ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My War - สงครามที่ไม่ได้เลือก

    ลำดับตอนที่ #6 : EP 3 : ความวุ่นวายเริ่มก่อตัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 131
      4
      3 ธ.ค. 61

    หลังจากที่กลุ่มของนอร์รีนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของพวกเขา นอร์รีนพยายามฝืนสายตาของตัวเองเพื่อเฝ้ายามให้คนอื่นๆที่กำลังนอนหลับ ในตอนนั้นนอร์รีนคิดอะไรไปเรื่อย ทำไมฉันถึงไม่รีบออกจากเมืองนี้ให้เร็วกว่านี้กันนะ แต่ว่าบางที ถ้าฉันออกไปก่อน ฉันคงไม่ได้เจอกับมิเชลสินะ บางที ฉันอาจจะไม่โชคร้ายไปซะทีเดียวหรอก

    และในระหว่างนั้นเอง มิเชลก็เดินลงมาหานอร์รีนพร้อมกับถือกาแฟแก้วหนึ่งมาด้วย

    มิเชล : นอร์รีน ฉันทำมาให้เธอหน่ะ เผื่อจะช่วยได้หน่ะ

    นอร์รีน : อ้อ ขอบคุณมากนะ // นอร์รีนหยิบกาแฟมาดื่ม ในขณะนั้นเองมิเชลก็มากอดนอร์รีนเอาไว้

    มิเชล : ฉันคิดถึงเธอตลอดเลยนะ ฉันอยากอยู่กับเธอแบบนี้มานานแล้ว // นอร์รีนกุมมือของมิเชลไว้

    นอร์รีน : ผมไม่รู้ว่าเราจะรอดไปจากที่นี่ได้หรือเปล่า แต่ยังไงผมก็พอใจนะที่ได้อยู่กับคุณแบบนี้

    มิเชล : ขอบใจมากนะนอร์รีน

    นอร์รีนหันหน้าไปมองกับมิเชล จากนั้นก็เอามือสัมผัสใบหน้าของเธอ จากนั้นเขาก็จูบเธออย่างอ่อนโยนในทันที

    นอร์รีน : ต่อให้ผมต้องตาย ผมก็ไม่เสียดายแล้วหล่ะครับ

     

    อีกด้านหนึ่ง บนห้องชั้นสอง ในระหว่างที่อลิซกำลังนอนหลับอยู่ เธอได้ยินเสียงดังมาจากห้องครัว เธอตกใจมากคว้าไม้แถวนั้นแล้วย่องไปยังห้องครัว เมื่อเธอไปถึง เธอก็เห็นมิสซึกำลังต้มน้ำอะไรบางอย่างอยู่ อลิซสงสัยจึงเดินเข้าไปทักทายเขาทันที

    อลิซ : นี่เธอ กำลังทำอะไรอยู่เนี่ย

    มิสซึ : อ้อ ฉันกำลังเตรียมน้ำสต๊อกหมูอยู่หน่ะ // อลิซได้กลิ่นหอมมาจากหม้อ เธอจึงรีบเดินมาดมกลิ่นนั้นในทันที

    อลิซ : มันหองมากเลย ฉันขอกินเลยได้หรือเปล่าเนี่ย

    มิสซึ : ใจเย็นๆสิ เอาไว้พรุ่งนี้สิ เธอได้กินแน่ๆ

    อลิซ : ว่าแต่ นายทำได้ยังไงเนี่ย น้ำซุปหอมๆแบบนี้เนี่ย

    มิสซึ : พ่อฉันสอนหน่ะ ท่านเก่งมาก ถึงขนาดที่ว่ามีแค่กระดูกสองชิ้นกับน้ำหนึ่งหม้อ ก็ทำเป็นอาหารแสนอร่อยได้แล้ว

    อลิซ : ว่างๆก็สอนฉันทำด้วยสิ นะๆๆๆๆๆๆ

    มิสซึ : โอเค เธอก็สอนฉันทำของใช้ในบ้านด้วยก็แล้วกันนะ

     

    อีกห้องนอนด้านหนึ่ง เอสเทอร์กับไลฟ์ทั้งคู่กำลังนอนหลับอย่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ในขณะนั้นไลฟ์เกิดนอนไม่หลับ เดินออกไปมองนอกหน้าต่าง เธอเห็นสภาพบ้านเมืองที่ลุกเป็นไฟ มีแต่เศษซากปรักหักพังเต็มไปหมด ในระหว่างนั้นเอง เอสเทอร์ก็เดินมาหาไลฟ์ด้วยคน เนื่องจากเธอนอนไม่หลับเหมือนกัน

    เอสเทอร์ : นี่ ไม่ว่าอะไรนะถ้าจะมายืนด้วยคนน่ะ

    ไลฟ์ : ได้สิ เธอก็นอนไม่หลับเหมือนกันงั้นเหรอ

    เอสเทอร์ : ใช่ๆ ดูด้านนอกสิ บ้านฉันคงไม่เหลือชิ้นดีแล้วหล่ะ

    ไลฟ์ : ก็คงอย่างงั้นหน่ะ บ้านฉันคงไม่ต่างกันหน่ะ

    เอสเทอร์ : เฮ้อ ขอให้คนที่บ้านยังรอดชีวิตอยู่นะ ถ้าปาฏิหาริย์มีจริงหน่ะ

    ไลฟ์ : ฉันเลิกเชื่อเรื่องนั้นไปนานแล้วหล่ะ

    เอสเทอร์ : ทำไมหล่ะ // เธอถามแบบไม่เข้าใจ

    ไลฟ์ : ไม่รู้สิ เชื่อในสัญชาตญาณตัวเองดีกว่า ตอนนี้ฉันง่วงหล่ะ ไปนอนก่อนนะ

    เอสเทอร์ : ได้สิ ยังไงก็ฝันดีนะ // ไลฟ์รีบไปซุกหัวนอนราวกับว่าคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของเธอ

     

    และอีกด้านหนึ่งของห้อง บารีร่ากำลังนั่งเล่นกับตุ๊กตาของเธอ ในระหว่างที่เธอกำลังรอคนอื่นๆกลับมา ในตอนนั้นเอง เธอได้ยินเสียงคนเดินอยู่ด้านนอก บารีร่าเดินออกไปดูโดยที่ไม่ได้เรียกใครไปด้วย ในตอนนั้นเอง เธอก็พบชายคนหนึ่งสภาพกำลังโซซัดโซเซ มาด้อมๆมองๆอยู่ที่อพาร์ทเม้นต์ของเธอ ชายคนนั้นเดินออกมาให้เธอเห็นทันที จากนั้นเขาพยายามจะพูดภาษาท้องถิ่นกับเธอ

    บารีร่า : เออ หนูพูดอังกฤษได้นะคะ คุณเป็นใครงั้นเหรอ

    ตะวัน : อ้อ ดีจังเลยหนู พี่ชื่อตะวัน เป็นทหารของ UN หน่ะ พี่อยากหาที่พักหน่อย

    บารีร่า : จริงเหรอคะ แล้วพี่มาทำอะไรแถวนี้เหรอคะ

    ตะวัน : เครื่องบินของพี่ถูกยิงตกหน่ะ ไม่รู้ว่าพวกไหนยิงกันแน่

    บารีร่า : ดูพี่บาดเจ็บด้วยนี่คะ

    ตะวัน : พี่ไม่เป็นไรหรอก ไม่ว่าอะไรนะถ้าพี่จะไปพักด้านในหน่ะ

    บารีร่า : อ้อ ตามหนูมาเลยค่ะ // บารีร่าพาตะวันเข้าไปยังอพาร์ทเม้นต์ จากนั้นก็เลือกห้องที่คิดว่าไม่มีใครจะเห็นให้เขา

    บารีร่า : ตอนนี้พี่ก็พักอยู่ที่นี่ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งให้ใครเห็นคุณหล่ะ ไม่งั้นคุณอาจจะซวยนะคะ

    ตะวัน : ขอบคุณมากนะครับ ผมจะไม่ลืมเลยครับ

    บารีร่า : หนูยินดีค่ะ ยังไงก็พักผ่อนให้เต็มที่นะคะ // จากนั้นบารีร่าก็ปิดประตูแล้วเดินออกไป ในระหว่างนั้นเอง บารีร่าก็ตกใจที่ซิลเวียมาอยู่ด้านหลังเธอ

    บารีร่า : พี่ซิลเวีย มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย

    ซิลเวีย : ก็นานพอที่จะเห็นหนูพาใครเข้ามาด้านในด้วยหน่ะ

    บารีร่า : คือพี่เขาดูน่าสงสารหน่ะค่ะ พี่ซิลเวียช่วยหน่อยนะคะ

    ซิลเวีย : นี่ ไม่ใช่ว่าพี่ใจร้ายนะ แต่ไม่รู้เขาจะมาดีหรือมาร้ายหน่ะ

    บารีร่า : ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะพี่ ดูท่าทางพี่เขาเป็นคนดีนะคะ

    ซิลเวีย : เอาเป็นว่า ถ้าทุกคนรู้ พี่คงช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ

    บารีร่า : ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ขอบคุณพี่ซิลเวียมากนะคะ // ซิลเวียพูดพลางไอคอกแคกไปด้วย

    ซิลเวีย : พี่ไม่สบายเหรอคะ ถ้างั้นพี่ไปนอนก่อนนะ // จากนั้นซิลเวียก็เดินออกไป

     

    และอีกฝากหนึ่ง ในบ้านหลังหนึ่งในเมืองใหญ่ พวกของยูจีนได้เข้าไปสำรวจบ้านหลังหนึ่ง ตามที่ซีโร่เป็นคนบอก พวกเขาลอบเข้ามาที่สวนหลังบ้าน จากนั้นก็คุยกันก่อนที่จะบุกเข้าไป

    ยูจีน : นี่ นายแน่ใจนะว่าที่นี่มีของให้เก็บหน่ะ

    ซีโร่ : แน่ใจสิพี่ บ้านหลังนี้เป็นของเศรษฐีคนหนึ่ง แต่ว่ารีบร้อนออกจากเมือง ไม่ได้เอาของไปด้วยนะพี่

    โทนี่ : ว่าแต่ เราจะเข้าไปได้ยังไงหล่ะ ท่าทางจะล็อคแน่นนะ // ในตอนนั้นเอง ยูจีนก็เดินไปเปิดประตู โดยที่ประตูก็ไม่ได้ล็อคแต่อย่างใด

    ยูจีน : ไหนว่าล็อคยังไงหล่ะ // พวกเขาเปิดประตูเข้าไป จากนั้นก็แยกย้ายกันไป หาของที่จำเป็นเพิ่มเติม ในระหว่างที่พวกเขาหากันอยู่ โทนี่ได้ยินเสียงมาจากด้านล่าง โทนี่คว้าไม้แถวนั้นเตรียมจะใช้ป้องกันตัว ในทันใดนั้น เขาเปิดประตูเข้าไปดูด้านใน

    โทนี่ : โธ่เอ้ย ก็แค่หนูนี่หว่า // โทนี่เห็นดังนั้นจากนั้นก็หาของที่จำเป็นเพิ่มเติม ในขณะนั้นเอง เขาก็ทำรูปใบหนึ่งหล่น เป็นรูปของเจ้าของบ้านคนเก่า เมื่อเขาเห็นเขาก็เก็บรูปนั้นเอาไว้ที่เดิม ในระหว่างนั้นเอง ยูจีนกับซีโร่ก็เดินเข้ามาหาโทนี่ทันทีหลังจากที่เก็บของได้

    ยูจีน : เป็นยังไงบ้าง พวกนายเจออะไรบ้างหล่ะ

    โทนี่ : อ้อ ก็เจอยากับบุหรี่ แล้วก็เสบียงส่วนหนึ่ง แล้วพวกพี่หล่ะ

    ซีโร่ : นี่ ผมเจอวิทยุที่เสีย แล้วก็เศษชิ้นส่วนอุปกรณ์เพิ่มเติมหน่ะ

    ยูจีน : พี่มีไม้และโลหะบางส่วนอยู่ พอแบกไปได้ น่าจะเอากลับไปได้หน่ะ

    ในระหว่างนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าเดินไปรอบๆบ้าน

    ยูจีน : หลบก่อนเร็ว อย่าส่งเสียงด้วย // พวกเขาหาที่ซ่อนแถวนั้น จากนั้นก็รอให้พวกมันเดินผ่านไป แล้วพวกเขาก็ออกมาจากที่ซ่อนทันที

    ซีโร่ : เกือบไปแล้วนะเนี่ย พวกมันเป็นใครกันเหรอ

    โทนี่ : ดูจากท่าทางแล้ว ถ้าไม่ใช่พวกโจร ก็คงเป็นพวกกบฎหน่ะ

    ยูจีน : เฮ้อ ไม่รู้ว่าคราวนี้จะรอดไปได้หรือเปล่านะ

    โทนี่ : ผมว่าได้มาแค่นี้ก็พอแล้วนะ รีบกลับไปนอนดีกว่า

    ซีโร่ : นั่นสิ รีบไปกันดีกว่านะ // พวกเขารีบออกจากบ้าน ปิดประตูทุกบานเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่ามีคนเข้ามา

     

    อีกด้านหนึ่งของเมือง หน่วยดอว์นซอร์ดได้ใช้บ้านพลเรือนหลังหนึ่งเป็นที่พักของพวกเขา พวกเขาพักผ่อนและเตรียมกระสุนเพิ่มเติมออกตามล่านอร์รีน แต่พวกเขายังไม่รู้ว่านอร์รีนเป็นใคร ในขณะนั้นเอง อเล็กซ่าก็ไปนั่งอยู่เงียบๆคนเดียว เธอนั่งคิดถึงนอร์รีนนึกถึงเรื่องเก่าๆตอนที่ยังเป็นเพื่อนกัน ในขณะนั้นเอง เควินก็เดินมาหาอเล็กซ่า เอาอะไรมาให้เธอกิน

    เควิน : นี่ อเล็กซ่า กินอะไรหน่อยสิ เธอยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ

    อเล็กซ่า : ขอบใจนะ แต่ฉันไม่หิวหน่ะตอนนี้

    เควิน : มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า บอกได้นะ

    ในตอนนั้นเอง อิริคก็เดินมาสมทบด้วยอีกคน เขาเห็นทั้งคู่นั่งด้วยกันจึงมาแซวทั้งคู่ทันที

    อีริค : เออนี่ มาทำอะไรกันแถวนี้เนี่ย มาจีบกันเหรอ

    อเล็กซ่า : อะไรกันหล่ะ ฉันไปก่อนนะ // อเล็กซ่าเดินหัวเสียออกไป แต่ในตอนนั้นคาสเตอร์ก็มาขวางอเล็กซ่าไว้พอดี

    อเล็กซ่า : ถอยไปนะ

    คาสเตอร์ : อะไรกันคนสวย ทำไมถึงอารมณ์ไม่ดีไปหล่ะ

    เควิน : ก็ปล่อยให้เธอหลีกไปดีๆสิวะ

    คาสเตอร์ : ยุ่งอะไรด้วยวะ หรืออยากมีเรื่องกันหล่ะ

    อีริค : นี่ จะทะเลาะกันทำไมพวกนายเนี่ย โว๊ะ

    ในตอนนั้นเอง อเล็กซานเดอร์กับซิลเวสเตอร์ก็เดินมาดูทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

    อเล็กซานเดอร์ : เอาหล่ะ ไหนบอกมาสิ ทำไมหน่วยฉันถึงมาทะเลาะกันเองแบบนี้

    อีริค : เคลียร์กันเองนะพวกนาย ฉันไปดูดบุหรี่แป๊ป // เขาพูดพลางเดินออกไปสูบบุรี่ด้านนอก

    ซิลเวสเตอร์ : คาสเตอร์ ปล่อยเธอไปซะ เดี๋ยวนี้เลย

    คาสเตอร์หัวเสียเดินจากไป จากนั้นอเล็กซ่าก็เดินไปที่อื่นในทันที

    อเล็กซานเดอร์ : แล้วแบบนี้หน่วยของเรามันจะไปรอดเหรอวะ

    ซิลเวสเตอร์ : เอาน่า ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก เชื่อฉันเถอะ

     

    อีกด้านหนึ่งของเมือง หลังจากที่อนูวากระโดร่มลงในเมือง เธอหาบ้านพักแถวนั้นเพื่อใช้เป็นที่พักชั่วคราว เพื่อติดต่อกับกลุ่มกบฏ ในตอนนั้นเธอเอาวิทยุมาวางไว้ เพื่อติดต่อกลับไปยังฐานทัพของเธอ รายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าของเธอ

    พ่อคะ นี่อนูวา ได้ยินแล้วตอบด้วย

    จากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงตอบกลับมาจากวิทยุของเธอ

    อนูวา นี่พ่อเองนะ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง

    หนูโดดร่มลงมาได้อย่างปลอดภัย แต่หนูยังติดต่อกับกลุ่มกบฎไม่ได้เลย

    แล้วตอนนี้มีการปะทะกันที่ไหนหรือเปล่า

    มีการปะทะกันเป็นระยะ แต่ทางรัฐบาลกำลังปักหลักอยู่รอบเมืองค่ะ

    ไม่ว่ายังไง ลูกสามารถกลับออกได้นะ พ่อจะส่งฮอไปรับ

    ตอนนี้หนูยังทำภารกิจอยู่ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ อนูวาเลิกกัน

    จากนั้นเธอก็เปิดวิทยุของเธอ แล้วก็พรางไฟก่อนจะเข้านอนก่อน เธอเตรียมปืนพกของเธอเพื่อป้องกันตัวเอง แต่ก่อนเข้านอน เธอเอาแผนที่มากางดู เพื่อมาร์คตำแหน่งว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แล้วดูว่าจะไปติดต่อกลุ่มกบฏได้ที่ไหนต่อ

    ตอนนี้ฉันน่าจะอยู่ตรงนี้ ฉันคงต้องเดินเข้าเมืองไปอีกทางนี้ หวังว่าจะไม่มีพวกซุ่มยิงแถวนี้นะ

    หลังจากที่เธอมาร์คตำแหน่งในแผนที่แล้ว เธอก็เปิดไฟเข้านอนในทันที

     

    อีกฝากหนึ่งของเมืองหลวง หลังจากที่เร็นหนีจากหน่วยรบพิเศษของรัฐบาลโซราติกได้ เร็นก็หาทางสังหารประธานาธิบดีของโซราติกให้ได้ แต่ตอนนี้เขาแทบไม่เหลืออาวุธอะไรให้สู้แล้ว มีแค่ข้อมูลบางส่วนเท่านั้น ของส่วนใหญ่ถูกระเบิดในคอนโดหมด ในระหว่างที่เขาขับรถในเมือง น้ำมันของเขาเกิดไม่เหลือ จากนั้นรถก็ดับอยู่แถวนั้น

    อะไรกันวะเนี่ย ให้มันได้แบบนี้สิ

    ระหว่างที่เขากำลังหัวเสีย ก็มีกระสุนปริศนาลอยมาจากด้านหน้าของเขา พุ่งทะลุเข้ามาเฉียดใบหน้าของเขาแค่ไม่กี่เซน เขาต้องรีบลงจากรถแล้วไปหลบอยู่ที่ตึกด้านข้างในทันที ก่อนที่จะตกเป็นเป้าของมือปืนนั่น

    บ้าเอ้ย ทำไมมีพวกซุ่มยิงอยู่ที่นี่ด้วย

    พวกมันยิงกดเร็นไว้ไม่ให้ไปไหนได้ เร็นต้องพังประตูเข้าไปในตึกเพื่อหาที่หลบในนั้น

    ท่าทางเราจะอยู่ในเขตของพวกมันนะ กลับเข้าไปในเมืองดีกว่า

    เร็นพยายามลัดเลาะผ่านตึก เพื่อกลับเข้าปในเมือง ก่อนที่จะโดนทหารพวกนั้นจัดการ เขาเดินมาเรื่อยๆ จนเห็นทหารสองคนกำลังเดินลาดตระเวนอยู่

    เฮ้ย เมื่อไหร่เราจะได้บุกเข้าไปเนี่ย

    ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันชักจะเบื่อแล้วเนี่ย

    ในตอนนั้นเองเร็นก็กระโดดเข้าไปฉะกับพวกมัน พวกมันสองคนพยายามตอบโต้กลับแต่ไมได้ผล และแพ้เขาอย่างง่ายดาย เร็นหยิบอาวุธขึ้นมาเพื่อเอาไว้ป้องกันตัว

    ต้องรีบไปก่อนฟ้าสว่างแล้วหล่ะ

    เร็นเดินเท้าต่อไปเรื่อยๆ เพื่อเข้าไปในเมือง หาที่หลบภัยชั่วคราว ก่อนจะดำเนินภารกิจของเขา

     

    กลับมายังอีกด้านหนึ่งของเมือง ตึกที่แพททริคกับพวกกำลังช่วยเหลือคนแก่ละคนเจ็บที่อยู่ด้านใน ซึ่งมีเยอะแยะมากมายจนพวกเขาเริ่มจะช่วยไม่ไหว แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังช่วยเหลือ ก็มีเสียงปืนดังมาจากด้านนอก กระสุนปืนโดนแพททริคเข้าจังๆ ทำเอาล้มลงไปกับพื้น คนอื่นๆต้องคอยมาดูอาการของเขา

    เทเรซ่า : แย่แล้ว แพททริค คุณเป็นอะไรมากมั้ย // เทเรซ่าพยายามจะกดแผลของเขาไว้

    ลูลู่ : ดูเหมือนมือปืนจะมาจากด้านนอก ทุกคนอย่าออกไปไหนหล่ะ

    แพททริค : ผมไม่ไหวแล้ว ทิ้งผมไว้ที่นี่เถอะ

    เดม่อน : จะบ้าเหรอครับ ผมไม่ทิ้งหัวหน้าไปไหนหรอก

    แพททริค : อย่าโง่ไปหน่อยเลย ยังไงผมก็ไม่รอดอยู่แล้ว

    ลูลู่ : เดี๋ยวฉันมานะ รออยู่ที่นี่ก่อนหล่ะ // ลูลู่วิ่งสำรวจเส้นทาง ก็พบว่ามีทางออกด้านหลังอยู่ ซึ่งทางนั้นค่อนข้างที่จะปลอดภัย

    ลูลู่ : ทุกคน ทางสะดวกแล้ว รีบไปกันเถอะ

    เทเรซ่า : ฉันจะแบกหัวหน้าไปเอง ทุกคนคุ้มกันด้วย

    แพททริค : ไม่ต้อง ทิ้งผมไว ทำภารกิจของเราให้เร็จเถอะ

    เดม่อน : แต่ว่าหัวหน้าครับ ผมทำไม่ได้หรอกครับ

    แพททริค : ไปเดี๋ยวนี้ นี่เป็นคำสั่ง // แพททริคพูดยังไม่ทันขาดคำก็โดนเข้าอีกนัดที่หัว คราวนี้มันทำเขาตายสนิทในทันที

    เทเรซ่า : หัวหน้าคะ // เธอตะโกนดังลั่น จากนั้นลูลู่ก็ต้องมาลากเธอออกไป

    ลูลู่ : เทเรซ่า เดม่อน รีบไปก่อนที่พสกมันจะมาดีกว่า เร็ว

    เดม่อน : เข้าใจแล้ว // ทั้งสามคนรีบวิ่งออกไป ในขณะที่กลุ่มผู้หิวโหยที่เห็นร่างของแพททริคกำลังอุ่น จึงรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับมีดเล่มหนึ่ง

    นี่มึงทำบ้าอะไรกันวะ จะกินคนหรือไง

    อย่างน้อยก็ช่วยให้รอดตายนะเว้ย พวกแกไม่เอาก็ตามใจ

    พวกมันเจ้ามารุมฉีกเนื้อและอวัยวะในร่างกายของแพททริคอย่างเลือดเย็น ในจุดๆนั้นไม่มีใครนึกถึงมนุษยธรรมอีกต่อไปแล้ว

     

    ที่ด้านนอกเมืองเขต 2 มาร์คกับพรรคพวกพากันรวบรวมสิ่งของที่จำเป็นและของมีค่าบางส่วนที่แลกเปลี่ยนมาได้ เอามารวมกันจากนั้นก็แบ่งกันชมสิ่งของเหล่านั้นกับลูกน้องของพวกเขา

    หัวหน้าครับ ไม่น่าเชื่อเราได้มาเยอะขนาดนี้

    มาร์ค : แน่นอน ฉันบอกพวกแกไปแล้วไงหล่ะ

    ว่าแต่ เราจะกลับก่อนดีมั้ยครับ

    มาร์ค : อย่าเพิ่งสิ นี่ยังไม่ทันจะสว่างเลยนะ จะรีบไปไหน

    แต่ว่า แบบนี้พวกทหารจะไม่ซุ่มยิงเราเหรอครับ

    มาร์ค : ก็พยายามอย่าโดนยิงสิวะ เราก็อ้างกับพวกมันว่าเป็นค่าเสี่ยงภัย ต้องเพิ่มปริมาณของมีค่าไปด้วยยังไงหล่ะ

    แหม่ หัวหน้านี่ฉลาดจริงๆนะครับ

    มาร์ค : แน่นอน ว่าแต่พวกแกรู้หรือเปล่าว่าเขตไหนมีคนอยู่บ้าง

    รู้ครับหัวหน้า เราจดเอาไว้หมดแล้วครับ

    มาร์ค : โอเค ตอนนี้เราแยกย้ายกันไปก่อน เดี๋ยวฉันจะไปอีกเขตหนึ่ง แล้วกลับมาก่อนฟ้าสว่างนะเว้ย

    ได้ครับหัวหน้า

    พวกมันรีบแยกย้ายกันไปตามที่ต่างๆ เพื่อแลกของที่จำเป็นเพิ่มเติม พวกเขาดูกระตือรือร้นกันมาก

     

    อีกด้านหนึ่งของเมือง ในขณะที่ด้านนอกกำลังวุ่นวาย เอจิก็หาที่นอนในตึกแห่งหนึ่งซึ่งเขาพาหมาตัวนั้นมานอนด้วย เขาหาห้องนอนที่คิดว่าดูดีที่สุดนอนอยู่แถวนั้น ในขณะที่หมาของเขาก็คอยเฝ้าหน้าประตูให้เขาอย่างตั้งใจ

    ขอบใจมากที่นายคอยเฝ้าฉัน ฉันจะเรียกนายว่าฮาจิก็แล้วกันนะเขาเดินไปลูบหัวหมาตัวนั้น จากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงฝีเท้าเดินมาเรื่อยๆ เอจิเห็นท่าไม่ดีจึงเอาหมาไปซ่อน จากนั้นตัวเขาเองก็แอบอยู่แถวนั้น ไม่นานนักมันคนหนึ่งก็เดินเข้าห้องเขามาเพื่อหาของอะไรบางอย่าง

    ตรวจดูด้วยนะเว้ยมีอะไรใช้ได้บ้าง

    แม่งเอ้ย มีแต่ขยะทั้งนั้น ใช้อะไรไม่ได้เลยมันคนหนึ่งโยนของทิ้งไปโดนตู้ซึ่งซ่อนฮาจิอยู่ ทำเอาฮาจิโผล่ออกมา พวกมันไม่รอช้าล้อมหมาตัวนั้นเอาไว้ในทันที

    เฮ้ย เรามีเนื้อกินกันแล้วเว้ยวันนี้

    ในตอนนั้นเอง เอจิโผล่ออกไปจัดการกับมัน เขาเตะหน้ามันจนล้ม จากนั้นคนอื่นๆก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

    เฮ้ย มึงเป็นใครวะ มาเสือกอะไรด้วย

    เอจิ : นี่มันหมาฉัน พวกแกอย่ามายุ่งเว้ย

    กูไม่สนเว้ย พวกเราเล่นแม่งเลย

    เอจิ : ถ้าอยากตายก็เข้ามา // เอจิชักดาบซามูไรของเขาออกมาจากนั้นก็สู้กับพวกมัน ถึงแม้พวกมันจะมีมากกว่าแต่ก็สู้ดาบของเอจิไม่ได้ พวกมันคนหนึ่งที่มีปืนพยายามจะยิงเขา แต่ฮาจิก็กระโดดเข้าไปกัดมัน มันโมโหจะยิงหมาทิ้ง แต่เอจิฟันข้อมือของมันจนขาด ทำเอามันร้องโหยหวนในทันที

    ไอ้บ้าเอ้ย แกทำมือฉันขาด

    เอจิ : งั้นก็เตรียมตัวไว้ อย่างอื่นแกก็จะขาดเหมือนกัน // เอจิตัดหัวมันในทันที ทำเอาร่างของมันแน่นิ่งไป ฮาจิพยายามมาดมศพแต่เอจิห้ามเอาไว้ก่อน

    รีบไปจากที่นี่เถอะ

    เอจิรีบเก็บของจากนั้นก็พาฮาจิออกไปด้านนอกเพื่อที่จะหาที่พักใหม่

    อีกด้านหนึ่งของเมือง หลังจากที่อลันหนีกลุ่มทหารที่ไล่ล่าเขา เขาหนีเข้าไปยังร้านของชำแห่งหนึ่ง ท่ามกลางความเงียบงันที่คลืบคลานเข้ามา เขาถูกยิงเฉี่ยวที่แขน ทำเอาเขาต้องหาอุปกรณ์ทำแผลเท่าที่จะหาได้แถวๆนั้นแก้ขัดไปพลางๆก่อน เขาจุดเทียนเพื่อเพิ่มความสว่าง จากนั้นเขาก็นั่งทำแผลอยู่ในนั้น

    แม่งเอ้ย เจ็บชิบหายเลย

    ในขณะนั้นเอง นกเหยี่ยวของเขาก็คาบเอาผ้าพันแผลอันหนึ่งมาให้เขา เขาเก็บผ้าพันแผลนั้นมาในทันที

    ขอบใจนะ แกนนี่พึ่งได้ตลอดจริงๆ

    หลังจากที่เขาทายาเสร็จ เขาก็รีบพันแผลโดยทันที แต่ในระหว่างนั้นเอง มีทหารสองคนเดินเข้ามาแถวนั้น ทำเอาเขาต้องดับไฟเทียน จากนั้นทหารก็โยนระเบิดลูกหนึ่งเข้ามาในร้าน

    ชิบหายหล่ะ

    อลันกับนกตัวนั้นรีบโดดออกจากร้าน ก่อนที่ระเบิดจะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า

    หวังว่ามันจะตายห่าในนั้นนะ

    เออดิ รีบไปค้นหาที่อื่นกันดีกว่า

    ทหารสองคนนั้นเดินจากไป ส่วนอลันก็ดูสภาพของตัวเองกับนกของเขา ยังดีที่มันไม่ได้บาดเจ็บอะไร

    รีบไปที่อื่นกันดีกว่า

    เขารีบออกจากร้านแล้วหนีไปทันที ก่อนที่กลุ่มทหารจะพบตัวเขา

    ณ เขตที่ห่างออกไปจากชานเมืองหลวงไม่เท่าไหร่ ในตอนนั้นเองอันนาก็ขับรถกระบะของเธอไปเรื่อยๆเพื่อตามหาลูกของเธอ แม้ว่าทางข้างหน้าจะมีแต่ซากปรักหักพัง ลูกปืนใหย่ที่ตกลงมาเป็นระยะๆ แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ เธอขับรถมาเรื่อยๆ ในระหว่างนั้นเองเธอก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังรวมตัวกันจะเดินทางออกนอกเมือง ในขณะนั้นเองเธอก็จอดรถ เพื่อถามพวกเขาเกี่ยวกับลูกของเธอในทันที

    อันนา : ขอโทษนะคะ พวกคุณจะไปไหนกันเหรอคะ

    พวกเรากำลังจะออกไปจากเมืองนี้หน่ะ

    ใช่ ว่าแต่คุณเถอะ คิดยังไงถึงจะกลับเข้าไปหน่ะ

    อันนา : ดินฉันมาตามหาลูกของฉัน พวกคุณเคยเจอเขาหรือเปล่าคะ // เธอยื่นรูปให้พวกเขาดู แต่พวกเขาส่ายหน้ากันเป็นแถว

    เราไม่เคยเห็นเลยนะเด็กคนนี้

    อันนา : ไม่เคยจริงๆเหรอคะ

    ใช่จ้ะ ว่าแต่คุณพอจะมีอะไรให้พวกเรากินหรือเปล่าหล่ะ

    อันนา : ฉันมีองุ่นที่พกมาอยู่ พวกคุณเอาไปกินหน่อยสิ // อันนาแจกจ่ายองุ่นให้ชาวบ้านพวกนั้น ก่อนที่พวกเขาจะเก็บไว้กินแล้วเดินทางต่อไป ส่วนอันนาก็กลับไปขึ้นรถของเธอเพื่อจะเดินทางต่อ แต่ระหว่างนั้น

    ตู้ม

    เสียงระเบิดดังมาใกล้ๆเธอ ลูกปืนใหญ่ทำเอาวบ้านตกใจหนีตายกันจ้าละหวั่น ส่วนเธอเองก็รีบสตาร์ทรถแบ้วรีบบึ้งรถเข้าไปในเมืองทันที โชคยังดีที่ระเบิดไม่ได้โดนรถของเธอ ไม่งั้นเธอคงต้องเดินไปแน่ๆ

     

    เช้ามืดในวันต่อมา หลังจากที่พวกของยูจีนกลับมาจากการหาของที่จำเป็น ยูจีนก็เอาของไปเก็บรวบรวมไว้ในห้องเก็บของทันที จากนั้นก็ไปปลุกทุกคนเพื่อที่มาเช็คของ แต่ในระหว่างนั้นเอง ยูจีนก็เดินผ่านห้องๆหนึ่ง เธอได้ยินเสียงแปลกๆในนั้น เธอจึงเปิดประตูเข้าไปดู ก็พบว่ามีไม้ท่อนหนึ่งกำลังจะตีหัวเธอ เธอหลบได้จากนั้นก็สู้กับชายคนที่อยู่ในห้อง ซึ่งนั้นก็คือนายตะวันนั่นเอง

    ยูจีน : แกเป็นใครกันวะ

    ตะวัน : แกนั่นแหละเป็นใครกัน

    พวกเขาสู้กันไปกันมา โดยที่ซีโร่กับโทนี่เข้ามาช่วย แต่ไม่เป็นผลเท่าไหร่ ในระหว่างนั้นเอง ก็มีเสียงดังมาจากบารีร่า ที่ตะโกนสั่งให้หยุดการต่อสู้นี้

    บารีร่า : หยุดได้แล้วค่ะ พอได้แล้ว

    ซีโร่ : หยุดเหรอ ว่าแต่นี่ หมอนี่มันเป็นใครกันแน่เนี่ย

    บารีร่า : พี่เขาแค่มาหาที่หลบหน่ะค่ะ

    ตะวัน : สวัสดี ผมชื่อตะวัน เป็นทหารของ UN พวกคุณคงจะเป็นผู้ประสบภัยสินะ

    โทนี่ : เป็นทหารของ UN เหรอ ว่าแต่พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่ ไม่รู้เหรอว่าที่นี่คนกำลังจะอดตาย

    ไลฟ์ : ช่างมันก่อนดีกว่า ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่หน่ะ

    ตะวัน : คือว่า เครื่องบินของผมถูกยิงตก ผมหนีมาได้ เลยมาหาที่ซ่อนแถวนี้

    ยูจีน : ว่าแต่ ซิลเวียไปไหนหล่ะ ยังไม่เห็นเธอตื่นเลย

    เอสเทอร์ : เธอนอนอยู่ในห้องหน่ะ ไม่รู้เป็นอะไรถึงยังไม่ตื่น

    ยูจีนรีบวิ่งไปดูซิลเวียด้านในทันที เธอพบว่าซิลเวียกำลังนอนอยู่ ยูจีนพยายามปลุกเธอแต่ตัวเธอร้อนเป็นไฟเลย ยูจีนคิดว่าเธอต้องไม่สบายแน่ๆ

    ซิลเวีย : ยูจีน เธอกลับมาแล้วเหรอ // เธอพูดพลางไอคอกแค่กไปด้วย

    ยูจีน : พวกนาย ใครมียาบ้าง // ยูจีนถามทุกคนอย่างใจร้อน

    มิเชล : เราไม่มียาหน่ะ แล้วที่พวกนายไปหาของก็ไม่มีเหรอ

    โทนี่ : ส่วนใหญ่มีแต่ยาที่ใช้ทำแผลหน่ะครับ

    มิสซึ : งั้นผมจะไปเตรียมอาหารให้เธอก่อนนะครับ

    อลิซ : เดี๋ยวก่อน ฉันไปด้วยสิ // เธอรีบตามมิสซึไป

    นอร์รีน : ผมว่า ต้องรีบทำอะไรบางอย่าง ไม่งั้นอาการของเธอจะแย่ลงไปอีกนะครับ

    ======================================================================

    ซิลเวียกำลังป่วย ในขณะที่ความวุ่นวายกำลังก่อตัวรอบด้าน เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
    ใช้แรงเฮือกสุดท้ายในการเขียน เห็นว่าไหนๆก็จะจบตอนแล้ว 

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ


     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×