NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Magic Bullet - กระสุนเวทย์พิชิตโลก (ปิดรับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 6 : เพื่อนร่วมงาน

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ค. 67


    ณ โรงพยาบาลกลาง ที่ที่จ่าเอ็มเมอร์ถูกพาตัวมารักษา ในตอนนี้กลุ่มของเคนนี่ก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล พวกเขามาหยุดอยู่บริเวณดาดฟ้าชั้นสองของตึกร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก เคนนี่ใช้กล้องส่องทางไกลมองไปยังพื้นที่ลานจอดรถ

    “เจออะไรมั้ย??” เวโรนิก้าสะกิดถามเคนนี่

    “ยังไม่เห็นเลย เอ๊ะ..” เคนนี่เอะใจกับรถคันหนึ่ง ที่ขับเข้ามาที่ด้านหลังโรงพยาบาล เคนนี่ก็รู้ในทันทีว่าเป็นรถของใคร

    “ไอ้ผู้กองโทเค็นมาแล้ว ทุกคน ไปเลย” เคนนี่บอกกับทุกคน ก่อนที่ไม่นานนัก ทุกคจะรีบหยิบออกจากดาดฟ้า แล้วรีบไปที่ด้านหลังโรงพยาบาลในทันที

    “วอล สะกดรอยตามดูหน่อย ว่ามันไปทางไหน” ไปจื่อพูดขึ้น ก่อนที่วอลจะใช้เวทยืมนต์ของเขา แล้วก็พูดขึ้น

    “ตอนนี้เขากำลังจะลงจากรถครับ” วอลตอบไป

    “โอเค แปลว่ามันยังไม่ได้เข้าไปในโรงพยาบาล” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น

    “แต่ไม่รู้ว่ามันจะตรวจอาวุธเราหรือเปล่านะ??” คามิลล่าถามไป

    “ไม่ต้องห่วง โรงพยาบาลนี้ฉันมีทางเข้าลับอยู่” เวโรนิก้าพูดต่อ

    “เฮ้อ ไม่งั้นก็บู๊แหลกเลยสิ” โรเบิร์ตพูดขึ้น

    “ใจเย็น ตอนนี้อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม รอให้เราเจอตัวไอ้จ่าเอ็มเมอร์ก่อน” เคนนี่พูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก กลุ่มของเขาจะพากันเดินเข้ามาในห้องซักรีดห้องหนึ่ง

    “ทางนี้แหละ จะพาเราเข้าไป ฉันจัดการเอง” เวโรนิก้าบอกกับทุกคน และอีกด้านหนึ่ง ตัวของผู้กองโทเค้นก็เดินเข้ามาในโรงพยาบาล จากนั้นก็รีบเดินไปที่เคาน์เตอร์โรงพยาบาลในทันที

    “จ่าเอ็มเมอร์อยู่ห้องไหนครับ??”

    “ชั้น 6 ห้อง 12 ค่ะ” พยาบาลตอบ ก่อนที่ผู้กองโทเค็นคนนั้นจะรีบเดินต่อ โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่า มีพยาบาลคนหนึ่งก็กำลังเดินตามเขามาด้วยเหมือนกัน พยาบาลคนนั้นก้คือมารีที่ปลอมตัวเข้ามาในโรงพยาบาล เนื่องจากว่าโรงพยาบาลนี้ไม่มีจุดให้ซุ่มยิงจากระยะไกล

    “เฮ้ เธอหน่ะ!!” ผู้กองโทเค็นหันไปพูดกับเธอ ในตอนนั้นมารีเองก็หยุด และพยายามทำตัวเป็นปกติ

    “มีอะไรเหรอคะ??” มารีถามไป

    “ตอนนี้ตำรวจยังอยู่ที่ชั้น 6 กันหรือเปล่า??” ผู้กองโทเค็นถามไป

    “ฉันมาจากฉัน 4 ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ” มารีตอบ

    “อืม ช่างเถอะ” ผู้กองโทเค็นตอบ ก่อนที่ตัวของเขาจะเดินเข้าลิฟต์ และมารีเองก็เดินตามไปขึ้นลิฟต์พร้อมกับผู้กองโทเค็นด้วย

    ทางด้านของเคนนี่และคนอื่นๆ ในตอนนี้พวกเขาเข้ามาในโรงพยาบาลได้เรียบร้อยแล้ว โดยที่พวกตำรวจส่วนใหญ่พากันรออยู่ด้านนอก 

    “ผมได้ยินผู้กองโทเค็นคุยกับพยาบาล อยู่ชั้น 6 ห้อง 12 ผมพยายามสอดส่องในห้อง แต่ก็ไม่เจออะไรเลย ผมเข้าไปในกระจกในห้องนั้นไปไม่ได้ครับ” วอลพูดขึ้น

    “แปลว่าในห้องต้องมีทองแดงคุ้มกันแน่ๆ” เคนนี่พูดขึ้น

    “แปลว่า เราคงเข้าไปไม่ได้ง่ายๆแน่ๆ” ไปจื่อพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ฉันจะนำร่องเอง” คามิลล่าพูดขึ้น และในตอนนั้น พยาบาลคนหนึ่งที่เห็นกลุ่มของเคนนี่ก็เดินเข้ามาหากลุ่มของเคนนี่

    “คุณคะ ตอนนี้เราปิดเยี่ยมแล้วนะคะ” พยาบาลพูดขึ้น ในตอนนั้นซิลเวสเตอร์ก็เข้าไปจับมือกับพยาบาลคนนั้นทันที ก่อนที่เขาจะลูบขึ้นมาที่หัวของเธอ

    “ช่วยพาพวกเราไปหาจ่าเอ็มเมอร์หน่อยสิครับ” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น

    “ตามฉันมาเลยค่ะ” พยาบาลพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของพยาบาลจะพากลุ่มของเคนนี่ไปขึ้นลิฟต์ในทันที

    “โอเค ถ้าเราไปถึงแล้ว จะเอายังไงต่อ??” เวโรนิก้าถามไป

    “ก็ยิงพวกแม่งให้หมดเลย” โรเบิร์ตตอบ

    “ใจเย็น เกมนี้เราต้องเน้นความเงียบไว้ก่อน” เคนนี่พูดปราม ก่อนที่ไม่นานนัก ลิฟต์จะมาจอดที่หน้าของพวกเขา ก่อนที่พยาบาลจะพาเคนนี่และกลุ่มเข้าไป และกดที่ชั้น 6 ในทันที

    “ติ๊ง!!”

    “ไม่รู้ว่าตำรวจจะเฝ้าหน้าลิฟต์หรือเปล่า เตรียมปืนให้พร้อมแล้วกัน” เคนนี่พูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ลิฟต์จะขึ้นมาที่ชั้น 6 พอดี และมีตำรวจคนหนึ่งกำลังยืนเฝ้าอยู่

    “เดี๋ยวก่อน ขอตรวจค้นหน่อย..” ตำรวจยังพูดไม่ทันจบ คามิลล่าก็กระชากตำรวจคนนั้นเข้ามา จากนั้นก็ปิดปากเอาไว้ แล้วก็ดูดเลือดของตำรวจคนนั้นจนหมดตัว

    “ตุ๊บ!!” คามิลล่าทิ้งร่างของตำรวจคนนั้นลงกับพื้นในทันที ก่อนที่ไม่นานนัก พยาบาลคนนั้นจะหมดสติ และล้มลงนอนกับพื้นตามตำรวจคนนั้น

    “โอเค ห้องอยู่ที่ห้อง 12” เคนนี่พูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะเดินออกไป ในตอนนั้นตำรวจสองคนแถวนั้นก็เจอเข้าพอดี 

    “เฮ้ย!!”

    เคนนี่รีบชักปืนออกมาแล้วยิงเป็นกระสุนโค้งใส่พวกมันทั้งสองคน ตำรวจสองคนนั้นร่วงลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว

    “โอเค รีบไปกัน” เคนนี่บอกกับทุกคน

     

    ในห้องพักของจ่าเอ็มเมอร์ ในตอนนี้ตัวของจ่ายังไม่ฟื้น แต่อาการยังทรงๆ ในห้องนั้นก็มี สส.เลเบอร์แมนที่นั่งรถวีลแชร์มาเยี่ยมตัวของจ่าเอ็มเมอร์ด้วย

    “เฮ้อ มันยังไม่ฟื้นเลยตอนนี้” เลเบอร์แมนพูดขึ้น

    “เฮ้อ ถ้ามันยังไม่ฟื้น มันจะดีกว่า ถ้าให้มันนอนตายสบายๆเลย” ผู้กองโทเค็นพูดต่อ

    “ผมเห็นด้วยนะ ตัดไฟแต่ต้นลม ไม่อย่างงั้น มันอาจจะพูดอะไรออกมาก็ได้” เลเบอร์แมนพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ผู้กองโทเค็นจะหยิบหลอดยาอะไรบางอย่างออกมา ก่อนที่จะเตรียมฉัดมันเข้าไปในหลอดน้ำเกลือของจ่าเอ็มเมอร์ แต่ในตอนนั้น จู่ๆ จ่าเอ็มเมอร์ก็ลืมตาขึ้นมา ทำเอาผู้กองโทเค็นตกใจมาก จ่าเอ็มเมอร์เองก็แปลกใจ จ่ารีบถอดหน้ากากหายใจและพูดขึ้น

    “ผู้กอง ทำอะไรหน่ะ??”

    “จ่า อโหสิให้ด้วย ช่วยตายเงียบๆเถอะ” ผู้กองโทเค็นพูด แต่ในตอนนั้นเอง ประตูก็เปิดออกมา แล้วก็เป็นมารีที่เปิดประตู แล้วก็เล็งปืนลูกโม่เก็บเสียงกระบอกหนึ่งออกมา แล้วยิงใส่เลเบอร์แมน

    “ปิ้ว!!”

    “เฮ้ย!!” ผู้กองโทเค็นตกใจมาก ก่อนที่เขาจะทิ้งหลอดเข็มฉีดยาลงกับพื้นแล้วยกมือขึ้น 

    “อย่านะ ฉันเป็นตำรวจนะเว้ย!!” ผู้กองโทเค็นพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก กลุ่มของเคนนี่ก็ตามเข้ามาในห้อง แล้วเล็งปืนใส่คนในห้อง

    “แกเป็นใครวะ??” มารีพูดอย่างตกใจ

    “เคนนี่ ไอ้เด็กใหม่ใช่หรือเปล่า ช่วยผมด้วย!!” ผู้กองโทเค็นพูดขึ้น 

    “ฝันเถอะผู้กอง วันนี้ผมไม่ได้มาช่วย” เคนนี่บอกกับผู้กอง และในตอนนั้น ซิลเวสเตอร์ก็รีบไปคุยกับมารี

    “ใจเย็นก่อนนะครับ สองคนนี้เป็นแขกของเรา เราจะจัดการเองครับ” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น ก่อนที่เคนนี่จะเดินไปหาผู้กองโทเค็น แล้วต่อยหน้าผู้กองไปหนึ่งที

    “ตุ๊บ!!” 

    “ไอ้เด็กใหม่ ช่วยด้วย ไอ้ผู้กองนี่มันจะฆ่าปิดปากฉัน” จ่าเอ็มเมอร์พูดด้วยเสียงแผ่วๆออกมา

    “พวกมึงกำลังวางแผนอะไรกันอยู่วะ ไอ้ผู้กำกับเซนทอรืมีเอี่ยวด้วยหรือเปล่า??” เคนนี่ถามไป

    “เฮ้ย เด็กใหม่ ถ้าแกช่วยฉัน ฉันจะแฉพวกมันให้หมดเลย” จ่าเอ็มเมอร์พูดขึ้น 

    “ไอ้ระยำ มึงอย่าคิดนะว่ามึงจะแฉกูได้ ไอ้เด็กใหม่ เรื่องนี้ใหญ่กว่าที่มึงคิด ใหญ่กว่าผู้กำกับด้วย” โทเค็นพูดขึ้น

    “นั่นไม่ใช่ที่กูอยากรู้” เคนนี่พูดขึ้น

    “ผู้กำกับมันอยู่เบื้องหลังเรื่องที่เอ็งโจมตีโกดังผู้ใช้เวทย์วันนั้น มันส่งข่าวให้พวกผู้ใช้เวทย์กลุ่มเคอาร์ พวกมันเลยซ้อนแผนมึง ให้พวกมึงไปตาย และพอไอ้ผู้กำกับรู้ว่ามึงรอด มันก็ตัดไฟแต่ต้นลม ไม่เชื่อลองไปถามกับดอรี่..” จ่าเอ็มเมอร์พูดขึ้น ในขณะที่ผู้กองโทเค็นก็พยายามชักปืนออกจากข้างหลัง และที่ด้านนอก ตอนนั้นตำรวจสามคนก็เดินมาทางพวกเขา โรเบิร์ตดันเห็นเข้าซะก่อน 

    “แย่แล้ว ตำรวจ!!” โรเบิร์ตตะโกนออกมา ตำรวจสามคนที่เห็นก็รีบชักปืนออกมาเพื่อต่อสู้ แต่โรเบิร์ตก็ยิงสวนพวกมันไป

    “ปังๆๆๆๆ!!”

    เคนนี่หันไปมองด้านนอก โทเค็นชักปืนออกมาแล้วยิงใส่เคนนี่ แต่ไปจื่อเห็นก่อน เลยโยนกระดาษของเขาไปกันกระสุนของโทเค็นได้

    “แม่งเอ้ย!!” โทเค็นพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะยิงปืนใส่หัวของจ่าเอ็มเมอร์จนตายคาเตียง คามิลล่าเห็นเลยปาดาวกระจายใส่โทเค็นจนล้มลง

    “เวรเอ้ย ถอยไปสิวะ!!” มารีตะโกนออกมา ก่อนที่จะวิ่งออกไปด้านนอก แต่ในตอนนั้น ตำรวจอีกชุดก็บุกเข้ามา

    “เฮ้ย หยุดนะ!!” 

    “ปังๆๆๆ!!” ตำรวจพวกนั้นยิงใส่มารี แต่ซิลเวสเตอร์ก็รีบวิ่งมาแล้วดึงตัวเธอกลับไป 

    “นี่คุณ จะบ้าเหรอ ออกไปแบบนั้นได้ไง??” 

    “ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน..” มารียังพูดไม่ทันจบ จู่ๆเธอก็หยุดนิ่งไป ซิลเวสเตอร์เองก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในตัวของเธอ ภาพของตัวเธอในอดีตมันไหลเข้ามาในตาของเขา

    “คุณคงทรมานมากสินะ” ซิลเวสเตอร์พูดกับมารี แต่ในตอนนั้น เคนนี่ก็กลับมาสะกิดทุกคน

    “แย่แล้ว รีบไปจากที่นี่เร็ว!!” เคนนี่ตะโกนออกมา ก่อนที่พวกเขาจะพากันออกไปจากโรงพยาบาลในทันที โดยที่โรเบิร์ตเองก็ช่วยยิงเปิดทางให้

    “จะออกไปทางไหนได้เนี่ย??” โรเบิร์ตถามไป ในตอนนั้นมารีที่ได้สติก็พูดขึ้น

    “มีทางหนีอยู่ ตามฉันมา” มารีพูดและพาทุกคนออกไปที่ทางออกหนึ่ง พวกเขาวิ่งลงกันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงชั้น 1 พวกเขาก็เจอกับหน่วยสวาทมากมายที่ที่กำลังดักรอ พวกนั้นเปิดฉากยิงใส่กลุ่มของเคนนี่ในทันที

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    กลุ่มของเคนนี่รีบหนีไปอีกทางในทันที ไปจื่อใช้นกกระดาษของเขาบินออกไปโจมตีหน่วยสวาทพวกนั้นเพื่อยื้อเวลาเอาไว้

    “พวกมันคงล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว” ไปจื่อพูดขึ้น

    “กลับไปออกทางเก่า ฉันรู้ทาง” เวโรนิก้าพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะวิ่งออกไปยังทางเก่า 

    “บ้าเอ้ย เราดับไฟที่นี่ได้หรือเปล่า??” คามิลล่าถามไป

    “ไม่ได้ผลหรอกครับ โรงพยาบาลมีไฟฉุกเฉินครับ” วอลตอบ ก่อนที่ไม่นานนัก พวกเขาก็วิ่งออกมาถึงลานจอดรถด้านหลัง แต่รถตำรวจสายตรวจก็ขับมาทางพวกเขา วอลเองใช้พลังของเขา ทำให้มีมือปริศนาพุ่งออกมาจากกระจกรถสายตรวจ และหักพวงมาลัยไปทางอื่น

    “โคร้ม!!”

    รถพวกนั้นเสียหลักและลงไปทางอื่น ก่อนที่พวกเขาจะลงไปยิงซ้ำตำรวจพวกนั้น

    “เอารถพวกมันมาใช้เลย” เวโรนิก้าพูดขึ้น

    “เดี๋ยว ถ้าเราใช้รถ มันจะยิ่งตามล่าเราง่าย เราต้องแอบไปตามซอย เพื่อเลี่ยงรถสายตรวจพวกมัน” เคนนี่พูดขึ้น

    “ถ้างั้นฉันรู้ทาง ตามมา” มารีพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะนำทางทุกคนหนีออกจากโรงพยาบาล และวิ่งเข้าไปในซอยเล็กๆซอยหนึ่ง ในขณะที่พวกสายตรวจตำรวจกำลังออกตามล่าทั่วถนน

    “นี่ แล้วเจ้ามาทำอะไร ทำไมต้องฆ่าพวกมัน??” ไปจื่อถามมารีไป

    “ฉันเป็นมือปืนรับจ้าง รู้แค่นั้นพอ” มารีตอบ

    “มาฆ่าผู้กองโทเค็นกับจ่าเอ็มเมอร์เหรอ??” ซิลเวสเตอร์ถามต่อ

    “ไม่ใช่ ฉันมาฆ่า สส.เลเบอร์แมนต่างหาก” มารีตอบไป

    “อ้อ สส.ในข่าว ตายห่าซะได้ก็ดี” เวโรนิก้าบอกไป

    “นั่นสิ ถ้าเธอไม่ฆ่ามัน ฉันก็จะฆ่ามันเอง” คามิลล่าตอบ

    “ว่าแต่ พวกนายเถอะ ทำไมถึงมาตามฆ่าจ่าเอ็มเมอร์กับผู้กองนั่นหล่ะ??” มารีถามไป

    “พวกเราอยากจะสืบความลับที่พวกมันทำหน่ะครับ” วอลตอบไป

    “ใช่แล้วหล่ะ มันต้องเชื่อมโยงไปหาคนอื่นได้อีกแน่ๆ” โรเบิร์ตพูดเสริม

    “เดี๋ยวๆๆ พวกนายเป็นใครกันแน่เนี่ย??” มารีหยุดแล้วถามกลุ่มของเคนนี่

    “ฉันเคยเป็นตำรวจ แต่โดนไล่ออกมานานแล้ว ฉันสงสัยว่าไอ้ผู้กำกับเซนทอร์ มันมีแผนอะไรซักอย่าง เลยหลอกล่อให้หน่วยของฉันไปตายหมด” เคนนี่ตอบไป

    “อ้อ เสียใจด้วยแล้วกัน พวกตำรวจก็โดนใช้แล้วทิ้งแบบนี้แหละ” มารีพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะพาคนอื่นๆไปยังเส้นทางที่เธอใช้ต่อ เพื่อหนีจากพวกตำรวจ

    “แล้วนี่เรื่องรถ จะเอายังไงต่อหล่ะ??” คามิลล่าถามไป

    “ก็เหมือนเดิมแหละ ฉันจัดการเอง ดีที่ไม่ได้จอดรถแถวโรงบาล” เวโรนิก้าตอบ

    “เออ ว่าแต่คุณอยู่ที่ไหนเหรอครับ??” ซิลเวสเตอร์ถามมารีไป

    “ไม่ต้องรู้หรอก งานแบบฉันไม่ควรให้ใครรู้ที่อยู่” มารีตอบ

    “แล้วนี่ เจ้าจะเอาเยี่ยงไรต่อหล่ะ เคนนี่??” ไปจื่อถามเคนนี่ไป

    “สงสัยงานนี้คงต้องไปคุยกับดอรี่” เคนนี่พูดขึ้น

    “ดอรี่นี่ใคร ปลาเหรอ??” โรเบิร์ตถามไป

    “ยัยนี่เปิดร้านของชำ ดูเหมือนว่าจะเป็นที่ฟอกเงินของไอ้จ่าเอ็มเมอร์ด้วย” เคนนี่ตอบ

    “โห ซับซ้อนยิ่งขึ้นอีกนะครับเนี่ย” วอลพูดขึ้น

    “ยัยนี่น่าจะเป็นกุญแจส่งเราไปหาไอ้เซนทอร์ก็ได้” เคนนี่พูดขึ้น

    “เออ พวกนายนี่ก็สนุกดีเหมือนกันนะเนี่ย” มารีพูดขึ้น

    “ผมว่า ผมน่าจะช่วยให้คุณคลายเครียดได้นะ” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น ทำเอามารีถึงกับหันขวับไปหาเขา

    “อ่า ผมหมายถึง ผมช่วยปรับทุกข์ได้หน่ะ ผมเป็นจิตแพทย์ คุณท่าทางจะเจอเรื่องทุกข์ใจมาเยอะ” ซิลเวสเตอร์รีบพูดแก้

    “เออ ถ้าเจอกันอีกก็นะ” มารีพูดขึ้น

    “แล้วนี่ เราต้องไปอีกไกลหรือเปล่า??” เคนนี่ถามมารีไป 

    “ไม่ต้องห่วง ไม่ไกลหรอก” มารีตอบ ก่อนที่ไม่นานนัก พวกเขาจะเดินทางมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงทางออกถนนใหญ่

    “ห่ะ ทางนี้เหรอ??” เคนนี่ถามไป

    “ใช่ เราแยกกันตรงนี้ ฉันมีรถจอดอยู่ แยกกันตรงนี้แหละ” มารีพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ซิลเวสเตอร์ก็ยื่นนามบัตรอะไรบางอย่างให้กับมารี มารีแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินออกไป และยังถือบัตรของซิลเวสเตอร์ไว้

    “ศรรักมันปักอกก็ครานี้..” ไปจื่อพูดขึ้นและพัดให้กับซิลเวสเตอร์

    “ฉันเห็นจิตใต้สำนึกเธอ เธอเจออะไรมาหนัก แค่อยากช่วยหน่ะ” ซิลเวสเตอร์ตอบ

    “ช่างเถอะ แล้วนี่เราจะไปยังไงต่อหล่ะ??” คามิลล่าถามไป

    “ไปจื่อ มนุษย์กระดาษของนายยังใช้ได้หรือเปล่าหล่ะ??” เวโรนิก้าถาม ไปจื่อเองก็รีบจัดการให้ตามที่เวโรนิก้าบอก

    “แล้วเราคงต้องรอรถสินะครับ” วอลพูดขึ้น

    “นั่นดิ แต่ไม่เป็นไร ขอให้ได้ไปจากที่นี่ก็พอ” โรเบิร์ตพูดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้พวกเขาจะรอรถอยู่นานหน่อย

    “นานโขอยู่นะ” ไปจื่อพูดขึ้น

    “ก็คราวนี้เราจอดรถไกลกว่าคราวก่อน ไหนจะพวกตำรวจตั้งด่านอีก ถ้ามนุษย์กระดาษของนายรู้งานก็คงมาถึง” เวโรนิก้าบอกไป

    “เออนี่ ซิลเวสเตอร์ นายว่ายัยนั่นจะไม่กลับมาสร้างปัญหาให้เราแน่นะ??” คามิลล่าถามไป

    “แน่นอน ฉันอ่านจิตใต้สำนึกของเธอได้” ซิลเวสเตอร์ตอบ 

    “เอาเถอะ ถ้ายัยนั่นหักหลังเรา ต่อให้เป็นแฟนนาย ฉันก็ยิงนะ” โรเบิร์ตพูดขึ้น

    “ใจเย็นสิครับ อย่าให้มันถึงขั้นนั้นเลย” วอลพูดปราม

    “ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นเลยครับ” เคนนี่บอกกับทุกคน ก่อนที่ไม่นานนัก รถของเวโรนิก้าจะขับมาจอดที่หน้าซอยที่พวกเขาอยู่ ก่อนที่พวกเขาจะพากันขึ้นรถในทันที เวโรนิก้ารีบไปขับรถ จากนั้นก็รีบขับออกไปในทันที

    “โอเค เรารอดซะที” เวโรนิก้าพูดขึ้น

    “โอเค หวังว่าไอ้ผู้กองโทเค็นมันคงจะตายห่า มันเห็นหน้าพวกเราไปแล้ว” เคนนี่พูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ดาวกระจายฉันอาบยาพิษไว้แล้ว” คามิลล่าตอบ

    “แล้วนี่ เราคงต้องไปสืบเรื่องจากคนที่ชื่อดอรี่ต่อหน่ะสิ” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น

    “ข้าว่า นางคงมิยอมพูดอันใดง่ายๆเป็นแน่” ไปจื่อพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธี” เคนนี่บอกกับทุกคนไป

     

    กลับมายังฐานบัญชาการของหน่วยผ้าคลุมขาว หลังจากที่หน่วยของเอริน หัวหน้าทีมเยเกอร์หน่วยหนึ่งได้จัดการกับสำนักงานของโครวี่ได้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็กลับมารายงานสถานการณ์กับเอ็นวา หัวหน้าสูงสุดของหน่วยผ้าคลุมขาว

    “ท่านเอ็นวา พวกเราจัดการทุกอย่างแล้วครับ”

    “ดีมากเอริน ขอบใจเธอด้วยเหมือนกัน จีโอ” เอ็นวาหันไปคุยกับจีโอ

    “ค่ะ ท่านคะ เราเจอเอกสารนี่ด้วย ฉันไม่ได้ทำลาย เพราะคิดว่ามันน่าจะสำคัญค่ะ” จีโอพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะยื่นซองเอกสารซองหนึ่งให้กับเอ็นวา เอ็นวารีบหยิบเอกสารออกมาดูในทันที

    “เป็นยังไงบ้างคะ??” เลขาของเอ็นวาถามขึ้น

    “ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกไอ้โครวี่กำลังจะเตรียมผูกขาดตลาดการค้าทองแดงหน่ะ” เอ็นวาตอบไป

    “ถ้ามันกำหนดราคาได้ ไม่อยากจะคิดเลย” เอ้นวาพูดต่อ

    “จะว่าไป ช่วงนี้ราคาทองแดงพุ่งสูงขึ้นมากเลยค่ะ สูงกว่าทองอีก” จีโอพูดขึ้น

    “แล้วเธอเห็นว่ายังไงหล่ะ??” เอ็นวาถามจีโอไป

    “ดิฉันว่าทางรัฐบาลทั่วโลกคงต้องการเร่งกวาดล้างกลุ่มผู้ใช้เวทย์ เลยเร่งซื้อทองแดงมามากขึ้นเพื่อทำอาวุธแน่นอนค่ะ” จีโอตอบไป

    “ผมเห็นด้วยครับ” คนของกลุ่มผ้าคลุมขาวอีกคนพูดเสริม

    “แล้วนี่ สำนักงานของไอ้โครวี่ที่มันไปทำลาย มันสำคัญอะไรหรือเปล่า??” เอ็นวาถามไป

    “ถ้าถามฉัน ฉันว่าสำคัญค่ะ เพราะนั่นมีเอกสารสำคัญเก็บอยู่พอสมควรค่ะ” จีโอตอบ

    ‘แต่แค่นี้หยุดมันไม่ได้หรอก คงต้องรีบจัดการมากกว่านี้ สายของเรายังรายงานมาอีกว่า เจอปีศาจที่อยู่กับมันด้วย พวกเธอรู้จักยูจีนหรือเปล่า??” เอ็นวาถามไป

    “ยูจีน เกรย์ ปีศาจที่เรากำลังตามล่าตัว ได้ข่าวมาว่ามันผันตัวเองไปเป็นพ่อค้าของเถื่อน” จีโอบอกไป

    “ผมผิดเองที่จับมันไม่ได้ในตอนนั้นครับ” เอรินพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ถึงยังไงเราต้องจับมันได้แน่ๆ ตอนนี้ไอ้โครวี่มันคงจะแทบคลั่ง พวกมันคงต้องหาทางเอาคืนพวกเราแน่ ส่งข่าวไปบอกพวกเรา บอกว่าช่วงนี้ให้ระวังตัวกันด้วย เราจะหลอกล่อให้กองกำลังของพวกมันออกมา แล้วจัดการพวกมันไปเรื่อยๆ จนมันกลายเป็นหมาหัวเน่า” เอ็นวาบอกกับทุกคนไป

     

    กลับมายังที่มั่นของกองกำลังโกเทย์ หลังจากที่พวกเขาได้นัดพบกับกลุ่มสภาจอมเวทย์เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็กลับมาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานของพวกเขา แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ทำอะไร คนของอาคุมะคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามารายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    “นายครับ แย่แล้วครับ!!”

    “เกิดอะไรขึ้นอีกหล่ะ??” อาคุมะถามกลับไป

    “หน่วยย่อยของเราโดนโจมตีครับ”

    “เฮ้ย อะไรกัน ฝีมือใครวะ??” โซเร็นถามไป

    “พวกโยวไคครับ” 

    “โยวไค ไอ้มิไรงั้นเหรอ??” เรียวเฮถามไป

    “พวกมันรู้ได้ยังไง แล้วพวกแกแพ้กันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ??” วาจจิน่าถามไป

    “พวกเราพยายามต้านพวกมันแล้ว แต่พลังเวทย์ของพวกมันเข้มแข็งมากครับ” ลูกน้องของอาคุมะตอบ

    “นับวันพวกแม่งยิ่งแกร่งขึ้น” วาซิริสต์พูดขึ้น

    “ไอ้ระยำพวกนั้น ปล่อยไว้ไม่ได้แล้วหล่ะ” หู่ลงพูดขึ้น

    “แต่ว่า ตอนนี้เราต้องตามล่าไอ้พวกเทพปีศาจนั่นนี่” เลโอนาร์ดพูดขึ้น

    “ฉันว่านะ เราไปจัดการไอ้มิไรก่อนเถอะ” โซเร็นพูดขึ้น

    “นั่นสิ มันหยามเราแบบนี้ เราปล่อยไว้ไม่ได้นะ” วาจจิน่าพูดเสริม

    “ฉันรู้ แต่ทางสภาเวทย์มนต์ตอนนี้..” อาคุมะพยายามจะพูด

    “ก็ช่างหัวมันไปเถอะ พวกสภาจอมเวทย์จะเอายังไงกันแน่ เราเองก็แค่ต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ” เรียวเฮพูดขึ้น

    “ฉันคงหยุดพวกพวกนายไม่ได้แล้วหล่ะ” อาคุมะบอกไป

    “แต่ว่า เราจะไปล่าตัวมันได้ที่ไหนหล่ะ??” วาซิริสต์ถามอย่างสงสัย

    “ได้ยินว่ามันอยู่ทางใต้ แต่มันก็ใช่ว่าจะไปกันได้ง่ายๆ” หู่ลงพูดขึ้น

    “ก็นั่นหล่ะ ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าพวกมันมีกำลังแค่ไหน” เลโอนาร์ดพูดเสริม

    “ตอนกับไอ้โครวี่ก็ยังไม่ได้ลุยกับมัน ตอนนี้ยังจะพวกโยวไคอีก ดูเหมือนว่าพวกเราจะมีศัตรูเพิ่มมากขึ้นแล้วนะเนี่ย” อาคุมะพูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่า พวกผู้ใช้เวทย์จะมีเพิ่มมากขึ้น เราคงกวาดล้างไม่หมดหรอก” เรียวเฮตอบ

    “ทางสภาจอมเวทย์เองก็ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการเจรจากับรัฐบาลเลย แต่ฉันว่า รัฐบาลยังไงก็จัดการเราอยู่ดีนั่นหล่ะ” วาซิริสต์พูดขึ้น

    “เห็นด้วย แต่เราก็ไม่มีทางเลือกนี่นะ”้ หู่ลงพูดต่อ

    “ก็ลุยกับพวกรัฐบาลด้วยสิ” วาจจิน่าพูดขึ้น

    “ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก พวกรัฐบาลเองก็คงไม่อยากเปลืองตัวเหมือนกัน พวกนั้นคงหลอกให้พวกเราจัดการก่อน แล้วพวกมันค่อยซ้ำ” เลโอนาร์ดพูดปราม

    “บ้าเอ้ย จะเลือกทางไหนก็โดนทั้งขึ้นทั้งล่องเลย” โซเร็นพูดขึ้นด้วยความโมโห

    “ไม่ต้องห่วงหรอก เราจะหาทางจัดการเรื่องนี้เอง” อาคุมะตอบ

    “ตอนนี้เราคงต้องสืบหาที่อยู่ของไอ้มิไรให้เจอก่อน” เรียวเฮพูดขึ้น

    “เฮ้ย พวกแกรีบไปแกะรอยพวกมัน เราจะบุกไปตามล่าพวกมันเลย” อาคุมะบอกกับลูกน้องของเขา ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะรีบเดินออกไป

    “เราต้องรู้ว่าพลังของมันคืออะไร” เรียวเฮพูดขึ้น

    “ไปสู้กับมันเดี๋ยวก็รู้เอง” อาคุมะตอบ

     

    ณ คลับแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคลับลับ รู้เฉพาะคนที่เป็น VIP เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็กำลังวุ่นวาย เนื่องจากว่ากลุ่มของโยมินั้นได้บุกเข้าไปเพื่อตามล่าตัวหัวหน้าแก๊ง Izzy 

    “ฉับ!!”

    โยมิใช้ดาบของเธอฟันร่างของมนุษย์หมาป่าตัวหนึ่งที่พุ่งกระโจนใส่เธอ จนร่างของมันแยกออกเป็นสอง 

    “ตามหาตัวมันให้ได้!!” โยมิตะโกนออกมา และการปะทะก็เป็นไปอย่างดุเดือด ท่ามกลางกองกำลัง Magic Hunt และกองกำลังมนุษย์หมาป่าที่บุกเข้าโจมตีพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง

    “ปังๆๆๆๆ!!”

    “ไวชิบหายไอ้พวกนี้!!” เอเตียนพูดในขณะที่ใช้ลูกโม่ยิงใส่พวกมันที่กำลังวิ่งโฉบไปมา

    “พูพีๆ” อันจิพูดขึ้น ในขณะที่มันตัวหนึ่งก็กระโจนเข้ามาที่ด้านหลังของอันจิ อันจิใช้ดาบของเขาฟันเข้าไปที่ร่างของมันจนขาดกระเด็น

    “ตอนนี้เราจะไปหาตัวยังไงหล่ะคะ??” ไอจังถาม ในขณะที่เธอกำลังถือเคียวโซ่ของเธอ ในตอนนั้นมันตัวหนึ่งจะพุ่งเข้าใส่เอเตียน แต่เธอก็เหวี่ยงโซ่ของเธอไปจับขามันไว้

    “นี่แหนะ!!” ไอจังพยายามจะยื้อมัน เอเตียนที่รู้ตัวแล้วก็ยิงใส่มันในทันที

    “ปังๆๆๆๆ!!”

    “พวกนายจัดการไปก่อน!!” โยมิตะโกนออกมา ก่อนที่ตัวของเธอจะรีบวิ่งไปด้านในคลับ ในขณะที่พวกมันก็พยายามไล่ตามโยมิไปด้วย

    “ระยำเอ้ย!!” โยมิตะโกนออกมา ในขณะที่เธอได้เจอมันตัวหนึ่งกระโจนมาที่ด้านหลัง เธอถีบมันออกไป ก่อนที่จะใช้ดาบไล่ฟันมัน

    “ฉับ!!” และในตอนนั้น จู่ๆ ชายคนหนึ่งก็ออกมาจากห้อง และตกใจมากที่ได้เห็นโยมิ

    “ตายห่าซะ!!”

    “พรึ่บ!!”

    ชายคนนั้นเสกพลังอะไรบางอย่างออกมาจะยิงใส่โยมิ แต่โยมิรู้ก่อนเลยปาสายฟ้าออกจากมือและโดนตัวของมัน

    “จึก!!”

    “อ๊าค!!” ชายคนนั้นตะโกนออกมาและล้มลง เขาพยายามจะรวบรวมพลังอีกครั้ง แต่คราวนี้เหมือนว่าจะใช้ไม่ได้

    “บ้าเอ้ย มาสิวะ!!” ชายคนนั้นตะโกนออกมา แต่ไม่นานนัก มิไรก็เดินเข้ามาและเอาดาบเล็งที่คอของชายคนนั้น

    “ไง แกทำอะไรไม่ได้หรอก ฉันลบล้างพลังแกแล้ว” มิไรพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เธอจะลากตัวมันขึ้นมา จากนั้นก็เอามันออกไปที่ด้านนอก และเหวี่ยงตัวมันออกไป

    “ตุ๊บ!!”

    “โอ๊ย เจ็บนะเว้ย!!” มันตะโกนออกมา และเอเตียนที่เห็นก็เดินเข้าไปหามัน จากนั้นก็ต่อยเข้าที่หน้ามันไปหนึ่งที

    “มานี่เลยไอ้ระยำ” เอเตียนพูดขึ้น แต่ไอจังเองมาห้ามเอาไว้ก่อน

    “ใจเย็นค่ะ เราต้องจับมันก่อนค่ะ” ไอจังพูดขึ้น

    “ฟูฟีๆ” อันจิพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะปักดาบลงที่ร่างของมนุษย์หมาป่าตัวหนึ่งที่กำลังนอนดิ้นอยู่บนพื้น

    “เดี๋ยวๆๆๆ ใจเย็น อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันยอมบอกทุกอย่าง!!” ชายคนนั้นพูดอย่างลนลาน

    “แน่หล่ะ ไม่งั้นกูจะง้างปากมึงเอง” เอเตียนพูดขึ้น

    “แล้วนี่จะเอาไงกับมันดีครับ??” อันจิถามไป

    “ลากมันกลับไป ฉันอยากรู้เหมือนกันว่ามันรู้อะไรบ้าง” โยมิพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เอเตียนจะกระชากคอเสื้อของมันขึ้นมาในทันที

    “มึงเละแน่ไอ้ระยำ” โยมิพูดกับมันไป

     

    กลับมายังคาสิโนของแองเจลโล่ วันนี้ตัวของแองเจลโล่ก็นั่งทำงานไปตามปกติ โดยที่เวเรนน่าเองก็มาช่วยเขาทำงานด้วย เนื่องจากเวเรนน่าเองก็เป็นหุ้นส่วนในคาสิโนด้วย

    “เฮ้ เวเรนน่า ที่ร้านปืนเธอเป็นยังไงบ้างอ่ะ??” แองเจลโล่ถามเธอไป

    “ไม่ต้องห่วง สบาย ลูกน้องฉันจัดการได้อยู่แล้ว” เวเรนน่าตอบ

    “อืม ดีแล้วหล่ะ” แองเจลโล่พูดต่อ และในตอนนั้นเอง เยเรน่าก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของแองเจลโล่ เพื่อมารายงานอะไรบางอย่าง

    “อ้าว เยเรน่า ว่าไงหล่ะ??” แองเจลโล่ถามไป

    “สายของเราบอกมาว่า ตอนนี้พวกไอ้ซอกฮุนมันรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะหัวเสียมากเลยค่ะ” เยเรน่าพูดขึ้น

    “ไม่แปลกใจ เราไปเล่นคนของมันเยอะหน่ะสิ” เวเรนน่าพูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่าเราคงต้องลุยกับพวกมันจริงๆแล้วหล่ะ” แองเจลโล่พูดขึ้น

    “มันอาจจะข้ามแดนมาเล่นงานพวกเราที่เวกัสก็ได้ค่ะ” เยเรน่าพูดขึ้น

    “งั้นส่งข่าวไปถึงพวกเรา บอกให้จับตาพวกที่มาจากที่อื่น เจอใครต้องสงสัย จับมันได้เลย เดี๋ยวฉันจะโทรคุยกับผู้กำกับซิลเวอร์ด้วย” แองเจลโล่พูดขึ้น

    “อ้อ หมอนั่นคงกำลังเมาหัวราน้ำที่ไหนซักแห่งหล่ะ” เวเรนน่าพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก แองเจลโล่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วโทรหาใครบางคน

    “ตู๊ด!!”

    “ฮัลโหล??”

    “หวัดดีครับผู้กำกับ เมาอยู่ที่ไหนครับเนี่ย??” แองเจลโล่ถามไป

    “ก็ ฉลองนิดหน่อยคร้าบ คุณแองเจลโล่มีอะไรหล่ะ??”

    “ผมอยากจะนัดคุยกับท่านผู้กำกับหน่อย ช่วงนี้มีพวกข้างนอกมันมาป่วนเวกัสหน่ะครับ”

    “ได้ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไป” 

    “ครับ เจอกันครับ” แองเจลโล่พูดจบก็วางสายในทันที

    “เดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องห้องให้นะคะ” เยเนร่าพูดขึ้น

    “อืม เตรียมคนของเราให้พร้อม ส่งข่าวไปหาพวกเราทุกคนในเวกัสด้วยหล่ะ” แองเจลโล่พูดต่อ

    “ถ้ามันมาที่ร้านฉัน ฉันจะเอามันมาเป็นเป้าซ้อมซะ” เวเรนน่าพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง เราได้ทำแน่ ว่าแต่ รู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันอีกหรือเปล่า??” แองเจลโล่ถามอย่างสงสัย

    “คงต้องไปสืบในเขตของมันหล่ะค่ะ” เยเรน่าตอบไป

    “ฉันจะลองถามเพื่อนฉันดูแล้วกัน” เวเรนน่าพูดขึ้น

    “อืม ขอบใจนะ” แองเจลโล่บอกกับเธอ ก่อนที่ไม่นานนัก โทรศัพท์สายหนึ่งจะโทรเข้ามาหาแองเจลโล่ เขาก็รับสายในทันที

    “ว่าไง??”

    “จริงเหรอ??”

    “อืม บอกพวกเราไปจัดการก่อนแล้วกัน” แองเจลโล่พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะวางสาย

    “มีอะไรเหรอคะ??” เวเรนน่าถามขึ้น

    “ดูเหมือนว่าพวกมันจะเริ่มแล้ว โกดังแถวชานเมืองโดนถล่มหน่ะ แต่ยังดีที่เสียหายไม่มาก” แองเจลโล่ตอบ

    “ดูเหมือนมันจะลงมือเร็วกว่าที่คิดนะคะ” เยเรน่าพูดขึ้น

    “นั่นสิ เสียดายที่จับใครไม่ได้เลย” แองเจลโล่พูดขึ้น

    “แปลว่า มันอาจจะต้องมีคนในช่วยก็ได้นะ” เวเรนน่าออกความเห็น

    “เป็นไปได้ คงต้องไปสืบดูแล้วหล่ะ” แองเจลโลพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เขาจะเดินกลับไปที่โต๊ะเอกสาร ก่อนที่จะเซ็นเอกสารทั้งหมดในรวดเดียว

    “คุณเลขา ผมฝากด้วยนะ” แองเจลโล่บอกกับเลขาที่อยู่ในห้อง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้น และเดินออกไปด้านนอก เยเรน่ากับเวเรนน่าเองก็เดินตามไปด้วย

    “จะไปไหนเหรอคะ??” เยเรน่าถามไป

    “จะไปตรวจคาสิโนหน่อย ว่าช่วงนี้มีหมาที่ไหนมาป่วนอีกหรือเปล่า” แองเจลโล่ตอบ

    “ช่วงนี้มันคงไม่มาเล่นงานที่คาสิโนหรอก พวกมันคงจะเล่นกิจการรอบนอกของเราก่อน แล้วค่อยจัดการคาสิโนทีหลัง” เวเรนน่าพูดขึ้น

    “ก็เข้าใจ แต่ฉันอยากเมคชัวร์หน่ะ” แองเจลโล่บอก ก่อนที่ไม่นานนัก เขาก็เดินมาถึงคาสิโนจนได้ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้สถานการณ์ยังปกติอยู่ ผู้คนก็เล่นการพนันไปตามปกติ ส่วนเจ้าหน้าที่ก็คอยดูแลความสงบไป

    “นั่นไงคะ ยังปกติอยู่ค่ะ” เยเรน่าพูดขึ้น

    “ฉันไม่อยากประมาทพวกมันหน่ะ เอาเป็นว่าช่วงนี้ก็ระวังตัวกันหน่อยแล้วกัน ฉันไม่รู้ว่าไอ้ระยำนั่นมันจะทำอะไรต่อ” แองเจลโล่พูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก นายก็อย่าโหมมากแล้วกันช่วงนี้” เวเรนน่าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นฉันขอตัวไปหาข่าวนะคะ” เยเรน่าพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะเดินออกไป

    “เฮ้อ ช่างเถอะ ไปหาไรดื่มดีกว่า” แองเจลโล่พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในบาร์

     

    ณ คลับแห่งหนึ่งในเทกซัส ซึ่งตอนนี้กลุ่มของดีค่อนกำลังจะทำการบุกโจมตีคลับนี้ ดีค่อนแบ่งกำลังของออกเป็นสองส่วน เพื่อกระหนาบข้างและเข้าโจมตีคลับทั้งสองด้าน ดีค่อนนำกำลังเข้าไปทางด้านหลังของคลับ จากนั้นก็เริ่มเปิดฉากยิงคนในคลับในทันที

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    ดีค่อนและพรรคพวกเดินเข้าไปและกราดยิงทุกคนที่อยู่ในคลับอย่างใจเย็น ด้านในตอนนี้เกิดความวุ่นวายอย่างหนัก การสังหารหมู่ในคลับเป็นไปอย่างดุเดือด คนในคลับบางส่วนก็รีบหนีออกทางด้านหน้า แต่ดูเหมือนว่าคนของดีค่อนที่อยู่ด้านหน้าก็ระดมยิงใส่พวกที่วิ่งหนีออกมาบ้าง

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    การสังหารหมู่เป็นไปอย่างชุลมุน คนนอนตายกันเกลื่อนคลับ ดีค่อนเดินเข้าไปในคลับและยังคงไล่ตามพวกที่หนีเรื่อยๆ 

    “อั๊ค!!”

    ชายคนหนึ่งพยายามจะคลานหนีออกจากคลับด้วยอาการเจ็บหนักเนื่องจากโดนยิง แต่ดีค่อนก็ไม่ปรานี โดยการยิงซ้ำเข้าไปจนตายสนิท

    “ปัง!!”

    “เอาน่า ตายที่นี่กับตายโรงพยาบาล ก็มีค่าพอกัน” ดีค่อนพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว

    “ลูกพี่ แล้วเราจะไม่ใช่เชื้อโรคของเราเหรอ??”

    “ฉันไม่อยากให้พวกมันทรมานหน่ะ อีกอย่างงานนี้ลูกค้าเพิ่งจะรีเควสมา” ดีค่อนพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ลูกน้องของเขาอีกคนก็รีบวิ่งเข้ามาหาดีค่อนในทันที

    “ลูกพี่ ตำรวจมาแล้วพี่!!”

    “งั้นรีบไปกันเลย บอกพวกเราที่อยู่ประตูหน้าด้วย” ดีค่อนพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะพากันหนีออกจากคลับอย่างรวดเร็ว ดีค่อนพาพวกกลับไปที่รถตู้ที่พวกเขาจอดเอาไว้ โดยที่ดีค่อนก็ไปขึ้นรถยนต์อีกคันหนึ่ง

    “ตำรวจจะมาในอีก 10 นาทีครับ” ลูกน้องของดีค่อนที่เปิดวิทยุตำรวจฟังก็พูดขึ้น

    “โอเค งั้นรีบไปเร็ว” ดีค่อนบอกกับลูกน้องของเขา

     

    กลับมายังบ้านของมิไร ในตอนนี้กองกำลังของเขาก็ยังคงฝึกฝนฝีมือเพื่อรับมือกับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น มิไรเองก็ฝึกดาบของเขาไปตามปกติ แต่ในระหว่างการฝึก ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว

    “ขออนุญาตครับ”

    “มีอะไรหล่ะ??” มิไรถามไป

    “ตอนนี้พวกโกเทย์มันรู้แล้วครับว่าพวกเราโจมตีคนของมันครับ”

    “แล้วยังไงหล่ะ ก็ให้มันรู้ไปสิ” มิไรพูดตอบ

    “พวกมันอาจจะพุ่งมาหาเราก็ได้ครับ”

    “ไม่หรอก ฉันรู้จักไอ้อาคุมะดี ถ้ามันไม่แน่ใจ มันไม่มาหรอก” มิไรตอบ

    “ครับ แล้วนี่ท่านจะเอายังไงต่อครับ??”

    “จับตาดูพวกมันไว้ ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าพวกมันจะทำอะไร” มิไรพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เขาจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาเลยเสกหอกเล่มหนึ่งออกมา ก่อนที่เขาจะปามันขึ้นไปใส่นกตัวหนึ่งที่อยู่บนท้องฟ้า

    “ตุ๊บ!!” นกตัวนั้นร่วงลงมาจากฟ้าอย่างรวดเร็ว มิไรที่เห็นนกตัวนั้นก็รู้ในทันทีว่ามันคือนกเวทย์มนต์ที่ใช้ในการสอดแนมพื้นที่

    “ไอ้ระยำ มึงลองของกูเหรอ??” มิไรพูดขึ้น

     

    กลับมายังคลับของซอกฮุน หลังจากที่กลุ่มของซอกฮุนเองได้เริ่มการประกาศสงครามกับแองเจลโล่และเครือข่ายของเขา กลุ่มของเขาก็เดินหน้าทำการโจมตีเขตของแองเจลโล่ ในขณะที่ซอกฮุนกำลังนั่งเสพยาอยู่ในห้อง ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องซอกฮุน แล้วก็รายงานสถานการณ์กับเขา

    “ลูกพี่ครับ”

    “เออ ว่าไงหล่ะมึง??” ซอกฮุนถามในขณะที่กำลังเมาอย่างสุดขีด

    “ตอนนี้เราจัดการโกดังชานเมืองเวกัส ที่เป็นกิจการของมันแล้ว แต่พวกมันมาเจอก่อน เลยทำอะไรไม่ได้เท่าไหร่ครับ”

    “แล้วพวกมันรู้หือเปล่าว่าฝีมือเรา??” ซอกฮุนถามไป

    “น่าจะไม่รู้ครับ แต่ถึงยังไง พวกมันก็คิดว่าเป็นฝีมือเราแน่นอน เพราะเราประกาศสงครามกับพวกมันเต็มตัวครับ” ลูกน้องของซอกฮุนตอบ

    “เออ เอาเถอะ ตอนนี้เราต้องลุยกับต่อ” ซอกฮุนพูดต่อ

    “แต่ว่า ถ้าเราไปกวนมันมาก มันอาจจะเล่นแรงกับเราก็ได้นะครับ” 

    “เฮ้ย มึงอย่าปอดดิ!!” ซอกฮุนตะโกนออกมา ก่อนที่ในตอนนั้น เลขาของเขาจะเดินเข้ามาในห้อง ตอนที่เขากำลังเมายาอยู่อย่างได้ที่

    “คุณซอกฮุนคะ คุณอัลเบิร์ตมาถึงแล้วค่ะ”

    “เออ บอกให้หมอนั่นรอก่อน” ซอกฮุนตอบไป

    “เออ นายครับ คุณอัลเบิร์ตมาขนาดนี้ น่าจะไปต้อนรับเขาหน่อยนะครับ” ลูกน้องของซอกฮุนพูดขึ้น

    “เอาน่า หาหญิงให้เขาหน่อยดิ พาไปเลี้ยงเหล้า เหมือนเดิมนั่นหล่ะ” ซอกฮุนตอบ ก่อนที่เลขาของเขาจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

    “เออ คุณอัลเบิร์ตจะไม่ว่าเอาเหรอครับ??” ลูกน้องของเขาถามต่อ

    “เอาน่า ฉันรู้หมอนั่นต้องการอะไร ไม่ต้องห่วง ไหนหล่ะ ของใหม่ที่แกอยากให้ฉันลิ้มลองหน่ะ??” ซอกฮุนถามไป

    “ตอนนี้กำลังจับขัดสีฉวีวรรณอยู่ครับ รับรองว่าไม่เคยต้องมือใครแน่นอนครับ”

    “เออ ถ้ามึงเอาของย้อมแมวมาให้กูนะ!!” ซอกฮุนพูดขึ้น

    “โธ่พี่ เชื่อมือผมเถอะ” ลูกน้องของเขาตอบ

     

    กลับมายังอพาร์ทเมนท์เดิมที่เฟทเคยแอบมาพัก ในตอนนี้พนักงานโรงแรมก็ยังคงอยู่ในห้อง หลังจากที่โดนเฟทบอกให้เธอเข้าไปซ่อนตัวก่อน แต่ตัวของเธอก็รออยู่ในห้องนานแล้ว เธอก้ตัดสินใจว่าจะลองเปิดออกไป แต่ไม่นานนัก เธอก็เห็นเฟทกำลังอยู่ที่หน้าห้อง และเหมือนกำลังจะเปิดประตูเข้ามา 

    “คุณ ปลอดภัยนะ??” พนักงานสาวคนนั้นรีบเดินเข้าไปหาเฟท

    “ผมไม่เป็นไร ผมจัดการทุกอย่างแล้วหล่ะ” เฟทตอบ

    “เออ ถ้างั้นฉันไปดูอพาร์ทเม้นท์ก่อนนะคะ” พนักงานพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งออกไปจากห้อง ส่วนตัวของเฟทเองก็ยังยืนอยู่ในห้องซักพัก ก่อนที่เขาจะกลับไปนั่งที่โซฟาของห้อง

    “โอเค กลับมาหล่ะ” เฟทพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะลุกขึ้น และเปิดประตูไปรับพนักงานคนนั้น

    “โอเคแล้วนะครับ??” เฟทถามพนักงานคนนั้น

    “โอเคแล้วค่ะ ไม่มีอะไรเสียหาย ฉันเคลียร์ให้แล้วค่ะ” พนักงานตอบไป

    “ขอโทษด้วยนะครับที่ให้คุณมาเสี่ยง” เฟทพูดกับเธอ

    “อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ซีเรียสอยู่แล้ว ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ฉันชื่อลอร่า แล้วคุณหล่ะ??” พนักงานถามเขาไป

    “เรียกผมว่าเฟทครับ” เฟทตอบกลับไป

    “เฟท อ้อ โชคชะตา ดูเหมือนว่าเราจะมีชะตาตรงกันนะคะเนี่ย” ลอร่าพูดขึ้น

     

    ณ เขตของกองกำลังเทพปีศาจ ซึ่งตอนนี้กองกำลังผสมระหว่างกองกำลัง Magic Hunt และกองกำลังผ้าคลุมขาว พวกเขาลาดตระเวนพื้นที่ของกลุ่มเทพปีศาจมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเดินทางมาถึงและพยายามตามหาเบาะแส แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เจออะไรเลย

    “เป็นไง เจออะไรมั้ย??” ชายชุดขาวคนหนึ่งถามชายชุดขาวอีกคนไป

    “ไม่เจอเลยครับ”

    “แม่ง น่าจัดการสายข่าว..” ชายคนนั้นยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆก็มีลูกไฟปริศนาพุ่งเข้าใส่ชายคนนั้น

    “ตู้ม!!”

    “เฮ้ย แย่แล้ว!!” ชายชุกขาวอีกคนตะโกนออกมา แต่ก็โดนสายฟ้าประหลาดพุ่งเข้าใส่ตัวจนล้มลง

    “พวกเรา รีบตั้งแนว!!” กองกำลังภาคพื้นคนหนึ่งพูดขึ้น พวกเขารีบเปิดบาเรียเพื่อป้องกันตัว แต่ไม่นานนัก กองกำลังปริศนาก็บุกออกมาจากป่า แล้วเข้าประชิดจู่โจมกองกำลังภาคพื้น

    “เฮ้!!”

    “ฆ่าพวกมันให้หมด!!” ชายชุดขาวคนหนึ่งพูดขึ้น แต่ไม่นานนัก แส้เปลวเพลิงก็พุ่งเข้ามาและมัดขอชายคนนั้น ก่อนที่ผู้ใช้แส้ซึ่งก็คือมอลอซจะลากมาและเผาร่างของชายคนนั้น

    “พวกเรา ฆ่าให้หมด!!” มอลอซตะโกนออกมา

    “พวกนั้น นั่นมอลอซ ฆ่ามัน!!” ชายชุดขาวคนหนึ่งพูดขึ้น แต่จู่ๆ พวกเขาก็ขยับขาไม่ได้เลย เนื่องจากว่ามีน้ำแข็งประหลาดเกาะที่ขาของพวกเขา

    “เฮ้ย อะไรกันวะ??” พวกนั้นตกใจมาก ก่อนที่ไม่นานนัก แท่งน้ำแข็งก็พุ่งผ่านอาหาศและปักเข้าที่ร่างของพวกนั้น

    “ฮ่าๆๆๆ ระวังหลังหน่อยสิโว้ย!!” เสียงของยิเมียร์ตะโกนออกมา พวกมันกลุ่มหนึ่งพยายามยิงพลังเวทย์มนต์ใส่เขา แจ่ยิเมียร์ก็ใช้กำแพงน้ำแข็งกันเอาไว้

    “ซู้ม!!”

    “เฮ้ย อะไรวะ??” พวกมันตะโกนออกมาอย่างตกใจ เมื่อได้เห็นพายุปริศนาหมุนใส่พวกเขา ทำเอาพวกเขาถึงกับพุ่งขึ้นไปบนอากาศ

    “ตายซะพวกแก!!” เสียงของบาร์บาทอสตะโกนออกมา ก่อนที่เธอจะบังคับพายุนั้นให้พัดไปไกลมากขึ้น 

    “แย่แล้ว พวกเราถอย!!” ชายชุดขาวคนหนึ่งตะโกนออกมา แต่จู่ๆ ขาของเขาก็เกิดขยับไม่ได้ เมื่อเขามองขาตัวเอง ก็พบว่าพื้นดินตอนนี้ได้ดูขาเขาไปแล้ว รวมถึงค่อยๆมีเถาวัลย์ปริศนามาคอยบีบรัดตัวเขาไว้

    “โอ้ย ปล่อยนะเว้ย!!”

    “พวกแกไม่มีทางหลุดจากมันไปได้หรอก” เสียงของอาร์เทมิสพูดขึ้น ในตอนนี้กองกำลังผสมก็เริ่มถูกตีแตก พวกเขาเริ่มจะหนีกันแล้ว แต่ไม่นานนัก ไรจินก็ปล่อยพลังสายฟ้าอะไรบางอย่างขึ้นไปบนฟ้า ก่อนที่สายฟ้าพวกนั้นจะกลับลงมาและผ่าลงใส่พวกที่กำลังจะหนี

    “เปรี้ยง!!”

    “ไม่มีใครหนีจากสายฟ้าข้าได้” ไรจินพูดขึ้น และไม่นานนัก กองกำลังผสมของเหล่า Magic Hunt และกองกำลังผ้าคลุมขาวก็ตายกันไปมากมาย บางส่วนก็รีบหนีออกจากพื้นที่

    “เฮ้อ หนีกันไปให้หมดเลยไอ้พวกระยำเอ้ย!!” บาร์บาทอสตะโกนออกมา 

    “แล้วนี่ จะเอายังไงกับไอ้พวกที่เหลือต่อหล่ะ??” อาร์เทมิสถาม ในขณะที่เธอก็จับเชลยบางส่วนที่พยายามจะหลบหนี

    “ฆ่าพวกมันให้หมดเลยสิ!!” ยิเมียร์ตะโกนออกมา

    “เดี๋ยว ส่งพวกนั้นกลับไป ตีตราพวกนั้นเอาไว้ด้วย” มอลอซพูดปรามขึ้นมาก่อน

    “ว่าไงว่าตามกันเลย” ไรจินพูดต่อ

     

    ในป่าแห่งเดิม หลังจากที่ซาดินได้จัดการกับมังกร รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่ตามไล่ล่าเขา ตัวของเขาเอาเนื้อมังกรมาย่างไฟแล้วกินมันในป่านั้น 

    “อร่อยจริงแหะ” ซาดินพูดขึ้นและกินมันอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าอาหารมื้อนั้นเป็นเป็นอาหารมื้อพิเศษสำหรับเขา แต่ในระหว่างที่เขากำลังกิน จู่ๆก็มีเสียงปริศนาได้ดังขึ้นในหัวของเขา

    “ดูท่าจะอร่อยนะ” 

    “แน่นอน มังกรทานาทอส ไม่ได้จะหากินได้ง่ายๆ” ซาดินตอบเสียงนั้น ราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับมัน

    “เอาเถิด ข้าแค่จะมาบอกข่าวเจ้า..”

    “ข่าวอีกหล่ะ ข้าเบื่อที่จะต้อง..” ซาดินยังพูดไม่ทันจบ เสียงปริศนาก็พูดขึ้นมาก่อน

    “ข้าเชื่อว่าผู้สืบทอดเอเรมอลปรากฎตัวแล้ว” 

    “นั่นมันก็แค่นิทาน” ซาดินพูดขึ้น

    “ไม่ ข้าขอเอาเกียรติเป็นประกัน” เสียงปริศนาพูดขึ้นต่อ ทำเอาซาดินถึงกับนิ่งไป

    “เจ้าไม่ปดข้าแน่นะ??” ซาดินถามไป

    “ข้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้เหมือนกัน” 

    “แล้วเจ้าจะให้ข้าทำยังไง??” ซาดินถามอย่างสงสัย

    “เจ้าก็รู้ภารกิจที่แท้จริงของเจ้าดีนี่” 

    “ภารกิจอย่างงั้นหรือ??” ซาดินถามไป

    “ตามหาผู้สืบทอดเอเรมอล กอบกู้ดินแดนเวทย์มนต์ และโลกพวกมนุษย์ แบบที่เจ้ากำลังทำอยู่นี่ไงเล่า” เสียงปริศนานั้นพูดย้ำอีกครั้ง ก่อนที่จู่ๆ เสียงนั้นก็จะค่อยๆเบาลงทุกที

    “เอาเถอะ” ซาดินพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะวางกระดูกของมังกรที่เขาเพิ่งจะกินเนื้อเสร็จและหยิบอาวุธของเขา

    “คงต้องไปจากที่นี่แล้วหล่ะ” ซาดินพูดขึ้น แต่ก่อนที่เขาจะไป จู่ๆ ฝูงหมาป่าฝูงหนึ่งก็มาเจอกับเขาเข้า ก่อนที่มันจะเห่าใส่เขาอย่างดุเดือด

    “โฮ่งๆๆ!!”

    “เฮ้อ ยกเนื้อที่เหลือให้พวกแกแล้วกัน” ซาดินพูดจบก็วาร์ปตัวเองหนีไปในทันที

     

    กลับมายังบ้านพักของโครวี่อีกครั้ง หลังจากที่เขาทราบเรื่องการโจมตีบริษัทของเขา ตอนนี้เขาได้มอบหมายให้ทางตำรวจจัดการ ส่วนตัวของเขาก็ได้ทำการทดสอบอาวุธชนิดใหม่ ซึ่งมันจะทำกำไรให้กับเขาได้มหาศาล ตัวของเขาก็นั่งคุยกับเลขาในห้องไปด้วย 

    “ตอนนี้แร่ที่ฉันต้องการเป็นยังไงบ้างหล่ะคุณเลขา??” โครวี่ถาม ในขณะที่กำลังนั่งอ่านเอกสารไปด้วย

    “ค่ะ ทางเหมืองแจ้งว่า จะส่งล็อตแรกประมาณ 10 ตัน มาให้เราทดลองทำอาวุธก่อนค่ะ จะเป็นธาตุไฟทั้งหมด” เลขาตอบเขาไป

    “อืม ดี ถ้าเราทำกระสุนเจาะเกราะเพลิง น่าจะเวิร์ค” โครวี่พูดต่อ 

    “แล้วธาตุอื่นๆหล่ะคะ??” 

    “น่าจะใช้เป็นเกราะป้องกัน หรืออุปกรณ์ชนิดอื่นๆได้” โครวี่ตอบ ก่อนที่ไม่นานนัก ยูจีนจะวาร์ปโดยใช้ประตูเทเลพอร์ตของเขามาหาโครวี่

    “ดีครับ”

    “เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” โครวี่ถามไป

    “เราคาดว่าจะเจอที่อยู่ของหน่วยเยเกอร์ที่มาโจมตีบริษัทคุณแล้วครับ”

    “จริงเหรอ มันอยู่ที่ไหนหล่ะ??” โครวี่ถามไป

    “พวกมันแยกกันไปกบดาน 3 ที่ เราต้องเตรียมคนให้พอครับ”

    “งั้นเหรอ ที่อยู่ยืนยันหรือเปล่า??” โครวี่ถามต่อ

    “ครับ รวมถึงที่อยู่ของไอ้เอรินก็ยืนยันครับ”

    “อืม ดี ถ้าอย่างงั้นเราระดมกำลังไปจัดการไอ้เอรินมันเลยดีกว่า คราวนี้อย่าให้พลาด ถ้าเป็นไปได้ จับตัวไอ้เอรินมาเป็นๆ ถ้าเป็นไปได้นะ” โครวี่พูดขึ้น 

    “เออ ท่านคะ ดิฉันว่าเราน่าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจดีกว่านะคะ” เลขาพูดขึ้น

    “ปล่อยให้พวกตำรวจจัดการพวกปลาซิวปลาสร้อยไป พวกนั้นจัดการกับไอ้เอรินไม่ได้หรอก อีกอย่าง ฉันมีแผนจะทำอะไรกับมันหน่อย” โครวี่ตอบ

    “แต่ว่า ถ้าเราจะจัดการไอ้เอริน เราจะต้องวางแผนให้รัดกุมนะครับ” ยูจีนพูดต่อ

    “เออ แล้วนายมีแผนหรือเปล่าหล่ะ??” โครวี่ถามไป

    “มีครับ แต่เราอาจจะต้องรอเวลาหน่อย” ยูจีนตอบ

    “เออ แต่อย่านานหล่ะ ฉันขี้เกียจรอ” โครวี่ตอบ

    “แต่ว่า ถ้าเรารอนานเกินไป พวกนั้นอาจจะหลุดมือเราไปได้นะคะ แล้วอีกอย่าง เอรินเองก็มีความสำคัญในกลุ่มผ้าคลุมขาว ถ้าเราจับมันได้ งานนี้พวกมันได้ป่วนแน่” โครวี่พูดขึ้น

    “จริงครับ ถ้าอย่างงั้นผมจะไปจัดการเรื่องนี้เองครับ” ยูจีนพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะรีบเดินกลับไปยังจุดเทเลพอร์ตของเขาเพื่อออกเดินทาง

    “คุณเลขา เช็คข่าวกับทางตำรวจหน่อยสิ” โครวี่บอกกับเลขา ก่อนที่เลขาของเขาจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรเช็คกับทางตำรวจในทันที

    “ฮัลโหลค่ะ”

    “ค่ะ เข้าใจค่ะ” เลขาพูดจบก็วางสายไป

    “เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” โครวี่ถามไป

    “ทางตำรวจเจอเบาะแสของคนที่โจมตีบริษัทของเราแล้วค่ะ”

    “งั้นเหรอ ที่ไหนกันหล่ะ??” โครวี่ถามต่อ

    “อยู่ในนิวยอร์กค่ะ ตอนนี้กำลังประสานไปทางตำรวจนิวยอร์กให้ช่วยจัดการค่ะ” เลขาของเขาตอบไป

     

    กลับมายังบ้านของโสนกับมอล หลังจากที่พวกเขาทั้งคู่รอดมาจากการตามล่าได้สำเร็จ พวกเขาตอนนี้ก็อยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหน เพราะยังกังวลเรื่องความปลอดภัย

    “คุณ ช่วงนี้คุณห้ามออกไปไหนเลยนะ” โสนบอกกับมอลที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง

    “ผมรู้แล้วน่า” มอลตอบไป

    “พวกมันตามล่าคุณทำไม คุณไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องไหนกันหล่ะ??” โสนถามต่อ

    “ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องของรัฐบาล แล้วก็พวกผู้ใช้เวทย์หน่ะ” มอลตอบ

    “แล้วพวกมันต้องตามล่าคุณถึงขนาดนี้เลยเหรอ??” โสนถามต่อ

    “เพื่อนผมมันส่งข้อมูลวงในของรัฐบาลมาให้ ทำให้เราได้รู้ว่าตอนนี้คนในรัฐบาลกำลังทำงานสกปรกร่วมกับกลุ่มผู้ใช้เวทย์บางคน เพื่อยึดอำนาจหน่ะ ที่ผมไป ผมก็ไปส่งข้อมูลให้กับเพื่อนของผมนี่หล่ะ” มอลตอบ

    “เหรอ คุณรู้เหรอว่ามันเป็นใคร??” โสนถามต่อ

    “ตอนนี้มีที่ต้องสงสัยอยู่ 3 คน เอาไว้รายละเอียดผมจะบอกคุณทีหลังแล้วกัน” มอลตอบ

    “แล้วคนที่ช่วยเราไว้เป็นใครกันหล่ะ??” โสนถามต่อ

    “ผมคิดว่าพวกนั้นก็คงต้องโดนรัฐบาลหมายหัวเหมือนกับเรานี่หล่ะ ผมหวังว่าพวกนั้นจะติดต่อมาอีก ผมว่าจะขอความช่วยเหลือพวกเขาหน่อย” มอลพูดต่อ

     

    ณ ทำเนียบขาว ในตอนนี้รัฐบาลสหรัฐทำการประชุมกันภายในเพิ่มเติม แต่หลังจากที่การประชุมกันยาวนานเสร็จเรียบร้อย แต่ยังมีบางคนในรัฐบาลที่หลังจากประชุมเสร็จ พวกเขาพากันเข้าไปคุยนอกรอบเพิ่มเติมที่ห้องประชุมห้องหนึ่ง ชายอ้วนคนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องด้วยท่าทางเร่งรีบ และเมื่อเข้ามา ก็พบว่าคนอื่นๆกำลังรออยู่แล้ว

    “มาสายนะคุณดัลตัน”

    “ครับท่าน กว่าจะจัดการอะไรได้ครับ”

    “เอาหล่ะ ไหนๆพวกเราก็มากันครบแล้ว ตอนนี้พวกเราจะเอายังไงต่อหล่ะ พวกผู้ใช้เวทย์ก็มีกันมากขึ้น คนของเราก็แทบจะไม่พอแล้ว??”

    “ตอนนี้กลุ่ม Magic Hunt ที่เป็นพวกตามล่าผู้ใช้เวทย์ ยื่นข้อเสนอสงบศึกให้เรา ถ้าเราทำได้ เราจะสงบศึกกับพวกมันได้ และจัดการไปได้แนวรบนึงเลย” 

    “แต่เราเชื่อใจพวกมันได้เหรอ??”

    “ยังไงก็ต้องลองเสี่ยงดูครับ ดีกว่าเราจะเปิดศึกหลายๆด้านครับ”

    “แต่ผมว่า เรามีวิธีอยู่นะครับ” ชายในห้องคนหนึ่งซึ่งดูไม่โดดเด่นมากนักพูดขึ้น เรียกเอาความสนใจของคนในห้อง

    “แล้วคุณมีวิธีอะไรหล่ะ??”

    “หน้าฉากเราจับมือกับมัน เบื้องหลัง เราค่อยว่าจ้างคนนอกคอยเก็บพวกมัน ตัดกำลังพวกมันซะ” 

    “แล้วคุณมีคนที่จะรับงานนี้ได้เหรอ??”

    “ผมมีคนที่ไว้ใจได้คอยเป็นสายข่าวอยู่ในขบวนการพวก Magic Hunt ครับ”

    “ตอนนี้ท่านประธานาธิบดีเองก็กำลังเครียดกับเรื่องนี้ สุขภาพเขาก็เริ่มแย่ลงทุกที”

    “แล้วเราจะบอกเรื่องนี้กับท่านดีหรือเปล่าครับ??”

    “เราต้องค่อยๆคุย ท่านไม่เห็นด้วยหรอกที่จะต้องไปเจรจากับพวกมัน”

    “แต่เราคงต้องรีบนะครับ ไม่อย่างงั้นสถานการณ์อาจจะเลวร้ายลงแน่”

    “ผมรู้ แต่ตอนนี้เราจะทำอะไรได้หล่ะ??”

    “ครับ ก็จริงครับ”

    “เอาเถอะ ตอนนี้ผมจะไปคุยกับท่านประธานาธิบดีก่อนแล้วกัน ถ้ามันไม่ได้ผล เห็นทีเราอาจจะต้องใช้วิธีที่เราตกลงกันไว้ก่อนหน้านั้น พวกคุณมีใครจะสนับสนุนผมหรือเปล่าหล่ะ??” เขาถามทุกคนในห้อง ทุกคนในห้องก็พยักหน้าตอบรับอย่างยินดี

     

    กลับมายังค่ายมวยของเวโรนิก้า หลังจากที่พวกเขาผ่านเหตุการณ์หลายๆอย่างมาได้ พวกเขาก็กลับมาพักผ่อนกันต่อ ในช่วงสายวันต่อมา กลุ่มของเคนนี่ก็ยังคงวางแผนงานของพวกเขากันต่อว่าพวกเขาจะต้องทำอะไร ในระหว่างนั้น พวกเขาก็ดูข่าวโทรทัศน์ไปด้วย ซึ่งมันออกเรื่องการบุกโรงพยาบาลของพวกเขาด้วย พวกเขาดูข่าวไปเรื่อยๆ ก็พบว่าจ่าเอ็มเมอร์และผู้กองโทเค็นเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

    “โอเค ตายซะได้ก็ดี” เคนนี่พูดขึ้น

    “เออ ว่าแต่ เรื่องร้านของคนที่ชื่อดอรี่เนี่ย จะเอายังไงต่อหล่ะ??” โรเบิร์ตถามเคนนี่

    “ฉันจะไปสืบที่นั่นเอง” เคนนี่ตอบไป

    “แต่ข้าว่า มันคงจะเข้าไปไม่ได้ง่ายๆแน่” ไปจื่อพูดขึ้น

    “เราลองไปสำรวจกันก่อนก็ได้นี่” คามิลล่าออกความเห็น

    “ผมว่า ป่านนี้ คุณดอรี่คงระวังตัวมากขึ้นแล้วหล่ะ” วอลพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน เวโรนิก้าก็เดินเข้ามาในห้องของพวกเขาเพื่อคุยด้วย

    “เฮ้ ทุกคน ฉันไปถามเพื่อนฉัน ที่ชอบไปที่ร้านที่นายบอก วันนี้ร้านปิดหน่ะ” เวโรนิก้าพูดขึ้น

    “แปลกๆแหะ ปกติร้านเธอจะเปิดแต่เช้าเลยนี่??” เคนนี่ถามอย่างสงสัย

    “หรือว่า คงต้องไปแงะที่ร้านดูแล้วหล่ะ” เวโรนิก้าพูดต่อ

    “โอเค ถ้าอย่างงั้นพวกเราก็ไปสืบกันหน่อยดีกว่า” เคนนี่บอกกับทุกคนไป

    ================================================================

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมกันเน้อ

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย 

    ให้ของขวัญเป็นกำลังใจกันได้ครัช ไหว้หล่ะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×