ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn Hero - เกิดอีกที ครั้งนี้ต้องลุย

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 8 : เพื่อน

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 64


    ตกเย็นในวันนั้น ภาภินได้ตรวจสอบพื้นที่ของร้านอาหารของอัญชัน ซึ่งพวกเขารีบหาทางหนีทีไล่กันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะไปช่วยเพื่อนของอากิระ และไม่นานนัก เมื่อพวกเขาวางแผนกันเสร็จ พวกเขาก็รีบไปขึ้นโดรนอย่างรวดเร็วเพื่อออกเดินทาง โดยที่ดันเต้ก็คอยเฝ้าที่นี่เผื่อว่ามันมีอะไรเกิดขึ้น ดันเต้ ลันโทสและซีโร่รีบไปโดรนอย่างรวดเร็วเพื่อไปคุยกับคนที่จะออกลุย

    “เอาหล่ะ ผมจะให้โดรนจอดที่จุดนัดพบนะครับ พอช่วยเขาได้แล้วก็รีบมาเลยนะครับ” ดันเต้พูดขึ้น

    “ครับผม เราจะรีบกลับมาครับ” นาวินพูดขึ้น

    “ยังไงก็ระวังตัวกันด้วยนะครับ ผมสังหรณ์ใจเรื่องนี้แปลกๆ” ลันโทสบอกคนอื่นๆไป

    “ไม่ต้องห่วงหรอก คุณก็รู้นี่ว่าพวกเราเป็นยังไง” ฮารุพูดขึ้นพลางเตรียมอาวุธของเธอ

    “ครับ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม เราจะส่งกำลังเสริมไปครับ” ซีโร่พูดขึ้น จากนั้นไม่นานโดรนก็ค่อยๆออกบินอย่างรวดเร็ว โดรนลำนั้นรีบมุ่งหน้าเข้าไปในเมืองอย่างรวดเร็ว และไม่นานนักพวกเขาก็รีบนัดแนะภารกิจกันด้วยก่อนที่พวกเขาจะไปถึงที่นั่น

    “เอาหล่ะอากิระ เราจะไปที่นั่น ช่วยเพื่อนนายออกมา คราวนี้ฉันหวังว่านายจะไม่วอกแวกนะ เพื่อเพื่อนของนาย” นาวินพูดขึ้น

    “ผมรู้น่าพี่ว่าต้องทำยังไง” อากิระพูดพลางใส่กระสุนปืนของเขาไป

    “โอเค พวกมันคงจะมีแต่ลูกกระจ๊อกแน่นอน เชื่อได้เลย” เวียนพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ภาภินก็ติดต่อนาวินอย่างรวดเร็ว

    “พี่วิน ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังจะไปล้อมร้านเพื่อนพี่อากิระแล้ว!!”

    “ได้ๆ เดี๋ยวเราจะรีบไปเลย” นาวินตอบกลับไป

    “เราต้องเข้าเร็วและออกเร็วนะ ไม่อย่างงั้นตายแน่” โจไซอาห์พูดขึ้น

    “แน่นอน เราคงไม่อยู่ปะทะกับพวกมันหรอก” อินเนสซ่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน จู่ๆ นายลุ้นก็หยิบไพ่อะไรบางอย่างของเขาขึ้นมา แล้วเอามาให้คนอื่นดูอย่างรวดเร็ว

    “TRAP!!”

    “โห งานนี้น่าจะยากสำหรับเราแล้วหล่ะ” นายลุ้นพุดขึ้น

    “ถึงยังไงฉันก็ไม่กลัวหรอก!!” อากิระพูดขึ้นอย่างหนักแน่น

    “โห โคตรพระเอกเลยพี่ชาย” โลร็องต์พูดขึ้นพลางปรบมือให้

    “เออๆ ก็ถ้าเพื่อนนายโดนเล่นงาน นายจะอยู่เฉยเหรอ??” ลูโดวิกถามไป

     “ถึงยังไงก็ต้องลองเสี่ยงเพื่อช่วยเพื่อน ใช่หรือเปล่าคะพี่??” ลาลินถามไป

    “แน่นอน รอไปดูหน้างานก่อนดีกว่าแล้วค่อยว่ากัน” นาวินพูดขึ้น จากนั้นโดรนของพวกเขาก็ค่อยๆบินต่อไปเพื่อไปช่วยเหลือเพื่อนของอากิระอย่างรวดเร็ว 

     

    ตกเย็น บริเวณถนนเส้นหนึ่ง ซึ่งละแวกนั้นเป็นตลาดกลางคืนซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินผ่านไปผ่านมามากมาย แต่ในตอนนั้นที่โต๊ะใหญ่ตัวหนึ่ง กลุ่มของฮาเวิร์ดซึ่งในวันนี้นำโดยลีน่า ก็มานั่งรออะไรบางอย่างที่โต๊ะตัวนั้น พร้อมกับสั่งอาหารมานั่งกินด้วย ลีน่ากินอาหารไทยที่เธอสั่งมาอย่างเอร็ดอร่อย

    “อืม อาหารที่นี่อร่อยมาก เขาเรียกจานนี้ว่าอะไรนะ??” ลีน่าถามไป

    “ผัดพริกแกงครับ ว่าแต่ คุณว่าข่าวของคุณถูกต้องแน่เหรอครับ??” จ่าชัยถามไป

    “แน่นอน สายของฉันทำงานไม่เคยพลาดเลย” ลีน่าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เราไปบอกให้ชาวบ้านที่ไม่เกี่ยวข้องหลบไปก่อนดีกว่านะครับ” แสงจันทร์พูดขึ้น

    “ผมเห็นด้วย ไม่อย่างงั้นชาวบ้านชาวเมืองจะเดือดร้อนได้” ยูริพูดเสริม

    “รอไปก่อน ตอนนี้อย่าเพิ่งให้ไก่ตื่น ฉันเตรียมของไว้แล้ว” ลีน่าตอบไป

    “แต่ว่า เรามาโดยไม่บอกคุณคริลเตียล แบบนี้มันจะดีเหรอครับ??” ฮาเวิร์ดถามไป

    “ไม่เป็นไรหรอก เกิดอะไรขึ้นฉันคุยกับเขาเอง” ลีน่าพูดขึ้น พลางดูดน้ำลำไยไปจนหมดแก้ว

    “ไม่รู้ว่าพวกมันจะมาที่นี่จริงหรือเปล่านะ” เวอร์รีนพูดขึ้น

    “นั่นสิ กาลีน่า ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง??” รูกิวอบอกกาลีน่าที่ซุ่มอยู่ในตึกหลังหนึ่ง

    “ตอนนี้เหตุการณ์ยังปกติ หน้าร้านยังปกติอยู่” กาลีน่าพูดขึ้น

    “เฮ้อ เมื่อไหร่พวกมันจะมาซะทีนะเนี่ย??” วูฟถามอย่างสงสัย 

    “เออ อยู่เฉยๆไปเหอะ รอดูท่าทีไปก่อนก็แล้วกัน” รูกี้พูดขึ้นพลางตักสุกี้แห้งเข้าปากไปด้วย

     

    กลับมายังที่กบดานของดันเต้ ในตอนนั้นตัวของดันเต้ก็พยายามจะตามข่าวช่วยเหลือนาวินที่กำลังออกปฏิบัติงานของนาวิน โดยที่ตัวของภาภินกำลังหาข้อมูลเพื่อช่วยเหลือ ดันเต้ก็คอยตรวจสอบอุปกรณ์ไปด้วย ในขณะเดียวกัน โทรศัพท์ของลันโทส ลันโทสรีบรับสายอย่างรวดเร็ว 

    “ลันโทส นี่ฉันเอง เบ็ตตี้!!”

    ในตอนนั้นลันโทสก็รีบเอาโทรศัพท์ต่อกับจอภาพของดันเต้ในทันที และไม่นานก็ปรากฏภาพของเบ็ตตี้ขึ้นมาบนจอภาพ ทำเอาทั้งสองฝ่ายเห็นกันและกันไปด้วย

    “อ้าว คุณดันเต้ สวัสดีค่ะ”

    “อ้าว คุณเบ็ตตี้เหรอ ลมอะไรหอบคุณมาที่นี่เนี่ย??” ดันเต้ถามอย่างสงสัย

    “อืม จะว่าไป แถวนี้ไม่มีลมซักหน่อยนะ” นายลืมที่นั่งอยู่แถวนั้นพูดขึ้น ทำเอาเบ็ตตี้ถึงกับแปลกใจ

    “อ้อ อย่าไปถือสาเขาเลยครับ” ซีโร่พูดขึ้น

    “ไม่เป็นไรค่ะ แต่ตอนนี้ฉันมีข่าวมาว่าตอนนี้กองกำลังของคริสเตียลกำลังเตรียมโจมตีอีกแล้วค่ะ”

    “ห่ะ อีกแล้วเหรอครับ นี่พวกนั้นไม่รู้จักเข็ดหรือไง??” ซีโร่ถามไป

    “พวกมันคงมีแผนจะกวาดล้างให้หมดแน่ๆ ไม่ว่าพวกมันต้องทำยังไง” ลันโทสพูดขึ้น

    “เอาไว้ผมจะช่วยพวกเขาจัดการเรื่องนี้เองครับ” ดันเต้พูดขึ้น

    “ค่ะ ต้องรบกวนคุณแล้วนะคะ ได้ยินว่าตอนนี้พวกคุณมีผู้เกิดใหม่ฝีมือดีๆมากมายนี่” เบ็ตตี้พูดขึ้น

    “ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมก็แค่ช่วยพวกเขาหน่ะ” ดันเต้พูดขึ้น

    “อืม ค่ะ ดิฉันแค่จะมาเตือนลันโทสเขาหน่ะ ไม่รบกวนแล้วนะคะ เอาไว้ถ้ามีโอกาส เราคงได้ทำงานร่วมกันค่ะ” เบ็ตตี้พูดขึ้น จากนั้นตัวของเบ็ตตี้ก็ตัดสายไปอย่างรวดเร็ว 

    “ด็อกเตอร์ก็รู้จักกับคุณเบ็ตตี้เหรอครับเนี่ย??” ลันโทสถามไป

    “อ้อ เราเคยทำงานด้วยกันนิดหน่อย ทุกวันนี้ยังเสียใจที่ไม่ได้ติดต่อเธอก่อนที่จะจากสหรัฐมาหน่ะครับ” ดันเต้พูดขึ้น

    “อ้อ ผมว่าแล้วว่าทำไมด็อกเตอร์ถึงเก่งขนาดนี้” ซีโร่พูดขึ้น

    “จะว่าไปเรื่องมันก็นานมาแล้ว คิดถึงเหมือนกันนะ” ดันเต้พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินไปมองรูปแขวนใบหนึ่ง ซึ่งตัวของเขากำลังถ่ายร่วมกับนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเบ็ตตี้อยู่ด้วย

     

    กลับมายังเขตร้านอาหารของอัญชัน ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างกำลังดักรอเพื่อเตรียมโจมตีซึ่งกันและกัน โดยที่บรรดาประชาชนมากมายยังคงเดินเที่ยวไปมาแถวนั้น ในตอนนั้นตัวของเบลและพรรคพวกคนอื่นๆที่เดินไปเดินมาแถวนั้นเพื่อหาความช่วยเหลือต่อ เบลไปนั่งที่สวนสาธารณะแถวนั้น โดยที่แก้วและเกเบรียลก็ไปนั่งอยู่แถวนั้นด้วย แต่ในตอนนั้น ตัวของแก้วก็ลุกขึ้นแล้วรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง

    “ทุกคน ฉันว่าฉันรู้สึกแปลกๆ พวกเธอรู้สึกหรือเปล่า??” แก้วถามไป

    “ใช่ เหมือนว่าจะมีคนแบบพวกเราอยู่แถวนี้ด้วย” เกเบรียลพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงขบวนรถขับเข้าไปบริเวณย่านร้านอาหาร ทำเอาพวกเขาถึงกับแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น

    “อะไรกันวะเนี่ย นี่ขนาดมาย่านชุมชนแล้วนะ??” เบลถามไป และในตอนนั้น บรรดาขบวนรถพวกนั้นก็ไปหยุดอยู่ที่บริเวณหน้าร้านของอัญชัน และในตอนนั้นบรรดาชายฉกรรจ์มากมายซึ่งถือไม้และอาวุธระยะประชิดมากมาย แล้วเดินตรงดิ่งไปยังร้านของอัญชันอย่างรวดเร็ว ลีน่าที่ได้เห็นตอนนั้นจึงรีบบอกคนอื่นๆในทันที

    “เฮ้ พวกเรา เตรียมพร้อม!!” ลีน่าพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เตรียมอาวุธกันอย่างรวดเร็ว ทำเอาชาวบ้านแถวนั้นถึงกับตกใจ จนทำเอาลีน่าต้องพูดขึ้น

    “ทุกคนคะ ต่อไปนี้จะมีการบุกจับคนร้าย ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกจากพื้นที่นะคะ!!” 

    ลีน่าพูดภาษาไทยออกมาอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นบรรดาชาวเมืองแถวนั้นจึงรีบออกไปจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว ในขณะที่บางส่วนก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปแถวนั้น และที่หน้าร้านของอัญชัน ซึ่งด้านในยังมีลูกค้านั่งทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่ตัวของอัญชันกำลังทำแกงส้มอยู่ในครัว เด็กของร้านคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาหาอัญชันอย่างรวดเร็ว แล้วก็มาพูดกับเธอ

    “คุณอัญชัน พวกมันมาแล้วครับ!!”

    “แย่หล่ะ รีบปิดร้านเร็ว บอกลูกค้าว่าให้หนีไปที่หลังร้านนะ!!” อัญชันตะโกนออกมา จากนั้นตัวของเธอก็รีบหยิบโทรศัพท์ของเธออย่างรวดเร็ว และรีบโทรไปหาเสี่ยวหลงในทันที 

     

    ย้อนกลับไปสมัยที่ทั้ง 3 คนยังเรียนอยู่ด้วยกัน

    “โอ้ย นี่เธอเอาอะไรมาให้ฉันกินเนี่ย??” อากิระถามหลังจากที่ซดน้ำซุปในถ้วยไป

    “ซุปตุ๊กแกไงหล่ะ ฮ่าๆๆๆ!!” เมื่อทั้งเสี่ยวหลงและอากิระได้ยินก็แทบจะอ้วกแตกอ้วกแตนออกมาอย่างรวดเร็ว

    “ยัยบ้า แบบนี้มันเกิดไปแล้วนะ!!” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “ฮ่าๆๆ ฉันล้อเล่น ทำเป็นตื่นเต้นไปได้ เดี๋ยวฉันเอาไปแก้ให้” อัญชันพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เอาซุปถ้วยนั้นไปปรุงใหม่อย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ทั้งคู่ถึงกับต้องหาอะไรมาล้างปากอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอากิระที่เอาน้ำมาล้างปากแทบจะหมดขวด และไม่นานนัก อัญชันก็เอาน้ำซุปที่ปรุงใหม่แล้วมาให้กับทั้งคู่ได้ทาน แต่ทั้งคู่ก็ยังคงมองหน้ากันและระแวงไปว่าจะมีอะไรหรือเปล่า

    “นี่ ไม่มีอะไรหรอก ปรุงใหม่แล้ว!!” อัญชันพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ตักน้ำซุปเข้าปากพร้อมกันไปอย่างรวดเร็ว

    “เออ ค่อยยังชั่วหน่อย” อากิระพูดขึ้นพลางถอนหายใจหลังจากที่ได้ซดน้ำซุปนั่น

    “นั่นสิ ใจหายหมดเลยเนี่ย ไม่ไหวๆ” เสี่ยวหลงพูดเสริม

     

    เสี่ยวหลงซึ่งในตอนนั้นได้แต่ยิ้มไปหลังจากที่เขานึกถึงเรื่องราวเก่าๆตอนที่ยังอยู่ด้วยกันครบ 3 คน แต่ยังไม่ทันไรในขณะที่กำลังขับรถแลมโบกีนี่ของเขาไปที่ร้านอัญชัน แต่ยังไม่ทันไร โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขารีบต่อบูลธูทและรับสายไปในทันที

    “เสี่ยวหลง พวกมันมาแล้ว”

    “รอเดี๋ยวนะ อีก 5 นาทีก็ไปถึงแล้ว” เสี่ยวหลงพูดขึ้นจากนั้นก็เร่งความเร็วรถอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พวกมันก็เดินมาที่หน้าร้านของอัญชัน แล้วพยายามจะพังประตูเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย พังมันให้หมดเว้ย!!” 

    บรรดานักเลงพวกนั้นรีบทุบกระจกของร้านรวมถึงพยายามจะพังประตูเข้ามาในร้าน ตัวของอัญชันรีบพาลูกน้องของเธอหนีออกจากร้านทางด้านหลัง และในที่สุด ตัวของเสี่ยวหลงก็ขับรถมาถึง แล้วรีบลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว จากนั้นตัวของเขาก็ใส่สนับมือของเขาแล้วรีบบุกเข้าไปฟัดกับพวกนักเลงในทันที

    “เฮ้ย เข้ามาเลย!!”

    เสี่ยวหลงบุกเข้าไปทั้งเตะทั้งต่อยพวกมันอย่างดุเดือด พวกมันพยายามจะตอบโต้แต่เสี่ยวหลงก็จัดการพวกมันจนหมอบ และอีกด้านหนึ่ง ในตอนนั้นคนซึ่งใส่ชุดสีส้ม กางเกงขาสั้น ซึ่งแบกกระเป๋าเดินไปเดินมาแถวนั้น ก็รีบเดินมาดูเหตุการณ์แถวนั้นด้วย

    “นี่ไรท์ จะให้เราเข้าไปใกล้ขนาดนั้นเลยเหรอ??” 

    คนนั้นพูดขึ้น ทำเอาคนที่ดูเหตุการณ์อยู่แถวนั้นตกใจเล็กน้อยว่าหมอนี่มันพูดกับใคร 

    “สวัสดี ผม เอ้ย หรือหนู เอาเป็นว่าเราชื่อเพี้ยนก็แล้วกัน ตอนนี้คุณกะจะให้มันเป็นฉากแอ็คชั่นที่ดุเดือดใช่ไหมหล่ะ ปัดโธ่ ไม่ต้องให้เรามาใกล้ขนาดนี้ก็ได้นี่หว่า” เพี้ยนพูดขึ้น ทำเอาคนแถวนั้นไม่กล้าเข้าใกล้เขาเพราะคิดว่าเป็นคนบ้า 

    “นี่ จะหาว่าเราบ้าใช่เปล่าไรท์ ไม่ได้บ้าซะหน่อย แค่คุยกับไรท์แล้วพวกคนอ่านรู้เรื่องไงหล่ะ เข้าใจใหม่ซะด้วย และไรท์ก็จะให้กลุ่มพระเอกมาที่นี่ด้วย” นายเพี้ยนพูดขึ้น และไม่นานนัก จู่ๆ กลุ่มของนาวินก็เดินมาที่หน้าร้านอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วิ่งเข้าไปปะทะกับกลุ่มนักเลงพวกนั้นอย่างดุเดือด โดยเฉพาะอากิระที่วิ่งเข้าไปต่อยพวกนั้นอย่างรวดเร็ว การต่อสู้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตัวของอากิระเห็นเสี่ยวหลงซึ่งกำลังต่อยกับพวกนั้น เขารีบไปหาเสี่ยวหลงอย่างรวดเร็ว แต่เสี่ยวหลงกำลังชุลมุน เสี่ยวหลงเผลอเหวี่ยงหมัดใส่อากิระ แต่อากิระก็รับหมัดของเสี่ยวหลงเอาไว้ เสี่ยวหลงเมื่อได้เห็นอากิระก็ถึงกับตะลึงไปเลย

    “นี่ นายจะต่อยฉันหรือไง ห่ะ??”

    เสี่ยวหลงไม่พูดอะไร เข้าสวมกอดอากิระและร้องไห้ออกมาอย่างรวดเร็ว ตัวของอากิระด้วยความที่คิดถึงเสี่ยวหลงก็ไม่ทำอะไร ในขณะที่กลุ่มของนาวินก็ช่วยกันจัดการนักเลงพวกนั้น ไม่นานนัก อัญชันก็รีบออกมาจากร้านเพื่อมาดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อัญชันในตอนนั้นที่เห็นอากิระก็แทบไม่เชื่อสายตาของเธอ เธอเองก็รีบวิ่งเข้าไปหาอากิระด้วย จากนั้นก็ไปกอดเขาอีกแรงด้วย

    “ไม่เจอกันนานเลยนะอากิระ”

    อัญชันกอดอากิระไป จากนั้นไม่นานพวกเขาก็แยกออกมาหลังจากที่กลุ่มของนาวินมาหาพวกเขาทั้งคู่ นาวินเมื่อเห็นทั้งสามคนก็รีบมาคุยกับพวกเขาในทันที

    “อ้าว พวกนาย เป็นยังไงกันบ้างหล่ะ??” นาวินถามไป

    “พี่วิน นี่เพื่อนผมเอา คนนี้เสี่ยวหลง คนนี้อัญชันหน่ะพี่” อากิระพูดขึ้น ทำเอาทั้งเสี่ยวหลงและอัญชันพากันยกมือไหว้นาวินไป

    “พี่ดูแลอากิระเหรอพี่ ผมขอบคุณมากนะพี่” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “ว่าแต่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ทำไมอากิระถึงได้หายไปแบบนี้คะ??” อัญชันถามไป

    “อ้อ เรื่องมันยาวหน่ะจ้ะ ถ้ามีเวลาจะเล่าให้ฟังนะ” เวียนตอบกลับไป ในขณะที่กลุ่มนักเลงพวกนั้นก็สะบักสะบอมพาหันหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

    “ไปตายซะไอ้ควายเอ้ย!!” โลร็องต์ตะโกนไล่พวกมันไปอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย ใจเย็นน่า พวกมันน่วมกันหมดแล้ว” ลูโดวิกพูดปรามไป แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ก็มีใครบางคนวาร์ปผ่านมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว เธอมาอยู่ตรงหน้าอัญชันอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จากนั้นก็เซจนล้มลง จนอัญชันต้องมารับตัวเธอเอาไว้

    “นี่คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ??” อัญชันถามไป

    “ฉันเวียนหัวนิดหน่อยหน่ะ” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น

    “ลาลิน เธอพอจะช่วยได้หรือเปล่า??” ฮารุถามไป 

    “พอได้ค่ะพี่ แป๊ปนะคะ” ลาลินพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็ปล่อยกลิ่นอะไรบางอย่างให้หญิงสาวคนนั้นดมเข้าไป และไม่นานเธอก็เริ่มมีอาการดีขึ้นมา

    “ดูเหมือนจะดีขึ้นแล้วนะครับ” นายลุ้นพูดขึ้น

    “ขอบคุณค่ะ ฉันกำลังจะไปตามหาคนหน่ะค่ะ ฉันชื่อพัตติยา ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณ..”

    “ฉันอัญชันค่ะ คุณไม่เป็นไรแล้วนะคะ” อัญชันพูดและประคองเธอไปด้วย

    “เอาหล่ะ ตอนนี้พวกมันก็ไปกันหมดแล้ว แล้วเราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” โจไซอาห์ถามไป

    “นี่ พวกเธอสองคนกำลังตกอยู่ในอันตรายนะ” อินเนสซ่าพูดขึ้น

    “อากิระ ฉันขอร้อง นายอย่าหายไปจากฉันอีกได้หรือเปล่า??” เสี่ยวหลงถามอากิระไป

    “ตอนนี้ฉันไม่มีทางเลือกมากขนาดนั้นหรอก” อากิระพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน จู่ๆ ก็มีเสียงติดต่อจากภาภินเข้ามาหานาวินอย่างรวดเร็ว

    “พี่วิน พี่ต้องหนีแล้ว พวกมันล้อมรอบพื้นที่ที่พี่อยู่เต็มไปหมดเลย!!”

    “ได้ ถ้าอย่างงั้นพวกเราหนีก่อน...” แต่ยังไม่ทันที่นาวินจะพูดจบ

    “ปัง!!”

    จู่ๆ กระสุนปืนนัดหนึ่งก็ยิงเข้ากลางอกของนาวิน ทำเอาตัวของนาวินเซไปอย่างรวดเร็ว โดยที่เวียนต้องประคองตัวเขา

    “พี่วิน!!” อากิระตะโกนออกมา

    “รีบหนีกันก่อน เร็ว!!” นาวินตะโกนบอกทุกคน และไม่นาน หน่วยรบของ UNASO นับร้อยก็ปรี่เข้ามารุมล้อมพวกเขา ซึ่งนำโดยลีนา ตัวของลีน่านั้นชักปืนออกมาแล้วกระหน่ำยิงใส่พวกเขาในทันที

    “พวกเรา งานนี้ฉันขอจับเป็นนะ!!” ลีน่าพูดขึ้น และในตอนนั้นกลุ่มของนาวินก็พากันหนีออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว และอีกด้านหนึ่ง นายเพี้ยนที่อยู่แถวนั้นก็พูดขึ้น

    “ผมรู้นะ ว่าไรท์และคนอ่านอยากให้ผมโดนไล่กวด!!”

    จู่ๆ เขาก็ตะโกนออกมา และในตอนนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็เล็งปืนใส่เขา ทำเอาตัวของนายเพี้ยนถึงกับรีบหนีอย่างรวดเร็ว และทางด้านของเบล ในตอนนั้นพวกเขาเห็นกองกำลังปริศนาเต็มพื้นที่ ทำเอาพวกเขาต้องรีบออกจากพื้นที่ไป

    “รีบไปเร็ว พวกมันมากันเต็มเลย!!” เบลพูดขึ้น และในตอนนั้น กองกำลังของพวกนั้นก็รีบวิ่งไล่ตามเบลไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่อีกสองคนก็รีบวิ่งตามเบลไปด้วย

    “นี่จะให้พักซักวันไม่ได้เหรอ??” แก้วตะโกนถามไป

    “เอาเถอะ ฉันจะคุ้มกันเธอเอง” เกเบรียลพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบวิ่งหน้าตั้งหนีพวกมัน 

     

    พวกของนาวินหนีไปยังตึกที่จอดโดรนอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนั้นวูฟก็แปลงร่างเป็นหมาป่าและตามไล่กวดพวกเขา ทำเอาโจไซอาห์ถึงกับแปลงร่างและไปยันกับมันต่อในทันที

    “ตุ๊บ!!”

    “โจไซอาห์!!” อินเนสซ่าตะโกนออกมา จากนั้นเธอก็แปลงร่างต่อบ้าง แล้วรีบเข้าไปขัดขวางวูฟต่อ การปะทะทำเอาผู้คนรอบข้างถึงกับแตกตื่นอย่างมาก ในขณะที่คนอื่นพยายามจะใช้ปืน แต่ฮาเวิร์ดห้ามเอาไว้

    “ทุกคน อย่ายิงถ้าเป็นไปได้ เดี๋ยวโดนพลเรือน!!” 

    แต่ในตอนนั้น ตัวของลีน่าไม่สนใจ เธอรีบเอา RPG ออกมา จากนั้นก็ยิงใส่โจไซอาห์ที่กำลังบินอยู่ 

    “วิ้ง!!”

    ในตอนนั้นตัวของเวียนใช้พลังจิตคอยควบคุมดักทางเอาไว้ได้ ในขณะที่คนอื่นๆก็พยายามจะยิงใส่กันอย่างดุเดือด

    “จะรีบไปไหนวะ ห่ะ??” เวอร์รีนตะโกนออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้าไปจู่โจมกลุ่มของนาวิน แต่ในตอนนั้นฮารุก็พุ่งเข้ามาแล้วฟาดดาบใส่เวอร์รีนไป

    “เจอกันอีกแล้วนะยัยบ้า!!” ฮารุพูดพลางแล้วปะทะกับเวอร์รีนอย่างดุเดือด

    “จ่า แบบนี้มันบ้าชัดๆ มีแต่ประชาชนเต็มไปหมดเลยนะ” แสงจันทร์พูดกับจ่าชัย

    “นี่ รีบยิงพวกมันหน่อยเซ่ ใช้ปืนยาสลบไง!!” ลีน่าตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นปืนยาสลบไป รูกิพุ่งเข้าจู่โจมเพื่อช่วยเหลือเวอร์รีน แต่ในตอนนั้นเวียนก็ซัดหัวจรวด RPG นั่นใส่รูกิ แต่รูกิก็กระโดดหลบได้จนจรวดพุ่งตกถนน

    “ตู้ม!!”

    “บ้าเอ้ย เข้ามาเลย!!” รูกิพูดขึ้น จากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีเวียนอย่างรวดเร็ว

    “แน่จริงเข้ามาเลย” เวียนพูดขึ้นพลางใช้พลังจิตโจมตีรูกิไป

    “ทุกคนรีบหนีเถอะค่ะ ไม่งั้นตายหมดแน่” ลาลินพูดขึ้น

    “เสี่ยวหลง ใช่ปืนเป็นหรือเปล่า??” อากิระถามเสี่ยวหลงจากนั้นก็ยื่นปืนให้กับเขา เสี่ยวหลงรีบรับมาในทันที

    “ก็ใครสอนให้ใช้หล่ะ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันยิงสกัดพวกของฮาเวิร์ดไว้

    “คุณลีน่า ถอนกำลังก่อนเถอะครับ ไม่งั้นชาวเมืองจะเดือดร้อน!!” ฮาเวิร์ดตะโกนบอกทุกคนไป

    “ใครจะไปตอนนี้หล่ะ??” รูกี้ถามไป จากนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปยิงกลุ่มของนาวิน แต่ในตอนนั้นนาวินก็เล็งที่ขาของรูกี้แล้วยิงเฉียดขาเขาไปจนเขาลดลง

    “ตุ๊บ!!”

    “เฮ้ย รูกี้!!” ยูริตะโกนออกมาแล้วรีบวิ่งออกไปลากเขากลับเข้ามาหลบด้านใน ในขณะที่กาลีน่าซึ่งเพิ่งจะตามมาก็ใช้สไนเปอร์เล็งใส่พวกของนาวิน แต่ในตอนนั้น โลร็องต์และลูโดวิกก็วิ่งเข้าไปเล่นงานเธอ โดยการวิ่งวนใส่เธอจนเธอล้มลง จนแสงจันทร์ต้องมาช่วยยิงไล่ทั้งคู่ออกไป แล้วมาช่วยกาลีน่าไว้

    “เออ ขอบใจมากที่มาช่วย!!” กาลีน่าพูดขึ้น

    “กลับไปเถอะน้องสาว เดี๋ยวหาว่าไม่เตือนนะ” โลร็องต์ตะโกนออกมา ทำเอาแสงจันทร์พยายามยิงไล่ไปจนกระสุนหมดพอดี

    “ฮ่าๆๆๆ ไม่โดนเว้ยไอ้น้อง!!” ลูโดวิกตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็รีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาแสงจันทร์ต้องรีบหามกาลีน่าไปหลบอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้สถานการณ์เป็นไปอย่างดุเดือด เจ้าหน้าที่ถูกยิงจนบาดเจ็บไปหลายคน จนจ่าชัยต้องช่วยเจ้าหน้าที่ที่เหลือไว้ก่อน

    “ทุกคน เข้ามาหลบด้านในก่อนเร็ว!!” จ่าชัยพูดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าลีน่าจะยังไม่ยอม เธอใส่กระสุนเข้าไปใหม่แล้วยิงถล่มแบบไม่เกรงกลัวฟ้าดิน ส่วนอินเนสซ่าและโจไซอาห์ก็เล่นงานก็รีบถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว 

    “ตามไปจับพวกมันสิ เร็ว!!” ลีน่าตะโกนออกมา และในตอนนั้น นายลุ้นก็จั่วไพ่ออกมาอย่างรวดเร็ว 

    “STOP!!”

    และเมื่อไพ่ออกมา จู่ๆ เจ้าหน้าที่พวกนั้นก็ถึงกับหยุดนิ่งขยับอะไรไม่ได้เลย ตัวของลีน่าเองก็เช่นกัน และไม่นานนัก โดรนขนส่งที่พวกเขาโดยสารมาด้วยก็เดินทางมายังพวกเขาอย่างรวดเร็ว และภาภินก็วอติดต่อกับนาวินอย่างรวดเร็ว

    “พี่วิน รีบไปเร็วครับ ไม่งั้นตำรวจมาแน่!!”

    “ได้ๆ พวกเรา รีบไปเร็ว!!” นาวินตะโกนออกมา และในตอนนั้น อัญชันก็พูดกับพัตติยาในทันที

    “คุณคะ ไปกับพวกเราก่อนจะปลอดภัยนะคะ”

    “อ้อ ค่ะ” พัตติยาพูดออกไป แล้วทุกคนก็รีบไปขึ้นโดรนอย่างรวดเร็วเพื่อหนีออกจากพื้นที่ และไม่นานนัก ผลของไพ่ก็หมดลง ทำเอาคนอื่นๆกลับมาขยับได้ตามปกติ

    “คุณลีน่า ผมต้องคุยกับคุณหน่อยแล้ว” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น แต่ลีน่าก็แทบไม่สนใจคำพูดของเขาเลยซักนิด แต่เธอกลับไปกดโทรศัพท์เพื่อคุยแชทกับใครบางคน 

    “ที่รัก ทำอะไรอยู่คะ??”

    “ก็รอข่าวจากเธอนั่นหล่ะ มีอะไรหรือเปล่า??”

    “ตอนนี้ฉันรู้แล้วหล่ะว่าพวกมันอยู่ที่ไหน คุณรอของได้เลยค่ะ”

    “อืม ถ้าได้ของเมื่อไหร่ ฉันจะรีบเดินทางไปเมืองไทยเลย ตอนนี้ฉันกับเดวิดกำลังจัดการเรื่องข้อมูลอยู่”

    “ค่ะที่รัก เชื่อมือฉันได้เลย”

    “เอาไว้ฉันจะรีบไปเมืองไทยเลย ถึงตอนนั้น รับรองว่าพวกมันไม่รอดแน่”

    “รับทราบค่ะที่รัก xoxo” 

    และไม่นานนัก ตัวของลีน่าก็รีบเก็บโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ไปคุยกับคนอื่นๆ

    “เอาหล่ะ วันนี้ถอนกำลังได้!!”

     

    ทางด้านของเพี้ยน ตัวของเพี้ยนรีบวิ่งหนีเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เจ้าหน้าที่พวกนั้นก็ไล่ตามเพี้ยนอย่างไม่ลดละ และในตอนนั้นเพี้ยนก็พูดขึ้น

    “นี่ไรท์ ใจคอจะให้วิ่งกันอย่างงี้เลยเหรอ??”

    เพี้ยนวิ่งไปเรื่อยๆ จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในซอยแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่พวกนั้นจึงรีบตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่พวกนั้นตามหาเพี้ยนไม่เจอเลย 

    “บ้าเอ้ย มันหายไปไหนวะ??”

    “มันคงหนีไปไกลแล้วมั้ง??” เจ้าหน้าที่อีกคนพูดขึ้น

    “งั้นไปดีกว่า อย่าไปสนใจกับแค่คนบ้าเลย” เจ้าหน้าที่อีกคนพูดขึ้น จากนั้นไม่นานพวกเขาก็พากันถอนกำลังออกจากซอยนั้นอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก ตัวของเพี้ยนก็โผล่ออกมาจากข้างถังขยะอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปัดเศษขยะออกจากร่างของเขาอย่างรวดเร็ว

    “จำไว้เลยนะไรท์ ให้เรามาอยู่ในขยะแบบนี้” เพี้ยนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเพี้ยนก็รีบเดินออกจากซอยอย่างรวดเร็วเพื่อไปที่ไหนซักแห่ง

     

    ส่วนทางด้านของเบลและคนอื่นๆ พวกเขาทั้งสามคนรีบวิ่งหนีเจ้าหน้าที่พวกนั้นเข้าไปหลบในตึกร้างหลังหนึ่ง จากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาคุยกันต่อว่าจะเอายังไงกันต่อ

    “โอ้ย บ้าเอ้ย นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย??” แก้วถามอย่างไม่สบอารมณ์

    “ไอ้พวกนี้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ไทย สงสัยว่าพวกองค์กรลับมันเอาจริงแล้วหล่ะ” เกเบรียลพูดขึ้น

    “ฉันว่าเราคงอยู่กรุงเทพไม่ได้แล้วหล่ะ” เบลพูดขึ้น

    “ฉันว่าที่อื่นก็คงไม่ต่างกันหรอก” เกเบรียลพูดขึ้น

    “เราเดินทางไปรวมตัวกับกลุ่มผู้เกิดใหม่เถอะ อย่างน้อยเราก็น่าจะรอด” แก้วพูดขึ้น

    “เออ เอาเถอะ ว่าไงก็ว่าตามกันเลย” เบลบอกกับพวกเขาทั้งคู่ไป

     

    ณ ห้องพยาบาลของนายแสน หลังจากที่ตัวของเขาต้องรักษาตัวเพิ่มหลังจากคืนนั้น ในตอนนี้เขาต้องใส่เฝือกทั้งตัว แต่ลูกน้องของเขาก็ยังคุยโทรศัพท์กับนักเลงที่เขาส่งไปจัดการงานของเขา

    “ฮัลโหล งานเป็นยังไงบ้าง??”

    “นายครับ มีคนมาช่วยมันไว้ครับ”

    “ห่ะ เป็นไปได้ไงวะ??” นายแสนตะโกนถามไป

    “ก็ไม่รู้เหมือนกันครับมันมาจากไหน??”

    “ใครกันวะ ไอ้เสี่ยวหลงงั้นเหรอ??” 

    “มีมากกว่านั้นครับ มันมีฝีมือทุกคน พกปืนกันด้วย เราเจอไอ้อากิระด้วยครับ”

    “ไอ้สัสเอ้ย แม่งเอ้ย!!” นายแสนโวยวายจนเฝือกแทบจะแตก แต่ลูกน้องของเขาก็มาช่วยประคองไว้

    “เออ พวกมึงตามหามัน ฆ่ามันให้ได้ จ่ายเท่าไหร่ไม่อั้นเลย!!” นายแสนตะโกนบอกกับคนของเขาไป

     

    กลับมายังบ้านพักของอีสครินน่า ในตอนนั้นตัวของเธอกำลังรอข่าวจากลูอีสที่กำลังไปตามข่าวให้เธอ ในตอนนั้นเธอรีบเปิดโทรทัศน์เพื่อดูข่าวอย่างรวดเร็ว และในข่าวนั้น เป็นข่าวความวุ่นวายในเขตกรุงเทพมหานคร

    “เมื่อเวลาประมาณ 16.00 นาฬิกา มีกองกำลังติดอาวุธเข้าโจมตีกลุ่มผู้ก่อการร้าย ทำให้เกิดความวุ่นวายไปทั่ว…”

    แต่ในตอนนั้นที่อีสครินน่าเห็นภาพข่าว ก็พบว่าภาพที่เห็นมีพัตติยาที่รีบจากหน่วย UNASO ด้วย รวมถึงเมื่อเธอได้เห็นนาวิน ตัวของเธอก็มีความรู้สึกแปลกๆ จนกระทั่งลูอีสก็เดินเข้ามาหาเธอ จากนั้นก็พูดขึ้น

    “คุณอีสครินน่าครับ...”

    “เดี๋ยวก่อน แล้วพัตติยาไปทำอะไรที่นั่นนะ??”

    “หือ คุณพัตติยาอย่างงั้นเหรอครับ??” ลูอีสถามไป

    “ใช่ แล้วก็ชายคนนี้ ฉันว่าฉันรู้สึกแปลกๆกับเขา” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “อืม อย่างงั้นเหรอครับ??”

    “ว่าแต่ นายมีอะไรถึงมาหาฉันหน่ะ??” อีสครินน่าถามไป

    “ผมจะมาบอกว่า ผมเจอที่กบดานของกลุ่มต่อต้านแล้วครับ”

    “อืม ถ้าอย่างงั้นลองไปตามหา เผื่อพัตติยากับหมอนั่นจะไปอยู่ที่นั่น” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “รับทราบครับ ผมจะตามหาเองครับ”

    “ดูเหมือนว่างานนี้คงไม่จบง่ายๆแน่ๆ” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “ผมก็คิดว่าอย่างงั้นครับ”

    “เอาไว้เตรียมรถให้ฉันด้วย เผื่อฉันต้องใช้มันหน่อย” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม” ลูอีสพูดขึ้นและเดินออกไปด้านนอก

     

    กลับมายังบ้านพักของมิกิ ในตอนนั้นมิกิก็ยังคงลงข่าวเกี่ยวกับองค์กรอย่างรวดเร็ว รวมถึงรอข้อเสนอใหม่ซึ่งเธอคิดว่ามันจะดีกว่านี้ และไม่นานนัก จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์เข้ามา มิกิรีบรับอย่างรวดเร็ว

    “ฮัลโหล??”

    “คุณมิกิใช่หรือเปล่า??”

    “แน่นอน มีอะไรหล่ะ??” มิกิถามไป

    “ข้อเสนอใหม่ 20 ล้านบาท เธอจะเอายังไง??”

    “อืม 20 ล้านเลยเหรอ น่าสนใจ” มิกิพูดขึ้น

    “ใช่ แล้วคุณจะเอายังไงหล่ะ??”

    “ฉันจะส่งบัญชีไปให้ แล้วต้องทำตามที่ฉันบอก” มิกิพูดขึ้น

    “มีอะไรอีกหรือเปล่า??”

    “ส่งฉันไปมาเลเซียโดยไม่ให้มีใครขัดขวางฉัน” มิกิพูดขึ้น

    “แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเธอจะหยุดแค่นี้หล่ะ??”

    “ฉันว่าคุณคงไม่มีทางเลือกมากหรอก ยังไงก็รอฉันติดต่อไปก็แล้วกัน แต่ถ้าตุกติกหล่ะก็ รับรองว่าคุณจะต้องเสียใจแน่ๆ” มิกิพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบวางสายไปอย่างรวดเร็ว

    “ไหนดูสิมีอะไรอัพเดทบ้าง??”

    ตัวของมิกิหาข่าวจากอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว แต่เธอกลับสะดุดใจกับข่าวหนึ่ง เธอรีบเปิดไปดูมันอย่างรวดเร็ว

    “ชุลมุนกลางเมือง กลุ่มคนติดอาวุธเข้าปะทะ บาดเจ็บไปมากมาย...”

    “เอ๊ะ ขนาดนั้นเลยเหรอ??” มิกิถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเธอก็เปิดคลิปไปดูอย่างรวดเร็ว ความยาวของมันมีไม่กี่นาที แต่ก็ดูเหมือนว่ามิกิจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในนั้น

    “เอ๊ะ ผู้หญิงคนนี้หน้าคุ้นๆแหะ??” มิกิพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็รีบแคปภาพนั้นมาอย่างรวดเร็ว และรีบเอาไปตกแต่งเพื่อให้ภาพมันชัดขึ้น แล้วเอามาดูว่าเธอเป็นใครกันแน่

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเขตบางเขน หลังจากที่ไคได้สืบหาเบาะแสของเกเบรียล มันก็พาเธอเดินทางมายังสถานที่ซึ่งความไม่สงบเพิ่งจะจบลงได้ไม่นาน บรรดาตำรวจมากมายเข้ามาในพื้นที่เพื่อสืบหาเบาะแส ตัวของเธอพยายามหลบตำรวจเพราะกลัวว่าพวกนั้นกำลังตามล่าเธอ และไม่นานนัก เธอก็รีบไปคุยกับชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้นอย่างรวดเร็ว

    “คุณป้าคะ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ??”

    “อ้อ ได้ยินว่ามีการจับคนร้ายกันหน่ะสิ” ป้าคนหนึ่งตอบกลับไป

    “คนร้ายเหรอคะ คดีอะไรเหรอคะ??” ไคถามต่อ

    “ป้าก็ไม่รู้ แต่ดูเหมือนว่ามีอาวุธกันครบมือเลย” ป้าคนนั้นพูดต่อ และในตอนนั้น ตัวของเธอก็แอบเหลือบไปเห็นชายคนหนึ่ง ซึ่งดูท่าทางจะเป็นหัวหน้าของหน่วยปฏิบัติการ เขาเดินออกมาพร้อมกับชายกลุ่มหนึ่งซึ่งถูกจับใส่กุญแจมือ ในตอนนั้นตัวของเธอสัมผัสได้ว่าคนพวกนั้นเป็นใคร

    “พวกเกิดใหม่งั้นเหรอ??”

    ไคพูดขึ้น และในตอนนั้น เธอก็เห็นเด็กอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งถูกตำรวจช่วยออกมาอย่างรวดเร็ว โดยที่เธอก็เข้าไปใกล้เพื่อฟังว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น

    “มันจับคนร้ายอะไรกันเนี่ย??” ตัวของไคถามไป และเธอไม่รอช้ารีบไปถามชายคนหนึ่งที่อยู่แถวนั้นไป

    “ขอโทษนะคะ มันเกิดอะไรขึ้นคะ??”

    “อ้อ ได้ยินว่ามีพวกผู้ก่อการร้ายจับเด็กเป็นตัวประกันหน่ะ ตอนนี้เด็กปลอดภัยแล้วครับ” ชายคนนั้นตอบไป ส่วนตัวของไคนั่นก็แอบฟังว่าคนพวกนั้นคุยอะไรกัน

    “ท่านครับ เราจับไอ้พวกนี้มาได้แล้ว เราจะเอายังไงต่อครับ??”

    “จับมันไว้ก่อน อย่าเพิ่งให้สื่อรู้ว่าคนพวกนี้เป็นใคร เด็กปลอดภัยก็ดีแล้ว” ชายคนนั้นพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์เข้ามาหาชายคนนั้น ชายคนนั้นรีบรับมันแล้วคุยอย่างรวดเร็ว

    “ฮัลโหล”

    “ห่ะ ลีน่าทำแบบนั้นเหรอ??”

    “ได้ๆ ฉันจะไปคุยเอง”

    เมื่อชายคนนั้นพูดจบก็รีบวางโทรศัพท์ของเขา จากนั้นก็คุยกับทหารต่ออย่างรวดเร็ว

    “ฉันต้องกลับไปก่อน ฝากจัดการเรื่องนี้ด้วยหล่ะ” ชายคนนั้นพูดขึ้ และในขณะเดียวกัน ทหารคนหนึ่งก็เดินมาคุยอะไรบางอย่างกับชายคนนั้น ทำเอาชายคนนั้นถึงกับแปลกใจมาก

    “อะไรกัน ซูซาคุเนี่ยนะ??”

    หลังจากที่ไคแอบได้ยินทุกอย่างแล้ว ตัวของเธอก็รีบออกไปจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว ในขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่ยังคงคุมพื้นที่อย่างแข็งขัน

     

    กลับมายังสถานที่กบดานของเซน หลังจากที่พวกเขาจัดการกับเป้าหมายเสร็จแล้ว ตัวของเขาก็กลับมานั่งพักที่โต๊ะของเขาตัวหนึ่ง โดยที่คิฮาระก็นอนเล่นอยู่ที่เตียงของเซน แล้วก็นอนนับเงินที่ได้มาจากการจัดการเป้าหมายมาด้วย และในตอนนั้นเธอก็ไปคุยกับเซนในทันที

    “นี่ เงินได้มาครบนะ”

    “อืม เข้าใจแล้วหล่ะ ฉันมีอะไรจะบอกนิดหน่อย” เซนพูดขึ้น

    “ทำไม มีอะไรงั้นเหรอ??” 

    “ฉันพอจะรู้แล้วหล่ะว่าใครมันแจ้งจับฉัน” เซนพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ แล้วนายจะเอายังไงต่อหล่ะ??” คิฮาระถามไปในขณะที่นั่งพื้นไปด้วย

    “ก็ไปตามฆ่ามันหน่ะสิ” เซนพูดขึ้น 

    “นี่ น้องสาวนายน่ารักดีนะ ฉันเห็นรูปที่หัวนอนของนายแล้ว ไอ้พวกนั้นมันก็สมควรตายจริงๆนั่นแหละ” คิฮาระพูดขึ้น

    “อืม เอาเถอะ เรื่องมันก็นานมาแล้ว ฉันฆ่าพวกมันไปได้หมดเลย” เซนพูดขึ้น

    “นายก็ยังดีนะที่มีอดีต ฉันสิที่จำตัวเองไม่ได้เลย” คิฮาระพูดขึ้น

    “บางทีไม่มีอดีตหน่ะมันดีแล้วหล่ะ” เซนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็หยิบปืนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

    “นี่ สอนฉันยิงปืนหน่อยสิ” 

    “อย่างเธอคงไม่ต้องสอนก็ได้มั้ง??” เซนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

    “อ้าว นี่นายจะไปไหนหล่ะ??” คืฮาระถามไป

    “ฉันว่าจะไปจัดการเรื่องคนที่มันมาตามล่าฉัน” เซนพูดขึ้น

    “ดี ฉันไปด้วย”

    “เดี๋ยว มันจะดีเหรอ??” เซนถามไป

    “อย่างน้อยมีคนไปด้วยก็อุ่นใจนะ” คิฮาระตอบกลับไป 

     

    กลับมายังถ้ำของวิบัติ หลังจากที่ตัวของเขาดิ้นทุรนทุรายอยู่มาทั้งคืน ในตอนนี้ตัวของเขาก็กลับมานั่งที่นั่งของเขาอย่างรวดเร็ว รวมถึงพยายามรวบรวมพลังของเขากลับมาใหม่ เพื่อเตรียมไปแก้แค้นนายแสนที่มันบังอาจจัดการวิญญาณของเขาไป

    “ไอ้แสน ครานี้กูจักเอามึงให้ตายเลย!!”

    “นายแสนขอรับ แค่นางโหงพรายตนเดียว มิเห็นต้องเจ็บแค้นเยี่ยงนี้เลยขอรับ” วิญญาณตนหนึ่งพูดกับวิบัติ

    “เสียคนที่ไว้ใจได้แค่คนเดียว ก็เท่ากับเสียขุนทหารนับร้อยนั่นแหละ” วิบัติพูดขึ้น

    “แล้วท่านจักทำเยี่ยงไรต่อขอรับ??”

    “ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจักติดต่อกับพวกต่อต้านในพื้นที่ แลพวกที่ข้าไปเจอมา น่าจักเข้มแข็งที่สุด ข้าจักไปพบพวกมัน” วิบัติพูดขึ้น

    “หมายความว่า ท่านจักไปจากถ้ำนี้หรือขอรับ??” 

    “เจ้าก็รู้นี่ว่าข้าสามารถเดินทางไปได้” วิบัติพูดขึ้น

    “แล้วกับนายแสน ท่านจักแก้แค้นเยี่ยงไรกับมันขอรับ??” 

    “ข้าจักทำให้มันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ให้มันทรมานยิ่งกว่าตาย แลไอ้พวกที่เกี่ยวข้อง ข้าจักเล่นงานมันให้สิ้น” วิบัติพูดขึ้น

    “ขอรับนายท่าน ข้าทราบดีถึงความรู้สึกเจ็บปวดของท่าน” 

    “เจ้าไปจัดการตามที่ข้าสั่งก่อน เอาไว้มีอันใด ข้าจักบอกพวกเจ้าอีกครา” วิบัติออกคำสั่งกับภูตผีเหล่านั้นไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในน่านฟ้าแปซิฟิก ท้องฟ้าค่อนข้างเงียบสงบ รวมถึงเครื่องบินมากมายแล่นไปมาเพื่อเดินทางสัญจร และก็เช่นเดียวกัน เครื่องบินลำหนึ่งซึ่งบินจากสหรัฐอเมริกา เป้าหมายคือเดินทางไปยังประเทศหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หญิงสาวในชุดสีแดงดูเตะตา กำลังนั่งจิบไวน์อยู่บนเครื่องบินอย่างสบายอารมณ์ ในตอนนั้นตัวของเธอก็เขียนหนังสืออะไรบางอย่างลงไปบนสมุดโน้ตของเธอ และในขณะเดียวกัน หญิงสาวในชุดสูทสุภาพได้เดินเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว

    “คุณซูซาคุคะ”

    “อ้าว มีอะไรอย่างงั้นเหรอ??” ซูซาคุคนนั้นถามไป

    “ดูจากการเดินทางแล้ว เราน่าจะถึงเมืองไทยประมาณพรุ่งนี้ค่ะ”

    “อืม ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบก็ได้นะ” ซูซาคุพูดขึ้น

    “ว่าแต่ จะให้เจ้าหน้าที่ทางสถานทูตไปรอรับหรือเปล่าคะ??”

    “ไม่ต้องหรอก เตรียมรถที่ฉันขอก็พอ ฉันอยากไปเงียบๆหน่ะ” ซูซาคุพูดขึ้น

    “ค่ะ ดิฉันจะแจ้งสถานทูตไว้ให้ค่ะ” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้นแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของซูซาคุก็กลับมานั่งที่เดิมของเธอ แต่ในขณะเดียวกัน ตัวของเธอก็หยิบเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า ซึ่งนั่นก็คือผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง แต่ดูเธอจะหวงมันมาก และไม่ยอมให้ใครแตะต้องมันเลย

    “ฉันขอร้อง ตามหาเขาให้ฉันด้วย...”

    “บอกว่าฉันต้องขอโทษเขา...”

    “ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะตามหาเขาให้เจอค่ะ” ซูซาคุพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไปอย่างรวดเร็ว

     

    กลับมายังสถานที่กบดานของเหล่านาวิน ซึ่งโดรนขนส่งได้เดินทางมาถึงอย่างรวดเร็วหลังจากที่พวกเขาไปช่วยเหลือเสี่ยวหลงให้พ้นจากอันตราย พวกเขาก็รีบกลับเข้ามาหาดันเต้และคนอื่นๆซึ่งรออยู่ด้านในอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขาทุกคนได้มาเจอกัน พวกเขาก็คุยกันอย่างรวดเร็ว

    “ยินดีต้อนรับกลับมานะทุกคน” ดันเต้พูดขึ้น

    “ครับด็อกเตอร์ เราคงต้องหาที่พักให้สองคนนี้ชั่วคราวหน่ะครับ” นาวินตอบไป และในตอนนั้น เสี่ยวหลงก็พูดขึ้น

    “นี่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่กันแน่ อากิระ??” เสี่ยวหลงถามไป แต่ในตอนนั้นตัวของอากิระก็ปากหนักเกินกว่าที่จะพูดออกไป

    “คืออย่างงี้นะ นายตั้งใจฟังเราให้ดี พวกเราที่อยู่ที่นี่มันตายไปแล้ว” เวียนพูดขึ้น ทำเอาทั้งเสี่ยวหลงและอัญชันถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก และพูดอะไรไม่ออก เสี่ยวหลงได้แต่มองอากิระด้วยแววตาที่เศร้าสร้อย

    “คือว่า นายเคยได้ยินเรื่องผู้เกิดใหม่หรือเปล่า พวกเราทุกคนที่นี่เคยฆ่าตัวตาย และเมื่อฟื้นขึ้นมา พวกเราก็ได้รับพลังมาหน่ะ” ฮารุพูดขึ้น

    “ใช่แล้วหล่ะค่ะ พวกพี่อาจจะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่มันคือเรื่องจริงค่ะพี่” ลาลินพูดเสริม

    “ถ้าอย่างงั้น เรื่องที่ไอ้ธันวามันทำกับนายก็เป็นเรื่องจริงสินะ??” อัญชันพูดขึ้น แต่อากิระก็ยังไม่ยอมตอบอะไรอยู่ดี

    “แล้วทำไมนายถึงต้องหายไปจากฉันหล่ะ บอกหน่อยสิ??” เสี่ยวหลงไปกระชากอากิระให้พูด แต่ในตอนนั้นทุกคนก็ช่วยแยกเสี่ยวหลงออกไปก่อน ในขณะที่อากิระก็ยังคงนิ่งเป็นเตมีย์ใบ้ไป

    “พี่ ใจเย็นนะครับ ผมว่าพี่อากิระต้องมีเหตุผลแน่ๆ” ภาภินพูดขึ้น

    “ว่าแต่ พวกคุณเป็นกลุ่มใต้ดินที่ต่อสู้กับไอ้พวกนั้นสินะ??” พัตติยาถามไป

    “ใช่แล้วหล่ะ เราต่อสู้กับคนพวกนั้น รวมถึงองค์กรลับด้วย” อินเนสซ่าพูดขึ้น

    “ว่าแต่ เธอมาจากไหนกัน แล้วเธอจะไปไหน??” โจไซอาห์ถามพัตติยาไป

    “คือ ฉันจะไปติดต่อกับกลุ่มใต้ดินหน่ะค่ะ ว่าแต่ คุณก็หน้าคุ้นๆนะคะ เหมือนว่าเพื่อนฉันพยายามหาตัวคุณอยู่” พัตติยาพูดขึ้นพลางมองไปที่นาวิน ทำเอาคนอื่นๆถึงกับแปลกใจ

    “เออ ทำไมถึงต้องมามองหาผมหล่ะ??” นาวินถามไป

    “ฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันคงต้องกลับไปบอกเพื่อนฉันให้มาที่นี่หน่ะ” พัตติยาพูดขึ้น

    “ผมว่าคุณอย่าเพิ่งออกไปไหนเลย ตอนนี้มันอันตราย” โลร็องต์พูดขึ้น

    “ใช่ครับ ผมว่าตอนนี้พวกมันคงกำลังดักรอเราอยู่ทั่วกรุงเทพแน่” ลูโดวิกพูดขึ้น

    “แล้วทำไม เราถึงไม่โทรศัพท์หล่ะ เพื่อนเธอไม่มีโทรศัพท์เหรอ??” นายลืมถามอย่างสงสัย

    “โห ที่แบบนี้ฉลาดขึ้นมาเลยนะเพื่อน” นายลุ้นพูดขึ้น

    “ได้ๆๆ เอาไว้ฉันจะติดต่อพวกเขาเอง” พัตติยาพูดขึ้น

    “ผมจะขออยู่ที่นี่ด้วยคนครับ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น ทำเอาทุกคนถึงกับมองหน้าเสี่ยวหลงไป โดยเฉพาะอากิระที่พูดขึ้นมาในทันที

    “เฮ้ย นี่นายจะบ้าเหรอ มันอันตรายนะ??” อากิระถามไป

    “โห ทีแบบนี้พูดได้นะไอ้หลานชาย” ลันโทสพูดแซวไป

    “ถ้านายอยู่ ฉันก็อยู่ด้วย อากิระ” อัญชันพูดขึ้น

    “พวกเธอสองคนก็ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อนอยู่แล้ว ไม่อย่างงั้นมันจับตัวได้ มันจะเป็นอันตรายแน่ๆ” นาวินพูดขึ้น

    “เรามีห้องพอเหลือที่จะให้พวกคุณครับ” ซีโร่พูดขึ้น

    “พวกนายสองคนไม่มีใครเปลี่ยนใจแล้วนะ เราจะช่วยกันจนกว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะ” นาวินพูดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าในตอนนั้นอากิระจะไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงเสี่ยวหลงและอัญชันก็ต้องอยู่ที่นี่ชั่วคราวจนกว่าพวกเขาทั้งคู่จะปลอดภัย

     

    ณ เซฟเฮ้าส์ที่ไหนซักแห่งย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร ในห้องสุดหรูซึ่งนายทหารท่านหนึ่งกำลังนั่งสูบซิการ์อยู่ในห้องอย่างสบายอารมณ์ แต่ในขณะเดียวกันนั้น สส.สุรสิงห์ก็เดินเข้ามาหาตัวเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย นายทหารคนนั้นรีบวางซิการ์ลงอย่างรวดเร็ว แล้วก็คุยกับสส.ในทันที

    “คุณสิงห์ เป็นยังไงบ้างครับ??”

    “ตอนนี้คณะรัฐมนตรีและคนในพรรคเริ่มตั้งคำถามกับเรื่องนี้แล้วสิผู้พัน” สส.สุรสิงห์พูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย

    “แล้วคุณทำอะไรไม่ได้เลยเหรอครับ??”

    “มีแค่ทางเดียวต้องปิดสื่อ แต่เราทำแบบนั้นได้หรือเปล่าหล่ะ สื่อสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้วนะครับ” สส.สุริสิงห์พูดขึ้น

    “เรื่องปิดสื่อนี่ องค์กรรับปากว่าจะช่วยเราครับ”

    “เออ ขอให้เป็นอย่างงั้นเถอะ อีกไม่กี่วันก็จะเริ่มมีอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว พวกฝ่ายค้านก็เริ่มระแคะระคายเรื่องนี้กันแล้ว ถ้าเราโดนถล่มขึ้นมา เราจบเห่แน่” สส.พูดขึ้น

    “ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมจะหาทางจัดการเอง”

    “ขอให้จริงเถอะ เพราะถ้าผมจบ คุณก็จบด้วย” สส.พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินเข้าไปในห้องนอนของเขาอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก

     

    กลับมายังศูนย์บัญชาการของหน่วย UNASO ในวันนั้นกลุ่มของฮาเวิร์ดทุกคนก็มารวมตัวกันเพื่อเปิดใจเกี่ยวกับเรื่องของลีน่า ในตอนนั้นตัวของลีน่านั่งอยู่ในห้องราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่คนอื่นๆเริ่มไม่สบอารมณ์และรอการมาของคริสเตียล และในไม่กี่อึดใจ คริสเตียลก็เดินเข้ามาในห้องที่พวกเขาอยู่อย่างรวดเร็ว โดยฮาเวิร์ดไม่รอช้า รีบเข้าไปคุยกับเขาในทันที

    “ท่านครับ ผมขอคุยเรื่องคุณลีน่าหน่อยได้หรือเปล่าครับ??” 

    “เรื่องนั้นผมพอรู้แล้ว ลีน่าให้คุณไปจับผู้เกิดใหม่นี่” คริสเตียลพูดขึ้น

    “ใช่ค่ะ แต่วันนี้มันเกิดกว่าเหตุไปมาก สื่อหลายเจ้าก็จับตาด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เวอร์รีนพูดขึ้น

    “ใช่ครับ พลเรือนบาดเจ็บเป็นร้อย ผมว่าเราคงต้องคุยกับเธอหน่อยแล้วหล่ะ” แสงจันทร์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ลีน่าก็โผล่ออกมาจากประตูห้องแล้วก็พูดขึ้น

    “คุยอะไรเหรอคะ??”

    “ก็คุยเรื่องที่ทำในวันนี้ยังไงหล่ะคะ” รูกิพูดขึ้น

    “ทำไมหล่ะคะ ก็แค่เสียหายนิดหน่อย เราก็ปิดข่าวได้อยู่แล้วนี่ หรือถ้าใครไม่พร้อมที่จะทำงาน ก็ถอนตัวได้นะคะ” ลีน่าพูดขึ้น จากนั้นก็รีบเดินกลับเข้าห้องอย่างรวดเร็ว

    “เรารายงานเรื่องของเธอไม่ได้เหรอครับท่าน??” ยูริถามอย่างสงสัย

    “คือ แพนตากอนส่งเธอมาโดยตรง ฉันคงทำอะไรไม่ได้หรอก” คริสเตียลพูดขึ้น

    “แบบนี้สงสัยงานเราได้เละทั้งแถบแน่ๆ แล้วดูทรงจากการที่เธอเล่นโทรศัพท์ตลอดเวลา เธอต้องทำงานให้ใครบางคนแน่ๆ” รูกี้พูดขึ้น

    “เออ ฉันยอมรับแล้วว่าแกฉลาดจริงๆหว่ะ” วูฟพูดไป

    “ผมอยากถอนตัวนะ แต่ทางรัฐบาลสั่งให้ผมทำงานนี้ให้จบ” จ่าชัยพูดขึ้น

    “ใครจะหยุดก็หยุดไปเถอะ ฉันไม่หยุดแค่นี้หรอก” กาลีน่าพูดขึ้น“เอาเป็นว่า เราเก็บเรื่องนี้ไว้พูดกันทีหลังเถอะ” คริสเตียลพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินกลับไปที่ห้องของเขาอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนอื่นๆถึงกับแปลกใจและพากันถอนหายใจกันถ้วนหน้า 

    และในห้องของลีน่า ตัวของเธอเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ของเธอเหมือนเดิม จากนั้นก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรศัพท์ไปหาคนของเธออย่างรวดเร็ว

    “ที่รักคะ ทำอะไรอยู่คะ??”

    “อ้อ ฉันกับเดวิดกำลังหาข่าวเพิ่มเติมอยู่หน่ะ ว่าแต่เธอมีอะไร??”

    “ค่ะที่รัก ฉันว่าฉันใกล้จะหาตำแหน่งของด็อกเตอร์ดันเต้ได้อีกไม่นานแล้วค่ะ” 

    “อืม แล้วยังไงต่อหล่ะ??”

    “แล้วถึงตอนนั้น ฉันจะเอาของของที่รักมาให้นะคะ”

    “ดีมาก แล้วหน่วยรบที่นั่นเป็นยังไงบ้างหล่ะ??”

    “น่าเบื่อมากค่ะ มีแต่พวกไก่อ่อนทั้งนั้น”

    “เอาเถอะ ถ้าฉันไปที่นั่นแล้ว เธอไม่ต้องฟังพวกมันแล้วหล่ะ”

    “แน่นอนค่ะที่รัก เค้าอยากให้ที่รักมาเร็วๆจัง”

    “รอเดี๋ยว ฉันต้องเช็คให้แน่ใจก่อน แล้วอีกอย่าง เธอตรวจสอบข่าวเรื่องเอกอัครราชทูตคนใหม่ของสหรัฐที่กำลังไปรับตำแหน่งที่เมืองไทยด้วย ฉันไม่สบอารมณ์กับยัยนี่เท่าไหร่เลย”

    “ค่ะที่รัก อยากเจอที่รักไวๆจัง”

    “เดี๋ยวเราต้องได้เจอกันแน่”

    ====================================================================

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    https://ko-fi.com/shinobinon ถูกใจนิยาย อยากเลี้ยงกาแฟผม จัดเลย

    paypal.me/shinobinon paypal ของข้าพเจ้าเน้อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×