คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ตอนที่ 16 : รับศึกโซราบอล
กองเรืออังกฤษแล่นมาจอดยังน่านน้ำของริงก้า
พวกเขาใช้กล้องส่องทางไกลตรวจสอบแนวป้อมริมน้ำของริงก้า
พวกเขาเห็นทหารริงก้าพากันถอยทัพ ทำเอาพวกเขาแปลกใจอยากมาก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย พวกมันถอยทำไม”
“ลองยิงปืนใหญ่ถล่มพวกมันดูสิ”
เรือปืนของอังกฤษระดมยิงใส่ป้อมของริงก้า
แต่ก็ไม่ได้ทำอันตรายพวกเขาแต่อย่างใด แถมยังไม่มีการยิงตอบโต้ด้วย
“ลองส่งทหารไปสำรวจดูสิ”
ทหารอังกฤษและอเมริกานั่งเรือเล็กเพื่อขึ้นฝั่งริงก้า
หลังจากที่พวกเขามาถึง พวกเขาก็เดินสำรวจแถวนั้นในทันที
“เอาหล่ะทุกคน เตรียมพร้อมนะ”
กระบอกปืนทุกกระบอกเล็งใส่ทหารอังกฤษและอเมริกา
แล้วปืนใหญ่ของริงก้าก็เตรียมพร้อมอยู่แล้ว
“เอาหล่ะ ยิงได้”
หลังจากที่นอร์ดิกมีคำสั่ง
ทหารของเขาก็ระดมยิงใส่ทหารอังกฤษในทันที
พวกเขาซุ่มอยู่ในป่าทำให้พวกอังกฤษมองไม่เห็น ส่วนปืนใหญ่ของริงก้าก็เล็งใส่เรือปืน
ทำเอาพวกนั้นเริ่มระส่ำระส่าย
“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย”
“ยิงปืนใหญ่ใส่มันสิ”
พวกเขายิงปืนใหญ่ตอบโต้ แต่ก็ไม่เป็นผล
เนื่องจากทหารอังกฤษไม่เห็นทหารริงก้า ในที่สุดทหารภาคพื้นก็วางอาวุธยอมแพ้
ส่วนกองเรือก็ตัดสินใจยกขบวนกลับ เนื่องจากจะยอมเสี่ยงอีกไม่ได้ หลังจากพวกอังกฤษถอยทัพ
ทหารริงก้าได้รับชัยชนะอย่างงดงาม
ซอล : คุณนอร์ดิกครับ
พวกมันถอยกลับไปแล้วครับ
นอร์ดิก : ดีมากทุกคน
ตอนนี้ก็ปลดอาวุธพวกมันได้เลย
เฟรย์อา : ว่าแต่
ทำไมพวกอังกฤษถึงมาที่นี่ได้งั้นเหรอ
นอร์ดิก : ผมก็ไม่รู้
แต่ทางอังกฤษน่าจะมีคำตอบแน่ๆ
เฟรย์อา : ถ้าแบบนั้น
เราควรจะส่งจดหมายไปถามสถานทูตอังกฤษดูนะคะ
ซอล : ผมเห็นด้วย
ผมไม่ไว้ใจพวกมหาอำนาจนี่เท่าไหร่เลย
ในระหว่างนั้นเอง อาร์เทมิสได้รับข่าวมาจากชายแดน
เธอจึงรีบมาบอกกับนอร์ดิกทันที
อาร์เทมิส : แย่แล้วค่ะ
ข่าวมาจากชายแดนเดลล์ ตอนนี้กลุ่มกบฏกำลังเดินทัพมาที่นี่ค่ะ
นอร์ดิก : แย่แล้ว
พวกมันคงจะเข้าโจมตีพร้อมกันแน่ๆ รีบส่งทหารไปที่ชายแดนด่วนเลย
อาร์เทมิส : ได้ค่ะ
เดี๋ยวฉันจัดการเอง // อาร์เทมิสจัดการนำทหารและปืนใหญ่ไปประชิดชายแดนเป็นการด่วน
ก่อนที่กลุ่มกบฎจะบุกเข้ามาริงก้า
กลับมายังพระราชวังริงก้า หลังจากที่เอลิซ่าทำข้อตกลงกับนิโคลัส
เรื่องทำทางรถไฟ นิโคลัสก็เตรียมพร้อมสำรหับงานนี้ในทันที
พวกเขาเริ่มต้นจากเส้นทางรกร้างในเมืองก่อน
ในตอนนั้นนิโคลัสเป็นคนคุมงานนี้ด้วยตัวเอง
นิโคลัส : เอาหล่ะ
ถ้าเราเริ่มจากตรงนี้ ตัดผ่านฟิลล์บอน น่าจะเป็นเส้นทางที่เยี่ยมไปเลย
ในระหว่างนั้นเอง
เอลิซ่าก็นำขบวนของเธอมายังสถานที่ก่อสร้างทางรถไฟในทันที
เมื่อเธอพบเห็นการก่อสร้าง เธอก็เข้ามาสอบถามกับนิโคลัสในทันที
เอลิซ่า : นี่เหรอโครงการที่นายกำลังทำอยู่
ใช้คนเยอะขนาดนี้เลย
นิโคลัส : แน่นอนครับ
ผมสร้างทางรถไฟไม่ใช่ตึกนะครับ
เอลิซ่า : ว่าแต่
โครงการนี้จะใช้เวลานานแค่ไหนเนี่ย
นิโคลัส : เท่าที่ดูนะ
ไม่น่าจะเกินปีนี้หรอก ถ้าได้คนมาเพิ่มอีก
เอลิซ่า : ฉันมีชาวบ้านอพยพพร้อมจะมาสร้างทางรถไฟ
ตอนนี้พาพวกเขามาหานายแล้ว
นิโคลัส : เยี่ยมไปเลย
งานนี้คงต้องพึ่งเธอหน่อยหล่ะ
และที่บ้านพักหลังใหญ่ของคาเนส
สี่หนุ่มของตระกูลช่วยกันย้ายของให้ครอบครัวของคาเนส
เนื่องจากว่าพวกเขาต้องกลับไปที่ฟิลล์บอนตามเดิม
และดูเหมือนว่าหนุ่มๆในตระกูลจะดูตื่นเต้นพอสมควร
เนื่องจากจะได้ไปเที่ยวท่ฟิลล์บอนเป็นครั้งแรก
ดราโก้ : ในที่สุด
เราก็ได้กลับบ้านของเราซะทีนะเนี่ย
อาร่า : นั่นสิคะ
ว่าแต่ คาเนสเขาจะไม่กลับไปด้วยอย่างงั้นเหรอ
โคน่า : พี่เขาบอกหนูว่าจะขออยู่ปรึกษางานกับนายพลอาร์เทอร์หน่ะค่ะ
แมทธิว : ไม่ต้องห่วงนะครับ
ผมสั่งให้คนของผมคอยคุ้มกันให้แล้ว
เลออน : ว่าแต่
พี่จะไม่ไปกับพวกเราด้วยงั้นเหรอ
มาร์ธิว : ไม่หรอก
พี่มีธุระต้องทำที่นี่หน่ะ พวกนายไปก็ดูแลกิจการของเราที่นั่นด้วยก็แล้วกัน
เอเทอร์ : สบายใจได้เลยพี่
ผมจะดูแลแทนพวกพี่ๆเขาเอง
คาลิมบ่า : เออนี่
ทุกคน อาเรียเขาไปไหนงั้นเหรอ มีใครเห็นมั้ย
อาเรียส : นั่นสิ
ไม่เห็นนางตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่รู้ว่าไปไหน
ดราโก้ : พ่อว่าอาเรียเขาคงจะตามเรามาทีหลังหล่ะนะ
อาร่า : ใช่
ได้ยินว่าช่วงนี้เธอสนิทกับหนุ่มคนหนึ่งนี่หน่า
มาร์ธิว : เอาหล่ะครับ
ยังไงก็ระวังตัวกันด้วยนะทุกคน
แมทธิว : ได้เลยพี่
พี่อยู่ที่นี่ก็ดูแลเมเทอร์เขาด้วยนะพี่
เลออน : ไม่ต้องห่วงหรอก
พี่แกระวังตัวดีๆอยู่แล้วน่า
เอเทอร์ : ผมว่านะ
เรารีบไปกันก่อนดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวจะมืด เดินทางลำบากอีก
คาลิมบ่า : โอเคครับ
ถ้างั้นเราไปกันเลยครับผม
จากนั้นไม่นาน
ขบวนคาราวานของพวกเขาก็เริ่มเคลื่อนตัว
ท่ามกลางความตื่นเต้นของสาวๆที่กำลังจะได้กลับบ้านของเธอ
โคน่า : เย้ๆ
จะได้กลับบ้านซะที น่าตื่นเต้านนะพี่
อาเรียส : นั่นสิ
กลับไปได้นะจะมาหาอะไรกินให้สะใจไปเลย
กลับมายังพระราชวังของนอร์ดิก
ในขณะที่อาเรียเพิ่งจะได้ข่าวว่าพวกของโคน่ากำลังจะกลับ
เธอก็รีบเก็บของๆเธอในทันทีเพื่อที่จะติดตามคนอื่นๆไปให้ทัน ในตอนนั้นเอง
เอ็นที่กำลังตามหาเธอก็เข้ามาหาเธอในห้องทันที
อาเรีย : นี่นาย
จะเข้ามาในห้องฉันทำไมหล่ะเนี่ย
เอ็น : แล้วเธอจะไปไหนอย่างงั้นเหรอ
อาเรีย : ฉันจะกลับฟิลล์บอนตามเพื่อนฉันหน่ะ
เอ็น : เอ้า
แล้วเธอจะไปยังไงหล่ะ ฉันขอพาเธอไปได้หรือเปล่า
อาเรีย : หะ
นายจะพาฉันไปเนี่ยนะ
เอ็น : ไม่ได้รบกวนหรอก
ฉันมีรถม้าคอยไปส่งเธออยู่หน่ะ
อาเรีย : ก็ได้
ยังไงก็ขอบใจนายมากๆเลยนะ
เอ็น : ไม่เป็นไรหรอก
ถือซะว่าฉันขอโทษเธอที่ชนเธอล้มแล้วกัน
อีกด้านหนึ่งของพระราชวัง ในคอกม้า
ในขณะที่ฟีนด์กำลังจะขี่ม้าไปยังค่ายทหารของเขา ในตอนนั้นเอง
เมเทอร์ก็มารอม้าของเธอพอดี ทั้งคู่จึงได้เจอกันในตอนนั้น
เมเทอร์ : นี่นายจะไปไหนอย่างงั้นเหรอ
ฟีนด์ : ผมจะกลับไปเตรียมกองทัพของผมเพื่อสู้ศึกหน่ะ
เมเทอร์ : งั้นเหรอ
ฉันนึกว่ามอร็อคจะยอมแพ้แล้วซะอีก
ฟีนด์ : ไม่มีทาง
แบบนั้นไม่ใช่ผมแน่ๆ
เมเทอร์ : ฉันเองก็มาจากมอร็อคเหมือนกันนะ
ฟีนด์ : จริงเหรอ
ยินดีจริงๆที่ได้เจอคุณครับ
เมเทอร์ : ถ้าไม่ว่าอะไร
ฉันขอไปด้วยกับนายได้หรือเปล่าล่ะ
ฟีนด์ : ได้สิครับ
// ทั้งคู่รีบขึ้นมาจากนั้นก็ควบไปยังชายแดนริงก้าในทันที
ที่ฟิลล์บอน
เคจาปล่อยตัวสการ์เล็ตเพื่อให้เธอออกมาเดินเล่น โดยที่เธอจะคอยมาคุมด้วย
เคจาพาสการ์เล็ตมาเดินชมความงามของทะเลทรายแถวนั้น
พลางพูดเรื่องเก่าๆของพวกเธอทั้งคู่ไปด้วย
สการ์เล็ต : ที่นี่สวยจังเลย
เสียดายที่สงครามมันยังไม่จบ
เคจา : ฉันว่า
เราไม่ควรมาสู้กันเลยนะ
สการ์เล็ต : ทำยังไงได้หล่ะ
ฉันทำหน้าที่ของฉันหน่ะ
เคจา : ฉันว่า
เธอควรจะเป็นคนกำหนดหน้าที่ของเธอเอง ไม่ใช่ให้ใครมากำหนดแบบนี้
สการ์เล็ต : แต่ฉันต้องทำเพื่อพ่อฉันนะ
เคจา : ฉันเข้าใจ
แต่เธอต้องมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้างสิ
สการ์เล็ต : ถ้าอย่างงั้น
มันคงจะไม่ใช่ตอนนี้หรอกนะ
กลับมายังค่ายทหารของฟิลล์บอน
ในตอนที่พอลลี่กำลังถูกขังในห้องพิเศษอยู่ ไซโซได้รับหน้าที่ให้ดูแลเธอเนื่องจากเธอเป็นคนของสการ์เล็ต
ในตอนนั้นเองไซโซก็เอาอะไรไปให้เธอกินเนื่องจากกลัวว่าเธอจะหิวตาย
ไซโซ : เอ้านี่
กินอะไรหน่อยจะได้มีแรง
พอลลี่ : แกฆ่าฉันซะดีกว่า
ฉันจะไม่ยอมตกเป็นเชลยหรอก
ไซโซ : อะไรของเธอ
ถ้าเธอเป็นอะไรไปแล้วนายเธอหล่ะ
พอลลี่ : ฉันจะไปช่วยคุณสการ์เล็ตออกมาเดี๋ยวนี้เลย
ไซโซ : ฉันว่า
นายเธอกับพี่ฉันกำลังสนิทกันอยู่ ไม่ต้องไปช่วยหรอก
พอลลี่ : นี่แกทำอะไรกับนายฉัน
ไซโซ : ทำอะไร
ไม่ได้ทำอะไรหรอก เชิญตามสบายเลยนะ // ไซโซเดินจากไป
ปล่อยให้พอลลี่เก็บความเจ็บปวดอยู่ในใจ
อีกด้านหนึ่ง ที่สนามยิงปืนของค่าย
ซิกนัสกับเซเลนส์กำลังช่วยกันฝึกทหารริงก้าและฟิลล์บอนร่วมกัน
ทหารฟิลล์บอนรู้สึกอุ่นใจที่ได้อาวุธใหม่จากริงก้ามามาก
กลับมายังแคว้นเดลล์
หุบเขาที่มั่นของผู้เฒ่าตาร์ก กองทัพของบูลเตรียมพร้อมที่จะบุกขึ้นไปทำลายล้างทหารของผู้เฒ่าตาร์ก
โดยที่ทหารม้าของเขาเตรียมพร้อมจู่โจมแล้ว
บูล : ตอนนี้ทหารของเราพร้อมหรือยัง
“พร้อมแล้วครับ
ว่าแต่ทำไมท่านนายพลถึงคิดจะบุกไปด้านหน้าหล่ะ”
บูล : ก็เพราะพวกมันจะไม่ป้องกันด้านหน้ามากไปยังไงหล่ะ
เตรียมพร้อมบุกได้
ทหารม้าของบูลควบม้าบุกเข้าไปยังแนวรับของผู้เฒ่าตาร์ก
พวกมันเมื่อเห็นนายพลบูลบุกมา พวกมันก็เตรียมเข้าประจำการป้องกันที่แนวรับในทันที
พวกมันพยายามยิงสกัดทัพม้าเอาไว้แต่ทัพม้าของนายพลบูลบุกมาอย่างรวดเร็ว
ทำเอาคนของผู้เฒ่าตาร์กเสียกำลังไปมาก หลังจากที่ทัพม้าบุกเข้าไปแล้วทัพบุกก็บุกเข้ามาเสริมอีก
ในตอนนั้นพวกเขาก็มาถึงปากประตูค่ายของผู้เฒ่าตาร์กแล้ว
บูล : ฆ่าพวกมันให้เหี้ยน
อย่าปล่อยให้รอดแม้แต่คนเดียว
ผู้เฒ่าตาร์กเห็นท่าไม่ดีจึงนำม้าของตัวเองพร้อมกับทหารบางส่วนหนีออกไปทางด้านหลัง
นายพลบูลพยายามขี่ม้าไล่ตามไป แต่ทหารของตาร์กก็สกัดเขาเอาไว้ นายพลบูลคว้าปืน mauser ของเขายิงใส่ผู้เฒ่าตาร์กแต่กระสุนเฉียดแจนไปนิดเดียว
จากนั้นผู้เฒ่าตาร์กก็รีบควบม้าหนีไป
หลังจากที่การรบยุติลง
ทหารของนายพลบูลก็เคลียร์พื้นที่โดยรอบ ก่อนที่จะรายงานให้นายพลบูลทราบ
“ท่านครับ ตอนนี้พวกเรายึดค่ายของมันได้ทั้งหมดแล้วครับ”
บูล : เฮ้อ
แต่ฉันจับตัวมันมาไม่ได้หน่ะสิ
“ตอนนี้พวกมันก็ไม่มีอำนาจอะไรอีกแล้วนะครับ”
บูล : ฉันเข้าใจ
แต่คนอย่างไอ้เฒ่าสารพัดพิษนั่นมันรอโอกาสอยู่แน่ๆ
“แล้วท่านจะทำยังไงต่อครับ”
บูล : ฉันจะรวบรวมทหารในเขตนี้ให้มากที่สุด
แล้วตั้งรับพวกโซราบอลก่อนที่พวกนั้นจะบุกมา
และที่พระราชวังเขตเมืองหลวง
อราชเตรียมพร้อมที่จะรวบรวมกำลังคนชาวรูดิวที่อพยพหนีตายมา
เพื่อที่จะตั้งกลุ่มต่อต้านทหารโซราบอลที่กำลังจะบุกมายังริงก้า
ในขณะเดียวโอลลี่ก็สงสัยว่าอราชกำลังทำอะไรอยู่กันแน่
โอลลี่ : อราช
นายกำลังทำอะไรอยู่หน่ะ
อราช : ฉันว่าจะรวบรวมชาวรูดิวที่อพยพมา
ตั้งกองโจรจัดการกับพวกโซราบอลหน่ะ
โอลลี่ : นายจะเปิดสงครามกับพวกมันงั้นเหรอ
อราช : ฉันทำเพื่อแคว้นรูดิวของฉันหน่ะ
โอลลี่ : ฉันเข้าใจนะ
แต่ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้หรอก
อราช : มันก็ต้องลองหน่อย
ฉันต้องทำเพื่อพ่อฉันหน่ะ
โอลลี่ : ว่าแต่
นายคิดจะสู้กับพวกมันยังไงหล่ะ
อราช : ผมจะจัดการกับพวกมันไปเรื่อย
จนกว่าพวกมันจะถอนกำลังออกไปจากรูดิว
โอลลี่ : ถ้าแบบนั้น
นายต้องมีแนวหลังต้องช่วยนะ
และที่กองทัพของโซราบอล
ในขณะที่พวกเขาเข้ายึดเมืองหลวงของเดลล์ได้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็จัดการความเสียหายที่เกิดขึ้นในทันที
แต่ในขณะเดียวกัน คณะทูตของอเมริกาและอังกฤษก็รีบมาเข้าพบโซรอนอย่างหัวเสีย
เนื่องจากทหารของพวกเขาเพิ่งจะโดนพวกริงก้าถล่มมา
โซรอนต้องรีบพาพวกเขาไปยังห้องรับรองท่านที
“ท่านโซรอน ท่านจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง”
โซรอน : ทำไมครับ
มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ
“ทหารของเราโดนริงก้าจัดการมาหน่ะสิ”
โซรอน : ทำไมครับ
ผมก็นึกว่าพวกท่านจัดการได้ซะอีก
“ตอนนี้ทางลอนดอนกดดันผมให้อธิบายเรื่องนี้ทุกวัน
ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
โซรอน : ท่านก็แค่บุกเข้าไปจัดการพวกมันต่อสิครับ
“ไม่มีทาง เราเสียทหารไปอย่างหนัก กองเรือของเราจะไม่รุกล้ำน่านน้ำของริงก้า
เราทำได้แค่ส่งอาวุธให้ท่าน หวังว่าท่านจะเข้าใจนะ”
ทางคณะทูตรีบเดินออกไป
ก่อนที่โซรอนจะทุบโต๊ะดังปัง นอสต้าร์เห็นดังนั้นจึงรีบมาดูเขาในทันที
นอสต้าร์ : เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ
โซรอน : ก็พวกอังกฤษหน่ะสิ
มันบอกว่าจะไม่ยอมบุกริงก้าอีกแล้ว
นอสต้าร์ : บ้าเอ้ย
นี่พวกมันจะหักหลังเราเหรอ
โซรอน : ไม่หรอก
พวกเขาบอกว่าจะส่งอาวุธให้เราเหมือนเดิมหน่ะ
ที่ด้านนอกค่าย
คูเปอร์กำลังจัดการเคลียร์พื้นที่ของเมืองโดยรอบเพื่อหาผู้บาดเจ็บและฟื้นฟูเมือง
แต่ระหว่างนั้นเอง ทหารอังกฤษคนหนึ่งก็เกิดเดินมาชนเขา แถมยังไม่ยอมขอโทษเขาอีก
ทำเอาคูเปอร์ต้องเรียกทหารคนนั้นมาคุยด้วย
คูเปอร์ : นี่มันอะไรกัน
มาชนฉันทำไม
“ใครชนแกวะ ไอ้พวกล้าหลังเอ้ย”
คูเปอร์ : แกว่าใครล้าหลังวะ
พูดให้มันดีๆนะเว้ย
“แล้วแกจะทำไมวะ ไอ้หมาโซราบอลเอ้ย”
คูเปอร์โกรธจัดต่อยหน้าทหารอังกฤษนายนั้น
ทำเอาทหารคนอื่นๆมาช่วยผสมโรงจนเกือบมีมวยกัน
ในตอนนั้นโซรอนต้องรีบออกมาจัดการสถานการณ์ โดยที่โซรอนให้ทหารอังกฤษกลับไปก่อน
ส่วนโซรอนก็ไปชำระความเอากับคูเปอร์ต่อ
โซรอน : นี่มันบ้าอะไรกัน
ไปต่อยเขาทำไม
คูเปอร์ : มันมาเดินชนผมก่อนหน่ะครับ
โซรอน : แล้วแกไปต่อยเขาทำไม
นั่นเป็นทหารอังกฤษนะ
คูเปอร์ : หมายความว่าจะให้มันมาทำอะไรทหารคนอื่นแบบนี้เหรอครับ
โซรอน : เอาเป็นว่าอย่าให้มีเรื่องแบบนี้อีก
ไม่งั้นนายโดนปลดแน่
โซรอนรีบเดินกลับเข้าไปด้านใน
ปล่อยให้คูเปอร์โมโหอยู่ตรงนั้น
และอีกด้านหนึ่ง เอ็ดเวิร์ดที่กำลังหลงป่าอยู่
เขาเดินทางหาทางออกไปเรื่อยๆเพื่อกลับไปรวมกำลังกับทัพโซราบอล เขาเดินทางมาเรื่อยๆ
ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเดินทางไปที่ไหน ระหว่างนั้นเอง
เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาใกล้เขา เขาหยุดนิ่งแล้วชักดาบออกมา
เนื่องจากว่าเขาไม่มีกระสุนเหลือแล้ว
สิ่งที่เขาเห็นในตอนนั้นก็คือทหารริงก้าถือปืนเล็กยาวเข้ามาใกล้เขา
พยายามจะดูว่าเขาเป็นใครกันแน่
“นั่นมันชุดทหารโซราบอล
แกเป็นพวกโซราบอลใส่หรือเปล่า”
เอ็ดเวิร์ด : ใช่
แล้วพวกแกจะทำไมหล่ะ
“ทิ้งอาวุธลงเดี๋ยวนี้ ถ้าแกยังไม่อยากตาย”
เอ็ดเวิร์ด : ฝันไปเถอะ
ข้ามศพฉันไปก่อน
พวกนั้นพยายามจับตัวเอ็ดเวิร์ด
แต่เอ็ดเวิร์ดก็ใช้เพลงดาบของเขาจัดการกับทหารริงก้า ทำเอาพวกนั้นเริ่มจะถอยออกมา
“จ่าครับ ยิงมันเลยมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง มันจะหมดแรงแล้ว”
เอ็ดเวิร์ด : แน่จริงพวกแกก็เข้ามาสิ
เอ็ดเวิร์ดต่อสู้จนสุดชีวิต แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออีกแล้ว
จากนั้นทหารริงก้าก็เอาปืนฟาดเข้าไปที่ท้ายทอยของเขา จนเขาสลบไปทันที
“เอาตัวมันกลับไปริงก้าเดี๋ยวนี้”
ทหารริงก้าลากตัวเอ็ดเวิร์ดกลับไปอย่าทุลักทุเล
โดยที่ยึดอาวุธของเขาไปจนหมด
กลับมายังคฤหาสน์ของมาร์ธ่า
หลังจากที่นายพลเนโรฟื้นร่างกายของตัวเองจนเต็มที่แล้ว
เขาก็มีแผนที่เตรียมออกไปนำทัพอีกครั้ง
โดยที่เขาบอกมาร์ธ่าโดยทันทีเมื่อมาร์ธ่ามาเยี่ยมเขาถึงที่
เนโร : ท่านแม่
ผมจะกลับไปนำทัพอีกครั้งนึงครับ
มาร์ธ่า : อะไรกัน
นี่ลูกยังไม่หายดีเลยนะ
เนโร : แต่ว่าผมกลับมาแข็งแรงดีแล้ว
อีกอย่างเราก็กำลังรวมประเทศได้แล้วด้วย
ซาร่า : พี่ไม่เห็นด้วยนะเนโร
ที่เนโรจะกลับไปหน่ะ
มาร์ธ่า : ใช่
ลูกจะกลับไปเสี่ยงให้อาการกำเริบอีกทำไมหล่ะ
เนโร : ผมไม่อยากให้ทหารของผมสู้ลำพังนี่ครับแม่
ซาร่า : เฮ้อ
พี่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงกับเราแล้วนะ
เนโร : ไม่ต้องห่วงหรอกครับพี่
ผมไม่เป็นไรหรอก // เนโรพูดจากนั้นก็เตรียมไปใส่ชุดทหารของเขา
และด้านหนึ่งของบ้าน ห้องพักของซิลเวียร์
ในตอนนั้นเองเธอกำลังอ่านจดหมายที่นอร์ดิกส่งมาให้ เธอคิดถึงนอร์ดิกสุดหัวใจ
จนเธอต้องเขียนตอบกลับเขาไปโดยเร็ว เธอไม่รอช้ารีบไปเขียนจดหมายถึงเขาในทันที
“นอร์ดิกที่รัก ฉันอ่านจดหมายที่เธอส่งมาให้ฉันแล้ว
ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในสงครามสินะ ฉันสวดภาวนาอ้อนวอนต่อพระเจ้าทุกวัน
ขอให้เธอปลอดภัย ตอนนี้ทหารโซราบอลเริ่มอ่อนแอเต็มที นายพลเนโรก็คงจะรบไม่ไหวแล้ว
ฉันอยากจะไปอยู่ข้างกายเธอแต่ไม่อยากทิ้งคุณหญิงมาร์ธ่าหน่ะ หวังว่าเธอคงเข้าใจนะ
แต่ไม่ว่ายังไงหัวใจฉันจะยังอยู่กับเธอเสมอ ฉันรอวันที่เธอจะมาหาฉันที่โซราบอลนะ
รักเธอเสมอ ซิลเวียร์”
หลังจากที่เธอเขียนจนจบ
เธอก็รีบนำจดหมายฉบับนั้นไปให้คนใช้ของเธอในทันที
ซิลเวียร์ : เอาไปส่งตามที่อยู่จ่าหน้าตรงนี้นะ
“ได้ขอรับ”
เมื่อคนใช้ได้รับคำสั่ง เขาก็รีบนำจดหมายไปส่งในทันที
กลับมายังน่านน้ำแห่งหนึ่งในแคว้นเดลล์
กองเรือจักรวรรดิเยอรมันที่เพิ่งจะออกจากน่านน้ำแคว้นเดลล์
พวกเขาก็ออกเดินทางแล่นไปตามน่านน้ำเพื่อไปยังแคว้นริงก้า เพื่อไปหลบภัยชั่วคราว
แอนตาร์กติกได้รับหน้าที่ให้ดูแลและคุ้มกันขบวนเรือขนส่งและท่านทูต
ในระหว่างที่เธอกำลังแล่นเรืออยู่บนเรือธงของเธอ
นายทหารคนหนึ่งก็มารายงานเรื่องกับเธอในทันที
“ท่านแอนตาร์กติกครับ
น่านน้ำริงก้าอยู่ด้านหน้าครับ”
แอนตาร์กติก : ให้สัญญาณกับทางริงก้า
ว่าเราขอเทียบท่าริงก้าเดี๋ยวนี้เลย
“ได้ครับ” นายทหารคนนั้นรีบวิ่งไปรายงานอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างนั้นเอง
ทูตเยอรมันก็เดินมาขอพบกับแอนตาร์กติกในทันที
“ท่านแม่ทัพ ผมว่าเราควรจะกลับเยอรมันนะครับ”
แอนตาร์กติก : ดิฉันได้รับคำสั่งให้ปกป้องชาวเยอรมันที่อยู่ที่นี่ค่ะท่านทูต
“ผมรู้ แต่เราคงจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นานหรอกครับ”
แอนตาร์กติก : ถ้าถึงริงก้าเมื่อไหร่
เราก็ปลอดภัยเองหล่ะค่ะ
“แต่พวกโซราบอลแข็งแกร่งนัก
ผมกลัวว่าริงก้าจะไม่รอดหน่ะสิ”
แอนตาร์กติก : ไม่ต้องห่วง
ดิฉันจะพาทุกคนออกไปถ้าเกิดปัญหา
และอีกด้านหนึ่ง ชายแดนแคว้นเดลล์
หลังจากที่โทมารอฟจัดการกับเครื่อข่ายของอเล็กซ์สกี้ได้สำเร็จ
เขาก็ต้องคุ้มกันคณะทูตและประชาชนของรัสเซียไปยังแคว้นริงก้าเนื่องจากต้องหนีภัยสงคราม
ในระหว่างที่กำลังเดินทาง
ทหารก็เหน็ดเหนื่อยเหมื่อยล้าเนื่องจากเดินทางกันมาไกลมาก
โทมารอฟตัดสินใจให้ขบวนพักผ่อนกันก่อน ส่วนตัวเขาก็ไปนั่งพักที่โขดหินที่หนึ่ง
โดยที่นั่งดื่มน้ำไปด้วย
“ท่ามนครับ เราตรวจเช็คอาวุธที่ยึดมาได้แล้ว
มีอาวุธที่ขโมยมาจากประเทศอื่นด้วยครับ” ทหารคนหนึ่งมารายงานโทมารอฟเรื่องอาวุธ
โทมารอฟ : ดูท่าทางอเล็กซ์สกี้มันจะสร้างศัตรูไปทั่วเลยนะ
“ครับ แล้วแบบนี้จะให้ทำยังไงกับอาวุธเหล่านี้ครับ”
โทมารอฟ : ตรวจสอบดูว่าอาวุธพวกนี้เป็นของใครบ้าง
แล้วจัดการส่งคืนให้พวกเขา
“แล้วถ้าเป็นอาวุธเถื่อนหล่ะครับ”
โทมารอฟ : ยึดไว้ให้หมด
อย่าให้ใครเอาไปใช้ประโยชน์ได้
“ว่าแต่ท่านครับ
อีกนานหรือเปล่าครับกว่าจะถึงริงก้า”
โทมารอฟ : ไม่ไกลหรอก
แค่พวกนายเข้มแข็งและอดทนไว้
ที่แคว้นบาส์ก
โรงน้ำชาแห่งหนึ่งซึ่งดูหรูหรามีระดับ ชายฉกรรจ์จากทั่วแคว้นต่างอยากมาสัมผัส
และในห้องอาบน้ำห้องหนึ่ง
ซึ่งนายหญิงแห่งโรงน้ำชาแห่งนี้กำลังอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์
“นายหญิงอี้ชิงคะ คุณอเล็กซ์สกี้มาขอพบค่ะ”
เธอทำความสะอาดร่างกายอีกพักก่อนที่จะเช็ดตัวและออกมาพบกับอเล็กซ์สกี้ในชุดคลุมสีแดงแบบจีน
อี้ชิง : สวัสดีค่ะคุณอเล็กซ์สกี้
อเล็กซ์สกี้ : ไม่ต้องมาเสียงหวานกับฉันหรอกน่า
ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีอยู่
อี้ชิง : แหม่
คงจะเป็นเรื่องที่พวกรัสเซียยึดอาวุธท่านไปสินะคะ
อเล็กซ์สกี้ : นี่เธอรู้แล้วอย่างงั้นเหรอ
อี้ชิง : แหม่ๆๆ
คนอย่างคุณก็เครียดไม่กี่เรื่องหรอก แต่ไม่ต้องห่วง ฉันมีแผนไว้แล้ว
อเล็กซ์สกี้ : อย่างเธอเนี่ยนะจะมีแผนให้ฉันหน่ะ
อี้ชิง : พวกรัสเซียต้องขนอาวุธเข้าริงก้าแน่ๆ
ในตอนนั้นฉันมีคนพร้อมจะชิงอาวุธไปแล้วค่ะ
อเล็กซ์สกี้ : แล้วเป็นพวกไหนหล่ะ
อี้ชิง : ให้ใครรู้ไม่ได้นอกจากฉัน
ขอแค่คุณยอมจ่ายให้ฉันมากกว่าที่ตกลงกันไว้หน่อยนะคะ
อเล็กซ์สกี้ : คุณนี่มันร้ายจริงๆ
// อเล็กซ์สกี้เอาหน้ายื่นจะหอมแก้มอี้ชิง
แต่เธอเอามือบังหน้าเขาไว้ก่อน
อี้ชิง : ใจเย็นสิคะ
จ่ายฉันมาก่อน แล้วทุกอย่างจะเป็นไปตามที่คุณต้องการ
อเล็กซ์สกี้ : แบบนี้หนึ่งล้านคงไม่พอ
ฉันให้เธอสองล้านไปเลยเอามั้ย
อี้ชิง : ยินดีที่ได้ทำงานด้วยกันนะคะ
// จากนั้นทั้งคู่ก็พากันไปเข้าห้องส่วนตัวของอี้ชิง
ที่บ้านพักของนายพลจอร์จ ห้องของแพททรีเซีย
ในตอนนั้นเธอนอนกอดกับแมทธิวอยู่บนเตียง
เนื่องจากทั้งคู่มีความสัมพันธ์แบบชู้สาวมานาน
เนื่องจากแพททรีเซียรักน้องแมทธิวมาก จนยอมให้เขาทุกอย่าง
แมทธิว : เป็นอะไรไปพี่
ไม่คุ้นเคยกับผมงั้นเหรอ
แพททรีเซีย : พี่มาคิดๆดู
พี่ว่า สิ่งที่เราทำมันไม่ถูกนะ
แมทธิว : เรื่องไหนหล่ะพี่
เรื่องที่เรานอนด้วยกัน หรือเรื่องที่คุยกับพ่อวันนี้หล่ะ
แพททรีเซีย : พี่รักเธอ
เธอก็รู้ แต่เธอคิดว่าพ่อคิดผิดเหรอเรื่องการรบหน่ะ
แมทธิว : ผมรู้จักพวกริงก้าดี
พวกนั้นเข้มแข็งมาก อาจจะมากกว่าโซราบอลด้วยซ้ำ
แพททรีเซีย : แล้วนายจะทำยังไง
เดินเข้าไปบอกพ่อให้ล้มเลิกงั้นเหรอ
แมทธิว : ผมว่าน่าจะให้พ่อเจอกับความพ่ายแพ้ดูซักครั้ง
แพททรีเซีย : แล้วนายคิดจะทำอะไรกับพ่อเราหล่ะ
แมทธิว : ไม่ต้องห่วงหรอกพี่
ผมคิดเอาไว้แล้ว
แมทธิวเดินไปใส่เสื้อผ้าของเขา
จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องในทันที
และในสวนของบ้าน นายพลจอร์จที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่สวนของเขา
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารของเขาก็มารายงานเรื่องการรบให้เขาฟังเป็นการด่วน
“ท่านครับ มีข่าวการรบจากริงก้ามาครับ”
จอร์จ : จริงเหรอ
การรบเป็นยังไงบ้างหล่ะ
“ฝ่ายเราพ่ายแพ้ครับ”
จอร์จ : หะ
แกล้อฉันเล่นใช่หรือเปล่าเนี่ยหะ
“ฝ่ายเราแพ้จริงครับ เราเสียทหารไปสามสิบนาย
บาดเจ็บอีกนับร้อย และเรือบางส่วนก็โดนพวกมันยึดไปครับ”
จอร์จ : ทำไมกัน
ทำไมถึงพวกเราถึงแพ้ได้หล่ะ
“ผมว่า เราอาจเจอศัตรูที่แข็งแกร่งแล้วหล่ะครับ”
จอร์จ : งั้นสั่งให้กองเรือที่เหลือไปจัดการมัน
ฉันจะเป็นคนนำทัพเอง
“คงไม่ได้แล้วครับท่าน ทางลอนดอนสั่งมาว่าห้ามไม่ให้เรารุกล้ำแผ่นดินริงก้าอีกครับ”
จอร์จ : บ้าเอ้ย
คอยดูเถอะ มันไม่จบแค่นี้แน่
และที่ชายแดนริงก้า
ในขณะที่กลุ่มต่อต้านศาสนจักรกำลังเดินทางมาเรื่อยๆเพื่อเข้าสู่แคว้นริงก้า ในตอนนั้นเอง
ก็มีกลุ่มชายชุดดำขี่ม้ามานับสิบคนถือปืนไล่ยิงพวกเขา
พวกเขาต้องหาที่หลบแถวนั้นกันยกใหญ่
โอเมก้า : พวกนาย
รีบยิงสกัดพวกมันไว้ก่อน เร็ว
เบต้า
อัลฟ่าและเดลต้าหยิบปืนของพวกเขาขึ้นมายิงสกัดพวกมันเอาไว้
ในขณะที่กลุ่มคนร้ายก็ไล่ตามพวกเขาอย่างไม่ลดละ
ชาร์ลี : โอ้ย
เมื่อไหร่เราจะถึงริงก้าซะทีเนี่ย
เบต้า : ชาร์ลี
บรรจุกระสุนให้ฉันหน่อย เร็วเลย // เบต้ายื่นปืนให้ชาร์ลีใส่กระสุน
อัลฟ่า : กระสุนนายเหลืออีกเยอะหรือเปล่าเดลต้า
// เขาพูดพลางยิงสกัดพวกมัน
เดลต้า : เหลือไม่เท่าไหร่
ยังไงก็ประหยัดกระสุนหน่อยก็แล้วกัน
พวกมันยิงถล่มรถม้าของพวกเขาอย่างหนัก
แต่พวกเขาก็ยังพอต้านทานพวกมันได้ แต่ในขณะเดียวกัน
พวกเขาก็ควบม้าไปเจอด่านทหารอยู่ข้างหน้า
ซึ่งด่านนั้นเมื่อเห็นขบวนรถม้าก็รีบตั้งป้อมปืนยิงในทันที
ชาร์ลี : แย่แล้ว
ทหาร เอายังไงดีคะพี่
โอเมก้ารีบชูตราสัญลักษณ์ของเขาที่อยู่ในอกเสื้อ
จากนั้นเขาก็ตะโกนใส่พวกทหารว่า
“เราเป็นพันธมิตรพวกท่าน เรากำลังถูกตามล่า”
เบต้า : เฮ้ย
แย่แล้ว กระสุนหมด // เบต้าพูดอย่างหัวเสีย
แต่ในขณะเดียวกัน
เมื่อกลุ่มชายชุดดำขี่ม้ามายังด่าน ทหารที่ด่านก็ยิงใส่พวกนั้นจนล้มตายไปมากมาย
ทำเอาทหารชุดดำไม่กล้าไล่ตามพวกเขาต่อแล้วถอนกำลังกลับไป
เดลต้า : เราปลอดภัยแล้ว
ใช่หรือเปล่าเนี่ย
อัลฟ่า : ดูท่าจะใช่
เรามาถึงริงก้าแล้วสินะเนี่ย
กลับมายังแคว้นบาส์ก
ในวันธรรมดาที่โรสและสองสาวกำลังหาปลาเพื่อเตรียมไปขายในเมือง
ในระหว่างที่เรือของพวกเธอกำลังจะเทียบท่า พวกเธอก็เห็นเรือรบของทหารมาจอดเทียบท่าที่เกาะของพวกเธอ
ในตอนนั้นเธอแปลกใจมากว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่เรือของพวกเธอเทียบท่า
พวกเธอก็รีบวิ่งไปยังกลุ่มชาวบ้านที่กำลังถูกทหารล้อมอยู่
และสกายกับอาร์มเมอร์ก็เป็นผู้นำในการตรวจค้นในครั้งนี้ด้วย
เมด : นี่
พวกนาย ทำไมต้องจับชาวบ้านมาที่นี่ด้วย
สกาย : ขอโทษทีนะ
คือว่าฉันได้รับคำสั่งให้มาตรวจเกาะแห่งนี้หน่ะ
แพท : เกาะนี้ไม่มีอะไรซะหน่อย
อย่ารังแกกันแบบนี้สิ
อาร์มเมอร์ : ฉันรู้
แค่ขอตรวจค้นเฉยๆ พวกเธอคงไม่ว่ากันนะ
โรส : พวกเราอยู่ที่นี่กันอย่างชาวบ้านธรรมดา
ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลยนะคะ
แต่ในระหว่างนั้นเอง
นายทหารอเมริกันคนหนึ่งก็เดินมาตรวจสอบ
พวกเขาก็คุ้นๆว่าแพทและเมดเคยฆ่าทหารอเมริกันไปสองคน
ทำเอาพวกมันพยายามจะจับกุมตัวเธอไป
“จับนังสองคนนี้ไป เอามันไปสอบสวนโดยด่วน”
แพท : พวกเราทำผิดอะไร
ทำไมต้องมาจับกันด้วย
เมด : ใช่
คิดว่าพวกแกจะทำอะไรพวกเราได้ง่ายๆงั้นเหรอ
สกาย : เธอเป็นคนของแคว้นนี้
ผมเป็นผู้รับผิดชอบ ผมจะสอบสวนเธอเอง
“นี่แก จะมายุ่งอะไรด้วย”
อาร์มเมอร์ : ที่นี่ไม่ใช่อาณานิคมของคุณ
เรามีกฎหมายของเรา กรุณาเข้าใจด้วย
โรส : เพื่อนฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ
ฉันสาบานได้
สกาย : เอาเป็นว่า
เธอสองคน ไปกับฉันหน่อยก็แล้วกัน
สกายพาตัวแพทและเมดมาขึ้นเรือของพวกเขา
ก่อนที่พวกเขาจะแล่นเรือออกจากเกาะเพื่อไปยังแผ่นดินใหญ่ทันที
และที่เกาะโจรสลัดในแถบนั้น
หลังจากที่มีข่าวว่าชาวบ้านถูกจับกุมไปสอบสวนมากมาย ลอเรนซ์เป็นกังวลอย่างมาก
กลัวว่าชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยต้องมารับกรรมในสิ่งที่เธอทำแทน
เธอจึงรีบประชุมกับลูกน้องคนอื่นๆในทันที
ลอเรนซ์ : เราต้องช่วยเหลือชาวบ้านพวกนี้ให้ได้
พวกทหารนั้นทำเกินไปแล้ว
“แต่ผมคิดว่า ที่พวกมันทำ
มันอาจจะหลอกให้เรามาติดกับก็ได้นะครับ”
ลอเรนซ์ : แต่ถึงยังไงฉันก็ต้องทำ
ฉันจะไม่ยอมให้พวกเขามาเสี่ยงเพราะฉัน
“ผมว่านายหญิงต้องใจเย็นนะครับ”
ลอเรนซ์ : แล้วจะให้ฉันทำยังไงหล่ะห่ะ
“เราควรเก็บตัวเงียบไปก่อน
จนกว่าพวกนั้นจะเลิกตามหาเรา ยังไงพวกนั้นคงไม่ทำอะไรชาวบ้านหรอกครับ”
ลอเรนซ์ : ฉันไม่ยอมแน่นอน
ฉันต้องช่วยชาวบ้านพวกนั้นให้ได้ จัดเตรียมคนกับเรือไป เราจะไปชิงตัวชาวบ้านพวกนั้นกลับมา
“แต่ว่า…”
ลอเรนซ์ : ฉันพูดคำไหนคำนั้น
“ได้ครับนายหญิง”
กลับมายังชายแดนริงก้า
ในขณะที่นอร์ดิกกำลังตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องจากถูกโจมตีอย่างหนัก
จู่ๆก็มีหน่วยสอดแนมมาขอเข้าพบเขาในทันทีด้วยความเร่งด่วน
“ท่านครับ ตอนนี้พวกโซราบอลเตรียมเคลื่อนทัพออกจากเมืองหลวงแล้วครับ”
นอร์ดิก : พวกมันมีกำลังมากน้อยแค่ไหน
“คงไม่น้อยไปกว่าสี่ถึงห้าแสนครับผม”
นอร์ดิก : จัดการเตรียมแนวรับของเราให้พร้อม
ฉันจะไล่พวกมันกลับไปให้หมดเอง
“ได้ครับท่าน”
ทหารของนอร์ดิกเตรียมพร้อมกองทัพและแนวรับของพวกเขา
เพื่อรับศึกของโซราบอลที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้
==================================================================
กองทัพโซราบอลกำลังจะมาถึงในไม่ช้า พวกเขาจะรับศึกที่กำลังจะมาถึงอย่างไร ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
มีเรื่องจะประกาศเน้อ
ช่วงนี้กระผมอาจจะมาอัพนิยายช้า ในอาทิตย์หน้าผมรับปากไม่ได้ว่าจะลงหรือเปล่า ช่วงนี้งานยุ่งจริงๆครับ
เรื่องนี้ปั่นหนักมาก
ขอคนละเม้นท์ด้วยจ้า
ความคิดเห็น