คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : EP 8 : ของกลางเมือง
ชายหนุ่มทั้งสามคนยังคงเดินทางต่อเรื่อยๆเพื่อหาข่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าพ่อเคี้ยงและเจ้าพ่อสิงห์
พวกเขาเดินทางมาโดยที่เวหายังคงเหม่อลอยอยู่กับอะไรซักอย่าง
เซบสังเกตอยู่ซักพักนึงแล้วก็สะกิดเขาในทันที
“เฮ้ย เวหา
เป็นอะไรวะ เห็นเหม่ออยู่นานหล่ะ” เซบถามเวหาด้วยความเป็นห่วง
“ป่ะ..เปล่า
ไม่มีอะไรหรอก แค่นึกอะไรไปเรื่อยหน่ะ” เวหาพูดตะกุกตะกัก
“นึกถึงสาวน้อยคนนั้นใช่เปล่าหล่ะ”
วินพูดแซวเขา
“เหย้ด
ในที่สุดแกก็ปิ๊งสาวได้ซะทีนะ” เซบพูดเสริม
“ไม่โว้ย
พวกนายนี่คิดไปเรื่อยหว่ะ” เวหาพูดแล้วเดินนำหน้าคนอื่น แต่วินและเซบกลับหัวเราะและแตะมือกัน
“ฮ่าๆๆๆ
เถียงคอเป็นเอ็นแบบนี้ใช่แน่ๆเลยหล่ะ” วินพูดขึ้น
“บอกมาเถอะ
ไม่ต้องอายหรอกเพื่อน” เซบพูดเสริม
“ก็ได้ๆ
เธอก็น่ารักดีหว่ะ ฉันว่านะ แต่เธอจะไปไหนของเธอหล่ะ” เวหายิงคำถามใส่ในทันที
“นั่นสิ
ดูเหมือนว่าเธอจะย้ายบ้านหรือเปล่าอ่ะ เห็นของเต็มเลย” เซบพูดขึ้น
“อาจจะย้ายไปไหนก็ได้นะเว้ย”
วินพูดขึ้น
“แล้วเธอจะไปไหนหล่ะ
ตอนนี้โลกแม่งบัดซบทุกพื้นที่หล่ะ” เวหาพูดขึ้น
“นายไปมาหมดแล้วเหรอถึงได้รู้เนี่ยเพื่อน”
เซบพูดขึ้น
“เฮ้อ
ไม่รู้ว่าพวกมันกำลังวางแผนอะไรกันอยู่นะ” วินพูดขึ้น
“เอาน่า เดี๋ยวเราก็รู้เองน่า”
เซบพูดกับวิน
“เอ้ย พวกนาย
ฉันว่าฉันเจอคนของเจ้าพ่อเคี้ยงหว่ะ” เวหารีบพกกล้องถ่ายรูปของเขาไป
พวกเขารีบไล่ตามลูกน้องของเจ้าพ่อเคี้ยงมายังเหลามังกรฟ้า
ซึ่งคนของเจ้าพ่อสิงห์และเถ้าแก่หยงมาอยู่ที่นี่ด้วย
เพื่อมารักษาความปลอดภัยให้กับฝ่ายของตัวเอง พวกเขามองดูสถานการณ์
จากนั้นเวหาก็ใช้กล้องของตัวเองถ่ายรูปทุกคนในงานเอาไว้
“ถ่ายให้เยอะๆนะเว้ย
เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรบ้าง” เซบพูด
“เฮ้ย
ฉันว่าฉันไม่คุ้นหน้าสองคนนั้นเลยหว่ะ” เวหาชี้ไปให้เห็นชายสองคนที่แต่งตัวดูมีภูมิฐานให้เซบและวินดู
“นั่นสิ
สองคนนั้นเป็นใครกันวะ” วินพูดขึ้น
“เฮ้ย พวกเรา
งานนี้มันเอาคนมาเต็มอัตราเลย มันจะทำอะไรกันแน่เนี่ย” เวหาถามขึ้น
“ฉันก็ไม่รู้หว่ะ
หรือมันจะเจรจาอะไรกัน” เซบพูดขึ้น
“ยังไงก็ตาม
เรารู้แล้วกันมันอยู่ที่ไหน แล้วมันจะเจรจาเมื่อไหร่หล่ะ” วินถามด้วยความสงสัย
“ฉันว่า ต้องลองไปถามคนในร้านดูแล้วหล่ะ”
เซบพูดขึ้น
“ใครจะไปก็ไปนะ
ฉันขอรอดูอยู่ด้านนอกก็แล้วกัน” เวหาพูดขึ้น
“ถ้างั้นฉันไปเอง
นายอยู่กับเวหาแล้วกันนะ” เซบพูดขึ้น
“ได้สิ
ยังไงนายก็ระวังตัวด้วยนะ” วินพูดขึ้น
“เดี๋ยวฉันลองส่งข้อมูลให้ทาง
The Nation ดูนะ”
เวหาใช้โน๊ตบุ๊คของเขาเชื่อต่อข้อมูล
จากนั้นก็ส่งข้อมูลไปอย่างรวดเร็ว
ณ สำนักงาน The
Nation หลังจากที่เอย์จิ ซากิริและเอกกลับมาที่หน่วยแล้ว
จู่ๆก็มีข้อมูลสำคัญเข้ามายังโน๊ตบุ๊คของเกรซ
เกรซรีบเอาโน๊ตบุ๊คไปให้กับเอกและเพื่อนๆคนอื่นดูในทันที
“คุณเอกคะ
มีข่าวมาจากคุณแองเจลล่า แล้วก็อีเมลล์ปริศนาค่ะ” เกรซพูดกับเอก
“งั้นเหรอ
ถ้างั้นลองเปิดของแองเจลล่าก่อนสิ” เอกพูดขึ้น
จากนั้นเกรซก็เปิดอีเมลล์ของแองเจลล่าดูในทันที
“อ่า
จะมีการนัดเจรจากันทั้งสามแก๊งค์นี่คะ” เอเรียน่าพูดขึ้น
“โห
ฉันว่างานนี้อาจมีมือที่สามมาป่วนแน่ๆ” ซากิริพูดขึ้น
“แล้วถ้ามีการปะทะกัน
กรุงเทพได้วุ่นวายแน่ๆ” เอย์จิพูดขึ้น
“อืม
เดี๋ยวฉันจะเอาเรื่องนี้ไปคุยในการประชุม แล้วอีกเมลล์นึงหล่ะ” เอกพูดขึ้น
จากนั้นเกรซก็เปิดขึ้นมาในทันที
เธอพบกับรูปภาพของเหล่าสมุนของเจ้าพ่อและชายสองคนที่แต่งตัวดูภูมิฐาน
พร้อมมีข้อความแนบท้ายมาว่า “ เขาเป็นใคร ตอบกลับเราด้วย” เอกเห็นแล้วอุทานออกมา
“บ้าเอ้ย
ขออย่าให้เป็นมันเลย”
“อะไรคะ
เขาป็นใครกันคะ” เอเรียน่าถามเขาไป
“มันเป็นทายาทเถ้าแก่หยง
อาเหลา อาเปียว สองคนนี้มันเคยรับผิดสอบธุรกิจเถื่อนในภาคอีสาน
ไม่รู้ทำไมมันกลับมาที่นี่กันหล่ะ” เอกพูดขึ้น
“ฉันว่า
เขากลับมาเพราะพ่อเขาเรียกก็ได้นะคะ” ซากิริพูดขึ้น
“อาจจะใช่
แล้วเราจะเอายังไงกับมันดีหล่ะครับ” เอย์จิพูดขึ้น
“สองคนนี้เราต้องการตัวอยู่
จับเป็นหรือจับตายก็ได้” เอกพูด
“เราต้องขอบคุณคนที่ส่งข้อมูลให้เรา
เขาเป็นใครกันนะ” เกรซพูดขึ้น
“หรือว่า
จะเป็นสามคนนั้นคะหัวหน้า” ซากิริพูดขึ้น
“สามคนนั้นนี่คนไหนงั้นเหรอ”
เอเรียน่าถามอย่างสงสัย
“ก็นายสามคนที่เคยช่วยเรายังไงหล่ะ”
เอย์จิพูดขึ้น
“อืม
ฉันคงต้องขอบคุณพวกเขาแน่” เอกพูด
“ว่าแต่
ทำไมไม่ให้พวกเขามาร่วมกับเราหล่ะคะ” เกรซพูดขึ้น
“พวกเขามีแค้นส่วนตัวที่ต้องสะสางหน่ะ”
ซากิริพูดขึ้น
“แหม่
ดูเหมือนเธอจะรู้ใจพวกเขาจริงๆเลยนะ” เอย์จิแอบแซว
“เอ๊ะ
ยังไงเนี่ยซากิริ หรือว่าเธอ” เอเรียน่าพูดขึ้น
“อะไรของเธอเนี่ย
พูดอะไรบ้าๆนะ” ซากิริพูดขึ้น
“เอาเป็นว่า
เรารีบไปดำเนินการเรื่องนี้ก่อนดีกว่า” เอกพูดขึ้น จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำงานของพวกเขากันต่อ
กลับมายังบ้านของอาเปียวและอาเหลา
หลังจากที่โมเอกะได้ทำงานบ้านทุกอย่างเสร็จ เธอก็กลับไปนอนพักในห้องของเธอ
โดยที่ป้าคนเดิมก็มาคุยกับเธอในห้องด้วย
“เป็นยังไงบ้างจ๊ะวันนี้”
“อ้อ
ก็เหมือนกับวันอื่นๆหน่ะค่ะ” โมเอกะพูดขึ้น
“เฮ้อ นั่นสินะ
เอาอะไรมากกับชีวิตคนใช้หน่ะ”
“นี่ป้าคะ
ป้าเคยคิดอยากจะไปจากที่นี่หรือปล่าคะ”
“เฮ้อ ก็คิดนะ
แต่ทำไงได้ โลกภายนอกตอนนี้ไม่ต่างจากที่นี่เลย”
“แต่ว่า
หนูว่าไม่มีที่ไหนโหดเท่าที่นี่นะคะ”
“หนูรู้ได้ไงหล่ะ
หนูเคยออกไปข้างนอกงั้นเหรอ”
“เฮ้อ
หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“ป้าได้ยินว่าอาเปียวกับอาเหลาเขาไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่นะ”
“ไม่ต้องกลับมาก็ดีนะคะป้า”
“แหม่ เรานี่
อย่าให้เขารู้แล้วกันว่าเราคิดแบบนี้”
“ได้สิคะป้า”
ณ
โรงพยาบาลของวาเดลเรีย วันหนึ่งเธอได้ทำการรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลของเธอ ในตอนนั้นเอง
ชาวบ้านนับสิบนับร้อยต่างก็วิ่งเข้ามาในโรงพยาบาล เนื่องด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่ทราบ
บุรุษพยาบาลพยายามจะห้ามไว้แต่ชาวบ้านก็พยายามจะวิ่งเข้ามาด้านใน
“คุณหมอครับ
ชาวบ้านกำลังจะเข้ามาครับ”
“นี่มันอะไรกันเนี่ย
เดี๋ยวฉันออกไปดูเอง”
วาเดลเรียเดินออกไปดู
และสอบถามชาวบ้านด้วยตัวเอง
“นี่มันอะไรกันคะเนี่ย”
“เราขอมาหลบที่นี่ค่ะคุณหมอ”
ชาวบ้านหญิงคนหนึ่งพูด
“อ้าว
ทำไมกันหล่ะคะ”
“ตอนนี้แก๊งค์ของสามเจ้าพ่อกำลังจะเจรจากัน
ถ้าเกิดปะทะกันขึ้นมาเราตายกันหมดแน่ครับ” ชาวบ้านพูดอย่างอ้อนวอน
“นี่สามแก๊งค์จะมาเจรจากัน
ดิฉันว่าไม่น่าจะมีปัญหาหรอกนะคะ”
“ถ้าเกิดปะทะกันขึ้นมา
เราตายกันหมดแน่ครับ”
“ถ้างั้นไปหลบด้านในโรงพยาบาลก่อนดีกว่านะคะ”
วาเดลเรียให้ชาวบ้านไปรวมตัวกันที่วอร์ด
ซึ่งชาวบ้านหาที่นอนหลบมุมแถวๆนั้น ต่างคนต่างกลัวกันสุดขีด
“หมอครับ
ถ้าพวกแก๊งค์ปะทะกัน เราจะไม่ตายกันเหรอครับ”บุรุษพยาบาลคนหนึ่งคุยกับวาเดลเรีย
“พวกนั้นไม่กล้ามาทำลายที่นี่หรอก”
“แต่ว่างานนี้เราคงต้องรักษาคนอีกเยอะเลยนะครับ”
“ก็คงจะเป็นแบบนั้น”
“ก็ต้องรักษาพวกเหลือเดนอีกสินะเนี่ย”
“เอาน่า
อย่างน้อยชาวบ้านก็ไม่บาดเจ็บไปด้วยนะ”
“ถ้างั้นผมจะไปเตรียมยานะครับ”
เขาเดินไปในห้องเก็บยา
ส่วนวาเดลเรียก็ไปนั่งพักอยู่แถวๆนั้น
ณ
จังหวัดสมุทรปราการ สุวรรณมาตรวจสอบพื้นที่หลังจากที่ได้ถล่มอย่างหนัก
เขาเรียกลูกน้องทั้งห้าคนมาสอบถามสถานการณ์เพิ่มเติมในกรุงเทพ
“คุณสุวรรณครับ
เรียกผมมีอะไรหรือเปล่าครับ” เสือถามเจ้านาย
“อ้อ
ในกรุงเทพตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง” สุวรรณถามไป
“ตอนนี้เจ้าพ่อสามแก๊งค์ใหญ่กำลังเจรจาเรื่องลูกน้องที่ตายอยู่ครับ”
เสือตอบไป
“แล้วตอนนี้พวกข่าวพวก
Nation บ้างหรือเปล่า”
“ค่ะ
ตอนนี้จะมีการขนส่งอาวุธให้ทางเครื่องบินค่ะ” ฟาฟาตอบ
“ว่าแต่ใครจะส่งอาวุธให้หล่ะ”
ติ๋มถามอย่างสงสัย
“คงไม่พ้นพวก NSA
หน่ะ
ตอนนี้มันมาตั้งฐานในไทยด้วย” ภาคินตอบไป
“แล้วพวกมันจะเริ่มส่งของกันที่ไหนหล่ะ”
สุวรรณถาม
“เท่าที่ทราบมา
มันจะไปลงกลางกรุงเทพเลยครับ จะให้ผมไปขโมยมามั้ยครับ” คูไกถามสุวรรณ
“อย่าเพิ่งเลย
ตอนนี้นึกถึงเรื่องการยึดกรุงเทพก่อนดีกว่า” สุวรรณพูด
“เออใช่
แล้วเรื่องจังหวัดนี้เป็นยังไงบ้างหล่ะ” เสือถามทุกคนในทีม
“อ้อ
เราคุมสถานการณ์ไว้แล้วหล่ะ” ภาคินตอบไป
“เรามีอาวุธหนักถล่มที่นี่
เราน่าจะถล่มกรุงเทพได้นะ” คูไกตอบไป
“เฮ้ย
ฉันต้องการกรุงเทพในสภาพดีๆหน่อยเว้ย” สุวรรณพูดแบบเซงๆ
“เอาจริงๆนะคะ
เราคงเอาชนะพวกกรุงเทพได้ไม่ยากหรอกค่ะ” ฟาฟาพูด
“จริงนะคะ
เรายกกำลังไปถล่มก็ได้แล้ว” ติ๋มพูดเสริม
“ใจเย็นๆสิ
เรายังไม่รู้เลยนะพวกมันมีเยอะแค่ไหน” คูไกตอบไป
“ติ๋ม ฟาฟา
ส่งคนไปที่งานเจรจา สร้างสถานการณ์ยังไงก็ได้ให้พวกมันตีกันเอง” สุวรรณสั่งทั้งคู่
“ได้ค่ะ
ฉันจะจัดการเอง” ติ๋มรับคำสั่ง
“เคูไก ภาคิน
นำกำลังคนและปืนใหญ่ไปประชิดกรุงเทพไว้ก่อน”
“ได้ครับ”
ภาคินรับคำสั่ง
“ส่วนเรื่องพวก
NSA เสือ นายไปหาข้อมูลมาให้ได้มากที่สุด”
“ครับผม”
เสือตอบไป
ณ เกาะสีชัง
และเกาะอื่นๆรอบข้าง มีทหารหลายนายกำลังวิ่งออกกำลังกาย
เครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์บินเข้าออก เรือก็แล่นวนไปแถวนั้นบ่อยมาก
และในห้องสำนักงานห้องหนึ่ง นายทหารคนหนึ่งไปรายงานข่าวที่เขาได้รับไปให้คนในห้อง
ซึ่งกำลังนั่งอ่านแผนที่อยู่ในห้องอยู่
“ท่านยามาโมโตะครับ
มีข่าวจากกรุงเทพครับ” เขายื่นเอกสารตัวหนึ่งให้ชายคนนั้นดู จากนั้นเขาก็พูดขึ้น
“ตอนนี้พวก Nation
กำลังถูกโจมตีจากภาคพื้นโดยพวกสวะนั่นสินะ”
“แต่พวกองค์กรใต้ดินยังเข้มแข็งอยู่ครับ”
“ฉันรู้
แต่พวกเขาต้องการอาวุธที่ดีกว่านี้ไง”
“เห็นด้วยครับท่าน”
“เออนี่
เสบียงและของเราพร้อมแล้วนะ”
“ครับท่าน
รอแค่ท่านสั่งมาครับ”
“ฉันต้องติดต่อคนๆหนึ่งก่อน”
ชายคนนั้นหยิบโทรศัพท์
จากนั้นก็โทรหาชายคนหนึ่ง
“สวัสดีครับ
ของที่กำลังจะส่งให้ จะส่งไปตอน 5 ทุ่มนะครับ” จากนั้นเขาก็วางสายไป
“มีข่าวอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า”
ยามาโมโตะถามลูกน้องเขา
“อ้อ เรารู้เบาะแสของมิสเตอร์สุวรรณแล้วครับ”
“ดี
จับตาดูมันไว้เรื่อยๆ อย่าทำอะไรจนกว่าฉันจะสั่ง”
“ครับผม”
นายทหารคนนั้นเดินออกจากห้องไป
ณ
เหลามังกรฟ้า ในตอนนั้นเองเรย์จัดสถานที่เพื่อให้บรรดาเจ้าพ่อมานัดเจรจากัน
โดยในตอนนั้นเองเรย์ก็สั่งให้มีการปิดหน้าต่างด้วยเหล็กอย่างดี
ป้องกันการโดนลอบยิง พวกเขาปิดหน้าต่างทั้งหมดแล้วปรับบรรยากาศในห้อง
หลังจากที่เธอให้ลูกน้องจัดการห้อง เธอก็ลงไปดูด้านล่าง
แต่จู่ๆก็มีคนกระชากเธอเข้าไปในห้อง เขาปิดปากเธอ
เธอพยายามจะตะโกนแต่ชายคนนั้นห้ามไว้
“คุณ นี่ผมเอง”
“อ้าว
คุณที่เจอวันนั้นนี่หน่า” เรย์ตอบไป
“ผมชื่อเซบ
ผมอยากถามอะไรคุณหน่อยหน่ะ”
“ที่นี่ใช่ไหม
ที่มันจะมาเจรจากันหน่ะ”
“อ้อ ใช่
ได้ยินว่าเจ้าพ่อเคี้ยงขอนัดสถานที่จัดเลี้ยงหน่ะค่ะ” เรย์ตอบไป
“แล้วจะมีใครมาที่นี่บ้างหล่ะ”
“น่าจะมีเจ้าพ่อเคี้ยง
เจ้าพ่อสิงห์ อาเปียว อาเหลา ลูกชายเถ้าแก่หยงหน่ะค่ะ”
“อาเปียวอาเหลา
ไม่เคยได้ยินชื่อสองคนนี้เลยแหะ”
“พวกเขาจะมาประชุมกันพรุ่งนี้ช่วงเช้าหน่ะค่ะ”
ในขณะเดียวกัน
ลูกน้องของเจ้าพ่อสิงหสองคนก็เดินตามหาเรย์ โดยที่มาเจอกับเซบด้วย
“คุณเรย์
เราต้องการคุยเรื่องอาหารรับรองหน่ะครับ”
“แล้วไอ้หมอนี่เป็นใครครับ”
“อ่า
เขาเป็นคนของฉันเองค่ะ ไปหั่นผักได้แล้ว” เธอไล่เซบออกไปก่อน จากนั้นเธอก็ตามสองคนนั้นไป
โดยที่ในตอนนั้นเองอาเปียวและอาเหลาก็กำลังรอให้เรย์ไปคุยด้วยอยู่พอดี
“สวัสดีครับ
คุณเรย์ พ่อผมดูแลที่นี่ ผมจะมาดูแลต่อเอง” อาเปียวพูดขึ้น
“ตอนนี้คุณก็ทำตามที่ผมบอกก็แล้วกัน
แล้วมันจะดีเอง” อาเหลาพูดเสริม
“ได้ค่ะ
เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง” เรย์พูดขึ้น
“ผมต้องการให้คุณจัดการเรื่องอาหารไปด้วยหน่ะครับ ขอแบบชั้นดีเลย เท่าไหร่ผมไม่อั้น”
ระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกัน
จู่ๆก็มีหญิงสาวคนหนึ่งปิดหน้าปิดหน้า แต่งตัวชุดเด็กเสิร์ฟไปวางอะไรบางอย่างใต้โต๊ะของเจ้าพ่อสามคนที่จะมาเจรจากัน
ณ
คอนโดใหม่ของชนและโซระ ซึ่งหลังจากที่พวกเขาย้ายมาได้ไม่นาน
พวกเขาก็ได้ข่าวมาใหม่เกี่ยวกับเจ้าพ่อสิงห์
ซึ่งทั้งคู่วางแผนกันในทันทีว่าจะกำจัดเจ้าพ่อสิงห์ยังไงต่อ
“ไอ้ชน
มีข่าวว่าเจ้าพ่อสิงห์จะมาเจรจากับเจ้าพ่อคนอื่นๆหว่ะ” โซระเดินมาหาเขาพร้อมแผนที่
“เหรอ
ที่ไหนเหรอวะ”
“ที่นี่
เหลามังกรฟ้า ที่เราเคยมาฆ่ามันไง” เขาเอาแผนที่ให้ชนดู
“อืม
ฉันคิดว่าพวกมันคงต้องไปนั่งกันในร้าน ชั้นบนสุดแน่ๆ”
“เออใช่
ชั้นนี้พวกมันป้องกันไว้สูงสุด พวกมันต้องอยู่กันในนั้นแน่ๆ”
“เพราะฉะนั้น
เราคงใช้สไนเปอร์เล่นงานมันไม่ได้แน่ๆ”
“แล้วมึงจะบุกไปตรงๆเลยงั้นเหรอ”
โซระถามอย่างสงสัย
“ไม่น่าจะได้หว่ะ
ลูกน้องมันเต็มไปหมดเลย”
“ถ้าอย่างงั้น
คงต้องปลอมตัวเข้าไปหล่ะ”
“น่าจะยากหว่ะ
งานนี้พวกมันค้นตัวทุกคนที่เข้าไปด้านในแน่ๆ
แล้วมันก็ต้องห้ามไม่ให้ใครเข้าร้านอาหารแน่ๆ”
“เออหว่ะ
ไม่แน่พวกมันอาจจะรอข้างนอกด้วยก็ได้” โซระพูด
“มีทางเดียว
เราต้องเล่นงานมันตอนขากลับ ตอนที่มันจะขึ้นรถหน่ะ”
“เห็นด้วยนะ
แต่งานนี้เราพลาดไม่ได้ ไม่งั้นเราอาจเข้าถึงตัวมันยาก”
“หายห่วง
ฉันเตรียมระเบิดเอาไว้ด้วย”
“มีระเบิดด้วยเหรอ
เยอะแค่ไหนหล่ะ”
“พอจะระเบิดได้ทั้งถนนเลยหว่ะ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ
แล้วมึงจะทำยังไงหล่ะ”
“เราจะขว้างไปให้ทั่วถนน
ให้ตายห่ากันให้หมดเลย”
“จัดไป
พวกมันจะประชุมกันพรุ่งนี้ เราไปรอกันคืนนี้เลย”
“โอเค ถ้างั้นฉันไปเตรียมของก็แล้วกัน”
พวกเขาทั้งคู่รีบไปเตรียมของในทันที
สำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
กลับมายังรังของเจ้าพ่อเคี้ยง
ในตอนนั้นเองเจ้าพ่อเคี้ยงได้ข่าวว่าจะมีการส่งของกันในใจกลางกรุงเทพ
เจ้าพ่อเคี้ยงได้ระดมคนไปอยู่ตามจุดต่างๆที่อยู่ในเขตของเขา ซึ่งเขาได้ออกจากบ้านไปช่วงมืดๆ
ปล่อยให้เพลิงดูแลที่นี่ไปตามลำพัง สุดท้ายก็สบโอกาสของเพลิง
เมื่อเจ้าพ่อเคี้ยงออกไปแล้ว เขาก็ไปเคาะประตูห้องของไข่มุกในทันที
เมื่อไข่มุกเปิดประตูห้อง เพลิงก็ผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตูห้องในทันที
“นี่แกจะทำอะไรฉัน”
“ใจเย็นๆสิ
แค่อยากทำความรู้จักเฉยๆหน่ะ”
“ออกไปจากห้องันเดี๋ยวนี้
ไม่งั้นฉันจะเรียกลูกน้องมาลากแกไป”
“ลูกน้องพี่เคี้ยงไม่อยู่ที่นี่
ผมดูแลที่นี่ เพราะฉะนั้นไม่มีใครอยู่แล้วหล่ะ”
“ถ้าแกทำอะไรฉัน
พี่ฉันเอาแกตายแน่”
“เอาน่า
ก็แค่อยากมีอะไรลึกซึ่งๆด้วย ไม่เจ็บหรอกน่า แล้วเธอจะชอบด้วย” เขาโยนกางเกงในที่ขโมยมาให้กับไข่มุก
“นี่แกขโมยไปเหรอ
ไอ้โรคจิต”
“มันหอมมากเลยนะ
ถ้าได้ลองของจริง น่าจะสนุกไม่น้อย ฉันชอบเธอมานานหล่ะ ขอฉันก็แล้วกันนะ”
เพลิงไม่รอช้าไปจับเธอกดลงบนเตียง
จากนั้นก็พยายามเล้าโลมเธอ แต่เธอทั้งขัดขืนและสู้กับเพลิง
เพลิงทนไม่ไหวจึงต่อยท้องไปหนึ่งที
“อยู่นิ่งๆดีกว่านะ
รับรองเธอจะขึ้นสวรรค์แน่นอน”
ไข่มุกรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายของเธอ
หยิบโคมไฟแถวนั้น แล้วตีไปที่หัวของเพลิง หัวของเพลิงเลือดออก
จากนั้นไข่มุกก็วิ่งออกไปจากห้อง
“ช่วยด้วย
มีคนจะปล้ำฉัน ช่วยด้วย”
ไข่มุกร้องให้คนช่วย
แต่ไม่มีลูกน้องคนไหนอยู่เลย เพลิงไล่ตามมาติดๆ จนไข่มุกวิ่งขึ้นไปชั้นสอง
จากนั้นก็กระโดดลงไปในกองขยะหลังบ้าน เพลิงเห็นจึงตกใจ พยายามจะกระโดดลงไปตาม
แต่จู่ๆก็มีลูกน้องคนหนึ่งของเจ้าพ่อเคี้ยงมาเจอเขา
“เฮ้ย ไอ้เพลิง
มาทำอะไรที่นี่วะ”
“อ่า คือว่า….”
“เอ้า
หัวไปโดนอะไรมาวะ รีบไปทำแผลเร็วดิ”
“อ้อๆ
ได้ครับพี่”
ชายคนนั้นพาเพลิงไปทำแผล
ส่วนไข่มุกก็วิ่งขอความช่วยเหลือที่ด้านนอกไปเรื่อย
เผื่อว่าจะมีใครมาช่วยเธอได้บ้าง
ณ
ตึกแถวละแวกเหลามังกรฟ้า แองเจลล่าขี่มอไซค์ของเธอออกมาด้านนอก จากนั้นก็ดูสถานการณ์โดยใช้กล้องส่องทางไกลมองไปดูรอบๆและอัดวีดีโอไว้ด้วย
เพื่อบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้
“โห
มีคนเป็นร้อยคนเลยแหะ”
เธอมองไปเรื่อยๆอีก
ก็พบว่ารามและคนของเถ้าแก่หยงอยู่แถวนั้นด้วย
“คุณราม
คุณมาคุมสถานการณ์เหรอเนี่ย”
เธอมองไปต่อในร้าน
เธอก็พบว่าในร้านมีการปิดเอาไว้ เธอรู้ทันทีว่าจะมีการเจรจาด้านในแน่นอน
“อืม
ลองส่งข้อมูลไปให้ที่หน่วยดูดีกว่า”
เธอเปิดโน๊ตบุ๊คของเธอ
แล้วเชื่อมต่อข้อมูลไปยังหน่วย Nation ในทันที
โดยที่ในตอนนั้นเองเอกก็อยู่ในระบบเพื่อรอรับข้อความจากแองเจลล่า
“คุณเอกคะ ฉันมีความคืบหน้าที่เหลามังกรฟ้าค่ะ”
“อ้อ
ตอนนี้ทางเราทราบแล้วหล่ะ มีคนส่งข้อมูลมาแล้ว”
“พวกนั้นจะเจรจากันพรุ่งนี้ช่วงไหนคะ”
“คิดว่าน่าจะเช้าเลยนะครับ”
“ค่ะ
เยี่ยมไปเลย ฉันกำลังรอพวกมันอยู่”
“ตอนนี้ผมมีงานสำคัญกว่านั้น”
“มีอะไรเหรอคะ”
“หน่วย NSA
กำลังจะส่งความช่วยเหลือมาให้เรา
เรากำลังรอของที่ส่งมาอยู่หน่ะครับ”
“เขาจะมาส่งที่ไหนเหรอคะ”
“ในกรุงเทพ
ที่ไหนซักแห่งนี่แหละครับ”
“อ้อค่ะ
แล้วคุณจะให้ฉันทำอะไรคะ”
“ผมอยากให้คุณดูว่าเสบียงจะมาส่งที่ไหนหน่ะครับ”
“ได้ค่ะ
แล้วฉันจะดูให้นะคะ”
“ขอบคุณมากครับ”
จากนั้นเอกก็ออกจากการสนทนาไป
ณ
เขตจังหวัดปราจีนบุรี
เกรทซึ่งกำลังจะเดินทางไปถึงก็โทรหาลูกน้องของเธอเพื่อทราบเรื่องที่เธอต้องการให้สืบ
ในตอนนั้นเองลูกน้องของเธอก็รับสายในทันที
“เรื่องที่ฉันให้สืบเป็นยังไงบ้าง”
“ครับ
เราพยายามตามชายสามคนนั้นอยู่ครับ แต่เขาไม่ได้กลับบ้าน เขากำลังไปที่ไหนซักแห่ง”
“ที่ไหนงั้นเหรอ”
“เหลามังกรฟ้าครับ”
“เขาไปทำอะไรที่นั่นงั้นเหรอ”
“ผมก็ไม่ทราบครับ”
“ตามสืบไปเรื่อยๆ
ดูว่าเขากำลังทำอะไรอยู่”
“ครับผม”
จากนั้นโทรศัพท์ก็ตัดไป
แล้วลูกน้องเธออีกคนหนึ่งก็ยื่นโทรศัพท์มาให้กับเธอเพื่ออะไรบางอย่าง
“คุณเกรทครับ
คุณวิทย์โทรมา บอกให้คุณไปคุยกับเขาคืนนี้ครับ”
“ไม่
ฉันขอเป็นพรุ่งนี้แทน วันนี้ฉันเหนื่อย”
“อ่า แต่ว่า...”
“นี่
ฉันนั่งรถข้ามจังหวัดเพื่อมาคุยกับเขา เขาต้องรอฉันสิ”
“อ้อ ได้ครับ”
“วันนี้เราพักกันที่ไหนหล่ะ”
“อ้อครับ
มีโรงแรมที่เปิดอยู่หน่ะครับ ไปอีก 1 กิโลครับ”
“ดีมาก
จองห้องให้ฉันด้วยแล้วกันนะ”
“ครับผม”
ณ ตึกแห่งหนึ่งแถวละแวกเหลามังกรฟ้า
ในตอนนั้นเองหลังจากที่พวกของนาวินได้สอดแนมกลุ่มเจ้าพ่อต่างๆ
เขาหาที่พักแถวนั้นเพื่อที่จะลงมือก่อความวุ่นวายในงาน
เขานั่งกินอะไรอยู่ในตึกไปด้วย รอเวลาถึงวันพรุ่งนี้ที่กลุ่มเจ้าพ่อจะมานัดรวมตัวกัน
“เฮ้ย วิน
มึงว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไงต่อวะ” เซบถามวิน
“ก็ไม่มีไรมาก
แค่ไม่มันก็กูต้องตายไปข้างหล่ะ”
“เออนี่
ฉันได้ยินว่าคนของพวกมันมีเยอะมาก นายจะเข้าถึงพวกมันยังไง” เวหาถามไป
“เราไม่ได้ต้องการฆ่ามัน
แค่ต้องการให้มันฆ่ากันเองหน่ะ” วินตอบ
“ใช่
แล้วเราค่อยจัดการฆ่ามันทีละคนยังไงหล่ะ” เซบพูด
“เออ
น่าสนุกดีนะเว้ย แต่ว่ากระสุนเรามีพอหรือเปล่า” เวหาถาม
“เราไม่ยิงปะทะกับมันถ้าไม่จำเป็นสิ”
วินตอบไป
“เฮ้อ
วันๆกินแต่อาหารกระป๋อง เบื่อแล้วเนี่ย” เซบบ่น
“ถ้าไม่เอาก็ส่งมาทางนี้ได้นะเพื่อน”
เวหาพูดแซว
“แต่เซบพูดก็ถูกหว่ะ
อยากกินผักสดๆบ้างจัง” วินพูดเสริม
“ปลูกเองเลยมั้ยเพื่อน
ฉันปลูกได้นะ” เวหาพูดแซว
ในขณะที่พวกเขากำลังนั่งทานอาหาร
จู่ๆก็มีเสียงเครื่องบินดังมากลอยผ่านหัวพวกเขา
พวกเขาเกิดความอยากรู้อยากเห็นจึงแอบไปมอง ก็พบว่าเครื่องบินลำนั้นบินผ่านไป
พร้อมกับได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งพูดกันเจียวจาว พวกเขาเลยตัดสินใจตามไปดู
เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนมองกล่องใบใหญ่อยู่
พวกเขาพยายามจะเปิดแต่ก็เปิดไม่ได้ เนื่องจากไม่มีรหัสในการเปิด
พวกมันสงสัยกันมากว่าข้างในมีอะไร
“เฮ้ย วิน
นั่นพวกไอ้เคี้ยงใช่มั้ยหน่ะ” เซบถามวิน
“จริงด้วยหว่ะ
มันมาทำอะไรที่นี่วะ” วินสงสัย
“มันมาไม่กี่คนด้วย
เอายังไงต่อดีหล่ะ” เวหาถาม
“เอางี้ เซบ
นายยิงล่อพวกมัน ฉันจะไปลุยกับมันเอง”
วินวิ่งเข้าไปลุยกับมันกลางวง
ส่วนเซบและเวหาก็ช่วยยิงคุ้มกันให้กับวินอย่างดุเดือด
=================================================================
การแย่งชิงเสบียงและอาวุธกลางเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ
https://writer.dek-d.com/shinobinon/writer/view.php?id=1960647 นิยายใหม่ข้อย ไปสมัครหน่อยเน้อ
ขอแก้ไขเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องค่าเงินในนิยาย มีคนท้วงมาประมาณว่าในยุคแบบนั้นเงินก็ไม่ต่างอะไรจากเศษกระดาษเพราะไม่มีคนค้ำ เลยไปแก้ตั้งแต่ต้น ใช้เสบียง หรือของมีค่าอื่นๆในการแลก แต่สำหรับพวกเจ้าพ่อ มักจะใช้เป็นเหรียญทองคำเล็กๆ เท่ากับเหรียญบาท ซึ่งน้ำหนักพอๆกันในการแลกเปลี่ยน หรือไม่ก็มีเพชรหรืออัญมณีอื่นๆจ้า
ความคิดเห็น