คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : EP 6 : แขกที่มาเยือน
เช้าวันต่อมา
ทุกคนตื่นขึ้นมาในสภาพสลึมสะลือเต็มที่ เนื่องจากว่าเหนื่อยกันมามาก
ที่ห้องของนอร์รีน ในตอนนั้นนอร์รีนตื่นขึ้นมาในสภาพที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เขาเห็นมิเชลเธอกำลังนอนหลับอยู่ข้างๆเขา แต่เมื่อมิเชลเห็นนอร์รีนตื่นขึ้นมา เธอรีบไปกอดเขาในทันทีโดยที่ไม่ปล่อยให้เขาพูดอะไรเลย
มิเชล
: นอร์รีน ฉันคิดว่าเธอจะไปอะไรไปแล้ว
นอร์รีน
: ฉันไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่หล่ะ
มิเชล
: คุณตะวันเขาทำแผลให้เธอ ฉันพาเธอมานอนหน่ะ
นอร์รีน
: ขอบใจมากนะมิเชลที่มาลำบากเพราะฉัน
มิเชล
: ไม่เป็นไรหรอกนอร์รีน มากกว่านี้ฉันก็ทำให้เธอได้ // เธอกอดนอร์รีนมากขึ้นกว่าเดิม จนทำให้เธอไปโดยแผลของนอร์รีน
นอร์รีน
: โอ๊ย เบาๆหน่อยสิ
มิเชล
: โทษทีนะ ก็ฉันดีใจนี่หน่า เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้เธอเองนะ // มิเชลรีบไปหาน้ำมาให้นอร์รีนดื่มในทันที เพราะกลัวว่าเขาจะกระหายน้ำ
ที่ห้องของเอจิ
เอจิตื่นขึ้นมาโดยที่หมาของเขาเลียหน้าให้เขาตื่น
ในตอนนั้นเขาก็ลูบหัวหมาของเขาด้วยความเป็นห่วงมัน
“แกปลอดภัยนะ ขอบใจมากนะที่ช่วยฉัน”
แต่ในตอนนั้นเอง
ฮาจิหมาของเขาก็เห่าและหันหัวไปทางไลฟ์ที่นอนอยู่ไม่ห่างจากเขา ในตอนนั้นไลฟ์ก็ได้ยินเสียงหมาเห่าแล้วก็ตื่นขึ้นมาทันที
เอจิ
: อ้าว ตื่นแล้วเหรอเธอ เป็นยังไงบ้างหล่ะ
ไลฟ์
: นี่ ยังจะถามฉันอีก นายนั้นแหละเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า
เอจิ
: ก็เจ็บนิดหน่อย แต่โอเคแล้วหล่ะ เธอนอนเฝ้าฉันทั้งคืนเลยเหรอ
ไลฟ์
: ก็ฉันพานานมานอนหน่ะ แล้วก็หลับไป ขอบใจนายมากนะที่ช่วยฉัน
เอจิ
: ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่นี่เมื่อคืนเป็นยังไงบ้างหล่ะ
ไลฟ์
: ก็เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วหล่ะ
ที่ห้องของยูจีน
ในตอนนั้นเองยูจีนกำลังหลับอย่างสบายใจ ในขณะที่ซิลเวียตื่นขึ้นมา
สภาพของเธอในตอนนั้นดีขึ้นมากแล้ว หลังจากที่ซิลเวียตื่น
โทนี่ก็ตื่นขึ้นมาด้วยอีกคน
โทนี่
: อ้าว พี่ซิลเวีย ตื่นแล้วเหรอพี่
ซิลเวีย
: พี่หลับอยู่หล่ะมั้งจ๊ะโทนี่
โทนี่
: ว่าแต่ พี่หายเป็นไข้แล้วเหรอครับ
ซิลเวีย
: พี่ดีขึ้นมากแล้วหล่ะจ้ะ ว่าแต่ยูจีนไปไหนหล่ะ
โทนี่
: พี่ยูจีนเฝ้าพี่ทั้งคืนเลย ตอนนี้คงเฝ้าพระอินทร์อยู่หล่ะ
ซิลเวียเห็นยูจีนนั้นตอนนั้นก็ไปลูบหน้าเธอในทันที
จากนั้นก็เอาเสื้อคลุมของเธอไปห่มเขา
โทนี่
: ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอนอนต่อนะพี่ // โทนี่หลับไปโดยที่ซิลเวียยังไม่พูดอะไรซักคำ
อีกด้านหนึ่ง
ในห้องของมิสซึ มิสซึตื่นขึ้นมาจะไปจัดการเรื่องอาหารในครัว ในระหว่างนั้นเอง
เขาก็เห็นอลิซกำลังนั่งดักฟังสัญญาณวิทยุอยู่ มิสซึเห็นจึงเดินเข้าไปหาเธอในทันที
มิสซึ
: อลิซ เธอทำอะไรอยู่งั้นเหรอ
อลิซ
: เงียบหน่อยสิ ฉันกำลังฟังนี่อยู่ // และระหว่างนั้นเอง
ก็มีสัญญาณข่าวจากรัฐบาลแทรกเข้ามา
“ในขณะนี้ ทางรัฐบาลได้ปราบปรามและกวาดล้างกลุ่มกบฏอย่างหนัก
ทางประธานาธิบดีเชื่อว่ากลุ่มกบฏจะถูกกำจัดลงได้ภายใน 10 วันเป็นอย่างน้อย
แต่รัฐบาลยังคงมีแผนที่จะปิดล้อมกลุ่มกบฏต่อไป…”
มิสซึ
: ไม่น่าเชื่อว่ารัฐบาลจะกำจัดกลุ่มกบฏได้เร็วแบบนี้
อลิซ
: ไม่รู้สิ ยังไงก็รอดูสถานการณ์ไปก่อนก็แล้วกัน
มิสซึ
: เดี๋ยวฉันไปจัดการอาหารในครัวก่อนก็แล้วกันนะ
อลิซ
: ได้เลยจ้า แล้วเจอกันนะ
และอีกด้านหนึ่งของห้อง
อลันที่บังเอิญได้ยินข้อความทางวิทยุ เขาก็เกิดระส่ำระส่ายในใจ
ทำเอาเขาเผลอไปเดินชนกับเอสเทอร์ ทำเอาเขาต้องขอโทษเธอยกใหญ่
เอสเทอร์
: นี่คุณ นึกยังไงมาเดินชนฉันเนี่ย
อลัน
: ขอโทษด้วยครับ คือว่าผมฟุ้งซ่านนิดหน่อยหน่ะ
เอสเทอร์
: นายคิดอะไรของนายอยู่งั้นเหรอ
อลัน
: ผมได้ข่าวมา ตอนนี้กลุ่มกบฏเพื่อนของผมกำลังโดนรัฐบาลจัดการอยู่หน่ะ
เอสเทอร์
: ห่ะ นี่พวกเขาเริ่มจะรุกคืบกันแล้วเหรอ
อลัน
: ความจริงผมอยากจะกลับไปรบอีกครั้งด้วยซ้ำ แต่น้องสาวผมอยู่ที่นี่หน่ะ
เอสเทอร์
: ไลฟ์หน่ะเหรอ ว่าแต่ตอนนี้คุณจะทำยังไงต่อหล่ะ
อลัน
: ผมก็ไม่รู้ ตอนนี้ผมยังคิดอะไรไม่ออกหน่ะ
เอสเทอร์
: ฉันว่าคุณไปหาอะไรกินก่อนดีกว่านะ จะได้ไม่คิดมาก
อลัน
: ก็ดีเหมือนกันนะ // อลันรีบเดินไปทางห้องครัวในทันที
ที่ห้องของซีโร่
ในตอนนั้นเองซีโร่กับบารีร่าก็นอนด้วยกัน
แต่จากนั้นไม่นานพวกเขาทั้งคู่ก็ตื่นขึ้นมารับแสงแดดในยามเช้าทันที
เนื่องจากว่าพวกเขาทั้งคู่นอนมากันมากพอแล้ว
บารีร่า
: ซีโร่ ตื่นแล้วเหรอ หลับสบายหรือเปล่า
ซีโร่
: ก็โอเคนะ หวังว่าเธอก็คงสบายดีนะ
บารีร่า
: ก็สบายดีนะ แต่จะสบายดีกว่านี้ถ้ามีตุ๊กตาหมีซักตัวนะ
ซีโร่
: ตุ๊กตางั้นเหรอ เวลาแบบนี้ยังเล่นตุ๊กตาอีกเหรอเนี่ย
บารีร่า
: ก็ฉันชอบนี่หน่า ก่อนจะมีสงครามฉันลืมเอาตุ๊กตาจากที่บ้านมาด้วย
ซีโร่
: งั้นเหรอ ก็สมกับเด็กดีนี่หน่า
บารีร่า
: แหม่ พูดอย่างกะตัวเองไม่เด็กเลยนะ
ซีโร่
: ฉันไม่ใช่เด็กซะหน่อย เอาเป็นว่าฉันไปหาอะไรกินดีกว่า
ด้านหน้าอพาร์ทเม้นท์
อนูวาและตะวัน
ทั้งสองคนช่วยกันเฝ้าอยู่ห้องโถงรับรองอพาร์ทเม้นท์เผื่อว่าจะมีใครเข้ามา ในตอนนั้นเองทั้งคู่ก็นั่งคุยกันอยู่ด้านล่างเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น
ตะวัน
: คุณเป็นใครมาจากไหนอย่างงั้นเหรอ
อนูวา
: คุณถามฉันทำไมอีกหล่ะ ฉันบอกทุกคนไปแล้วไง
ตะวัน
: ดูจากท่าทางการพูด อาวุธที่คุณพก กับความสามารถของคุณ
ผมว่าคุณต้องไม่ธรรมดา ไม่ต้องโกหกผมหรอก ผมเป็นทหาร ผมมองทหารด้วยกันออกนะครับ
อนูวา
: ฉันเป็นทหารค่ะ งานของฉันคือติดต่อกับกลุ่มกบฎหน่ะค่ะ
คุณอย่าบอกใครก็แล้วกันนะ แล้วคุณหล่ะ
ตะวัน
: ผมเป็นนักบินของสหประชาชาติ ถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายยิงตก
เลยได้มาอยู่ที่นี่หน่ะครับ ผมไม่แน่ใจว่าฝีมือใคร
อนูวา
: ไม่ใช่พวกฉันแน่ๆ พวกฉันไม่สั่งโจมตีแน่นอน
กลุ่มกบฏก็ไม่น่าจะมีอาวุธต่อสู้อากาศยานนะคะ
ตะวัน
: คุณคิดว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลอย่างงั้นเหรอครับ
อนูวา
: ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ไม่ต้องห่วง ยังไงฉันก็จะพาคุณกลับบ้านให้ได้
ตะวัน
: ขอบคุณมากนะครับ
ณ
สนามบินอู่ตะเภา ประเทศไทย
กลุ่มหน่วยรบพิเศษหน่วยหนึ่งได้รับคำสั่งให้มารายงานตัวกับผู้บังคับบัญชาที่กำลังรอเขาอยู่ในเต้นท์แห่งหนึ่ง
ซึ่งหลังจากที่พวกเขามาถึง ผู้บังคับบัญชาก็สั่งให้พวกเขานั่งลงในทันที จากนั้นก็เริ่มแผนการที่พวกเขาวางไว้ในทันที
“เอาหล่ะ สวัสดีทุกท่าน วันนี้ที่ผมไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก
เพราะภารกิจนี้เร่งด่วน คุณคงจะรู้นะว่าเป็นงานแบบไหน ผู้กองอรุณ”
อรุณ
: ครับ ผมพอทราบเบื้องต้นแล้วครับ เรื่องนักบินที่หายไป
“ใช่แล้วหล่ะ เขาคือเรืออากาศเอกตะวัน
เขาปฏิบัติภารกิจร่วมกับสหประชาชาติที่เขตโซราติก แต่ตอนนี้เราพบว่าเขาถูกโจมตีและสูญหายไปในแผ่นดินโซราติก
ภารกิจของพวกคุณก็คือ พาตัวเขากลับมาให้ได้ มีใครมีคำถามอะไรหรือเปล่า”
เนตร
: แล้วมีกฎการปะทะกันหรือเปล่าครับท่าน
“คุณปกป้องตัวเองได้ในกรณีที่ถูกโจมตีก่อน”
เจตนา
: ว่าแต่ เรามีสายข่าวด้านในโซราติกหรือเปล่าครับท่าน
“ภารกิจนี้เร่งด่วน เราจึงหาสายข่าวในตอนนี้ไม่ได้”
เดชา
: แล้วระยะเวลาปฏิบัติภารกิจหล่ะครับ เส้นทางหนีด้วย
“คุณพาร้อยเอกตะวันมายังเขตป่าตรงจุดนี้
เราได้ติดต่อกองกำลังพื้นที่เอาไว้แล้ว แล้วเราจะส่งเครื่องมารับ
ภารกิจนี้ไม่จำกัดเวลาแต่ต้องพาเขาออกมาให้ได้”
จินตโล
: อาวุธของพวกเราที่ใช้ได้หล่ะครับท่าน
“พวกคุณเลือกเอาเองได้ตามสะดวก มีใครมีคำถามอีกมั้ย” ทุกคนเงียบในตอนนั้น
“เอาหล่ะ เลิกประชุมได้ มีเครื่อง C-130 รอคุณอยู่ด้านนอก
1 ทุ่มขึ้นเครื่องทันที” จากนั้นผู้บังคับบัญชาก็เดินออกจากเต้นท์ไป
กลับมายังโซราติก
ตึกร้างที่กบดานของกลุ่มกบฏ
ในตอนนั้นเองคาสเตอร์กำลังซ้อมกบฏที่จับตัวมาได้จนมันน่วม
พวกเขาทรมานมันอยู่นานสองนานจนเริ่มจะทนไม่ไหวกับมันแล้ว
คาสเตอร์
: แม่งเอ้ย นี่มันคนหรือหินเนี่ย ไม่ยอมปริปากอะไรเลย
อีริค
: ก็ไม่ต้องเค้นความลับแล้วหล่ะ ฆ่าแม่งก็จบเรื่อง
เควิน
: นี่ หัดใช้สมองซะบ้าง เปลี่ยนวิธีบ้างสิ
ซิลเวสเตอร์
: จะเอาวิธีไหนหล่ะ เราลองมาหลายวิธีแล้วนะ
อเล็กซานเดอร์
: นั่นสิ ถ้ามันไม่พูดอีกฉันฆ่ามันแล้วนะ
ในขณะเดียวกันนั้นเอง
เควินขอให้อเล็กซ่าเอายาที่เธอเคยเล่าให้ฟังมา บรรจุใส่เข็มฉีดยาแล้วฉีดเข้าไปในตัวของกบฏคนนั้น
อเล็กซ่า
: เควิน นี่นายจะทำแบบนี้จริงๆเหรอ
“นี่พวกแกฉีดอะไรให้ฉันวะเนี่ย” ชายคนนั้นมีการเวียนศีรษะ
อ่อนแรง คลื่นไส้ ใจเต้นอย่างหนัก มันเกือบจะอ้วกใส่ทุกคนในนั้นแล้ว
เควิน
: ถ้าแกไม่ยอมบอก จะฉีดเพิ่มอีกเข็มก็ได้นะ
“อย่าๆๆๆ ฉันยอมบอกแล้วๆ”
อเล็กซานเดอร์
: เอาหล่ะ บอกมาเดี๋ยวนี้ ว่าที่ๆพวกแกอยู่ มีที่ไหนบ้าง
“พวกฉันอยู่ทุกที่ แม้แต่ตอนนี้กำลังจ้องเล่นงานพวกแกอยู่ก็ได้
ทางที่ดีพวกแกกลับบ้านกันไปซะดีกว่า ไม่งั้นแกอาจจะได้เอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ก็ได้”
คาสเตอร์โมโหจัดจึงยิงหัวมันจนตายคาที่ในทันที
อีริค
: เฮ้ย นี่แกยิงมันทำไมวะเนี่ย
คาสเตอร์
: ช่างแม่งดิวะ ยังไงมันก็ไม่ยอมบอกเราอยู่ดีหล่ะ
ซิลเวสเตอร์
: เอาหล่ะ ช่างมันก่อนเถอะ อเล็กซ่า จัดการที่เหลือด้วยนะ
อเล็กซ่า
: รับทราบค่ะ
ณ
เขตเมืองแห่งเดิมซึ่งเร็นและเอ็ดเวิร์ดไปกบดานอยู่ หลัจากที่แสงอาทิตย์ยามเช้าเริ่มส่องประกาย
ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงปืนดังมาจากด้านนอก
ในขณะนั้นเองรัฐบาลก็เริ่มการโจมตีอีกระลอก
ทั้งเร็นและเอ็ดเวิร์ดรีบวิ่งไปยังแนวหลังในทันทีก่อนที่จะโดนฆ่า
เร็น
: แนวหลังของเราอยู่อีกไกลหรือเปล่าเนี่ย
เอ็ดเวิร์ด
: ไม่ไกลหรอก นายรีบตามฉันมาเถอะน่า
ระหว่างที่พวกเขาทั้งคู่กำลังวิ่งหนีกลุ่มทหาร
พวกเขาก็เจอแนวรับของกลุ่มกบฏอย่างใจหวัง
ซึ่งพวกนั้นตั้งปืนกลและปืนใหญ่เตรียมรับมือเอาไว้แล้ว
“มาทางนี้เร็ว”
ทั้งเร็นและเอ็ดเวิร์ดกระโดดเข้าไปยังแนวรับอย่างรวดเร็ว
จากนั้นพวกเขาก็ยิงปืนใหญ่ใส่รถถังจนรถถังของข้าศึกพังยับ
จากนั้นพวกเขาก็จัดการยิงถล่มพวกมันต่อในทันที
เอ็ดเวิร์ด
: สนใจสู้กับพวกมันด้วยหรือเปล่าหล่ะ
เร็น
: ได้เลย ฉันฆ่าได้เยอะกว่านายแน่ๆ
พวกเขาร่วมด้วยช่วยกันยิงขับไล่กองทัพรัฐบาล
จนพวกนั้นต้องยอมถอยทัพออกไปก่อน ศึกครั้งนี้กลุ่มกบฏได้ชัยอย่างงดงาม
เร็น
: สำเร็จแล้ว ว่าแต่ เราจะไปไหนกันต่อดีหล่ะ
เอ็ดเวิร์ด
: ฉันจะเข้าไปตั้งหลักในเมือง ดูว่าตะมีกระสุนให้เก็บเพิ่มอีกหรือเปล่านะ
ณ
เส้นทางของเขตที่ 12 ในขณะที่พวกของเทเรซ่ากำลังเดินทางมาเรื่อยๆเพื่อไปพบกับกลุ่มกบฏที่เหลือ
ในตอนนั้นพวกเขาก็เดินไปแล้วก็พูดคุยกันไปด้วยเพื่อผ่อนคลาย
เทเรซ่า
: อยากกินไอติมเย็นๆซักโคนจังเลยนะ
เดม่อน
: ฉันอยากกินพิซซ่ามากกว่า อยากมากๆเลย
ลูลู่
: ฉันทำพิซซ่าอร่อยนะ นายก็รู้นี่หน่า
เดม่อน
: จริงเหรอ ชักจะอยากลองกินแล้วสิเนี่ย
ลูลู่
: นี่ ฉันไม่ได้โม้นายนะ
เทเรซ่า
: ถ้ามีวัตถุดิบพอ พิซซ่าซักมื้อก็ไม่เลวเลยนะ // แต่ในขณะที่กำลังพูดกันอยู่
กองกำลังไม่ทราบฝ่ายพร้อมอาวุธก็เดินเข้ามาหาพวกเขา
พร้อมกับตรวจสอบทันทีว่าเป็นพวกไหน
เทเรซ่า
: ฉันเอง เทเรซ่า หมอของพวกนายยังไงหล่ะ
“อ้าว คุณเทเรซ่า เป็นยังไงบ้างครับ คุณแพททริคล่ะ”
เดม่อน
: แพททริคตายแล้ว เราเองก็เกือบไม่รอดหน่ะ
“เสียใจด้วยนะครับ”
ลูลู่
: แล้วหัวหน้าอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่าหล่ะ
“ไม่อยู่ครับ แต่ถ้าเดินไปตามถนนอีกหน่อย ในตัวเมืองหัวหน้าเขาจะพักอยู่ที่นั่นครับ”
เทเรซ่า
: ขอบใจมากนะ เราต้องเดินทางกันต่อแล้วหล่ะ
พวกเขาออกเดินทางกันต่อเพื่อทำภารกิจของเขาให้เสร็จลุล่วงไป
และอีกด้านหนึ่งของเมือง
สตอร์มตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่กำบังอันมืดมิด
เขาหาทางออกมาจากที่นั่น เพื่อเดินทางต่อไป ในขณะเดียวกัน นกเหยี่ยวของเขาก็บินมาแต่ไกล
สตอร์มยื่นแขนให้กับนกตัวนั้นมาเกาะบนแขนเขา
สตอร์ม
: บูล เป็นยังไงบ้าง ขอโทษทีที่ฉันไม่มีอะไรให้นายกินนะ
นกตัวนั้นบินออกจากมือเขา
จากนั้นก็บินนำทางเขาไปที่ไหนซักแห่ง เมื่อสตอร์มมาถึง ก็พบว่ามีถังน้ำอยู่ใบหนึ่ง
ซึ่งด้านในมีน้ำอยู่ สตอร์มรีบวิ่งไปใกล้ถังน้ำนั้นทันที
สตอร์ม
: จะกินได้หรือเปล่าเนี่ย
สตอร์มยื่นมือไปกวักเอาน้ำมาดื่ม
ก็พบว่าน้ำรสชาติพอใช้ได้ เขาจึงยื่นหน้าเข้าไปดื่มมันเลย ล้างหน้าไปในยามเช้าด้วย
มันทำให้เขาสดชื่นทันตาเห็น
สตอร์ม
: แกคงจะลองดื่มแล้วสินะว่ามันดื่มได้หรือเปล่า
แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง
ดันมีคนแก่คนหนึ่งเปิดประตูออกมา เอาไม้ถือจะไล่ตีเขาโดยไม่ทราบเหตุผล
“แก อย่ามายุ่งกับน้ำของฉันนะ”
สตอร์ม
: ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าเป็นน้ำของคุณลุง เอามีดของผมไปแทนนะครับ
ในตอนนั้นเอง
มีเด็กชายคนหนึ่งวิ่งออกมา เหมือนกับว่าเขาพยายามจะหนีจากลุงคนนั้น
“ช่วยผมด้วย อย่าให้เขากินผมนะ ช่วยผมด้วย” ชายแก่คนนั้นล็อคแขนมันไว้แต่ไม่ทัน
เด็กชายคนนั้นวิ่งไปด้านหลังสตอร์ม จากนั้นก็เอาเข็มอะไรบางอย่างจิ้มเข้าไปที่เขา
สตอร์มโดนเข้าไปถึงกับมึนหัวในทันที
สตอร์ม
: พวกแก พวกแกคิดจะทำอะไรฉันวะ
จากนั้นสตอร์มก็หมดสติไป
ส่วนลุงคนนั้นกับเด็กชายก็พากันแบกสตอร์มเดินเข้าไปด้านใน
“ตัวหนักเหมือนกันนะไอ้นี่ ท่าทางจะเนื้อแน่นด้วย”
“จะทำอะไรก็รีบทำเถอะลุง ผมหิวแล้วเนี่ย”
พวกเขารีบลากสตอร์มเข้าไปด้านใน
นกของเขาพยายามขวางเอาไว้แต่ไม่ทันซะแล้ว
ทางด้านโกดังเก็บสินค้าของมาร์ค
วันนี้เขาขี้เกียจออกไปหาของข้างนอก เขาจึงนอนกอดสมบัติอยู่กับบ้าน
เขามองดูนาฬิกาเรือนของนอร์รีนที่เขาเพิ่งไปแลกมาได้
เขาชอบมันเป็นพิเศษและดูเหมือนจะเก็บไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา และในขณะเดียวกัน
ลูกน้องของเขาก็เข้ามาพบเขาทันที
“นายครับ มีเรื่องจะบอกครับ”
มาร์ค
: มีอะไรเหรอ สำคัญหรือเปล่า
“ตอนนี้รัฐบาลเริ่มโจมตีตามแนวชายแดนแล้วครับ”
มาร์ค
: งั้นเหรอ ดูเหมือนว่ารัฐบาลอยากจบเกมนี้เร็วๆสินะ
“ก็คงจะเป็นอย่างงั้นครับ ว่าแต่สมบัตินี่เราจะเอายังไงต่อครับ”
มาร์ค
: ใจเย็นสิ นี่ยังไม่ได้เท่ากับทุนของฉันเลยนะ
“แต่ว่า”
มาร์ค
: ไม่มีแต่ทั้งนั้น ฉันสัญญาว่าทุกคนจะได้ส่วนแบ่งตามที่ตกลงแน่นอน
“ครับนาย”
และอีกด้านหนึ่งของเมือง
มีกองทัพด้านตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งพวกเขาตั้งแนวรับเอาไว้อย่างแน่นหนา
ชนิดที่ว่าไม่มีอะไรที่จะสามารถฝ่าไปได้ และในตอนนั้นเองมีนายทหารหญิงคนหนึ่งกำลังใช้กล้องส่องทางไกลมองไปที่เมืองหลวงของโซราติก
อย่างใจเย็น
“ท่านเวร่าครับ กำลังมองอะไรอยู่เหรอครับ” ทหารของเธอเดินเข้ามาสอบถาม
เวร่า
: ฉันกำลังมองดูสงครามที่อยู่ด้านหน้าหน่ะ ว่าแต่
เรื่องที่ฉันให้ไปจัดการเป็นยังไงบ้าง
“ตอนนี้ทั้งเสบียงและเชื้อเพลิงของเราเตรียมพร้อมนำออกไปขายแล้วครับ”
เวร่า
: ดีมาก จำไว้หล่ะ เรื่องนี้อย่าบอกให้ใครรู้ แม้กระทั่งรัฐบาล
“แต่ผมเพิ่งได้ข่าวมา ตอนนี้รัฐบาลเริ่มไล่ตีฝ่ายกบฏแล้วครับ”
เวร่า
: เข้าใจหล่ะ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเริ่มเดินหมากแล้ว เริ่มขายสินค้าได้
ให้กับพวกกบฏและรัฐบาล แต่อ่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเป็นฝีมือเรา
“ว่าแต่ ท่านจะไม่บุกเข้าไปเหรอครับ”
เวร่า
: ยังไงซะพวกกบฏคงต้านได้ไม่นาน เราอยู่ที่นี่รอรับส่วนแบ่งดีกว่า //
เวร่าให้กล้องส่องทางไกลกับทหารคนนั้นก่อนที่จะเดินลงจากหอคอยไป
และอีกด้านหนึ่ง
อันนาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอขับรถเข้าไปในเมืองต่อ
ฝ่าซากศพของเหล่าทหารและกบฏที่นอนเรียงรายอยู่เต็มพื้น พร้อมกับซากปรักหักพังของเมือง
เป้าหมายของเธอคือขับรถไปยังบ้านของพ่อเธอเอง
เพื่อดูว่าลูกชายคนเล็กอยู่กับเธอหรือเปล่า เมื่อเธอไปถึง
เธอไม่รอช้ารีบเข้าไปในบ้านของพ่อเธอในทันที แต่ทันใดนั้นสิ่งที่เธอพบ
มีแต่พ่อของเธอที่ร้องไห้ไม่หยุด เธอแปลกใจมากจึงเดินเข้าไปถามเขาในทันที
อันนา
: คุณพ่อคะ ร้องไห้ทำไมเหรอคะ
“อันนา พ่อขอโทษ ลูกของเธอหายไปหน่ะ”
เธอรีบวิ่งเข้าไปปลอบพ่อของเธอในทันที
จากนั้นเธอก็ถามพ่อของเธอเรื่องลูก
อันนา
: พ่อคะ แล้วเขาไปอยู่ที่ไหนเหรอคะ
“พ่อไม่แน่ใจ วันนั้นเกิดการปะทะ พ่อจะพาหลานไปหลบด้านใน แต่ระเบิดก็มาตกแถวบ้านเรา
ตอนนั้นพ่อสลบไป ตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอเขาอีกเลย”
อันนา
: โธ่ ลูกแม่ // เธอร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย
“พ่อพยายามเข้าเมืองตามหาแต่ไม่เจอเลย พ่อเสียใจ”
อันนา
: ไม่เป็นไรหรอกค่ะพ่อ มันเป็นอุบัติเหตุ
เดี๋ยวหนูจะจัดการหาลูกของหนูเองค่ะ พ่อไปพักด้านในก่อนนะคะ
อันนาพาพ่อของเธอไปนอนพักด้านใน
ส่วนเธอก็เริ่มออกตามหาลูกที่พลัดหลงไปในเมือง
กลับมายังอพาร์ทเม้นท์ของนอร์รีน
ในขณะนั้นเองพวกเขาก็มารวมตัวกันที่ชั้นล่าง
เพื่อทำการประชุมหารือกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและพูดคุยว่าจะมีแผนอย่างไรต่อไป
มิเชล
: เอาหล่ะ ทุกคนก็มากันครบแล้ว และขอต้อนรับสมาชิกใหม่ด้วยนะคะ
อนูวา
: ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ ฉันก็มีงานของฉันที่ต้องทำเหมือนกัน
เอสเทอร์
: เอาหล่ะ ฉันขอพูดก่อนเลยนะ เราจะทำยังไงกันต่อไปหล่ะ
โทนี่
: ก็คงต้องดูแลกันต่อไปหน่ะ จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
มิสซึ
: แล้วเรื่องหาของนี่ใครจะเป็นคนออกไปหาหล่ะ
ยูจีน
: ฉันอยากออกไปนะ แต่ฉันเป็นห่วงซิลเวียหน่ะสิ
ซิลเวีย
: ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันดีขึ้นมากแล้ว นายไปดีกว่า
อลัน
: งั้นฉันก็ขอไปด้วย ฉันไม่ยอมอยู่เฉยๆหรอก
เอสเทอร์
: นี่นาย คิดจะทำอะไรหน่ะ
อลัน
: ฉันไม่ยอมอยู่เฉยๆในขณะที่เพื่อนๆของฉันกำลังโดนฆ่าหรอก อลิซ
เธอไม่ได้บอกทุกคนเหรอ // ทุกคนมองหน้าอลิซอย่างสงสัย
อลิซ
: ก็ ฉันดักฟังวิทยุของรัฐบาล
ตอนนี้พวกเขาเริ่มกวาดล้างกลุ่มกบฏตามแนวชายแดนแล้วหล่ะ
ตะวัน
: แล้วนายจะออกไปโดยไม่มีแผนอะไรอย่างงั้นเหรอ ออกไปก็ตายเปล่า ฉันเป็นทหาร
ฉันรู้ดีน่า
อนูวา
: คุณบอกว่าคุณอยู่ในกลุ่มกบฏ ถ้าอย่างงั้น
คุณพอจะรู้มั้ยว่าเพื่อนๆคุณอยู่ที่ไหน
อลัน
: คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงอยากรู้หน่ะ
อนูวา
: ฉันยังบอกตอนนี้ไม่ได้ แต่ฉันรับรองด้วยชีวิต ฉันไม่ได้มาร้ายกับทุกคนแน่ๆ
เอจิ
: ตอนนี้ช่างมันก่อนเถอะ ว่าแต่ใครจะออกไปดีหล่ะ
นอร์รีน
: ถ้าพวกคุณคนไหนไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะครับ
ตะวัน
: ถ้างั้น ผม อลัน ยูจีน โทนี่และซีโร่ออกไปก็ได้ครับ
ซีโร่
: ได้เลย ผมเองก็อยากยืดเส้นยืดสายอยู่พอดีเลยเนี่ย
บารีร่า
: แหม่ ซ่าส์จริงๆเลยนะเราเนี่ย เดี๋ยวจับมัดซะเลยนะ
ในระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกัน
ก็มีเสียงเคาะประตูมาจากด้านหน้า
พวกเขาเตรียมอาวุธไว้พร้อมเผื่อว่าจะมีใครมาปล้นพวกเขา
จากนั้นเองอลันก็เปิดประตูออกไปดู ก็พบว่ามีคนมาขอพบเขา นั้นก็คือฮาน่า
คนที่เขาเคยช่วยเอาไว้นั้นเอง
ฮาน่า
: อลัน ฉันดีใจจริงๆที่เจอคุณ
อลัน
: ฮาน่า คุณมาที่นี่ได้ยังไงหล่ะเนี่ย
ฮาน่า
: ก็เพื่อนของฉันสะกดรอยตามพวกคุณมา ท่าทางคนที่นี่จะไว้ใจได้สินะ
อลัน
: ว่าแต่ คุณมีธุระอะไรอย่างงั้นเหรอครับ
ฮาน่า
: ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย ขอเข้าไปด้านในหน่อยได้หรือเปล่าคะ
อลันรีบพาฮาน่าเข้ามาด้านใน
เพื่อดูว่าเธอต้องการให้พวกเขาช่วยเหลืออะไร
=================================================================
ฮาน่าตามอลันมาถึงที่พักของเขา เธอต้องการอะไรกันแน่ แล้วเหตุการณ์จะเป้นอย่างไรต่อไป ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยครัช
ความคิดเห็น