คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : กับดัก
เรือของแคทเทอรีนแล่นมาเรื่อยๆ
ฝ่าคลื่นลมมาถึงเดนมาร์ก ซึ่งแคทเทอรีนตั้งใจจะมาพักที่นี่ก่อน
จากนั้นก็จะนั่งเรือของเธอไปต่อยังเนเธอร์แลนด์
เหล่าเด็กๆที่ห้อยติดมาด้วยต่างพากันเมาคลื่นกันให้วุ่นเลยทีเดียว
นาวิน : อ้วก!! สาบานได้ ฉันจะไม่ยอมขึ้นเรืออีกเด็ดขาด
ธิน : นั่นดิ
คลื่นลมแรงเยอะมากโคตรๆเลย ฉันไม่ขึ้นเรืออีกแล้ว
อเล็กซ์ : ใจเย็นๆสิ
เราต้องนั่งเรือไปเนเธอร์แลนด์กันต่อนะ
แคทเทอรีน : เดี๋ยวน้าจะหาซื้อยาแก้เมาคลื่นให้พวกเธอเองนะ
โอ๊ค : ก็ดีเหมือนกันครับ
ผมจะตายหยังเขียดอยู่แล้วเนี่ย
เอม : แล้วนี่เราจะต้องไปไหนกันต่อคะคุณน้า
แคทเทอรีน : เราต้องรีบเดินทางไปยังท่าเรือฝั่งตะวันตก
เพื่อไปหาเพื่อนของน้า เพื่อเอาเรือเขาหน่ะ
โซเซีย : ก่อนจะเจอพวกเขาเนี่ย
ผมคงนอนตายอยู่แถวนี้ก่อนหล่ะ
จากนั้นพวกเขาก็เดินทางด้วยรถขนส่งไปกันต่อเรื่อยๆ
จนมาถึงในตัวเมือง พวกเขาตกลงกันว่าจะหาที่พักกันแถวนี้ก่อน
ออย : เย้
ในที่สุดก็เข้าเมืองมาแล้ว หนูไปหาอะไรกินก่อนนะคะ
แซค : งั้นเดี๋ยวผมไปทางนี้นะครับ
แซคเดินเข้าเมืองไปเรื่อยๆ หาของกินแถวนั้น
ในขณะเดียวกัน แซคก็ได้ยินข่าวประกาศทางวิทยุเกี่ยวกับการประกาศ เกี่ยวกับการรบที่โปแลนด์
“ขณะนี้
ทางเยอรมันได้บุกโปแลนด์ ยึดเมืองหน้าด่านสำคัญเป็นที่เรียบร้อย”
“ว่าแล้ว พวกหมาเยอรมันมันต้องทำสงคราม” ชาวบ้านแถวนั้นินทากัน
แซค : อีกไม่นาน
ฝรั่งเศสและอังกฤษจะต้องเข้าร่วมสงครามแน่ครับ
“นี่ ไอ้หนุ่ม นายแน่ใจได้ยังไงเนี่ย”
แซค : ผมมั่นใจ
อังกฤษไม่ยอมทอดทิ้งโปแลนด์แน่ๆ
“และในขณะนี้ มีรายงานจากทาง BBC ว่า อังกฤษและฝรั่งเศส
ได้ประกาศสงครามกับเยอรมนีอย่างเป็นทางการแล้ว โปแลนด์จะไม่ถูกโดดเดี่ยวอีกต่อไป”
แซค : นั่นไง
ฉันว่าแล้ว // จากนั้นแซคก็รีบกลับมาไปหาทุกคน
เพราะกลัวว่าทุกคนจะรอนานและเป็นห่วงเขา
ณ กรุงลอนดอน โจสได้ยินข่าวที่พวกนาซีบุกโปแลนด์
ทำเอาเขาแทบคลั่ง ในตอนนั้นเขานั่งคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกาอยู่
โจส : ผมว่าแล้วไม่มีผิด
พวกมันต้องบุกประเทศไหนซักประเทศแน่ๆ
“ผมเข้าใจนะโจส แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วง
ตอนนี้เราประกาศสงครามกับพวกเยอรมันแล้ว”
โจส : แต่ท่านครับ
ท่านไม่รู้ศักยภาพของพวกเยอรมันดีพอนะครับ
“ผมรู้ แต่ตอนนี้เราประกาศสงครามกับเยอรมันไม่ได้
คุณก็รู้นี่”
โจส : แล้วเราจะรอให้พวกมันมาลอนดอนหรือไงครับ
“คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก
พวกมันบุกข้ามช่องแคบมาไม่ได้หรอก”
โจส : ทำไมท่านถึงคิดแบบนั้นหล่ะครับ
“พวกเยอรมันไม่มีกองเรือที่จะต่อกรกับอังกฤษหรอก
ไม่ต้องห่วง”
โจส : คุณคิดดีแล้วใช่มั้ย
การชะล่าย่ามใจ จะมีภัยไปทุกหย่อมหญ้านะครับ
ในขณะเดียวกัน ที่ท่าเรือแห่งหนึ่งแถวกรุงลอนดอน ชายคนหนึ่งถือกระเป๋าใบหนึ่ง
ซื้อตั๋วเรือจะออกไปจากอังกฤษ เขาคิดถึงคำพูดที่เขาพูดกับพ่อในคืนวันนั้น
“ลูกต้องสมัครเป็นทหาร พวกเยอรมันกำลังจะก่อสงคราม”
“ผมไม่อยากเป็นทหารครับ ทำไมพ่อต้องบังคับผมด้วย”
“จูเลียส ประเทศชาติต้องการลูก
ลูกต้องปกป้องมันจากพวกนาซีนะลูก”
“ทำไมพ่อต้องบังคับให้ผมไปฆ่าคนด้วย ผมไม่อยากทำ”
“ทุกอย่างต้องมีการเสียสละ
อย่าทำตัวเป็นเด็กไปหน่อยเลย” จูเลียสเดินหัวเสียออกจากบ้านไป
แต่เขาได้ยินคำพูดสุดท้ายของพ่อสำหรับเขา
“ถ้าแกออกไป แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ”
เขาเจ็บใจมากที่พูดกับพ่อไปแบบนั้น แต่ทำยังไงได้
เขาไม่อยากฆ่าใคร เขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นทหาร เขาอยากจะหนีไปให้ไกล
แต่ระหว่างนั้น ก็มีเสียงมาเตือนสติเขา
“คุณคะ คุณต้องการจองตั๋วเรือไปไหนคะ”
จูเลียส : อ่า
ฝรั่งเศสครับ ขาไปเที่ยวเดียวครับผม
ณ เมืองแห่งหนึ่งในโปแลนด์
พวกเขาพักอยู่ที่เมืองแห่งนั้น จากนั้นก็นั่งคุยกันถึงเรื่องที่จะยึดเมืองหลวง
มิลเลอร์ : ฉลองกันหน่อยพวกเรา
วอร์ซอร์อยู่ข้างหน้าแล้ว พวกนายรู้มั้ย
เมอร์ลิน : นั่นสิ
ต่อไปนี้ไม่มีอะไรจะหยุดพวกเราได้แล้วหล่ะ
ระหว่างนั้นเอง ลูก้าก็มาเรียกให้เมอร์ลิน
มิลเลอร์และฮัมบูร์กไปพบกับท่านจอมพล
ลูก้า : นี่พวกนาย
ท่านจอมพลกำลังเรียกหาอยู่หน่ะ ตอนนี้เลย
ฮัมบูร์ก : มีอะไรหรือเปล่าอ่ะ
ลูก้า : น่าจะเรื่องสำคัญ
ไปกันก่อนสิ // ลูก้าพาทั้งสามคนไปยังเต้นท์ของท่านจอมพล ซึ่งท่านก็กำลังรอทั้งสามคนอยู่
จอมพลเฟดอร์ : เอาหล่ะ
ตามสบายนะทุกคน วันนี้ฉันมีข่าวดีมาบอก
เมอร์ลิน : เรื่องอะไรครับท่าน
จอมพลเฟดอร์ : จากวีรกรรมการรบของพวกคุณทุกคน
ท่านผู้นำพอใจมาก พวกคุณจะได้รับการเลื่อนยศ ส่วนฮัมบูร์ก
ท่านผู้นำต้องการเจอกับเธอเป็นพิเศษเลยหล่ะ
ฮัมบูร์ก : ได้ค่ะท่าน
แล้วจะให้ดิฉันไปพบเมื่อไหร่หล่ะคะ
จอมพลเฟดอร์ : หลังจากที่ยึดวอร์ซอร์ได้หน่ะ
เออนี่ ลูก้า นายต้องไปประจำการร่วมกับอิตาลีนะ พวกเขาขอความช่วยเหลือหน่ะ
ลูก้า : ทราบแล้วครับท่าน
ผมจะจัดการเอง
จอมพลเฟดอร์ : เอาหล่ะทุกคน
ตอนนี้อังกฤษกับฝรั่งเศสประกาศสงครามกับเราแล้ว มิลเลอร์ เมอร์ลิน
เตรียมพร้อมกับศึกที่กำลังจะมาถึงด้วย
มิลเลอร์ เมอร์ลิน : ครับท่าน
ณ รัฐสภากรุงวอร์ซอร์
พวกเขากำลังประชุมกันถึงเรื่องสงครามที่กำลังปะทุอยู่ในประเทศตอนนี้
“ท่านประธานาธิบดีคะ
ตอนนี้พวกมันอยู่หน้าประตูกรุงวอร์ซอรแล้วค่ะ”
“ท่านครับ ตอนนี้ทหารของเรากำลังแย่
โซเวียตก็ดักตีเราจากตะวันออกอีก เราไม่มีทางหนีแล้ว”
“เราต้องคำนึงถึงประชาชนของเราเป็นอันดับแรก
เราคงต้องยอมแพ้มันหล่ะ”
เจเลมี่ : แต่ท่านคะ
จะยอมแพ้พวกมันจริงๆเหรอคะ
“อาจจะยิ่งกว่านั้น ผมจะต้องส่งคุณไปที่อังกฤษ
ไปทำภารกิจอะไรบางอย่าง ทุกอย่างอยู่ในซองนี่แล้ว
ฉันไว้ใจเธอนะถึงต้องการให้เธอทำงานนี้” เขายื่นซองฉบับหนึ่งให้เธอ
จากนั้นก็ให้คนขับรถพาเธอไปส่งยังที่แห่งหนึ่ง เธอเปิดซองเอกสารนั้นดู เธอก็พบว่าตัวเธอเองต้องปฏิบัติงานนี้แบบลับๆ
เพื่อกู้ศักดิ์ศรีของชาวโปแลนด์กลับมา
เจเลมี่ : นี่
โชเฟอร์ พาฉันไปที่สถานีลับนะ
“เธอต้องทำให้สำเร็จนะเจเลมี่
ประเทศนี้หวังพึ่งเธอนะ”
เจเลมี่ : ฉันเข้าใจ
ไม่ต้องห่วง ฉันจะทำให้ดีที่สุด
ทางด้านแนวรบตะวันออก กองทัพแดงที่อยู่แนวหน้า
บุกทะลวงเข้ามาเรื่อยๆจนใกล้จะถึงเมืองหลวง ออก้าตามหาโซเซียไปทั่วทุกที่
“โซเซีย นายอยู่ไหน ตอบฉันสิ”
“น้าครับ เห็นผู้ชายหน้าตาประมาณนี้หรือเปล่าครับ”
“โซเซีย ตอบฉันสิ นายอยู่ไหน”
แต่ในตอนนั้นเอง
ทหารโซเวียตคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเขาทันที
“นี่ ออก้า เพื่อนของนายคงไม่อยู่แล้วหล่ะ
คงหนีสงครามไปแล้วหล่ะ หรือไม่ก็คงจะ…”
ออก้า : ไม่
ฉันจะยอมหยุดหาตัวเขาแน่
“เอาน่า ใจเย็นๆ
ตอนนี้เราต้องกลับไปรายงานตัวที่ค่ายก่อนนะ” ออก้าหัวเสียกลับไปรายงานตัวต่อหัวหน้าหน่วย
แต่เขาเชื่อว่าโซเซียยังไม่ตาย
ณ ประเทศไทย
รัตตื่นขึ้นมาโดยสภาพที่ยังไม่เข้าใจอะไร เขาอยู่ในโรงพยาบาลทหารในเมือง
จากนั้นก็มีชายคนหนึ่งมาคุยกับเขา
รัต : นี่คุณเป็นใครกัน
“ผมดูประวัติคุณแล้ว ประวัติการรบของคุณเกินขั้นที่เราประเมิน”
รัต : คุณต้องการอะไรจากผม
“นี่สร้อยของคุณหรือเปล่า” รัตรีบคว้ามันมาสวม
จากนั้นก็รีบตัดบทเข้าเรื่องกับชายคนนั้น
รัต : คุณจะเอาอะไร
ว่ามาเลยดีกว่า
“คุณรู้ใช่ไหม สงครามกำลังเข้ามาทุกขณะ
ผมเล็งเห็นความสามารถของคุณ ผมเลยอยากชวนคุณมาเข้าร่วม”
รัต : เข้าร่วมอะไร
“ตอนนี้คุณยังไม่ต้องรู้หรอก
ถ้าวันไหนผมต้องการคุณ ผมจะหาคุณอีกที ไม่นานหรอก” จากนั้นเขาก็เดินออกไป แต่ก่อนไปเขาก็พูดคำพูดสุดท้ายกับเขา
“คุณก็ลองคิดดูนะ คุณอยากรับใช้ประชาชนหรือเปล่า
สร้อยเส้นนั้นสวยดีนะ คนที่ให้เขาคงเป็นคนสำคัญสำหรับคุณ” รัตงงเล็กน้อยกับคำพูดคำนั้น
แต่ก็พยายามจะทำความเข้าใจ แล้วก็เก็บนามบัตรที่เขาให้เอาไว้กับตัว
ณ ค่ายกักกันในเมือง
วิคเตอร์กับเทราน์เนอร์ทำงานไม่ทันไร เขาก็นึกสนุก
อยากจะทำอะไรที่มันน่าตื่นเต้นหน่อย
วิคเตอร์ : นี่
ฉันเริ่มเบื่องานแบบนี้แล้วหว่ะ ฉันอยากทำงานอื่น
เทราน์เนอร์ : แล้วนายคิดจะไปทำอะไรงั้นเหรอ
วิคเตอร์ : ที่แนวรบแอฟริกากำลังต้องการทหารเยอรมัน
ฉันส่งชื่อฉันกับนายไปที่นั่นแล้ว
เทราน์เนอร์ : ห่ะ
แอฟริกา ที่กำลังรบกันอยู่ตอนนี้งั้นเหรอ
วิคเตอร์ : ใช่แล้วหล่ะ
เทราน์เนอร์ : แต่ฉันไม่เห็นด้วย
ทำไมต้องไปช่วยมุสโสลินีรบด้วยหล่ะเนี่ย ตัวถ่วงแท้ๆ
วิคเตอร์
: เอาน่า ถือซะว่าช่วยพวกมันหน่อยก็แล้วกัน
ว่าแต่นายกลัวเหรอ
เทราน์เนอร์ : ฉันไม่ได้กลัวหรอก
แค่ไม่เห็นด้วย ที่จะไปช่วยพวกมันหน่ะ
ณ ปารีส ฝรั่งเศส
อลิสกับรินทำงานเป็นนักร้องกลางคืนบังหน้า
แต่ความจริงเธอสืบข่าวของพวกอังกฤษและฝรั่งเศส แล้วส่งกลับไปยังเบอร์ลิน
แรกๆเธอเข้ากับคนที่นี่ไม่ค่อยได้ แต่ตอนนี้เธอทำได้ดีมาก
ไม่มีใครสงสัยพวกเธอเลยว่าพวกเธอเป็นใคร
อลิส : เฮ้อ
เหนื่อยอ่ะพี่ เกือบจะต้องไปนอนกับมันซะแล้ว
ริน : นี่พี่
เมื่อคืนหนูมันก็เกือบนอนกับหนูเหมือนกัน
อลิส : ไม่ต้องกลัวหรอก
แค่อย่าลืมที่พี่บอกก็แล้วกัน
ริน : นี่พี่
หนูได้ยินว่าทางฝรั่งเศสประกาศสงครามกับเยอรมันแล้วนี่
อลิส : ใช่แล้วหล่ะ
อีกไม่นาน เราคงต้องไปทำงานที่อื่นต่อ
ริน : หนูได้ยินนะพี่
มีนายทหารคนหนึ่งเมา แล้วพูดกับหนูว่าจะสร้างป้อมมายิโนอะไรซักอย่างนี่แหละพี่
อลิส : อ้อ
ป้อมมายิโน่ เข้าใจหล่ะ เรื่องนี้คงต้องรายงานไปทางเบื้องบนให้เร็วที่สุด
ริน : มันสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอพี่
อลิส : ใช่แล้วหล่ะ
เชื่อพี่ เธอต้องเข้มแข็งเอาไว้นะ
ในกรุงเบอร์ลิน โยชิตะกับพรรคพวกต้องแจกใบปลิวเพิ่มสงคราม
แถมยังต้องเร่ขายพันธบัตรให้กับรัฐบาล
เนื่องจากโยชิตะเป็นเด็กที่ฉลาดและโด่งดังไปทั่วเยอรมัน
เขากลายเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆไปโดยปริยาย
หลังจากที่แจกเสร็จ
เขาก็มานั่งพักอยู่แถวๆร้านกาแฟ โดยมีเพื่อนเขาตามมาด้วย
“เฮ้ยนี่ โยชิตะ จะมาก็ไม่บอกเลยนะเนี่ย”
โยชิตะ : โทษทีหว่ะ
ฉันมานั่งคิดอะไรนิดหน่อย
“คิดอะไรของนายอยู่งั้นเหรอ”
โยชิตะ : คิดถึงพี่สาวฉัน
แล้วก็คนอื่นๆหน่ะ
“เอาหน่า พวกเขาไปทำหน้าที่เพื่อชาติของเรานี่หน่า”
โยชิตะ : ก็ใช่
แต่ปกติ ฉันไม่ค่อยชินเวลาห่างกับใครนานๆหน่ะ
“ฉันเข้าใจนะ ฉันก็คิดถึงแม่ที่อยู่มิวนิคเหมือนกัน”
โยชิตะ : ก็คงงั้น
ขอบใจมากนะ ไปหาไรดื่มกันเถอะ
กลับมายังอิตาลี นูโวร่าเธอกลับไปเพื่อรายงานตัวต่อท่านผู้นำ
และรับงานใหม่ที่นั่น เมื่อรถของเธอมาถึง เธอก็มาพบมุสโสลินีโดยทันที
นูโวร่า : ท่านคะ
มีอะไรให้ฉันรับใช้คะ
มุสโสลินี : มีงานใหม่ให้เธอหน่ะ
ฉันว่าเธอคงชอบแน่ๆ
นูโวร่า : มีอะไรสั่งมาได้เลยค่ะ
ท่านผู้นำ
มุสโสลินี : ยังจำนักการทูตสหรัฐที่เธอเคยเจอได้หรือเปล่า
นูโวร่า : จำได้ค่ะท่าน
ดิฉันต้องขออภัยที่จับเขามาไม่ได้ก่อน
มุสโสลินี : ไม่ต้องหรอก
สายของเรารายงานมาว่ามันอยู่ที่อังกฤษ
ฉันอยากให้เธอและคนของเธอช่วยตามเรื่องนี้อย่างเร็วที่สุด
ฉันอยากรู้ว่ามันรู้อะไรเกี่ยวกับแผนการของเราบ้าง
นูโวร่า : รับทราบค่ะท่าน
ท่าจะให้ฉันไปอังกฤษเลยหรือเปล่าคะ
มุสโสลินี : ใช่แล้วหล่ะ
ตอนนี้เลย แต่เธอจะต้องเปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่ก่อนเข้าไป
กลับมายังแนวรบด้านแอฟริกา ในขณะนั้น
ทหารเยอรมันชุดแรกถูกส่งเข้ามาเพื่อกอบกู้สถานการณ์ ทหารอิตาลีบางส่วนดีใจมาก
บางส่วนก็ไม่พอใจ เพราะกลัวว่าสงครามจะยืดเยื้อ
เทเรซ่าก็เป็นหนึ่งในคนที่ไม่เห็นด้วยเช่นเดียวกัน
“คุณหมอเทรครับ เยอรมันส่งคนมาช่วยเราแล้วครับ”
เทเรซ่า : เฮ้อ
แบบนี้สงครามก็ต้องยืดเยื้อไปอีก ไม่ดีเลยเนี่ย
“ก็จริงนะครับคุณหมอ ไม่น่ามาตายเพราะมุสโสลินีเลย”
เทเรซ่า : ใจเย็นสิ
ถ้าใครมาได้ยินเข้าจะแย่เอานะ
เธอออกไปสงบสติอารมณ์ด้านนอก
นึกถึงบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง นึกถึงพิซซ่าที่แม่ชอบทำให้ทาน
น้องชายตัวดีของเธอที่ทำให้เธอมาที่นี่ แต่เธอหวังว่าน้องเธอจะไม่โดนเกณฑ์มาก็พอ
“เฮ้อ เบื่อจัง อยากหนีไปให้ไกล แล้วก็ นาย เอิ่ม
นายที่ฉันยังจำชื่อไม่ได้ แต่ก็เอาเถอะ ฉันอยากเจอเธออีกจังเลย
ไม่รู้ว่าสงครามนี้จะต้องยาวนานไปถึงไหนกัน” ระหว่างนั้นเอง
ก็มีคนมาเรียกเธอ เพื่อไปต้อบรับทหารเยอรมันที่มาถึง
“คุณหมอเทรครับ
ผู้การให้คุณไปต้อนรับทหารเยอรมันหน่ะครับ” เธอต้องจำใจไป
โดยที่ยังนึกถึงเรื่องเก่าๆได้ไม่หมดเลย
กลับมายังเดนมาร์ก ที่ท่าเรือด้านตะวันตก
แคทเทอรีนเปลี่ยนใจจะไม่พักในเมืองเพราะเดินทางมาถึงได้เร็วกว่าที่คาด
พวกเขาเลยตัดสินใจไปยังท่าเรือตะวันตกทันที เธอมาหาคนรู้จักคนหนึ่ง
ที่เธอรู้จักเขาดี เพราะคนเป็นคนเฝ้าท่าเรือแห่งนี้
“ดอร์กิ้น นายอยู่ไหน” ชายอ้วนคนหนึ่งเดินมาหาเขาด้วยสภาพที่อิดโรย
แคทเทอรีน : นี่
ดอร์กิ้น นายเป็นยังไงบ้าง ใครทำร้ายนายขนาดนี้
ดอร์กิ้น : แคทเทอรีน
ช่วยฉันด้วย มันบังคับให้ฉันทำ
แซค : ฉันว่ามันแปลกๆแล้วพวก
เตรียมตัวให้พร้อมนะ
ในขณะนั้น
ชายฉกรรจ์ถือปืนพกและกระบองนับสิบมาล้อมพวกเขา
เด็กๆเหล่านั่นไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กันแน่
นาวิน : พวกบ้านี่มันเป็นใครกันเนี่ย
มีปืนด้วย
ธิน : นั่นดิ
ท่าทางพวกแม่งจะเอาเรื่องเรานะเนี่ย
ในระหว่างนั้นเอง ก็ปรากฏชายในชุดสูทคนหนึ่ง
เดินมาหาพวกเขา เมื่อแคทเทอรีนเห็นหน้าเขาก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นใคร
แคทเทอรีน : นี่แก
ฉันจำแกได้ ไอ้สารเลว // แคทเทอรีนด่ามันเพราะว่ามันเป็นลูกน้องของคนที่ซ้อมลูกชายคนโตของเธอจนตาย
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ
แล้วไอ้เด็กพวกนี้เป็นใครกัน”
อเล็กซ์ : เป็นใครงั้นเหรอ
ฉันต้องถามพวกแกมากกว่า ว่าพวกแกเป็นใคร
“ปากดีนะอีนี่
แต่หน้ามันดูคล้ายๆเธอเลยนะแคทเทอรีน ลูกแกเหรอ”
แคทเทอรีน : แกอย่าทำอะไรหลานสาวฉันเป็นอันขาด
แกฆ่าลูกชายฉันไปแล้ว ฉันไม่ยอมให้แกแตะต้องเธอหรอก
โซเซีย : ใช่
เก่งจริงก็ข้ามศพพวกกูไปก่อนสิวะไอ้เลว
“ปากดีนะมึง วันนี้ฉันจะมาคิดบัญชีเก่ากับเธอ”
เอม : อะไรของแก
พวกแกต้องการอะไร พวกเราไม่มีเงินให้นะ
ออย : นั่นสิ
ไปหากินที่อื่นเถอะ เราไม่มีอะไรที่พวกแกต้องการหรอก
“สงสัยเธอเพิ่งจะมาอยู่ใหม่
คงไม่รู้ว่ายัยนี่มันทำอะไรบ้าง”
โอ๊ค : ฉันไม่สน
ถ้าพวกแกจะทำอะไรพวกเรา ก็ฆ่าฉันให้ตายก่อนสิ
นาวิน : ใช่
แน่จริงพวกแกก็เข้ามาสิ แต่แกจะยิงคนที่ไม่มีอาวุธจริงเหรอ
ชายชาตินาซีอย่างพวกแกเนี่ยนะ
“ก็ได้ พวกเรา เก็บปืน แล้วซ้อมพวกมันให้ตายให้หมด”
พวกมันเก็บปืนพกเปลี่ยนเป็นกระบองคนละท่อน จากนั้นก็เข้าโจมตีพวกของนาวินทันที
=====================================================================
พวกของนาวินเจอดีเข้าจนได้ แต่พวกเขาจะรอดออกมาได้หรือไม่ ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ แล้วกดติดตามนิยายข้าพเจ้าด้วย
มีเรื่องจะมาบอก
ช่วงนี้อาจจะไม่ได้มาอัพนิยายนะครับ
ตือข้าพเจ้ากำลังจะได้งานทำ แล้วที่นี่คงจะไม่ค่อยมีเวลามา
แต่ไม่ต้องห่วง จะพยายามหาเวลามาเขียนจ้า
แหะๆ
ความคิดเห็น