ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Time To Kill Nazi - ข้ามเวลาฆ่านาซี

    ลำดับตอนที่ #11 : สวัสดีแอนน์ แฟรงค์

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 61


    พวกมันเข้าเล่นงานแคทเทอรีนและพวกเด็กๆ ปะทะกันอย่างตะลุมบอน นาวินประเคนเข่าและศอกใส่พวกมัน แซคเตะหน้าพวกมันเรียงตัว โอ๊คและธินก็ใช้คาราเต้ที่เรียนมาสอยพวกมัน โซเซียใช้กังฟูของเขากระโดดเตะพวกมัน อเล็กซ์ก็ไม่น้อยหน้าจับมันหักแขนหักขาอย่างกับตุ๊กตา ส่วนเอมและออยทำอะไรไม่ได้มากนอกจากไปผสมโรงกับพวกเขา

    พวกมันเริ่มเห็นท่าไม่ดี ตัวหัวหน้ามันพยายามจะใช้ปืนยิง แต่แคทเทอรีนมาเตะปืนของมันทิ้ง จากนั้นก็เอาปืนมันมาจ่อที่หน้าของมัน

    ใจเย็นน่าแคท มีอะไรก็ค่อยๆคุยกันได้นี่หน่า

    แคทเทอรีน : งั้นเหรอ ฝากไปบอกไวเมอร์ลูกพี่แกด้วย ฉันจะตามไปฆ่าแกถึงที่เลย

    จากนั้นแคทเทอรีนก็เอาปืนตบหน้ามัน ตัวมันหนีไปปล่อยให้ลูกน้องอ่วมอรทัยอยู่ตรงนั้น แต่ไม่ทันไร ตำรวจแถวนั้นก็มาพอดี แคทเทอรีนกลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ เลยตัดสินใจไปเอากุญแจเรือยอร์ชจากดอร์กิ้นมา จากนั้นก็รีบหนีขึ้นเรือไป ตำรวจพยายามจะจับตัวไว้แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

    อเล็กซ์ : เฮ้อ หนีรอดซะที นึกว่าจะต้องติดคุกในเดนมาร์กแล้ว

    นาวิน : ว่าแต่ เพื่อนของคุณแคทเทอรีนจะรู้หรือเปล่าครับว่าเรามา

    แคทเทอรีน : ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ ฉันส่งข้อความไปบอกเขาเรียบร้อยแล้ว

    แซค : ว่าแต่ เนเธอร์แลนด์จะปล่อยภัยเหรอครับ ผมคิดว่าพวกเยอรมันต้องบุกไปที่นั่นแน่ๆ

    แคทเทอรีน : เนเธอร์แลนด์เป็นแค่ทางผ่านเพื่อไปเยี่ยมเพื่อนน้าหน่ะ ความจริงน้ามีของให้พวกเธอดูมากกว่า

    โอ๊ค : ครับผม อยากรู้จริงๆเลยครับว่ามันคืออะไร

    ธิน : ว่าแต่ น้าไปทำอะไรกับพวกมันมาครับ มันถึงคิดจะทำร้ายน้า // แคทเทอรีนนิ่งไปพักนึง ทำเอาบรรยากาศรอบข้างเงียบงัน

    โซเซีย : นี่ ฉันว่าอย่าเพิ่งถามตอนนี้ดีกว่านะธินเอ้ย

    แคทเทอรีน : ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวน้าจะเล่าให้ฟังนะ // เรื่องมีอยู่ว่า ลูกชายคนโตของแคทเทอรีนเธอเกิดไปมีเรื่องกับพวกนาซีหัวรุนแรงเพราะมันทำร้ายคนยิว ทำให้ลูกชายของเธอโดนไวเมอร์สั่งเก็บ เขาตายอย่างหน้าอนาถา แคทเทอรีนพยายามใช้วิธีการทางกฎหมาย แต่ในยุคที่พวกนาซีครองอำนาจหน่ะเหรอ อย่าหวังที่ความยุติธรรมจะมีกับพวกเชื้อสายยิว พวกมันไม่ใยดีกับเรื่องนี้เลย แคทเทอรีนจึงสะสมความแค้นกับพวกเยอรมันอย่างมาก รอวันที่จะล้างแค้นไวเมอร์

    เอม : เรื่องของคุณน้าน่าเศร้าจริงๆนะคะ ว่ามั้ยออย

    ออย : นั่นสิ ไม่ต้องห่วงนะคะ ยังไงวันหนึ่งคุณน้าต้องได้รับความยุติธรรมแน่ๆ

    แคทเทอรีน : ขอบใจมากนะจ๊ะ

    ณ กรุงวอร์ซอร์ หลังจากที่ทหารเยอรมันเข้าควบคุมเมืองไว้ได้เนื่องจากโปแลนด์ขอยอมแพ้ ฮัมบูร์กและพรรคพวกฉลองให้กับชัยชนะในครั้งนี้

    ฮัมบูร์ก : ฉลองกันหน่อย วันนี้พวกนายทุกคนทำได้ดีมากเลยนะ

    มิลเลอร์ : ใช่แล้ว ต่อไปฝรั่งเศส แล้วก็อังกฤษ พวกมันจะเอาอะไรมาต่อต้านเรา

    เมอร์ลิน : แน่นอน กองทัพของพวกเราแข็งแกร่งซะขนาดนี้เนี่ย ใครจะสู้ได้

    ลูก้า : นี่พวกนาย พรุ่งนี้ฉันต้องไปประจำการที่แอฟริกาตามท่านรอมเมลไปแล้วนะ

    ฮัมบูร์ก : งั้นเหรอ ฉันก็ต้องเข้าพบท่านผู้นำเหมือนกันพรุ่งนี้

    เมอร์ลิน : เอาน่า ยังไงก็ไปทันอยู่แล้วน่า ท่านรู้นี่ว่าเราพักผ่อนอยู่

    มิลเลอร์ : นั่นสิ เอ้ยนี่ เอาไส้กรอกมาเพิ่มให้พวกเราหน่อยสิ

    ลูก้า : เฮ้ยนี่ กะจะให้อ้วนเป็นหมูเลยหรือไงเนี่ย // แต่ตัวเขาหยิบไส้กรอกเข้าปากไม่หยุด

    มิลเลอร์ : ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวฉันก็กลับไปออกกำลังกายแล้ว

    เมอร์ลิน : ฮัมบูร์ก ได้ยินว่าท่านผู้นำชื่นชมในตัวเธอมากเลยนะ ฉันอิจฉาจริงๆ

    ฮัมบูร์ก : ยังไม่จบแค่นี้หรอก ฉันมีบางอย่างที่ต้องบอกท่านผู้นำด้วยหล่ะ ฉันอยากไปอยู่ทัพเรือหน่ะ

    ลูก้า : จริงเหรอ ไม่น่าเชื่อ ยังไงก็ขอให้โชคดีก็แล้วกันนะ

    ด้านแนวรบตะวันออก หลังจากที่กองทัพแดงเข้ายึดได้ ออก้านึกออกว่าพวกเขาทำงานอยู่โรงงานแห่งหนึ่ง เขารีบมุ่งหน้าไปยังโรงงานแห่งนั้นทันที แต่ในตอนนั้นเอง กองทัพเยอรมันก็เข้ายึดโรงงานแห่งนั้นแล้วกวาดต้อนชาวยิวออกไป ออก้าพยายามเข้าไปหาโซเซียแต่ทหารเยอรมันห้ามไว้

    เฮ้ย นายจะไปไหน

    ออก้า : ฉันจะไปหาเพื่อนฉัน

    ตอนนี้ที่นี่อยู่ในความดูแลของเยอรมัน โซเวียตไม่เกี่ยว

    ไอ้พวกหมาเยอรมัน ซักวันอังกฤษจะมาฆ่าพวกแก โซเวียตก็เหมือนกัน โง่ร่วมมือกับพวกมันอยู่ได้เชลยคนหนึ่งตะโกนด่าทหารเยอรมัน จนโดนพวกมันซ้อมแล้วลากตัวออกไป ทันใดนั้นเองออก้าก็เห็นดไวด์ คนที่เขารู้จักและเป็นเพื่อนกับโซเซีย เขาจึงเข้าไปคุยด้วยทันที

    ออก้า : ดไวด์ นี่ฉันออก้านะ โซเซียอยู่ที่นี่หรือเปล่า

    ดไวด์ : โซเซียเหรอ เขาไม่อยู่ตั้งนานแล้ว ได้ยินวาไปเนเธอร์แลนด์กับน้าเขา

    ออก้า : เนเธอร์แลนด์เนี่ยนะ จริงเหรอเปล่า

    ดไวด์ : ฉันได้ยินมาแบบนั้น ออก้า อย่าไว้ใจพวกเยอรมัน // จากนั้นมันก็ลากตัวดไวด์ไป ส่วนออก้าก็ต้องคอตกออกมา

    ทางด้านรถของเจเลมี่ เมื่อเขามาถึงท่าเรือ เจเลมี่ก็เดินมาขึ้นเรือโดยที่มีชายคนหนึ่งรออยู่

    เจลามี่ นายรอนานมั้ยใช่แล้ว เจลามี่ เขาคือน้องชายของเจเลมี่ที่ชื่อคล้ายกัน เมื่อคนพี่มาถึง เขาก็โดนลอบยิงจากด้านบนเรือ ร่างของเจเลมี่ล้มลงไปทันที เจลามี่ตกใจมาก พยายามจะไปประคองพี่สาวของเขาไว้ ส่วนมือปืนก็โดนจับส่งตำรวจจนได้

    เจเลมี่ : เจลามี่ ฉันคงไม่รอดแล้วหล่ะ

    เจลามี่ : แข็งใจไว้นะพี่ พี่ต้องรอดเพื่อประเทศนี้นะพี่

    เจเลมี่ : ไม่ เธอต้องทำงานนี้แทนฉัน ฉันเชื่อในตัวเธอนะ

    เจลามี่ : แต่ผมไม่เก่งเหมือนพี่นะครับ

    เจเลมี่ : ไม่ต้องห่วง ยังไงเธอต้องทำได้ ทุกอย่างอยู่ในเอกสารนี้แล้ว ฉันฝากด้วยนะ

    เจเลมี่หมดลมไปในอ้อมแขนของเจลามี่ เขาร้องไห้อย่างเสียสติจนแทบบ้า แต่ยังไงเขาก็ต้องทำงานของเขาต่อไป เขาปาดน้ำตาแล้วขึ้นเรือไปยังอังกฤษทันที

    ณ ประเทศไทย หลังจากที่กัสกลับมาได้ไม่นาน เธอก็มีข่าวในไทยว่าเธอไปนอนกับนายทหารเยอรมันมา ทำเอาเธอเครียดจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร เธอต้องคอยให้สัมภาษณ์กับสื่อทุกวันเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวนี้

    คุณกัสคะ เรื่องของคุณกับนายทหารเยอรมันนี่เป็นยังไงคะ

    กัส : เรารู้จักกันเฉยๆค่ะ ไม่มีอะไรมาก

    แล้วตอนนี้เขาใช่แฟนของคุรหรือเปล่าคะ

    กัส : ตอนนี้ยังเรียกไม่ได้ แต่อนาคตไม่แน่ค่ะ

    คุณคิดว่ามันจะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือเปล่าคะ

    กัส : ดิฉันไม่ขอตอบเรื่องนี้ค่ะ ฉันขอตัวนะคะ // เธอหัวเสียเดินเข้าบ้านพักของเธอไป เธอพยายามจะไปควบคุมตัวเองไม่ให้เสียสติ แต่ทำยังไงได้ ข่าวบ้าพวกนี้มันมาสุมอยู่ในหัวทั้งวัน

    คุณวิคเตอร์ ยังไงคุณต้องรับผิดชอบฉันเธอพยายามรวบรวมเงินเพื่อเดินทางไปเยอรมันโดยเร็ว โดยที่ไม่รับงานแสดงอื่นๆที่เขามาหาเธอ

    อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่รัตหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว เขาก็ออกจากโรงพยาบาลทันทีและถูกเรียกตัวกลับไปที่กรุงเทพ เพื่อเข้าพบกับผู้บังคับบัญชาของเขา เมื่อเขามาถึง ผบ.หน่วยก็นั่งรอเขาอยู่แล้ว

    เอาหล่ะคุณรัต นั่งก่อนสิ

    รัต : ท่านครับ ท่านมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ

    ผมได้รับรายงานเรื่องของคุณที่ชายแดนกัมพูชาแล้ว ทำได้ดีมาก ผมเลยอยากมอบหมายงานๆนี้ให้คุณ

    รัต : ครับท่าน งานอะไรครับ

    ผมอยากจะให้คุณเป็นสายลับหน่ะ ในตอนนี้ ความขัดแย้งของเราที่อินโดจีนตอนนี้กำลังปะทุอย่างหนัก ผมกลัวว่าจะเกิดสงครามใหญ่ ผมเลยอยากให้คุณเข้าแทรกซึมพื้นที่กัมพูชาหน่ะ

    รัต : ได้ครับท่าน ว่าแต่ ผมจะต้องเปลี่ยนชื่อใหม่หรืออะไรใหม่หรือเปล่าครับ

    ทุกอย่างอยู่ในซองนี้หมดแล้วหล่ะ อีก 3 วันจะมีคนมารับตัวคุณไป เอาหล่ะ โชคดีนะ

    ณ ค่ายยุวชนนาซี กรุงเบอร์ลิน เด็กคนอื่นๆกลับบ้านกันหมดเพราะเป็นช่วงหยุดฉลองชัยชนะ แต่โยชิตะไม่มีที่ไหนให้ไป เขาเลยตัดสินใจอยู่ที่ค่ายชั่วคราว โดยที่มีภารโรงแถวนั้นอยู่เป็นเพื่อนเขา

    ภารโรง : ไม่กลับบ้านเหรอเรา

    โยชิตะ : อ้อ ผมไม่มีบ้านอยู่หรอกครับ พวกพี่ๆของผมก็ไปทำงาน ไม่ก็ไปทำสงครามหน่ะครับ

    ภารโรง : แล้วพ่อแม่ของเธอไปไหนซะหล่ะ

    โยชิตะ : ท่านไม่อยู่ที่นี่หรอกครับ คุณลุงหน่ะ เคยเป็นทหารใช่หรือเปล่าครับ

    ภารโรง : เธอรู้ได้ยังไงหล่ะ

    โยชิตะ : ดูจากท่าทางที่ลุงทำผมก็พอรู้หน่ะครับ

    ภารโรง : ใช่แล้วหล่ะ สงครามโลกครั้งที่หนึ่งหน่ะ

    โยชิตะ : คุณลุงเล่าให้ผมฟังหน่อยได้หรือเปล่าครับ ผมอยากฟังจากปากคุณลุงหน่ะ

    ภารโรง : โอเค เดี๋ยวลุงจะเล่าให้ฟังนะ // ลุงคนนั้นเล่าเรื่องของเขาให้โยชิตะฟังจนหมด โยชิตะก็นั่งฟังด้วยความเพลิดเพลิน เหมือนกับว่าเขาได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้มานานแล้ว

    ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส อลิสกับรินเพิ่งจะส่งข้อมูลสำคัญให้กับทางเยอรมัน พวกเธอได้รับค่าตอบแทนที่คุ้มค่าแล้วส่งเงินและของบางส่วนไปให้โยชิตะน้องชายของเธอ รินเองก็เขียนจดหมายถึงเขาเช่นเดียวกัน

    อลิส : เฮ้อ หวังว่าโยชิตะเขาจะได้รับไปนะ

    ริน : นั่นสิพี่ กลัวว่าจะส่งไปที่เยอรมันไม่ได่หน่ะสิพี่ // ระหว่างนั้นเอง สาวนักเต้นกลุ่มหนึ่งที่ไม่ถูกกับพวกเธอก็เดินมาเจอพอดี

    นี่หล่อนๆ มาดูพวกหมูเยอรมันนี่สิ พวกบ้าสงคราม

    ใช่ๆ แต่เราประกาศสงครามกับมันแล้วนี่พี่ พวกแกเละเป็นจุลแน่

    อลิส : จะบ้าเหรอ ฉันมาจากออสเตรียนะเฟ้ย อย่ามาหาเรื่องกันดีกว่า

    ริน : ใช่ๆ แล้วเธอคิดเหรอว่ากองทัพของเธอจะทำอะไรได้

    ปากดีนะอีนี่ ตบมันเลย

    พวกหล่อนพยายามจะตบทั้งสองคน แต่อลิสกับรินแข็งกว่า ทั้งคู่จิกหัวพวกนั้นจากนั้นก็ทั้งตบทั้งต่อย ทำเอาพวกนั้นน่วมไปตามๆกัน

    อีบ้า นี่เธอทำกับผมฉันแบบนี้เหรอ

    อลิสไม่ฟังตบหน้าพวกนั่นต่อ จนพวกนั้นต้องหนีออกไป ส่วนรินกับอลิสก็กลับมานั่งอยู่แถวนั้น

    อลิส : เฮ้อ โคตรเหนื่อยเลย แต่ก็ดีแล้ว หมั่นไส้มันมานานแล้ว

    ริน : แต่พวกมันจะไปฟ้องเจ้านายมันหรือเปล่าพี่

    อลิส : ไม่ต้องห่วงหรอก เท่าที่แซคเล่าให้ฟัง อีกไม่นานฝรั่งเศสก็จะยึดที่นี่แล้ว

    ริน : แซค จริงด้วยพี่ ไม่ได้เจอพวกนั้นนานแล้วนะพี่ ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน

    อลิส : นั่นสิ แต่เอาเถอะ ซักวันคงต้องได้เจอเองหล่ะ

    ณ ท่าเรือแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส หลังจากที่จูเลียสมาถึง เขาก็เดินทางต่อไปเยอรมันทันที แต่ในช่วงนั้นไม่มีรถไฟไปเยอรมันเลย เขาจึงต้องหารถแถวนั้นเพื่อเดินทางต่อ เขาเดินมาเจอรถคันหนึ่งที่กำลังขนของขึ้นรถอยู่ เขาจึงลองเดินเสี่ยงดวงเข้าไปถามชายคนนั้น

    จูเลียส : คุณครับ คุณจะไปไหนเนี่ย

    ฉันจะไปเยอรมันหน่ะ

    จูเลียส : คุณจะไปทำไมเหรอครับ

    ฉันมีงานต้องทำนิดหน่อยหน่ะ

    จูเลียส : ผมขอไปด้วยนะครับ จะคิดเงินผมก็ให้

    นายจะไปทำอะไร

    จูเลียส : ผมจะไปเที่ยวหาเพื่อนหน่ะครับ

    โอเค งั้นนายมากับฉัน เงินฉันไม่คิดหรอก

    ณ กรุงลอนดอน โจสทำงานอยู่ที่สถานทูตอเมริกาในอังกฤษ เขาต้องคุยกับเจ้าหน้าที่อังกฤษทุกวันเรื่องของอเมริกา ว่าพวกเขาจะเข้าร่วมสงครามด้วยหรือไม่

    คุณโจส คุณว่าอเมริกาจะเข้าร่วมสงครามหรือเปล่าครับ

    โจส : เราดำเนินนโยบายเป็นกลางหน่ะครับ

    งั้นเหรอครับ คุณคิดว่าอเมริกาจะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเหรอครับว่าเกิดสงคราม

    โจส : คุณต้องเข้าใจนะครับ ตอนนี้กองทัพอเมริกากำลังประสบปัญหาอยู่ครับ

    แล้วแนวรบทางด้านแปซิฟิกหล่ะ ได้ยินว่าทางญี่ปุ่นกำลังโจมตีจีนอยู่นี่

    โจส : ผมเชื่อว่า รูสเวตต์คงจะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดแน่นอนครับ

    ผมหวังว่า การกระทำของญี่ปุ่นจะทำให้คุณเข้าร่วมสงครามได้นะครับ

    ทางด้านนูโวร่า เมื่อเธอมาถึงลอนดอน เธอก็ได้รับคำสั่งให้เข้าทำงานที่สถานทูตอีตาลี เพื่อประชาสัมพันธ์โฆษณาชวนเชื่อของผู้นำของเธอ แล้วก็เป็นสายลับในอีกด้านหนึ่งด้วย เธอต้องเปลี่ยนชื่อแซ่ รวมทั้งต้องไม่ให้ใครจำได้ว่าเธอเป็นใคร

    สวัสดีครับคุณนูโวร่า เรากำลังรอคุณอยู่พอดีเลย

    นูโวร่า : สวัสดีค่ะทุกคน ทุกคนคงจะรู้ดีนะว่าฉันเป็นใคร

    ครับผม พวกเราทราบดี

    นูโวร่า : ฉันขอให้ทุกคนทำงานให้เต็มที่ แล้วดำเนินการอย่างลับๆ เอาหล่ะ ไปได้

    นูโวร่ากลับไปนั่งโต๊ะของเธอเอง จากนั้นเธอก็ดูงานที่ได้รับมอบหมายบนโต๊ะของเธอ ซึ่งงานของเธอ เธอต้องตามหาตัวชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นทูตสหรัฐแล้วสืบหาข้อมูลจากเขาให้ได้ ซึ่งเขาคนนั้นก็คือ โจส สมิธ ชายคนที่เธอรู้จักเป็นอย่างดีนั่นเอง

    สวัสดีคุณโจส ฉันจะเจอคุณให้ได้

    ที่แนวรบด้านแอฟริกา ทหารเยอรมันหลายหน่วยได้เข้ามาช่วยทหารอิตาลีรบ วิคเตอร์กับเทราน์เนอร์ก็เพิ่งจะมาถึงพอดี พวกเขาตื่นตาตื่นใจกับดินแดนทะเลทรายแถวนั้นมาก

    วิคเตอร์ : ในที่สุด เราก็มาถึงกันแล้ว สมรภูมิรบแรกของเรา

    เทราน์เนอร์ : แต่ที่นี่ร้อนเป็นบ้าเลยเนี่ย พวกนายว่ามั้ย

    วิคเตอร์ : กลัวอะไรหล่ะ ฉันชอบมากเลยหล่ะ เจอแต่หนาวมาทั้งชีวิตเนี่ย

    เทราน์เนอร์ : เอาที่สบายใจเลยพวก

    ในช่วงเดียวกัน เทเรซ่าก็กำลังช่วยรักษาทหารแถวนั้นอยู่ เธอก็ต้องออกมาต้อนรับทหารเยอรมันที่มาใหม่ เธอก็ได้เจอกับวิคเตอร์โดยบังเอิญ

    เทเรซ่า : วิคเตอร์ นี่คุณมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย

    วิคเตอร์ : คุณเทเรซ่า ในที่สุดผมก็เจอคุณ คุณรู้มั้ยผมคิดถึงคุณมากแค่ไหน

    เทราน์เนอร์ : ใครกันเนี่ย นายรู้จักเธองั้นเหรอ

    วิคเตอร์ : แน่นอน เธอเป็นแฟนฉันเองหล่ะ

    เทเรซ่า : ใครบอกว่าฉันเป็นแฟนนาย พวกนายเพิ่งจะมาใหม่ ไปรายงานตัวด้านนั่นสิ

    วิคเตอร์ : แล้วเธออยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย

    เทเรซ่า : ฉันสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก

    เทราน์เนอร์ : ฉันว่าฉันไปรายงานตัวด้านนั้นดีกว่า ไปกันเถอะวิคเตอร์ // เทราน์เนอรากแขนวิคเตอร์ไปยังศูนย์บัญชาการ ปล่อยให้วิคเตอร์ตาลอยแบบนั้นไม่อยู่นานเลยหล่ะ

    ณ ซอยแห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส ชายคนหนึ่งเดินถือซองเอกสารแผ่นหนึ่งเดินเข้าซอย แล้วทิ้งเอาไว้บนฝาถังขยะแถวนั้นแล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้ผู้หญิงท่าทางจรจัดคนหนึ่งเอาเอกสารนั่นไป เมื่อเธอได้เอกสารเธอก็เปิดอ่านทันที

    เคท งานนี้เธอต้องข้ามเขตไปเยอรมัน ฉันมีงานให้เธอทำ เธอต้องสังหารชายคนนี้ ในรูปเป็นรูปของนายทหารคนหนึ่ง

    หญิงสาวคนนั้นอ่านดูอย่างละเอียด จากนั้นเธอก็กลับเข้าไปเตรียมของในบ้าน ซึ่งมีปืนไรเฟิล  Lee-Enfield ของอังกฤษ ติดกล้องเล็งสำหรับซุ่มยิง หลังจากที่เธอเตรียมยุทธภัณฑ์เสร็จ เธอก็เปลี่ยนชุดแล้วออกเดินทางทันที แต่ก่อนไป เธอไปร้านไวน์แห่งหนึ่งจากนั้นก็ซื้อไวน์มาขวดหนึ่ง เจ้าของร้านรู้จักเธอดีเลยเตรียมไวน์ให้เธอ

    จะไปฆ่าคนอีกแล้วสินะเคท

    ก็นี่มันชีวิตทหารรับจ้างแบบฉันนี่หน่า แล้วเจอกันนะหลังจากที่เธอได้ของ เธอก็ออกเดินทางไปเยอรมันทันที

    ไม่กี่วันถัดมา หลังจากที่เรือยอร์ชของแคทเทอรีนมาเทียบท่าที่ชายฝั่งเนเธอร์แลนด์ จากนั้นพวกเขาก็ผูกเรือไว้แล้วมายังจุดที่เพื่อนของแคทเทอรีนนัดไว้ทันที จากนั้น เธอก็เห็นเขาจอดรถบรรทุกอยู่ตรงโคนต้นไม้

    แคทเทอรีน : อ๊อตโต้ นั่นนายใช่มั้ย

    อ๊อตโต : แคทเทอรีน เธอปลอดภัยดีนะ ฉันได้ข่าวที่โปแลนด์แล้ว

    อีดิธ : แคทเทอรีน เธอจำฉันได้มั้ยจ๊ะ

    แคทเทอรีน : จำได้สิ เธอก็สบายดีนะ

    อ๊อตโต : ลูกแอนน์ มาร์ก๊อต สวัสดีน้าแคทเทอรีนสิลูก

    แอนน์ มาร์ก๊อต : หวัดดีค่ะคุณน้า

    แคทเทอรีน : ว้าว หนูแอนน์ มาร์ก๊อต โตขึ้นมากเลยนะเนี่ย

    อเล็กซ์ : พวกเรา ดูนั่นสิ แอนน์ แฟรงค์ตัวจริงเสียงจริงเลยนะเนี่ย // เธอกระซิบกับเพื่อนๆของเขา

    แคทเทอรีน : อ๊อตโต นี่หลานสาวฉัน อเล็กซ์ ส่วนนี่ก็เพื่อนๆของหลานสาวฉันนะ // เด็กๆทักทายครอบครัวแฟรงค์ จากนั้นพวกเขาก็รีบขึ้นรถเพื่อไปส่งพวกของแคทเทอรีน ณ ที่พักของเธอทันที

    ======================================================================

    พวกเด็กๆได้เจอกับแอนน์ แฟรงค์ตัวจริงเสียงจริง แต่ในขณะเดียวกันสงครามก็เริ่มเดือดขึ้น พวกเด็กๆจะผ่านมันไปได้หรือไม่ ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยนะ พยายามรีบปั่นเอาใจคนเปิดเทอม แหะๆ

     

     

     

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×