NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Until Last Dying Breath - ตราบลมหายใจสุดท้าย [ปิดรับสมัครตัวละครชั่วคราว]

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 8 : สงครามกองโจร

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 66


    ณ เขตป่าแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี เขตป่าซึ่งดูเหมือนจะสงบสุข แต่ในตอนนี้กลุ่มทหารชุดดำแห่งจักรวรรดิไทยกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในป่า พวกเขามากันหลายสิบ จากนั้นก็เดินไปตามถนนในป่าเพื่อตามล่าใครบางคน แต่จนแล้วจนรอดพวกเขาก็ไม่เจออะไรเลย

    “เจออะไรบ้างมั้ย ทหาร??”

    “ไม่เจอเลยครับผู้หมวด”

    “ปัง!!” 

    ในตอนนั้นเสียงปืนดังขึ้นจากในป่า ในตอนนั้นคนที่เป็นผู้หมวดก็โดนยิงจนล้มลง ก่อนที่ไม่นานนัก พวกเขาจะโดนกระหน่ำยิงอีกชุดเข้าใส่

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ”

    “เวรแล้ว ขอกำลังเสริมด่วน..”

    พวกเขาถูกโจมตีและไม่มีโอกาสจะได้ป้องกันตัว ก่อนที่ไม่นานนัก กองกำลังที่อยู่ในป่าก็เข้าโจมตีกองกำลังชุดดำอย่างดุเดือด และไม่นานนัก กองกำลังชุดดำพวกนั้นก็ถูกฆ่าตายกันจนหมด กองกำลังในป่าก็รีบมาเคลียร์พื้นที่ในทันที ก่อนที่ไม่นานนัก หัวหน้ากองกำลังก็พากันออกมาดูสถานการณ์ ซึ่งนั่นก็คือกลุ่มของวินและไมนฮาร์ทนั่นเอง

    “โห คราวนี้พวกมันมากัยเนอะกว่าเดิมนะครับเนี่ย” วินพูดขึ้น

    “รีบเก็บอาวุธกับเสื้อเกราะพวกมันดีกว่า” ไมนฮาร์ทพูดไป จากนั้นไม่นานพวกเขาก็รีบแยกย้ายกันไปเก็บอาวุธและของจำเป็นอื่นๆของพวกจักรวรรดิไทยอย่างรวดเร็ว พวกเขาได้ของมาหลายอย่าง และไม่นานนัก ฮานาเองก็เดินมาหาไมนฮาร์ทอย่างรวดเร็ว

    “ลุง ได้ของมาครบแล้ว เรากลับกันเถอะ”

    “โอเค ถ้างั้นพวกเราไป” ไมนฮาร์ทบอกกับทุกคน จากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินกลับเข้าไปในป่าทันที เพื่อหลบหนีจากกองกำลังทหารจักรวรรดิไทยอีกชุดที่จะมาตามล่าพวกเขา

    “คราวนี้พวกมันมากันเป็นร้อยเลยนะครับเนี่ย” เมตพูดขึ้น

    “เออ นั่นสิ แต่ถึงยังไงพวกเราก็สู้มันได้อยู่แล้ว” เวย์พูดขึ้น

    “คราวหน้าอาจจะไม่ง่ายแบบนี้ก็ได้ เห็นทีเราอาจจะต้องออกจากป่านี้ด้วย” ไนอาลาพูดขึ้น

    “อืม จริงด้วย ไม่แน่เราอาจจะต้องเจอกับกลุ่มใหญ่ของพวกมันด้วย” ฟรีพูดขึ้น

    “แล้วไงหล่ะ ฉันจะฆ่าพวกมันให้หมดเลย โย่ว!!” ไอ้หมูป่าพูดขึ้น

    “นี่ ใครก็ได้เอายาสลบให้ตานี่กินที” ซูหยินพูดพลางกุมขมับไปด้วย

    “แต่ว่าเราจะไปไหนต่อหล่ะ??” รินถามไป

    “เราอาจจะต้องขึ้นเหนือ แล้วก็หาป่ากบดานไปก่อนหล่ะนะ” โรสตอบไป

    “ไม่ต้องห่วง ฉันพอจะรู้ทิศทางอยู่ ตามฉันมาแล้วกัน” แอนนาที่นำหน้าอยู่พูดขึ้น

    “ว่าไงว่าตามกันเลยค่ะ” ซาซ่าพูดไป

    “เฮ้อ อยากไปถึงที่พักเร็วๆจัง” โซฮานพูดขึ้น 

    “เราคงพักได้แค่แป๊ปเดียว แล้วต้องรีบไปครับ” วินพูดขึ้น และไม่นานนัก พวกเขาก็เดินทางมาถึงเขตที่ตั้งของแคมป์ที่พวกเขาสร้างเอาไว้ ซึ่งที่นั่นมีแต่กลุ่มผู้หญิง เด็กและคนแก่ โดยมีผู้หญิงติดอาวุธกลุ่มหนึ่งคอยเฝ้าพื้นที่เท่านั้น พวกเขารีบเอาอาวุธรวมถึงของต่างๆ ที่เอามาจากศพของทหารจักรวรรดิไทยที่ตายไป

    “เอาหล่ะ แยกย้ายไปพักกันก่อนดีกว่า” ไมนฮาร์ทบอกกับทุกคน และทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อนที่จะเดินทางกันต่อ

     

    ไนอาลาในตอนนี้เธอแยกออกไปทำวิทยุเพื่อติดต่อใครบางคน และในตอนนั้นเอง วินก็เดินมาเจอเขา เข้าเข้าไปคุยกับเธอในทันที

    “เฮ้ เป็นยังไงบ้าง??”

    “อ้อ ไม่มีอะไร แค่พยายามจะติดต่อกับหน่วยของฉันหน่ะ แต่ก็ขอบใจมากนะที่ช่วยฉันมาตลอด” ไนอาลาพูดไป

    “เอ้ย ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้สบายๆอยู่แล้ว แล้วนี่ติดต่อหน่วยของเธอได้หรือยังหล่ะ??” วินถามไป

    “เอาจริงๆถึงติดต่อได้ น่าจะมาช่วยลำบากหน่ะ อีกอย่าง ตอนนี้งานของฉันยังดำเนินต่อไปอยู่”

    “อ้อ ไอ้คริสตัลนั่นหน่ะเหรอ ทำไมหล่ะ มันเป็นยังไงหล่ะ??” วินถามไป

    “คริสตัลนั่นมันอันตรายกว่าที่นายคิด แค่เข้าไปใกล้มัน มันก็ทำให้นายเป็นบ้าได้แล้ว ถ้าไปถึง พวกนายไม่ต้องทำอะไร ฉันจะจัดการเอง” ไนอาลาพูดขึ้น

    “นี่ มาถึงจุดนี้ไม่ทันแล้วหล่ะ ฉันช่วยเธอไปแล้ว ก้ต้องทำให้สุดหล่ะนะ” วินพูดขึ้นพลางนอนพิงกับขอนไม้แถวนั้น ไนอาลาเองได้แต่ส่ายหน้าแต่ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

     

    และที่แคมป์ไฟแห่งหนึ่ง ซึ่งกลุ่มของแอนนามาอยู่รวมกัน พวกเขาคุยกันเรื่องสัพเพเหระ รวมถึงแอบมองไอ้หมูป่าที่คอยยืนเฝ้ายามให้กับพวกเขาด้วย

    “ดูเหมือนหมอนั่นจะไม่ค่อยเต็มเตงนะคะเนี่ย” ซาซ่าพูดขึ้น

    “ปล่อยหมอนั่นเถอะ หมอนั่นน่าสงสารนะ เคยเป็นทหาร แต่สูญเสียความทรงจำจนโดนจับเข้าโรงบาลบ้าหน่ะ” ซูหยินบอกไป

    “แล้วหมอนั่นไม่คิดจะถอดหน้ากากหน่อยเหรอ??” รินถามไป

    “เอาน่า อย่าไปรบกวนหมอนั่นเลย” โรสบอกไป

    “ว่าแต่ เราจะเอายังไงต่อหล่ะ พี่แอนนา??” ฟรีถามไป

    “ฉันพอจะรู้ทางที่จะไปป่าต่อไปทางเหนือ เราต้องเปลี่ยนป่าไปเรื่อยๆ เพื่อหนีจากพวกมัน” แอนนาพูดขึ้น

    “แต่ก็หวังว่ามันจะไม่ยิงปืนใหญ่ถล่มทั้งป่า” โซฮานพูดขึ้น

    “เออนี่ คุณโซฮาน แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่กันแน่คะ??” รินถามไป

    “ตอนแรกไม่อยากจะบอกหรอก แต่ไหนๆก็อยู่กับพวกนายแล้ว ตอนนี้ฉันทำงานกับทหารไทย พวกเขาขอให้ฉันชี้เป้าคริสตัลประหลาดและทำลายมัน ส่วนเรื่องข้อมูล ไนอาลาน่าจะมี” โซฮานพูดขึ้น

    “คริสตัลประหลาด โห อย่างกับในเกมเลยแหะ” โรสพูดขึ้น

    “แต่ว่ามันพิเศษตรงไหนหล่ะ สงสัยคงต้องถามไนอาลาหล่ะนะ” ซูหยินพูดขึ้น

    “เออ แล้วนี่เธอหายไปไหนกันหล่ะ??” ซาซ่าถามไป

    “เห็นว่าเดินไปตรงนั้นหน่ะ เห็นว่าวินตามไปด้วย” ฟรีพูดขึ้น

    “ฉันว่าดูวินชอบแม่นั่นนะ” แอนนาพูดขึ้น

    “เออนะ แต่ดูแม่นั่นจะใจแข็งน่าดู นายวินน่าจะเหนื่อยหน่อย” รินพูดไป

    “ปกติไนอาลาจะไม่ค่อยเข้ากับใครเท่าไหร่ แม่นั่นเป็นยอดฝีมือของจริง ฉันว่าเตือนหมอนั่นไว้หน่อยดีกว่า ไนอาลาจะได้ไม่เล่นหมอนั่นแรงเกินไป” โซฮานพูดไป

    “555 แต่ฉันเองก็อยากรู้เรื่องของคุณไมนฮาร์ทนะ” ซูหยินพูดขึ้น

    “ก็คงจะเป็นทหารเก่านั่นหล่ะ แล้วรู้จักกับพ่อของวินด้วย” ฟรีบอกไป

    “อีกไม่นานเราก็คงต้องเดินทางกันต่อ รีบกินอะไรก่อนดีกว่า” แอนนาพูดขึ้นในขณะที่หยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมา

    “ชอบรสนี้จังแหะ” ซาซ่าพูดขึ้นพลางหยิบรสต้มยำกุ้งน้ำข้นขึ้นมา

     “แต่ฉันชอบมาม่าเกาหลีมากกว่า” โรสพูดไป จากนั้นทุกคนก็กินกันต่อไปเรื่อยๆ  

     

    และอีกด้านหนึ่งของป่า ในตอนนั้นเวย์เองกำลังนั่งริมต้นไม้ และกำลังหยิหนังสืออะไรบางอย่างขึ้นมาอ่าน แต่ในตอนนั้นเมตเองก็ดันมาเจอเข้าก่อน เวย์รีบเก็บหนังสือแต่ไม่ทัน ทำเอาเมตเองแปลกใจเล็กน้อย

    “ปีศาจงั้นเหรอ??” เมตถามเวย์ไป 

    “ใช่ ถ้าฉันนับถือปีศาจแล้วนายจะทำไมหล่ะ ฉันแค่ไม่อยากนับถือพระเจ้าปลอมๆเหมือนนาย??” เวย์ถามไป

    “ฉันนับถือพระเจ้าที่ไหนเล่า??” เมตถามไปในขณะที่นั่งอยู่แถวนั้นด้วย เวย์เองเปลี่ยนคำพูดและท่าทีเล็กน้อย

    “นายคิดว่าพระเจ้ามีจริงหรือเปล่า??” เวย์ถามเมตไป

    “ไม่รู้สิ ผมก็ไม่เคยเห็น แต่ที่ผมเห็นก็คือตัวผมเองวันนี้ ว่าแต่คุณหล่ะ คุณเชื่อว่าซาตานมีจริงเหรอ??” เมตถามเวย์กลับไป

    “ฉันเชื่อว่ามีนะ” เวย์ตอบกลับ

    “คุณรู้ได้ไง คุณเคยเห็นเหรอ สำหรับผมนะ ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง ซาตานก็ต้องไม่มีจริง ก็มีแต่คนเท่านั้น ไม่ใช่เหรอครับ??” เมตถามกลับไปแบบยาวๆ ทำให้เวย์เองถึงกับนิ่งไปเลย

     

    และอีกด้านหนึ่ง ในตอนนั้นไมนฮาร์ทเองก็กำลังตรวจสอบกำลังคนหลังจากที่แจกจ่ายอาวุธเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พวกเขาพร้อมจะต่อสู้กับทุกคนที่เข้ามาโจมตีพวกเขาแล้ว และในตอนนั้นเอง ฮานาเองก็เดินมาหาไมนฮาร์ทอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ ลุง เป็นยังไงบ้าง??”

    “อ้อ ไม่เป็นยังไงหรอก ตอนนี้เราแจกจ่ายอาวุธให้ทุกคนแล้ว” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น

    “อืม ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกมันจะดิ้นเป็นเจ้าเข้าเลยนะเนี่ย” ฮานาพูดขึ้น

    “ใช่ อีกไม่นานพวกมันคงค้นทั้งป่าตามล่าเราด้วย” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น

    “เออนี่ ลุงรู้จักเจ้าหนุ่มที่ชื่อวินได้ไงกัน??” ฮานาถามไป

    “ตอนที่ฉันยังติดต่อกับพ่อของเขา หมอนั่นชอบลงรูปลูกของบ่อยๆ ฉันเองก็พอจำได้” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น

    “เฮ้อ ดูท่าลุงจะสนิทกับพ่อเขานะ”

    “ก็อย่างที่บอก หมอนั่นเคยช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันเองก็อยากเห็นหมอนั่นเหมือนกัน” ไมนฮาร์ทตอบไป แต่ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังมาแต่ไกล ทำเอาทั้งคู่ถึงกับตกใจมาก

    “เฮ้ลุง ได้ยินหรือเปล่า??” ฮานาถามไป

    “ได้ยินสิ ไม่มีเวลาแล้ว พวกเรา รีบเก็บของเร็ว” ไมนฮาร์ทพูดไป และไม่นานนัก กองกำลังของไมนฮาร์ทก็รีบเก็บของอย่างรวดเร็ว

    “ฉันจะรีบไปบอกวินเขาแล้วกัน” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น

     

    ณ ทำเนียบรัฐบาลเดิม ซึ่งตอนนี้กุนนาร์เองยังคงทำงานของเธอไปเรื่อย แต่ในตอนนั้นเอง เฮลล่าก็เดินเข้ามาหากุนนาร์ในห้องและรายงานอะไรบางอย่าง

    “ท่านคะ คนของคุณกฤตรายงานมา เขาบอกว่าอยากให้พวกคุณดูรายงานนี้ค่ะ”

    “อ้อ ได้เลย” กุนนาร์พูดขึ้น ก่อนที่เฮลล่าจะเปิด iPad ของเธอ และเชื่อมต่อประชุมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้กับกุนนาร์ในทันที

    “สวัสดีครับ ผมเติร์กครับ”

    “สวัสดีค่ะ ได้ยินว่าพวกคุณมีรายงานอยากจะแจ้งฉัน” กุนนาร์พูดขึ้น

    “ครับ คุณกฤตให้ผมรายงานความคืบหน้เกี่ยวกับลมกัมมันตรังสี ซึ่งตอนนี้มีความเป็นไปได้พอสมควรที่มันจะพัดมาทางเราครับ” ศิลป์ตอบไป

    “ห่ะ จริงเหรอ แล้วตอนนี้พวกคุณกำลังรับมือยังไงหล่ะ??” กุนนาร์ถามไป

    “เรากำลังพัฒนาเครื่องกรองฝุ่นกัมมันตรังสี แต่เราจำเป็นต้องติดตั้งมันทั่วประเทศให้มากพอครับ” ศิลป์พูดขึ้น

    “แล้วตอนนี้พวกคุณมีเครื่องพอเหรอคะ??” กุนนาร์ถามไป

    “ถึงเรามีพอ แต่ถ้าติดตั้งทั่วประเทศไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ครับ” เติร์กพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นก็หมายความว่า เราต้องควบคุมพื้นที่ในประเทศโดยเร็วสินะคะ” เฮลล่าพูดขึ้น

    “อืม ดิฉันจะทำเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน ฝากบอกคุณกฤตด้วยแล้วกัน เรื่องนี้ฉันจะประชุมกับคณะทำงานของฉันอีกที” กุนนาร์บอกกับทั้งคู่ไป

     

    ณ เขตชายแดนจังหวัดอ่างทอง ในขณะนี้การรบระหว่างกลุ่มพันธมิตรกับกลุ่มจักรวรรดิไทยกำลังเป็นไปอย่างดุเดือด ทั้งสองฝ่ายเริ่มนำกำลังรุกมามากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนั้นนายพลพงศ์เองก็กำลังประชุมกับกลุ่มนายทหารของเขา รวมถึงตัวของกายซึ่งเป็นตัวแทนของกองกำลัง Black Reaper ด้วย

    “ดูเหมือนพวกมันจะรุกหนักขึ้นนะครับ” นายพลพงศ์พูดขึ้น

    “ครับท่าน ถนนพหลตอนนี้ ดูเหมือนพวกมันพยายามจะควบคุมเส้นทาง รวมถึงเคลียร์เส้นทางให้ได้ครับ” นายทหารคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ผมคิดว่า พวกมันต้องใช้หน่วยยานเกราะแน่นอน ไม่อย่างงั้นพวกมันจะทุ่มกำลังคุ้มกันถนนได้ยังไง” กายออกความเห็นไป

    “ถ้าอย่างงั้น เราคงต้องใช้ปืนต่อสู้รถถังแล้วหล่ะ” นายพลพงศ์พูดไป

    “เรามีจรวดต่อสู้รถถังแบบติดตั้งในป้อมปืน เอาไปใช้ติดตั้งและตั้งรับยานเกราะของพวกมันได้ เราห่วงแค่ว่าพวกมันอาจจะใช้ปืนใหญ่” กายพูดขึ้น

    “เสียดาย ถ้าเราใช้ดาวเทียม GPS จับตำแหน่งปืนใหญ่ของพวกมันได้ เราก็น่าจะได้เปรียบ” นายพลพงศ์พูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับนายพลพงศ์อย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ พวกมันบุกอีกระลอกแล้วครับ!!”

    “หือ พวกมันมีกำลังแค่ไหน??” นายพลพงศ์ถามไป

    “ดูท่าน่าจะมาเป็นกองพันเลยครับ พวกมันเอายานเกราะมาด้วยครับ!!”

    “ดูเหมือนว่าพวกมันเริ่มจะเอาจริงแล้วนะครับ” กายพูดขึ้น

    “นำกำลังของเราไปตั้งรับพวกมันเอาไว้ เราต้องยื้อเวลาจนกว่าเราจะตีโต้พวกมันได้” นายพลพงศ์พูดขึ้น

    “รับทราบครับ!!”

     

    ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบ หลังจากที่กฤตเดินทางมายังโรงแรมซึ่งกองกำลังของนาวาเอกการินกำลังรออยู่ และเมื่อพวกเขาเจอกัน พวกเขาก็รีบทักทายกันในทันที

    “สวัสดีครับผู้พัน ยินดีที่ได้เจอคุณครับ”

    “คุณกฤต ได้ยินชื่อเสียงมานาน ดีใจที่ได้เจอตัวจริงครับ” การินพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นาน พวกเขาจะเดินเข้าไปในตึกของโรงแรม เดินเข้าไปในห้องประชุมที่เตรียมเอาไว้ และเมื่อตัวแทนของทั้งสองฝ่ายมากันครบ พวกเขาก็พูดคุยกันในทันที

    “เอาหล่ะ ไหนๆก็ไหนๆ ผมขอเข้าเรื่องเลยนะ ตอนนี้คุณกำลังทำอะไรกับกรุงเทพอยู่หล่ะ คุณกฤต??” การินถามไป

    “ผมก็แค่ควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ทุกอย่างเลวร้ายลง นับจากนี้คงจะมีหลายเรื่องที่เกิดขึ้น ผมแค่ต้องการช่วยประเทศนี้” กฤตตอบไป

    “แล้วถ้าจบสงครามกลางเมือง คุณจะทำยังไงต่อหล่ะ??” การินถามไป

    “ถึงตอนนั้น ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกอย่างกลับเป็นปกติ” กฤตตอบไป

    “แล้วพวกต่างชาติที่คุณทำงานด้วยหล่ะ คุณจะทำยังไงต่อ??” การินถามไป

    “ผมจะจัดการกับพวกเขาเอง” นายกฤตตอบไป แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังมาจากด้านนอก

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    “เฮ้ย อะไรกันวะ??” การินถามไป และในตอนนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    “ท่านครับ มีกองกำลังปริศนากำลังจะมาเล่นงานเราครับ!!”

    “ห่ะ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย??” กฤตถามไป

    “ผมว่าเราคงต้องไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า ดูเหมือนจะมีมือที่สามครับ” การินพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นก็ฝ่ามันออกไปเลยครับ พวกเรา เอาเลย” กฤตสั่งลูกน้องของเขา ก่อนที่ไม่นานนัก ลูกน้องของกฤตจะปล่อยโดรนขนาดเล็กออกมา จากนั้นมันก็บินออกไปในทันที

    “ไปครับ” กฤตพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนักพวกเขาก็พากันหนีออกจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว และเมื่อออกไปด้านนอก พวกเขาก็พบกับกองกำลังชุดขาวที่พยายามจะล้อมพวกเขา

    “จัดการพวกนอกศาสนาซะ!!” พวกนั้นตะโกนออกมา ก่อนที่ไม่นาน โดรนลำเล็กที่กลุ่ม Black Reaper ปล่อยออกมาก็ทำการจู่โจมพวกมัน จนพวกมันถึงกับเสียขบวน 

    “ฮัลโหล บากาดอฟ เรากำลังถูกโจมตี เราจะกลับแล้ว!!” การินวอบอกกับบากาดอฟ

    “จริงเหรอคะ รับทราบค่ะ!!” บากาดอฟตอบไป จากนั้นตัวของการินเองก็รีบวิ่งไปที่เฮลิคอปเตอร์ ในขณะที่กลุ่มของกฤตก็รีบวิ่งไปที่รถของพวกเขา

    “รีบไปเร็ว!!” กฤตตะโกนออกมา จากนั้นลูกน้องของเขาก็รีบพาเขาขึ้นรถ ส่วนลูกน้องของเขาก็ยิงสกัดกับพวกศัตรูอย่างดุเดือด 

    “ท่านครับ ก้มหัวลงก่อนครับ!!”

    “พวกเรามากันครบหรือยัง??” กฤตถามไป

    “เรียบร้อยครับท่าน!!”

    “ถ้างั้นก็ไปเลย” กฤตพูดขึ้น ก่อนที่ขบวนของเขาก็รีบฝ่าพวกศัตรูออกไปอย่างรวดเร็ว พวกมันพยายามจะยิงสกัดแต่ไม่ได้ผล จากนั้นไม่นานพวกเขาก็หนีออกมาจนได้

     

    ณ ถนนเส้นหนึ่งซึ่งเดินทางไปยังพัทยา ขบวนรถของชยาชาญเดินทางเข้าสู่พัทยาจนได้ สภาพของพัทยาในตอนนี้ดูเหมือนจะถูกปรับปรุงจนดีขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ขบวนรถของชยาชาญก็เดินทางมาถึงทางแยกแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นมีรถทหารกำลังจอดรออยู่ ขบวนรถของชาญจอดรอ และไม่นาน รถทหารคันหนึ่งก็ขับมาหาพวกเขา จากนั้นก็พูดขึ้น

    “คุณชาญใช่หรือเปล่าครับ เชิญทางนี้ครับ” ทหารในรถพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พาขบวนของชาญออกไปในทันที พวกเขาเดินทางมาเรื่อยๆ จนมาถึงโรงแรมที่ใช้ในการรับรอง ซึ่งจินเยว่เองกำลังรออยู่ ไม่นานนักกลุ่มของชาญก็ลงจากรถ และเดินไปหากลุ่มของจินเยว่ที่กำลังรออยู่ ทั้งคู่จับมือกันอย่างรวดเร็ว

    “สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” ชาญพูดทักทายเธอไป

    “นั่นสิคะ ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันที่ไหนนะ ที่ฉะเชิงเทราหรือเปล่า??” จินเยว่พูดไป และไม่นานนักพวกเขาทั้งสองคนก็พากันเข้าไปในโรงแรมทันที จินเยว่พาชาญเข้าไปในห้องประชุมที่จินเยว่จัดเตรียมเอาไว้ให้ พวกเขานั่งที่ตามที่ได้เตรียไม้วในทันที ก่อนที่ของว่างจะถูกนำมาเสิร์ฟให้กับทั้งสองฝ่าย

    “ของว่างนี่ก็ง่ายๆนะคะ เหมือนกับคุณเลย” จินเยว่พูดขึ้น

    “แหม่ คุณนี่รู้ดีจริงๆเลยนะครับ” ชาญตอบไป

    “ว่าแต่ ตอนนี้สถานการณ์ในกรุงเทพเป็นยังไงบ้างคะ??” จินเยว่ถามไป

    “ตอนนี้กองกำลังของนายสาลิกากำลังบุกลงมา เราพยายามจะต้านมันไว้ แต่สายข่าวของผมบอกมาว่า พวกนั้นมีกำลังหลายแสนเลย” ชยาชาญบอกไป

    “อืม ฉันเองก็เคยได้ยินมา ได้ยินมาว่าที่นั่นฆ่าคนต่างชาติซะเหี้ยนเลย ฉันเองคงเข้าไปเฉียดไม่ได้” จินเยว่พูดขึ้น

    “ครับ ผมคิดว่าถ้าพวกมันยึดกรุงเทพได้ ต่อไปมันคงโจมตีพื้นที่ของคุณแน่ๆ” ชยาชาญบอกไป

    “ฉันเข้าใจดีค่ะ แต่ตอนนี้เรากำลังกังวลเรื่องกองเรือของท่านการิน รวมถึงกลุ่มผู้อพยพทางอีสานค่ะ” จินเยว่พูดขึ้น

    “ตอนนี้คุณกฤตกำลังเจรจากับคุณการินอยู่ คุณการินเองก็คงจะเข้าใจสถานการณ์ เพราะคุณการินเองก็ไม่ค่อยชอบนายสาลิกาเหมือนกัน” ชาญตอบไป

    “ดูเหมือนว่านายสาลิกาจะไม่มีใครคบซะแล้ว ถ้าเอาตามที่คุณว่านะคะ” 

    “ว่าแต่ เรื่องภาคอีสานนี่ยังไงกันครับ??” ชาญถามไป

    “เราจับผู้อพยพได้คนนึง ตัวเขาแล่เนื้อมนุษย์มาเพื่อกิน พวกเราสอบสวนเขาแล้ว พบว่าพวกเขาเข้ารีตนับถือลัทธินอกรีตทางภาคอีสาน เรากำลังสอบสวนเพิ่มเติมค่ะ” จินเยว่พูดขึ้น

    “โห นี่มันอะไรกันเนี่ย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอดอยากกันจริงๆนะเนี่ย” ชาญพูดขึ้น

    “ฉันได้ยินครั้งแรกก็ไม่อยากจะเชื่อเลย ตอนนี้ฉันกำลังควบคุมกลุ่มผู้อพยพแล้ว” 

    “ผมเข้าใจดีครับว่าคุณจินเยว่เหนื่อย” ชาญพูดขึ้น

    “แหม่ คุณนี่ปากหวานดีนะคะ” จินเยว่พูดไป

    “ครับ ที่ผมมาคุยกับคุณวันนี้ ผมคิดว่าถ้าพวกเรากระทบกระทั่งกันไป มันก็ไม่มีประโยชน์นะครับ” ชาญพูดขึ้น

    “อืม ฉันเห็นด้วย แต่ตอนนี้คงต้องดูว่าท่านการินจะทำอะไรต่อ” จินเยว่พูดขึ้น

    “ถ้าเป็นไปได้ ผมตะคุยกับเขาเองครับ” ชาญพูดขึ้น 

    “อืม คุณจะพักที่นี่ก่อนหรือเปล่าคะ ฉันเตรียมห้องพักไว้แล้ว??” จินเยว่ถามไป

    “อ้อ ก็ดีเหมือนครับ ผมเองก็คิดถึงพัทยาเหมือนกัน” ชาญตอบไป

    “ค่ะ ถ้าอย่างงั้นก็พักผ่อนกันตามสบายเลยนะคะ” จินเยว่บอกไป

     

    ณ ฐานที่มั่นของคามิและกองกำลังของเขา ในตอนนี้ตัวของเขาส่งเหล่าชาวบ้านที่ได้รับการฝึกจากทหารชั้นดีที่เขามีออกไปก่อวินาศกรรมตามค่ายที่มั่นของกองกำลังจักรวรรดิไทย รวมถึงมีการลัดเลาะตัดเสบียงและปล้นชิงสิ่งของมีค่าด้วย ตัวของคามิที่อยู่ที่ค่ายได้ยินเสียงระเบิดอยู่ตลอดเวลา และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของจันทร์ก็เดินมารายงานอะไรบางอย่างกับคามิและคนอื่นๆที่อยู่แถวนั้น

    “เออจันทร์ เจอพอดีเลย ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง??” คามิถามไป

    “ตอนนี้ชาวบ้านของเราเริ่มงานแล้ว ตอนนี้พวกมันกำลังวุ่นวายเลย” จันทร์พูดขึ้น

    “ดี ให้พวกมันระส่ำเป็นหนูติดจั่นไปเลย ระหว่างนี้ฉันอยากให้เธอช่วยคุมการสร้างแนวรับใหม่ของเราด้วยหล่ะ” คามิพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จอห์นก็เดินเข้ามาหาพวกเขาเพื่อพูดคุยด้วย

    “อ้าว คุณจอห์น มีอะไรหรือเปล่าคะ??” โรสถามไป

    “ตอนนี้ตะวันกำลังไปลุยกับพวกไอ้แดเนียล ตอนนี้พวกมันเริ่มติดกับเราแล้ว จากที่คุยกัยหมอนั่นนะ” จอห์นพูดขึ้น

    “ดี ถ้าหมอนั่นจัดการคงไม่มีปัญหา” คามิพูดขึ้น และไม่นานนัก โรสเองก็รับโทรศัพท์สายหนึ่ง เธอรีบบอกกับทุกคนในทันที

    “ทุกคนครับ นี่ผมเอง!!”

    “เออ ตะวันเหรอ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง??” คามิถามไป

    “ตอนนี้เราถอนกำลังชาวบ้านออกมาแล้ว เรากำลังซุ่มโจมตีพวกมันจากทุกทาง แต่ตอนนี้มันกำลังเกณฑ์คนเพิ่ม และดูเหมือนชาวบ้านหลายคนจะไปเข้าร่วมกับมันด้วยครับ” ตะวันตอบไป

    “ดูท่าทางไอ้นี่จะเงินหนาเหมือนกันนะ” จอห์นพูดขึ้น

    “ถ้าเป็นแบบนี้ เราคงต้องทำอะไรซักอย่างแล้วนะคะ” โรสพูดขึ้น

    “ตะวัน ฉันอยากให้นายตัดกำลังพวกมันให้ได้มากที่สุด ส่วนพวกคนทรยศก็จัดการซะอย่าให้เหลือ” คามิพูดขึ้น

    “ตอนนี้เรากำลังสร้างแนวรับแล้ว หวังว่าพวกมันคงจะอ่อนแรงก่อนที่จะมาโจมตีเราอีกทีนะคะ” จันทร์พูดขึ้น

    “เออใช่ พี่จันทร์ สถานการณ์ที่นั่นเป็นยังไงบ้างครับ??” ตะวันถามไป

    “นายคงต้องอยากมาเห็นแน่ๆ” จันทร์พูดขึ้น

    “เออนี่ ถ้าช่วงนี้ฉันไม่อยู่ก็ไม่ต้องแปลกใจนะ ฉันจะไปชำระความกับไอ้แดเนียลหน่อย” จอห์นพูดขึ้น

    “ค่ะ ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะคะ” โรสตอบไป

    “ตอนนี้สถานการณ์ที่อื่นเป็นยังไงบ้างหล่ะ จอห์น??” คามิถามไป

    “เท่าที่รู้มานะ ในกรุงเทพ ตอนนี้พวกชุดดำมันกำลังบุกลงไป แต่ไม่สำเร็จ ทางเหนือพวกมันก็ยังทำอะไรไม่ได้ อีกไม่นานสถานการณ์คงจะพลิกกลับ” จอห์นพูดขึ้น

    “โห ดูเหมือนว่าพวกมันก็เริ่มจะลำบากแล้วนะคะ” โรสพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น ฉันจะให้จันทร์นำกำลังจัดการกับพวกชุดดำ ตั้งรับพวกมันเอาไว้ หรือถ้าสบโอกาสก็เข้าตีมันก็ได้ แล้วถ้าเกิดต้องการกำลังเพิ่ม ฉันจะให้ตะวันกลับมาช่วย” คามิพูดขึ้น

    “รับทราบค่ะ” จันทร์ตอบไป

    “ครับ ถ้ามีอะไรก็ติดต่อมาได้ครับ” ตะวันตอบไป

    “อืม ถ้าอย่างงั้นฉันจะไปจัดการกับไอ้แดเนียลเอง” จอห์นพูดขึ้น

    “ดี ถ้าอย่างงั้นก็เตรียมพร้อมเลย” คามิบอกกับทุกคนไป

    “เออ คุณคามิ ไปทานยาดีกว่านะคะ” โรสพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็พาคามิกลับเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ซึ่งในบ้านนั้นโรสเตรียมยากับเข็มฉีดยาเอาไว้แล้ว

     

    ณ ฐานที่มั่นของกองกำลัง MAG ในตอนนี้พวกเขาตั้งค่ายอยู่บริเวณเขตจังหวัดกาญจนบุรี ในตอนนี้จ่าพลกำลังจับตาสถานการณ์ของกองกำลังจักรวรรดิไทย รวมถึงกองกำลังเผยแผ่ศาสนาที่อาจจะมีการกระทบกระทั่งกันในอนาคต 

    “จ่านนท์ ตอนนี้ความเคลื่อนไหวของพวกเผยแผ่ศาสนากับพวกไอ้สาลิกาเป็นยังไงบ้าง??” จ่าพลถามไป

    “ครับ สายข่าวของเราแจ้งมาแล้ว ตอนนี้พวกจักรวรรดิไทยกำลังนำทัพเข้าโจมตีเมืองลำพูน คิดว่าน่าจะตีได้เร็วๆนี้ครับ บางส่วนก็นำกำลังโจมตีกรุงเทพ แล้วก็ประจำอยู่ทางอีสานด้วยครับ ส่วนพวกเผยแผ่ศาสนา ตอนนี้พวกมันเงียบไปเลยครับ” จ่านนท์พูดขึ้น

    “อืม ตามหลักของผม เงียบๆหน่ะน่ากลัว” จ่าพรพูดขึ้นในขณะที่สูบบุหรี่ไปด้วย

    “ผมเห็นด้วย ผมว่าพวกมันต้องวางแผนอะไรอยู่แน่ๆ” จ่ารงค์พูดเสริม

    “อืม ถ้าอย่างงั้นเราคงต้องนำกำลังของเราคุ้มกันทางใต้ด้วย” จ่าพลพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเขาอย่างรวดเร็ว

    “จ่าครับ หน่วยของเราทางใต้โดนโจมตีครับ!!”

    “ห่ะ จริงเหรอ พวกมันเป็นใครกัน??” จ่าพลถามไป

    “เราไม่ทราบ แต่พวกมันเป็นกองกำลังสวมชุดขาวอาวุธครบมือครับ”

    “เวรเอ้ย ต้องเป็นพวกมันแน่ๆ แต่ถ้าพวกมันอยากจะลุย เราก็ลุยกับมันเลย” จ่าพลพูดไป

     

    และที่จังหวัดลำพูน ในตัวเมืองตอนนี้ กองกำลังของจักรวรรดิไทยได้เข้าประชิดแนวรับของเมืองและเริ่มรุกคืบเข้ามาเรื่อยๆ แต่ในตอนนี้กองกำลังของเหมยฮวาก็ยังคงตั้งรับไว้ได้อย่างเข้มแข็ง 

    “ตอนนี้พวกมันอยูที่ไหนแล้ว??” เหมยฮวาถามทหารของเธอไป

    “ตอนนี้พวกมันกำลังจะเข้ายึดชานเมืองได้แล้วครับ!!”

    “ท่านครับ ผมว่าเราน่าจะถอยกลับเชียงใหม่ก่อนนะครับ” นายทหารคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ตอนนี้เรายังอยู่ได้ แค่เตรียมทางเอาไว้ก็พอ แล้วนี่กำลังเสริมของเราเมื่อไหร่จะมาหล่ะ??” เหมยฮวาถามไป

    “คงอีกไม่นานครับ แต่ดูเหมือนว่าถึงมาตอนนี้ก็น่าจะไม่มีประโยชน์ พวกข้าศึกคงเข้าเมืองในเร็วๆนี้ครับ” นายทหารของเธอตอบไป และในตอนนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็รีบมารายงานอะไรบางอย่างกับเหมยฮวาอย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ ตอนนี้กำลังเสริมของเราใกล้จะมาถึงแล้ว แล้วอีกอย่าง ตอนนี้เรายังตรึงพวกมันที่ชานเมืองไว้ได้ครับ!!” 

    “เราจะยื้อได้นานแค่ไหน??” เหมยฮวาถามไป

    “น่าจะมากพอที่กำลังเสริมจะมาครับ!!”

    “อืม ยื้อพวกมันให้ได้นานที่สุด ถ้ากำลังเสริมของเรามาเมื่อไหร่ เราจะโจมตีพวกมันกลับแบบเร็วเลย” เหมยฮวาพูดขึ้น ก่อนที่ในตอนนั้นเธอจะหยิบถ้วยชามาดื่ม

    “เออ จะให้เราเตรียมทางหนีมั้ยครับท่าน??” นายทหารคนหนึ่งถามไป

    “เออ เตรียมพร้อมแล้วกัน คุ้มกันทางหนีเผื่อไว้ แล้วเสริมแนวรับที่เชียงใหม่ ที่นั่นชัยภูมิดี” เหมยฮวาพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ทหารอีกคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเหมยฮวา

    “ท่านครับ มีข่าวมาว่ากองกำลังจักรวรรดิไทยกำลังโดนโจมตีในภาคอีสานครับ!!”

    “ห่ะ จริงเหรอ ดูเหมือนว่าเวลาจะอยู่ข้างเราสินะ” เหมยฮวาพูดขึ้น

     

    ณ ที่ทำการจังหวัดพิษณุโลก ในตอนนี้ตัวของสาลิกาได้รับรายงานอะไรบางอย่างที่ทำให้ตัวของเขาแทบจะคลั่ง ในตอนนั้นเขาอาละวาดทั่วห้อง ทำเอาลูกน้องคนอื่นถึงกับไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับเขาเลย

    “เวรเอ้ย มันเป็นไปได้ยังไงกันวะเนี่ย??” สาลิกาตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด

    “ดูเหมือนว่าชาวบ้านทางอีสานตอนนี้กำลังต่อต้านเราอย่างหนักครับ”

    “เฮ้ย แต่ว่าไอ้พวกแมลงสาบพวกนั้นมันสร้างความเสียหายขนาดนี้ได้ยังไง??” สาลิกาถามไป

    “ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีครับ ต้องมีใครคอยฝึกสอนพวกเขาแน่นอนครับ”

    “เวรเอ้ย ไอ้พวกแมลงสาบที่ราบสูงพวกนี้มันร้าย เห็นมันดูไม่มีพิษภัย แต่ความจริงมันเป็นพวกเลี้ยงไม่เชื่อง ไอ้พวกปลาร้าพวกนี้!!” สาลิกาพูดขึ้น

    “ผมว่าเราแค่ส่งตำรวจไปจัดการก็พอครับ”

    “ไม่ ฉันต้องการให้พวกมันทรมาน จับพวกมันมาทรมานให้มากที่สุด ใช้แรงงานมันให้หนักๆเลยยิ่งดี ต้องเหยียบหัวพวกมันไม่ให้มันได้ผุดได้เกิดเลย!!” สาลิกาตะโกนออกมา

    “ต้องฆ่าทุกคนเลยเหรอครับ??”

    “เออ เรียกยานกรมาพบฉันด้วย ฉันอยากจะวางแผนอะไรกับเขาหน่อย” สาลิกาพูดขึ้น

    “แต่ว่าท่านยานกรกำลังจะยึดภาคเหนือได้แล้วนะครับ”

    “ก็บอกให้หมอนั่นกลับมาก่อนสิวะ!!” สาลิกาพูดพลางทุบโต๊ะดังปัง ทำเอาทหารในห้องถึงกับต้องรีบออกไป

    และที่ค่ายหลักของนายพลยานกร หลังจากที่ตัวของยานกรได้ข่าวที่ภาคอีสาน มันทำเอาตัวของยานกรถึงกับแทบบ้า เขารีบประชุมกับนายทหารคนอื่นๆของเขาในทันที

    “เวรเอ้ย ไม่น่ารีบออกมาจากภาคอีสานเลย” ยานกรพูดขึ้น

    “ผมว่า พวกนั้นมันก็แค่กองโจร ไม่มีความสำคัญอะไรหรอกครับ” ผู้พันเกศพูดขึ้น

    “ฉันก็หวังให้มันเป็นแบบนั้นหน่ะสิ แต่ดูจากความเสียหาย ดูเหมือนว่าพวกมันจะต้องฝึกกันหนักและดีมาก” ยานกรพูดขึ้น

    “อืม เห็นด้วยครับ แล้วตอนนี้เราจะเอายังไงกับที่เมืองลำพูนครับ??”

    “อืม ตอนนี้เรายึดชานเมืองของมันได้แล้ว เราคงต้องรีบบุกเข้าไปเลย” ยานกรพูดขึ้น

    “ตอนนี้พวกมันยันเราไว้ที่ชานเมือง ผมว่าเราควรจะขยายแนวล้อมเพิ่มนะครับ” 

    “เราไม่มีเวลาขนาดนั้น เราต้องรีบบุกเข้าไปเลย” ยานกรพูดขึ้น

    “แต่ผมว่า เราต้องระวังกำลังเสริมของพวกมันด้วยนะครับ”

    “เรื่องนั้นฉันรับมือเอาไว้แล้วหล่ะ ถ้าเรายึดเมืองได้ เราจะนำกำลังที่เหลือไปต้านพวกมันเอาไว้เลย” ยานกรพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ทหารคนหนึ่งจะรีบมารายงานอะไรบางอย่างกับยานกรอย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ ท่านสาลิกาต้องการพบท่านครับ!!”

    “หือ มีเรื่องอะไรหล่ะ??” ยานกรถามไป

    “ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการให้เราจัดการเรื่องที่ภาคอีสานครับ”

    “ห่ะ อะไรนะ นี่ฉันกำลังจะยึดเมืองลำพูนได้แล้วนะเว้ย??” ยานกรพูดออกมาอย่างหัวเสีย

    “เออ อันนี้ท่านสาลิกาสั่งมาครับ”

    “บ้าเอ้ย แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ” ยานกรพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นผมจะจัดการเรื่องที่ลำพูนเองครับ” ผู้พันเกศพูดขึ้น

    “ก็ได้ ถ้าอย่างงั้นผมฝากด้วยแล้วกัน” ยานกรตอบไป

     

    ณ ป่าแห่งหนึ่งในเขตจังหวัดสุพรรณบุรี ในตอนนี้กลุ่มของนายทศเพิ่งจะถูกตำรวจบุกทำลายซ่องของเขา ตัวของเขาหนีเข้าไปในป่า พร้อมกันนั้นก็ไม่ลืมที่จะเอาพวกเชลยที่จับมาได้ไปด้วย พวกเขาเดินเข้าป่าไปเรื่อยๆ และไม่นานนัก กลุ่มของนายทศก็นั่งพักกันที่ป่าแถวนั้นก่อน

    “เวรเอ้ย นั่งพักหน่อยก็ดี” นายทศพูดขึ้นพลางนั่งไปยังโขดหินแถวนั้น 

    “เฮ้อ นั่นสิพี่ เกือบตายแล้วมั้ยหล่ะ” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น

    “เออนี่ แล้วพวกเราเป็นไงบ้างเนี่ย??” นายทศถามไป

    “ตอนนี้หนีออกมาหมดแล้วพี่ เราทิ้งพวกเชลยไปบางส่วน ให้พวกมันสาละวนอยู่ครับ”

    “เออ เหนื่อยชิบหายเลยหว่ะ อาหารยังไม่ย่อยด้วย คอยดูเถอะ กลับไปได้กูจะฆ่าพวกมันแน่” นายทศพูดขึ้น

    “เราต้องกบดานในสุพรรณซักพักครับ ที่นั่นเราจะปลอดภัย”

    “เออ ก็คงต้องเป็นแบบนั้น แล้วเราจะพักกันที่ไหนหล่ะ??” นายทศถามไป

    “มีหมู่บ้านร้างริมน้ำเตรียมรอแล้วครับ”

    “เออ แล้วพวกมันตามมาหรือเปล่า??” นายทศถามไป

    “ตอนนี้เท่าที่เห็น ยังไม่เห็นพวกมันตามมานะครับ” 

    “เออ ดี ดูเหมือนว่าผลงานที่พวกเราทำมันจะโดดเด่น จนพวกมันดิ้นกันเป็นเจ้าเข้าเลย” นายทศพูดขึ้นจากนั้นก็เอนหลังนอนอยู่ตรงโขดหินนั้น

     

    ณ ป่าแห่งเดิมซึ่งเป็นเขตของกลุ่ม Scave ตอนนี้นายพรและพวกกำลังอพยพกลุ่มชาวบ้านเข้าไปในป่าเพื่อหลบหนีจากการตามล่าของกองกำลังข้าศึก ในตอนนี้เฮลิคอปเตอร์ของพวกมันบินวนรอบไปยังพื้นที่ที่พวกเขาอยู่เพื่อตามล่าตัวพวกเขา นายพรเองก็พยายามจะให้คนของเขาหาที่หลบ

    “ระวังด้วย อย่าให้มันเห็นหล่ะ” นายพรพูดขึ้น แต่ไม่ทันไร ในตอนนั้นเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็บินวนกลับมา จากนั้นก็ไล่ยิงใส่ตำแหน่งของพวกเขา

    “รีบเข้าป่าเร็ว!!” นายพรตะโกนออกมา ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์ก็ยิงลงใส่พื้นที่ของนายพรอย่างดุเดือด

    “ปังๆๆๆๆๆๆ!!”

    ทั้งชาวบ้านและกลุ่มของนายพรรีบหาที่หลบ แต่ดูเหมือนว่าบางส่วนจะหลบไม่ทัน บางส่วนถูกยิงกันจนนอนเกลื่อนพื้น บางส่วนก็พยายามยิงตอบโต้ แต่ในตอนนั้น คนของนายพรคนหนึ่งก็เอาฉมวกตะขอพร้อมกับหน้าไม้ยักษ์ติดล้อออกมา จากนั้นพวกเขาก็เล็งไปที่ฮอลำนั้น

    “ได้โอกาสก็เอาเลย!!” นายพรพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก พวกเขาจะยิงฉมวกออกไป จากนั้นฉมวกก็ลอยผ่านหางของฮอไป แต่เชือกสลิงก็เกี่ยวเข้าที่หางของเฮลิคอปเตอร์และหมุนพันเข้าที่หางของเฮลิคอปเตอร์ไปสองสามรอบ ทำเอาเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นเริ่มเสียศูนย์และเซลงไป

    “เมย์เดย์ๆๆ!!” นักบินพยายามประคองเครื่อง แต่ก็ไม่ทันแล้ว เฮลิคอปเตอร์ก็ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว ทำเอากลุ่มของนายพรถึงกับเฮดังลั่น

    “เย้ สมน้ำหน้ามัน!!”

    “โอเค จัดการกับมันเลย ดูคนเจ็บด้วยหล่ะ” นายพรพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานกลุ่มชาวบ้านจะพากันบุกเข้าไปในฮอและลากนักบินออกมารุมประชาทัณฑ์ ในขณะที่ลูกน้องของเขาบางส่วนก็รีบแบกคนเจ็บเข้าไปในป่าเพื่อรักษา

     

    ณ เขตชายแดนจังหวัดพิษณุโลก บลูมเดินทางโดยไม่พักผ่อนเพื่อเข้ามาทำภารกิจที่พิษณุโลก ไม่นานนักตัวของบลูมก็ข้ามชายแดนมาจนได้ ระหว่างเธอตัวของเธอกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ ตัวของเธอมองไปตามข้างทางก็พบว่ามีศพมากมายถูกจับแขวนประจานเอาไว้อย่างน่าเวทนา 

    “เราเป็นพวกขบถจกปลาร้า!!”

    บลูมเองที่ผ่านเรื่องอะไรแบบนี้มาเยอะยังถึงกับขยะแขยง ในขณะที่กลุ่มตำรวจและทหารชุดดำในพื้นที่ก็ลากชายหญิงกลุ่มหนึ่งออกมาตามถนน จากนั้นพวกเขาก็ทำการยิงใส่พวกนั้นอย่างไม่ปรานี

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    บลูมเองตกใจมาก แต่ก็ยังพยายามคีฟตัวเองเอาไว้และขับผ่านไป ไม่นานนัก ตัวของเธอก็ขี่รถเข้าไปในซอยแห่งหนึ่ง แถวนั้นมีร้านของชำอยู่ร้านหนึ่ง และชายคนหนึ่งกำลังกวาดหน้าร้านอยู่

    “เฮ้ หวัดดี” บลูมพูดขึ้น

    “มาแล้วเหรอ ดี กำลังรออยู่เลย” ชายคนนั้นตอบไป

    “เออ ข้างนอกมีอะไรกันเหรอ ทำไมยิงกันหนักขนาดนี้??” บลูมถามไป

    “ไม่มีอะไรหรอก พวกนั้นฆ่าผู้อพยพจากภาคอีสานที่ต้องสงสัยว่าจะทำการก่อวินาศกรรมหน่ะ แต่ช่างมันเถอะ เธอรีบเข้ามาในบ้านดีกว่า” ชายคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่บลูมจะจอดรถอยู่ที่ข้างๆบ้าน จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปในบ้านทันที

     

    กลับมายังบ้านพักของไนซ์และแจนรี่ หลังจากที่พวกเขาอยู่ที่บ้านหลังนี้ซักพัก ตัวของไนซ์เองก็ตัดสินใจว่าจะเดินทางลงใต้เพื่อเข้ากรุงเทพตามแผนที่เขาวางเอาไว้ ตัวของเขาเตรียมอาวุธสำหรับรับมือสถานการณ์ ในขณะเดียวกันนั้นเอง แจนรี่เองก็มาหาเขาในห้องนอนด้วย

    “คุณคะ ได้พักผ่อนบ้างหรือยังคะ??” แจนรี่ถามไป

    “ก็นิดหน่อยครับ” ไนซ์ตอบกลับไป

    “ฉันว่าคุณน่าจะพักหน่อยก็ดีนะคะ”

    “อ้อ แค่นี้ก็พอแล้วครับ ผมจัดการไหวอยู่แล้ว คุณเก็บของหมดหรือยังครับ??” ไนซ์ถามไป

    “ฉันเอาของไปไว้ที่รถหมดแล้วค่ะ ตอนนี้รถสภาพยังดีอยู่” 

    “โอเค ถ้าอย่างงั้นเราไปกันเลยดีกว่า” ไนซ์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ยื่นปืนให้กับแจนรี่ จากนั้นพวกเขาก็เก็บของที่เหลือในทันที และลงไปด้านล่าง แต่ในตอนนั้นเอง ตัวของไนซ์ก็รู้สึกแปลกๆ ตัวของเขารีบชักปืนออกมาในทันที

    “แจนรี่ คุณรีบไปที่รถก่อนนะ” ไนซ์พูดขึ้น

    “ระวังตัวนะคะ” แจนรี่พูดขึ้นจากนั้นก็เปิดประตูข้างบ้าน จากนั้นก็รีบไปที่รถ แต่ในตอนนั้นเอง

    “ปังๆๆๆๆ!!”

    เสียงปืนปริศนาดังขึ้น แจนรี่รีบหลบที่ข้างรถในทันที ก่อนที่จะเก็บของเข้าไปในรถ ไนซ์เองรีบเข้ามาดูเธอในทันที

    “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ??”

    “ไม่เป็นไรค่ะ รีบหนีเถอะค่ะ” แจนรี่ตอบไป และลูกปืนปริศนามันมาจากกลุ่มคนหน้าบ้านที่ยิงเข้ามาในบ้านของไนซ์

    “เฮ้ย นายสั่งไว้อย่ายิงผู้หญิง!!”

    “อ้าว แต่มันจะหนีนะพี่!!”

    “ไอ้ห่า มึงก็ยิงยางรถมันสิ..” ยังไม่ทันที่มันจะพูดจบ ในตอนนั้นไนซ์เองก็ยิงมันจนตายคาที่ จากนั้นก็ยิงลูกน้องของมันด้วย

    “เฮ้ย พวกเรา ฆ่ามัน!!” ลูกน้องที่เหลือที่เห็นสถานการณ์ก็ตะโกนออกมา จากนั้นพวกมันอีกหลายสิบคนก็วิ่งกรูกันออกมาล้อมบ้านเอาไว้

    “ไปเร็วค่ะ!!” แจนรี่ตะโกนออกมา ก่อนที่ตัวของไนซ์จะรีบเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็รีบสตาร์ทรถในทันที

    “ปังๆๆๆๆๆๆ!!”

    พวกมันพยายามระดมยิงใส่รถของไนซ์ แต่ไนซ์เองก็ยิงใส่พวกมันกลับไป จากนั้นเขาก็รีบบึ้งรถออกไปจากบ้านหลังนั้นในทันที

    “เอาหัวลงด้วยครับ!!” ไนซ์ตะโกนบอกกับแจนรี่ และไม่นานนัก พวกเขาก็หนีจากพวกมันมาจนได้ พวกเขารีบออกจากหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว

    “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ??” ไนซ์ถามแจนรี่ไป

    “ฉันไม่เป็นไรค่ะ พวกมันตามเราเจอได้ยังไง??” แจนรี่ถามไป

    “ดูเหมือนว่าพวกมันคงจะจ่ายเบี้ยบ้ายรายทางชาวบ้านให้เปิดปากหล่ะนะ” ไนซ์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เราคงต้องเข้าป่ากันแล้วหล่ะค่ะ” แจนรี่พูดขึ้น

    “เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง ผมจะไม่ยอมให้พวกมันมาทำอะไรคุณแน่นอนครับ” ไนซ์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ขับรถไปเรื่อยๆเพื่อหนีจากการตามล่า

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของแดเนียล ในตอนนี้กองกำลังของเขากำลังวุ่นอยู่กับการสร้างรั้วล้อมพื้นที่ที่ยึดครอง รวมถึงหาคนเพิ่มเพื่อต่อสู้กับกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ แดเนียลสั่งให้โกยของที่เขาต้องการทั้งหมดในพื้นที่ ในขณะที่ตัวของเขาก็คอยควบคุมทุกอย่างด้วย

    “เฮ้ย รีบขนพืชพวกนี้ไปให้หมด!!” แดเนียลตะโกนออกมา ในขณะที่ลูกน้องของเขาก็กุลีกุจอขนพืชขนิดหนึ่งขึ้นรถอย่างรวดเร็ว

    “ผมเองก็เห็นว่าพวกมันก็เร่งกันเต็มกำลังแล้วนะครับนาย” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น

    “มันต้องเร็วกว่านี้สิวะ!!” แดเนียลตะโกนออกมา และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของแดเนียลคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    “นายครับ แย่แล้วครับ!!”

    “เฮ้ย อะไรของมึงอีกวะ??” แดเนียลถามไป

    “ไอ้คนที่เราพยายามจะจับตัวมา มันหนีไปได้ครับ”

    “เฮ้ย หนีไปได้อีกแล้วเหรอ กูส่งพวกมันไปเป็นสิบๆคนเลยนะเว้ย??” แดเนียลถามไป

    “ดูเหมือนพวกมันจะรู้ตัวก่อนครับ”

    “ไอ้ระยำเอ้ย ไม่ได้เรื่องซักตัว พกมึงรีบไปจับมันให้ได้สิวะ!!” แดเนียลตะโกนออกมา จากนั้นลูกน้องของเขาก็รีบเดินออกไปอย่างลนลาน

    “เฮ้ยนี่ มึงคิดว่าพวกมันจะไปที่ไหน??” แดเนียลถามไป

    “ดูจากที่พวกมันลงใต้ ไม่รู้จะไปกรุงเทพหรือเปล่านะครับ??” ลูกน้องของเขาตอบไป

    “บ้าเอ้ย ถ้าพวกมันเข้ากรุงเทพได้ งานนี้ทุกอย่างศูนย์เปล่าแน่ พวกมึงฟังไว้ ให้คนของเราไปที่กรุงเทพ ล้อมที่นั่นไว้ได้เลยยิ่งดี ถ้าพวกมันรู้ว่าฉันมาทำอะไรแบบนี้ในกรุงทำ งานนี้ไม่สวยแน่!!” แดเนียลตะโกนออกมาอย่างเป็นกังวล

     

    ณ อพาร์ทเม้นท์เดิมที่อาคุมุและโคลเวอร์แฝงตัวไปพัก หลังจากที่ทั้งคู่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในนี้ อาคุมุตัดสินใจว่าจะช่วยคนที่ถูกจับมาขังในอพาร์ทเม้นท์ อาคุมุค่อยๆย่องออกไปโดยที่โคลเวอร์คอยคุ้มกันข้างหลัง เขาเดินมาที่หน้าห้อง จากนั้นเขาก็ค่อยๆสะเดาะกุญแจห้องออกมา และไม่นานนัก พวกเขาก็เห็นวัยรุ่นชายหญิงกลุ่มหนึ่งกำลังถูกจับมัด เมื่อพวกนั้นเห็นอาคุมุก็ดูดีใจกันมาก โคลเวอร์รีบไปเปิดปากคนพวกนั้นในทันที

    “เฮ้ย ช่วยพวกเราด้วย แล้วอยากได้เท่าไหร่ก็บอกเลย” คนที่ถูกเปิดปากพูดขึ้น

    “นี่ เบาๆหน่อย เดี๋ยวพวกมันได้ยินหรอก” โคลเวอร์ตอบไป ก่อนที่เธอพยายามจะแกะเชือกออก แต่ในตอนนั้นเอง

    “เฮ้ย!!” ชายคนหนึ่งที่เดินมาหน้าห้องตะโกนออกมา แต่ตอนนั้นอาคุมุก็ชักปืนออกมาก่อน

    “หยุด วางอาวุธลง!!” ชายคนนั้นตะโกนออกไป

    “มึงก็บังคับกูดิ” อาคุมุตอบไป ก่อนที่ไม่นานนัก ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องหาอาคุมุ ก่อนที่จะพูดขึ้น

    “เออ พวกคุณสองคนมากับเราหน่อย ไอ้พวกนั้นมันไม่ใช่คนอย่างที่พวกคุณคิดหรอก” ชายคนนั้นพูดขึ้น อาคุมุพยายามประเมินสถานการณ์ เนื่องจากตอนนี้พวกมันก็เริ่มแห่กันมาแล้ว

    “โคลเวอร์ กลับมานี่ก่อน” อาคุมุพูดขึ้น 

    “เฮ้ย เดี๋ยวดิวะลุง ช่วยพวกกูด้วย!!” ชายคนเดิมตะโกนออกมา โคลเวอร์เองก็รีบออกมาในทันที

    “ปากหมาชิบหายพวกนี้” โคลเวอร์พูดขึ้น จากนั้นพวกมันก็คุมตัวทั้งอาคุมุและโคลเวอร์ไป พวกเขาพาทั้งคู่เข้าไปยังห้องๆหนึ่ง ซึ่งมันเป็นห้องพักที่ดูตกแต่งดี โดยที่พวกเขาก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน

    “เชิญค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งเก้าอี้ตามที่เธอขอในทันที 

    “พวกคุณจะฆ่าเราเหรอ??” โคลเวอร์ถามไป

    “ถ้าพวกนั้นจะฆ่าเรา พวกนั้นทำไปนานแล้วหล่ะ” อาคุมุพูดไป

    “อืม คุณพูดดีนี่ ดูท่าทางคุณจะไม่ธรรมดานะคะ??”

    “ผมเป็นตำรวจ เข้าเรื่องเลยดีกว่า คุณจับคนพวกนั้นมาทำไม??” อาคุมุถามไป

    “คนพวกนั้นไม่ใช่คนดีอย่างที่พวกคุณคิด พวกนั้นเป็นลูกหลานนายทหารของพวกจักรวรรดิไทย พวกนั้นจับชาวบ้านและพรรคพวกของเรา เราจะเอาคนพวกนั้นมาต่อรอง” ผู้หญิงคนนั้นอธิบายไป

    “อ้อ มิน่าหล่ะดูพวกนั้นปากดีกันเหลือเกิน” โคลเวอร์พูดขึ้น

    “555 หนูคงจะรู้พิษสงของมันแล้วสินะ ว่าแต่ เขาเป็นพ่อเธอเหรอ หรือเป็นญาติเธอ??” ผู้หญิงคนนั้นถามไป

    “ลุงเขาดูแลหนูมาตลอด หนูไว้ใจเขาค่ะ” โคลเวอร์ตอบไป

    “อ้อ ดีเลย ฉันดีใจนะที่มีคนดีๆคอยคุ้มกันหนู ดูท่าทางแล้วหนูน่าจะบอดโชคมาพอสมควรนะ” 

    “เข้าเรื่องเลยดีกว่า คุณต้องการอะไรจากเรา??” อาคุมุถามไป

    “ก็แค่ไม่อยากให้พวกคุณมายุ่งเรื่องนี้ ความจริงที่พวกคุณแอบเข้ามาในพื้นที่ของเรา เราจัดการพวกคุณได้ทันทีเลย แต่ดูแล้วพวกคุณก็มีฝีมือกันดี เอาเป็นว่า พวกคุณพักอยู่ที่นี่กันก่อนได้นะคะ” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ชายคนหนึ่งจะเดินเข้ามาหาผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว

    “นายหญิงครับ พวกมันขอมาเจรจากับเราแล้วครับ!!”

    “อืม พวกคุณสองคนมากันเหนื่อยๆ พักกันก่อนก็ได้ หรือจะหาอะไรกินกันก่อนก็ได้นะคะ” ผู้หญิงคนนั้นตอบไป จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นและเดินออกไปในทันที

    “เราจะไว้ใจเธอดีมั้ยคะ??” โคลเวอร์ถามอาคุมุไป

    “ถ้าพวกนั้นคิดร้าย พวกนั้นคงยึดอาวุธเราและจับเราขังแล้วหล่ะ เอาเป็นว่าเรากลับไปพักผ่อนดีกว่า” อาคุมุตอบไป

     

    กลับมายังบ้านพักของทิพย์ ในวันนี้ตัวของเธอก็มานั่งอยู่ในห้องรับแขกเพื่อพักผ่อน ในขณะเดียวกันก็เปิดเพลงฟังไปเบาๆด้วย ตัวของเธอหยิบขวดไวน์มารินดื่ม และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของเธอคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว

    “เจ๊ครับ มีข่าวที่ลำพูนครับ!!”

    “หือ ทำไมกันหล่ะ เกิดอะไรขึ้น??” ทิพย์ถามไป

    “มีข่าวว่าพวกจักรวรรดิไทยมันหยุดการเดินทัพขึ้นเหนือครับ”

    “ห่ะ จริงเหรอ ทำไมกัน รู้หรือเปล่า??” ทิพย์ถามไป

    “มีข่าวมาว่าพวกจักรวรรดิไทยกำลังโดนเล่นงานที่ภาคอีสาน ทำให้พวกนั้นต้องหยุดทัพชั่วคราวครับ”

    “อืม ดูเหมือนว่าพวกมันคงจะเจอศึกหลายด้านเลยนะ แล้วตอนนี้โรงงานของเราเป็นยังไงบ้าง??” ทิพย์ถามไป

    “ยังปลอดภัยดีครับ” 

    “อืม ดี รายงานสถานการณ์ให้ฉันรู้เป็นระยะๆก็แล้วกัน” ทิพย์พูดขึ้น ในขณะที่ตัวของเธอก็รินไวน์ดื่มต่อ จากนั้นก็ค่อยๆเอนหลังนอนบนโซฟาสุดหรูของเธอ

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ในตอนนี้รถบรรทุกที่การินแอบขึ้นมาด้วยกำลังอยู่ในนครสวรรค์และเดินทางลงใต้ และในขณะเดียวกัน รถบรรทุกคันนั้นก็ขับเข้าไปในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง เพื่อเติมน้ำมันรวมถึงหาซื้อของเพิ่มเติม และเมื่อรถจอดเรียบร้อยแล้ว การินตอนนั้นก็รีบลงจากรถในทันที จากนั้นเขาก็วิ่งหนีออกไป

    “เฮ้ยน้อง!!” เด็กปั๊มตะโกนออกมาแต่ดูเหมือนว่าการินจะไม่สนใจ ในตอนนั้นตัวของเขาก็รีบเข้าไปหลบในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ตัวของเขาไปนั่งอยู่ในห้องน้ำ ล็อคประตูและนั่งกอดเข่าอยู่ในนั้น

    “ฮือๆๆ ไอ้บ้าเอ้ย” การินร้องไห้ออกมา และในตอนนั้นพักหนึ่ง จู่ๆก็มีคนมาเคาะประตูหน้าห้องเขา

    “เฮ้ย น้อง เป็นไรหรือเปล่า??” การินได้ยินดังนั้นก็รีบปาดน้ำตาในทันที

    “ผมไม่เป็นไรครับ...” การินพูดด้วยเสียงแผ่วๆ

    “นายเป็นคนที่อยู่หลังรถฉันใช่หรือเปล่า ออกมาคุยกันหน่อย??” ชายคนนั้นพูดขึ้น ในตอนนั้นการินเองก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ค่อยๆเปิดประตูออกมา แล้วเขาก็พบกับวัยรุ่นชายซึ่งเป็นลูกชายของคนขับรถบรรทุกคันนั้น

    “เฮ้ย ไม่ต้องกลัวหรอก กินหน่อยหรือเปล่า??” ชายคนนั้นถามพลางยื่นขนมปังให้การิน การินไม่รอช้ารีบหยิบมันมาแล้วกินในทันที

    “เออ ขอบใจมากที่ช่วยเรื่องตอนนั้นหน่ะ ว่าแต่นายจะไปไหนหรือเปล่า??” ชายคนนั้นถามการินไป แต่การินได้แต่ส่ายหน้าแล้วกินต่อ

    “เออ ถ้าเอ็งอยากลงไปกรุงเทพ ไปกับพวกฉันก็ได้นะ” 

    “ผม ผมไม่รู้จะไปไหน..” การินพูดจบก็กินต่อ

    “เออ งั้นไปด้วยกันหรือเปล่า??” ชายคนนั้นถามไป แต่ตอนนั้นการินเองส่ายหน้าพลางกินต่อ ในตอนนั้นชายคนนั้นก็เอาเงินยัดใส่กระเป๋าเสื้อให้กับการินไป

    “เออ ยังไงก็ขอให้โชคดีแล้วกัน” ชายคนนั้นพูดจบก็รีบเดินออกจากห้องน้ำไป ส่วนตัวของการิน เมื่อเขากินเสร็จแล้ว ตัวของเขาก็ล้างหน้าและบ้วนปากอีกที ก่อนที่ตัวของเขาจะเดินออกจากห้องน้ำและเดินออกไปจากปั๊มอย่างรวดเร็ว โดยที่ตัวของเขาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะไปที่ไหน

     

    กลับมายังค่ายของอัลดริช ในตอนนี้กองกำลังของเขาเริ่มประกาศศึกไปทั่ว รวมถึงยังคงส่งคนไปเผยแผ่ศาสนาอย่างต่อเนื่อง ในระหว่างนั้นเอง ฟิลิปกับเมดิเยอก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    “ท่านครับ แย่แล้วครับ เราจับมันไม่ได้ครับ!!” ฟิลิปพูดขึ้น

    “หะ จับไม่ได้เหรอ ทำไมกัน ฉันได้ยินมาว่าพวกมันมีไม่มากนี่??” อัลดริชถามไป

    “พวกมันมีเทคโนโลยีดีครับ แล้วเราเจอนี่ในที่เกิดเหตุครับ” เมดิเยอพูดขึ้น พร้อมกันนั้นเขาก็เอาโดรนลำหนึ่งซึ่งถูกยิงจนเสียหายเอามาให้อัลดริชดู เขาให้อัลดริชดูตรงโลโก้

    “เฮ้ย โลโก้นี้ มันของเจเนซิสนี่” อัลดริชพูดขึ้น

    “ผมว่า เราอาจจะเจอเข้ากับพวกเจเนซิสสาขาในไทยก็ได้ครับ” ฟิลิปพูดขึ้น

    “บ้าเอ้ย แบบนี้คงต้องเล่นกันแรงหน่อยหล่ะ สืบมาว่ามันเป็นใคร แล้วเรื่องที่แนวรบอื่นเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” อัลดริชถามไป

    “ตอนนี้กำลังต่อสู้กันครับ ส่วนเรื่องคนของเรา ตอนนี้เรากำลังส่งคนไปเผยแผ่คำสอนของเราไปในเขตภาคกลางแล้ว ดูเหมือนว่าการตอบรับจะดีครับ” เมดิเยอพูดขึ้น

    “ใช่ครับ มีข่าวว่าคนที่นั่นกำลังสิ้นหวังจากการปกครองของผู้ปกครองในพื้นที่ครับ” ฟิลิปพูดเสริม

    “ดี ถ้าอย่างงั้นเราก็เริ่มจากที่ภาคกลางก่อนแล้วกัน เมดิเยอ นายจัดการเรื่องการรบไปก่อนก็แล้วกัน” อัลดริชพูดไป

     

    ณ เขตชายป่าต้นทางซึ่งมีทางเข้าไปยังเขตที่ตั้งของคริสตัลสีฟ้า ในตอนนี้กองกำลังของจักรวรรดิไทยนับร้อยก็เดินทางมาถึงพื้นที่ ก่อนที่ไม่นานพวกเขาจะเดินหน้าเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็วเพื่อตามหากลุ่มที่โจมตีพวกเขา

    “พวกเราโดนโจมตีที่นี่ ไม่แน่พวกมันอาจจะรอเราอยู่ ระวังด้วยหล่ะ!!” จ่าทหารคนหนึ่งตะโกนออกมา ก่อนที่พวกเขาจะเดินหน้าเข้าป่า แต่ในตอนนั้นเอง

    “สวบๆๆ”

    “เฮ้ย ข้าศึก!!” ทหารคนหนึ่งตะโกนออกมาและยิงใส่พื้นที่ที่มีความเคลื่อนไหวแปลกๆ

    “ระวังด้วย อาจเป็นกับดัก ค่อยๆเดินไป!!” จ่าคนนั้นพูดปราม แต่ในตอนนั้นพวกเขาก็เดินเข้ามาเรื่อยๆ จู่ๆ แถวหน้าในตอนนั้นก็ถึงกับหยุดนิ่งไป ทำเอาคนแถวหลังถึบกับแปลกใจ

    “เกิดอะไรขึ้นครับ??” ทหารคนหนึ่งถามไป แต่ไม่นานนัก ทหารแถวหน้าก็ลดอาวุธลง จากนั้นก็เดินหน้าต่ออย่างรวดเร็ว และมาถึงจุดหนึ่ง ทหารคนอื่นๆก็ถึงกับหยุดนิ่ง จากนั้นก็เดินหน้าต่อไปราวกับไม่มีชีวิตจิตใจ และไม่นานนัก พวกทหารทุกคนก็มาหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าคริสตัลสีฟ้านั้น พร้อมกันนั้นตัวของนาตาชาและหัวหน้านักบวชมารก็กำลังรออยู่พอดี

    “พวกมันมากันครบแล้วเจ้าค่ะ” นาตาชาพูดขึ้น

    “ดี ให้มันมาเยอะๆแบบนี้ งานของเราจะได้สำเร็จ” หัวหน้านักบวชมารพูดไป

     

    ณ ห้างสรรพสินค้าของเจมส์ ในขณะที่เจมส์กำลังเดินตรวจห้างของเขาตามปกติ แต่ในตอนนั้นเอง พนักงานคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาหาเจมส์อย่างหน้าตาตื่น

    “ป๋า แย่แล้ว มาข้างนอกเร็วครับ!!”

    “อะไรกันเนี่ย??” เจมส์ถามไป ก่อนที่ตัวของเขาจะวิ่งตามพนักงานไป และไม่นานนัก ตัวของเขาก็เห็นกลุ่มชุดขาวที่เผยแผ่ศาสนากลุ่มเดิมกำลังลากตัวผู้หญิงคนหนึ่งไปไหนซักแห่ง ตัวของเจมส์ตะโกนออกไปในทันที

    “เฮ้ย พวกมึงทำบ้าอะไรวะเนี่ย??”

    “ป๋า มาพอดีเลย จู่ๆ ไอ้บ้าพวกนี้มันก็มาลากลูกค้าออกไปจากร้านเราครับ” พนักงานพูดขึ้น

    “เรามาเพื่อกำจัดคนนอกศาสนา นังนี่มันสักสัญลักษณ์ปีศาจไว้ที่ข้อมือของมัน!!” ชายชุดขาวพูดขึ้น

    “อะไรกัน หนูแค่สักเท่ๆเฉยๆ เห็นว่ามันสวยดีนี่!!” ผู้หญิงคนนั้นตะโกนออกมาอย่างลนลาน

    “เฮ้ยๆๆๆ เรื่องแค่นี้มันจะอะไรนักหนาวะ??” เจมส์เดินเข้าไปถามมัน

    “นี่แกกล้าต่อต้านพระเจ้าเหรอ??”

    “เอ้า ที่นี่มีกฎหมาย พวกมึงบ้าหรือเปล่า หรือจะให้พวกกูเรียกตำรวจวะ??” เจมส์ถามไป

    “นี่พวกแกคิดจะต่อต้านพระเจ้าเหรอ??” พวกนั้นถามเจมส์และเล็งปืนใส่เจมส์ แต่ในตอนนั้นพวกพนักงานก็ชักปืนออกมาเล็งใส่พวกมันบ้าง

    “อะไร พระเจ้าอะไรของมึง เดี๋ยวกูจะไปแจ้งตำรวจเลย แต่ตอนนี้ ถ้าพวกมึงไม่ปล่อยผู้หญิง พวกมึงทุกคนได้ไปเยี่ยมพระเจ้าแน่นอน!!” เจมส์ตะโกนออกมา ก่อนที่ไม่นานันก พวกมันจะปล่อยตัวผู้หญิงออกมาอย่างรวดเร็ว

    “เราจะจำหน้าแกไว้!!” ทหารพวกนั้นพูดขึ้น

    “เออ เรื่องของมึงเลย จะเอารูปกูไปดูก็ได้นะ” เจมส์ตอบกลับไป จากนั้นพวกมันก็รีบเดินออกไปในทันที ส่วนพนักงานของเจมส์ก็รีบเก็บปืนอย่างรวดเร็ว

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งบริเวณชายแดนจังหวัดลพบุรี ในตอนนี้รถของโทรุและองค์หญิงก็เดินทางเข้ามาในเขตหลักของพวกจักรวรรดิไทยเต็มตัวแล้ว พวกเธอทั้งคู่เดินทางกันมาเรื่อยๆ เพื่อจะหาทางอ้อมและลงไปยังกรุงเทพฯ แต่ในตอนนั้นพวกเธอก็เจอกับพวกทหารที่จับพวกเชลยเรียงแถวเดินไป องค์หญิงแปลกใจมากที่ได้เห็น

    “ดูเหมือนจะเป็นชาวอีสานที่โดนจับเป็นเชลยค่ะ” โทรุพูดขึ้น และในตอนนั้นองค์หญิงก็ตอบกลับเป็นภาษามือ

    “อืม ถ้าเรารู้ข่าวมากกว่านี้ก็คงจะดี” องค์หญิงพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง จู่ๆ พวกเธอก็เห็นทหารคนหนึ่งกำลังเดินเข้าไปในป่า ในตอนนั้นโทรุเองก็จอดรถในทันที จากนั้นก็พูดขึ้น

    “รอนี่นะคะ” โทรุพูดจบก็เดินตามชายคนนั้นไป และไม่นานนัก โทรุก็รีบเดินออกไปและเดินไปขึ้นรถ และขับออกไปในทันที

    “เป็นยังไงบ้าง??” องค์หญิงถามเป็นภาษามือไป

    “มันบอกว่าตอนนี้พวกมันถูกสั่งให้นำกำลังตรึงชายแดนทางอีสาน หมอนั่นบอกอีกว่าหน่วยของเขาจะต้องไปตามล่ากลุ่มคนต่างชาติที่หนีเข้าไปในป่าด้วย พวกมันฆ่าทหารไปมากมายเลยค่ะ” โทรุตอบไป

    “คนต่างชาติ ฉันว่ามีไม่กี่กลุ่มหรอกที่จะทำแบบนี้ได้ ว่าแต่พวกนั้นอยู่ที่ไหนหล่ะ??” องค์หญิงถามไป

    “มันบอกว่าตอนนี้พวกมันอยู่ที่สิงห์บุรีค่ะ”

    “ถ้าอย่างงั้นก็ไปที่สิงห์บุรี ฉันอยากเช็คให้แน่ใจหน่อย” องค์หญิงตอบไป

     

    ณ ป่าแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี ในตอนนี้กลุ่มของไมนฮาร์ทยังคงเดินเท้าผ่านป่าเพื่อหนีจากการตามล่าของทหารจักรวรรดิไทยเรื่อยๆ แต่ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินเท้าอยู่ ในตอนนั้นเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นคนสอดแนมก็วิ่งมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว

    “แย่แล้ว แย่แล้วครับ มีทหารดักหน้าพวกเราอยู่ครับ!!”

    “ห่ะ พวกมันอยู่ที่ไหนหล่ะ??” ไมนฮาร์ทถามไป

    “อยู่ถนนเส้นหน้านี่เองครับ!!”

    “ดูเหมือนว่าพวกมันจะรู้แล้วว่าเราไปที่ไหนนะครับเนี่ย” วินพูดขึ้น

    “ไม่แปลกหรอก พวกมันก็คงจะมีแผนที่อยู่” ฮานาพูดขึ้น

    “แล้วมีทางอื่นหรือเปล่าหล่ะ??” ไนอาลาถามไป

    “ด้านนั้นก็เป็นภูเขา จะกลับไปทางเดิมก็ไม่ได้แล้วครับ” 

    “เวร นี่แปลว่าเราโดนมันล้อมเหรอเนี่ย??” ฟรีถามไป

    “แบบนี้เราตายแน่ๆ ไม่ต้องสืบกันเลย” โรสพูดอย่างเป็นกังวล

    “แล้วยังไงหล่ะ ฉันจะฆ่าพวกมันให้หมด!!” ไอ้หมูป่าพูดขึ้น

    “เฮ้ย นี่นายเลิกบ้าทุกเวลาได้มั้ยเนี่ย??” ซูหยินถามไป

    “ถ้าไม่อย่างงั้นเราก็คงต้องฝ่ามันออกไปแล้วหล่ะ” ซาซ่าพูดขึ้น

    “เออนี่ ด่านที่มันตั้งไว้มีอะไรบ้าง มีรถหุ้มเกราะหรือเปล่า??” โซฮานถามไป

    “ตอนที่เห็นมีแต่รถกระบะติดปืนครับ” คนสอดแนมถามไป

    “ดูท่ามันน่าจะเห็นเราเป็นกลุ่มโจรธรรมดา มันเลยเอาอาวุธมาไม่มาก พยายามอย่าทำให้มันรู้ตัว” แอนนาพูดขึ้น

    “จริงด้วย ถ้าเราทำให้พวกมันตายใจ พวกเราก็น่าจะได้เปรียบนะคะ” เวย์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เราคงต้องรอดูสถานการณ์แล้ว หวังว่าไอ้พวกนั้นจะยังไม่ตามมาครับ” เมตพูดไป

    “โอเค เราจะเล่นกันแบบนี้ เราจะทำหลอกล่อพวกมันให้ไปอีกที จากนั้นพอพวกมันปะทะที่จุดหนึ่ง เราจะนำกำลังที่เหลือฝ่าจุดที่อ่อนแอของพวกมัน แต่งานนี้คงต้องใช้ระเบิดเยอะหน่อย” ไนอาลาพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นเราก็คงต้องแบ่งคนกันแล้วหล่ะค่ะ” รินพูดขึ้น

    “โอเคครับ ถ้าอย่างงั้นเราก็เตรียมพร้อมกันเลย” วินบอกกับทุกคนไป

    ====================================================================

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า 

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    ขอของขวัญด้วยเน้อ แหะๆๆ!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×