ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nazi Mafia - เมืองนี้ข้าจอง

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 0 : เรื่องราวของผม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 344
      15
      19 มี.ค. 63

             ในคืนๆหนึ่งท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง รวมกับแสงไฟในเมืองที่ส่องกระทบราวกับจะปะทะกัน ชายคนหนึ่งกำลังนอนบนเตียงในห้องเล็กๆเท่ารูหนู ในมือถือขวดไวน์ราคาถูกๆดื่มเพื่อย้อมใจ จนเขาฝืนแรงล้าของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ จนต้องทิ้งขวดไวน์ไว้บนพื้น จากนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องเก่าๆที่เขาพอจะนึกได้ทุกเรื่อง ที่อยู่ในหัวของเขา

            "คุณอยากจะรู้สินะ ว่าผมมาลงเอยอยู่ที่นี่ได้ยังไง??"

            "ถ้าจะให้ผมเล่า เรื่องมันยาวหน่อยนะ ผมเล่าอะไรสั้นๆไม่เป็น"

            "ถ้าจะเริ่ม ก็ขอเริ่มที่ครอบครัวของผมก่อนเลยก็แล้วกัน!!"

             ในปี 1918 พ่อของผมเป็นทหารไทย ชื่อที่แม่จำได้คือชื่อนุ้ย แม่เล่าให้ผมฟังว่า แม่ผมเจอพ่อที่บาร์แห่งหนึ่ง พ่อผมเป็นทหารไทย มารบช่วยเหลือฝรั่งเศส หลังจากที่พ่อของผมดื่มเหล้าในบาร์เสร็จ พ่อก็เจอกับแม่ของผมที่ซอยเล็กๆข้างบาร์ ตอนนั้นแม่เล่าให้ฟังว่าแม่กำลังโดนชายสองคนตบตีอยู่ที่ท้ายซอย

             "โอ้ย ฉันขอร้อง อย่าเอาฉันกลับไปเลย!!"

             "แกต้องไปรับแขก พ่อแม่แกขายแกให้ฉันแล้ว"

             เธอพยายามขัดขืน แต่ในตอนนั้นเอง พ่อของนนท์ก็ขว้างขวดเหล้าใส่พวกมันทั้งสองคน โดนเข้าที่หัวเต็มๆ

             "เฮ้ย มึงเป็นใครวะ??"

            "ก็เป็นพ่อมึงไงไอ้ระยำ!!"

             แม่เล่าให้ฟังว่าพ่อเกือบฆ่าพวกมันทั้งสองคนตายคาซอย แต่แม่ผมมาห้ามไว้ก่อน จากนั้นไปๆมา แม่กับพ่อก็ลงเอยกันจนได้ ในตอนนั้นจำได้ว่าหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบ หลังจากที่พ่อปลดประจำการ พ่อตัดสินใจอยู่ที่ฝรั่งเศสเพื่อดูแลแม่ พ่อทำงานเป็นหัวหน้าคนงานในท่าเรือ และประมาณ 1921 แม่ก็คลอดผมออกผมออกมา น่ารักใช่เปล่าหล่ะ??

    หลังจากที่พ่อมีผมออกมา พ่อตัดสินใจหาเงินเพื่อครอบครัวทุกอย่าง ทั้งพ่อและแม่ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงผม

    จนกระทั่งเมื่อผม 3 ขวบ ทุกอย่างก็กำลังไปได้ดี และผมกำลังจะมีน้องสาวอีกคน เงินเก็บเราก็มีมากขึ้นเนื่องจากพ่อผมเป็นคนขยัน แต่ทว่า ทุกอย่างก็มืดมน

     

    พ่อผมประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในตอนที่ผมอายุ 3 ขวบ แม่ต้องเจียดเงินบางส่วนออกมาทำงานศพพ่อ แม้ว่าจะเป็นเงินไม่มาก แต่แม่ก็ทำใจไม่ได้ แม่เล่าให้ฟังว่าแม่ไปหาพ่อที่งานศพ ไปร้องไห้และกอดหลุมศพไว้ทุกวัน สิ่งที่พ่อผมทิ้งไว้ มีแค่เงินชดเชย 2000 ฟรังค์ กับหนังสือเล่มหนึ่ง ที่แม่เล่าให้ผมฟังว่า ต้องให้ผมโตก่อน แล้วถึงจะอ่านได้

     

    นับตั้งแต่นั้น จนถึงวันที่น้องสาวผมคลอดออกมา แม่ต้องทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาดเพื่อหาเลี้ยงผมกับน้องผมไม่รู้ว่าแม่ผมทนมาได้ยังไง แม่ผมกัดฟันทน จนกระทั่งแม่ผมได้งานเป็นแม่ครัวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง อย่างที่ผมจะบอกก็คือ แม่ผมทำอาหารได้อร่อยที่สุดในโลก แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ร้านอาหารที่แม่ผมทำมีลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ แม่เริ่มได้เงินมากขึ้น เนิ่นนานมาจนผมอายุอายุ 13 ปี ร้านอาหารที่แม่ทำก็ถูกปิดตัวลง เนื่องจากพิษเศรษฐกิจที่เรื้อรังในปี 1929 แต่ถึงกระนั้น แม่ผมก็มีเงินมากพอที่จะเปิดร้านซักร้าน หลายคนแนะนำแม่ผมว่าน่าจะลองไปเปิดร้านที่เยอรมัน และแม่ก็ทำแบบนั้นจริงๆ แม่พาผมและน้องย้ายไปอยู่ที่ย่านชาวยิวในกรุงเบอร์ลิน และแม่ผมก็เปิดร้านที่นั่น  เป็นร้านขนมปัง แม่ผมทำขนมปังเก่งมาก ไม่นานร้านเราก็มีลูกค้ามากขึ้น จนกระทั่งแม่ก็ส่งผมเข้าโรงเรียนมัธยมที่นั่น และที่นั่น ผมก็ได้เจอเพื่อนชาวยิวที่อยู่ย่านเดียวกัน บาร์กิ้น ลูเซีย วีก้า บารีร่า และเจ้าอ้วนฟาร์บี้ พวกเราซี้กันมาตลอด จนกระทั่งพวกเราเข้ามหาลัย พวกเราก็ยังคงซี้กันมาก 

    จนกระทั่งวันหนึ่ง จำได้ว่ามันเป็นวันที่ 9 พฤศจิกายน 1938 กลุ่มของเรากำลังเดินกลับบ้าน ซึ่งในตอนนั้น เราเดินผ่านกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง พวกเขาตะโกนด่าเราในระหว่างที่เรากำลังเดินอยู่

    “เฮ้ย ไอ้พวกหมูยิว ไปลงนรกซะ!!”

    “เฮ้ย แกพูดอย่างนี้ได้ไงวะ คิดว่าเก่งนักหรือไง??” วีก้าต่อปากต่อคำกับพวกมัน

    “ปากดีนะแก ทุกคน มาตบไอ้หมูยิวกัน!!”

    วัยรุ่นเยอรมันทั้งหมดพยายามเล่นงานพวกเขา แต่ผมจับแขนมันคนหนึ่งหักอย่างรวดเร็ว ทำเอามันถึงกับดิ้นทุรนทุราย 

    “เฮ้ย ปล่อยนะเว้ยไอ้หมูยิว!!”

    มันอีกคนหนึ่งพยายามมาช่วย แต่ผมเตะเข้าไปที่ลำคอของมัน จนคอมันถึงกับเอียง พวกนั้นพยายามรุมเล่นงานผม แต่ผมทั้งเตะทั้งต่อยมันจนพวกมันหนีหางจุกตูดไปเลย ถามว่าทำไมผมถึงเก่งขนาดนั้น จำที่ผมเล่าให้ฟังตอนต้นได้หรือเปล่าหล่ะ ที่พ่อผมทิ้งหนังสือเล่มหนึ่งไว้ให้ นั่นคือวิชามวย พ่อเขียนมันไว้ทุกอย่าง ตั้งแต่แบบเบสิคยันขั้นสูง ทุกคนถึงกับอึ้งในฝีมือของผม โดยเฉพาะเจ้าอ้วนฟาร์บี้ มันชื่นชมผมไม่ขาดปากเลย

    “เฮ้ย นอร์วิน นายเก่งมากเลยนะเนี่ย แบบว่า... นายไปเรียนมาจากไหนเนี่ย??”

    “ไม่มีอะไรมาก ตั้งแต่เด็กแล้วหล่ะ เรากลับบ้านกันดีกว่า ฉันหิวหล่ะ!!” 

    ลืมไปผมมีอีกชื่อว่า นอร์วิน นะครับ

    “นี่ วีก้า เมื่อไหร่เธอจะบอกรักนอร์วินเขาซะทีเนี่ย??” บารีร่าถามวีก้าไป

    “บ้า ไม่รู้สิ เร็วๆนี้แหละ ไม่งั้นฉันอาจไม่ได้บอกเขาอีก ฉันตั้งใจไว้แล้วแหละ” วีก้าพูดขึ้น

     

    กลับมาที่บ้าน ซึ่งหลังจากที่นาวินกลับมาถึงได้ไม่นาน แม่กับน้องสาวของเขาก็กำลังเก็บกระเป๋าและข้าวของเครื่องใช้อะไรหลายๆอย่างๆเพื่อเดินทางไปที่ไหนซักแห่ง นาวินถึงกับแปลกใจมาก นาวินจึงเข้าไปถามเธอในทันที

    “พี่ชายกลับมาแล้ว!!” น้องสาวของเขาทักทายนาวิน

    “นอร์ดี้ นี่เราเก็บของกันทำไมเหรอ??”

    “เราต้องไปจากเยอรมัน ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับพวกเราแล้วนะลูก”

    “หือ ทำไมหล่ะครับแม่??”

    “พวกนาซีเริ่มไล่ล่าชาวยิวแล้ว เมื่อวานน้าทันดอร์ฟก็เพิ่งจะโดนพวกเกสตาโปจับไป แม่จะพาลูกหนีไปฝรั่งเศส ที่นั่นเราจะปลอดภัย แม่เตรียมลู่ทางไว้แล้วหล่ะ” 

    “เหรอครับแม่ ถ้าอย่างงั้นรอเดี๋ยวนะครับ”

    นาวินทำหน้าเซงแล้วเดินขึ้นไปยังชั้นสอง จากนั้นเขาก็ค่อยๆเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าของเขา นี่เขาจะต้องย้ายบ้านอีกแล้วเหรอ ยังไม่ได้บอกลาเพื่อนๆของเขาเลย แต่ก็หวังว่าพวกเขาจะย้ายตามไปด้วยนะ เพราะที่นี่มันวุ่นวายจนจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว

     

    และในคืนวันที่ 8 พฤศจิกายน ในคืนที่ผมกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง

    “เพล้ง!!”

    มีเสียงกระจกแตกดังมาจากด้านล่าง ผมและแม่ของเขาตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ผมได้แต่บอกให้แม่กับน้องสาวอยู่แต่ในห้อง ผมลงไปดูข้างล่างว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง เราก็พบว่ามีกลุ่มหัวรุนแรงพยายามขว้างหินใส่ร้านของเรา ตอนนี้ทั้งแม่และน้องสาวของผมตกใจสุดขีด ผมต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อจัดการพวกนั้น ผมคว้าอิฐที่พวกมันปามากขว้างกลับใส่มัน โดนหัวมันเข้าอย่างจัง 

    “เฮ้ย เข้าไปฆ่ามันเลย!!”

    พวกอันธพาลพยายามจะเข้าไปในบ้าน แต่ผมก็เตะพวกมันจนกระเด็นออกไป ผมทำทุกทางเพื่อไม่ให้พวกมันมาทำร้ายคนในบ้านผม แต่พวกมันก็มีมากขึ้นทุกที ผมเลยวิ่งไปทางอื่นเพื่อหลอกล่อให้พวกมันตามมา ในตอนนั้นเองแม่ของผมก็รีบเก็บของออกจากบ้านไปก่อนที่พวกมันจะออกมา แม่ผมกระเตงน้องผมออกมาจากบ้าน จากนั้นแม่ก็ไปที่บ้านของน้าวูค่า ซึ่งเป็นพ่อของวีก้า และบ้านของเขาเพิ่งจะโดนพังไปด้วย เพื่อไปขอความช่วยเหลืออะไรบางอย่าง

    “คุณวูค่าคะ ฉันกับลูกต้องไปแล้ว!!”

    “อ้าว แล้วนอร์วินหล่ะ??” 

    “ถ้าเขากลับมา ฉันฝากจดหมายในซองนี้ให้เขาด้วย ฉันขอร้องหล่ะค่ะ” 

    “หนูเอาไปให้เขาเองค่ะ!!” วีก้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็หยิบจดหมายนั่นมา จากนั้นแม่ผมก็กระเตงน้องสาวออกจากเยอรมันในทันที

    พวกมันตามล่าผมจนกระทั่งเช้า ผมตื่นขึ้นมาโดยไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ต้องตื่นหล่ะนะ ในตอนนั้นผมรีบไปหาน้ำหาท่ามาล้างหน้า แล้วคิดว่าจะกลับไปดูลาดเลาที่บ้าน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะออกจากซอย วีก้าเธอก็เดินผ่านมาเจอผมพอดี วีก้าเดินผลักผมเข้าไปที่ซอยๆหนึ่ง จากนั้นเธอก็จูบผมไปหนึ่งที ทำเอาผมตกใจมากเลยหล่ะ

    “นอร์วิน เป็นยังไงบ้าง ฉันเป็นห่วงเธอมากเลยนะ ฉันรักเธอมานานแล้ว ฉันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว ฉันอยากจะบอกเธอก่อนไม่มีโอกาส นอร์วิน จดหมายนี่แม่เธอส่งให้เธอ!!”

    ผมเปิดจดหมายอ่านมัน ก็ได้ใจความว่า แม่จะพาน้องสาวหนีไปหางานทำที่ฝรั่งเศส แม่ให้ผมไปอยู่กับคุณลุงที่ฮอล์แลนด์ก่อน แล้วแม่ผมจะมาตามมารับผม แม่ทิ้งเงินให้ผม 5000 ไรซ์มาร์ค ผมกับวีก้าจำใจต้องจากกัน เราตกลงปลงใจร่วมรักกันในซอยแคบๆแห่งนั้น คุณคิดดูสิ ถ้าผมยังอยู่ที่นั่น เราทั้งคู่อาจได้แต่งงานกันก็ได้นะ

    พ่อของวีก้าช่วยเหลือโดยการหารถให้ผมไปยังฮอลแลนด์ ซึ่งเป็นรถบรรทุกสินค้าที่จะไปส่งของที่นั่น ผมนอนอยู่ในกล่องไม้แคบๆนั่นนานมาก แต่นี่ก็ดีที่สุดแล้ว จนกระทั่งเมื่อผมมาถึงฮอลแลนด์ ผมก็เดินทางตามหาบ้านของคุณลุง ซึ่งเป็นฟาร์มใหญ่แห่งหนึ่งในย่านชนบท ซึ่งเมื่อผมมาถึง ลุงกับป้าเขาก็ต้อนรับผมเป็นอย่างดี และยังให้ผมอยู่ที่นั่นไปก่อน จนกว่าแม่จะติดต่อมา ครั้งหนึ่งผมเคยไปเห็นปืนไรเฟิลกระบอกหนึ่งของคุณลุง ผมพยายามจะลองหยิบมันมาดู แต่ลุงผมก็ห้ามเอาไว้ แล้วพูดกับผมสั้นๆว่า

    “ฝึกใช้จอบก่อน แล้วลุงจะสอนให้เธอใช้มัน!!”

     

    นั่นแหละ ผมอยู่ที่ฟาร์มนั่น 5 เดือน แต่นานเหมือนกับ 5 ปี แล้วแม่ก็ยังไม่ติดต่อมา ซึ่งมันค่อนข้างผิดวิสัย แต่ก็ยังดีที่ผมได้ฝึกการใช้ปืนกับลุงของผม วันหนึ่ง ผมตัดสินใจจะออกเดินทางตามหาแม่ของผมเอง ตอนแรกลุงของผมด่าผมจะเป็นจะตาย แต่สุดท้ายท่านก็ใจอ่อน และท่านยังให้มีดพกผมเล่มหนึ่งเพื่อป้องกันตัว ซึ่งคุณลุงของผมเคยรับใช้กองทัพฮอลแลนด์ และรบกับเยอรมันด้วย ทุกวันนี้ผมก็ยังรู้สึกขอบคุณลุงของผมเลย ท่านให้เงินผมมาบางส่วน และผมก็ออกเดินทางไปฝรั่งเศสในทันที

     

    วันที่ 2 เมษายน 1939 ผมจำได้ขึ้นใจ เป็นวันที่ผมมาถึงปารีส นับตั้งแต่ที่ผมจากมา นานหลายปีแล้ว แต่วันนี้เป็นวันแรกที่ผมได้สัมผัสบรรยากาศของกรุงปารีสที่สวยงามเป็นครั้งแรก สินค้ามากมายและแสงสีที่ส่องไสว และกลิ่นน้ำหอมประจำเมือง  ทำให้ผมหลงรักที่นี่ได้ไม่ยาก และสิ่งที่ผมต้องเจอ ก็คือ แก๊งค์มาเฟียที่ควบคุมแต่ละพื้นที่ พวกเขาทำสงครามใต้น้ำกันมานาน ทำธุรกิจถูกกฎหมายบ้างผิดกฎหมายบ้าง แต่ผมไม่สนใจหรอก ผมแค่มาตามหาแม่ ไม่ได้จะมาเล่นงานใคร

    เมื่อมาถึงวันแรก ผมหาห้องพัก แต่ก็ได้ห้องเล็กๆเท่ารูหนู แต่ราคาดูสมเหตุสมผลดี เมื่อผมหาที่พักได้ ผมก็ออกหางานต่อ เดินหาจนทั่วเมือง สุดท้ายก็ได้ทำงานในโกดังสินค้าแห่งหนึ่ง ค่าแรงวันละ 12 ฟรังก์ มันไม่ใช่ค่าแรงที่มาก แต่ก็นะ ยังดกว่าไม่มีงานทำหล่ะ

    และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมทำงานหนักไปหน่อย แต่ก็ยังพอมีเศษเงินเหลือซื้อไวน์ราคาถูกๆมากินนะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อจะเอายังไงแล้วกัน

     

    10 เมษายน 1939 ท่ามกลางรถราที่ขวักไขว่ ในวันเดิมๆ ผมต้องไปทำงานยกของขึ้นรถเพื่อให้พวกเขาไปส่ง และก็เหมือนเดิม ผมพยายามทำให้มันเสร็จๆไป แต่ในระหว่างนั้นเอง ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ช่วยเจ้าของโกดัง คุณจอร์ดี้ จู่ๆเขาก็มาเรียกผมให้ไปพบกับคุณเจ้าของโกดัง ซึ่งเมื่อผมไปหาเขา เขาก็กำลังนั่งกินสเต๊กพร้อมไวน์อยู่บนโต๊ะ เขาเรียกผมไปคุยอะไรบางอย่าง ผมเองก็พยายามรับฟังเต็มที่เลยนะ

    “นอร์วิน ฉันอยากให้นายไปทำอะไรให้ฉันหน่อยสิ”

    “ครับ จะให้ผมทำอะไรครับ??” นาวินถามอย่างสงสัย

    “ไอ้พวกกุ๊ยบารัค มันเบี้ยวเงินค่าของฉันอีกแล้ว ฉันอยากให้นายไปทวงหน่อยสิ”

    “ทวงหนี้?? เหรอครับ?? ผมจะลองไปพูดกับพวกเขาดูนะครับถ้างั้น”

    “เยี่ยม ถ้านายทวงได้ ฉันจะแบ่งบางส่วนให้”

    หัวหน้าของเขาพูด จากนั้นนาวินก็ไม่รอช้า เขาเดินไปยังส่วนของโกดังเก็บของ ซึ่งเป็นส่วนที่พวกคนงานกำลังแบกของกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ต้องบอกนะว่าพวกเขากำยำล่ำสันขนาดไหน ผมรีบตรงไปยังไอ้ยักษ์ผิวดำที่ชื่อบารัค รู้สึกว่าวันนี้มันอารมณ์ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เมื่อผมเดินเข้าไปหามัน คนของมันมองผมกันเป็นตาเดียวเลย

    “บารัค หัวหน้าให้ผมมาทวงเงินจากพวกคุณหน่ะ!!”

    บารัคได้ยินดังนั้นก็วางกล่องลงทันทีอย่างเสียงดัง จากนั้นก็ค่อยๆเดินมาทางนาวินด้วยความโมโห

    “เฮ้ย วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีเว้ย ไปซะก่อนที่ฉันจะเล่นงานแก!!” บารัคพยายามจะดีงเสื้อนาวิน แต่ในตอนนั้นเอง นาวินก็จับมือมันไว้ แล้วค่อยๆบิดนิ้วบารัคออกไป ทำเอามันร้องอย่างเจ็บปวด

    “ผมไม่ได้มาหาเรื่อง อย่าดีกว่า!!”

    บารัคพยายามจะต่อยนาวิน แต่นาวินก็เตะเข้าที่แขนบารัคแล้วก็เตะเข้าไปที่หน้า ทำเอาบารัคถึงกับต้องกำหมัดเพื่อเตรียมสู้กับนาวิน

    “แน่นักเหรอวะ ถ้าอยากตายก็จัดให้!!”

    บารัคต่อยเข้าไปที่หน้าของนาวิน แต่นาวินปัดหมัดแล้วหมุนตัวเตะเข้าที่หน้าบารัค จากนั้นเขาก็ศอกใส่หัวของเขา และอีกด้านหนึ่ง หัวหน้าของโกดังก็พาชายในชุดสูทคนหนึ่งเยี่ยมเยือนโกดัง และดูท่าหัวหน้าจะเกรงใจชายคนนั้นมากด้วย

    “ผมรับรองครับ ว่าที่นี่ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ”

    “งั้นเหรอ แล้วทางนั้นหล่ะ??” ชายคนนั้นชี้ไปทางนาวินที่กำลังโดนรุมจากหลายทาง แต่นาวินก็เล่นงานพวกมันซะราบคาบ 

    “ตายๆๆๆไอ้พวกนี้ ผมจะไปห้ามมันนะครับ”

    “เดี๋ยวก่อน รอดูให้จบก่อนสิ!!”

    และเมื่อพวกมันโดนยำจนเละไปตามๆกัน นาวินก็ตะโกนบอกกับพวกของบารัคในทันที

    “ตกลงพวกคุณจะคืนเงินมาดีหรือเปล่า??”

    นาวินตะโกนถามพวกมัน จนบารัคและคนอื่นๆต้องคืนเงินกับนาวินแต่โดยดีทุกคน

    “เด็กผู้ชายก็ซุกซนแบบนี้ แต่ก็ยอมรับนะผมประทับใจหมอนั่นมาก เอาเป็นว่า คุณไปจัดการตามที่ตกลงแล้วกัน!!” ชายคนนั้นยื่นซองเงินให้กับหัวหน้าโกดัง จากนั้นก็เดินจากไปในทันที

    “ขอบคุณมากครับ!!” หัวหน้าโกดังตะโกนบอกไล่หลัง จากนั้นเขาก็เรียกจอร์ดี้มาหาเขาในทันที

    “มีอะไรครับคุณโคลิน??”

    “เย็นนี้เรียกนอร์วินมาหาฉันด้วย!!” โคลินพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินกลับเข้าไปในห้องของเขาในทันที

     

    ตกเย็น จอร์ดี้ก็เรียกนอร์วินให้มาหาเขา แล้วก็พานอร์วินไปหาโคลินที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่บนโต๊ะ นาวินรีบเข้าไปหาโคลินเพื่อเอาเงินที่ตัวเองทวงได้ไปให้กับเขา

    “นี่ครับทั้งหมด 500 ฟรังก์!!” นาวินยื่นเงินไว้ที่โต๊ะของเขา

    “ทำได้ดีมาก รู้อะไรไหม จอร์ดี้มันก็เคยจะทำแบบนี้ แต่พวกมันเล่นซะจอร์ดี้เกือบตาย แต่เอาเถอะ ที่นายทำวันนี้น่าประทับใจมาก นี่ส่วนแบ่ง 200 ฟรังก์ของนาย” โคลินแบ่งเงินให้กับนาวิน 200 ฟรังก์ นาวินเก็บเงินมาอย่างตื่นเต้น

    “ขอบคุณมากครับ!!”

    “เออนี่ นายอยากทำงานอื่นที่มันได้เงินเยอะกว่านี้หรือเปล่าหล่ะ??”

    “ครับ งานอะไรเหรอครับ??” นาวินถามอย่างตื่นเต้น

    “คือมันมีไอ้พวกเฮงซวยมันยืมเงินฉันไปแล้วไม่คืน ส่วนใหญ่พวกมันเอาเงินไปลงกับขวดเหล้าซะเยอะเลย ฉันอยากให้นายไปเอาเงินมันมาให้ฉันตามบัญชีนี้หน่อย ถ้านายทำได้ ฉันมีส่วนแบ่งให้นายด้วยหล่ะ”

    “หือ เหรอครับ ได้สิครับ!!”

    “ดีมาก ถ้างั้นพรุ่งนี้นายไม่ต้องเข้ามาที่นี่หล่ะ ไปตามที่อยู่ที่ฉันลงบัญชีไว้เลย แล้วเอาเงินพวกมันมาให้ฉัน วันนี้นายไปพักผ่อนที่บ้านได้เลย แล้วพรุ่งนี้เจอกัน!!” โคลินพูดทิ้งท้ายไว้

    “ครับหัวหน้า!!”

    นาวินรีบกลับห้องของเขาด้วยความยินดีปรีดา ได้เงินมาตั้ง 200 ฟรังก์ ทำงานหลายวันกว่าจะได้เงินก้อนนี้มา วันนี้นาวินได้แต่คิดว่าจะเที่ยวที่ไหนดี เขาอยากไปย่านกลางคืนมานานแล้ว ถ้างั้นคืนนี้ไปหน่อยดีกว่า เผื่ออาจจะเจอแม่ของเขาเปิดร้านอยู่แถวนั้นด้วย เพราะแถวนั้นเป็นย่านทำเลทอง แม่เขาต้องไปเปิดร้านแถวนั้นก็ได้

    นาวินเดินกลับไปที่ห้องของเขาเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เพื่อออกท่องราตรีในคืนนี้ แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีมือๆหนึ่งลากเขาเข้าไปในซอยอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย นาวินถึงกับตกใจว่าเกิดะไรขึ้น นาวินเห็นร่างของชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หลังเขา ซึ่งเขาก็คือคนที่กระชากนาวิน ชายคนที่เพิ่งจะมาเยี่ยมชมโกดังที่เขาทำงานอยู่ นาวินพยายามจะต่อยชายคนนั้นไป แต่ชายคนนั้นก็หลบได้อย่างรวดเร็ว 

    “โว้วๆๆๆ ใจเย็นๆ ฉันไม่ได้จะมาทำอะไรนาย!!”

    “แล้วคุณกระชากผมเข้ามาในนี้ทำไม??” นาวินถามกลับไป

    “นายเพิ่งจะมาที่ปารีสใหม่ๆ แต่ฝีมือขนาดนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ”

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกันหล่ะ??” นาวินถามต่อไป

    “ก็ไม่มีอะไร อยากแนะนำเกี่ยวกับเมืองนี้ให้นายรู้หน่อย ปารีสไม่ใช่เมืองที่นายคิดจะทำอะไรก็ได้ เอาเป็นว่าวันนี้นายว่างหรือเปล่า จะพาไปดื่มอะไรหน่อย ถ้าอยากก็ตามมาแล้วกัน!!”

    ชายคนนั้นเดินออกมาจากซอยนั้น โดยที่นาวินก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นสิ่งที่เขาบอก เขาจึงตามชายคนนั้นไปโดยไม่มีลังเลเลย

    ===============================================================

    เป็นไงบ้างครับ ตอนนี้เป็นตอนแนะนำตัวของพระเอกนะครับ ให้พอรู้ว่าความเป็นมาเป็นยังไง
    ในตอนนั้นทุกคนกำลังทำอะไรกันอยู่เขียนบอกได้เน้อ แหะๆๆๆๆ
    เอาไปอ่านให้หายคิดถึงก่อนแล้วกัน
    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลผมด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×