้วกัน” โครวี่พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเข้าไปในห้องทำงาน ซึ่งตอนนี้เลขาของเขากำลังทำงานอยู่

    “เฮ้ เป็นยังไงบ้าง??” โครวี่ถามเลขาไป

    “ก็เรื่อยๆค่ะท่าน แต่ท่านคะ เรื่องเหมืองทองแดงที่เอเชียใต้กำลังมีปัญหานิดหน่อย พวกเขาเรียกค่าสัมปทานเพิ่มค่ะ” เลขาของเขาพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ แปลว่าต้องมีเจ้าอื่นมาเสนอตัวด้วยแน่ๆ ไปสืบมาแล้วกันว่าพวกมันเป็นใคร” โครวี่พูดขึ้น

    “เราสืบมาแล้วค่ะ นี่คือข้อมูลนายหน้าของมัน มีข่าวว่ามันกำลังทำงานให้กับซอกฮุน ชาวเกาหลีที่เป็นนักธุรกิจขาใหญ่ในแคลิฟอร์เนียค่ะ” เลขาของเขาตอบ ก่อนที่เลขาจะยื่นซองเอกสารซองหนึ่งให้กับโครวี่ โครวี่เองก็รีบหยิบมันมาอ่านอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้อ คงต้องสั่งสอนมันซักหน่อยหล่ะ” โครวี่พูดขึ้นมา

     

    กลับมายังบ้านของมอลและโสน ในตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็ยังคงกบดานอยู่ที่บ้าน รวมถึงอ่านข้อมูลที่มอลได้มา นั่นทำให้พวกเขารู้ว่าตอนนี้มีหนอนบ่อนไส้อยู่ในรัฐบาล 

    “ทำไมฉันถึงไม่เคยคิดมาก่อนเลยเนี่ย” มอลสบถออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเก็บข้อมูลแยกเอาไว้ในฮาร์ดดิสก์พกพาของเขา ในขณะเดียวกัน โสนเองก็เดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับเอากาแฟมาด้วยสองถ้วย

    “กาแฟหน่อยสิ” โสนบอกกับมอล

    “อืม วางไว้เลย” มอลตอบ ก่อนที่โสนจะวางแก้วกาแฟเอาไว้บนโต๊ะคอม

    “เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” โสนถามมอลไป

    “ทุกอย่างเป็นอย่างที่ผมคิด ดูเหมือนว่าในรัฐบาลตอนนี้ก็กำลังมีปัญหากันภายในเหมือนกัน” มอลพูดต่อ และในตอนนั้น โสนเองก็หยิบเอารีโมทในห้องขึ้นมา แล้วเปิดทีวีดู 

    “ขณะนี้มีข่าวด่วน ท่านประธานาธิบดีถูกหามส่งโรงพยาบาลอย่างกะทันหัน ตอนนี้ทางทีมแพทย์กำลังเร่งดูอาการเพื่อช่วยเหลือ..” มอลได้ยินข่าวที่ดังขึ้นมาก็ถึงกับหันมาดูในทันที

    “อะไรกันวะเนี่ย ขนาดนี้เลยเหรอ??” มอลพูดขึ้น

    “เออ มันเกิดอะไรเนี่ย??” โสนถามขึ้น

    “งานนี้ไม่ดีแน่ๆ” มอลพูดขึ้นพลางถอนหายใจไปด้วย

     

    ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งใช้รักษาตัวประธานาธิบดีสหรัฐ เจ้าหน้าที่พากันเฝ้าพื้นที่โรงพยาบาลอย่างแข็งขัน เพราะต้องระวังว่าจะมีมือดีบุกเข้ามาสร้างสถานการณ์หรือไม่ ในขณะที่บรรดานักข่าวก็พากันเตรียมทำข่าว และอีกด้านหนึ่งของห้องพยาบาล กลุ่มคนใส่สูทกลุ่มหนึ่งก็กำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกันอยู่ในห้อง และดูเหมือนว่าจะเป็นการพูดคุยกันแบบลับ

    “ดัลตัน นายว่าท่านประธานาธิบดีจะรอดหรือเปล่า??”

    “ผมว่าไม่รอดแน่ครับท่าน”

    “เอาจริงๆ ตั้งแต่ท่านเลเบอร์แมนตาย งานของพวกเราก็วุ่นวายไปหมด”

    “ไอ้เซ็นทอร์มันก็เรียกร้องขอค่าเสี่ยงเพิ่มอีก”

    “แม่ง ถ้าจบงานนี้เมื่อไหร่ เก็บมันได้เลยนะ ดัลตัน”

    “ได้ครับท่าน”

    การพูดคุยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่

    “ขออนุญาตครับ ตอนนี้ท่านประธานาธิบดีเพิ่งจะฟื้นครับ แต่เหมือนอาการจะไม่ค่อยดีขึ้น ดูเหมือนว่าท่านอาจจะต้องลงตำแหน่งเร็วๆนี้ครับ”

    “อืม ขอบใจมาก แล้วนี่เราจะเข้าเยี่ยมได้หรือเปล่าอ่ะ??”

    “ตอนนี้หมอยังไม่อนุญาตให้เยี่ยมครับ”

    “อ้อ งั้นไม่เป็นไร ฝากดูท่านหน่อยแล้วกัน” ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่คนนั้นก็เดินออกไปจากห้อง

    “โอเค เรายังเดินหน้าต่อไปได้ ดูเหมือนว่าท่านจะต้องคุมบังเหียนแล้วหล่ะครับ” 

    “นั่นสิครับ ผมว่าในสภาคงต้องสนับสนุนท่านแน่อยู่แล้ว”

    “อืม ผมเข้าใจ ถ้าอย่างงั้นผมขอไปโทรศัพท์แป๊ปนะ” ชายปริศนาพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ชายคนนั้นจะรีบเดินออกไปด้านนอก เขาเดินไปที่นอกระเบียงโรงพยาบาล ซึ่งเป็นที่ที่คนไม่ค่อยเดินผ่าน ก่อนที่เขาจะโทรศัพท์หาใครบางคน

    “ฮัลโหล??”

    “ครับ แผนเปลี่ยนนิดหน่อย”

    “ผมจัดการได้ครับ”

    “ผมบอกแล้วไง ทุกอย่างยังเป็นแบบที่ตกลงกันไว้” 

     

    ณ ถนนเส้นหนึ่ง ซึ่งกำลังจะเดินทางเข้าสู่เวกัส เวดรนิก้ายังคงขับรถไปเรื่อยๆ ในขณะที่ทุกคนตอนนี้ก็นั่งงีบหลับ ตัวของเคนนี่เองก็นั่งคุยกับเธอเป็นเพื่อน ไม่ให้เธอเหงา

    “เฮ้ เวโรนิก้า ขอบคุณมากนะที่ช่วยพวกเรามาตลอด” เคนนี่บอกกับเธอ

    “อืม ไม่เป็นไรหรอก ฉันเองก็ไม่ได้ทำอะไรเหมือนกัน นอกจากชกหาเงินใต้ดินไปวันๆ” เวโรนิก้าตอบ

    “แต่เธอชสวยมากเกินกว่าจะเป็นนักมวยเลยนะ” เวโรนิก้าได้ยินเคนนี่พูดก็แอบหน้าแดงนิดๆ  

    “นี่ ว่าแต่ ถ้าจบเรื่องนี้ นายจะเอายังไงต่อหล่ะ??” เวโรนิก้าถามเคนนี่ไป

    “ผมก็คงหาอะไรทำของผมไปเรื่อยหน่ะ” เคนนี่ตอบ

    “นายไม่อยากกลับไปเป็นตำรวจงั้นเหรอ??” เวโรนิก้าถามเคนนี่ต่อ

    “ไม่รู้สิ บางที ผมอาจจะไม่เหมาะกับการเป็นตำรวจก็ได้” เคนนี่พูดขึ้น

    “บ้าน่า ฉันว่านายหน่ะเป็นตำรวจดีแล้ว” เวโรนิก้าพูดต่อ ก่อนที่ไม่นานนัก เวโรนิก้าจะเห็นป้ายบอกทางไปเวกัส ซึ่งอีกไม่นานพวกเขาก็จะถึงแล้ว

    “ปลุกทุกคนหน่อย อีกไม่กี่ไมล์เราจะถึงแล้ว” เวโรนิก้าพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเคนนี่จะหันไปปลุกทุกคนในทันที

    ================================================================

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมกันเน้อ

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย 

    ให้ของขวัญเป็นกำลังใจกันได้ครัช ไหว้หล่ะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×