คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 10 : ลุกฮือ
วันที่ 29 เมษายน 1975
“สวัสดีท่านผู้ชมที่อยู่ทั่วโลก
ขณะนี้มีรายงานด่วนเข้ามาครับ ในตอนนี้เกิดการจลาจลทั่วโลก
กลุ่มกบฏได้ทำการโจมตีประเทศพันธมิตรในยามที่ประเทศกำลังสับสน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
เกิดขึ้นที่รัสเซีย เม็กซิโก แอฟริกา ปากีสถาน แมนจูกัว เวียดนามเหนือและบางส่วนของจีน
ในขณะนี้เหล่าประเทศพันธมิตรของเรากำลังเตรียมการตอบโต้เหล่ากบฏหัวรุนแรงพวกนี้ให้หมดสิ้นไปจากโลกใบนี้”
ในอพาร์ทเม้นท์ของลินน์รีดและพวก หลังจากที่กลุ่มต่อต้านของลินน์รีดได้อ่านข่าวที่เพิ่งจะมีการประกาศไป
เธอจึงเรียกคนอื่นๆมารวมตัวกันในทันทีเพื่อคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อทุกคนมารวมตัวกันครบ
ลินน์รีดก็เปิดประเด็นขึ้นมาในทันที
“เอาหล่ะ ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว
ก็ขอพูดเลยแล้วกันนะ ตอนนี้พวกเราก็ได้เห็นข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว
ตอนนี้ดูท่าทางพวกกลุ่มอื่นๆเริ่มจะเคลื่อนไหวกันแล้วหล่ะ
เราก็ควรจะทำอะไรซักอย่างได้แล้วนะ” ลินน์รีดออกความเห็นให้คนในกลุ่มฟัง
“เห็นด้วยนะ
ตอนนี้พวกเราก็มีกำลังคนพร้อม รอแค่ไฟเขียวจากทุกคนนี่แหละ” อลาวดี้พูดเสริม
แต่ในขณะเดียวกัน คุณย่าออลเรียสก็ยกมือขึ้นแล้วก็พูดขึ้นมา
“อีกไม่นานหรอกนะทุกคน
อีกไม่นานหรอก”
“ใช่ๆ
เหมือนที่คุณย่าบอกไว้เลย คุณย่าบอกจะมีการฆ่าสังหารครั้งใหญ่เกิดขึ้น
แล้วตอนนั้นผ่ายเทพจะลุกขึ้นสู้แล้ว” ดันเต้พูดขึ้น
“ว่าแต่
มีใครเห็นปารีสบ้างหรือเปล่าเนี่ย” ลินน์รีดถามอย่างสงสัย
แต่ไม่มีใครในนั้นยอมพูดอะไรเลย
“นี่
พวกนายเงียบกันไปทำไมหล่ะ”
อลาวดี้ถามย้ำกับทุกคน
จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งยอมเปิดปาก
“ปารีสจะพาคนของเราไปถล่มสถานทูตเยอรมันหน่ะ”
“หะ
อะไรกัน ทำไมถึงไม่บอกพวกเราก่อน”
ลินน์รีดตกใจมากจึงวิ่งออกจากห้องไป
ส่วนอลาวดี้และคนอื่นๆก็รีบตามลินน์รีดไปด้วยเพื่อไปห้ามปารีสไม่ให้ทำอะไรโฉ่งฉาง
“ท่าทางฉันคงไม่มีความหมายอะไรแล้วสินะ” คุณย่าออลเรียสพูดพลางถอนใจ และในขณะเดียวกัน
ก็มีข่าวแทรกเข้ามาอีกหนึ่งข่าว
“ประกาศจากทางการญี่ปุ่น
แก่ประเทศที่อยู่ในความดูแลของจักรวรรดิญี่ปุ่น
ในขณะนี้ทางนายกรัฐมนตรีได้ประกาศกฎอัยการศึกในทั่วทุกเขตที่จักรวรรดิญี่ปุ่นได้ปกครอง
ขอให้ทุกท่านได้ทราบทั่วกัน”
ณ สถานทูตเยอรมัน
ซึ่งเป็นย่านช้อปปิ้งที่เลื่องชื่อ ผู้คนเดินเลือกซื้อของกันไปเยอะแยะ
แต่ในช่วงนี้บรรยากาศอาจจะดูเงียบเหงา เนื่องจากว่าชาวเยอรมันแถวนั้นอยู่ในช่วงการไว้อาลัยการจากไปของอดอล์ฟ
ฮิตเลอร์ ผู้คนในเยอรมันต่างใส่ชุดดำ โดยที่ในวันนี้เอง นนท์และฟรองเกอร์ต้องมาทำธุระหลังเลิกเรียน
พวกเขาทั้งสามใส่เสื้อคลุมสีดำเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต
“นี่
นายใส่เสื้อดำแล้วดูดีนี่”
นนท์หันไปแซวฟรองเกอร์
“แม่งเอ้ย
เหม็นชะมัดเลยหว่ะ” ฟรองเกอร์พูดขึ้น
“เอาน่า
เดี๋ยวก็จะถึงร้านเสื้อแล้วหล่ะ” ซานะพูดขึ้นในขณะที่มองแผนที่ไปด้วย เมื่อเธอเดินมาถึงร้าน
เธอก็ไปเอาเสื้อที่สั่งไว้ในทันที
เธอรีบออกมาจากร้านเนื่องจากกลัวว่าจะมีอันตรายจากพวกกุ๊ยทางฝั่งเยอรมัน
“เราไปจากที่นี่กันเถอะ
เดี๋ยวพวกนักเลงจะมาเล่นงานเรานะ” ซานะพูดขึ้น
ในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินออกจากเขตของเยอรมัน จู่ๆก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นในงานไว้อาลัย
ประชาชนเยอรมันถึงกับตกใจวิ่งหนีกันไปคนละทาง ซึ่งพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เฮ้ย
นี่มันอะไรกันเนี่ย” ฟรองเกอร์ถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้สิ
รีบหาที่หลบกันก่อนดีกว่า”
นนท์พูดขึ้น
แต่ในตอนนั้นเอง ในขณะที่พวกเขากำลังจะหนี
จู่ๆก็มีชายชุดดำปิดหน้าใช้ปืนมายิงเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นและเยอรมันที่กำลังตรวจตราความปลอดภัย
พวกนั้นยิงใส่ประชาชนเยอรมันบางส่วนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย
บางคนก็ควานหาตัวคนเอเชียเพื่อจับตัวไปด้วย
“พวกมันจับตัวคนเอเชียไปทำไมกันหน่ะ” ซานะถามอย่างแปลกใจ
“อาจจะจับไปเรียกค่าไถ่ก็ได้” ฟรองเกอร์ตอบไป
“จะยังไงก็ช่างเถอะ
รีบไปจากที่นี่เถอะ” นนท์พูดขึ้น
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาทั้งคู่จะได้ไป
จู่ๆพวกนั้นก็บุกเข้ามสองคนแล้วเล็งปืนไปที่พวกของนนท์ทันที
“หยุด
พวกแกไปรวมตัวกันตรงนั้น เร็ว!!”
นนท์และคนอื่นๆยกมือขึ้น
จากนั้นนนท์ก็จับปืนของมันเล็งไปทางอื่น มันอีกคนหนึ่งพยายามเล็งปืนใส่นนท์
แต่ซานะก็วิ่งเข้าไปเตะปืนมันแล้วถีบมันเข้าที่หน้าอก
ส่วนนนท์ก็ต่อยหน้ามันจนลงไปกองกับพื้นทันที
“เฮ้ยนนท์
ระวัง”
ฟรองเกอร์เห็นมันคนหนึ่งกำลังจะยิงนนท์ เขาจึงหยิบก้อนอิฐแถวนั้นปาใส่หัวมันจนน็อคคาที่
“เฮ้ย
เจ๋งเหมือนกันนี่หว่า” นนท์พูดกับฟรองเกอร์
“ฉันเคยแข่งทุ่มน้ำหนักหล่ะพวก” ฟรองเกอร์พูดขึ้น
แต่ทันใดนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่พวกของนนท์
โดยที่พวกมันเล็งปืนไปที่นนท์และพรรคพวก
“ฤทธิ์เยอะนะพวกมึง
ตายซะเถอะ”
แต่ในตอนนั้นเอง
ลินน์รีดที่เพิ่งจะมาเห็นเหตุการณ์ เธอรีบวิ่งเข้าไปหานนท์
เธอตัดสินใจพานนท์หลบกระสุนจนโดนแขนของเธอ ชายคนที่ยิงตกใจมาก และไม่กี่อึดใจ
ตำรวจญี่ปุ่นที่เหลือก็บุกเข้ามาแล้วไล่ยิงและจับกุมผู้ก่อการในพื้นที่
นนท์รีบไปดูอาการของลินน์รีดในทันที
“ลินน์รีด
ทำใจดีๆไว้นะ”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก
แค่ที่แขนเอง”
ในขณะเดียวกัน
ตำรวจญี่ปุ่นก็เข้ามาช่วยนนท์และพรรคพวกเอาไว้ โดยที่ตำรวจเหล่านั้นรู้จักกับซานะ
“คุณซานะ
เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“ฉันไม่เป็นไร
รบกวนเรียกรถพยาบาลตรงนี้ด้วยค่ะ”
ตำรวจพวกนั้นรีบไปเรียกรถฉุกเฉินให้กับลินน์รีด
ในตอนนั้นเอง ฟรองเกอร์แปลกใจมากที่ลินน์รีดมาที่นี่ได้ยังไง
“นี่เธอ
เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย”
“ฉันมาทำธุระนิดหน่อยหน่ะ” ลินน์รีดพูดขึ้น
“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ
รีบหารถพยาบาลก่อนสิ” อลาวดี้พูดขึ้น
และไม่กี่อึดใจในตอนนั้น รถฉุกเฉินก็ขับตรงมารับลินน์รีดในทันที
โดยที่นนท์ประคองเธอขึ้นรถด้านหลังในทันที
“แล้วเจอกันที่โรงพยาบาลนะ”
“ได้เลย
แล้วเจอกัน”
รถคันนั้นรีบไปยังโรงพยาบาลเพื่อพาลินน์รีดไปรักษา
อีกด้านหนึ่ง ซาโต้และเหล่าตำรวจเคมเปนไตก็นำกำลังคนมาควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
โดยที่พวกเขาก็ช่วยเหลือคนเจ็บและทำการจับกุมกลุ่มต่อต้านที่อยู่ในพื้นที่
หลังจากที่พวกเขาจัดการสถานการณ์ได้สำเร็จ พวกเขาก็รายงานความเสียหายให้ซาโต้ในทันที
“ท่านครับ
ตอนนี้เราควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้วครับ”
“ดีมาก
จับพวกมันได้กี่คนหล่ะ”
“ที่เราจับได้ตอนนี้มีแค่
4 คนครับ”
“แค่นี้เองเหรอ
แต่ไม่เป็นไร ขยายผลได้ ยังไงก็ทำรายงานส่งให้ฉันด้วยหล่ะ”
“ได้ครับท่าน”
ณ กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี หลังจากที่ข่าวการลุกฮือในประเทศต่างๆแพร่กระจายไปทั่วโลก
ทางนายพลฟอนเบิร์กได้เรียกประชุมนายทหารระดับสูงเป็นการด่วน
เพื่อรับมือการก่อกบฏทั่วโลก ในห้องประชุมใหญ่ห้องหนึ่ง
“ตอนนี้สถานการณ์ทั่วโลกเป็นยังไงบ้างหล่ะ”
นายพลฟอนเบิร์กถามไป
“ครับท่าน
ตอนนี้ในไซบีเรีย เกิดการก่อจลาจลไปทั่ว
ทางแอฟริกาเราก็ได้รับรายงานมาเหมือนกันครับ รวมถึงเขตแมนจูกัว
ตอนนี้พวกมันล้อมพระราชวังของจักรพรรดิผู่อี๋ไว้ได้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่เวียตนามทางเหนือ ตอนนี้พวกมันยึดฮานอยไปได้แล้วครับ
ทางเม็กซิโกตอนนี้พวกมันกำลังจะยึดได้ทั้งหมด ส่วนทางตะวันออกกลางกับอเมริกาเรายังไม่ได้รับข่าวใดๆครับ”
“ตอนนี้เรากังวลทางไซบีเรียมากกว่า
เราจะควรจะติดกับญี่ปุ่น เพื่อเตรียมการโอบล้อมพวกมัน”
“ครับท่าน
ตอนนี้ทางญี่ปุ่นพร้อมจะช่วยเราครับ” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น
“ดี
ตอนนี้ทางเอเชีย ติดต่อท่านนายกราชอาณาจักรไทยให้พวกเขาจัดการเรื่องที่เวียตนาม
ส่วนทางแอฟริกา ติดต่อโรมาโน่ให้พวกเขานำกำลังบุกแอฟริกาทันที”
“รับทราบครับท่าน”
ณ กระทรวงการสงคราม มหาราชอาณาจักรไทย
หลังจากที่มีการก่อกบฏที่เวียตนามเหนือ นายกรัฐมนตรีของไทยเตรียมประชุมรัฐสภาในทันทีเพื่อเตรียมการสำหรับเรื่องนี้
“ท่านนายกครับ
ตอนนี้ทางเบอร์ลินเขาขอให้เราจัดการสถานการณ์ในเวียตนามครับ
พวกเขาพร้อมจะส่งความช่วยเหลือมาให้เราครับ”
“อืม
ตอนนี้เรามีกำลังพลเท่าไหร่หล่ะ” นายกของไทยถามไป
“ครับ
กำลังพลพร้อมรบของเราตอนนี้มี 9 แสนนายครับ”
“ถ้าอย่างงั้นเตรียมทหารให้พร้อม
เราจะส่งทหารบุกเข้าไปเวียตนามเหนือในทันที”
“รับทราบครับท่าน”
“อ่ะ
แล้วก็มีคำสั่งให้ชายไทยทุกคนมารายงานตัวด้วย ไม่ว่าอยู่ที่ไหนในโลก”
“ครับผม”
ณ กรุงไซง่อน อินโดจีน เวียตนาม สนามบินแห่งหนึ่ง
ซึ่งเครื่องบินสัญชาติเยอรมันลำหนึ่งกำลังเข้าจอดบนรันเวย์
หลังจากที่เครื่องบินเทียบท่า
ชายคนหนึ่งก็ออกจากเครื่องบินท่ามกลางผู้โดยสารคนอื่นๆที่โดยสารมาด้วย
เขาเดินไปยังประตูทางออกในทันทีโดยไม่รีรอ
โดยที่มีชายเอเชียคนหนึ่งกำลังยืนถือป้ายชูให้เขาเห็น เมื่อชายคนนั้นเห็นป้าย
เขาจึงรีบไปหาในทันที
“สวัสดีโกโร่พวก
ขอต้อนรับสู่เวียตนามนะเฟ้ย”
“ซุนกิว
สบายดีนะเว้ย”
โกโร่ตอบกลับเขาไป
“สบายดีเว้ย
ที่เบลารุสนี่นายกล้ามากเลยนะเว้ย”
“นิดหน่อยหว่ะ
ฉันมีสายข่าวดีด้วย”
“เออ
แต่ที่นี่คงจะไม่เหมือนเบลารุสนะเว้ย
ตอนนี้ทางการไทยเริ่มจะส่งทหารบุกเข้าเวียตนามเหนือแล้ว”
ซุนกิวบอกสถานการณ์กับเพื่อนเขา
“ไทยงั้นเหรอ
จะว่าไปฉันนึกถึงเพื่อนสมัยเรียนคนหนึ่งของฉันหว่ะ”
“ใครกันวะ”
ซุนกิวถามอย่างสงสัย
“ช่างเถอะ
รีบไปที่สำนักข่าวกันดีกว่า”
ซุนกิวช่วยโกโร่ถือกระเป๋าเดินทาง
จากนั้นพวกเขาก็เรียกแท็กซี่เข้ากรุงไซง่อน เพื่อไปยังสำนักข่าวของพวกเขาในทันที
ณ เขตเป็นกลาง เดนเวอร์ รัฐโคโลราโด บ้านของคาเรน
หลังจากที่โซลทรมานคาเรนจนเขาอาการปางตาย โซลก็เค้นความลับจากเขาหนักขึ้นเรื่อยๆ
“บอกมาดีกว่าพี่ชาย
จะได้ไม่ทรมาน”
“กูไม่บอก”
โซลได้ยินดังนั้นจึงช็อตไฟฟ้ากับเขาต่อ
คาเรนชักดิ้นชักงอจนใกล้จะตายเต็มที
“สงสัยฉันคงต้องไปหาลูกสาวแกหน่อยหล่ะ”
“นี่แก
จะทำอะไรลูกสาวฉันวะ”
คาเรนถามด้วยความโกรธ
“แกไม่มีวันรู้หรอก
แต่ลูกแกได้รู้แน่ๆ”
“อย่าทำอะไรลูกสาวฉันนะเว้ย”
“ก็อยู่ที่ว่าแกจะบอกอะไรที่เป็นประโยชน์กับฉันหรือเปล่าหล่ะ”
โซลถามอย่างใจเย็น
“แล้วแกอยากรู้ะไรหล่ะ”
“ทุกอย่างเกี่ยวกับพวกของแก
บอกมาให้หมดเลย”
“ก็ได้”
คาเรนบอกทุกอย่างที่เขารู้ให้กับโซล
โซลได้ยินดังนั้นจึงจดบันทึกทุกอย่าง หลังจากที่เขาพูดเสร็จ โซลจัดการเชือดคอคาเรนในทันทีหลังจากนั้น
“ในที่สุดฉันก็จะได้เจอแกแล้ว
ไวเวิร์น”
โซลเดินไปยังห้องใต้ดิน
เขาไปเอาน้ำมันทั้งหมดมาราดบ้านทั้งหลัง จากนั้นเขาก็จุดไฟเผาบ้านในทันที
จากนั้นโซลก็ขับรถของคาเรนหนีออกไปในทันที
กลับมายังชายแดนมิชิแกน
หลังจากที่การสร้างกำแพงดำเนินไปได้เกือบจะเสร็จสิ้น
แองเจลล่าได้ยินว่ามีทะเลสาบคั่นอยู่ระหว่างกำแพงของเธอด้วย
เธอจึงไปดูการก่อสร้างที่นั่นด้วยตัวเองในทันที
“อืม
ที่นี่มีทะเลสาบจริงด้วยสินะ”
“ใช่ครับ
แล้วเราจะเอายังไงต่อดีหล่ะครับ” ทหารของเธอถามไป
“ล้อมรั้วลวดหนามเอาไว้ก็พอ
แล้วสร้างท่าเรือให้เรือตรวจการณ์ของเราตรวจสอบ พวกมันว่ายข้ามทะเลสาบมาไม่ได้หรอก”
“ความคิดเข้าท่านะครับ”
และอีกด้านหนึ่ง โบซอลก็เตรียมปืนสไนเปอร์ซุ่มยิงเพื่อลอบสังหารแองเจลล่า
เขาเล็งปืนใส่เธอแล้วเตรียมเหนี่ยวไก แต่ในตอนนั้นเอง
ไวเวิร์นที่เพิ่งจะมาเห็นจึงมาห้ามโบซอล แต่เหมือนจะไม่ทันซะแล้ว
“โบซอล
เดี๋ยว”
“ปัง”
โบซอลยิงไปหนึ่งนัด
แต่กระสุนเฉียดแองเจลล่าไปนิดเดียว แองเจลล่ารีบหาที่หลบในทันที
“บ้าเอ้ย
นายทำอะไรของนายวะเนี่ย”
ไวเวิร์นพูดขึ้น
“ก็เล่นงานผู้กองคนใหม่นั่นไงหล่ะ”
โบซอลพูดขึ้น แต่จู่ๆก็มีปืนกลและปืนจากรถถังกระหน่ำยิงเข้าไปในป่าที่พวกเขาดักซุ่ม
เสียงระเบิดดังลั่นไปทั่วป่า
“บ้าเอ้ย
พวกเราตายกันหมดแน่”
เจนนี่พูดขึ้น
“รีบหนีไปจากที่นี่กันดีกว่า”
ไวเวิร์นรีบพาทุกคนหนีออกจากรัศมีระเบิด
แต่พวกมันก็ยังคงกระหน่ำยิงอย่างไม่ยั้ง
ทำเอาพวกเขาต้องรีบหลบหลังต้นไม้ต้นนั้นทีต้นนี้ที
“บ้าเอ้ย
แบบนี้เราตายกันหมดแน่”
โบซอลพูดขึ้น
“ก็เพราะใครกันหล่ะตาบ้า”
เจนนี่พูดกับโบซอล แต่จู่ๆตอนนั้น โบซอลก็โดนแรงระเบิดจนกระเด็นไปชนต้นไม้
ไวเวิร์นกับเจนนี่รีบไปประคองโบซอลในทันที
“โบซอล
เป็นยังไงบ้าง”
เจนนี่ถามเขา
“ฉันไม่เป็นไรหรอก
รีบไปกันเถอะ”
โบซอลพูดขึ้น
“นายเดินไหวไหม
เดี๋ยวฉันประคองนายไปเอง”
ไวเวิร์นกับเจนนี่รีบแบกโบซอลกลับไปยังค่ายในป่าทันที
เพื่อพาเขาไปดูอาการ และอีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่แองเจลล่าหลบการโจมตีของพวกไวเวิร์น
เธอรีบออกมาแล้วสั่งให้หยุดยิงในทันที
“นี่
มีใครบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ”
ลูกน้องของเธอพูดขึ้น
“ดูท่าทางพวกมันคงจะมาดูฉันสร้างกำแพงสินะ”
“นั่นสิครับ
จะให้ผมจัดการนำคนไปล่าพวกนั้นมั้ยครับ”
“อย่าเพิ่ง
เราต้องสร้างกำแพงให้เสร็จ ทำตามที่ฉันบอกก็แล้วกัน”
“ครับผม”
ณ สำนักงานใหญ่ของหน่วย SS หลังจากที่นายพลสติฟท์หนีจากการลอบสังหารมาได้
เขารีบซ่อนตัวไว้เพื่อป้องกันตัวเองในทันที
โดยที่เขาให้ลูกน้องของเขาออกตามล่ามือสังหารในทันที
และให้รายงานสถานการณ์ให้เขาทราบเป็นระยะๆ
“ท่านครับ
ตอนนี้เรากำลังตามรอยมือปืนไปอยู่ครับ”
“งั้นเหรอ
ผมว่ามันคงหนีข้ามแคนาดาไปแล้วหล่ะมั้ง”
“ตอนนี้เราสั่งปิดพรมแดนเรียบร้อยแล้วครับ”
ลูกน้องของเขาพูดขึ้น
“อืม
ฉันอยากรู้ว่ามันมาจากกลุ่มของไวเวิร์นหรือเปล่า”
“ผมว่าน่าจะใช่นะครับ
ไม่งั้นมันไม่กล้าขนาดนี้หรอก” ลูกน้องของเขาออกความเห็น
“อืม
ถ้าอย่างงั้นก็รีบไปจัดการให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน”
ณ คาซาน รัสเซีย
กลุ่มของเรซนอร์ฟรีบหลบหนีการตามล่าของพวกนาซีกลับเข้าไปด้านในเขตรัสเซีย
แลพเพื่อเตรียมกำลังคนของพวกเขารับมือสงครามครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วย
เรซนอร์ฟคอยให้สายข่าวของเขาเช็คข่าวไปด้วยว่ามีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างในเขตของพวกนาซี
เอลซาร์วินด์ที่กำลังหาข่าว หลังจากที่เขาได้ข้อมูลใหม่แล้ว
เขารีบไปรายงานให้เรซนอร์ฟฟังในทันที
“คุณเรซนอร์ฟครับ
มีข่าวจากทางเบอร์ลินครับ”
“มีอะไรหล่ะ
ว่ามาเลย”
เรซนอร์ฟรอฟังอย่างตั้งใจ
“ครับ
ตอนนี้พวกเขาเตรียมประชุมหารือกับญี่ปุ่นเพื่อส่งกำลังพลบุกเข้ามาไซบีเรียครับ”
“ก็แน่นอน
ตอนนี้ที่ไซบีเรียกำลังวุ่นวายเลยนี่”
“ครับ
ว่าแต่เราจะทำยังไงต่อหล่ะครับ” เอลซาร์วินด์ถาม
“เราต้องติดต่อกับกลุ่มต่อต้านในไซบีเรียให้ได้ก่อน”
“เครฟเชนโก้เหรอครับ
เราพยายามติดต่อเขาอยู่ครับ” เอลซาร์วินด์พูดขึ้น
“แต่ดูเหมือนพวกเขาไม่อยากติดต่อกับเราเท่าไหร่นะครับ”
ดาโกวิชออกความเห็น
“เอาน่า
พยายามติดต่อเขาให้ได้ก่อนก็แล้วกัน” เรซนอร์ฟพูดขึ้น
“ครับ
ผมพยายามอยู่”
เอลซาร์วินด์พูดจากนั้นก็เดินจากไป
“ไม่รู้ว่าหมอนั่นคิดอะไรอยู่หรือเปล่านะเนี่ย”
ดาโกวิชพูดแซวเอลซาร์วินด์ไป
“เอาน่า
เขาก็เป็นแบบนี้หล่ะ อย่าสนใจเลย” เรซนอร์ฟพูดเพื่อตัดรำคาญ
ก่อนที่เขาจะเดินออกไปด้านนอกเพื่อออกไปสูบบุหรี่ด้านนอก
ณ ทะเลชายฝั่งสเปน
หลังจากที่เรือของมิคาอิลแล่นมาทั้งวันทั้งคืนเพื่อเดินทางต่อไปจีน
พวกเขาพยายามแล่นออกห่างจากฝั่งเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับของกองทัพเรือสเปนที่กำลังส่งกองทัพไปช่วยอิตาลีที่แอฟริกา
โดยที่ในตอนนั้นเองมิคาอิลก็พยายามส่องกล้องตรวจดูกองเรือของพวกนั้นว่ากองเรือของพวกมันอยู่ที่ไหน
“ท่านครับ
ตอนนี้เรากำลังแล่นไปโปรตุเกสครับ ตอนนี้คุณเจอพวกมันหรือเปล่าครับ” ลูกน้องของเขาถามไปหลังจากที่มองจอเรดาห์ไปด้วย
“ตอนนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหว
แต่ก็คงอีกไม่นานหรอก”
แล้วก็เป็นอย่างที่พวกเขาคาดไว้
กองเรือรบกองหนึ่งซึ่งโบกธงสเปนค่อยๆลอยลำส่วนทางมากับพวกเขา โดยกองเรือพวกนั้นมีมากมายเหลือคณานับ
ในตอนนั้นเองลูกน้องของมิคาอิลตกใจกันมาก แต่มิคาอิลยังคงใจเย็นอยู่
“คุณมิคาอิลครับ” ลูกน้องของเขาสะกิดเขาอย่างตื่นเต้น
“ฉันรู้
ฉันจะดูจำนวนเรือของพวกมัน”
มิคาอิลมองกองเรือเหล่านั้นอย่างใจเย็น
โดยที่เขาให้ลูกน้องของเขาคอยช่วยจดบันทึกเอาไว้ด้วย
“เรือบรรทุกเครื่องบิน
2 ลำ เรือประจัญบาน 5 ลำ เรือพิฆาต 9 ลำ เรือตรวจการณ์ชายฝั่ง เรือลำเลียง โห
นี่มันกองใหญ่มากเลยนะเนี่ย”
“โห
นี่พวกมันจะเล่นงานแอฟริกาด้วยเรือพวกนั้นทั้งหมดเหรอครับ”
“อาจใช่
ติดต่อกองกำลังในพื้นที่แอฟริกา ส่งข่าวให้พวกเขา ไม่แน่พวกอิตาลีอาจมีมากกว่านี้ก็ได้”
“ได้ครับ
แต่พวกมันจะเห็นหรือเปล่าครับเนี่ย” ลูกน้องของเขาถามอย่างตื่นกลัว
“ไม่หรอก
ตอนนี้อย่าเพิ่งตกใจไปแล้วกัน” มิคาอิลพูดอย่างใจเย็น
กลับมายังทะเลทรายแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง
กลุ่มของออร์ลินด้าเดินทางมายังหมู่บ้านเล็กๆหมู่บ้านหนึ่ง
ซึ่งมีชาวบ้านอยู่เพียงหยิบมือ แต่ในหมู่บ้านก็ดูค่อนข้างจะมั่งคั่งพอสมควร
ชาวบ้านกลุ่มนั้นเมื่อเห็นออร์ลินด้าก็เดินออกมาต้อนรับในทันที
“คุณออร์ลินด้า
กลับมาแล้วเหรอคะ”
“แน่นอนจ้ะ
อยู่ที่นี่สบายดีมั้ยหล่ะ”
“สบายดีค่ะ”
ออร์ลินด้าทักทายชาวบ้านที่มาต้อนรับ
จากนั้นพวกเธอก็เข้าไปยังบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีชั้นใต้ดินของบ้าน
ออร์ลินด้าและบาโธรี่รีบลงไปด้านล่างชั้นใต้ดิน
เพื่อพักผ่อนและหลบภัยจากศัตรูที่กำลังจะบุกมาจับตัวเธอ
“เฮ้อ
ในที่สุดก็มาถึงที่นี่ซะที”
“ค่ะ
คุณออร์ลินด้าคะ หนูได้ข่าวมาว่าตอนนี้กลุ่มประเทศอักษะกำลังเตรียมกองทัพเพื่อจัดการกลุ่มต่อต้านในพื้นที่ค่ะ” บาโธรี่รายงายข่าวให้ออร์ลินด้าฟัง
“เยี่ยมไปเลย
ติดต่อโรงงานอาวุธของเราให้ผลิตอาวุธให้เยอะๆเลย”
“ค่ะ
แต่ว่ากองทัพของพวกมันอาจจะมีมากเกินกว่าที่เราจะโจมตีนะคะ” บาโธรี่พูดอย่างกังวล
“ไม่ต้องห่วงหรอก
พวกเราแค่ทำหน้าที่ของเราไปก็พอ”
“ค่ะ
ว่าแต่เรื่องวันนี้ พวกมันจะตามเรามาหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอก
พวกมันไม่รู้ว่าเราอยู่ไหน ถ้าพวกมันหลงทางพวกมันตายแน่” ออร์ลินด้าพูดอย่างมั่นใจ
“ค่ะ
หวังว่าจะเป็นอย่างงั้นนะคะ”
กลับมายังห้องของอาคะสึกิ
หลังจากที่เธอเผชิญกับการงานที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน
เธอก็เข้ามาพักผ่อนด้านในห้องอยู่คนเดียว พร้อมกับไพ่ประจำตัวของเธอที่อยู่บนโต๊ะ
เธอพยายามสลับไพ่และวางเรียงลำดับกันไปมา จากนั้นเองเธอก็เปิดมาทีละไพ่
ซึ่งสามใบแรกเธอยังไม่ตกใจอะไร แต่ใบสุดท้าย ใบนั้นทำให้เธอตกใจมาก
“Death”
อาคะสึกิพยายามทำความเข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ซึ่งดูเหมือนว่ามันค่อนข้างอธิบายยาก แต่เธอก็พยายามจะประติดประต่อเรื่องราวให้ได้
แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆก็มีโทรศัพท์สายตรงโทรเข้ามาหาเครื่องของเธอ
เธอรีบไปรับสายในทันทีโดยไม่รอช้า
“อาคะสึกิ
นี่ผมเองนะ”
“คุณอิชิโร่
นี่คุณโทรมาอีกแล้วเหรอ”
“นี่คุณยังโกรธผมเหรอ”
“ไม่
แต่ฉันไม่เข้าใจว่าคุณต้องการอะไรจากฉัน”
“เรื่องนี้เราก็คุยกันไปแล้วนี่”
“ก็ฉันบอกแล้วไง
ว่าเดี๋ยวฉันจะดูให้”
“ผมรู้คุณยังโกรธผมอยู่
ใช่หรือเปล่าหล่ะ”
“เรื่องของเรามันจบไปแล้ว
ฉันสนแต่ธุรกิจของฉันเท่านั้นแหละ” อาคะสึกิพูดอย่างเคร่งขรึม
“คุณจบเองนี่
แต่ผมไม่อยากจบซะหน่อย” อิชิโร่ยังคงตามตื้อเธอ
“เลิกบ้าก่อนแล้วค่อยโทรมาก็แล้วกัน”
อาคะสึกิวางสายโทรศัพท์ในทันที
จากนั้นเธอก็ถอดสายโทรศัพท์ทิ้งชั่วคราว
จากนั้นเธอก็ไปนอนบนเตียงห้องนอนของเธอด้วยสีหน้าที่บอกบุญไม่รับเท่าไหร่
ณ ทะเลแห่งหนึ่ง ชายฝั่งสหรัฐอเมริกาด้านแปซิฟิก
หลังจากที่กองทัพเรือของนาโอมิถอยออกมาจากเม็กซิโกได้สำเร็จ
เธอรีบส่งรายงานกลับไปยังโตเกียวในทันทีเพื่อบอกให้ทางนั้นทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับกองทัพของเธอ
หลังจากที่เธอส่งรายงานไปเรียบร้อยแล้ว ลูกน้องของเธอก็วิ่งมารายงานเธอในทันที
“คุณนาโอมิครับ
อีก3 ชั่วโมงเราจะเทียบท่าที่แคลิฟอร์เนียแล้วครับ”
“เยี่ยม
ตรวจสอบความเสียหาย แล้วให้เรือที่เสียหายเข้าเทียบท่าเพื่อซ่อมแซมก่อนเลย” นาโอมิพูดขึ้น
“ตอนนี้ทางโตเกียวว่ายังไงบ้างครับ”
“ยังไม่มีคำตอบมาเลยตอนนี้” นาโอมิพูดขึ้น
“คุณว่าพวกเราคนอื่นๆยังรอดอยู่หรือเปล่าครับ” ลูกน้องของเธอถาม
“ฉันก็ไม่รู้
แต่เท่าที่ดูน่าจะไม่รอดแล้วหล่ะ”
“ทำไมพวกเขาถึงโดนเล่นงานได้ง่ายๆหล่ะครับ”
“ท่าทางกองทัพจะหล่ะหลวมหน่ะ
ฉันคิดว่านะ”
“ว่าแต่
กองทัพบกจะบุกเข้าเม็กซิโกหรือเปล่าครับ”
“ฉันยังไม่รู้เลย
แต่คาดว่าเร็วๆนี้เราน่าจะได้ไปสมทบกับพวกเขาแล้วหล่ะ”
“ผมก็ว่างั้นแหละครับ”
“ตอนนี้อย่าเพิ่งกะโตกกะตากอะไรไปแล้วกัน
เข้าใจนะ”
“รับทราบครับ”
กลับมายังเรือสำราญสัญชาติอินเดีย
หลังจากที่พวกเขาออกจากมหาราชอาณาจักรไทยได้เรียบร้อยแล้ว เรือลำนั้นก็ลอยลำมาเรื่อยๆ
ผ่านฟิลิปปินส์และออกไปยังทะเลแปซิฟิกอันกว้างใหญ่
ในช่วงที่อาทิตย์เตรียมจะลาลับขอบฟ้า ซวาตีก็ออกไปชมวิวข้างนอกอย่างสบายอารมณ์ สายลมที่พัดผ่านตัวเธอทำให้เธอคิดถึงบรรยากาศเก่าๆที่เธอได้เคยสัมผัส
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเสพบรรยากาศดีๆ จู่ๆก็มีเสียงประกาศตามหอวิทยุประกาศออกมา
“ท่านผู้โดยสารทุกท่าน
ขอความกรุณรากลับเข้ามาในตัวเรือ เนื่องจากในขณะนี้เรากำลังจะผ่านกองเรือรบของจักรวรรดิญี่ปุ่น
ขอความกรุณาด้วยค่ะ”
หลังจากที่สิ้นเสียง บรรดาผู้โดยสารนับร้อยชีวิตรีบวิ่งกลับเข้าไปในตัวเรือทันที
ซวาตีก็รีบวิ่งกลับเข้าไปในตัวเรือด้วย
โดยที่เรือโดยสารของเธอก็ลอยลำผ่านกองทัพเรือของญี่ปุ่นจริงๆ
ซึ่งพวกเขาอยู่ห่างไปพอสมควร ในตอนนั้นเองบางคนในเรือก็เห็นกองเรืออันยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น
มีบางคนก็ซุบซิบนินทากันบนเรือด้วย
“นี่ๆ
กองเรือพวกนั้นจะไปไหนงั้นเหรอ”
“ได้ข่าวมาว่าพวกนั้นจะไปเม็กซิโกนะ
ที่นั่นวุ่นวายหนักเลย แต่ทางการปิดข่าวอยู่”
“แสดงว่าคงจะเกิดกบฏจริงๆสินะ”
ซวาตีไม่สนใจคนนินทา
เธอจึงเดินกลับเข้าไปในห้องในทันทีเพื่อพักผ่อน
เพราะวันนี้เธอเจอกับอะไรเซงๆมามากพอแล้ว ซวาตีเข้าห้องของเธอแล้วเตรียมผ้าขนหนูแล้วก็เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำในทันที
หลังจากที่เธอเปิดฝักบัว เธอก็อาบน้ำอย่างสบายอารมณ์
เนื่องจากว่าที่แห่งนี้คงจะไม่มีใครมารบกวนเธอได้
ณ นูเรมเบิร์ก เยอรมนี
รถยนต์ทหารได้พามาเรียน่ามาส่งที่นูเรมเบิร์ก
เพื่อให้เธอพักผ่อนก่อนจะไปยังกรุงเบอร์ลิน
โดยที่รถทหารคันนั้นพาเธอมายังโรมแรมหรูแห่งหนึ่ง
ซึ่งเขาจอดให้มาเรียน่าได้ลงและพักผ่อนที่โรงแรมนี้
“คุณมาเรียน่าครับ
วันนี้คุณพักที่นี่ไปก่อนนะครับ ส่วนรถของคุณ
พรุ่งนี้ผมจะให้คนขับมาจอดให้ที่นี่นะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ผมไม่รบกวนแล้วนะครับ” ทหารคนนั้นรีบขับรถออกในทันที
ส่วนมาเรียน่าก็เดินเข้าไปในโรงแรมอย่างสบายอารมณ์
“พักผ่อนหน่อยก็ดีนะ”
เธอเดินเข้าไปยังเคาน์เตอร์เช็คอิน
โดยที่มีพนักงานของโรงแรมกำลังรอต้อนรับเธออยู่
“สวัสดีครับ
ชั่วคราวหรือค้างคืนดีครับ”
“ค้างคืนก็ดีนะคะ”
“วันนึงค่ะ”
“นี่ครับกุญแจห้อง
รบกวนเซ็นชื่อด้วยครับ”
มาเรียน่าเซ็นชื่อลงไปบนสมุด
จากนั้นเธอก็หยิบกุญแจแล้วขึ้นชั้น 3 ไปยังห้องของเธอ เธอเดินขึ้นไปเรื่อยๆ
ในระหว่างที่กำลังไขกุญแจห้อง จู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงพูดดังมากมาจากห้องข้างๆของเธอ
เธออยู่เงี้ยหูฟังด้านในทันที
“เฮ้ย
นี่พวกมันทำพลาดอีกแล้วเหรอ”
“ทหารเยอรมันมาช่วยมันได้ทันครับ”
“บ้าเอ้ย
ถ้าพวกมันโดนจับได้ พวกเราไม่ตายเหรอ”
“ไม่ต้องห่วงครับ
เราจะตามหามาเรียน่าให้ได้ครับ”
มาเรียน่าได้ยินดังนั้นจึงรู้เลยว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับเธอแน่ๆ
เธอรีบไขห้องจากนั้นก็รีบโทรศัพท์ไปในทันที
“สวัสดีค่ะ
นี่ฉันมาเรียน่า มาช่วยฉันด้วย”
กลับมายังโรงพยาบาลแคลิฟอร์เนีย
หลังจากที่รถฉุกเฉินพาลินน์รีดมาถึงโรงพยาบาล เธอก็ถูกพาตัวเข้าไปในห้องทำแผล
โดยที่หมอคิมเป็นคนทำแผลให้เธออยู่ในห้อง
ในระหว่างนั้นเองทั้งคู่ก็พูดคุยกันไปด้วย
“นี่
ไปโดนอะไรมางั้นเหรอ”
“โดนยิงสิหมอ
ถามมาได้”
ลินน์รีดตอบไป
“อืม
แล้วไปทำยังไงถึงได้โดนยิงหล่ะ”
“ก็มีการจลาจลกันหน่ะสิคะ”
“แล้วทำไมพวกนั้นถึงต้องยิงเธอหล่ะ
พวกนั้นไม่รู้จักเธอเหรอ”
ลินน์รีดได้ยินก็ได้แต่ตอบไม่ถูก แต่เธอก็ยังเก็บอาการเอาไว้ได้
“เอ้า
เสร็จหล่ะ อย่าให้แผลโดนน้ำหล่ะ กินยาที่ฉันให้ไปให้หมดหล่ะ”
หมอคิมพาลินน์รีดไปรับยาที่ช่องรับยา
แต่ในตอนนั้นเอง อลาวดี้ก็เอาตัวปารีสมาหาลินน์รีดจนได้
โดยที่หมอคิมจัดให้พวกเขาไปคุยกันที่ด้านหลังเคาน์เตอร์จะดีกว่า
จากนั้นการสนทนาก็เริ่มขึ้น
“ปารีส
นี่นายทำบ้าอะไรของนายเนี่ย” ลินน์รีดถามเขาไป
“ใช่
ดีนะที่นายไม่โดนจับ ไม่งั้นก็ตายหมดแน่” อลาวดี้พูดเสริม
“ก็เราต้องตอบโต้พวกมันนี่หน่า
แล้วเธอมาขวางฉันไว้ทำไม เธอขวางตัวเองช่วยไอ้ยุ่นนั่นทำไม”
“เขาเป็นคนไทย
เลิกเหมารวมซะทีเถอะ”
“ช่างมันเถอะ
แต่ทำไมหล่ะ หรือว่าเธอชอบเขา” ลินน์รีดได้ยินก็ถึงกับพูดไม่ออก
แต่เธอก็ยังต้องวางฟอร์มเอาไว้
“ถ้านายยังทำแบบนี้
ตำรวจจะยิงกวาดล้างเราหนักหน่ะสิ นายรู้มั้ย ตอนนี้เขตปกครองญี่ปุ่นทั้งหมด
ประกาศกฎอัยการศึกแล้ว นั่นหมายความว่า พวกเราคงต้องซ่อนตัวกันซักพักแล้ว
รู้ไว้ด้วย”
ปารีสได้ยินถึงกับพูดไม่ออก
แต่เขาก็หน้าเสียแล้วเดินออกไป ส่วนลินน์รีดก็แอบน้ำตาไหลเล็กน้อย
“ทำไมเราต้องช่วยเขาด้วยนะ”
ลินน์รีดเดินหนีเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นเธอก็คิดอะไรบางอย่างอยู่หน้าอ้างล่างหน้าคนเดียว
================================================================================
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วย อย่าลืม!!
ความคิดเห็น