ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My War - สงครามที่ไม่ได้เลือก

    ลำดับตอนที่ #16 : EP 10 : หมอกสีดำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 121
      6
      26 ม.ค. 62

    พวกของนอร์รีนได้ทำการฝังศพสตอร์มและซิลเวียอยู่ที่ด้านหลังอพาร์ทเม้นท์ ซึ่งตามธรรมเนียมของประเทศนี้คือผู้ที่มีความใกล้ชิดผูกพันกับผู้ตายต้องเป็นคนขุดหลุมด้วยตัวเอง ยูจีนและอลันช่วยกันขุดหลุมและฝังทั้งคู่ไว้ข้างกัน จากนั้นก็กลบฝังลงไป ยูจีนทำใจไม่ได้แต่ก็พยายามทำเต็มที่ และในระหว่างที่ฝัง นกเหยี่ยวของสตอร์มก็มาเกาะที่หลุมศพเขา โดยที่มันไม่ยอมไปไหนห่างจากหลุมศพของสตอร์มเลย เป็นภาพที่น่าเศร้ามากในตอนนั้น

    ในขณะที่ทุกคนกำลังโศกเศร้า มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามายังกลุ่มพวกเขา ซึ่งนั่นก็คือฮาน่านั่นเอง อลันรีบวิ่งไปหาเธอในทันที แต่ทุกคนดูเหมือนไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่

    ยูจีน : นี่ เธอมาที่นี่อีกทำไมกันหล่ะเนี่ย ห่ะ

    อลัน : นี่ ใจเย็นสิยูจีน ทำแบบนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกน่า

    ฮาน่า : ฉันแอบเอาเสบียงของกลุ่มกบฏมาให้พวกคุณหน่ะค่ะ ว่าแต่ พวกคุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ // อลันหยิบกระเป๋าเสบียงนั่นมา ซึ่งมีอาหารแห้งและยารักษาโรคจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีประโยชน์กับเขามาก

    นอร์รีน : มีโจรมาปล้นพวกเราหน่ะครับ พวกมันฆ่าเพื่อนเราตาย

    ฮาน่า : เสียใจด้วยนะคะ แต่ตอนนี้ฉันมีเรื่องสำคัญมาบอกทุกคน

    ไลฟ์ : มีเรื่องอะไรเหรอคะ บอกมาได้เลยค่ะ

    ฮาน่า : คือว่า ตอนนี้ทางรัฐบาลประกาศจะกวาดล้างกลุ่มกบฏแล้วค่ะ ทุกคนที่อยู่ในเมืองนี้อาจจะถูกรัฐบาลกำจัดได้ทุกเมื่อค่ะ

    อนูวา : ไม่น่าเชื่อว่าจะเร็วขนาดนี้ ถ้างั้นฉันขอติดต่อกับกลุ่มกบฏเดี๋ยวนี้เลย

    ตะวัน : ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนั้นหล่ะครับ มีอะไรหรือเปล่า

    อนูวา : ฉันต้องทำค่ะ ฉันมีเหตุผลของฉันที่ต้องทำ

    ตะวัน : ถ้าแบบนั้น ผมก็จะไปกับคุณด้วย

    โทนี่ : ถ้างั้นตอนนี้ เราคงต้องหนีออกจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุดสินะ

    เอสเทอร์ : จะออกไปยังไงหล่ะ ด้านนอกมีทหารที่พร้อมจะยิงเราเต็มไปหมดเลยนะ

    ไลฟ์ : นั่นสิ เราควรจะคิดแผนให้รอบคอบกว่านี้นะ

    เอสเทอร์ : หรือว่า เราจะไปมอบตัวกับรัฐบาลดีหล่ะ

    อลัน : ไม่ได้เด็ดขาด พวกนั้นฆ่าไม่เลี้ยงแน่ๆ คนที่ออกไปหน่ะ

    เอจิ : ถ้างั้น เราจะซ่อนตัวจนกว่าจะมีปาฏิหาริย์งั้นเหรอเนี่ย

    อลิซ : หรือว่าเราจะรอให้สหประชาติมาช่วยหล่ะ

    มิสซึ : สหประชาชาติอาจจะมาพรุ่งนี้ แต่พวกมันบุกเข้ามาวันนี้แน่ๆ

    เอจิ : ไม่ว่าใครจะว่ายังไง ฉันขอสู้ตายกับพวกมันก็แล้วกัน ฉันไม่หนีแล้ว

    มิสซึ : นี่นายคิดดีแล้วอย่างงั้นเหรอ ก็แล้วแต่นายเลยนะ

    ในตอนนั้นเอง บารีร่าก็เดินออกมาด้านนอกเพื่อตามหาทุกคน

    บารีร่า : ดีค่ะทุกคน เป็นยังไงกันบ้างคะ

    อลิซ : ไม่เป็นไร ว่าแต่ ซีโร่เขาเป็นยังไงบ้างหล่ะเนี่ย

    บารีร่า : ตอนนี้นอนพักอยู่ค่ะ หนูกำลังดูแลเขาอยู่หน่ะค่ะ ว่าแต่คุยอะไรกันเหรอคะ

    มิเชล : ตอนนี้รัฐบาลกำลังจะบุกเข้ามาหน่ะจ้ะ

    นอร์รีน : ผมว่า เราลองให้คุณอนูวาลองติดต่อกับกลุ่มกบฏก่อนดีกว่า แล้วจากนั้นก็ค่อยว่ากันก็แล้วกันนะ

    อลัน : ผมขอไปกับฮาน่าด้วยก็แล้วกันนะ ผมก็สมาชิกกลุ่มกบฏเหมือนกัน

    พวกเขาแยกย้ายกันไป อนูวาและคนอื่นๆไปติดต่อกับกลุ่มกบฏ ส่วนคนอื่นๆก็ค่อยเฝ้าที่พักเผื่อว่าจะมีใครบุกเข้ามา คืนนี้พวกเขาคงไม่ต้องออกไปหาของด้านนอกหล่ะ เนื่องจากมีคนเอาเสบียงมาให้กับพวกเขาแล้ว

     

    กลับมายังหน่วยดอว์นซอร์ด ในระหว่างที่พวกเขากำลังเตรียมตัวเพื่อรอภารกิจต่อไปที่ทางหน่วยเหนือส่งมา ในตอนนั้นเองเอง เควินก็นำข้อมูลที่เขาได้มาจากหน่วยเหนือเพื่อที่จะมารายงานกับหัวหน้า ในตอนนั้นเอง คนอื่นๆก็รอเควินเอาข้อมูลมาให้อยู่ก่อนแล้ว

    เควิน : เอาหล่ะครับทุกคน ผมได้ข้อมูลใหม่มาแล้วครับ

    อีริค : เออ เร็วหน่อยก็แล้วกัน อย่าให้ต้องรอนานหล่ะ

    เควิน : เอาหล่ะครับทุกคน นี่คือข้อมูลของกลุ่มกบฏที่หน่วยเหนือให้เราจัดการครับ

    อเล็กซานเดอร์ : อ้อๆ ในที่สุดก็รู้ตัวบรรดาผู้นำของพวกมันแล้วสินะ

    คนแรกนะครับ เขาคือไมเคิล ซาราวิส อดีตรองประธานาธิบดี คนนี้อยู่เบื้องหลังกลุ่มกบฏทั้งหมด หน่วยเหนือต้องการตัวมากที่สุดครับเควินพูดพลางสลับรูปหน้าของแต่ละคน

    ต่อมาจะเป็นพวกระดับปฏิบัติการ กลุ่มแรกจะเป็นพวกของนายเคนนี่ ซาร์เก้ กลุ่มนี้จะมีเครือข่ายใหญ่ทั้งหมด คุมทหารกบฏราวหนึ่งแสนนายในเมืองครับ

    คาสเตอร์ : โห นี่พวกมันมีกันเป็นแสนเลยหรือไงเนี่ย

    กลุ่มที่สอง จะเป็นกลุ่มของนายเทโจ อาคาชิ อดีตทหารรับจ้างชาวญี่ปุ่น หมอนี่มีกองกำลังของตัวเองด้วย

    อเล็กซ่า : หวังว่าพวกเราจะไม่มีปัญหากับคนต่างชาตินะ

    กลุ่มสุดท้าย พวกนี้ไม่มีชื่อกลุ่ม แต่รู้ตัวว่าพวกมันมีแปดคน เริ่มจากคนแรก

    อดีตนาวาอากาศเอกทาเคชิ นากามูระ อดีตนายทหารญี่ปุ่น ชื่อรหัสแบล็ค ไม่รู้ประวัติแน่นอนว่ามาที่นี่ได้ยังไง

    คนที่สอง ปาร์ค มินโฮ สายลับชาวเกาหลีใต้ ชื่อรหัสเกรย์ หมอนี่ถูกส่งมาฆ่าประธานาธิบดีแต่ล้มเหลว

    คนที่สาม อัลเบิร์ต ชีลล์ อดีตนายตำรวจของโซราติก ชื่อรหัสไวท์ หมอนี่ค่อนข้างตงฉินหน่ะ

    คนที่สี่ ริกโก้ บราซิลเลี่ยน แฮกเกอร์ชาวบราซิล ชื่อรหัสกรีน มีส่วนในเหตุการณ์แฮกเอาเงินจากธนาคารใหญ่ของเรา

    คนที่ห้า ดราก้อน วิลสตัน นักศึกษา ชื่อรหัสบูล หมอนี่เป็นนักเคลื่อนไหวตัวอันตราย

    คนที่หก ทุกคนอาจจะรู้จัก ไซม่อน ซาจีฮาร์ อดีตนักแสดงหนัง ชื่อรหัสไวโอเล็ต ต่อต้านรัฐบาลอย่างเปิดเผย

    ซิลเวสเตอร์ : ฉันเคยดูหนังของเขานะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมาเจ้ากลุ่มกบฏเนี่ย

    คนที่เจ็ด มีกัส ฟ็อกซ์ นักศึกษา ชื่อรหัสเร้ด หมอนี่เรียนคณะวิศวกรรม ประดิษฐ์อาวุธให้ฝ่ายกบฏ

    และคนสุดท้าย ลี ซุนฮยอน แพทย์แลกเปลี่ยนชาวเกาหลี ชื่อรหัสเยลโล่ ทางหน่วยเหนือย้ำมาว่า ทุกคนเอ่ยมา มีสิทธิ์จับตายได้ทันที

    ซิลเวสเตอร์ : คงต้องกำจัดแบบลับๆ ถ้าคนต่างชาติมาตายในประเทศคงไม่ดีแน่ๆ

    อเล็กซานเดอร์ : เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ฉันมีแผนในใจแล้วหล่ะ

    คาสเตอร์ : ว่าแต่ เราจะลงมือตอนนี้เลยหรือเปล่าหล่ะ

    อีริค : ตอนนี้เลยก็ได้นะ ฉันอยากทำงานเต็มแก่หล่ะ

    อเล็กซ่า : ก็ได้ ถ้างั้นฉันจะไปเตรียมของให้พวกนายทุกคนก็แล้วกัน

     

    ณ เขตเมืองหลวงของโซราติก หน่วยรบพิเศษไทยก็เดินทางมาถึงเมืองได้สำเร็จ ในตอนนั้นพวกเขาก็มาเจอกับชายสองคนที่มารอพวกเขาอยู่แล้ว ชายสองคนนั้นเดินมาพร้อมกับพูดอะไรบางอย่าง

    บาริน

    ทางฝั่งนั้นก็พูดรหัสของพวกเขากลับไป

    จากัวร์

    สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อโจอี้ ส่วนนี่เดวิด พวกคุณพูดอังกฤษได้นะ

    อรุณ : เราพูดได้น่า ว่าแต่พวกคุณมากันแค่สองคนงั้นเหรอ

    เดวิด : ใช่แล้วครับ

    เดชา : ว่าแต่ พวกคุณได้ข่าวเกี่ยวกับคนของเราที่นี่บ้างหรือเปล่า

    โจอี้ : เมื่ออาทิตย์ก่อนมีเครื่องบินขับไล่มาตกแถวนี้ เราสำรวจไม่เจอนักบินหน่ะ

    จินตโล : แสดงว่า พวกเขาคงจะเข้าไปในเมืองหล่ะสินะ

    เนตร : ว่าแต่ พวกคุณพาเราเข้าไปในเมืองหลวงได้หรือเปล่าหล่ะ

    เดวิด : ได้สิ แต่ว่าพวกคุณต้องเปลี่ยนชุดก่อนนะ

    เจตนา : อ้าว ทำไมพวกเราต้องเปลี่ยนเครื่องแบบด้วยหล่ะ

    โจอี้ : คนอื่นๆจะได้ไม่สงสัยไงครับ พวกเราเอาเครื่องแบบมาเผื่อพวกคุณด้วย

    ทั้งคู่ให้ชุดใหม่กับหน่วยรบพิเศษไทย พวกเขาเปลี่ยนชุดกันอย่างรวดเร็วจากนั้นก็มารวมตัวกันในทันที

    อรุณ : เอาหล่ะทุกคน พยายามทำตัวให้กลมกลืนกับชาวบ้านไว้หล่ะ

    เดชา : ครับหัวหน้า คนที่นี่พูดอังกฤษ น่าจะเนียนอยู่นะครับ

    เนตร : มีแต่นายแค่นั้นแหละที่พูดอังกฤษสำเนียงแปร่งๆหน่ะ // เขาแอบไปแซวจินตโล

    จินตโล : ปัดโธ่ เดี๋ยวก็ยัดปากด้วยลูกเกลี้ยงเลยนี่

    เจตนา : เอาหล่ะครับ รีบพาพวกเราเข้าเมืองหลวงดีกว่านะ

    โจอี้ : ทางนี้เลยครับ

    ทั้งคู่พาหน่วยรบพิเศษไทยเข้าไปสำรวจยังใจกลางเมืองอย่างรวดเร็ว

     

    กลับมายังค่ายทหารเขตชานเมือง ในตอนนั้นเร็นกับเอ็ดเวิร์ดวางแผนการกันเพื่อจะบุกฝ่าค่ายทหารเพื่ออกจากเมือง พวกเขาอาศัยความมืดในการจัดการทหารรัฐบาลทีละคน จากนั้นก็ค่อยๆฝ่าแนวป้องกันของพวกนั้นไปเรื่อยๆ จนมาถึงประตูค่ายที่กำลังเปิดรับทหารที่เข้ามาใหม่อยู่

    เอ็ดเวิร์ด : เอาหล่ะ นายเห็นด้านนอกหรือเปล่าหล่ะ

    เร็น : เห็นสิ ที่มียามสองสามคนหน่ะ มีอะไรหรือเปล่า

    เอ็ดเวิร์ด : ถ้าผ่านทางนั้นไปได้ เราก็จะออกจากเมืองได้หน่ะ

    เร็น : งั้นจะรออะไรหล่ะ รีบไปกันดีกว่า

    แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ก็มีเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น จากนั้นก็มีขบวนรถทหารหลายคันมาจอด จากนั้นทหารจำนวนมากก็มาตั้งแถวกันเพื่อฟังผู้บังคับบัญชาของพวกเขา

    เร็น : พวกมันกำลังทำบ้าอะไรกันหน่ะ

    เอ็ดเวิร์ด : ฉันก็ไม่รู้ สงสัยว่ากำลังจะรวมพลกันหล่ะมั้ง

    เอาหล่ะทหารทุกนาย รัฐบาลมีคำสั่งให้เตรียมพร้อม เราจะเริ่มจัดการกลุ่มกบฏที่อยู่ด้านในให้สิ้นซาก มีภายในเดือนนี้ กลุ่มกบฏต้องตายทั้งหมด

    พวกเขาฟังแล้วตกใจ ในขณะนั้นมีทหารกลุ่มหนึ่งสงสัยว่าตรงนั้นมีอะไร พวกนั้นเลยเล็งอาวุธไปยังที่ๆสองคนนั้นอยู่

    เร็น : ตายหล่ะ พวกเราตายแน่ เอายังไงกันดีเนี่ย

    เอ็ดเวิร์ด : กลับไปในเมืองก่อนดีกว่า เอาไว้วันหลังค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน

    พวกเขาทั้งคู่รีบออกจากเมือง ในขณะที่ทหารรัฐบาลก็เจอศพของพวกเดียวกัน จึงส่งสัญญาณเตือนให้ทหารในค่ายเตือนภัยกันมากขึ้น

     

    ทางด้านของกลุ่มกบฏ เทเรซ่าพาพวกของเธอไปยังอพาร์ทเม้นท์ของนอร์รีนเพื่อที่จะติดต่ออนูวา เพราะว่าเธอเป็นคนเดียวที่พอจะช่วยกลุ่มกบฏได้ พวกเขารีบเดินทางทั้งๆที่ฟ้ามืดสนิท

    เดม่อน : หวังว่าจะไปถึงเร็วๆนะเนี่ย ยุงจะหามอยู่แล้ว

    ลูลู่ : แหม่ มันก็ไม่ต่างจากบ้านนายหรอก ทนๆหน่อยน่า

    คีธ : ว่าแต่ ที่อยู่ของพวกเขาเนี่ยมันอีกไกลไหมครับ

    เทเรซ่า : ฉันเองก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเป็นอพาร์ทเม้นท์ชื่อดังอยู่หน่ะ

    แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ฮาน่าก็เดินมาพร้อมกับอนูวาและคนอื่นๆพอดี เทเรซ่าเห็นจึงรีบไปหาพวกเขาในทันที

    ฮาน่า : ทุกคน มาที่นี่ได้ยังไงกันหล่ะเนี่ย

    เทเรซ่า : ฉันกำลังตามหาพวกเธอพอดีเลย หัวหน้าบอกให้เรามาคุยกับคุณหน่ะ

    ตะวัน : ห่ะ คุยกับคุณเหรอ ตกลงว่าคุณเป็นใครกันแน่เนี่ย

    อนูวา : ฉันพลตรีอนูวา อนาโทรี่ กองกำลังตะวันออกหน่ะ

    เดม่อน : ห่ะ นี่คุณคือลูกสาวจอมพลอัลเฟรดเหรอเนี่ย

    ลูลู่ : ท่าทางเราจะเจอคนดังซะแล้วหล่ะนะเนี่ย

    อลัน : ว่าแต่ กองทัพของพ่อคุณหล่ะอยู่ที่ไหน

    อนูวา : ตอนนี้ท่านกำลังช่วยเหลือผู้อพยพอยู่ที่ค่ายตะวันออกหน่ะ ฉันบอกความลับของฉันแล้วนะ

    ตะวัน : ครับ ผมต้องทำความเคารพคุณมั้ยหล่ะเนี่ย

    ลูลู่ : ว่าแต่ ทหารของพ่อเธอจะมาช่วยเราหรือเปล่าหล่ะ

    เดม่อน : ใช่ พวกเราที่นี่กำลังจะตายกันอยู่แล้วนะ

    ฮาน่า : อย่าเพิ่งถามมากสิ พาเธอไปพบหัวหน้าก่อนดีกว่า

    อลัน : ถ้าอย่างงั้นเรารีบไปกันดีกว่านะครับผม อยู่แถวนี้มันอันตราย // ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงยิงปืนดังมาแต่ไกล

    เทเรซ่า : อันตรายจริงด้วย รีบไปกันดีกว่า

    พวกเขารีบกลับไปยังฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏในทันที

    และที่กลุ่มของเทโจ ในตอนนั้นเองพวกเขารีบอพยพชาวบ้านหนีไปยังที่มั่นใจกลางเมืองของกลุ่มกบฏ ก่อนที่รัฐบาลจะเดินหน้ากวาดล้าง ลูกน้องของเขาพาชาวบ้านหีนทางออกไป แต่กลุ่มสาวเกิร์ลกรุ๊ปยังไม่ยอมไปไหน จนกว่าจะเจอหัวหน้าวงของเธอ

    เทโจ : พวกคุณแน่ใจนะว่าอยากจะอยู่กับพวกเราหน่ะ

    อานามิ : เราขออยู่ที่นี่ด้วยค่ะ เผื่อว่าจะเจอเพื่อนของเรา

    เทโจ : ผมว่า เพื่อนคุณอาจจะไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้วก็ได้นะครับ

    แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ก็มีรถคันหนึ่งมาทางพวกเขา ในตอนนั้นลูกน้องของเทโจพยายามจะให้รถคันนั้นหยุด โดยที่ด้านนอกมีปากเสียงกัน เทโจและสาวๆคนอื่นๆพากันไปดูด้วย

    พวกแก ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้ ถ้ายังไม่อยากตาย

    ซึ่งในตอนนั้นเอง เจ้าของรถก็ลงมาจากรถ ซึ่งนั้นก็คืออันนาและชินเฮ หัวหน้าวงของพวกเธอนั่นเอง

    พี่ชินเฮ

    ชินเฮ : ทุกคน ทุกคนยังไม่ตาย // สาวๆวิ่งมากอดกันราวกับว่าไม่ได้เจอกันเป็นปี เทโจบอกให้ลูกน้องของเขาไปที่อื่นก่อน จากนั้นเขาก็ไปดูสาวๆพวกนั้น

    อานามิ : คุณเทโจ คนนี้เป็นหัวหน้าวงของเราค่ะ ชินเฮ นี่คุณเทโจ เขาช่วยพวกเราไว้นะ

    เทโจรู้สึกเขินและหน้าแดงเมื่อเจอกับชินเฮ จากนั้นทั้งคู่ก็จับมือกัน

    ชินเฮ : ขอบคุณมากนะคะคุณเทโจที่ช่วยเหลือเพื่อนฉันหน่ะค่ะ

    เทโจ : ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่ คุณผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันเหรอ

    อันนา : ฉันชื่ออันนาค่ะ ฉันมาตามหาลูกชายของฉัน คุณพอจะรู้จักเขาหรือเปล่าคะ // อันนายื่นรูปให้เทโจดู

    เทโจ : เด็กคนนี้เหรอ เหมือนว่าผมจะเคยเห็นเขานะครับ

    อันนา : จริงเหรอคะ คุณเห็นเขาที่ไหนอย่างงั้นเหรอคะ

    เทโจ : คุณน่าจะลองไปหาเขาที่ค่ายใหญ่ของกลุ่มกบฏหน่ะครับผม

    ชินเฮ : ว่าแต่ พวกเขาจะไปไหนกันอย่างงั้นเหรอ

    จูซม : คือว่า เราได้ข่าวว่ารัฐบาลกำลังจะกวาดล้างกลุ่มกบฏหน่ะ

    ชิสา : ใช่ พวกเขาเลยให้พวกเราหนีเข้าไปในตัวเมืองก่อนจะมีการปะทะกันหน่ะ

    ไคล่า : ว่าแต่ พวกเขาจะฆ่าชาวต่างชาติได้อย่างงั้นเหรอ

    ซายอน : ฉันว่าอาจจะฆ่าก็ได้นะ ฉันได้ยินว่าเคยมีนักข่าวต่างประเทศโดยทหารยิงตายด้วย

    ซนแซ : ไม่ว่ายังไง ฉันจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่เด็ดขาด

    จียอน : แต่ว่า โดนล้อมทุกด้านแบบนี้ เราจะออกไปได้ยังไงหล่ะ

    ยู่อี๋ : อย่าเพิ่งยอมแพ้สิ ฉันว่า เราน่าจะหนีเข้าไปในตัวเมืองตามที่คุณเทโจบอกดีกว่านะ

    ชิสา : คุณเทโจคะ ที่ค่ายของคุณปลอดภัยหรือเปล่าคะ

    เทโจ : ค่อนขางปลอดภัยอยู่ครับ

    ซนแซ : โอเค เราน่าจะลองแบบนี้นะ เราน่าจะเข้าไปในตัวเมืองก่อน แล้วค่อยไปขอความช่วยเหลือจากโลกภายนอกหน่ะ

    จียอน : ใครจะมาช่วยเราหล่ะ เมืองนี้โดนปิดหูปิดปากไปแล้วนะ

    ไคล่า : ยังไงก็ต้องลองดูก่อนสิ อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตรอดนะ

    ซายอน : ก็ได้นะ ฉันเองก็ไม่อยากไปโดนยิงตายข้างนอกเหมือนกัน // และในขณะเดียวกัน เสียงปืนใหญ่ก็ดังมาแต่ไกล เหมือนกับว่ารัฐบาลเริ่มจะการกวาดล้างแล้ว

    จูซม : ฉันว่าอย่ามัวแต่เสียเวลาเลย รีบไปกันดีกว่า

    ยู่อี๋ : จริงด้วย ไม่งั้นเราตายที่นี่กันหมดแน่

    ชินเฮ : คุณอันนาคะ มากับเราดีกว่านะคะ จะได้ปลอดภัย

    อันนา : ได้จ้ะ ยังไงพวกเธอก็ขึ้นรถฉันมาได้เลยนะ

    พวกผู้หญิงรีบขึ้นรถกระบะของอันนา ส่วนเทโจก็เตรียมคุ้มกันชาวบ้านคนอื่นๆให้หลบหนีเข้าไปยังตัวเมือง

     

    กลับมายังโกดังสินค้าของมาร์ค ในห้องนอนส่วนตัว มาร์คกับเวร่าทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง เวร่านอนกอดมาร์คจากนั้นก็สูบบุหรี่ไปด้วย จากนั้นพวกเขาก็นอนคุยกันต่อบนเตียงนุ่มๆ

    เวร่า : ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างคุณจะอึดได้ขนาดนี้

    มาร์ค : ทำไม เพิ่งเคยถึงครั้งแรกเหรอครับ

    เวร่า : เข้าเรื่องกันดีกว่า นายจะทำยังไงเรื่องการค้าในเมืองหล่ะ

    มาร์ค : เราจะขายของทุกอย่าง ขายให้ทุกฝ่าย และบางทีจะให้คนไปปล้นของมาด้วย

    เวร่า : ใช้ได้นี่ ว่าแต่โกดังของนายพอจะเก็บของๆฉันได้หรือเปล่าหล่ะ

    มาร์ค : มากกว่านี้ก็ได้ คุณเอามาก็แล้วกัน

    ในขณะเดียวกัน มีคนโทรศัพท์เข้ามาหามาร์ค ซึ่งนั่นก็คือลูกน้องของเขานั่นเอง เขาโทรหามาร์คเพราะรู้ว่าถ้ามาร์คล็อคประตู นั่นก็คือห้ามใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด

    นายครับ เราให้คนไปปล้นชาวบ้านแล้วครับ

    มาร์ค : เออ แล้วเป็นยังไงบ้างหล่ะ

    ก็สำเร็จนะครับ แต่ว่า มีพวกเราบางส่วนตายด้วย

    มาร์ค : ไม่เป็นไร แล้วได้ของมามากแค่ไหนหล่ะ

    คือว่า พวกมันคนหนึ่งรู้ว่าผมเป็นใคร แล้วรู้ว่าเราเป็นใครครับ

    มาร์ค : ถึงมันรู้แล้วทำอะไรได้หล่ะวะ แค่นี้นะ ฉันมีธุระ // มาร์ควางสายอย่างหงุดหงิด

    เวร่า : เกิดอะไรขึ้นอีกหล่ะ

    มาร์ค : ไม่มีอะไรหรอก ผมจัดการได้ เรามาสนุกกันต่อดีกว่า

    เวร่า : นี่ เรายังไม่ได้ตกลงธุรกิจกันเลยนะ

    มาร์ค : เสร็จแล้วค่อยคุยกันต่อก็ได้นี่หน่า

     

    กลับมายังเขตชานเมือง หลังจากที่ซีวิลขโมยอาหารมาได้ เขาก็เดินไปกินไป ระหว่างทางก็พยายามหลบกระสุนของพวกทหารด้วย ในระหว่างที่เขากำลังเดินอย่างสบายใจ จู่ๆก็มีเสียงปืนกลดังไล่หลังเขามา ทำเอาซีวิลต้องหาที่หลบ ขนมปังตกพื้น ที่ซีวิลก็ยังคว้าเอาจากพื้นขึ้นมาแล้วรีบหนีต่อ

    ไอ้บ้าเอ้ย จะยิงไปถึงไหนวะ

    พวกมันพยายามยิงกดซีวิลเอาไว้ ทำเอาเขาหาที่หลบอยู่แถวนั้น ไม่กล้าออกมาจากที่ซ่อน

    ออกมามอบตัวซะเดี๋ยวนี้

    ทหารพวกนั้นตะโกนให้เข้าออกมา แต่ซีวิลไม่ยอมออก เขาพยายามหนีเข้าไปในซอยแล้วหาทางลัดเลาะผ่านเข้าไปในเมือง แต่ในตอนนั้นเอง เขาเดินไปชนกับชายแก่ตาบอดคนหนึ่งแถวนั้น

    ขอโทษด้วยจ้ะ ลุงตาบอดหน่ะ อย่าว่ากันเลยนะ

    แต่ทหารก็ไล่ยิงตามซีวิลมา เขารีบหนีออกจากซอย ทหารพยายามยิงไล่แต่กระสุนพลาดไปโดนชายแก่ตาบอดคนนั้นจนล้มลง ทหารพวกนั้นเดินเข้าไปดูอาการของชายคนนั้นที่ถูกยิงในทันที

    ตายห่า รีบพาไปรักษาดีกว่าหว่ะ

    จะรักษาทำไมวะ

    ทหารคนหนึ่งยิงชายแก่คนนั้นจนตายคาที่ ทำเอาทหารอีกคนหนึ่งถึงกับตะลึง

    แกทำบ้าอะไรของแกวะ

    อยู่ไปก็เป็นภาระเปล่าๆหว่ะ

    ซีวิลได้โอกาสจึงหนีออกจากซอยนั้น โดยที่มีเด็กคนหนึ่งมาดึงเสื้อเขาเอาไว้

    พี่ครับ ช่วยพ่อผมด้วยครับ พ่อผมถูกยิง

    ซีวิลผลักเด็กคนนั้น  จากนั้นก็รีบหนีไป ทหารพวกนั้นตามไปจับเขาแต่ถูกยิงแทนซีวิล เด็กชายคนนั้นตายคาที่แต่ซีวิลหนีออกจากซอยโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

     

    กลับมายังเขตชานเมือง ซึ่งกลุ่มกบฏของทาเคชิได้รับคำสั่งให้มาคุ้มกันกลุ่มกบฏที่ถอยมาจากการกวาดล้าง พวกเขาแยกย้ายกำลังไปเตรีบรับมือพวกมัน ในตอนนั้นเอง เขาเห็นกลุ่มกบฏส่วนหนึ่งกำลังวิ่งหนีมา โดยที่ทหารของรัฐบาลก็ตามมากวาดล้างพวกเขาด้วย

    ทาเคชิ : ทุกคน ประจำตำแหน่ง เตรียมปะทะ เตรียมจรวด RPG ให้พร้อม

    ทุกคนเล็งอาวุธไปที่ทหารของรัฐบาล รอจนกว่ากลุ่มกบฏจะถอยมาจนครบทุกคน

    ทาเคชิ : เอาหล่ะ ยิงเลย

    พวกเขายิงปะทะกับทหารของรัฐบาลอย่างหนัก พวกมันโดนยิงไปหลายคนจนต้องไปหลบหลังรถถัง จากนั้นรถถังก็ยิงทั้งปืนใหญ่และปืนกลใส่พวกเขา

    ไซม่อน : มันยิงมาแล้ว ทุกคนหาที่หลบเร็ว // ในตอนนั้นไซม่อนเผลอล้มลง ทำเอาเขากริ๊ดแตกสนั่น คนอื่นๆต้องเอามืออุดหูไว้

    ฉันถูกยิง

    มีกัส : นายไม่ได้ถูกยิงเฟ้ย นายแต่สะดุดล้มหน่ะ รีบหนีเร็ว // มีกัสดึงตัวเขาขึ้นมา จากนั้นพวกเขาก็ซ่อนตัวอยู่แถวนั้น

    ซุนฮยอน : ดราก้อน จรวดของนายพร้อมนะ ต้องรีบยิงด่วนเลย

    ดราก้อน : รอให้พวกมันเข้ามาในระยะหน่อยสิ ใจเย็นๆ

    ริกโก้ : โธ่เอ้ย เรากำลังจะตายนะเฟ้ย รีบยิงซะทีสิ

    ดราก้อนยิง RPG ใส่รถถัง ทำเอารถถังไฟไหม้ทั้งคัน ทหารของรัฐบาลก็เริ่มถอย อัลเบิร์ตไล่ตามยิงพวกนั้นให้ตายมากที่สุด

    อัลเบิร์ต : ทุกคน พยายามตัดกำลังพวกมันให้ได้มากที่สุด

    มินโฮ : ใจเย็นๆ อย่าตามมันไปไกลมากนะเว้ย

    พวกเขาผลักดันทหารของรัฐบาลให้ถอยกลับไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นพวกเขาก็มารวมตัวกันตรงนั้น

    ไซม่อน : ในที่สุดมันก็ถอยจนได้ แต่มันคงกลับมาอีกไม่นานหน่ะ

    มีกัส : ไม่ต้องห่วงหรอก เราแค่ซื้อเวลาให้คนอื่นๆถอยได้ทันหน่ะ

    ริกโก้ : ว่าแต่ พวกเราถอยกันมาหมดทุกคนหรือยังเนี่ย

    ดราก้อน : คงถอยกันมาแล้วหล่ะ เท่าที่ดูก็ไม่มีใครมาอีกนะ

    อัลเบิร์ต : เฮ้อ ว่าแต่ เมื่อไหร่จะมีปาฏิหาริย์ขึ้นซะทีนะเนี่ย

    ซุนฮยอน : นี่ นายเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ยเพื่อน

    มินโฮ : ฉันเห็นด้วยกับอัลเบิร์ตนะ ตอนนี้เราโดนปิดล้อม ไร้ความช่วยเหลืออยู่ด้วย

    ทาเคชิ : อย่าเพิ่งคิดถึงอนาคตเลย ตอนนี้เก็บอาวุธพวกมันมาให้หมดก่อนดีกว่า

    พวกเขาเก็บอาวุธของฝ่ายรัฐบาลมาเท่าที่จะยึดได้ จากนั้นก็กลับไปยังฐานของพวกเขาทันที

     

    มาที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ในเขตใจกลางเมือง กลุ่มโจรกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปในร้านกาแฟเพื่อที่จะหาเสบียงหรือของใช้ที่จำเป็นเพิ่มเติม เนื่องจากพวกเขาต้องรีบหาของกินเพื่อที่จะมีชีวิตรอด

    หวังว่าจะมีอะไรให้พวกเรากินนะ

    แล้วมึงพากูมาร้านกาแฟเนี่ยนะ

    เอาน่า อย่างน้อยน่าจะมีอะไรให้พวกเราหน่ะ

    และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เห็นกล่องๆหนึ่ง พวกเขารีบไปค้นข้างใน เพื่อที่จะหาของกินในนั้น แต่ในตอนนั้นเองก็มีเด็กชายคนหนึ่งเดินมาเจอ พวกโจรตกใจมาก

    พวกพี่จะทำอะไร นั่นของๆผมนะเด็กคนนั้นบอกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

    ยุ่งอะไรไอ้หนู ไม่ใช่เรื่องของเด็กเฟ้ยพวกโจรกลุ่มนั้นบอกไป

    แต่มันเป็นเรื่องของฉันหว่ะ

    ชายปริศนาคนนั้นจัดการพวกโจรทั้งเตะและต่อยไปทีละคน กลุ่มโจรพยายามจะสู้กลับแต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากชายคนนั้นทั้งว่องไวและแข็งแกร่งกว่า ทำเอากลุ่มโจรถอยออกจากบ้านแทบไม่ทัน แต่ในตอนนั้นเอง มีโจรคนหนึ่งจับเด็กชายคนนั้นเอาไว้

    ถ้าเข้ามาอีกก้าวเดียว ไอ้เด็กนี่ตายแน่

    แต่ชายคนนั้นไม่หวั่นไหว เขาพยายามจ้องตาเด็กคนนั้น จากนั้นเด็กคนนั้นก็กัดมือของโจรคนนั้นจนร้องโหยหวน จากนั้นก็รีบวิ่งมา และชายคนนั้นก็เข้าไปหักคนโจรจนตายคาที่

    พ่อ ช่วยผมช้าจังเลยครับเนี่ยเด็กคนนั้นพูดกับชายปริศนา

    ขอโทษทีนะ อนาตาเซีย พ่อต้องเช็คให้แน่ใจหน่ะ

    ก็แหงะหล่ะนะ คุณพ่อเวสต์ต้องเช็คให้ถี่ถ้วนตลอดเวลา

    นี่ลูกแซวพ่อหรือไงเนี่ย นี่ครั้งที่สองแล้วนะของอาทิตย์นี้

    ผมบอกพ่อแล้วว่าให้รีบย้ายบ้านไปพ่อก็ไม่เชื่อ

    พ่อไม่อยากหนีอีกแล้ว ถ้าจะหนี ก็ต้องหนีทั้งชีวิต พ่อไม่เอาอีกแล้ว

    ผมเข้าใจครับพ่อ พูดแบบนี้กับผมครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ยอนาตาเซียพูดแบบเซงๆ

    แนะ ไปนอนเถอะไปลูก พ่อจัดการไอ้พวกนี้เองเขาไล่ลูกชายเขาไปนอน ส่วนตัวเขาก็จัดการลากพวกโจรออกไปจากร้านของตัวเอง

     

    กลับมายังอพาร์ทเม้นท์ของนอร์รีน ยูจีนเอาแต่นั่งเศร้าอยู่ในห้องของเธอที่เธอนอนกับซิลเวีย โดยที่เธอไม่ยอมคุยกับใครเลย เธอได้แต่คิดถึงหน้าไอ้คนที่มันทำกับซิลเวีย แต่เธอคิดชื่อมันไม่ออก แต่เธอต้องหาตัวมันให้ได้ ว่าตัวมันอยู่ที่ไหน ในตอนนั้นเองโทนี่ก็ออกมาจากห้องของยูจีนโดยที่คนอื่นๆก็กำลังรออยู่ด้านนอก

    เอสเทอร์ : โทนี่ พี่เธอเป็นยังไงบ้างอ่ะ

    โทนี่ : ยังไม่ยอมพูดกับใครเลยครับเนี่ย

    ไลฟ์ : ทุกคน รู้มั้ย ฉันคิดถึงพี่สตอร์มหน่ะ

    เอจิ : แต่ว่ายูจีนรู้นี่ ว่าใครเป็นคนทำแบบนี้ เราน่าจะไปแก้แค้นมันได้นะ

    มิสซึ : อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้นเลย เอาเรื่องว่าพรุ่งนี้เราจะรอดไปได้หรือเปล่าดีกว่ามั้ย

    อลิซ : ฉันจะหาอุปกรณ์ซ่อมแซมที่นี่แล้ว ฉันไม่ยอมให้พวกโจรมาทำอะไรเราอีกแล้ว

    นอร์รีน : คืนนี้ทุกคนไปนอนดีกว่านะครับ ผมไม่ง่วงหน่ะ ผมจะเฝ้ายามให้เอง

    มิเชล : ถ้างั้นฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเองนะ

    บารีร่า : ถ้างั้นคืนนี้หนูจะไปเฝ้าซีโร่เขานะคะ

    พวกเขาแต่ละคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน บางคนก็ต้องไปเฝ้ายามเพื่อที่จะเตือนเพื่อนคนอื่นไม่ให้รู้ว่ามีคนบุกเข้ามา

    ===================================================================

    สถานการณ์เลวร้ายลงทุกที พวกเขาจะเอาตัวรอดยังไงกันต่อไป ติดตามชมกันต่อตอนหน้าจ้า
    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×