คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 7 : พบกัน
กลุ่มของวินรอจนกว่ากองกำลังทหารชุดดำพวกนั้นจะเข้าไปกันหมด จนในตอนนี้เหลือทหารไม่กี่คนที่กำลังยืนคุมเชิงอยู่ที่ด้านนอก กลุ่มของวินกระจายตัวออกไป เพื่อจัดการพวกมันทั้งหมดในคราวเดียว และในตอนนั้นเอง
“ตู้ม!!” เสียงกระบอกปืนรถถังดังใน ไม่นานนักกลุ่มของวินก็จัดการทหารที่อยู่แถวนั้นไม่กี่คนจนหมด พวกเขาวิ่งเขาชาร์จอย่างรวดเร็วและจัดการพวกนั้นได้ทั้งหมด จากนั้นพวกเขาก็มารวมตัวกันในทันที
“โอเค พวกมันน่าจะกำลังเดินหน้าโจมตีในป่า น่าจะปราบปรามกองกำลังในพื้นที่ ถ้าเราโจมตีพวกมันจากทางด้านหลัง เราน่าจะจัดการพวกมันได้” ไนอาลาพูดขึ้น
“แต่มันมีรถถังนะ เราจะทำยังไงหล่ะ??” วินถามไป
“ฉันมี Jevalin อยู่ ก็ยิงมันเลย” ซาซ่าพูดขึ้น
“แต่ว่ารถถังมันหันหลังอยู่ แบบนั้นมันจะเปลืองเปล่าๆหรือเปล่า??” ฟรีถามไป
“จริงด้วย แต่เราคงต้องใช้ความเร็วจัดการมัน” รินพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงอาวุธชนิดหนึ่งกำลังยิงอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา
“นั่นเสียงปืนอะไรหน่ะ??” โรสถามไป
“หรือว่าจะเป็นปืนครก??” โซฮานถามไป และในตอนนั้นเอง
“มีใครเห็นไอ้หมูป่าบ้างหล่ะ??” เมตถามไป
“ห่ะ อย่าบอกนะ โธ่เอ้ย ให้มันได้อย่างงี้” ซูหยินถามพลางกุมขมับ และในตอนนั้นพวกเขาก็รีบตามหาไอ้หมูป่า ก่อนที่ในตอนนั้น พวกเขาจะเห็นไอ้หมูป่ากำลังซุ่มดูกลุ่มทหารที่กำลังตั้งปืนครกเพื่อเตรียมยิง ในขณะที่กลุ่มทหารหน่วยจู่โจมพร้อมรถถังก็เดินหน้าใกล้จะเข้าป่า
“เฮ้อ นึกว่าจะทำอะไรแผลงๆซะแล้ว” เวย์พูดขึ้น
“เอาเถอะ ตอนนี้พวกมันกำลังวุ่นอยู่กับข้างหน้า เราต้องจู่โจมปืนครกของพวกมันก่อน” แอนนาพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง พลปืนครกก็เริ่มยิงโจมตีแล้ว พวกเขายิงเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
“ตู้ม!!”
“โอเค เรารีบไปจัดการพลปืนครกก่อนเลย” วินพูดขึ้น จากนั้นไม่นานพวกเขาก็ค่อยๆย่องออกไป ในระหว่างที่กำลังทหารกำลังวุ่นอยู่กับการโจมตีทางด้านหน้า พวกเขารีบชักอาวุธระยะประชิดออกมา จากนั้นก็เข้าไปลอบฆ่าพวกมันอย่างดุเดือด
“ฉึกๆๆๆ!!”
หลังจากที่จัดการพวกมันได้หมดแล้ว พวกเขาก็รีบไปหลบอยู่หลังกระสอบทรายที่ตั้งขึ้นมาง่ายๆ จากนั้นก็เล็งปืนใส่พวกทหารที่กำลังเข้าใกล้เขตป่าไปทุกที
“พวกมันกำลังจะเข้าป่าแล้ว” วินพูดขึ้น
“โอเค ทุกคน เล็งปืนครกตามระยะที่ฉันบอกนะ” ไนอาลาพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก พวกเขาจะรีบปรับระยะปืนครกไปตามที่ไนอาลากำหนดในทันที จากนั้นพวกเขาก็เตรียมใส่กระสุน
“เอาหล่ะ ยิงเลย!!”
“ฟิ้บ!!” กลุ่มของวินรีบใส่กระสุนปืนครกที่เล็งเป้าเอาไว้แล้ว กระสุนตกไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
“ตู้ม!!”
ลูกปืนครก 5 ลูกตกใส่ทหารพวกนั้นจนกระเด็นไปคนละทาง แรงระเบิดไปโดนรถถังด้วย แต่รถถังยังไม่เป้นอะไรมาก ทำเอาทหารพวกนั้นถึงกับสับสนทำอะไรไม่ถูก
“ฮ่าๆๆๆๆๆ เอาไงหล่ะพวกมึง!!” ไอ้หมูป่าตะโกนออกมา
“ยิงต่อเลย!!” โรสตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาก็ยิงใส่พวกมันเรื่อยๆ
“ตู้ม!!”
“เยี่ยม ตายห่าซะให้หมด!!” รินตะโกนออกมา
“แย่แล้ว พวกมันหันมาแล้ว!!” ซูหยินตะโกนออกมา ในขณะที่พวกมันก็แบ่งกำลังคนออกมาและยิงใส่กลุ่มของวิน ทำเอาพวกเขาต้องรีบหลบ
“ยิงต่อเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัว!!” ฟรีตะโกนออกมา
“เฮ้ย นี่ลูกปืนนะเว้ย!!” เมตตอบกลับไป จากนั้นก็ใส่ลูกปืนครกต่อ
“บ้าเอ้ย รถถังหันมาแล้ว!!” แอนนาตะโกนออกมา และในตอนนั้น ซาซ่าก็เอา Jevalin ที่เตรียมไว้มาทันที
“คงต้องใช้เวลาเล็งหน่อย” ซาซ่าพูดขึ้น
“เอาไงก็เอาเถอะ ไม่งั้นเราตายแน่” เวย์พูดขึ้นในขณะที่ใส่กระสุนปืนครกยิงพวกมัน
“เวรเอ้ย ยันพวกมันเอาไว้!!” ไนอาลาตะโกนออกมา
“รีบทำอะไรหน่อยสิ!!” โซฮานตะโกนออกมา แต่ในตอนนั้นเอง รถถังของมันก็หันมาทางกลุ่มของวินแล้ว มันยิงตอบโต้กลุ่มของวินในทันที
“ตู้ม!!”
มันยิงตกใส่หน้ากลุ่มของวิน จากนั้นมันก็พยายามไล่บีบกลุ่มของวินเรื่อยๆ ในขณะที่พวกทหารต่างก็ดาหน้ากันเข้าใส่พื้นที่ของวิน
“เวรเอ้ย เราตายแน่!!” วินตะโกนออกมาในขณะที่ยิงกับพวกมัน แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ กองกำลังที่ซ่อนอยู่ในป่าก็ออกมาจากป่าและไล่โจมตีด้วย พวกเขาโดนกระหนาบตีถึง 2 ทาง ทำเอาพวกมันถึงกับทำอะไรไม่ถูก และไม่นานนัก กองกำลังในป่าก็บุกออกมา จากนั้นพวกเขาก็ไล่ฆ่าทหารพวกนั้นอย่างดุเดือด พวกเขาเอาระเบิดเพลิงมาใส่รถถังจากทางด้านหลัง บางคนก็วิ่งเข้าไปและเอาลูกเหม็นที่จุดแล้วยัดใส่ช่องระบายอากาศของรถถัง ทำเอาอากาศในนั้นเป็นพิษ พวกพลขับถึงกับต้องหนีออกมา
“ปังๆๆๆๆ!!” พลขับที่พยายามหนีออกมาก็โดนยิงจนตายกันหมด ทหารชุดดำพวกนั้นตายเรียบไม่มีเหลือ พวกนั้นรีบโผล่กันออกมา ในตอนนั้นกลุ่มของวินก็แปลกใจว่ากองกำลังในป่าเป็นพวกไหนกันแน่ ก่อนที่ไม่นานนัก พวกนั้นก็เล็งเป้ามายังกลุ่มของวิน ทำเอากลุ่มของวินถึงกับตกใจ
“เฮ้ย ใครวะ ออกมาเดี๋ยวนี้!!” พวกนั้นตะโกนออกมา วินเองยกมือขึ้น จากนั้นก็ตะโกนออกไป
“เดี๋ยวก่อนครับ พวกเรามาดีครับ!!” วินตะโกนออกไป จากนั้นไม่นานกองกำลังพวกนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาหากลุ่มของวิน ในตอนนั้นมีชายหญิงคู่หนึ่งวิ่งตามมาดูด้วย คู่นั้นคือไมนฮาร์ทกับฮานานั่นเอง ไมนฮาร์ทแอบมองวิน ตัวของเขาคิดไปคิดมาซักพัก เขาก็พูดขึ้น
“เฮ้ วุฒิเขาสบายดีนะ??” วินได้ยินดังนั้นก็แปลกใจ และถามเขากลับไป
“เฮ้ยลุง รู้จักพ่อผมได้ไง??”
“รู้จักเหรอ ฉันเป็นเพื่อนเขา แต่เรื่องมันยาว” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น
“อ้าว นี่รู้จักกันเหรอ??” ฮานาถามไป
“แล้วพวกคุณมาทำอะไรที่นี่กันหล่ะ??” ไนอาลาถามไป
“พวกเราโดนทหารพวกนี้มันตามล่าหน่ะ ว่าแต่ พวกนี้เพื่อนใหม่เธอเหรอ??” ไมนฮาร์ทถามไป
“อ้อ ครับ พวกเราจะขึ้นเหนือหน่ะ ผมจะไปตามหาพ่อผมที่เชียงใหม่” วินตอบไป
“อืม เข้าใจหล่ะ นายก็คงคิดถึงเขาสินะ” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น
“เออนี่ ผมแทรกหน่อยนะ แล้วนี่เราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” ฟรีถามไป
“นั่นสิ ฉันว่าพวกมันตามเรามาแน่” รินพูดเสริม
“ถ้างั้นเราก็ขนอาวุธพวกมันเข้าป่าก่อนแล้วกัน ที่เหลือค่อยว่ากัน” ฮานาพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เก็บอาวุธของพวกทหารชุดดำกันในทันที รวมถึงปืนครกทั้งหมดเพื่อเอาไว้ใช้ป้องกันตัวด้วย
“บ้าเอ้ย เครื่องฉันยังร้อนอยู่เลย!!” ไอ้หมูป่าตะโกนออกมา
“เออ จะอะไรนักหนา ไม่ไหวเลยนายนี่” ซูหยินพูดไป
“คราวนี้รถถัง คราวหน้าไม่รู้ว่าพวกมันจะเอาอะไรมาหรือเปล่า” โรสพูดขึ้น
“อย่างมากก็คงจะเป็นเฮลิคอปเตอร์ ถ้ามันมีนะ” แอนนาตอบไป
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เปลืองจรวด” ซาซ่าตอบไป
“แล้วนี่เราจะเอายังไงกันต่อดีหล่ะครับ??” เมตหันไปถามเวย์
“ก็คงต้องตามน้ำไปก่อนหล่ะ ฉันว่านะ” เวย์ตอบไป
“ตอนนี้คงต้องหากระสุนเพิ่มแล้วสิ” โซฮานพูดขึ้น พวกเขารีบขนทุกอย่างเข้าไปในป่า ก่อนที่ทหารกลุ่มที่เหลือจะตามล่าพวกเขา และไม่นานนัก พวกเขาก็ขนของกันเสร็จเรียบร้อยและถอยกลับเข้าไปในป่า และดูเหมือนตอนนี้จะยังไม่มีใครตามพวกเขามา ไมนฮาร์ทเองเดินมาคุยกับวินและคนอื่นๆด้วย
“ว่าแต่ นายฝ่าพวกมันมา ด้วยคนแค่นี้เองเหรอ??” ไมนฮาร์ทถามไป
“ครับ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะฝีมือดีทั้งนั้นเลยครับ ผมเลยหนีพวกมันมาได้” วินตอบไป
“เออนี่ นายพูดจริงเหรอที่จะไปเชียงใหม่หน่ะ??” ฮานาถามไป
“ใช่ครับ ผมตั้งใจไว้แล้ว ผมไม่กังวลหรอกว่าถ้าจะต้องตาย” วินตอบไป
“เฮ้อ นั่นไง เหมือนพ่อนายไม่มีผิดเลย ฉันกับเขาเคยทำงานในยุโรปด้วยกัน เขาก็เคยช่วยฉันไว้” ไมนฮาร์ทตอบไป
“เฮ้อ นั่นหล่ะเขาเลย” วินพูดไป
“พวกคุณโดนพวกมันตามล่าแบบนี้ พวกคุณจะไปไหนต่อหล่ะ??” ไนอาลาถามไป
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องหนีไปเรื่อยๆหน่ะ” ฮานาพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น เธอจะไปกับพวกเราหรือเปล่า??” ไมนฮาร์ทถามไป
“ผมกำลังจะขึ้นเหนือ ถ้าคุณจะไปก็ได้นะครับ” วินบอกไป
“งั้นเหรอ ก็ดีนะ ได้ยินว่าที่นั่นกำลังปลอดภัย” ฮานาพูดขึ้น
“แต่พวกเราคงต้องเดินทางกันระวังหน่อย พวกมันคงไม่จบแค่นี้แน่นอนค่ะ” ไนอาลาตอบไป
“ฉันรู้ แต่ฉันไม่กลัวพวกมันหรอก” ไมนฮาร์ทตอบไป
“เอาเถอะครับลุง ยังไงก็ยินดีที่ได้เจอลุงนะครับ” วินพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชาวบ้านคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาหาไมนฮาร์ทอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มาบอกอะไรบางอย่างกับเขา
“นายครับ ไอ้พวกทหารพวกนั้นมันไล่ตามเรามาไม่หยุดหย่อน ดูเหมือนว่าคราวนี้จะมีมากกว่าเราอีกครับ!!” คนของไมนฮาร์ทพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก พวกเขาจะได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังมาใกล้ตำแหน่งของพวกเขา
“โห ดูเหมือนพวกมันจะเอาจริงนะครับเนี่ย” วินพูดขึ้น
“เราคงต้องไปจากที่นี่กันแล้วหล่ะ” ไมนฮาร์ทบอกกับทุกคนไป
ณ ทำเนียบรัฐบาล ตัวของกุนนาร์พยายามตามข่าวความเคลื่อนไหวที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ และไม่นานนัก เฮลล่าลูกน้องคนสนิทของเธอก็รีบเอาข่าวมารายงานกับกุนนาร์ เฮลล่าทำความเคารพกุนนาร์อย่างรวดเร็ว
“ท่านคะ ขออนุญาตรายงานค่ะ”
“อืม กำลังรอข่าวเลย สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง??” กุนนาร์ถามไป
“ค่ะ ตอนนี้ทางเหนือ พวกเรากำลังยันกับกองกำลังชุดดำ ที่ตอนนี้พวกเขากำลังโจมตีตามชายแดนค่ะ” เฮลล่าพูดขึ้น
“แล้วเราจะยันมันได้หรือเปล่า??” กุนนาร์ถามไป
“คนของเราวิเคราะห์มาว่าพอจะต้านไว้ได้ค่ะ กองกำลังจักรวรรดิไทยนำกำลังส่วนใหญ่โจมตีทางภาคเหนือรบกับกองกำลังจีนยูนนานค่ะ” เฮลล่าพูดขึ้น
“ดูเหมือนว่าพวกนั้นคงจะต้องเจอกับศึกหลายด้านนะ” กุนนาร์พูดขึ้น
“ค่ะ ถ้าเรายันพวกมันไว้ได้ เราก็อาจจะทำให้พวกมันอ่อนแรงลงได้ค่ะ”
“อืม ตอนนี้คุณกฤตกับคุณชาญเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” กุนนาร์ถามไป
“ตอนนี้พวกเขากำลังเดินทางแล้วค่ะ”
“อ้อ ถ้าอย่างงั้นก็ต้องรอดูสินะ” มีอะไรก็รายงานฉันแล้วกัน” กุนนาร์ตอบไป
ณ ถนนเส้นหนึ่งซึ่งเดินทางลงไปภาคใต้ รถหรูคันหนึ่งซึ่งมีรถหุ้มเกราะนำขบวน ซึ่งขบวนนั้นคือขบวนของนายกฤตพจน์นั่นเอง ตัวของเขานั่งในรถ พร้อมกันนั้นก็เปิด iPad ของเขาและวีดีโอคอลกับคนในหน่วยไปด้วย
“All reaper เข้ากลุ่ม”
“โอเค พวกนายเข้ามากันแล้วนะ??” กฤตถามไป
“ครับท่าน เดินทางเป็นยังไงบ้างครับ??” เติร์กถามไป
“ก็ดี เราใกล้จะถึงเป้าหมายแล้ว กาย สถานการณืทางเหนือเป็นยังไงบ้าง??” กฤตถามไป
“พวกมันยังโจมตีไม่หยุดหย่อนเลยครับ แต่นายพลพงศ์ยังต้านเอาไว้ได้ครับ” กายตอบไป
“ครับท่าน ตอนนี้เรากำลังปรับแต่งเครื่องจักรของเราให้มีรัศมีไกลขึ้น แต่เราต้องทำสาร VOC9 เพิ่มครับ” ศิลป์พูดขึ้น
“อืม ดี แล้วเรื่องลมกัมมันตรังสีจากยุโรปหล่ะ เป็นยังไงบ้าง??” กฤตถามไป
“ตอนนี้ยังปกติอยู่ครับ” ศิลป์ตอบไป
“อืม จับตาดูเอาไว้แล้วกัน ฉันเองก็ยังกังวลอยู่ ส่วนเรื่องสาร VOC นายจัดการแล้วกัน เติร์ก”
“รับทราบครับท่าน” เติร์กตอบไป
“กาย นายว่าเราจะยันกองกำลังทางเหนือได้นานแค่ไหน??” กฤตถามไป
“ถ้าเรามีกระสุนมากพอ ก็น่าจะต้านไปได้เป็นเดือน จนกว่าพวกมันจะเริ่มอ่อนแรงครับ” กายตอบไป
“ได้ยินมาว่าทหารของมันมีเป็นแสน เราต้องตั้งรับพวกมันเอาไว้จนกว่าพวกมันจะโดนเล่นงานที่แนวรบอื่น ใครเป็นคนบัญชาการการรบหล่ะ ใช่นายพลยานกรหรือเปล่า??” กฤตถามไป
“ใช่ครับ แต่ได้ข่าวมาว่ามันกำลังมุ่งโจมตีทางเหนือเป็นหลักครับ” กายตอบไป
“ไอ้นี่มันฉลาดเป็นกรด ยังไงก็ต้องระวังให้ดีนะครับ” ศิลป์พูดไป
“อืม ถ้าจะทำอะไรก็จัดการให้รัดกุมแล้วกัน” กฤตตอบไป
“รับทราบครับ” เติร์กพูดขึ้น และไม่นานนัก คนขับรถของกฤตก็รายงานอะไรบางอย่างกับเขา
“ท่านครับ เราใกล้ถึงโรงแรมแล้วครับ!!”
“อืม เอาไว้ค่อยคุยกันก็แล้วกัน” กฤตบอกกับทุกคนไป ก่อนที่ตัวของเขาจะตัดการสนทนาออกไป จากนั้นเขาก็เก็บ iPad ของเขาในทันที
“โอเค ส่งพวกเราไปตรวจสอบที่นั่น ดูว่ามีอะไรน่าสงสัยหรือเปล่า” กฤตออกคำสั่งไป
“รับทราบครับท่าน” คนขับตอบไป จากนั้นตัวของเขาก็วอบอกรถนำขบวนในทันที
ณ ถนนเส้นหนึ่งซึ่งเดินทางไปยังภาคตะวันออก ชยาชาญนั่งรถยนต์ธรรมดาคันหนึ่ง ซึ่งมีรถอีกคันตามมาด้วย ชาญนั่งอยู่กับชายคนหนึ่งซึ่งเป็นพรรคพวกของเขา วิยสุทธิ์นั่นเอง
“เฮ้ยชาญ เราเอาคนมาแค่นี้จะดีเหรอ??”
“ไม่เป็นไรหรอก งานนี้เราไม่ได้เน้นความอลัง แต่เน้นความแนบเนียนหน่ะ” ชาญตอบไป
“เอาเถอะ แต่ฉันก็ยังไม่ไว้ใจจินเยว่เท่าไหร่” สมาชิกหญิงที่นั่งหน้ารถพูดขึ้น
“ไม่ต้องกลัวหรอก ปืนในมือเราก็มี แต่ตอนนี้เราต้องรีบทำก่อนที่สถานการณ์จะแย่ลง ตอนนี้ไม่รู้ว่าท่านนายพลพงศ์จะเป็นยังไงบ้าง” ชาญพูดขึ้น
“ฉันว่า ท่านนายพลจัดการได้อยู่แล้ว” วิยสุทธิ์ตอบไป
“ก็นะ ตอนนี้คงต้องรีบเจอกับจินเยว่” ชาญพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นาน พวกเขาจะเข้าเขตภาคตะวันออกเรียบร้อยแล้ว
“คิดถึงตอนเที่ยวพัทยาจัง” สมาชิกหญิงหน้ารถพูดขึ้น
“นั่นสิ เมียผมบอกว่าเธออยากกลับไปเที่ยวที่นั่นมาก” วิยสุทธิ์พูดขึ้น
“จบเรื่องนี้เราจะเที่ยวกันให้ตายเลยก็ได้นะ” ชาญพูดติดตลกกับทุกคนไป
กลับมายังแนวรบด้านเหนือ ชายแดนจังหวัดอยุธยา ในตอนนี้นายพลพงศ์นำกำลังต่อต้านกองกำลังจักรวรรดิไทยที่บุกลงมาโจมตีก่อกวนพื้นที่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้านทานได้ แต่กองกำลังของพวกเขาจะโดนหนัก นายพลพงศ์เองเดินตรวจเยี่ยมกำลังคนของเขาเพื่อตรวจสอบขวัญกำลังใจ
“ดูเหมือนพวกเราจะบาดเจ็บเดยอะเลยนะเนี่ย” นายพลพงศ์พูดขึ้น
“ทหารอาสากลุ่มนี้ยังฝึกไม่พอ แต่ส่วนใหญ่ยังใจสู้ ไม่มีใครหนีเลยครับ” จ่าคนหนึ่งตอบไป
“อืม ถ้าอย่างงั้นก็ต้องฝึกพวกเขาเพิ่มด้วย” นายพลพงศ์พูดขึ้น
“ดูเหมือนพวกมันส่วนใหญ่จะฝึกมาดีนะครับ”
“แน่นอน ไอ้พวกนี้ส่วนใหญ่เป็นทหารกับตำรวจเก่า มันก็เคยทำงานให้รัฐบาลเก่านั่นแหละ ดูเหมือนไอ้สาลิกาจะได้แต่คนฝีมือดีๆไป” นายพลพงศ์พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเขา
“ท่านครับ พวกมันโจมตีพวกเราทางตะวันออก แต่พวกเรายันไว้ได้ครับ!!”
“อืม พวกเราตายไปเท่าไหร่??” นายพลพงศ์ถามไป
“15 คนครับ”
“อืม เอาคนเจ็บไปรักษา ดูเหมือนว่าป้อมปืนของเราจะดีจริงนะเนี่ย” นายพลพงศ์พูดขึ้น
“ตอนนี้เราคงทำได้แค่ยันกับพวกมันเอาไว้ จนกว่าพวกมันจนหมดแรงหน่ะครับ” จ่าทหารพูดขึ้น
“ใช่ เราต้องดูว่าพวกมันจะหยุดโจมตีเมื่อไหร่ ถ้าถึงตอนนั้น แสดงว่าพวกมันก็เริ่มเข้าตาจนแล้ว คงต้องรอดูกันต่อ” นายพลพงศ์ตอบไป
ณ เขตภาคอีสาน ที่มั่นกองกำลังของคามิ ตัวของคามิตื่นขึ้นมาทำนั่นทำนี่ ก่อนที่จะใส่หน้ากากกันแก๊สและเดินออกไปด้านนอก ซึ่งด้านนอกตอนนนี้ บรรดาชาวบ้านของเขากำลังฝึกฝนการต่อสู้และยุทธวิธีตามที่พวกเขาสั่ง ในตอนนั้นเอง ตัวของเขาก็เห็นพรรคพวกของเขาที่กำลังรอเขาอยู่
“อ้าว พวกนาย เป็นยังไงกันบ้าง??” คามิถามไป
“ค่ะ ตอนนี้เราส่งชาวบ้านกลุ่มแรกไปแฝงตัวในเขตของพวกมันแล้วค่ะ” จันทร์พูดขึ้น
“ใช่ครับ ผมคิดว่าคงจะใช้เวลาไม่กี่วันจัดการเรื่องนี้ได้ครับ” ตะวันพูดขึ้น
“เอาเถอะ ว่าแต่ เรื่องที่ตะวันออกเป็นยังไงบ้าง??” คามิถามไป
“ผมให้คนสืบมาแล้ว ไอ้บ้านั่นมันเป็นคนจากที่อื่น ได้ยินว่ามันชื่อแดเนียล ดูท่าจะเป็นเจ้าพ่อใหญ่ด้วย” จอห์นพูดขึ้น
“อ้อ ไอ้พวกคนมีอิทธิพล ไอ้พวกระยำนี่” โรสพูดขึ้น
“ดูเหมือนว่าพวกมันคงคิดว่าเราเป็นพวกบ้านนอกที่จะกดขี่เรายังไงก็ได้ ฉันคงต้องสั่งสอนพวกมันหน่อยแล้วหล่ะ” คามิพูดขึ้น
“ผมบอกให้ชาวบ้านหนีออกมาตามที่คุณบอกแล้วหล่ะ” จอห์นพูดขึ้น
“ดีครับ เราจะปล่อยให้พวกมันยืดพื้นที่เปล่าๆ จากนั้นก็ค่อยๆเล่นงานพวกมันแบบลับๆ” คามิพูดขึ้น
“เราคงจะสู้พร้อมกันสองด้านลำบาก ยังไงคงต้องรีบจัดการด้านหนึ่งไปก่อนนะคะ” จันทร์พูดขึ้น
“เรื่องนี้ฉันเห็นด้วยค่ะ” โรสพูดเสริม
“อืม คงต้องรอดูแล้วหล่ะ” คามิพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นผมขอให้พรรคพวกของผมไปตามล่าไอ้แดเนียลอะไรนี่ก็แล้วกันนะครับ” ตะวันพูดขึ้น
“เฮ้ย จะดีเหรอ พวกมันอาจจะไม่ธรรมดาอย่างที่นายคิดนะ??” คามิถามไป
“พวกนั้นฝีมือดี คงต้องทำอะไรได้บ้างครับ” ตะวันตอบไป
“อืม ถ้าอย่างงั้นก็จัดการได้เลย” คามิตอบไป
“เออ เรื่องข้อมูลก็มาถามฉันแล้วกัน ตอนนี้ฉันกำลังให้สายของฉันไปสืบข่าวอยู่” จอห์นพูดขึ้น
“จันทร์ เธอเองก็ติดตามข่าวในเขตพวกจักรวรรดิไทยด้วย ฉันอยากรู้ว่าชาวบ้านที่เราส่งไปทำงานกันเป็นยังไง” คามิพูดขึ้น
“ได้เลยค่ะ ฉันจะตามเรื่องนี้เอง” จันทร์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง คามิเองก็เริ่มไอมากขึ้น ในตอนนั้นโรสก็ต้องเอายาให้เขากินอย่างต่อเนื่อง
“กินหน่อยนะคะ” โรสพูดขึ้น คามิเองรีบเอายามาทานในทันที จากนั้นตัวของเขาก็เริ่มอาการดีขึ้น
“ขอบใจ คราวนี้ดูเหมือนยาจะดีขึ้นนะ” คามิพูดขึ้น
“ค่ะ ฉันปรับแต่งสูตรใหม่ แต่ยังไม่หายขาดค่ะ” โรสตอบไป
“ตอนนี้เท่าที่ฉันตามข่าว พวกชุดดำนั่นกำลังรบอยู่ทางเหนือ รวมถึงอากองกำลังไปโจมตีก่อกวนที่เขตกรุงเทพด้วย” จอห์นพูดขึ้น
“ถ้าพวกมันเปิดศึกหลายด้าน แบบนี้พวกมันลำบากแน่ค่ะ” จันทร์พูดขึ้น
“ผมว่า เราควรจะลงมือให้เร็วที่สุดครับ คุณคามิ” ตะวันบอกกับคามิไป
“ถ้าอย่างงั้นก็ไปจัดการเลย เราต้องจัดการปัจจัยและเสบียงของพวกมัน จากนั้นก็เอาหน่วยรบของเราโจมตีพวกมันเลย” คามิบอกกับทุกคนไป ในขณะที่พวกเขาก็ได้เสียงระเบิดปริศนาดังมาแต่ไกล
“ตู้ม!!”
“เฮ้ย อะไรวะเนี่ย??” คามิถามอย่างแปลกใจ
ณ ค่ายของกองกำลัง MAG ในตอนนี้กองกำลังของจ่าพลได้เดินทัพกลับไปยังเขตตะวันออกมากขึ้น เพื่อเตรียมรับมือกับกองกำลังของจักรวรรดิไทยที่อาจจะมาโจมตีพวกเขาได้ทุกเมื่อ แต่ในตอนนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็เดินมาหากลุ่มของจ่าพล และรายงานอะไรบางอย่างกับเขา
“ท่านครับ ไอ้พวกสอนศาสนาทางชายแดนมันส่งข้อความมา พวกนั้นต้องการคำขอโทษจากเราครับ!!”
“ขอโทษงั้นเหรอ เล่นใหญ่ไปเปล่า??” จ่าพรถามไป จากนั้นก็หยิบบุหรี่มาสูบด้วย
“แต่ทำไมพวกนั้นไม่ยอมมาให้ปากคำกับเราหล่ะ??” จ่ารงค์ถามไป
“พวกนั้นบอกว่าจะทำการตอบโต้ ถ้าเรายังนิ่งเฉยครับ” ทหารคนเดิมตอบไป
“โอโห เก๋าซะด้วย เราจะเอายังไงดีครับ??” จ่านนท์ถามไป
“บอกพวกนั้นว่าเรายอมเจรจา แต่เรายังไม่ขอโทษตอนนี้” จ่าพลตอบไป จากนั้นทหารคนนั้นก็รีบวิ่งออกไปในทันที
“ผมว่า ถึงยังไงพวกมันก็คงไม่ยอมเจรจาอยู่แล้วครับ” จ่านนท์พูดขึ้น จากนั้นก็ขอบุหรี่จากจ่าพร
“ผมเห็นด้วย แต่เราจะสู้กับศัตรูทั้ง 2 ด้านเลยเหรอครับ??” จ่ารงค์ถามไป
“อาจจะ 3 เลยก็ได้ ถ้าพวกจีนนั่นมันเอาด้วย” จ่าพรพูดจบก็พ่นควันออกมา
“อืม เราคงต้องจับตาดูสถานการณ์ก่อนแล้วกัน ถ้าเราเดินเกมพลาด พวกเราอาจจะโดนเล่นงานจากทุกด้านก็ได้ ยังไงก็ระวังกองกำลังของเราเอาไว้แล้วกัน” จ่าพลบอกไป
ณ ฐานที่มั่นของกองกำลังจีนยูนนานในจังหวัดลำพูน ตอนนี้กองกำลังของเหมยฮวาและกองกำลังจักรวรรดิไทยกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด เสียงปืนดังเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที ตัวของเหมยฮวาเองก็นั่งวางแผนอยู่ในตึกที่ทำการจังหวัดลำพูนกับนายทหารของเธอ
“ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังจะล้อมเราแล้วสินะ??” เหมยฮวาพูดขึ้น
“ครับ แต่เราตั้งแนวรับไว้ไม่ให้พวกมันขยายแนวล้อมแล้วครับ”
“เราจะต้านพวกมันได้นานแค่ไหน??” เหมยฮวาถามไป
“ตอนนี้เรากำลังติดต่อกำลังเสริมของเรา ถ้าพวกเขามาถึง ก็อาจจะยันพวกมันและกันพวกมันถอยกลับไปได้ครับ” นายทหารของเธอตอบไป
“แล้วกำลังเสริมของเราจะมาถึงเมื่อไหร่??” เหมยฮวาถามไป
“คงต้องใช้เวลาซักพัก ราว 2 วัน กว่ากำลังเสริม 5 หมื่นจะมากันเต็มรูปแบบครับ”
“เราอาจจะต้านมันไว้ได้ไม่กี่วัน คงต้องทำเท่าที่ทำได้แล้วหล่ะ” เหมยฮวาพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็รีบมารายงานอะไรบางอย่างกับเธออย่างรวดเร็ว
“ท่านครับ ตอนนี้แนวรับแรกปะทะกับพวกมันแล้วครับ!!”
“งั้นเหรอ กำลังของพวกมันมีเยอะแค่ไหน??” เหมยฮวาถามไป
“คงไม่ต่ำกว่า 3 หมื่น แต่พวกเขามีทั้งรถถังและรถหุ้มเกราะดาหน้าเข้ามาครับ!!”
“ถ้าอย่างงั้นก็ใช้อาวุธต่อสู้รถถังของเราต้านมันเอาไว้” เหมยฮวาพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ตัวของเธอจะได้ยินเสียงเครื่องบินบินเฉียวหัวเขตของเธอด้วย
“เวรเอ้ย พวกมันมีเครื่องบินด้วย ยิงมันให้ร่วงเลย!!” เหมยฮวาตะโกนออกมา ในขณะที่เสียงปืนและเสียงระเบิดยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กลับมายังที่ทำการของจังหวัดพิษณุโลก ในตอนนี้สาลิกาเองก็ยังคงมาทำงาน รวมถึงนัดพบกับใครบางคนด้วย และไม่นานนัก ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็เดินมารายงานอะไรบางอย่างกับเขาในทันที
“ท่านครับ ท่านสุริยันมาครับ!!”
“อืม ให้เข้ามา” สาลิกาตอบไป จากนั้นไม่นานนัก ชายร่างท้วมในชุดตำรวจคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของสาลิกา พวกเขาทั้งคู่จับมือกันอย่างชื่นมื่น ราวกับพวกเขาทั้งคู่สนิทกัน
“ว่าไงครับท่าน ได้ข่าวท่านอยากเจอผม??” สุริยันพูดขึ้น
“ครับ ผมไม่อ้อมค้อมเลยนะ ผมอยากจะคุยเรื่องชุมโจรในภาคกลางตอนนี้” สาลิกาตอบไป
“ตอนนี้คนของผมสืบมาแล้วว่าพวกมันอยู่ที่ไหน ตอนนี้กำลังเตรียมทลายรังของมันในวันนี้แล้วครับ” สุริยันตอบไป
“ครับ และอีกอย่างที่ผมจะบอกก็คือ หัวหน้าชุมโจรคนหนึ่งที่ผมและคุณน่าจะรู้จัก ไอ้ทศกรไงหล่ะ” สาลิกาพูดขึ้น
“โห จริงเหรอครับเนี่ย ชะตามันมาตกต่ำอะไรเบอร์นี้??”
“ผมเองก็อยากจะเห็นหัวมันเหมือนกัน ได้ข่าวมาว่าตอนนี้ชุมของมันยิ่งใหญ่มาก ผมเลยอยากให้คุณรีบจัดการเรื่องนี้” สาลิกาพูดขึ้น
“วางใจได้ครับท่าน ผมจะรีบตามหามันครับ”
“ดี ตอนนี้เรากำลังมีสงคราม เราจะมาทำให้เรื่องพวกนี้มันระคายใจพวกเราไม่ได้” สาลิกาพูดไป
ณ พื้นที่การรบในจังหวัดลำพูน ตอนนี้กองกำลังของนายพลยานกรเองก็เข้าใกล้เขตเมืองมากยิ่งขึ้น การรบยิ่งดุเดือดเข้าไปทุกที ยานกรเองยืนมองสมรภูมิรบจากไกลๆ พร้อมกันนั้นก็คุยกับนายทหารที่รับผิดชอบพื้นที่นั้นด้วย
“ผู้พันเกศ คิดว่าเราจะเข้าเมืองได้เมื่อไหร่??” ยานกรถามไป
“ถ้าเราเจาะแนวป้องกันของมันได้ซักแนว เราจะยึดทั้งหมดได้ใน 3 วันครับ”
“ต้องใช้เวลาขนาดนั้นเลยเหรอ??” ยานกรถามไป
“พวกมันคงต้องไปดักรอเราตามตึกและซอยต่างๆ กว่าเราจะกวาดล้างได้คงต้องใช้เวลาครับ” ผู้พันเกศตอบไป และในตอนนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับยานกรอย่างรวดเร็ว
“ท่านครับ แย่แล้วครับ!!”
“มีเรื่องอะไรอีกหล่ะ??” ยานกรถามไป
“มีความเคลื่อนไหวของกองกำลังทางตะวันตก ดูเหมือนพวกมันจะเข้าใกล้สุพรรณบุรีมากขึ้นแล้วครับ”
“เออ แจ้งผู้พันโยธินให้ตรึงพวกมันไว้ ถ้าพวกมันเกิดทะลึ่งก็ตามกวาดพวกมันเลย” ยานกรพูดขึ้น
“ครับ แล้วอีกเรื่อง มีข่าวจากทางอีสานครับ”
“อีสานเหรอ เกิดอะไรขึ้นหล่ะ??” ยานกรถามไป
“เออ คลังน้ำมันของเราเกิดระเบิดครับ”
“ระเบิดเหรอ แล้วพวกแกไปทำกันอีท่าไหนถึงระเบิดได้หล่ะ??”
“มันระเบิดไล่เลี่ยกันถึง 3 ที่ และอีกอย่าง คลังกระสุนของเราก็โดนเล่นงาน ค่ายบางค่ายก็โดนปล้นด้วยครับ” ยานกรได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหูผึ่ง
“เฮ้ย นี่แกพูดจริงเหรอวะ??” ยานกรกระชากเสื้อทหารมาถาม
“จริงครับท่าน ผมสาบานได้ครับ” ทหารคนนั้นพูดด้วยความหวาดกลัว ยานกรรู้ว่าทหารไม่ได้โกหกจึงปล่อยตัวเขาลง
“แม่งเอ้ย แบบนี้ไม่ดีแน่” ยานกรพูดขึ้น
ณ ชุมโจรของทศ หลังจากที่เขาเกือบตายเพราะการพยายามฆ่าของคนที่เขาข่มขืน ในตอนนี้ตัวของเขาก็เริ่มระแวงนั่นนี่ไปหมด เพราะหลังจากนี้อาจจะมีคนตามฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ ในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของเขาก็เอาอาหารมาให้กับเขาอย่างรวดเร็ว
“ลูกพี่ ข้าวมาแล้วพี่”
“เอาออกไป กูกินไม่ลง” นายทศพูดขึ้น
“ไม่มียาพิษแน่นอนพี่” ลูกน้องของเขาตอบไป
“ถ้างั้นมึงกินให้กูดูก่อนดิ” นายทศตอบไป ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะเอาช้อนของตัวเองกินข้าวไปคำหนึ่ง เมื่อนายทศเห็นว่าลูกน้องของเขาไม่มีอาการอะไรก็รีบหยิบจานข้าวมาแล้วกินในทันที
“แม่งเอ้ย อีบ้านั่น” นายทศสบถออกมา ก่อนที่ในตอนนั้น ลูกน้องอีกคนหนึ่งของเขาก็รีบวิ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็ว
“ลูกพี่ แย่แล้วพี่!!”
“เฮ้ย อะไร ลูกพี่กินอยู่??” ลูกน้องที่เอาข้าวมาให้นายทศถามไป
“พวกตำรวจกำลังมาพี่ พวกมันยกขโยงมาเยอะเลยพี่!!”
“เฮ้ย อะไรวะ??” นายทศตะโกนออกมา
“รีบหนีเถอะพี่ ผมรู้ว่าเราต้องไปที่ไหน” ลูกน้องของนายทศพูดขึ้น
“เออๆๆๆ” นายทศที่พูดไม่ได้เต็มที่เพราะข้าวกำลังเต็มปากก็รับคำ จากนั้นก็รีบตามลูกน้องของเขาออกไปขึ้นรถด้านนอกเพื่อหลบหนีในทันที
ณ โรงแรมหรูในพัทยา ซึ่งจินเยว่ใช้ในการเจรจากับชยาชาญ ในวันนี้ตัวของจินเยว่เองก็ยังคงอึ้งกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่รับผู้อพยพจากภาคอีสานมา และไม่นานนัก เลขาของเธอก็รีบมาหาเธอและรายงานสถานการณ์กับเธอ
“คุณจินเยว่คะ ตอนนี้ได้ความจากตำรวจที่สอบสวนเพิ่มเติมแล้วค่ะ”
“งั้นเหรอ เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” จินเยว่ถามไป
“ชาวบ้านคนนั้นสารภาพทั้งหมดแล้วค่ะ พวกเขาจะเอาเนื้อคนไปกินจริงๆค่ะ”
“ฉันรู้แล้ว แต่ฉันรู้ว่าทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ ทำไมถึงอดยากกันขนาดนี้??” จินเยว่ถามไป
“คือว่า พวกชาวบ้านบอกว่า พวกเขาไปเข้าร่วมกับลัทธิ Cops Eater ค่ะ”
“Cops Eater แปลตรงตัวว่าพวกกินเนื้อศพนี่??” จินเยว่ถามไป
“ค่ะ พวกเขาให้การว่าพวกเขาก็ไม่อยากกิน แต่พวกนั้นบอกว่า ในโลกแบบนี้พวกเขาเลือกกินไม่ได้ และสอนนั่นนี่อีกเพียบ ค่อยๆล้างสมองพวกชาวบ้านหน่ะค่ะ ตอนแรกพวกเขาก็กินแค่ศพ แต่เมื่อคุ้นชิน พวกเขาก็เริ่มจับคนที่ทำความผิดมากินค่ะ”
“บ้าเอ้ย อยากจะอ้วก ไม่อยากจะเชื่อเลย ถ้าอย่างงั้นก็จับตาดูพวกนั้นเอาไว้ก็แล้วกัน” จินเยว่พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง แม่บ้านของโรงแรมก็เดินมาหาเธอ
“คุณจินเยว่คะ อาหารพร้อมแล้วค่ะ”
“ฉันกินอะไรไม่ลง เอาไว้รอคุณชาญมาถึงก่อนแล้วค่อยว่ากันแล้วกัน ไม่ไหวๆ” จินเยว่พูดไป
“ขอโทษค่ะที่เอาเรื่องนี้มาเล่า” เลขาของเธอบอกไป
“อ่าๆๆ ช่างมันเถอะ ฉันมันอยากรู้เอง” จินเยว่ตอบไป
กลับมายังป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ของกลุ่ม Scavs กองกำลังของนายพร หลังจากที่พวกเขาจัดการกับกลุ่มคนที่จะมาโจมตีพวกเขาได้แล้ว พวกเขาก็รีบเก็บอาวุธทั้งหมดของพวกมัน รวมถึงรถที่ใช้การได้ พวกเขาเอามันไปรวมกันไว้เพื่อตรวจสอบว่ามีอะไรใช้ได้บ้าง
“ลูกพี่ครับ เราได้อาวุธมาเพียบเลย ส่วนใหญ่เป็นปืนไรเฟิลจู่โจมด้วยครับ”
“เออ แจกจ่ายอาวุธไป แล้วมีอะไรที่ใช้ได้อีกบ้าง??” นายพรถามไป
“ยังมีรถพวกมันบางคัน เราเอามันไปซ่อนไว้แล้วครับ”
“เออ ดี พวกมันต้องมาอีกแน่” นายพรพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังเข้ามาใกล้พวกเขา มันบินเข้ามาใกล้และสาดปืนกลใส่พื้นที่ที่พวกเขาอยู่
“ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”
“เวรแล้ว รีบไปหลบบนเขา เร็ว!!” นายพรที่เห็นก็บอกกับทุกคน จากนั้นไม่นานกลุ่มชางบ้านก็พากันหนีขึ้นเขาอย่างรวดเร็ว คนของนายพรพยายามยิงสวน แต่ปืนที่พวกเขามีส่วนใหญ่จะยิงไม่ถึงเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น
“เฮ้ย ไม่ต้องยิง พวกแกยิงไม่ถึงหรอก รีบหนีก่อน!!” นายพรตะโกนออกคนอื่นๆ จากนั้นไม่นานนัก เฮลิคอปเตอร์ของพวกมันก็หันกลับไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งพวกเขาไม่รู้ว่ามันไปที่ไหน และสถานการณ์ทุกอย่างก็เบาลง
“เวรเอ้ย สงสัยพวกมันคงจะกลับไปบอกพวกมันแน่ๆ รีบไปจากที่นี่เถอะ!!” นายพรพูดขึ้น
ณ ที่ไหนซักแห่งในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ หลังจากที่บลูมผ่านเขตชายแดนจังหวัดชัยภูมิมาได้แล้ว ตัวของเธอก็เดินทางไปเรื่อยๆ เพื่อไปยังจังหวัดพิษณุโลก และไม่นานนัก เธอก็เหลือบไปมองที่ป้ายจราจรไปด้วย
“นครสวรรค์ 10 กิโลเมตร”
“อืม อีกไม่นานแล้วสินะ” บลูมคิดในใจจากนั้นก็เร่งเครื่องอย่างเต็มที่ ไม่นานนัก ตัวของเธอก็เดินทางมาถึงถนนหลวงซึ่งมุ่งตรงไปทางเหนือ ตัวของเธอขี่มอเตอร์ไซค์ไปเรื่อยๆ แต่ในตอนนั้นเอง ตัวของเธอก็เห็นรถทหารมากมายกำลังขับสวนเลนกับเธอ
“บรื้น!!”
“โห อะไรกันวะเนี่ย??” บลูมคิดในใจ พร้อมกันนั้นก็มีเฮลิคอปเตอร์ฝูงหนึ่งบินผ่านหัวของเธอด้วย
“เฮ้ย ท่าทางจะมีการรบใหญ่นะเนี่ย” บลูมพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเธอจะมาหยุดอยู่ตรงไฟแดงแห่งหนึ่ง ซึ่งเสาไฟแดงนั้นมีศพของชายคนหนึ่งถูกตั้งประจานเอาไว้อย่างน่าเวทนา
“ผมเป็นโจรขายชาติ..”
“เฮ้อ อะไรกันหมดวะเนี่ยเมืองนี้??” บลูมพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ตัวของเธอก็เห็นเด็กคนหนึ่งกำลังวิ่งเอาพวงมาลัยมาให้กับเธออย่างรวดเร็ว
“พวงมาลัยค่ะ พวกละ 20 ค่ะ”
“อ้อ แป๊ปนะ” บลูมพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็หยิบเอาแบงค์ร้อยขึ้นมา แล้วก็ยื่นให้กับเด็กคนนั้นอย่างรวดเร็ว เด็กคนนั้นเอาพวงมาลัยยื่นให้เธอพวงหนึ่ง จากนั้นก็รีบวิ่งกลับไป
“ไฟเขียวซะที” บลูมพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเธอก็รีบบึ้งรถออกไปอย่างรวดเร็ว เธอขี่ไปตามถนนเรื่อยๆ ท่ามกลางพวกทหารจักรวรรดิไทยที่กำลังเคลื่อนพลไปที่ไหนซักแห่งอย่างรวดเร็ว
ณ น่านฟ้าที่ไหนซักแห่งในอ่าวไทย เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือของนาวาเอกการิน เฮลิคอปเตอร์ที่เขามาตอนนี้เดินทางมาถึงโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ฮอลงจอดที่ลานจอดรถแถวนั้น ไม่นานนักการินเองก็ลงจากฮออย่างรวดเร็ว
“ขอต้อนรับครับท่าน!!” ทหารคนหนึ่งที่ประจำอยู่ที่โรงแรมก็มาต้อนรับเขา
“อืม โทรหาบากาดอฟให้ฉันหน่อย” การินพูดขึ้น จากนั้นคนของเขาก็เอาโทรศัพท์มาให้กับการิน การินรีบรับสายในทันที
“ฮัลโหล บากาดอฟ ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง??”
“ยังปกติค่ะ คุณการินเดินทางปลอดภัยดีนะคะ??”
“อ้อ ผมถึงที่แล้วหล่ะ กำลังรอคุณกฤตอยู่” การินตอบไป
“อ้อค่ะ ได้ข่าวว่าที่นั่นอากาศดีนะคะ”
“แน่นอน เอาไว้ว่างๆ คุณก็ลองมาแล้วกัน” การินพูดขึ้น และไม่นานนัก ทหารคนหนึ่งของการินก็รีบมารายงานอะไรบางอย่างกับเขา
“ท่านครับ ทหารชองเราบอกว่าอีก 5 นาทีคุณกฤตจะเดินทางมาถึงครับ”
“อืม แค่นี้ก่อนนะ พวกเขากำลังมาแล้ว” การินพูดขึ้น
“ค่ะ โชคดีค่ะท่าน” บากาดอฟพูดจบก็วางสายไป
ณ ตลาดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านของไนซ์และแจนรี่เท่าไหร่นัก พวกเขาทั้งคู่เดินไปตลาดเพื่อจับจ่ายใช้สอยรวมถึงซื้อของเพิ่มเติมเพื่อเป็นเสบียงในการเดินทาง ไนซ์และแจนรี่เดินเข้าไปในร้านขายอาหารร้านหนึ่ง พวกเขาทั้งคู่รีบเดินไปยังโซนอาหารแห้งในทันที
“โอเค เราจะเอาแต่อาหารแห้งเหรอคะ??” แจนรี่ถามไป
“ครับ เราต้องเดินทางอีกไกล อีกไม่นานนี้แล้วครับ” ไนซ์ตอบไป
“อ้อค่ะ” แจนรี่ตอบไป จากนั้นตัวของเธอก็รีบเลือกอาหารแห้งอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของไนซ์ก็เดินไปดูโน่นดูนี่ด้วย แต่พยายามอยู่ไม่ห่างจากแจนรี่ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ชายคนหนึ่งในร้านก็เกิดอาการอะไรบางอย่าง ทำให้ตัวของเขาถึงกับลงไปนอนชักดิ้นชักงอ
“เอ้ย ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ!!” พนักงานร้านที่เห็นก็ตะโกนออกมา ทุกคนรีบมาดูอาการของชายคนนั้น โดยเฉพาะแจนรี่ ตัวของเธอรีบมาดูอาการของเขาในทันที
“เอ้ย คุณทำอะไรคะเนี่ย??” พนักงานร้านถามไป
“ฉันเป็นพยาบาลค่ะ” แจนรี่ตอบไป ในตอนนั้นเองไนซ์ก็เดินมาดูแฟนของเขาด้วย
“อาการแพ้กัมมันตรังสีอย่างรุนแรง ที่เขาได้รับมันนานแค่ไหนแล้วเนี่ย??” แจนรี่พูดขึ้น แต่ไม่มีใครตอบเลย ก่อนที่ไม่นาน แจนรี่เองก็หยิบยาอะไรบางอย่างออกมา แล้วเอาใส่ปากเขา
“เอ้ย ยาอะไรคะเนี่ย??” พนักงานร้านถามไป
“ยาแก้แพ้กัมมันตรังสีหน่ะค่ะ แต่มันช่วยได้แค่ชั่วคราว ดูจากอาการของเขาแล้ว ถ้าไม่รีบส่งโรงบาล ไม่รอดแน่” แจนรี่พูดขึ้น
“พอมีใครเรียกรถพยาบาลได้หรือเปล่าครับ??” ไนซ์ถามไป และไม่นานนัก พวกเขาก็ได้ยินเสียงรถคันหนึ่งขับมาจอดที่ร้าน จากนั้นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาด้านใน ซึ่งนั่นก็คือกู้ภัยอาสานั่นเอง
“รีบเอาผู้ป่วยมาครับ!!” กู้ภัยคนหนึ่งตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาก็รีบแบกร่างของชายคนนั้นขึ้นรถในทันที ก่อนที่สถานการณ์ทุกอย่างจะคลี่คลาย
“เราคิดเงินแล้วไปกันเลยดีกว่านะ” ไนซ์บอกกับแจนรี่ จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ไปที่แคชเชียร์และทำการคิดเงิน หลังจากที่พวกเขาทั้งคู่ซึ่งของแล้ว พวกเขาก็พากันเดินกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
“เกือบไปแล้วนะคะเนี่ย” แจนรี่พูดขึ้น
“ครับ แต่คุณทำดีมากนะครับวันนี้” ไนซ์บอกไป
“แหม่ ก็ฉันคงทนดูเฉยๆไม่ได้หรอกค่ะ” แจนรี่ตอบไป
“ครับ ผมหวังว่าพวกมันจะไม่มีใครตามมาเห็นเรานะครับ” ไนซ์ตอบไป
“อย่าคิดมากไปเลยค่ะ” แจนรี่พูดขึ้น
“คร้าบๆ ได้เสมอถ้าคุณขอ” ไนซ์พูดขึ้น ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินกลับบ้านอย่างมีความสุข แต่หารู้ไม่ว่าพวกเขาทั้งคู่กำลังถูกใครบางคนสะกดรอยตาม มันเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปพวกเขาทั้งคู่
“แชะ!!”
หลังจากที่มันถ่ายรูปเสร็จ มันก็กดโทรศัพท์หาใครบางคนอย่างรวดเร็ว
ที่คฤหาสน์ของแดเนียล ในวันนี้ตัวของแดเนียลกำลังเดินตรวจโกดังของเขาเพื่อตรวจสอบของว่าพร้อมจะขายหรือเปล่า ในระหว่างที่เขากำลังเดินตรวจ ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาหาเขาและรายงานอะไรบางอย่างกับเขาอย่างรวดเร็ว
“นายครับ!!”
“เออ มีอะไรอีกหล่ะ ว่ามาเลย??” แดเนียลถามไป
“สายของเราเจอผู้หญิงคนนั้นแล้วครับ”
“เฮ้ย จริงเหรอ มันอยู่ที่ไหน??” แดเนียลถามไป
“มันทั้งคู่เช่าบ้านอยู่ไม่ไกลจากที่ที่พวกเราอยู่ เอายังไงต่อครับ??”
“ถ้าจัดการได้ก็จัดการเลย อย่าลืมนะ จับเป็นผู้หญิง ส่วนผู้ชาย จะเอายังไงก็ตายแล้วแต่พวกมึงเลย แต่เอาให้ชัวร์ว่ามันตายสนิทนะเว้ย!!” แดเนียลบอกไป ก่อนที่ไม่นานนัก ลูกน้องของเขาจะรีบออกไปในทันที
“นายครับ เราจะส่งของพวกนี้ในกี่วันครับ??” ลูกน้องของเขาอีกคนที่จัดการเรื่องของถามไป
“อืม พร้อมส่งเมื่อไหร่ก็ส่งไปเลย” แดเนียลพูดขึ้น
“ครับ แต่เราต้องหาคนคุ้มกันขบวนเพิ่มนะครับ”
“เออ ถึงยังไงเราก็หาได้อยู่แล้ว” แดเนียลพูดไป และในตอนนั้นเอง ลูกน้องของเขาอีกคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาหาเขาเพื่อรายงานอะไรบางอย่างกับเขา
“นายครับ เกิดเรื่องที่หมู่บ้านที่เราเพิ่งยึดไปครับ พวกนั้นเริ่มซุ่มโจมตีพวกเราแล้วครับ”
“ห่ะ ซุ่มโจมตี ยังไงวะ??” แดเนียลถามไป
“พวกมันโจมตีเราที่ไร่ที่เรากำลังสำรวจ พวกมันโจมตีและหายไปอย่างรวดเร็วเลยครับ”
“บ้าเอ้ย ถ้างั้นก็เอาอะไรมาล้อมไร่เอาไว้สิ ทำกำแพงก็ได้” แดเนียลพูดขึ้น
“แต่เราจะหาคนจากไหนหล่ะครับ??”
“ก็ไปเกณฑ์พวกผู้อพยพมาก็ได้ ทำยังไงก็ได้ ไปจัดการสิวะ!!” แดเนียลตะโกนออกมา
ณ ชายแดนจังหวัดอ่างทอง สิงห์บุรี ในตอนนี้ตัวของอาคุมุและโคลเวอร์ก็เดินทางถึงจังหวัดสิงห์บุรีเรียบร้อยแล้ว พวกเขาทั้งคู่เดินเข้าไปโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในซอยไม่ห่างจากถนนมากนัก ซึ่งมันดูเป็นโรงแรมธรรมดา และเมื่อเข้าไป โคลเวอร์กลับไม่เห็นใครอยู่ในนั้นเลย
“มีใครอยู่หรือเปล่าคะ??” โคลเวอร์ตะโกนถาม แต่ยังไม่มีเสียงตอบกลับเลย
“ดูเหมือนว่าจะทิ้งร้างซะแล้ว” อาคุมุพูดขึ้น
“ถ้างั้นโรงแรมนี้ก็เป็นของเราสินะคะ” โคลเวอร์พูดขึ้น
“แต่ก็อย่าประมาท เพราะฉันก็ได้กลิ่นแปลกๆ” อาคุมุพูดขึ้น
“คิดมากน่าลุง ที่นี่ดูแล้วก็สะอาดดีนะ” โคลเวอร์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็รีบเดินไปที่เคาน์เตอร์พนักงาน จากนั้นก็ลองหยิบกุญแจ ตัวของเธอหยิบกุญแจชั้นสอง จากนั้นก็พาอาคุมุไปในทันที โคลเวอร์ใช้กุญแจไขประตูห้องที่เธอเลือกเอาไว้ ซึ่งข้างในห้องเป็นเตียงใหญ่เตียงหนึ่ง ตัวของโคลเวอร์ไม่รอช้ารีบเข้าไปในห้องน้ำในทันทีแล้วลองเปิดน้ำดู ปรากฏว่าน้ำใช้ได้
“น้ำไหลด้วยค่ะลุง ไฟติดด้วย สบายแล้วเรา” โคลเวอร์พูดขึ้น
“อืม ถงึยังไงก็ระวังด้วย มันอาจจะมีอะไรมาเล่นงานเรา” อาคุมุพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ล็อคประตูห้อง จากนั้นก็ไปนอนอยู่ข้างๆเตียงนอนแถวนั้น
“อ้าว ทำอะไรหล่ะลุง??” โคลเวอร์ถามไป
“ฉันนอนนี่หล่ะ เอาหมอนให้ฉันด้วย” อาคุมุพูดขึ้น
“เอ้ย ลุงไม่ปวดหลังเหรอ??” โคลเวอร์ถามไป
“ไม่หรอก ฉันนอนยังไงก็ได้ ไม่เกี่ยงหรอก” อาคุมุพูดขึ้น โคลเวอร์หยิบหมอนบนเอาไปให้อาคุมุในทันที ตัวของเธอไปค้นตู้เสื้อผ้าเพิ่มเติม พบว่าด้านในยังมีผ้านวมอยู่อีกผืน โคลเวอร์รีบหยิบมาให้อาคุมุในทันที
“นี่ลุง เอาไปปูนอนนะ” โคลเวอร์พูดขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก เราคงอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นาน” อาคุมุพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง
“กุกๆๆ”
พวกเขาทั้งคู่ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาแตไกล พวกเขาทั้งคู่รีบเงียบในทันทีเพื่อฟังเสียง
“ลุง ได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า??” โคลเวอร์กระซิบบอกกับอาคุมุ
“จะพูดพอดีเลย รออยู่นี่” อาคุมุพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินเข้าใกล้ห้องของเขา อาคุมุชักดาบของเขาออกมา ส่วนโคลเวอร์ก็เตรียมปืนของเธอด้วย แต่ในตอนนั้น มันก็ค่อยๆผ่านห้องของพวกเขาไป
“เฮ้ย ถ้าพวกมึงไม่ปล่อยกู พวกมึงเดือดร้อนแน่ พ่อกูต้องมาช่วยกู!!”
“หุบปาก กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าพ่อมึงจะราคาคุยหรือเปล่า??”
“เฮ้ย พ่อมันจะมาหรือเปล่า??”
“แน่นอน เราก็แค่ต่อรองกับมัน ไม่งั้นลูกมันตายแน่..” จากนั้นไม่นานเสียงก็ค่อยๆผ่านห้องของพวกเขาไป
“ลุงได้ยินหรือเปล่าคะ??” โคลเวอร์กระซิบข้างหูอาคุมุ
“ดูเหมือนจะเป็นการจับเรียกค่าไถ่นะ” อาคุมุพูดขึ้น
“แล้วเราจะอยู่เฉยๆเหรอคะ??” โคลเวอร์ถามไป
“ไม่รู้สิ เราคงต้องวางแผนกันก่อน รอให้พวกมันแยกย้ายกันก่อน แล้วเราค่อยจัดการ ไม่ต้องห่วงไป เธอก็รู้นี่ว่าฉันเป็นตำรวจ” อาคุมุบอกกับโคลเวอร์
ณ บ้านพักของทิพย์ในจังหวัดน่าน ในวันนี้ตัวของเธอเธอกำลังนั่งแช่น้ำอยู่ในอ่างอาบน้ำเพื่อผ่อนคลาย รวมถึงหยิบไวน์มาดื่มไปด้วย แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูมาจากหน้าห้องของเธอ
“เจ๊ครับ มีข่าวด่วนครับ!!”
“อะไรของแกหล่ะ แป๊ป!!” ทิพย์ถามไป ก่อนที่ไม่นาน เธอจะลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าห้องน้ำ จากนั้นก็พูดขึ้น
“เออ มีอะไรพูดมาตรงนี้เลย??” ทิพย์ถามไป
“ครับ มีคนเห็นพวกเราที่หายตัวไปแล้ว แต่ว่า..”
“แต่ว่าอะไร มีปัญหาอะไรหล่ะ??” ทิพย์ถามไป
“คือว่า มีคนเห้นหมอนั่นมาเรียกพวกเราบางคน จากนั้นก็พากลับไปที่เดิมที่มันมา ไม่รู้ว่าที่ไหนครับ”
“อะไรวะ อะไรของมันวะเนี่ย ถ้าอย่างงั้นก็บอกมันห้ามไปไหน ถามันขัดขืนก็ยิงแม่งซะ” ทิพย์พูดไป
“ครับเจ๊ แล้วอีกอย่าง มีข่าวมาว่ากองกำลังจักรวรรดิไทยกำลังโจมตีจังหวัดแพร่ครับเจ๊ เราต้องรีบทำอะไรซักอย่างแล้วนะครับ”
“อ้อ ถ้างั้นก็จับตาดูสถานการณ์เอาไว้ ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรก็รีบย้ายโรงงานเลย เราเตรียมแหล่งที่ 2 แล้วใช่หรือเปล่าหล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอไปพักก่อนนะ” ทิพย์พูดจบก็เดินกลับไปแช่น้ำในอ่าตามเดิม
ณ ถนนเส้นหนึ่งซึ่งกำลังเดินทางลงใต้ รถบรรทุกที่การินอาศัยเดินทางมาด้วยกำลังเดินทางผ่านจังหวัดตากเข้าสู่จังหวัดกำแพงเพชร ในตอนนั้นรถบรรทุกก็ขับเข้าไปยังด่านของทหารจักรวรรดิไทย แต่ยังไม่ทันที่ทหารจะได้ตรวจอะไร ในตอนนั้นเอง
“ปังๆๆๆๆๆๆ!!”
กองกำลังปริศนากลุ่มหนึ่งบุกออกมายิงทหารจักรวรรดิไทยที่ด่านอย่างดุเดือด พวกทหารรีบตั้งรับอย่างรวดเร็ว คนขับรถบรรทุกพยายามจะขับผ่าด่าน แต่ตอนนั้นพวกมันก็วิ่งมาที่รถบรรทุกและพยายามจะปล้นรถคันนั้น
“เฮ้ย ลงมานะเว้ย!!” กลุ่มโจรตะโกนออกมา ในระหว่างที่รถกำลังไปๆหยุดๆ ตอนนั้นการินที่อยู่หลังรถก็ทำอะไรไม่ถูก พวกมันส่วนหนึ่งขึ้นมาที่ด้านหลังรถบรรทุก จากนั้นก็พยายามจะค้นรถเพื่อหาของ
“เฮ้ย ดูว่ามันมีอะไรบ้าง!!” แต่พวกมันยังไม่ทันจนค้นรถ ในตอนนั้นการินก็ตัดสินใจอะไรบางอย่าง เขารีบผลักดชายคนนั้นจนเผลอสะดุดและร่วงลงจากรถ
“ตุ๊บ!!”
“เฮ้ย อะไรวะ??” พวกมันอีกส่วนหนึ่งจะเล็งปืนใส่การิน แต่ตอนนั้นคนขับรถก็สลัดพวกมันหลุด จากนั้นก็รีบขับหนีในทันที พวกโจรพยายามจะยิงใส่การินแต่ไม่ได้ผล การินหลบได้ก่อน
“ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”
รถบรรทุกคันนั้นรีบขับไปตามถนนในทันทีเพื่อหลบหนีโจรพวกนั้น ในตอนนั้นการินก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นเขาก็ไปนั่งพิงกับรถอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พ่อลูกที่อยู่หน้ารถบรรทุกก็พูดคุยกันด้วย
“โชคดีมากเลยพ่อที่มันไม่ปีนขึ้นมาข้างหลัง”
“เอาเถอะ โชคดีเหมือนกันที่มันเอารถไปไม่ได้”
“หวังว่าจะเข้ากรุงเทพได้ไวๆนะพ่อ”
“อืม พ่อเลือกเส้นทางไว้แล้ว ไม่ต้องห่วง”
ณ เขตที่ตั้งของคริสตัลปริศนา ในตอนนี้หัวหน้านักบวชมารได้ส่งสาวกของเขาออกลักพาตัวคนเพื่อมาเป็นทาสของเขาผ่านพิธีอะไรบางอย่าง เมื่อพวกเขาเข้าเขตคริสตัล พวกเขาก็ถูกล้างสมองไปโดยบันดล ในขณะเดียวกันนั้นเอง นาตาชาเองก็กลับมาหาหัวหน้านักบวชมาร จากนั้นก็รายงานอะไรบางอย่างกับเขา
“ท่านเจ้าคะ แย่แล้วเจ้าค่ะ”
“มีเรื่องอะไรหล่ะ??” หัวหน้านักบวชมารถามไป
“พวกทหารชุดดำกำลังจะมาที่นี่เจ้าค่ะ”
“มันมาเยอะหรือเปล่า??”
“เป็นร้อยเลยเจ้าค่ะ” นาตาชาตอบไป
“ดี ข้าเตรียมการไว้แล้ว เมื่อพวกมันเข้ามา พวกมันจะไม่รอดซักคน เราฆ่าพวกมันชุดแรกเพื่อกระตุ้นความโกรธพวกมัน สำหรับปลาที่กินเบ็ดแล้ว ยิ่งตัวใหญ่เท่าไหร่ยิ่งดี เจ้ารีบไปจัดการตามแผนเถิด”
“ค่ะ” นาตาชาตอบไป จากนั้นตัวของเธอก็รีบเดินออกไปในทันที
กลับมายังค่ายของอัลดริช ในวันนี้ตัวของเขากำลังนั่งจิบไวน์อย่างสบายใจ และไม่นานนัก ฟิลิปและเมดิเยอก็เคาะประตูและเปิดประตูเข้ามาในห้องของเขาอย่างรวดเร็ว
“ท่านครับ เรื่องที่เราคุยกันไว้ ตอนนี้สมาชิกคนสำคัญที่คุมกรุงเทพกำลังจะถึงจังหวัดประจวบแล้วครับ” ฟิลิปพูดขึ้น
“เออ แล้วเตรียมคนพร้อมหรือยัง??” อัลดริชถามไป
“เรียบร้อยแล้วครับ เราซุ่มไว้ทุกจุดแล้วครับ” เมดิเยอตอบไป
“ดี ประกาศศักดาหน่อยว่าพวกเราเป็นใคร” อัลดริชพูดขึ้น
“ท่านครับ ตอนนี้เรากำลังนำทัพบางส่วนบุกทางตะวันตกและภาคใต้ของไทยแล้ว แต่พวกมันต่อต้านเราหนักครับ และในกรุงเทพ ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายเลยครับ” ฟิลิปพูดขึ้น
“เออ ฉันเข้าใจ ยังไงก็เตรียมพร้อมแล้วกัน เมดิเยอ จัดการให้หมดเลยนะ” อัลดริชพูดขึ้น
“รับทราบครับท่าน” เมดิเยอรับคำสั่งไป
ณ ห้างสรรพสินค้าของเจมส์ หลังจากที่เจมส์ได้ทำสัญญาซื้อขายสินค้ากับซัพพลายเออร์เจ้าใหม่ ตอนนี้ห้างของเจมส์ก็มีของมาเพิ่มสม่ำเสมอ ตัวของเขาเดินตรวจห้างสรรพสินค้าที่ตอนนี้มีคนมาจับจ่ายซื้อของกันมากมาย
“ดูเหมือนว่าลูกค้าจะมากันเยอะกว่าเดิมนะเนี่ย” เจมส์พูดขึ้น
“ครับป๋า ก็ตอนนี้เรามีของเพิ่มนี่ครับ”
“อืม ตอนนี้เราเองก็คงต้อง..” ยังไม่ทันที่เจมส์จะพูดจบ ในตอนนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นมาแต่ไกล ทำเอาทั้งลูกค้าและพนักงานถึงกับตกใจมาก
“เฮ้ย มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย??” เจมส์ถามไป
“สงสัยสงครามใกล้จะมาถึงเราแล้วมั้งครับป๋า??”
“เอ้ย ไม่น่าเป็นไปได้” เจมส์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ตัวของเขาก็ได้ยินเสียงประกาศอะไรบางอย่างดังมาจากด้านนอกห้าง ตัวของเจมส์รีบเดินออกไปดูในทันที ไม่นานนัก เขาก็พบว่ามีกลุ่มชายชุดขาวติดอาวุธกำลังยืนถือป้ายและปรพกาศอะไรบางอย่างไปด้วย
“เราจะปลอดภัยในหัตถ์ของพระเจ้า หากเราเดินตามพระองค์..”
“อะไรกัน ยังมีพวกสอนศาสนาอยู่เหรอเนี่ย??” เจมส์ถามไป
“ตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับป๋า พวกนี้มีปืนด้วยครับ”
“แปลกๆแหะ แค่สอนศาสนาต้องพกปืนด้วย” เจมส์พูดไป
“จะให้ไปเรียกพวกเราที่หลังร้านมั้ยครับป๋า??”
“อย่าเพิ่ง ตอนนี้พวกมันยังไม่ก่อเรื่องอะไรก็ปล่อยพวกมันไปก่อนแล้วกัน” เจมส์บอกกับลูกน้องของเขา
ณ ถนนเส้นหนึ่งในภาคอีสาน ซึ่งมันมุ่งตรงไปยังจังหวัดลพบุรี โทรุขับรถโดยใช้เส้นทางลับเพื่อเลี่ยงการตรวจเจอโดยทหารของจักรวรรดิไทย พวกเธอเดินทางกันเรื่อยๆ โดยที่โทรุเองก็พูดคุยกับองค์หญิงไปด้วย
“องค์หญิง ตอนนี้เราเข้าเขตพวกจักรวรรดิไทยแล้ว เราต้องระวังตัวนะคะ” โทรุพูดขึ้น
“อืม ได้ยินว่าพวกนั้นต่อต้านคนต่างชาติด้วยนี่??” องค์หญิงตอบเป็นภาษามือไป
“ใช่ค่ะ พวกเขาประหารโดยไม่มีตัดสินเลยค่ะ” โทรุตอบไป
“อืม ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องระวังกันหน่อย มีข่าวมาว่าแอนนาอยู่ที่ภาคกลางด้วย” องค์หญิงใช้ภาษามือพูดขึ้น
“อ้อ จะว่าไป ไม่ได้เจอแอนนาตั้งนานเลยนะคะเนี่ย ตั้งแต่เธอมาทำงานที่เมืองไทย ไหนจะซาซ่าอีก เธอรับงานมาที่ลาวแต่เราไม่เจอเธอเลย” โทรุพูดขึ้น
“เอาเถอะ หวังว่าจะได้เจอพวกนั้นเร็วๆแล้วกัน” องค์หญิงตอบด้วยภาษามือ และในตอนนั้นเอง พวกเธอก็เห็นรถทหารขบวนหนึ่งขับผ่านพวกเธอ ทำเอาพวกเธอถึงกับแปลกใจเล็กน้อย
“พวกทหารนี่ พวกนั้นจะไปไหนกันเนี่ย??” โทรุถามไป
“อืม ดูเหมือนพวกมันกำลังจะไปภาคอีสานนะ” องค์หญิงออกความเห็นไป
“ดูเหมือนว่ากำลังจะมีสงครามในภาคอีสานนะคะเนี่ย” โทรุตอบไป ในขณะที่เธอก็ขับรถเดินทางไปตามถนนเรื่อยๆ
ณ เขตป่าแห่งหนึ่งใน ซึ่งอยู่ในจังหวัดสิงห์บุรี กลุ่มของวินและไมนฮาร์ทเดินเท้าหนีข้ามจังหวัดเพื่อหลบหนีจากการตามล่าของกองกำลังจักรวรรดิไทย และเมื่อมาถึงเขตชายป่าแห่งหนึ่ง พวกเขาเลยตัดสินใจว่าจะพักกันก่อน
“โอเค พักที่นี่เถอะทุกคน!!” ไมนฮาร์ทตะโกนออกมา จากนั้นไม่นานพวกเขาก็แยกย้ายกันไปพักก่อน ส่วนไมนฮาร์ทเองก็มานั่งคุยกับกลุ่มของวิน
“เออนี่ คงไม่ว่าอะไรนะถ้าฉันจะรู้แผนของพวกนายด้วย??” ไมนฮาร์ทถามไป
“พวกเราแค่พยายามฝ่ากลุ่มทหารของพวกมันขึ้นเหนือ แต่หลังจากนั้นก็คงต้องรอดูกันต่อครับ” วินตอบไป
“เท่าที่ตามสถานการณ์ พวกมันเองก็กำลังเปิดศึกหลายด้าน แถมในประเทศยังมีกลุ่มโจรมากมายที่คอยโจมตีพื้นที่อีก” ไนอาลาพูดขึ้น
“แต่ดูจากจำนวนคนและอาวุธ เราปะทะกับมันตรงๆ เราตายแน่ครับ” เมตพูดขึ้น
“นั่นสิ นั่นก็แปลว่าเราต้องเข้าป่าและเดินทางไปเรื่อยๆสินะ” เวย์ตอบไป
“หรือไม่ เราก็คงต้องรอให้สถานการณ์เบาลงกว่านี้” ฟรีพูดขึ้น
“แต่มันจะเบาลงยังไงหล่ะคะ พวกมันโจมตีมากขึ้นทุกวันแบบนี้??” รินถามไป
“อย่าที่คุณไนอาลาบอก พวกมันทำศึกหลายด้าน คงไม่ไหวหรอก” โรสพูดขึ้น
“หรือไม่เราก็ดักซุ่มโจมตีพวกมัน ให้พวกมันระส่ำระส่ายไปด้วย” แอนนาพูดขึ้น
“เห็นด้วยค่ะ ถ้าจำนวนคนกับอาวุธเราเป็นรอง เราคงต้องเล่นกับมันแบบนี้เท่านั้น” ซาซ่าพูดขึ้น
“เฮ้อ ถ้าพวกมันมาฉันจะฆ่าพวกมันให้หมด!!” ไอ้หมูป่าพูดขึ้น
“เออ ฉันไม่อยากพูดแล้วนะ” ซูหยินพูดขึ้น ทำเอาทุกคนถึงกับหัวเราะออกมา
“ถ้าเราจะซุ่มโจมตี พวกเราต้องมีชัยภูมิที่ดีกว่านี้” โซฮานพูดขึ้น
“ถ้าเรื่องชัยภูมิ พวกฉันมีพรานเก่งๆอยู่ น่าจะพอหาทางได้” ฮานาพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น เราคงต้องซุ่มโจมตีและเก็บอาวุธของพวกมันให้ได้มากที่สุด แล้วก็หนีไปเรื่อยๆ รอจนกว่าจะมีอะไรคืบหน้าเพิ่มเติมครับ” วินบอกกับทุกคนไป
====================================================================
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย
ขอของขวัญด้วยเน้อ แหะๆๆ!!
ความคิดเห็น