คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 7 : เพื่อนใหม่
หลังจากที่พวกของนอร์ดิกเข้าสู่เขตเมืองของแคว้นเดลล์
ซึ่งในเมืองแห่งนี้ก็แทบจะเหมือนเมืองธรรมดาทั่วไป
ผู้คนก็ยังมาเดินเล่นอย่างสบายใจ อย่างกับว่ายังไม่มีเหตุการณ์อะไรที่วุ่นวายในเมืองนี้
นอร์ดิกขี่รถม้าไปตามถนนเพื่อหาซื้อเสบียงเพิ่มเติม เพื่อเดินทางไปยังริงก้าต่อให้ได้
นอร์ดิก : แถวนี้น่าจะมีอาหารแห้งให้พวกซื้อบ้างได้นะครับ
อาบาตู : ถ้าเช่นนั้น
กระผมจะออกไปซื้อมาให้เองครับ
นอร์ดิก : ผมว่าไม่ต้องเยอะมากหรอกครับ
เราคงใกล้จะถึงริงก้าแล้ว
ไซโซ : นี่พี่เคจา
ทางด้านนั้นมีอะไรหน่ะพี่ //
ไซโซชี้ไปทางกลุ่มคนที่มายืนดูราวกับเป็นไทยมุง
เคจา : หรือว่า
เขาอาจจะมีอะไรมาโชว์แลกเงินก็ได้
นอร์ดิก : น่าสนใจนะพี่
ไปดูกันดีกว่าครับ
พวกเขาคิดว่าจะได้ชมการแสดงอะไรดีๆ
แต่ตอนนั้นกลับเป็นเพียงชายคนหนึ่ง ซึ่งก็คือซอลเจ้าเก่า
คราวนี้เขามาปราศัยเกี่ยวกับแนวคิดประชาธิปไตยของเขา
“สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง และในวันนี้
เสรีภาพและสันติภาพที่พวกท่านฝันถึง มันจะเป็นจริง ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน”
ไซโซ : หมอนี่พูดดึงดูดใจดีนะครับ
พี่ว่าหรือเปล่า
เคจา : นั่นสิ
วาจาก็คมคาย แถมมีเสน่ห์กับคนรอบข้างอีก
แต่ในขณะนั้นเอง
มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งพร้อมกับไม้ในมือ มากันราวๆสิบกว่าคน
มันพยายามจะทำร้ายซอลกับพวก แต่พวกเขาก็สู้กลับอย่างสมศักดิ์ศรี
แต่น้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ พวกของซอลกำลังโดนพวกมันยำอย่างหนัก
“ปั๊ก”
เสียงขว้างขวดใส่หัวดังไปทั่ว
ทำเอาพวกมันมองมาทางคนปาเป็นตาเดียว
นอร์ดิก : แน่จริงอย่ารังแกคนที่อ่อนแอกว่าสิวะ
“เฮ้ย พวกแกมาเสือกอะไรด้วยวะ อยากตายหรือไง”
ไซโซ : โห
ปากดีชิบหายแกเนี่ย นายเลาะฟันออกจากปาก
เคจา : ถ้าพวกแกอยากออกกำลังนัก
ฉันจะเป็นลูกมือให้ก็ได้
“ได้ พวกเรา ยำมันให้เละ”
พวกมันพุ่งตรงเข้าทำร้ายพวกของนอร์ดิก
แต่พวกของนอร์ดิกไล่อัดพวกมันจนยับ นอร์ดิกชักดาบของตัวเองออกมาฟันพวกมันทีละคน
ส่วนไซโซและเคจาก็ทั้งเตะและต่อยจนพวกมันล้มกลิ้งไมเป็นท่า
พวกมันเห็นเพื่อนมันตายทีละคนจึงเริ่มถอยกลับไป
“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ซอล กูมาเอาคืนแน่”
ซอล : ฝากบอกนายแกด้วยเหมือนกัน
ฉันตามไปฆ่ามันถึงที่แน่ๆ //
จากนั้นมันก็รีบหนีไป ส่วนพวกของนอร์ดิกก็มาดูอาการของพวกซอลที่กำลังบาดเจ็บอยู่
เคจา : บาดเจ็บตรงไหนบ้างพวกนายเนี่ย
“ไมเป็นไรหรอกครับ ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยพวกเรา”
นอร์ดิก : ว่าแต่
พวกนายเป็นใครกัน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้หล่ะ
ซอล : ผมชื่อฮอริซอล
เป็นนักศึกษา แล้วพวกนี้ก็นักศึกษาเหมือนกัน
ไซโซ : ว่าแต่
ไอ้พวกที่มาเล่นงานนี่เป็นใครกันหน่ะ
ซอล : มันเป็นเจ้าเมืองแห่งนี้ครับ
มันมีอิทธิพลมาก ถึงขนาดสั่งชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้ พวกมันรังแกชาวบ้านมานาน
จนพวกเรานักศึกษากลุ่มนี้ต้องมาต่อต้านมันครับ
อาบาตู : คุณหนูครับ
ผมว่าเรารีบไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ
ซอล : ว่าแต่
พวกนายจะไปไหนกันเหรอ
นอร์ดิก : ผมจะไปริงก้า
ท่านพ่อผมสั่งเสียเอาไว้ ว่าผมต้องไปที่นั่น พวกนายอยากไปกับเราหรือเปล่าหล่ะ
ซอล : ได้สิ
ตอนนี้เรากำลังหาทางไปจากที่นี่เหมือนกัน นายไม่ต้องห่วง ถึงเราจะเป็นปัญญาชน
แต่เราก็สู้เป็นเหมือนกันนะ
นอร์ดิก : ถ้าพวกนายมีม้าขี่
ก็ตามพวกเรามาก็แล้วกัน //
จากนั้นไม่นานซอลกับพวกก็เตรียมม้าของพวกเขาแล้วออกเดินทางพร้อมกับนอร์ดิก
ในขณะเดียวกัน พวกที่เพิ่งจะโดนนอร์ดิกซ้อมมาก็ซมซานกลับไปหาเจ้านายของมัน
เจ้านายมันเห็นสภาพของลูกน้องตัวเองตอนนั้นก็ตกใจมาก
“เฮ้ย นี่พวกแกแพ้กันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ”
“นายครับ มีคนมาช่วยมันครับ”
“จริงเหรอ สืบให้ได้ว่ามันเป็นใคร
แล้วฆ่ามันด้วยอีกคน”
อีกด้านหนึ่งที่แคว้นเดลล์
ค่ายทหารชายแดนตะวันออก นายพลบลูกำลังรอข่าวๆหนึ่งอย่างใจจดใจจ่อ และในขณะนั้นเอง
ก็มีม้าเร็วมาส่งข่าวถึงเขา
“ขอรายงานครับท่านนายพล
ตอนนี้พวกของกลุ่มพอร์ชกำลังระส่ำระส่ายอย่างหนักเลยครับ”
บลู : ดีมาก
ติดแล้วไม่มีผิด วันนี้แหละ ฉันจะต้องยึดเมืองของพวกมันให้ได้
“ครับท่าน ปืนใหญ่เตรียมพร้อมอยู่แล้วครับ
ขอแค่ท่านสั่งครับ”
บลู : ดีมาก
ฉันอยากไปดูการยิงปืนใหญ่ด้วยตัวเอง
นายพลบลูควบม้าไปยังแนวปืนใหญ่ของเขา ซึ่งมีปืน Armstrong เรียงรายวางกันอยู่แน่นขนัด จากนั้นเอง
นายพลบลูก็มองด้วยกล้องส่องทางไกลของเขาไปยังเมืองแห่งหนึ่ง
บลู : ระยะดีมาก
พวกนายทำได้ดี
“ขอแค่ท่านสั่ง ปืนใหญ่ของเราจะยิงทันทีครับ”
บลู : ยิงได้
หลังจากสิ้นเสียง
ปืนใหญ่ทุกกระบอกก็ยิงเข้าไปในเมืองแห่งนั้น ทำเอาผู้คนในเมืองแตกตื่น
ทั้งเสียงปืนและแรงระเบิดของมันทำเอาเมืองใหญ่แห่งนั้นกลายเป็นเถ้าถ่าน
นายพลบลูมองอยู่ไกลๆด้วยความสะใจ
บนถนนใหญ่เส้นหนึ่งที่กำลังมุ่งตรงสู่แคว้นเดลล์
คาราวานของเอลิซ่าก็เดินทางกันทั้งวันทั้งคืนเพื่อที่จะไปยังริงก้า พวกเธอดูจะตื่นเต้นมากกับการเดินทางในครั้งนี้
เมเทอร์ : นี่
เอลิซ่า ใจคอจะไม่คิดพักกันหน่อยเลยหรือไง
เอลิซ่า : เราต้องไปถึงริงก้าให้เร็วนะ
ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีหน่ะ
เฟรย์อา : อยากไปหาพ่อหนุ่มนอร์ดิกคนนั้นสินะ
ไม่ต้องเขินหรอก
เอลิซ่า : ฉันต้องรีบไปตามหาเขา
ก่อนที่เขาจะเป็นอะไรไปหน่ะ
เฟรย์อา : ฉันว่านะ
นอร์ดิกของเธอเขามีฝีมือจะตาย ไม่เป็นไรง่ายๆหรอก
เมเทอร์ : นี่พวกเธอ
ใกล้จะเข้าเขตแคว้นเดลล์แล้วนะ // เมเทอร์ชี้ไปยังพรมแดนด้านหน้า
เอลิซ่า : ดีมาก
ส่งข่าวให้สายของเรามารวมตัวกัน แล้วผ่านไปริงก้ากันต่อ
ขบวนคาราวานของเอลิซ่าเคลื่อนต่อไปเพื่อเข้าสู่แคว้นเดลล์
และกลับมาที่เมืองโมโรวิน
ในขณะที่ชายสี่พี่น้องกำลังนั่งดื่มอะไรด้วยกัน ในตอนนั้นเองโอลลี่ก็วิ่งเข้ามารายงานข่าวของเธอให้ชายทั้งสี่คนฟังทันที
โอลลี่ : พวกนาย
แย่แล้ว รีบไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย
มาร์ธิว : มีอะไรงั้นเหรอ
บอกมาสิ
โอลลี่ : ตอนนี้พวกโซราบอลกำลังโจมตีเมืองเดสต้าร์
ตอนนี้เมืองอาจจะแตกในไม่กี่วันนี้แล้วนะ
เอเทอร์ : ห่ะ
พวกโซราบอลโจมตีถึงเมืองเดสต้าร์แล้วงั้นเหรอ
เลออน : แย่หล่ะ
อีกแค่ไม่กี่อึดใจพวกมันก็จะมาถึงเราแล้วนะ
แมทธิว : ผมว่า
เรารีบย้ายสมาคมของเราไปที่ริงก้ากันเถอะ
เลออน : เออใช่
พวกพี่เอลิซ่ากำลังไปที่เมืองริงก้านี่หน่า
เอเทอร์ : ผมจะรีบให้คนของผมไปเก็บของก่อนนะครับพี่
แมทธิว : พี่ครับ
ว่าแต่พี่จะเอายังไงต่อดีหล่ะ
มาร์ธิว : พี่ว่า
เรารีบออกไปจากหนีที่นี่ก่อนดีกว่า แล้วบอกคนอื่นๆในสมาคม
ถ้าเป็นไปได้ให้หนีออกจากมอร็อคซะ
กลับไปยังชายแดนเมืองเดสต้าร์
ในตอนนั้นก็เกิดการระส่ำระส่ายเต็มที่ เพราะกองทัพของนายพลเนโรเคลื่อนพลมาประชิดเมืองแล้ว
ปืนใหญ่ทุกกระบอกก็เตรียมที่จะยิงเข้าเมือง
ตอนนั้นนายพลเนโรกำลังขี่ม้าแล้วมองจากกล้องส่องทางไกล จากนั้นก็คุยกับโซรอนทันที
เนโร : ดูพวกมันสิ
กำลังระส่ำกันหนักเลยเนี่ย
โซรอน : นั้นสิครับ
ไม่น่าเชื่อว่าการยิงปืนใหญ่ปูพรมของเราจะได้ผลขนาดนี้
เนโร : คูเปอร์
ถ้าปืนใหญ่ของเรายิงประตูเมืองมันแตก ก็โจมตีได้ทันทีเลยนะ
คูเปอร์ : รับทราบครับ
// คูเปอร์ขี่ม้าไปรวมตัวกับทหารที่เหลือ
ในตอนนั้นเองสามทหารหนุ่มเพื่อนรักก็กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีในครั้งนี้
อาร์มเมอร์ : นี่
ฉันได้ยินมานะ เมืองนี้เป็นที่เก็บสมบัติไว้มากมายเลยหล่ะ
สกาย : ข่าวลือทั้งเพหล่ะ
ใครบ้าที่ไหนจะเอาสมบัติมาไว้เมืองเล็กๆนี่หล่ะ
เอ็ดเวิร์ด : นี่พวกนาย
อย่าเพิ่งสนใจเรื่องสมบัติเลย สนใจเรื่องการรบก่อนเถอะ // ระหว่างนั้นเอง
คูเปอร์ก็ขี่ม้าลงมานำทัพเตรียมบุกเข้าเมือง
หลังจากที่เสียงปืนใหญ่หยุดยิงและประตูเมืองเดสต้าร์ถูกเปิดออก
คูเปอร์ : พวกเรา
บุก!!
หลัจากสิ้งเสียง
ทหารของคูเปอร์ก็บุกเข้าเมืองราวกับสายน้ำหลาก
ทหารของมอร็อคพยายามยิงต้านพวกเขาไว้อย่างสุดกำลัง
สกาย : ฆ่ามันเลย
ไอ้พวกมอร็อคอ่อนหัดเอ้ย
อาร์มเมอร์ : ระวังหน่อยสิ
พวกมันยิงไม่ยั้งเลยเนี่ย //
ในตอนนั้นเอง มันคนหนึ่งยิงธนูใส่สกาย
แต่เอ็ดเวิร์ดดึงตัวเขามาหลบได้ก่อน
เอ็ดเวิร์ด : มีสมาธิหน่อยสิเพื่อน
เดี๋ยวก็ตายตรงนี้หรอก
คูเปอร์ : ทหารม้า
โจมตีขนาบข้างมันเดี๋ยวนี้ // ทหารม้าของคูเปอร์โจมตีกระหนาบซ้ายขวาของแนวปืนพวกมอร็อค
ทำเอาพวกนั้นถอยรีบถอยออกจากเมือง ก่อนที่กองทัพของพวกเขาจะโดนละลายยกทัพตามถนนมีแต่ศพทหารเต็มไปหมด
ส่วนประชาชนก็เผ่นหนีเอาชีวิตรอด ศึกครั้งนี้โซราบอลได้ชัยอย่างงดงาม
จนนายพลเนโรต้องขี่ม้าออกมาแสดงความยินดีกับเหล่าทหารกล้าทั้งหลาย
นอสต้า : ท่านพ่อดูสิ
พวกมันหนีกระเจิงกันหมดเลยครับ
เนโร : ทำได้ดีมากทหารทุกนาย
คืนนี้เรามาเลี้ยงฉลองกันให้เต็มที่ไปเลย // ทหารโซราบอลต่างโห่ร้องดีใจกันอย่างเนื่องแน่น
ในตอนนั้นโซรอนก็ขี่ม้าไปหาสกายกับอาร์มเมอร์ ทหารของเขา เพื่อมอบหมายงานบางอย่าง
โซรอน : สกาย
อาร์มเมอร์ พวกนายทำได้ดีมาก ฉันมีภารกิจใหม่ให้นาย พวกนายสองคนต้องไปประจำการที่แคว้นบาส์ก
เพื่อเสริมกำลังให้กับพวกเราที่กำลังโจมตีฟิลล์บอน รีบล่ำลาเพื่อนนายซะ
เอ็ดเวิร์ด : จะไปแล้วงั้นเหรอ
โชคดีนะพวกนาย แล้วเจอกันนะ
อาร์มเมอร์ : อย่าตายก่อนเจอกันซะก่อนนะเพื่อน
ทางด้านชายป่าแห่งหนึ่ง
อราชกับฟีนด์นำกำลังพลส่วนหนึ่งลัดเลาะไปตามชายป่าเพื่อจัดการกับทหารโซราบอล
ในตอนนั้นเอง มีทหารเดินเท้านายหนึ่งมารายงานสถานการณ์ข่าวกับฟีนด์
“ท่านครับ แย่แล้ว เมืองเดสต้าร์แตกแล้วครับ”
ฟีนด์ : ห่ะ
จริงเหรอ นี่พวกมันบุกมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
อราช : แล้วชาวบ้านกับทหารที่เหลืออยู่ที่ไหนกันหล่ะ
“บางส่วนก็หนีไปที่โมโรวิน
บางส่วนก็โดนพวกโซราบอลจับไปครับ”
ฟีนด์ : พวกมันบุกมาถึงเดสต้าร์แล้ว
อีกไม่นานคงเข้าประชิดเมืองโมโรวินสินะ
อราช : แล้วเราจะเอายังไงกันต่อดีหล่ะ
ฟีนด์ : ฉันจะพาทหารไปอีกทางหนึ่ง
เพื่อป้องกันการปะทะกับพวกมัน จากนั้นเราก็จะเริ่มโจมตีแบบกองโจรกับพวกมัน
อราช : คงต้องรีบหน่อยหล่ะ
ผมจะพาคนของผมไปลาดตระเวนก่อนก็แล้วกัน // อราชนำกองโจรของเขาไปลาดตระเวนตามทาง
ส่วนทหารของฟีนด์ก็ใช้เส้นทางอื่นเพื่อไปเสริมกำลังที่โมโรวิน
และที่สมรภูมิในฟิลล์บอน เมืองราดาส
หลังจากที่นายพลนอร์ทยิงปืนใหญ่ถล่มเมือง ทหารม้าของเขาก็เตรียมโจมตีเมืองทันที
นอร์ท : สการ์เล็ต
ลูกพร้อมสำหรับศึกแรกแล้วสินะ
สการ์เล็ต : ค่ะท่านพ่อ
ตอนนี้ทหารม้าของหนูเตรียมพร้อมแล้วค่ะ // สการ์เล็ตควบม้าของเธอเตรียมพร้อมบุกเข้าไปในเมือง
อีกด้านหนึ่ง ซิกนัสขี่ม้าของเขาแล้วจัดพลปืนอยู่บนกำแพง
และวางแนวป้องกันเพิ่มเติมเพื่อป้องกันทหารโซราบอล
ซิกนัส : เอาหล่ะ
เราต้องยันมันไว้แค่ 20 นาที พอให้ชาวบ้านหนีไปอีกที่หนึ่งได้
“ผมว่า กำลังของพวกมัน อาจจะผ่านเราได้ใน 2 นาทีก็ได้ครับ”
ซิกนัส : อย่าเพิ่งถอดใจสิ
พวกมันยังไม่บุกมาเลยนะ
หลังจากสิ้นเสียงสัญญาณ
ทหารของโซราบอลก็บุกมาราวกับสายน้ำหลาก ทหารของฟิลล์บอนยิงสกัดพวกมันเอาไว้
แต่ทหารของโซราบอลมีมากกว่า ทำให้มันใกล้จะบุกถึงแนวพวกเขาแล้ว
“ท่านครับ เราคงต้านได้อีกไม่นานหล่ะครับ”
ซิกนัส : คุ้มกันการถอนกำลัง
แล้วรีบออกจากเมืองนี้ เร็ว
สการ์เล็ต : ทหาร
บุกเข้าไป ปิดล้อมเมืองนี้เอาไว้ // ทหารม้าของโซราบอลบุกเข้ามายังเมืองราดาส
ไล่ฆ่าทหารฟิลล์บอนไปทั่ว
คนของซิกนัสต้องถอนกำลังออกมาก่อนที่กองร้อยของเขาจะโดนกำจัด เมื่อเขาหนีออกมาได้
พวกเขาก็รวบรวมพรรคพวกที่เหลือรอดมาได้
ซิกนัส : เหลือทหารเท่าไหร่
“ตอนนี้เราเหลือไม่กี่ร้อยจากสามพันนายครับ”
ซิกนัส : รีบถอยไปรวมกำลังกับพวกเราที่อื่นเถอะ
ไปเร็ว // จากนั้นซิกนัสก็พาพวกควบม้าออกไป
ทางด้านของนายพลนอร์ท หลังจากที่บุกเข้าเมืองราดาสได้
นายพลนอร์ทก็สำรวจความเสียหายทั้งหมดทันที
นอร์ท : สการ์เล็ต
ตอนนี้ทหารของตายไปเท่าไหร่
สการ์เล็ต : เสียชีวิตร้อยกว่านาย
บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่งค่ะพ่อ
นอร์ท : ดีมาก
การโจมตีได้ผลเกินคาด สั่งทหารให้พักผ่อนเต็มที่ จากนั้นพรุ่งนี้
โจมตีเมืองถัดไปเลย
สการ์เล็ต : ค่ะท่านพ่อ ว่าแต่ พ่อคิดว่าพวกมันจะถอยไปที่ไหนคะ
นอร์ท : มันอาจจะถอยเข้าเมืองหลวง
แล้วไปรวมกำลังเพื่อตอบโต้เราก็ได้ แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้ไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่านะ
กลังมายังเมืองซอร์ม แคว้นริงก้า
ในขณะนั้นเองอาร์เทอร์กำลังรวบรวมกำลังพลส่วนหนึ่งไปเสริมกำลังพลให้กับเซเลนส์ที่แนวหน้า
ในตอนนั้นเองเนม่าก็มาตามไปส่งเขาด้วย
เนม่า : พี่คะ
พี่ไปครั้งนี้ยังไงก็ระวังตังด้วยนะคะ
อาร์เทอร์ : ไม่ต้องห่วงหรอก
เราได้ทหารมาเพิ่มอีกตั้งแสนหนึ่งเลยนะ
เนม่า : แต่ก็ยังมีไม่พอปะทะกับพวกโซราบอลอยู่ดีนะพี่
อาร์เทอร์ : ไม่ต้องห่วง
ปราบกบฏคราวนี้ได้เราก็อาจพลิกสถานการณ์ได้นะ
เนม่า : ทำไมพี่ไม่ให้เซเลนส์ถอยกลับมาที่เมืองหล่ะพี่
อาร์เทอร์ : เซเลนส์ไม่ยอมหรอก
พี่เลยต้องไปช่วยไงหล่ะ เธออยู่ที่นี่ก็ระวังตัวด้วยนะ
จากนั้นเองอาร์เทอร์ก็นำทหารของเขาเดินทัพไปยังแนวหน้า
และที่แนวหน้าขนาดนั้น เซเลนส์ก็รับการโจมตีจากกลุ่มกบฎทุกวัน
กระสุนของพวกเขาเริ่มจะหมดแล้ว แถมเสบียงก็หร่อยหรออีกต่างหาก
“ผู้พันครับ
ตอนนี้กระสุนปืนเล็กกับปืนใหญ่ของเราใกล้จะหมดแล้วนะครับ”
เซเลนส์ : ฉันรู้
อีกไม่นานนายพลอาร์เทอร์จะส่งกระสุนมาให้เราแน่
“แต่เสบียงที่เรามีตอนนี้ มีพอสู้แค่ 3 วันนะครับ เรารอได้แค่นั้น ไม่ก็ยอมแพ้”
เซเลนส์ : ไม่มีการยอมแพ้เด็ดขาด
พยายามส่งทหารของเราไปตามป่า ล่าสัตว์มาเพิ่มให้ได้
“เรากำลังพยายามอยู่ครับ”
เซเลนส์ : พวกกบฏตอนนี้ยังแข็งแกร่งนัก
คงต้องใช้เวลาหน่อยหล่ะ
จากนั้นไม่นาน
ปืนใหญ่ของกลุ่มกบฏก็ยิงเข้าที่มั่นอีกครั้ง ทำให้ทหารของเซเลนส์ต้องเข้าที่กำบัง
เพื่อรับมือกับศัตรูอีกครั้ง
กลับมายังคฤหาสน์ของมาร์ธ่า
หลังจากที่มาร์ธ่าได้ทานยาแล้วนอนหลับ ซิลเวียร์ก็คอยดูแลเธอไม่ห่าง
แต่ในตอนนั้นเอง
มีโจรกลุ่มหนึ่งเข้ามาปล้นบ้านของมาร์ธ่า พวกมันถือมีดและดาบบุกเข้ามา
คนของมาร์ธ่าพยายามสกัดพวกมันเอาไว้
“ช่วยด้วย มีโจรปล้น”
ซิลเวียร์ได้ยินในตอนนั้น เธอเรียกซาร่าให้มาอยู่กับมาร์ธ่าที่กำลังนอนอยู่บนเตียง
ซิลเวียร์ : พี่ซาร่าคะ
อยู่ที่นี่ก่อนนะคะ
ซิลเวียร์วิ่งลงไปข้างล่าง
พยายามเรียกตำรวจหลวงในเมืองแถวนั้น พวกโจรกลุ่มหนึ่งพยายามจะฉุดเธอไป
แต่เธอก็ต่อยหน้ามันจนร่วง เนื่องจากเธอก็เคยเรียนมวยมาเหมือนกัน
งานจนยับ พวกมันส่วนหนึ่งพยายามวิ่งขึ้นไปชั้นบน
แต่ซิลเวียร์ก็รีบวิ่งขึ้นไปสกัดมันไว้
“ห้ามใครผ่านฉันไปเด็ดขาด”
ซิลเวียร์พยายามสู้กับพวกมัน
แต่มันคนหนึ่งตบเธอร่วง จากนั้นมันพยายามฆ่าเธอ
“เก่งนักใช่ไหมน้องสาว”
แต่ในไม่กี่อึดใจ ตำรวจก็เข้ามายิงพวกโจรด้านใน
พวกโจรเมื่อเห็นตำรวจก็รีบหนีกระจายกันไปคนละทิศละทาง
ซิลเวียร์รีบวิ่งเข้าไปหามาร์ธ่าที่กำลังนอนอยู่ พบว่าทั้งมาร์ธ่าและซาร่าปลอดภัยดี
ซาร่า : ซิลเวียร์
ปลอดภัยดีนะจ๊ะ
ซิลเวียร์ : หนูไม่เป็นไรค่ะ
พี่ซาร่าอยู่เผ้าคุณย่าไปก่อนนะคะ เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำแน่ๆค่ะ
กลับมายังสถานทูตเยอรมัน
ในตอนนั้นเองแอนตาร์กติกก็ได้รับหน้าที่ให้ปราบกลุ่มโจรสลัดที่ออกปล้นไปตามเกาะต่างๆ
และเธอเชื่อว่าพวกมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายตามท้องทะเลแถบนี้แน่นอน
เธอขึ้นเรือของเธอไปพร้อมกับทหารจำนวนหนึ่ง
แอนตาร์กติก : โจรสลัดพวกนี้มีฐานที่มั่นอยู่ที่ไหนกันงั้นเหรอ
“พวกมันอยู่ตามเกาะเล็กๆแถวนี้ครับ
แต่เราไม่เคยกำจัดมันได้หมดซะที”
แอนตาร์กติก : แล้วตอนนี้มีกองเรือชาติไหนบ้างที่กำลังสู้อยู่
“ที่เห็นก็มีแค่กองเรืออังกฤษนะครับ”
แอนตาร์กติก : พวกเราต้องรีบกันหน่อย
ออกเรือกันได้
เมื่อสิ้นคำสั่ง
กองเรือของแอนตาร์กติกก็แล่นออกไปยังน่านน้ำสากล เพื่อตามล่ากลุ่มโจรสลัด
วันนี้เป็นวันที่คลื่นลมแรงมาก แต่เธอก็ยังพอทนได้ เพราะเธอชื่นชอบทะเลมากๆ
แอนตาร์กติก : ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังหนีไปกบดานที่อื่นนะ
“นั่นสิครับ เหมือนว่าพวกมันเงียบหายไปเลย”
แอนตาร์กติก : ยังไงก็ตาม
เตรียมอาวุธเอาไว้ อย่าประมาทเด็ดขาด
และทางด้านของกองกำลังรัสเซีย
โทมารอฟกำลังพลออกตามล่าเครือข่ายของอเล็กซ์สกี้ตามที่สายข่าวของเขาได้มา
เขาแล่นเรือออกไปตามเกาะที่สายข่าวของเขารายงาน ในตอนนั้นเอง
เขาก็เจอเกาะต้องสงสัยของพวกมันจนได้
โทมารอฟ : ทหาร
เล็งปืนใหญ่ไปที่เกาะนั้น
กระบอกปืนเรือเล็งไปยังเกาะแห่งนั้น โดยที่พวกโจรสลัดในเกาะก็เตรียมปืนใหญ่ยิงตอบโต้
โทมารอฟ : ปืนใหญ่ทุกกระบอก
ยิงได้
หลังจากมีคำสั่ง
ปืนใหญ่ของรัสเซียยิงเข้าไปในเกาะแห่งนั้น ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า
ปืนใหญ่ของพวกโจรสลัดทำอะไรเรือเขาไม่ได้ พวกโจรสลัดตายมากมาย จากนั้นเอง
โทมารอฟก็สั่งทหารให้นั่งเรือบด เพื่อขึ้นบกที่เกาะแห่งนั้น จากนั้นก็เริ่มกระบวนการกวาดล้างพวกโจรสลัด
และอีกฝากหนึ่งของทะเล กองเรือราชนาวีอังกฤษ
ชายหนุ่มวัยกลางคนกำลังสองกล้องส่องทางไกลของเขาตามหาเกาะต้องสงสัยที่เขาสงสัยว่าจะเป็นที่อยู่ของเหล่าโจรสลัด
เขามองหาอยู่นานจนเจอหนึ่งเกาะ จากนั้นก็เรียกทหารของเขามาถาม
“ท่านนายพลจอร์จครับ”
พลเรือโทจอร์จ ทหารเรือแห่งกองทัพอังกฤษ
ซึ่งได้รับคำสั่งให้กวาดล้างกลุ่มโจรสลัดในแถบนี้
จอร์จ : เกาะนั้นใช่หรือเปล่าที่สายข่าวของเราแจ้งมาหน่ะ
“ใช่ครับท่าน ให้ผมสั่งปืนใหญ่ยิงเลยมั้ยครับ”
จอร์จ : เดี๋ยวก่อนนะ
ทำไมบนเกาะมีแต่ผู้หญิงกับเด็กทั้งนั้น // แต่ไม่ทันแล้ว
ปืนใหญ่บนเรืออีกลำหนึ่งได้ยิงถล่มเกาะนั่นไปแล้ว ทำเอานายพลจอร์จหัวเสีย
จึงรีบสั่งทหารของเขาทันที
จอร์จ : เฮ้ย
สั่งทหารให้หยุดยิงเดี๋ยวนี้ เกาะนั้นมีแต่ชาวบ้านทั้งนั้นนะเว้ย
หลังจากนั้นปืนใหญ่ก็หยุดยิง
นายพลจอร์จส่องกล้องมองไปอีกครั้ง ก็พบว่าบนเกาะไม่มีพวกโจรสลัดเลย
มีแต่คนมาช่วยผู้หญิงและคนแก่ที่อยู่บนเกาะ
จอร์จ : หน่วยข่าวกรองทำงานอะไรของมันเนี่ย
“ให้ทำยังไงต่อดีครับท่าน”
จอร์จ : สั่งให้หมอของเรารักษาคนที่นั่น
ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าหน่วยข่าวกรองกำลังทำอะไรอยู่
กลับมายังฟิลล์บอน ในขณะนั้นเอง
ดราโก้กำลังปรึกษากับอาร่า ว่าจะหนีไปจากฟิลล์บอนดีหรือไม่ โดยที่ในตอนนั้นเอง
อาเรียได้รับโทรเลขจากสายของเธอที่อยู่ที่เมืองราดาส
เมื่อเธออ่านข้อความในนั้นก็ตกใจ จากนั้นก็รีบไปบอกดราโก้ทันที
อาเรีย : ทุกคนคะ
แย่แล้วหล่ะ ตอนนี้เมืองราดาสแตกแล้ว
ดราโก้ : ห่ะ
จริงเหรอ นี่เร็วขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
โคน่า : แล้วซิกนัสหล่ะ
เป็นยังไงบ้าง บอกหน่อยสิคะ
อาเรีย : หนีออกมาได้ค่ะ
ตอนนี้ถอยไปที่แนวหลังอยู่ค่ะ
อาร่า : ฉันว่า
เรารีบหนีไปจากที่นี่ดีกว่านะคะคุณ
คาลิมบ่า : นั่นสิ
ผมเห็นด้วย รีบหนีไปจากที่นี่ดีกว่า
อาเรียส : แล้วตอนนี้เราจะหนีไปที่ไหนได้หล่ะคะ
คาเนส : อ้อ
ผมจะพาทุกคนหนีไปที่ริงก้าก่อนครับ
โคน่า : ว่าแต่
ที่ริงก้าจะปลอดภัยอย่างงั้นเหรอคะ
ดราโก้ : พ่อว่าปลอดภัยนะ
นายพลอาร์เธอร์มีกำลังพลพอจะสู้กับโซราบอลได้หล่ะ
อาร่า : ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะรีบไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะคะ
อาเรียส : ว่าแต่ซิกนัสหล่ะ
เราจะไม่รอเขาหน่อยงั้นเหรอคะ
คาลิมบ่า : ไม่ต้องห่วงหรอก
หมอนั่นเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว งั้นเดี๋ยวผมไปเอางานวิจัยน้ำมันที่ศูนย์ก่อนนะ
โคน่า : ฉันไปด้วย
จากนั้นพวกเขาแยกย้ายกันไป
บางส่วนก็ไปเก็บของเพื่อที่จะหนีออกจากฟิลล์บอน ส่วนโคน่ากับคาลิมบ่าก็รีบไปที่ศูนย์วิจัยเพื่อเก็บงานวิจัยของตนไปเก็บยังที่ปลอดภัย
กลับมายังแคว้นเดลล์ ในตอนนั้นเอง
นิโคลัสกับเอ็นเตรียมเดินทางไปยังแคว้นริงก้า
เพื่อไปเสนอโปรเจ็กค์ทางรถไฟให้กับนายพลอาร์เทอร์ เขากับเอ็นเตรียมเงินเพื่อไปเสนอปล่อยกู้
ระหว่างทางที่รถม้ากำลังแล่นไป ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ถูกโจรปล้น
พวกมันบุกเข้ามาพยายามจะชิงทุกอย่างที่มีค่า
ในตอนนั้นเองเอ็นกับนิโคลัสก็ชักปืนออกมายิงพวกมัน แต่พวกมันก็ยังไม่ยอมถอยออกไป
เอ็น : รีบไปจากที่นี่กันเถอะ
// เอ็นไปควบม้าที่ด้านหน้า ซึ่งคนขับรถม้าถูกฆ่าตาย
เอ็นพยายามหนีจากพวกมันที่ขี่ม้าไล่ตามพวกเขามา
นิโคลัส : นี่
เร็วกว่านี้หน่อยได้หรือเปล่าเนี่ย
เอ็น : ก็มันเร็วได้แค่นี้แหละ
นายก็ยิงสู้กับมันสิ
นิโคลัสยิงสวนปืนใส่พวกมัน
แต่พวกมันยังไม่ลดละที่จะตามพวกเขาอยู่
เอ็น : โอ้ย
เมื่อไหร่จะถึงริงก้าหล่ะวะเนี่ย
นิโคลัส : ไอ้ห่าเอ้ย
นายก็ควบม้าให้มันเร็วๆหน่อยสิ
แต่ในตอนนั้นเอง รถม้าของเขาก็เกิดเสียหลัก
ทำให้รถม้าของพวกเขาพุ่งถลาเข้าไปในป่า แล้วก็แล่นไปตามป่าเรื่อยๆซึ่งเป็นน้ำตกสูง
นิโคลัส : เฮ้ย
หยุดรถม้าสิโว้ย // เอ็นพยายามดึงรถม้า
แต่รถม้าของพวกเขาก็เผลอตกลงไปในน้ำตกนั้น
พวกโจรพยายามตามไปดูแต่ก็ไม่เห็นร่อยรอยอะไรแล้ว
และที่แคว้นเดลล์ เมืองวาดิส
ในตอนนั้นเองอาร์เทมิสก็อยู่กับทหารของเธอเพื่อต่อสู้กับกลุ่มกบฏ และในช่วงเช้ามืดของวันนั้นเอง
กองทัพกบฏก็บุกเข้ามาอีกครั้ง กองทัพของเธอพยายามสกัดพวกมันเอาไว้ แต่ครั้งนี้พวกมันมากันเยอะเกินไป
เหมือนกับว่าพวกมันต้องการจะยึดเมืองของเธอให้ได้
พวกมันเอาปืนใหญ่ยิงถล่มกำแพงจากนั้นก็เตรียมทหารม้าบุกเข้าเมือง และในตอนนั้นเอง
อาร์เทมิสเห็นธงผืนหนึ่งสีสันสะดุดตา เธอเห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นธงของใคร
อาร์เทมิส :
ซารานิส แก ไอ้กบฏ!!
พวกมันนำทหารม้าบุกเข้ามาในเมือง
ทหารของอาร์เทมิสป้องกันได้อย่างเข้มแข็ง แต่พวกมันก็มีจำนวนมากเกินไป
ทำเอาทหารของเธอต้องถอยเข้าไปตามถนนเรื่อยๆ จากนั้นก็ยิงสกัดพวกมัน
อาร์เทมิสวิ่งหนีไปตามถนน โดยที่มีพวกมันตามล่ามาด้วย
“ท่านเลดี้ หลบเร็ว” หลังจากที่อาร์เทมิสหมอบลง ทหารของเธอก็ยิงพวกมันที่ตามมาจนตายหมด
อาร์เทมิส : ขอบใจพวกเจ้ามากเลยนะที่ช่วยฉัน
“ท่านหญิงครับ เราต้านไม่ไหวแล้ว เราเสียเมืองแน่”
อาร์เทมิส : สั่งทหารทุกนายที่พอจะรบได้
หนีข้ามพรมแดนไปริงก้าทันที
ทหารของอาร์เทมิสถอยร่นออกมาจากเมือง
จากนั้นกลุ่มกบฏก็ยึดเมืองเอาไว้ได้
มีการสังหารทหารของอาร์เทมิสทั้งหมดที่จับได้อย่างเลือดเย็น
กลับมายังแคว้นบาส์ก
เมดและแพทหนีความผิดที่ฆ่าทหารต่างชาติตายไปหลบอยู่ที่เกาะแห่งเดิมซึ่งเป็นบ้านของโรส
ซึ่งโรสเป็นคนพาพวกเธอสองคนหนีมาด้วย พวกเธอล่องเรือมาเรื่อยๆจนมาถึงเกาะบ้านของเธอเอง
จากนั้นพวกเธอก็รีบเก็บเรือของเธอไว้แถวนั้น
เมด : ขอบใจมากเลยนะโรสที่ช่วยพวกเรา
แพท : ความจริงเธอไม่น่าลำบากที่ต้องมาช่วยฉันเลย
โรส : ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ
ฉันรู้ว่าพวกเธอทำถูกต้องแล้ว
แพท : ฉันว่าตอนนี้พวกมันกำลังามล่าเราอยู่แน่ๆเลย
เมด : แถวนี้มีเกาะอื่นที่พอจะซ่อนตัวได้มั้ยอ่ะ
โรส : มีจ้ะ
อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่หรอก
เมด : เราคงต้องไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่นั่นซักพักหน่ะ
// ระหว่างนั้นเอง
พวกเธอเห็นกองเรือของอเมริกากำลังล่องไปมาอยู่แถวนั้น เธอรู้ทันทีว่ากำลังถูกพวกมันตามล่าอยู่
แพท : แย่หล่ะ
สงสัยพวกมันคงมาตามหาแน่ๆ
โรส : ไม่ต้องห่วงนะ
เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปซ่อนไว้ก่อนเอง
กลับมายังแคว้นเดลล์ ขบวนของนอร์ดิก
ซึ่งกำลังเดินทางไปยังริงก้า พร้อมกับเหล่าสมาชิกนักศึกษาอีกสิบกว่าคน
เดินทางไปเรื่อยๆ จากนั้นก็คุยอะไรกันไปพลางๆ
ซอล : นี่
พวกนาย พวกนายจะไปที่ไหนกันเหรอ
นอร์ดิก : ฉันจะไปที่ริงก้า
พ่อฉันสั่งเสียไว้ให้ฉันไปที่นั่น
ไซโซ : ว่าแต่
พวกนายไม่กังวลอะไรนะ ถ้าเราจะไปจากที่นี่
ซอล : ฉันเองอยากหนีไปตั้งนานแล้วหล่ะแต่ไม่มีโอกาสซะที
เคจา : เฮ้อ
อีกไกลมั้ยเนี่ยกว่าจะถึงริงก้าเนี่ย
อาบาตู : ถ้าเราเดินทางอย่างรวดเร็ว
ก็น่าจะไม่เกิน 2 วันขอรับ
นอร์ดิก : นี่ก็ใกล้จะมืดแล้ว
รีบตั้งแคมป์กันแถวนี้ก่อนดีกว่า
พวกเขาแวะไปยังริมน้ำตกข้างทางที่อุดมสมบูรณ์แถวนั้น
จากนั้นก็ตั้งแค้มป์ไฟ บางส่วนก็ไปหาปลาแถวน้ำตก หาของป่าแถวนั้น
เมื่อทุกคนได้มาก็มานั่งล้อมวงกินกันอย่างสนุกสนาน
“นี่ซอลเพื่อน
ฉันไม่ได้กินปลาย่างอร่อยๆแบบนี้มานานแล้วหว่ะ”
ซอล : เออ
ได้กินแล้วก็เงียบๆไว้ซะนะเพื่อน
ไซโซ : เฮ้อ
เมื่อไหร่เราจะไปถึงริงก้าซะทีหล่ะเนี่ย
เคจา : ไม่นานหรอก
คุณอาบาตูบอกนี่ว่าอีกไม่กี่วันก็ถึงแล้วนี่
นอร์ดิก : ถ้างั้น
คืนนี้เรารีบนอนกันหน่อยดีกว่า แต่ต้องผลัดกันเฝ้ายามด้วยหล่ะ
ซอล : ได้เลย
เดี๋ยวเพื่อนๆฉันจะช่วยเฝ้ากันด้วย พวกนายไม่ต้องห่วงนะ
หลังจากที่พวกเขาทานมื้อเย็นอย่างเอร็ดอร่อย
พวกเขาก็นอนพักเพื่อรอจะเดินทางกันต่อสู่วันพรุ่งนี้
======================================================================
การเดินทางกับเพื่อนใหม่ของนอร์ดิกจะมีอุปสรรคอะไรต่อไปหรือไม่ และพวกเขาจะไปถึงแคว้นริงก้าหรือไม่ ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยคร้าบ แหะๆ
ความคิดเห็น