คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : แผนการใหม่ของฮัมบูร์ก
เครื่องบินของเยอรมันทิ้งระเบิดปูพรมใส่ทั่วทุกหัวมุมของกรุงลอนดอน
ประชาชนแถวนั้นต้องรีบหนีระเบิดกันให้วุ่น และในขณะเดียวกัน
ที่สถานทูตสหรัฐในกรุงลอนดอน พวกเขาก็รีบไปหลบที่หลุมหลบภัยอย่างเร่งรีบ
ธิน : ไม่นึกเลยว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดจะน่ากลัวขนาดนี้
โอ๊ค : นั่นดิ
แบบนี้พวกเราตายกันหมดแน่ๆ ว่าแต่พวกเราลงมากันหมดแล้วนะ
แซค : น่าจะครบแล้วหล่ะ
ตอนนี้ผู้คนส่วนใหญ่คงไปหลบที่รถไฟใต้เดินหน่ะ
อเล็กซ์ : น้าแคทเทอรีนคะ
แล้วลุงโจสเขาไปไหนหล่ะคะ
แคทเทอรีน : เขาบอกว่าไปทำธุระด้านนอกหน่ะ
ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ
เอม : โอ๊ย
เมื่อไหร่มันจะหยุดซะทีเนี่ย รำคาญจะตายอยู่แล้ว
ออย : เธอก็เดินออกไปให้โดนระเบิดข้างนอกเลยสิจ๊ะแหม่
โซเซีย : ฉันได้ยินมาว่า
ด้านนอกกำลังรบกันใหญ่เลยตอนนี้
นากะ : นั่นสิ
กองทัพอากาศอังกฤษคงจะต้องทำอะไรบางอย่างแล้วหล่ะ
และในขณะเดียวกัน โจสก็เข้ามาในหลุมหลบภัยพอดี ทำเอาแคทเทอรีนเป็นห่วงมากๆ
แคทเทอรีน : คุณไปไหนมาคะเนี่ย
ฉันเป็นห่วงแทบแย่
โจส : ผมไปช่วยเจ้าหน้าที่คนอื่นหนีลงหลุมหลบภัยหน่ะ
นากะ : แล้วตอนนี้ด้านนอกเป็นยังไงบ้างหล่ะครับ
โจส : หนักเลยตอนนี้
พวกเยอรมันถล่มไปทุกที่เลย
แซค : ผมว่า
งานนี้พวกมันคงเจาะจงสถานที่สำคัญๆแน่ๆ
โอ๊ค : เฮ้อ
แล้วนี่มีใครออกไปคุมสถานการณ์หรือยังครับ
โจส : ตอนนี้ยังไม่มีใครหรอก
ไม่มีใครกล้าออกไปตอนนี้เลย
โซเซีย : เอ๊ะทุกคน
ผมว่าเสียงเหมือนจะสงบแล้วนะครับเนี่ย
จากนั้นเอง พวกเขาก็เดินออกไปด้านนอก
ก็พบว่าพวกมันได้ค่อยๆกลับไปแล้ว
ธิน : สงสัยพวกมันคงจะกลับไปใส่อาวุธใหม่หล่ะมั่ง
เอม : ห่ะ
หมายความว่าพวกมันจะกลับมาอีกครั้งอย่างงั้นเหรอ
ออย : อย่าเพิ่งคิดมากไปดีกว่า
ตอนนี้เรารอดูสถานการณ์ก่อนดีกว่า
นากะ : ตอนนี้ทัพอากาศอังกฤษหายไปไหนกันหมดนะ
ที่สนามบินแถบชายแดน
โอแลนสั่งให้นักบินทุกคนขึ้นเครื่องบิน เพื่อปกป้องน่านฟ้าของอังกฤษ
ในตอนนั้นเองเครื่อง spitfire
ของอังกฤษพยายามต้านทานเครื่อง ME ของเยอรมัน ซึ่งลำหนึ่งเมอร์ลินเป็นคนขับ เขา dogfight ยิงเครื่องของอังกฤษอย่างไม่ยั้ง
แต่มีเครื่องลำหนึ่งพยายามไล่ตามเขามา
“บ้าเอ้ย จะตามขึ้นมาถึงเมื่อไหร่หล่ะเนี่ย”
เมอร์ลินขับเครื่องบินหายเข้าไปในกลีบเมฆ
จากนั้นก็พุ่งลงมายิงเครื่องบินลำนั้นจนตก แล้วก็บินฉวัดเฉวียนอีกหลายทาง
แต่ในตอนนั้นเอง ก็เกิดเหตุขัดข้องขึ้นมา
“เฮ้อ น้ำมันหมดอีกหล่ะ ฉันไปดีกว่า”
เมอร์ลินขับเครื่องบินของเขากลับฐานไป
ในขณะนั้นเอง มิลเลอร์ก็มานั่งรอเขาอยู่ตรงลานบินพอดี เมื่อเครื่องบินลงจอด
เขาก็ลงมาจากเครื่องทันที
เมอร์ลิน : อ้าว
นี่นายไม่ได้ไปไหนเหรอวันนี้หน่ะ
มิลเลอร์ : วันนี้ก็ไม่ได้ไปไหนหรอก
เป็นยังไงบ้างวันนี้
เมอร์ลิน : ก็เรื่อยๆหว่ะ
พวกอังกฤษอ่อนชะมัดเลย
มิลเลอร์ : เออ
ให้มันได้อย่างงี้ตลอดนะ ว่าแต่ ฮัมบูร์กได้ติดต่อมาบ้างหรือเปล่า
เมอร์ลิน : เธอแค่อยากรู้ว่าเวลาออกบินถล่มกี่โมงเท่านั้นแหละ
มิลเลอร์ : งั้นเหรอ
เธออยากรู้ไปทำไมหล่ะ ว่าแต่กองเรือของเธออยู่ที่ไหนหล่ะ
เมอร์ลิน : น่าจะที่ไหนซักแห่งแถวทะเลเหนือหล่ะมั้ง
เออนี่ ฉันต้องไปก่อนหล่ะ
มิลเลอร์ : เออๆ
โชคดีนะนาย
ณ ที่ไหนซักแห่งในทะเลเหนือ
ฮัมบูร์กประจำการอยู่บนเรือประจัญบาน H-39 ที่เธอตั้งเป็นเรือธงของเธอ
เธอกำลังรอเวลาที่จะบุกโจมตีอังกฤษอยู่
“ท่านฮัมบูร์กครับ ผมนาวาตรีซีซาร์
มารายงานตัวครับ”
ฮัมบูร์ก : มาช้าไปหน่อยนะ
ว่าแต่เรือบรรทุกเครื่องบินที่ฉันให้เตรียมหล่ะ
“ครับ
เรือบรรทุกเครื่องบินและเครื่องบินที่ท่านต้องการพร้อมแล้วครับ”
ฮัมบูร์ก : ดีมาก
ตอนนี้เหลือแค่รอเวลาเท่านั้นแหละ
“ว่าแต่ ทำไมท่านต้องใช้พลร่มด้วยหล่ะครับ”
ฮัมบูร์ก : ฉันว่าจะบุกเข้ายึดพระราชวังบัคกิ้งแฮมหน่ะ
“แต่ผมว่า การทำแบบนี้มันจะเสียทหารโดยเปล่านะครับ”
ฮัมบูร์ก : ฉันต้องการให้พวกมันยอมแพ้โดยเร็วหน่ะ
ต้องโจมตีในจุดกึ่งกลางของมันเลย
“หวังว่ากองเรือของอังกฤษจะไม่ตรวจเจอพวกเราก่อนนะครับ”
ฮัมบูร์ก : ตอนนี้ก็ต้องหวังพึ่งหน่วยข่าวกรองของเราด้วยส่วนหนึ่งหล่ะ
เอาหล่ะ ทุกคนไปประจำที่ได้แล้ว
กลับมายังสนามบินอังกฤษแถบชายแดนอีกครั้ง
คราวนี้เครื่องบินของอังกฤษกลับมาในสภาพที่ยับเยิน โอแลนเห็นแล้วแทบคลั่ง
เพราะทำไมเครื่องบินเยอรมันถึงเก่งกาจได้เพียงนี้
โอแลน : ดูเหมือนว่า
เราใกล้จะแพ้สงครามทุกทีแล้วสินะ
“ท่านครับ ทำไมถึงพูดแบบนี้หล่ะครับ”
โอแลน : ไม่มีอะไรหรอก
ฉันก็แค่พูดเกินจริงไปหน่อยหน่ะ
“ว่าแต่เครื่องบินใหม่เป็นยังไงบ้างครับ”
โอแลน : ตอนนี้ฉันกำลังปรับปรุงอยู่
แต่ตอนนี้ พวกนายต้องพึ่งฝีมือและความกล้าของพวกนายไปก่อน
“ผมได้ยินว่า
นักบินอเมริกาจะมาช่วยเรารบแล้วนี่ครับ”
โอแลน : นั่นสิ
แต่นั่นยังอาจช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก
ในขณะเดียวกัน การโจมตีระลอกสองก็เริ่มขึ้น
พวกนักบินก็เตรียมขึ้นบินรอบสอง เพื่อปกป้องน่านฟ้าอังกฤษจากพวกเยอรมัน
ในขณะเดียวกัน ในลอนดอน
เจลามี่ขับรถอยู่บนถนนหลังจากที่การระเบิดยุติลงชั่วคราว เขาพยายามจะกลับไปที่บานของเขา
แต่ในขณะนั้นเอง เขาก็เห็นคนบาดเจ็บจากเหตุระเบิดมากมาย
เขาจึงต้องลงจากรถเพื่อไปช่วย
เจลามี่ : เป็นยังไงบ้างครับ
ทำใจดีๆไว้นะครับ // เขากับคนอื่นๆช่วยกันแบกร่างของคนเจ็บไปรักษาอยู่เรื่อย
สภาพในตอนนั้นมีแต่ซากศพ คราบเลือด และเสียงร้องไห้ดังไม่ขาดสาย ในขณะเดียวกัน
ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาสะกิดที่เสื้อเขา
“พี่ขา ตามหาแม่ให้หนูที”
เจลามี่ : ไม่ต้องห่วงนะ
พี่จะตามหาแม่ให้เธอเอง
จากนั้นเอง เจลามี่ก็จูงมือเด็กน้อยคนนั้นไป ตามหาแม่ให้เธอ แต่ในตอนนั้นเธอก็พบเห็นแม่ที่กำลังร้องไห้หาลูกอยู่
พร้อมกับกองซากศพอีกมากมาย
“หนูจะได้เจอแม่หนูมั้ยคะ”
เจลามี่ : ไม่ต้องห่วงนะ
เดี๋ยวก็คงเจอแล้วหล่ะ
แต่ในตอนนั้นเอง เด็กผู้หญิงคนนั้นก็เจอแม่ของเธอ
แต่เธอนอนจมกองเลือด เธอวิ่งเข้าไปหาแม่เธอแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร
แม่ของเธอก็สิ้นใจอยู่ตรงนั้นแล้ว เด็กคนนั้นร้องไห้อยู่นาน
จนเจลามี่ต้องไปปลอบใจเธอ
“เสียใจด้วยนะหนู แม่เธอไปดีแล้ว”
“หนูไม่มีแม่อีกแล้ว”
“ไม่ต้องห่วงนะหนู ยังไงแม่เขาจะอยู่ในใจหนูเสมอนะ”
กลับมายังเยอรมัน
ซาบอนทำงานที่นี่มาได้หลายเดือนแล้ว
งานที่เขาได้รับคือเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถานทูตเบลเยี่ยม ในเยอรมนี
และในวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังนั่งทำงานอยู่
มีนายทหารเยอรมันคนหนึ่งต้องการอยากพบเขา จึงเดินเข้าห้องมาหาเขาทันที
“สวัสดีคุณซาบอน”
ซาบอน : สวัสดีครับท่าน
วันนี้มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ
“ผมอยากให้คุณช่วยสืบความลับของพวกต่อต้านในประเทศคุณให้หน่อยหน่ะ”
ซาบอน : ว่าแต่
ทำไมท่านถึงไม่ไปตามที่เบลเยี่ยมหล่ะครับ
“ผมได้ยินมาว่าหัวหน้าของพวกมันมากบดานที่เยอรมันหน่ะ”
ซาบอน : ห่ะ
มันกล้ามากเลยนะครับเนี่ย
“ใช่แล้วหล่ะ ผมอยากให้คุณช่วยหน่อย
นี่คือค่าจ้างของคุณ” นายทหารคนนั้นยื่นซองเงินไปให้
ซาบอน : วางใจได้เลยครับ
รอฟัข่าวดีจากผมได้เลย
“ยังไงก็ขอให้โชคดีหล่ะ” จากนั้นพวกเขาก็เดินออกจากห้องไป
กลับมายังอังกฤษ
ที่บ้านพักสุดหรูริมทะเลแห่งหนึ่ง หลังจากที่จูเลียสพาเคทหนีมาได้
พวกเขาทั้งสองคนก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่นั่น
เนื่องจากว่าบ้านหลังนี้เป็นของจูเลียสมานาน แต่เขาไม่เคยมาซักที
เคท : นี่
จูเลียส เมื่อไหร่คุณจะไปพบพ่อคุณซะทีหล่ะ
จูเลียส : ผมไม่รู้ว่าท่านจะคิดยังไงกับผมตอนนี้
เคท : นี่จูเลียส
คุณต้องเข้มแข็งไว้สิ พ่อคุณคงอยากเจอคุณมากนะคะ
ในขณะเดียวกัน มีชายแก่คนหนึ่งเดินมาสำรวจแถวบ้าน
อยู่ดีๆเขาก็ไขกุญแจเข้ามาในบ้านได้ จูเลียสคว้าปืนออกไปดู
ก็พบว่าเป็นคนที่เขารู้จัก
จูเลียส : อ้าว
พ่อบ้านฮอร์ค คุณมาที่นี่ได้ยังไงครับ
ฮอร์ค : คุณหนูครับ
ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอคุณหนูอีก
เคท : เขาเป็นใครอย่างงั้นเหรอคะ
จูเลียส : เขาเป็นพ่อบ้านที่บ้านพ่อผมหน่ะครับ
ฮอร์ค : ตอนนี้พ่อคุณกำลังป่วย
เขาเรียกร้องตามหาแต่คุณหนู เขาอยากให้คุณหนูกลับบ้านหน่ะครับ
จูเลียส : ห่ะ
พ่อเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ
ฮอร์ค : พ่อนอนป่วยตั้งแต่คุณหนูออกจากบ้านไปหน่ะครับ
กรุณรากลับบ้านเถอะนะครับ
เคท : จูเลียส
คุณต้องกลับไปหาพ่อคุณเดี๋ยวนี้นะคะ
จูเลียส : แต่ว่า!!
เคท : ถ้าคุณไม่ไป
ฉันจะลากคุณไปเอง พ่อคุณกำลังรอคุณอยู่นะคะ
จูเลียส : ก็ได้
คุณฮอร์คครับ พาผมไปพบพ่อทีครับ
ฮอร์ค : ได้เลยครับ
ขึ้นรถมาเลยครับ
ฮอร์คพาทั้งคู่ไปขึ้นรถที่จอดอยู่ แล้วรีบขับออกไปทันที
ที่อิตาลี หลายเดือนผ่านไป
นูโวร่าเธอเป็นแกนนำหลักในการกวาดล้างผู้ต่อต้านในพื้นที่ ในขณะเดียวกัน
เธอได้รับรายงานใหม่จากลูกน้องของเธอ ทำเอาเธอตื่นเต้นมากๆ
นูโวร่า : มีอะไรจะคุยอย่างงั้นเหรอ
ว่ามาสิ
“ตอนนี้เราได้เบาะแสสำคัญของแกนนำกลุ่มแล้วครับ”
นูโวร่า : แล้วตอนนี้พวกมันอยู่ที่ไหนหล่ะ
“พวกมันกำลังจะหนีออกจากชายแดนไปยังกรีซ ผ่านไปแอฟริกาครับ”
นูโวร่า : งั้นรีบเสริมกำลังที่ชายแดน
ห้ามไม่ให้พวกมันออกไปเด็ดขาด
“แล้วมีอีกเรื่องที่ต้องแจ้งครับ”
นูโวร่า : มีอะไรอีกก็ว่ามาสิ
“เดือนหน้าคุณต้องไปที่เยอรมันอีกครั้งครับ”
นูโวร่า : ทำไมเหรอ
จะให้ฉันไปทำอะไรหล่ะ
“ไปเจรจาเรื่องการส่งกำลังมาช่วยอิตาลีทำสงครามหน่ะครับ”
นูโวร่า : งั้นเหรอ
แค่นี้เอง เดี๋ยวฉันจัดการให้
ผ่านไปหลายเดือน อลันยังคงสร้างเครื่องถอดรหัสของตัวเอง
โดยที่ไม่ยอมหยุดพัก โดยที่คาริน่ามาช่วยเขาดัดแปลงบ่อยๆ
ซึ่งจริงๆแล้วคาริน่าเองเป็นคนช่วยทำงานแทนเขาในการถอดรหัส
คาริน่า : เป็นยังไงบ้างคะ
เครื่องถอดรหัสของคุณ
อลัน : ตอนนี้ผมพยายามดัดแปลงอยู่หน่ะ
คาริน่า : ฉันว่า
คุณควรจะพักผ่อนบ้างนะคะ
อลัน : ไม่ได้หรอกครับ
พวกเยอรมันกำลังไล่ฆ่าพวกเราอยู่
คาริน่า : ตอนนี้ฉันกำลังตามแกะรหัสกองเรือเยอรมันต้องสงสัยลำหนึ่งอยู่ค่ะ
อลัน : กองใหญ่มากหรือเปล่าหล่ะครับ
คาริน่า : ค่อนข้างใหญ่พอสมควรค่ะ
เท่าที่ฉันเดานะคะ
อลัน : ถ้างั้น
ผมคงต้องรีบหน่อยหล่ะ
คาริน่า : เฮ้อ
ฉันไม่น่าบอกคุณเลย คุณจะพักอยู่แล้วแท้ๆ
อลัน : ยังไงผมก็ขอบคุณมากนะครับ
กลับมายังแอริโซน่า สหรัฐอเมริกา
โคเวอร์ฟิตร่างกายจดพร้อมจะเข้ารับราชการทหารแล้ว
วันนี้เป็นอีกวันที่เขาจะส่งจดหมายให้พ่อของเขา ระหว่างที่เขากำลังไปส่งจดหมาย
นายอำเภอคนเดิมก็ขี่ม้ามาหาโคเวอร์ทันที
“สวัสดีโคเวอร์ มาส่งจดหมายอย่างงั้นเหรอ”
โคเวอร์ : ครับผม
วันนี้ไปตรวจการที่ไหนมาเหรอครับ
“ก็แถวนี้แหละ เออนี่
ว่าแต่เราจะเข้าไปสมัครทหารเมื่อไหร่หล่ะ”
โคเวอร์ : ถ้าเปิดรับเมื่อไหร่ผมจะไปหล่ะครับ
“อ้อๆ ถ้าฉันได้ข่าวฉันจะมาบอกนายก็แล้วกัน
แล้วจะมีรถบัสไปส่งนายด้วย”
โคเวอร์ : ขอบคุณมากครับ
ผมจะเป็นทหารให้ได้เลยครับ
“ดีๆ
ได้ยินว่าตอนนี้พวกอักษะกำลังกำแหงไปทั่วยุโรปเลย
เหลือแต่อังกฤษเท่านั้นที่มันพิชิตไม่ได้”
โคเวอร์ : ถ้าพวกมันประกาศสงครามกับเรา
ผมจะไปเยือนถึงประเทศมันเลยครับ
“ฉันจะรอดูก็แล้วกันนะ”
กลับมายังสหภาพโซเวียต หลังจากที่ออก้ารอดมาจากเนเธอร์แลนด์แล้ว
เขารับจ้างทำนากับแม่เขา ซึ่งพ่อของเขาตายในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ด้วยความที่พี่ชายของแม่เป็นข้าราชการ พวกเขาเลยโชคดีหน่อย
และในระหว่างที่พวกเขาทำนา พี่ของแม่เขาก็มาเยี่ยมพวกเขาทันที
พวกเขาเลยออกไปต้อนรับ
“สวัสดีจ้ะน้อง หวัดดีออก้า โตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ยเรา”
ออก้า : คุณลุงครับ
มาถึงที่นี่เลยเหรอครับเนี่ย
“ว่าแต่ เธอมาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่าหล่ะ”
“ผมได้ยินว่าออก้าเพิ่งกลับมาจากเนเธอร์แลนด์
ผมอยากสอบถามอะไรเขาหน่อย มากับลุงหน่อยสิ” ออก้าเดินตามลุงของเขาเข้าไปในบ้าน
จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ของโซเวียตอยู่สองสามคน
จากนั้นลุงของออก้าก็เริ่มถามเขาทันที
“นี่ พวกนาซีมันทำอะไรกับเธอหรือเปล่า
แล้วเธอได้บอกอะไรพวกมันมั้ย”
ออก้า : ผมว่ามันจับผิดคนหน่ะ
ผมแค่ไปตามหาเพื่อน
“แล้วทำไมพวกมันต้องตามเธอด้วยหล่ะ”
ออก้า : มันคิดว่าผมเป็นสายลับหล่ะมั้งครับ
มันถามว่าผมไปทำอะไรที่นั่น
“แล้วยังไงต่อหล่ะ พวกมันไม่ได้อะไรไปใช่มั้ย”
ออก้า : ก็ผมจะมีอะไรให้พวกมันหล่ะครับ
ผมโชคดีแค่ไหนแล้วที่หนีมาได้
“ก็ดีแล้วหล่ะ
เดี๋ยวฉันจะรายงานไปยังเบื้องบนเพื่อช่วยเธอก็แล้วกัน ระหว่างนี้
เธออย่าออกจากโซเวียตหล่ะ มันอันตราย”
ออก้า : ครับผม
ขอบคุณมากนะครับ
กลับมายังกรุงเทพ ประเทศไทย ณ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักศึกษากำลังประท้วงเพื่อเรียกร้องดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงคืนมา
นักศึกษาประท้วงกันทั้งวันทั้งคืน หนึ่งในแกนนำก็มีพิมด้วย
ในระหว่างที่พิมกำลังช่วยกันแจกใบปลิวอยู่ เธอก็นั่งพักอยู่แถวนั้นพร้อมกับเพื่อนเธอที่แจกใบปลิวด้วยกันพอดี
แก้ว : เออนี่
วันนี้เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยหรือเปล่า
พิม : ก็นิดหน่อยหน่ะ
แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้อะไรมากหรอก
แก้ว : เธอคิดว่าท่านผู้นำของเราจะทำยังไงต่อหล่ะ
พิม : ฉันก็ไม่รู้
กำลังรอฟังข่าวอยู่หน่ะสิ อย่าเพิ่งคิดอะไรเลย
แก้ว : เฮ้อ
แต่วันนี้ก็แจกไปเยอะมากจริงๆนะ ดูสิแจนระบบไปหมดเลย
พิม : เอาน่า
อย่าขี้เกียจไปหน่อยเลย แจกต่อเถอะ
ในขณะเดียวกัน ก็มีข่าวประกาศทางวิทยุ
หลังจากที่ประกาศเสร็จ นักศึกษาคนหนึ่งก็มาตะโกนบอกทุกคนแถวนั้นทันที
“ทุกคน รัฐบาลประกาศสงครามกับฝรั่งเศสแล้ว”
“เรื่องจริงหรือเปล่าวะ”
“เรื่องจริง ท่านผู้นำเพิ่งจะประกาศเมื่อกี้นี่เอง”
หลังจากได้ยินคำประกาศ เหล่านักศึกษาเฮกันใหญ่
จากนั้นก็โห่ร้องกันอย่างต่อเนื่อง
แก้ว : พิม
ได้ยินหรือเปล่า รัฐบาลเราประกาศสงครามแล้ว
พิม : เยี่ยมไปเลย
หวังว่าเราจะได้ดินแดนคืนมาบ้างนะ
ที่บ้านของรัต หลังจากที่เขาพักฟื้นได้หลายเดือน
เมื่อเขาได้ยินประกาศทางวิทยุ เขาก็ถอนหายใจทันที
รัต : ผมคงต้องไปทำสงครามอีกหล่ะครับเนี่ย
“จะดีเหรอลูก แต่ลูกยังไม่หายดีเลยนะ”
รัต : มันเป็นหน้าที่ของผมนี่ครับแม่
ยังไงผมก็ต้องทำครับ
“นั่นสินะ ยังไงลูกก็ต้องห่วงตัวเองไว้บ้างนะ”
รัต : รัฐบาลเห็นว่าฝรั่งเศสตอนนี้อ่อนแอ
เลยหวังจะเข้ายึดดินแดนคืน
“แต่พ่อก็ว่าอ่อนแอจริงนะ
ฝรั่งเศสเพิ่งจะแพ้เยอรมันไปหน่ะสิ”
รัต : ศึกนี้อาจไม่ง่ายสำหรับผม
แต่ผมจะทำให้เต็มที่ที่สุดก็แล้วกัน
“ยังไงก็ขอให้พระคุ้มครองนะลูก”
กลับมายังเยอรมนี ที่ค่ายของยุวชนนาซี
หมู่ของโยชิตะต้องไปทำงานอย่างหนึ่ง นั้นก็คือ กวาดต้อนชาวยิวเข้าค่ายกักกัน ซึ่งในตอนนั้นเอง
เขาต้องมาทำงานร่วมกับวิคเตอร์และเทราน์เนอร์ด้วย
วิคเตอร์และเทราน์เนอร์อาสาช่วยสอนงานให้โยชิตะและพรรคพวกด้วย
วิคเตอร์ : นี่
โยชิตะ ถ้าพวกยิวมันลงมา นายช่วยจัดให้มันเข้าแถวนะ
โยชิตะ : ผมเข้าใจแล้ว
ว่าแต่ทำไมต้องเรียกหมู่ของผมมาด้วยหล่ะ
เทราน์เนอร์ : ก็ถือซะว่าเป็นการสอนงานไปก็แล้วกัน
ช่วงนี้ต้องขอให้หมู่ของเธอมาช่วยก่อนหล่ะ
ระหว่างที่พูดคุยกัน รถไฟของพวกนาซีก็มาพอดี จากนั้นพวกเขาก็เริ่มไล่ต้อนชาวยิวลงมาจากรถไฟทันที
วิคเตอร์ : เอาหล่ะ
ไอ้พวกหมูยิว รีบๆลงมาสิโว้ย
เทราน์เนอร์ : เออ
รีบๆลงมา อย่าให้ฉันต้องกระทืบพวกแกเลยนะเว้ย
โยชิตะ : เอาหล่ะ
รีบๆลงมา แล้วก็เข้าแถวด้วยนะ // ระหว่างที่กำลังโกลาหลอยู่
เด็กหญิงคนหนึ่งพยายามหาแม่ของเธอ วิคเตอร์พยายามจับเด็กนั้นมา
แต่เธอไปหลบอยู่หลังโยชิตะ
วิคเตอร์ : โยชิตะ
จับมันให้กลับเข้าแถวหน่อยสิ
โยชิตะ : ผมจะพาเด็กคนนี้ไปหาแม่เธอเอง
เทราน์เนอร์ : นี่
ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยหล่ะ
โยชิตะ : ผมแค่ไม่อยากให้พวกมันแตกแถวหน่ะ
ถ้าเป็นแบบนี้สงสัยจะดิ้นไม่อยู่แน่
โยชิตะลากเธอไปรวมกับคนแก่และผู้หญิงแถวนั้น
จากนั้นเขาก็พูดกับเธอว่า
“นี่ แม่เธอคงอยู่แถวนั้น แล้วก็เงียบปากด้วย” จากนั้นเธอก็เจอแม่ของเธอพอดี
แล้วโยชิตะก็เดินออกไป
โยชิตะ : เห็นมะพี่
แบบนี้จะได้เงียบซะที ค่อยยังชั่ว
วิคเตอร์ : เอาเถอะ
นายนี่มันฉลาดดีนี่หว่า
เทราน์เนอร์ : แน่นอน
ความฉลาดหมอนี่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยนะ
กลับมายังฝรั่งเศส
อลิสกับรินยังคงทำงานอยู่ที่บาร์ แต่เปลี่ยนที่ใหม่
เนื่องจากว่าพวกใต้ดินชอบมาสังสรรค์กันที่นี่ โดยเธอต้องเปลี่ยนชื่อและนามสกุล
แล้วก็เปลี่ยนสีผมใหม่ เพื่อไม่ให้ใครจำเธอได้
อลิส : ใจเย็นๆไว้นะ
งานนี้ไม่ต้องซีเรียสเท่าไหร่หรอก
ริน : หนูว่า
มันจะไม่เหมือนงานอื่นหน่ะพี่
อลิส : ทำไมถึงคิดแบบนั้นหล่ะ
ริน : ก็พวกกบฏเนี่ยหูตาไวอย่างกับสัปปะรดนะพี่
อลิส : ไม่ต้องห่วงหรอก
ทำตามที่พี่บอก แล้วจะดีเอง นั่นไง เป้าหมายของเรามาแล้ว
เมื่อเธอเห็นชายสองคนเดินมา
จากนั้นพวกเธอก็เริ่มงานทันที
บนเรือธง H-39 ที่ฮัมบูร์กประจำการอยู่
อีกไม่กี่เดือนถัดมา ซึ่งจะเป็นช่วงปีใหม่แล้ว
ฮัมบูร์กคิดแผนการบางอย่างขึ้นได้ในตอนนั้น เธอจึงสั่งการไปยังลูกน้องคนอื่นๆทันที
ฮัมบูร์ก : ซีซาร์
เมอร์ลินจะเข้าโจมตีอีกครั้งเมื่อไหร่หล่ะ
ซีซาร์ : น่าจะอีกไม่กี่วันครับผม
ฮัมบูร์ก : ดีมาก
ขณะเดียวกัน เมอร์ลินก็โทรศัพท์มาพอดี
ฮัมบูร์กรับสายอย่างใจจดใจจ่อ
“นี่ ฮัมบูร์ก
เรากำลังจะโจมตีอีกครั้งในช่วงบ่ายนี้ แล้วเจอกันนะ” จากนั้นสายก็ตัดไป
ฮัมบูร์ก : เหลือเวลาอีกไม่นานเท่าไหร่สินะ
ซีซาร์ สั่งกองบินของเราให้เตรียมพร้อม
ซีซาร์ : ครับผม
======================================================================
ฮัมบูร์กมีแผนอะไรอยู่ในใจกันแน่ ถ้าอยากรู้ ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยนะคร้าบ
ช่วงนี้อาจจะไม่ค่อยได้มาอัพ เพราะได้งานทำแล้ว ตื่นเช้าทุกวัน แทบจะกินนอนบนรถโดยสารแล้ว
ขนาดเขียนนิยายยังเขียนในโทรศัพท์เลย 555
ยังไงก็ติดตามกันเรื่อยๆนะครับ
ความคิดเห็น