คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 18 : สองฝ่ายเผชิญหน้า
นอร์ดิกควบม้าของเขามาจนถึงแนวรับของริงก้า
ในขณะนั้นเองทั้งอาร์เทมิส ซอลและเฟรย์อากำลังรอคอยเขาอยู่นานนักหนา
เมื่อนอร์ดิกมาถึงเขาก็ลงจากม้าแล้วเดินมาเจอทุกคนในทันที
นอร์ดิก : สวัสดีครับทุกคน
เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ
อาร์เทมิส : คุณนอร์ดิกคะ
ตอนนี้พวกโซราบอลกำลังเดินทัพมาค่ะ
ในระหว่างนั้นเอง ก็มีเสียงของทหารแถวนั้นตะโกนมา
“ปืนใหญ่ยิงมา หาที่กำบังเร็ว”
พวกเขารีบเข้าไปหลบในสนามเพลาะ
จากนั้นลูกปืนใหญ่ก็ยิงถาโถมใส่พวกเขาราวกับห่าฝน
ในตอนนั้นเองพวกเขาก็เก็บอาวุธเข้ามาไว้ในที่ปลอดภัยด้วย
ซอล : ดูเหมือนพวกมันต้องการจะถล่มที่นี่ให้ราบเลยแหะ
เฟรย์อา : นั่นสิ
ไม่รู้ว่าคนของฉันจะเป็นยังไงบ้างหล่ะเนี่ย
ลูกปืนใหญ่ตกลงมาราวกับห่าฝน
จนกระทั่งเสียงปืนใหญ่ก็หยุดลง พวกเขาก็ออกมาตรวจสอบความเสียหายในทันที
นอร์ดิก : คุณอาบาตู
ไปตรวจสอบดูว่ามีอะไรเสียหายหรือเปล่า แล้วค่อยมารายงานผมนะ
อาบาตู : ได้ครับคุณหนู
// อาบาตูรีบไปดำเนินการตรวจสอบในทันที
และในขณะเดียวกัน
กองพันของเมเทอร์กับฟีนด์ก็เข้ามาสมทบกับนอร์ดิกในทันทีในชั่วไม่กี่อึดใจ
เมเทอร์ : เฟรย์อา
เป็นอะไรมากมั้ย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า
เฟรย์อา : ฉันไม่เป็นไรหรอก
ดีนะที่เธอมาทันเวลาพอดี
ซอล : พวกคุณมีกำลังคนมากแค่ไหนกันครับ
ฟีนด์ : ตอนนี้ผมมีอยู่ราวๆ
8000 ได้ครับ รวมกับอาสาสมัครชาวมอร็อคด้วย
อาร์เทมิส : ดูเหมือนว่าตอนนี้เราคงต้องใช้ทุกอย่างที่มีแล้วหล่ะ
ฟีนด์ : คุณนอร์ดิกครับ
ท่านนายพลอาร์เทอร์จะนำกำลังมาเสริมด้วยครับ
นอร์ดิก : คุณอาร์เทอร์เหรอครับ
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมาด้วย
ซอล : สงสัยว่าพวกมันคงจะเกินกำลังของเราหล่ะมั้ง
และในขณะเดียวกัน
อาบาตูก็รีบวิ่งเข้ามารายงานสถานการณ์ความเสียหายในทันที
อาบาตู : คุณหนูครับ
คนของเราตายไปสองร้อย บาดเจ็บอีกสามร้อยครับ สนามเพลาะพังเสียหายหลายส่วนครับ
อาร์เทมิส : ดูเหมือนพวกมันจะยิงตัดกำลังพวกเราก่อนนะคะ
นอร์ดิก : รีบรักษาคนเจ็บโดยด่วน
แล้วรับซ่อมสนามเพลาะทันที ผมว่าพวกมันคงจะใกล้เข้ามาแล้วหล่ะ
อีกด้านหนึ่งของเมือง
เอลิซ่าและขบวนของเธอในขณะที่กำลังจะไปพบนอร์ดิก เธอได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังมาแต่ไกลและดังไม่หยุด ในตอนนั้นเองมันทำให้เธอหวั่นใจเล็กน้อย
เอลิซ่า : เสียงปืนใหญ่
นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
// เธอถามคนรับใช้ของเธอ
“สงสัยคงจะมีการรบกันหน่ะครับ”
เอลิซ่า : เสียงมันมาจากที่ไหนกันหล่ะ
“มาจากแนวหน้าครับ”
เอลิซ่า : สงสัยพวกเขากำลังรบกันอยู่หน่ะ
“แล้วจะเอายังไงต่อดีครับ”
เอลิซ่า : รีบนำขบวนของเราไปสมทบกับพวกเขาเดี๋ยวนี้เลย
ขบวนของอาร์เทมิสรีบเดินทางไปยังแนวหน้าเพื่อช่วยเหลือนอร์ดิกในทันที
และอีกด้านหนึ่งของป่า
ไม่ห่างจากจุดที่เอลิซ่าอยู่เท่าไหร่นัก เสียงปืนใหญ่ก็ดังไปถึงหูของอาร์เทอร์
ในตอนนั้นเองมันทำให้เขาร้อนใจ กลัวว่านอร์ดิกจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า
อาร์เทอร์ : ทหาร
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย
“ผมว่า พวกโซราบอลคงจะบุกประชิดชายแดนแล้วหล่ะครับ”
อาร์เทอร์ : ตอนนี้ทางเรามีทหารอยู่เท่าไหร่กันหล่ะ
“ตอนนี้เรามีอยู่หนึ่งแสน
แต่ทางด้านของท่านนอร์ดิกคงมีประมาณแสนกว่าหน่ะครับ”
อาร์เทอร์ : แค่นั้นคงต้านพวกโซราบอลได้ไม่นานแน่ๆ
รีบไปเสริมกำลังกับพวกเขาโดยด่วนเลย
“ได้ครับท่าน”
กลับมายังริงก้า
นิโคลัสกำลังเฝ้าดูทางรถไฟของเขาที่กำลังก่อร่างสร้างขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้มันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากกว่าที่เขาคิด ในตอนนั้นเขาเรียกวิศวกรของเขามาตรวจสอบในทันที
นิโคลัส : ตอนนี้ทางรถไฟของเราเป็นยังไงบ้าง
“ตอนนี้สำเร็จไปมากแล้วครับ
คาดว่าทางรถไฟจะส่งไปถึงฟิลล์บอนเร็วนี้ครับ”
นิโคลัส : เยี่ยมไปเลย
ไม่น่าเชื่อว่าผู้อพยพพวกนี้จะช่วยเราได้
“ว่าแต่
คุณไม่ลองทำทางรถไฟสายแคว้นเดลล์บ้างเหรอครับ”
นิโคลัส : คุณไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่เหรอครับ
ตอนนี้ยังรบกันอยู่เลย
“ไม่รู้ว่าสงครามนี้เมื่อไหร่มันจะจบสินะ”
นิโคลัส : ความจริงฉันไม่ค่อยอยากให้จบเท่าไหร่
ฉันกำลังจะขายอาวุธให้กับผู้นำริงก้าซะด้วย แล้วฉันมีแผนจะสร้างโรงงานอาวุธด้วย
“โรงงานอาวุธด้วยเหรอครับ”
นิโคลัส : แน่นอน
คุณนอร์ดิกต้องชอบมันแน่ๆ นายเตรียมแบบแปลนให้ให้พร้อมก็แล้วกัน
“ได้ครับ”
กลับมายังฟิลล์บอน
หลังจากที่เคจาและสการ์เล็ตกลับมาที่ค่ายทหาร
พวกเขาก็พบไซโซที่กำลังเตรียมอาวุธและม้าของเขา เพื่อออกตามห่านักโทษที่หลบหนี
เคจาไปถามไซโซในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
เคจา : ไซโซ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
ไซโซ : ก็ยัยทหารของแฟนพี่หน่ะสิหนีไปแล้ว
สการ์เล็ต : พอลลี่งั้นเหรอ
เธอหายไปไหนกันหล่ะ
ไซโซ : ผมก็ไม่รู้ครับ
เรากำลังออกตามล่าเธออยู่
สการ์เล็ต : อย่าทำอะไรเธอเด็ดขาด
ถือว่าฉันขอก็แล้วกัน
ไซโซ : ผมไม่รับประกันนะครับ
ว่าเธอจะไม่เป็นอะไร
เคจา : ถ้านายไม่อยากไป
ฉันไปเองก็ได้นะ
สการ์เล็ต : ฉันไปด้วย
ฉันจะไปพูดกับพอลลี่เขาเอง
ทั้งสามคนรีบเตรียมอาวุธและม้าของพวกเขาเพื่อออกตามล่าพอลลี่ที่หนีไป
และอีกด้านหนึ่งของเมือง บ้านของตระกูลดราโก้
ในตอนนั้นหนุ่มๆสองคนนั่งกลุ้มใจกันอยู่ ไม่รู้ว่าน้องชายคนเล็กตัวดีหายไปไหน
โคน่า : คุณแมทธิวคะ
ดูคุณเศร้าๆนะคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ
แมทธิว : ไม่รู้ว่าเจ้าเอเทอร์หายไปไหนของเขากันนะ
เลออน : กลับมาเมื่อไหร่หล่ะก็น่าดูเจ้าน้องคนนี้
อาเรียส : ใจเย็นๆสิคะ
น้องคุณอาจจะไปเดินเล่นแถวนี้ก็ได้
ดราโก้ : ถ้าอย่างงั้นผมจะลองติดต่อกับทหารริงก้าให้ช่วยเราหานะครับ
อาร่า : นั่นสิคะ
พวกเขาน่าจะช่วยเราได้อยู่นะ
คาลิมบ่า : แต่นี่มันก็มืดแล้ว
ไม่รู้ว่าเราจะหาเจอหรือเปล่านะครับ
ในขณะเดียวกันนั้นเอง
รถม้าของเอ็นและอาเรียก็มาจอดที่หน้าบ้านของดราโก้
จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปด้านในเพื่อทักทายทุกคนทันที
อาเรีย : สวัสดีค่ะทุกคน
ขอโทษนะคะที่ฉันมาช้า
อาร่า : อ้าว
อาเรียลูก ไปไหนมาเหรอถึงกลับมาช้าจัง
เอ็น : อ้อ
ผมอาสามาส่งเธอเองครับ ผมเอ็น เป็นพ่อค้าหน่ะครับ
ดราโก้ : ผมดราโก้ครับ
ยินดีที่ได้รู้จักครับ
โคน่า : แล้วแต่เรื่องของน้องคุณนี่จะเอายังไงต่อหล่ะคะ
แมทธิว : ผมว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากไซโซกับเคจาหน่ะครับ
อาเรียส : ฉันจำได้แล้ว
สองคนนั้นเป้นทหารของท่านนอร์ดิกนี่คะ แล้วเขามาประจำการที่นี่ด้วย
เลออน : ถ้างั้นอย่าเสียเวลาเลยครับ
ผมจะออกไปตามหาเขาเอง
คาลิมบ่า : ผมจะไปเตรียมรถม้าให้นะครับ
// พวกเขาเตรียมรถของพวกเขาเพื่อไปพบกับไซโซและเคจา
เพื่อให้ช่วยตามหาเอเทอร์ที่หายไป
ณ เขตทะเลทรายอันกว้างใหญ่ของฟิลล์บอน
ซิกนัสและเซเลนส์ตามรอยเท้าม้าไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดหนึ่ง
รอยเท้าม้าก็ถูกทรายกลบทับไปเกือบหมดแล้ว ทำเอาพวกเขาต้องปรึกษากันว่าจะทำยังไงกันต่อ
ซิกนัส : ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลบรอยเท้าม้ากันนะ
เซเลนส์ : ว่าแต่
พวกเขาจะไปที่ไหนกันต่อหล่ะ
ซิกนัส : พวกเขาต้องไปทางนั้น
มีโอเอซิสอยู่ ถ้าไม่อยากหิวน้ำตาย
เซเลนส์ : แล้วมันอยู่ไกลหรือเปล่าหล่ะเนี่ย
ซิกนัส : ไม่เท่าไหร่หรอก
พวกเขาน่าจะไปได้ไม่ไกล
เซเลนส์ : โอเค
งั้นเรารีบไปกันดีกว่า
พวกเขารีบควบม้าออกตามหาพอลลี่และเอเทอร์ที่ควบม้าหนีไปยังโอเอซิสต้องสงสัยในทันที
และที่โอเอซิสแห่งนั้น
หลังจากที่พอลลี่และเอเทอร์นั่งปรับทุกข์คุยกันอย่างหวานชื่น ทั้งคู่ต่างรู้ปูมหลังของกันและกัน
ทำให้ทั้งคู่เข้าใจกันและกันมากขึ้น ทั้งคู่นั่งใกล้กันริมน้ำอย่างสนิทสนมกันมาก
เอเทอร์ : เธอเป็นทหารที่ดีนะ
ฉันดีใจกับพ่อเธอด้วยจริงๆ // พอลลี่แอบมาเป็นทหารแทนพ่อของเธอ
เพราะพ่อเธอป่วยจนถึงขั้นสู้รบไม่ได้ เธอสร้างชื่อมาเรื่อยๆจนกลายมาเป็นทหารเอกของสการ์เล็ตจนได้
พอลลี่ : ความจริงฉันก็อยากจะอยู่แบบผู้หญิงทั่วไปนะ
เอเทอร์ : ฉันเข้าใจ
ชีวิตฉันก็เหมือนกัน เหมือนจะมีทุกอย่าง แต่ไม่รู้สิ เหมือนฉันขาดอะไรไปอย่างหน่ะ
พอลลี่ : ฉันเข้าใจ
ทุกคนมีสิ่งที่ขาดหายไปเสมอนั่นแหละ
เอเทอร์ : ถ้าเธอจะหนีไป
ฉันก็จะไม่ว่าเลยนะ ฉันจะปล่อยเธอไปเดี๋ยวนี้หล่ะ // พอลลี่จ้องหน้ากับเอเทอร์โดยไม่พูดอะไร
จากนั้นเอเทอร์ก็เผลอเอามือไปกุมมือของพอลลี่เอาไว้ ทำเอาหน้าแดงกันทั้งคู่
เอเทอร์ : เธอจะไม่หนีไปแน่นะ
พอลลี่ : ฉัน……. // เธออายและบิดเบี้ยวตัวไปมา
เธอไม่เคยหัวใจเต้นแรงแบบนี้เลย จากนั้นเอเทอร์ก็ลุกขึ้นในทันที
เอเทอร์ : ฉันจะกลับเมืองแล้ว
เธอจะไปด้วยหรือไม่ก็แล้วแต่เธอนะ // เอเทอร์ไปขึ้นม้าของเขา
ในระหว่างนั้นเอง พอลลี่ก็ขี่ม้าของเธอควบตามเอเทอร์มาด้วย
จากนั้นทั้งคู่ก็ขี่ม้าด้วยกันเพื่อกลับเมือง
ณ พระราชวังริงก้า ในขณะนั้นเอง
เนม่าก็อยู่คนเดียวเนื่องจากไม่มีคนช่วยดูแล ในระหว่างนั้นเอง
คาเนสก็เดินเข้ามาเอาอะไรให้เธอดื่ม เผื่อว่าจะช่วยเธอให้ผ่อนคลายลงบ้าง
คาเนส : คุณเนม่าครับ
ผมเอามาให้ดื่มหน่ะครับ
เนม่า : ปกติไม่มีใครกล้าเข้าห้องฉันนะ
ถ้าฉันไม่เชิญหน่ะ
คาเนส : เอาเป็นว่า
เป็นโอกาสพิเศษก็แล้วกันครับ // เนม่าหยิบเคริ่องดื่มของคาเนสมาดื่มอย่างชื่นใจ
เนม่า : ว่าแต่
คุณคาเนสไม่มีงานทำเหรอคะ
คาเนส : ไม่ต้องห่วง
งานผมให้ผู้จัดการดูแลแทนก็ได้
เนม่า : อ้อค่ะ
ยังไงก็ทำตัวตามสบายเลยนะคะ อยู่กับฉันหน่ะ
คาเนส : ได้ครับ
ขอบคุณคุณหนูมากนะครับที่กรุณา
และอีกด้านหนึ่งของเมือง
อราชรวบรวมชาวรูดิวและสมัครพรรคพวกคนอื่นๆที่อยากปลดแอกตนเองจากโซราบอล
พวกเขารวบรวมคนได้ราวๆหลายร้อยคน
ซึ่งพวกเขาจะตั้งเป็นกองโจรเพื่อจัดการทหารโซราบอลในทันที
อราช : โอลลี่
ตอนนี้คนของเรามีแค่ไหนหล่ะ
โอลลี่ : ตอนนี้ก็มีมากกว่าร้อยคนได้หล่ะ
อราช : เยี่ยมมากเลย
คงจะพอรบกับพวกมันหล่ะ
โอลลี่ : ว่าแต่นายจะรบยังไงกัน
พวกโซราบอลมีเป้นแสนเลยนะ
อราช : เราจะเล่นสงครามกองโจรกับพวกมัน
กดดันให้พวกมันลำบากจนอยู่ไม่ได้ครับ
โอลลี่ : ถ้าอย่างงั้น
ก็ต้องปล้นของพวกมันด้วยสินะ
อราช : เยี่ยมไปเลย
ความคิดเธอดีมากเลยนี่
โอลลี่ : ถ้าอย่างงั้น
เดี๋ยวฉันพาคนของฉันมาเสริมด้วยก็แล้วกันนะ
และที่ป่าแถบชายแดนริงก้า
มาร์ธิวเอาตัวเอ็ดเวิร์ดไปยังค่ายทหารชายแดนเพื่อพิจารณาโทษของเขา
พวกเขาเดินทางกันอย่างแข็งขันเพื่อไปให้ถึงที่หมาย แต่ในระหว่างนั้นเอง
เอ็ดเวิร์ดก็ใช้มีดเล่มเล็กที่เขาพกมาแอบตัดเชือกไปทีละน้อย จนกระทั่งเชือกหลุด
เขาก็จัดการกับทหารยามแถวนั้น จากนั้นก็ไปล็อคตัวมาร์ธิวในทันที
แล้วสั่งให้ทหารของมาร์ธิวถอยออกไป
“ถอยไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันฆ่ามันแน่” คนของมาร์ธิวจำเป็นต้องถอยกลับไป
เอ็ดเวิร์ดลากมาร์ธิวเข้าไปในป่า พวกเขาเดินเข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาร์ธิวขัดขืน
จากนั้นพวกเขาก็นัวเนียกันไปมา จนเผลอล้มทั้งคู่
ร่างของเอ็ดเวิร์ดไปคร่อมร่างของมาร์ธิวเอาไว้ ตาของทั้งคู่จ้องประสานกัน
จากนั้นเอ็ดเวิร์ดไปเผลอจูบปากของมาร์ธิวอย่างไม่รู้ตัว มาร์ธิวไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
มาร์ธิว : นี่นาย
นายจะทำอะไรฉันหน่ะ
เอ็ดเวิร์ด : ฉันไม่รู้
ทำไมฉันถึงทำแบบนั้น ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย // เอ็ดเวิร์ดจ้องตามองมาร์ธิวอย่างหวานชื่น
แต่ก็ได้ไม่นาน ทหารของมาร์ธิวมาลากตัวเอ็ดเวิร์ดไป
จากนั้นพวกเขาก็มาช่วยมาร์ธิวในทันที
“ท่านครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
มาร์ธิว : ไม่เป็นไร
พวกนายทำเขาเจ็บ มัดเขาเหมือนเดิมซะ อย่ารุนแรงหล่ะ
ทหารของมาร์ธิวจัดการมัดเอ็ดเวิร์ดไว้แบบเดิม
มาร์ธิวลูบปากของเขาจากนั้นก็เคลิ้มไปซักพักหนึ่ง
“ท่านครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
มาร์ธิว : ไม่เป็นไรหรอก
เดินทางกันต่อเถอะ // จากนั้นขบวนของมาร์ธิวก็ออกเดินทางต่อ
และที่ชายแดนแคว้นเดลล์
กองทัพของนายพลบูลก็เคลื่อนทัพเข้าใกล้ริงก้าเรื่อยๆเพื่อหนีจากทหารโซราบอล
นายพลบูลใช้เส้นทางลับที่ทหารริงก้าจะไม่สังเกต ในระหว่างนั้นเอง กองทัพของนายพลบูลก็มาตั้งค่ายกันที่ยิดเขาแห่งหนึ่ง
ซึ่งพวกเขามองเห็นสมรภูมิรบของริงก้าและโซราบอลด้วย
นายพลบูลใช้กล้องส่องทางไกลมองออกไปอย่างใจเย็น
“ท่านครับ กำลังมองหาอะไรอยู่ครับ”
บูล : ดูสมรภูมิ
ริงก้ากับโซราบอลคงจะปะทะกันเร็วๆนี้
“ว่าแต่ เราจะส่งกำลังบุกไปช่วยริงก้าดีหรือเปล่าครับ”
บูล : อย่าเพิ่งทำอะไรทั้งนั้น
พวกมันยังไม่สนใจเรา อย่าทำให้ไก่ตื่นดีกว่า
“ครับท่าน แต่เสียงปืนใหญ่ดังทั้งวันทั้งคืนแบบนี้
พวกโซราบอลน่าจะทุ่มกำลังเต็มที่นะครับ”
บูล : ไม่ต้องห่วง
พวกริงก้าไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก เชื่อฉันได้เลย ตอนนี้ทหารของเราเป็นยังไงบ้าง
“ยังปกติอยู่ครับท่าน”
บูล : โอเค
ไปเตรียมอาวุธให้พร้อม เผื่อว่าพวกมันอาจจะส่งคนมาล่าเรา
“ได้ครับท่าน”
อีกด้านหนึ่งของสมรภูมิ
โซรอนนำทหารโซราบอลของเขามาใกล้ชายแดนริงก้ามากขึ้น จนตอนนี้พวกเขาได้ยิงปืนใหญ่ถล่มแนวรับของริงก้าทั้งวันทั้งคืนแล้ว
และพวกเขายังเคลื่อนทหารตั้งแนวพร้อมจะบุกเข้าไปอีกต่างหาก
โซรอน : คูเปอร์
ตอนนี้ทหารของเราพร้อมหรือยัง
คูเปอร์ : ทหารของเราประชิดชายแดนพร้อมจะบุกเข้าไปแล้วครับ
โซรอน : ตอนนี้เราต้องยิงถล่มแนวรับของพวกมันก่อน
ก่อนที่จะให้ทหารราบบุกเข้าไป
คูเปอร์ : ท่านครับ
ผมว่าการรบครั้งนี้อาจจะไม่ง่ายเลยนะครับ
โซรอน : เหตุผลหล่ะคูเปอร์
คูเปอร์ : พวกนั้นมีกำลังรบพอๆกับเรา
มีอาวุธที่ทันสมัยพอๆกับเรา แถมยังตั้งมั่งไม่ยอมถอยอีก
แบบนี้ท่าจะลำบากแล้วหล่ะครับ
โซรอน : ยังไงซะ
ทหารของเราก็เยอะกว่า จะกลัวอะไรหล่ะ
คูเปอร์ : ผมว่า
เราน่าจะโจมตีตอนกลางคืนดีกว่านะครับ โจมตีตอนพวกมันไม่รู้ตัวหน่ะครับ
ตาร์ก : ผมเห็นด้วยนะครับ
เราน่าจะลองโจมตีพวกมันโดยไม่ทันรู้ตัว
โซรอน : ท่านเนโรต้องการให้เรายึดริงก้าโดยเร็ว
ทำแบบนั้นจะเสียเวลาเปล่าน่า ยังไงทหารเราก็มากกว่าพวกมัน
ในตอนนั้นเอง
ทหารนายหนึ่งก็วิ่งเข้ามารายงานสถานการณ์กับนายพลโซรอนทันที
“ท่านครับ ตอนนี้ท่านนายพลเนโรกำลังจะมาที่นี่ครับ”
โซรอน : เนโรหายดีแล้วงั้นเหรอ
ถ้าอย่างงั้น คงต้องรีบจัดการบุกพวกมันก่อนที่ท่านนายพลจะมา ไม่งั้นเราจะเสียหน้าที่โจมตีพวกมันไม่ได้
สั่งการไปเลยคูเปอร์ บุกเมื่อฉันสั่ง
คูเปอร์ก้มหน้ารับคำสั่งไป
แต่ดูเหมือนว่าในใจเขาจะมีแผนอะไรอยู่นะ
ที่คฤหาสน์ของมาร์ธ่า ในขณะเดียวกันนั้นเอง
ซิลเวียรรีบเข้าไปในห้องของเธอเพื่อเขียนจดหมายเตือนนอร์ดิก
ว่านายพลเนโรกำลังจะกลับมาบัญชาการแล้ว แต่ยังไม่ทันที่เธอจะหยิบปากกาเขียน
มาร์ธ่าและซาร่าก็เดินเข้าในห้องเธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
มาร์ธ่า : ซิลเวียร์
เธอเขียนจดหมายถึงใครอยู่เหรอ
ซิลเวียร์ : หนูต้องรีบเตือนนอร์ดิก
ก่อนที่เขาจะเป็นอะไรไปหน่ะ
ซาร่า : แล้วเธอจะส่งมันไปยังไงเหรอจ๊ะ
ซิลเวียร์ : หนูคงต้องยืมนกพิราบของคุณหญิงหน่อยค่ะ
มาร์ธ่า : ฉันว่าเธอรีบเขียนก่อนดีกว่านะจ๊ะ
ซิลเวียร์ไม่รอช้าเขียนจดหมายเตือนนอร์ดิกในทันที
ก่อนที่นายพลเนโรจะกลับไปยังสนามรบของเขา
เธอใช้เวลาไม่นานจากนั้นก็ได้จดหมายฉบับน้อยที่จะส่งให้นอร์ดิก
ซิลเวียร์ : หนูว่าต้องรีบส่งด่วนเลยนะคะ
ซาร่า : ถ้างั้นรอพี่แป๊ปนึงนะ
// ซาร่ารีบไปหยิบนกพิราบในกรงมาให้กับซิลเวียร์
ก่อนที่ซิลเวียร์จะสอดจดหมายเข้าไปในเท้าของมัน
จากนั้นก็เอาไปปล่อยที่หน้าต่างในทันที นกตัวนั้นบินออกไปอย่างรวดเร็ว
มาร์ธ่า : หวังว่ามันจะส่งไปถึงนอร์ดิกโดยเร็วนะ
ซาร่า : นั้นสิคะคุณแม่
หนูกลัวว่ามันจะเป็นอย่างที่หนูคิดจริงๆ
กลับมายังริงก้า
ในขณะนั้นขบวนคาราวานของชาวเยอรมันก็อพยพลงมาเรื่อยๆ
เพื่อไปยังเขตเช่าชั่วคราวของพวกเขา ในตอนนั้นเอง แอนตาร์กติกก็เกิดนึกอยากจะทำอะไรบางอย่าง
ในตอนนั้นเธอเรียกประชุมเหล่าทหารเรือของเธอในทันทีระหว่างทาง
แอนตาร์กติก : เอาหล่ะ
ทหารทุกท่าน ฉันมีงานให้ทุกคนทำ
“มีอะไรครับท่าน พวกเราพร้อมจะรับคำสั่งครับ”
แอนตาร์กติก : ฉันคิดว่า
ฉันจะช่วยริงก้าสู้รบหน่ะ
“ท่านทูตสั่งมาหรือเปล่าครับ”
แอนตาร์กติก : เราจะไม่ทำในนามของประเทศ
เราจะทำของเราเอง
“ทำแบบนั้นทางเบอร์ลินจะไม่พอใจเอานะครับ”
แอนตาร์กติก : พวกเขาเป็นพันธมิตรเรา
อีกไม่นานนี่หรอก ยังไงทางเยอรมันก็ต้องจัดการกับโซราบอลอยู่ดี
เพราะพวกนั้นทำลายสถานทูตเรา
“ผมขอค้านหน่อยครับ สงครามครั้งนี้ไม่ใช่สงครามของเราซะหน่อยนี่ครับ”
แอนตาร์กติก : ถ้าแบบนั้น
เราก็คงต้องอพยพออกจากริงก้าด้วย เพราะตอนนี้เราอาศัยแผ่นดินเขาอยู่
“ผมว่า เรารอคำสั่งจากทางเบอร์ลินก่อนดีกว่านะครับ”
แอนตาร์กติก : ฉันรู้
แต่ถ้าใครไม่อยากไป ฉันไม่ห้ามหรอกนะ // ไม่มีทหารคนไหนกล้าขัดคำสั่งเธอ
จากนั้นเองเธอก็นำกำลังพลของเธอไปยังจุดจอดเรือรบ
เพื่อที่จะออกเรือรบกับทหารโซราบอล
และอีกด้านหนึ่ง เขตเช่ารัสเซียในริงก้า
ชาวรัสเซียที่อพยพกันอย่างต่อเนื่องก็ไปพักผ่อนด้านในเขตเช่า ส่วนอาวุธที่ยึดมาได้
พวกเขาก็เอาไปเก็บในโกดังแห่งหนึ่งที่มีทหารยามเฝ้าอย่างแน่นหนา
ราวกับว่าจะไม่ยอมให้แม้แต่แมลงวันตัวเดียวเข้าไปด้านใน
โทมารอฟ : ตอนนี้ที่นี่รักษาความปลอดภัยมากแค่ไหน
“เรามีทหารร้อยกว่านายเฝ้าที่นี่อยู่ครับ
และยังสร้างเครื่องกีดขวางเพื่อเติมด้วย”
โทมารอฟ : แล้วยังไงต่อหล่ะ
“ไม่ว่ายังไง พวกมันก็เข้ามาไม่ได้แน่นอนครับ”
โทมารอฟ : หลายคนก็พูดแบบนี้
แต่อเล็กซ์สกี้มันก็ทำสำเร็จทุกที
“ไม่ต้องห่วงครับท่าน ยังไงเราก็จัดการได้ครับ”
โทมารอฟ : ตอนนี้เจอตัวอเล็กซ์สกี้หรือยัง
“สายข่าวของเราแจ้งมาว่ามันกบดานอยู่แคว้นบาส์กครับ”
โทมารอฟ : นั่นไม่ใช่พื้นที่ของเรา
แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องจับตัวมันมาให้ได้
“ครับท่าน เรากำลังพยายามอยู่ครับ”
โทมารอฟ : ก็คงต้องเป็นแบบนั้นหล่ะ
กลับมาที่แคว้นบาส์ก โรงน้ำชาของอี้ชิง
ในระหว่างที่เธอกำลังนั่งสูบฝิ่นอยู่ ในตอนนั้นเอง อเล็กซ์สกี้ก็มาขอพบเธอ เธอแต่งตัวแล้วก็รีบไปต้อนรับเขาในทันที
อี้ชิง : สวัสดีค่ะคุณอเล็กซ์สกี้
มาที่นี่บ่อยจังเลยนะคะ
อเล็กซ์สกี้ : ผมต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ กบดานซักพักนึงหน่ะ
อี้ชิง : หรือว่าคุณติดใจอะไรที่นี่เหรอคะ
แต่ช่างมันเถอะ คุณมาที่นี่คงจะเป็นเรื่องอาวุธที่ถูกยึดไปสินะ
อเล็กซ์สกี้ : แน่นอน
เธอนี่รู้ใจฉันจริงๆเลย
อี้ชิง : ตอนนี้ฉันให้คนของฉันตามรอยอาวุธพวกนั้นไปอยู่
ไม่ต้องห่วงไปหรอก
อเล็กซ์สกี้ : แล้วคุณมีแผนยังไงล่ะ
อี้ชิง : คนของฉันจะชิงอาวุธออกมา
จากนั้นคุณก็เอาเรือของคุณไปรับตามที่ๆฉันบอกก็แล้วกัน
อเล็กซ์สกี้ : เธอแน่ใจนะว่าจะได้ผล
อี้ชิง : แน่นอนสิคะท่าน
ฉันรับรองด้วยร่างกายอันขาวผ่องของฉันเลย // จากนั้นเธอก็เอาตัวลูบไล้ยั่วยวนเขา
อเล็กซ์สกี้ : เธอนี่มันอสรพิษจริงๆ
ฉันชอบ ถ้าเธอทำได้ ฉันจ่ายเธอไม่อั้นเลย
อี้ชิง : อย่างลืมที่พูดนะคะท่าน
// จากนั้นเองก็เธอก็เดินออกไปจากโรงน้ำชา
อเล็กซ์สกี้ : เธอจะไปไหนกันหน่ะ
อี้ชิง : ฉันต้องไปคุมการส่งฝิ่นจากอังกฤษที่จะมาที่นี่หน่ะ
กลับมายังบ้านของนายพลจอร์จ
นายพลจอร์จมีคำสั่งให้ส่งเสบียงและอาวุธเพิ่มเติมให้กับทหารโซราบอล
เขาเป็นคนคุมส่งเสบียงด้วยตนเอง เนื่องจากว่านายพลโซรอนให้ข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้กับเขา
จากนั้นไม่นานเขาก็ตรวจสอบเสบียงที่จะส่งออกไปทันที
จอร์จ : ตอนนี้เรามีเสบียงที่จะส่งได้เท่าไหร่หล่ะ
“ครับท่าน เรามีเสบียงที่พอจะรบได้ 5 เดือน
อาวุธเบาและปืนใหญ่อีกจำนวนหนึ่งให้พวกเขาครับ”
จอร์จ : เยี่ยมมาก
แค่นี้พวกโซราบอลคงจะทำได้อยู่แล้วหล่ะนะ
“ว่าแต่ท่านครับ
ท่านจะเข้าร่วมสงครามจริงๆเหรอครับ”
จอร์จ : ก็อย่าให้ใครรู้สิว่าเราจะเข้าร่วมหน่ะ
เรื่องนี้ต้องเก็บไว้อย่างลับๆนะ
“ครับท่าน ทางผมจะรีบจัดการเองครับ”
จอร์จ : ว่าแต่
นายพอจะมีนายทหารที่จะส่งไปช่วยพวกเขาหรือเปล่า
“เรามีนาวิกโยธินส่วนหนึ่งพร้อมจะช่วยเหลือครับ”
จอร์จ : ดีมาก
ไปจัดการตามนั้น แต่อย่าให้ใครรู้หล่ะว่าเป็นฝีมือเรา
ทางด้านของแพททรีเซีย
ในตอนนั้นเองเธอเข้าไปในเมืองหลวงแคว้นเดลล์เพื่อหาอะไรดื่ม เธอหาร้านเงียบๆและเป็นส่วนตัวสำหรับเธอ
ในตอนนั้นเองเธอเดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วก็สั่งเหล้ามาดื่ม
“ขอวอดก้าแก้วนึง”
หลังจากที่บาร์เทนเดอร์ยื่นเหล้าให้เธอ
เธอก็ดื่มหมดในทันที บาร์เทนเดอร์ถึงกับสงสัยเลยถามเธอไป
“นี่คุณผู้หญิงเครียดเรื่องอะไรครับ”
แพททรีเซีย : ทำไมถึงถามแบบนั้นหล่ะ
“คุณดื่มซะขนาดนั้นไม่เครียดก็แปลกแหละ”
แพททรีเซีย : เฮ้อถามหน่อยสิ
นายเคยทะเลาะกับพ่อตัวเองหรือเปล่า
“เคยสิครับ
ผมนี่ก็หนีออกจากบ้านมาหางานทำในเมืองนี่แหละ”
แพททรีเซีย : ว่าแต่
ทะเลาะกันเรื่องอะไรหล่ะ
“พ่ออยากให้ผมเป็นทหารหน่ะ แต่ผมไม่ชอบฆ่าคน
ก็เลยหนีออกมาครับ”
แพททรีเซีย :
นี่ยังมีผู้ชายในโลกที่ไม่ชอบฆ่าคนเหรอเนี่ย
“แหม่ ก็มีสิครับ
ว่าแต่คุณไปทะเลาะกับพ่อคุณเรื่องอะไร”
แพททรีเซีย : เรื่องมันซับซ้อนหน่ะ
นายไม่เข้าใจหรอก
“อ่ะครับ
ถ้าอย่างงั้นผมเลี้ยงเหล้าคุณแก้วหนึ่งก็แล้วกัน” เขารินเหล้าให้เธอจากนั้นก็ยื่นให้
แพททรีเซีย : ขอบใจมากๆเลยนะ
และทางด้านของแมทธิว
ที่กำลังออกเดินทางไปพร้อมกับเพื่อนใหม่ของเขา เพื่อไปหาอเล็กซ์สกี้ที่แคว้นบาส์ก
ในตอนนั้นเองพวกเขาต้องผ่านฟิลล์บอนซึ่งกำลังรบกันอย่างหนัก
ระหว่างที่พวกเขากำลังนั่งรถม้าเดินทางกัน พวกเขาก็มองเห็นการรบระหว่างทหารริงก้าและโซราบอลกันอยู่ด้านล่างของภูเขา
พวกเขาจึงหยุดดูการต่อสู้ราวกับว่ามันเป้นแค่การแสดงอย่างหนึ่ง
“นี่ นายว่าการรบครั้งนี้มันจะเป็นยังไง” เขาถามแมทธิวโดยที่เอาบุหรี่มาสูบด้วย
แมทธิว : ฉันว่าโซราบอลเริ่มจะตกที่นั่งลำบากแล้วหล่ะ
“ฉันก็คิดแบบนั้น ได้ยินว่าผู้นำริงก้าคนใหม่เป็นเด็กอ่อนประสบการณ์
เราน่าจะหาประโยชน์จากมันได้”
แมทธิว : ว่าแต่
เราคุยกันมาตั้งนาน ฉันยังไม่รู้ชื่อของนายเลยนะ
“จริงด้วย ฉันลืมบอกนายเลย ฉันคอสกาย่า
ยินดีที่ได้รู้จัก”
แมทธิว : ว่าแต่
อีกไกลมั้ยเนี่ยกว่าเราจะถึงเนี่ย
“ไม่ไกลเท่าไหร่หรอก
แต่ว่าเราอาจจะต้องพักกันที่นี่หน่ะ”
แมทธิว : เข้าใจหล่ะ
ฉันเองก็เริ่มง่วงแล้วเหมือนกัน
พวกเขาสั่งให้คนรับใช้ทำเต้นท์ค้างแรมให้ชั่วคราวและก่อกองไฟแถวนั้น
เพื่อตั้งแคมป์พักผ่อนก่อนจะออกเดินทางในวันถัดไป
ณ โบสถ์ลึกลับในแคว้นริงก้า กลุ่มต่อต้านศาสนจักรยังคงรมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมต่อต้านกลุ่มศาสนจักรในโซราบอล
ซึ่งพวกเขาได้ต้อนรับสมาชิกใหม่จากทั้งริงก้าและโซราบอลที่หนีจากการตามล่ามา
ในตอนนี้พวกเขามีสมาชิกราวสิบกว่าคนได้
จากนั้นไม่นานพวกเขาก็ประชุมกันถึงเรื่องการรับสมาชิกใหม่เหล่านั้น
ชาร์ลี : พี่คะ
เริ่มมีสมาชิกใหม่มาเรื่อยๆ เราคงต้องคุยกับพวกเขาหน่อยหล่ะ
เดลต้า : นั่นสิพี่
ตอนนี้เราก็ไม่ได้อยู่แบบโดดเดี่ยวแล้วสินะ
เบต้า : แล้วแต่
ตอนนี้สมาชิกของเรามาจากไหนกันบ้างหล่ะ
อัลฟ่า : ตอนนี้ที่มาอยู่กับเราก็มีทั้งจากริงก้าและโซราบอล
ส่วนแคว้นอื่นยังไม่มีหน่ะ
โอเมก้า : ถ้าอย่างงั้น
เราไปเยี่ยมสมาชิกของเราหน่อยดีกว่า
พวกเขาออกจากห้องของพวกเขาเพื่อไปพบปะกับสมาชิกใหม่สิบกว่าคน
ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะดีใจมากที่ได้เจอกับกลุ่มต่อต้านนี้
“ใครเป็นหัวหน้ากันครับ” ชายคนหนึ่งได้สอบถาม โอเมก้าได้ตอบเข้าไปทันที
โอเมก้า : ผมเป็นหัวหน้าของสมาคมครับ
มีอะไรครับ
“ผมมาจากโซราบอล ตอนนี้พวกศาสนจักรกำลังเหิมเกริม
ฉวยโอกาสยามสงครามกดขี่พวกเรา เราทนไม่ได้จึงหนีมาที่นี่ครับ”
เดลต้า : ตอนนี้พวกเราต้องสามัคคีกัน
อย่ายอมแพ้ ไม่งั้นพวกมันจะกดขี่เราตลอดไปนะครับ
ชาร์ลี : หวังว่าผู้นำคนใหม่ของริงก้าคงจะทำอะไรได้บ้างนะคะ
“เราได้ยินว่าผู้นำริงก้าคนใหม่นี่ถอดแบบมาจากนายพลเตเวียสเลยนะครับ
เขาน่าจะช่วยพวกเราได้”
เบต้า : เฮ้อ
พูดถึงนายพลเตเวียส ความจริงเราน่าจะไปเยี่ยมเขาก่อนตายนะครับ
อัลฟ่า : นี่
เรื่องมันผ่านมาแล้ว พวกนายไม่ต้องรื้อฟื้นมันหรอก เอาเป็นว่า
พวกคุณเป็นสมาชิกของเราแล้วนับจากนี้
เราจะต่อต้านอำนาจศาสนจักรจนกว่าพวกนั้นจะยอมแพ้เราครับ
กลับมายังแคว้นบาส์ก ค่ายทหารโซราบอล
ในขณะที่มีการตรวจตราและสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านอย่างเข้มงวด
ในขณะนั้นเองกลุ่มโจรสลัดของลอเรนซ์ก็ลอบเข้าไปฆ่าทหารโซราบอล
จากนั้นพวกเขาก็รีบช่วยชาวบ้านที่ถูกทรมานบางส่วนให้หลบหนีออกมา
ลอเรนซ์ : นี่
เธอเห็นแพทกับเมดหรือเปล่า บอกฉันหน่อยสิ
“ฉันเห็นเธอสองคนโดนสอบสวนที่บ้านพักนายทหารที่นี่หน่ะ”
“แล้วเราจะเอายังไงต่อดีครับ” ลูกน้องของลอเรนซ์ถาม
ลอเรนซ์ : เราต้องรีบไปช่วยสองคนนั้น
ฉันไม่ยอมให้สองคนนั้นเป็นอะไรเพราะฉันหรอก // ลอเรนซ์รีบหยิบอาวุธแล้วบุกเข้าไปที่บ้านพักนายทหารด้านในทันที
ทางด้านของสามสาว เธอนอนด้วยกันในห้องพักห้องใหญ่ของสกายและอาร์มเมอร์
ทั้งคู่ดูแลสามสาวที่มาเข้าพักเป็นอย่างดี โดยที่ทั้งสามสาวก็ไม่มีการขัดขืนอะไรแต่อย่างใดเลย
โรส : ขอบคุณมากนะคะสำหรับที่พักของพวกคุณ
สกาย : ไม่ต้องห่วงหรอกครับ
พวกคุณจะได้รับความคุ้มครองแน่นอน
เมด : ฉันรู้ว่านายทำตามหน้าที่
แต่นายคิดว่าพวกอเมริกันจะเคารพนายงั้นเหรอ
อาร์มเมอร์ : ถ้าพวกมันไม่เกรงใจลูกปืนฉันก็ลองดูสิ
แพท : ฉันพูดจริงนะ
ตอนนี้นายก็รู้ว่าพวกนั้นเป็นยังไง
ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงกุกกักๆดังมาจากด้านล่าง
สกายและอาร์มเมอร์หยิบปืนลงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น และในตอนนั้นเอง
ลอเรนซ์ก็บุกเข้าไปช่วยแพทกับเมดที่อยู่ด้านบน
แต่สกายและอาร์มเมอร์ก็ไม่ให้เธอผ่านไปง่ายๆ
สกาย : นี่เธอเป็นใคร
มาบุกบ้านฉันได้ยังไงเนี่ย
ลอเรนซ์ : ปล่อยคนของฉันมาเดี๋ยวนี้
ไม่งั้นพวกนายตายแน่
ทั้งสามคนตะลุมบอนกันอยู่พักหนึ่ง
เนื่องจากว่ามีฝีมือกันทั้งสามคน ทำให้กินกันไม่ลงเลย
อาร์มเมอร์ : บ้าเอ้ย
ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย โคตรอึดเลย
และในตอนนั้นเอง สามสาวที่อยู่ด้านบนก็ลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
แพท : คุณลอเรนซ์คะ
คุณยังไม่ตาย
ลอเรนซ์ : สาวๆ
ไม่ต้องห่วงนะ ฉันมาช่วยพวกเธอแล้ว
เมด : ใจเย็นนะคะ
พวกเขาไม่ได้ทำอะไรพวกเราหรอกค่ะ
โรส : ใช่
พวกเขาช่วยให้ที่พักกับเรา แล้วก็คุ้มครองเราด้วยค่ะ // ลอเรนซ์แปลกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีเวลาสงสัยอะไรมาก
ในขณะเดียวกัน
ก็มีเสียงทหารด้านนอกกำลังบุกเข้ามาช่วยสกายกับอาร์มเมอร์ที่อยู่ด้านใน สถานการณ์เริ่มบีบคั้นพวกเขาเข้าไปทุกขณะ
ลอเรนซ์ : แย่แล้ว
พวกนั้นกำลังจะมาแล้ว
เมด : พวกนาย
เราขอไปจากที่นี่นะ
สกาย : นี่
เธอจะหนีไปไหน อย่าเด็ดขาดเชียวนะ
แพท : พวกฉันขอร้องหล่ะ
ช่วยพวกฉันอีกซักครั้งเถอะนะ
อาร์มเมอร์ : จะให้ช่วยอย่างงั้นเหรอ
จากนั้นไม่นาน
ทหารก็บุกเข้ามาช่วยสกายและอาร์มเมอร์ที่อยู่ด้านใน
ทหารพบเขาทั้งคู่กำลังนอนบาดเจ็บอยู่ ทหารพวกนั้นจึงรีบไปช่วยเขา
“ท่านครับ เกิดอะไรขึ้นครับ”
สกาย : มีพวกโจรบุกบ้านฉันหน่ะ
ตอนนี้พวกมันหนีไปแล้ว
“พวกมันหนีไปทางไหนครับท่าน”
อาร์มเมอร์ : ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน
เอาเป็นว่าไปตรวจสอบความเสียหายซะ ฉันสองคนขอไปนอนพักก่อนหล่ะ
จากนั้นทั้งคู่ก็รีบปลีกตัวจากทหารพวกนั้นขึ้นไปนอนบนห้องพวกเขาทั้งคู่ทันที
กลับมายังริงก้า
หลังจากที่มีการซ่อมแซมแนวรบได้ไม่นาน
ในตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้รับสัญญาณเตือนมาแต่ไกล
“ข้าศึกบุกมาแล้ว ข้าศึกบุกมาแล้ว”
นอร์ดิก : แย่แล้ว
รีบสั่งให้ทหารเข้าประจำที่ด่วนเลยครับ
หลังจากที่มีคำสั่ง
ทหารริงก้าก็เข้าไปประจำการในสนามเพลาะ และในขณะเดียวกัน ทหารโซราบอลก็เคลื่อนพลเหยียบแผ่นดินริงก้าแล้ว
นอร์ดิก : ทุกคน
เตรียมใจให้พร้อม จากนี้สงครามของจริงกำลังจะเริ่มแล้ว
และอีกด้านหนึ่ง
นายพลโซรอนก็มองดูแนวรับของทหารริงก้าอย่างยิ้มเยาะ
เนื่องจากว่าทหารริงก้าที่มาสกัดพวกเขานั้นค่อนข้างบางเบาเมื่อเทียบกับทหารของเขา
โซรอน : ทหารทุกนาย
บุกได้
หลังจากที่นายพลโซรอนมีคำสั่งและยิงปืนขึ้นฟ้า
ทหารโซราบอลนับแสนก็บุกข้ามพรมแดนไปในทันที
=================================================================
ทหารริงก้าและทหารโซราบอลกำลังจะเตรียมปะทะกันครั้งใหญ่อีกครั้ง สงครามนี้จะเป็นอย่างไรต่อ ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆๆ
คืนนี้เคาท์ดาวน์ที่ไหนครับทุกคน
ความคิดเห็น