คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : เส้นทางสู่ปารีส
ต้นเดือนพฤษภา 1940 เคทอยู่บนดาดฟ้าของตึกแห่งหนึ่ง
กำลังเล็งเป้าหมายไปยังนายพลคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่
เคทเล็งปืนไปยังเป้าที่คิดว่าไม่น่าจะพลาด จากนั้น
ปัง!!
ร่างของนายพลคนนั้นล้มลง ด้านล่างแตกตื่นกันใหญ่
เคทหนีลงมาจากดาดฟ้าออกไปยังถนนใหญ่ จากนั้นก็เรียกรถรับจ้างด้วยความเร่งรีบ
“ไปสถานีรถไฟ ด่วนเลยนะ”
รถรับจ้างคันนั้นออกตัวไป
ในขณะที่ตำรวจก็เข้ามาควบคุมสถานการณ์ทันที เคทดื่มเหล้าที่เธอพกมาดื่มเพื่อย้อมใจ
“ทางนั้นวุ่นวายใหญ่เลย
รู้มั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้นครับ” คนขับรถถาม
เคท : ฉันก็ไม่รู้สิ
สงสัยจะมีขโมยหล่ะมั้ง
เคทคิดในใจ ไม่มีใครจำได้ก็ดีแล้ว
เมื่อมาถึงสถานี เธอก็จองตั๋วรถไฟกลับฝรั่งเศสทันที
“จะไปที่ไหนดีคะ”
เคท : ฝรั่งเศสค่ะ
// เธอรับตั๋วมาจากนั้นก็รอรถไฟอยู่แถวนั้น
ในตอนนั้นเองเธอดันมาคิดถึงชายที่เพิ่งจะเจอกัน ได้ยังไงหล่ะเนี่ย จูเลียส ถ้าฉันเป็นนาย
ฉันจะรีบหนีไปจากที่นี่นะ นายมีอะไรในใจอยู่หรือเปล่า ฉันอยากรู้จริงเลย
ในขณะเดียวกันรถไฟไปปารีสก็มาเทียบชานชาลา
แล้วเธอก็ขึ้นรถไฟออกเดินทางทันที
ขณะเดียวกัน
จูเลียสทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในเยอรมันโดนใช้ชื่อปลอมว่า โจอี้
เขาปกปิดตัวเองว่าเป็นคนอังกฤษเพื่อไม่ให้ใครรู้ ไม่งั้นเขาอาจเดือดร้อนได้
“โจอี้ เอาไส้กรอดเสิร์ฟโต๊ะ 3 ด้วย”
“โจอี้ นี่ทิปของนายนะ เอาไปด้วย”
เมื่อถึงเวลาพัก เขามานั่งคิดอะไรไปเรื่อย
ว่าเขาตัดสินใจถูกหรือเปล่า
ที่ออกจากคฤหาสน์ของตัวเองแล้วมานอนอยู่ห้องเล็กๆแบบนี้ แต่เอาเถอะ ก็ยังดีกว่าต้องกลับไปเป็นทหารก็แล้วกัน
ในขณะเดียวกัน ก็มีโจรมาปล้นที่ร้านของเขา
พวกมันถือปืนมาพยายามกวาดเอาเงินไป จากนั้นเอง ตำรวจก็มาถึง
พวกมันเลยจับเด็กไว้เป็นตัวประกัน
จูเลียสมองดูสถานการณ์อย่างรอบคอบจากนั้นก็ไปเจรจากับพวกมัน
จูเลียส : พวกคุณไปไหนไม่รอดหรอก
ยอมเขาเถอะ
“แกเป็นใครห่ะ บอกพวกตำรวจว่าถ้าไม่หลีก
เด็กนี่ตาย”
จูเลียส : ถ้าเด็กคนนี้ตาย
นายคิดว่าพวกนายจะรอดงั้นเหรอ ไปจากที่นี่ซะดีกว่า
อย่างน้อยก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้นะ
“หรือจะให้ฉันฆ่าแกห่ะ”
จูเลียส : ก็ได้
งั้นปล่อยเด็กไปเถอะ เอาฉันเป็นตัวประกันแทน // จูเลียสเข้าไปใกล้โจรคนนั้น
แต่จูเลียสก็หักมือเขาแล้วก็คว้าปืนมา
โจรที่เหลือพยายามจะยิงเขาแต่จูเลียสก็ยิงเข้าที่แขนมัน
จากนั้นตำรวจก็เข้ามาควบคุมสถานการณ์ จูเลียสเดินไปควบคุมสติตัวเองหลังร้าน
แต่ระหว่างนั้นเอง ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาหาเขา จากนั้นก็บอกกับเขาว่า
“ฉันอยากจะคุยอะไรกับนายหน่อยหน่ะ สนใจมั้ย”
ณ ท่าเรือแห่งหนึ่งของเนเธอร์แลนด์
แคทเทอรีนบอกลาอ๊อตโต้เพื่อนของเธอ ก่อนที่จะเดินทางไปฝรั่งเศส
เพื่อไปรวมตัวกันสู้กับเยอรมันที่นั่น
ส่วนทางพวกเด็กๆก็ไปล่ำลาแอนน์และพี่สาวของเธอ
อเล็กซ์ : เธออยู่ที่นี่เธอต้องดูแลตัวเองดีๆนะ
ทั้งสองคนเลย
แอนน์ : ขอบคุณมากๆนะ
ความจริงพวกเธอน่าจะอยู่ให้นานกว่านี้นะ
แซค : ผมก็อยากอยู่นะ
แต่มันมีงานอีกหลายอย่างที่ต้องไปทำหน่ะ
โอ๊ค : ใช่ครับ
มันคือหน้าที่ของเราหน่ะครับ ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจ
มาร์ก๊อต : ยังไงพวกคุณต้องระวังตัวให้มากๆนะคะ
ธิน : ไม่ต้องห่วงครับ
พวกเราไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว
เอม : นี่อยยจ๊ะ
เช็ดน้ำตาหน่อยสิตัวเธอ เวอร์ไปแล้ว
ออย : พูดอย่างกับว่าฉันร้องอยู่คนเดียวนั้นแหละ
โซเซีย : เอาเถอะ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้พวกคุณอย่ายอมแพ้นะ
นาวิน : ใช่ครับ
ผมขอให้พวกคุณอดทน อย่ายอมแพ้ ไม่แน่วันหนึ่งคุณอาจจะเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกก็ได้ครับ
แอนน์ : ดูเหมือนจะอินไปหน่อยนะ
แต่ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะคะ ฉันจะไม่ลืมคำพูดของคุณเลย
อ๊อตโต้ : ยังไงฉันก็ขอให้ทุกคนโชคดีแล้วกันนะ
แคทเทอรีน : ขอบคุณนะ
แต่ถ้าคุณมีโอกาส ไปจากที่นี่ซะนะคะ
อ๊อตโต้ : ผมตัดสินใจแล้วหล่ะ
ยังไงก็รักษาตัวด้วยนะ
แคทเทอรีนพาเด็กๆไปขึ้นเรือยอร์ชของตัวเอง
เพื่อไปยังฝรั่งเศสให้ทันเวลา
กลับมายังกรุงลอนดอน
โจสวางแผนเพื่อที่จะจับตัวคนที่คิดทำร้ายเขา
จากนั้นเองเขาก็บอกแผนการนี้ให้กับเพื่อนเขาทันที
โจส : ฉันรู้แล้ว
ว่าจะเล่นงานพวกที่ทำร้ายฉันยังไง
“นายมีแผนแล้วงั้นเหรอ”
โจส : ใช่
ฉันว่านายต้องคาดไม่ถึงแน่ๆ
“แผนอะไรของนายงั้นเหรอ”
โจส : ฉันจะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ
ให้พวกนั้นออกมาหน่ะ
“ห่ะ แบบนี้มันเสี่ยงมากเลยนะ”
โจส : ถึงเสี่ยงแต่มันก็คุ้มที่จะเสี่ยงนะ
ฉันอยากให้นายขอกำลังเสริมให้ฉันหน่ะ
“ก็ได้ ฉันจะขอไปที่สถานทูต
แต่นายรู้ตัวนะว่ากำลังทำอะไรอยู่”
โจส : แน่นอน
ทางด้านนูโวร่า
เธอได้ข่าวใหม่ว่าเขาจะไปนั่งทานข้าวกับเพื่อนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
เพื่อนของนูโวร่าก็มาบอกกับเธอทันที
“นี่ นูโวร่า ฉันมีข่าวใหม่จะบอก”
นูโวร่า : ข่าวอะไรของนายอีกหล่ะ
“คนที่เธอตามตัวอยู่
สายของเรารายงานว่ามันจะไปทานข้าวกับเพื่อนมันที่ร้านอาหารแถววินเชสเตอร์หน่ะ”
นูโวร่า : งั้นเหรอ
เอิ่ม
“นี่จะเป็นโอกาสของเรานะ เธอคิดอะไรอยู่หน่ะ”
นูโวร่า : ฉันว่ามันง่ายเกินไปหน่ะ
ทำไมสายเรารายงานได้แม่นยำจัง
“ฉันไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นนะ
พวกนายอย่าชะล่าใจก็แล้วกัน”
ณ ฟินแลนด์ แนวรบด้านตะวันออก
หลังจากที่ออก้าและคนในหน่วยได้ถอยทัพมายังหน่วยที่ปลอดภัยกว่า ออก้าพยายามจะทำใจไม่ให้ตัวเองเป็นบ้าไปกับสงครามครั้งนี้
“โซเซีย ฉันคิดถึงนาย นายไปอยู่ที่ไหนกันนะตอนนี้”
ในขณะเดียวกัน ทหารคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในเต้นท์ของออก้า
“ออก้า นายพูดถึงใครอยู่เหรอ”
ออก้า : เพื่อฉันเองหล่ะ
เคยเจอกันที่โปแลนด์หน่ะ
“เพื่อนที่โปแลนด์งั้นเหรอ
ฉันว่าเขาคงหนีไปที่อื่นแล้วหล่ะ”
ออก้า : มันก็ไม่แน่เสมอไปนี่หน่า
ว่าแต่นายมานี่มีอะไรเหรอ
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่คิดว่าเมื่อไหร่สงครามบ้านี่จะสงบหล่ะเนี่ย”
ออก้า : เฮ้ย
ทำใจเถอะ ที่นี่ใช้คนเปลืองชิบหายเลย
“นั่นสิ ไม่รู้ว่าสตาลินคิดอะไรอยู่นะ”
ออก้า : นายว่า
สงครามโลกครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นหรือเปล่าอ่ะ
“ไม่รู้สิ แต่อย่าให้มันเกิดเลย
พ่อฉันตายไปคนหนึ่งแล้ว”
ออก้า : ฉันเสียใจด้วยนะ
ณ ประเทศกัมพูชา
รัตซึ่งกำลังส่งข้อมูลไปทางหน่วยเหนือ
แต่อยู่ดีๆชาวเขาคนเดิมก็มาเคาะประตูกระท่อมเขา รัตชักปืนออกมาแล้วเปิดประตูให้
“คูณราตครับ”
รัต : อ้าว
มะขิน นายมาทำอะไรที่นี่เนี่ย
“โผมจามาบ่อคูณราตว่า โผมโคอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”
รัต : ทำไมเหรอ
มีอะไรหรือเปล่า
“มานโส่งจดหมายมาหาครอครัวโม
บอกมะให้ไปยุ่งกับคูณอีก”
รัต : โอเค
แล้วนายมาที่นี่อยากมารับเงินหรือเปล่า
“ช่ายครับ”
รัต : โอเค
รออยู่นี่ก่อนนะ ฉันจะไปหาเงินมาให้ // รัตวิ่งเข้าไปที่กระท่อมจากนั้นก็ไปหยิบเงินก่อนหนึ่งให้เขา
แล้วมะขินก็เดินจากไปอย่างเร่งรีบ
“มันอยู่ที่นี่ใช่มั้ย”
“ผมว่าน่าจะใช่นะ
เพราะไอ้แม้วนั้นมันถือเงินออกมาด้วย”
“โอเค งั้นรอมันเผลอ ค่อยไปจับตัวมันทันที”
ณ กรุงลอนดอน
เจลามี่มาปราศรัยที่จัตุรัสแห่งหนึ่ง ให้กับชาวโปแลนด์ที่หนีสงครามมายังอังกฤษ
ซึ่งพวกเขาเกลียดพวกเยอรมันเข้าไส้ เมื่อเจลามี่พร้อม เขาจึงเริ่มปราศรัยทันที
“พ่อแม่พี่น้องชาวโปแลนด์ครับ ถึงเวลาแล้วครับ ที่เราจะต้องลุกขึ้น
ต่อต้านผู้รุกราน”
“พวกนาซี หาเรื่องทำสงคราม เพื่อยึดดินแดนของเรา
เราจะยอมอยู่เฉยๆได้งั้นเหรอ”
“ถ้าเราไม่ทำอะไรซักอย่าง
พวกนาซีคงจะยึดครองยุโรปทั้งหมด”
“ความจริง ไม่ใช่หน้าที่ผมที่จะมาพูดที่นี่
มันควรเป็นหน้าที่ของพี่สาวผม”
“แต่เธอถูกฆ่าตาย โดยพวกขายชาติ
ที่ขายวิญญาณให้พวกนาซี”
“ถึงเวลาหรือยังครับทุกท่าน
ที่เราจะต้องบอกศัตรูของพวกเราว่า เราจะไม่ยอมพวกมันอีกต่อไป”
เสียงปรบมือดังขึ้นไปทั่ว แต่ชายสองคนคุยกันท่ามกลางเสียงปรบมือของชาวเมืองแถวนั้นโดยไม่กลัวใครได้ยิน
“ไอ้หมอนี่ ถ้ามันยังอยู่ งานของเราไม่สำเร็จแน่ๆ”
“ไม่ต้องห่วง ขอแค่คุณสั่ง ผมทำให้แน่”
“ฉันฆ่าพี่สาวมันได้ ฉันก็ฆ่ามันได้เหมือนกัน”
ณ ปารีส ฝรั่งเศส
อลิสกับรินต้องต้อนรับคณะนายทหารจากอังกฤษที่มายังฝรั่งเศส
เป็นโอกาสของพวกเธอที่จะทำอย่างไรให้ได้ความลับจากนายพลพวกนั้นมาให้ได้มากที่สุด
จนกระทั่งเวลามาถึง นายพลอังกฤษพาอลิสขึ้นห้อง
ส่วนนายทหารระดับสูงก็จะพารินไป ทั้งคู่จึงได้เริ่มงานของตัวเองขึ้น
อลิสมอมเหล้านายพลคนนั้นจนคายความลับทุกอย่างออกมา จากนั้นเธอก็บันทึกทุกอย่างไว้หมด
แล้วเธอก็จัดฉากทุกอย่างให้เหมือนกับว่าเธอกับเขาเพิ่งจัดหนักกัน
จากนั้นเธอก็มาพบกับรินที่จุดนัดพบ
อลิส : เป็นไงบ้างริน
ทำตามที่ฉันบอกหรือเปล่า
ริน : ค่ะพี่
วิธีของพี่ได้ผลจริงๆ นึกว่าต้องนอนกับมันซะแล้ว
อลิส : เธอได้ความลับอะไรมาบ้างงั้นเหรอ
ริน : หนูได้ยินมาว่า
พวกฝรั่งเศสกำลังเตรียมพร้อมรับมือพวกเยอรมันที่ป้อมมายิโน่หน่ะค่ะ แล้วทางพี่หล่ะ
อลิส : พี่ได้ยินมาว่า
กองทัพอากาศอังกฤษกำลังจะเตรียมบุกเบอร์ลินหน่ะ
ริน : หนูว่ารีบเอาข้อมูลนี้ส่งให้ทางหน่วยของเราเถอะค่ะ
อลิส : พี่เห็นด้วยนะ
งั้นไปกันเลย
กลับมายังเบอร์ลิน
ดอร์ชมันต์พากัสมายังบ้านพักของตนเอง เนื่องจากกัสไม่รู้จะไปพักที่ไหน
เขาพาเธอเข้าไปดูในตัวบ้านทันที
ดอร์ชมันต์ : ทำตัวตามสบายนะครับ
คิดซะว่าเป็นบ้านของคุณ
กัส : คุณอยู่คนเดียวเหรอคะ
ดอร์ชมันต์ : ครับผม
เดี๋ยวผมไปหาอะไรให้คุณดื่มนะครับ // ดอร์ชมันต์ไปหยิบไวน์ในบ้านมาให้กัส
จากนั้นก็รินใส่แก้วให้เธอ แล้วนั่งดื่มกับเธอที่ห้องรับแขก
ดอร์ชมันต์ : คุณมาหาวิคเตอร์เขา
มีอะไรหรือเปล่าครับเนี่ย
กัส : ดิฉันรู้จักกับเขาค่ะ
รู้จักเป็นอย่างดี
ดอร์ชมันต์ : งั้นเหรอครับ
มีไม่กี่คนที่วิคเตอร์จะยอมรู้จักด้วยนะเนี่ย คุณถือว่าโชคดีแล้วนะ
กัส : ขอบคุณค่ะ
// ระหว่างนั้นเอง ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา
ดอร์ชมันต์ไปรับโทรศัพท์ จากนั้นก็มาคุยกับเธอในทันที เนื่องจากเขามีธุระด่วน
ดอร์ชมันต์ : เดี๋ยวผมไปรายงานตัวที่หน่วยก่อนนะครับ
ทางนั้นเรียกตัว ยังไงก็ตามสบายนะครับ // ดอร์ชมันต์ขับรถของเขาออกไป
ปล่อยให้กัสยืนมองอยู่ตรงนั้น
กลับมาที่แอฟริกา
หลังจากที่ระเบิดลงอย่างหนักในค่ายทหารอิตาลี ลูก้าก็ออกมาดูความเสียหายในทันที
ด้านนอกมีทหารบาดเจ็บล้มตายกันมากมาย ทำเอาลูก้าประสาทเสียไปเลย
ลูก้า : มีทหารตายทั้งหมดเท่าไหร่
“ทหารอิตาลีตายราวๆ 120 คนได้ ส่วนทางเยอรมันมีแค่ 14 นายครับ บาดเจ็บก็อีกเป็นพันครับ”
ลูก้า : แบบนี้
ฉันว่าคงต้องส่งจดหมายถึงทางเบอร์ลินแล้วหล่ะ
“ท่านจะเขียนอะไรไปครับ”
ลูก้า : คงต้องให้ทางเยอรมันส่งกำลังมาช่วยเต็มรูปแบบ
ไม่งั้นคงจะแย่กว่านี้แน่ๆ
“ผมว่าอาจจะไม่นะครับ
เพราะตอนนี้พวกเขาคงกำลังวุ่นกับสงครามฝากตะวันตกก็ได้นะครับ”
ลูก้า : นั่นสินะ
ยังไงก็เตรียมพร้อมไว้ทุกเมื่อหล่ะ ตอนนี้ไปช่วยคนเจ็บก่อนดีกว่า
“ครับผม”
ทางด้านเทราน์เนอร์
เขาออกตามหาวิคเตอร์เพื่อนของเขาในซากของค่ายที่เพิ่งโดนถล่ม ไม่นานนัก เขาก็เห็นวิคเตอร์ในสภาพที่ย่ำแย่เต็มที
เทราน์เนอร์เลยพาวิคเตอร์ไปหาหมอแถวนั้นทันที
เทราน์เนอร์ : หมอครับ
ช่วยเพื่อนผมหน่อย // หมอพาวิคเตอร์ไปปฐมพยาบาล
ส่วนเทราน์เนอร์ก็นั่งเฝ้าวิคเตอร์อยู่ไม่ห่าง จนกระทั่งเขาฟื้นขึ้นมา
เทราน์เนอร์ : วิคเตอร์
นายเป็นยังไงบ้างเนี่ย
วิคเตอร์ : เทเรซ่า
เทเรซ่าของฉันหายไปไหนหล่ะ
เทราน์เนอร์ : ฉันก็ไม่รู้
คงโดนระเบิดตายแล้วหล่ะมั้ง
วิคเตอร์ : ไม่นะ
บอกฉันสิว่ามันไม่จริง บอกฉันสิ
เทราน์เนอร์ : เฮ้อ
ฉันขี้เกียจจะพูดกับนายแล้วนะ รักษาตัวให้หายก่อนดีกว่า แล้วค่อยว่ากันอีกที
ทางด้านเทเรซ่า เธอตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองถูกจับมัดนอนในโลงอยู่ในห้องพักขององค์ฟาโรห์รามเสสที่ยิ่งใหญ่
บรรยากาศแบบอียิปต์โบราณ มีรูปปั้นต่างๆประดับประดามากมาย ทำเอาเธอตกใจมาก เธอร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
ระหว่างนั้นก็มีเสียงชายอียิปต์โบราณมากระซิบข้างๆเธอ
“ตื่นได้แล้วนะ”
เทเรซ่าตื่นมาพบความจริง
พบว่าเธออยู่บนเตียงธรรมดาๆ โดยมีชายคนหนึ่งกำลังเอาน้ำมาให้เธอดื่ม
“ดื่มน้ำก่อนสิ”
เทเรซ่าดื่มน้ำจนหมด
จากนั้นชายคนนั้นก็ซักถามเธอต่อเนื่องทันที
“เธอมาจากกองทัพอิตาลีงั้นเหรอ หนีทัพมาทำไม”
เทเรซ่า : ทหารเยอรมันพยายามจะข่มขืนฉันหน่ะ
“เสียใจด้วยนะ
ว่าแต่พวกเยอรมันส่งกำลังคนมาแล้วเหรอ”
เทเรซ่า : ก็แค่พวกสังเกตการณ์หน่ะ
ว่าแต่คุณชื่ออะไรงั้นเหรอ
“ผม ร้อยโทบราฮัม หน่วยทหารม้าหน่ะ แล้วคุณหล่ะ”
เทเรซ่า : ฉันชื่อเทเรซ่า
เป็นแพทย์สนามในกองทัพอิตาลีหน่ะ
บราฮัม : ผมกำลังต้องการหมออยู่พอดีเลย
ตอนนี้เราขาดแคลนหมอมากๆ
เทเรซ่า : ไหงงั้นหล่ะ
ไม่มีใครมาช่วยคุณเลยเหรอ
บราฮัม : ความช่วยเหลือมาไม่ค่อยถึงซักเท่าไหร่หน่ะ
ยังไงคุณก็พักผ่อนให้เต็มที่นะ
เทเรซ่า : ได้ค่ะ
ขอบคุณมากๆนะคะที่ช่วยฉัน
ณ ศูนย์บัญชาการกองทัพแวร์มัค
ฮัมบูร์กเตรียมพร้อมกับสงครามที่กำลังจะมาถึง
เธอรอแต่คำสั่งของท่านจอมพลเพื่อเตรียมบุกเท่านั้น ในตอนนั้นเอง
โยชิตะก็มาเยี่ยมรุ่นพี่ของเขาด้วย ทำให้ได้เจอนายทหารเยอรมันมากมาย บรรยากาศดูตึงเครียด
เนื่องจากว่าสงครามครั้งใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น
ฮัมบูร์ก : โยชิตะ
มาที่นี่ได้ยังไงหล่ะเนี่ย
โยชิตะ : มีคนบอก
ถ้าอยากเจอพี่ให้มาที่นี่หน่ะครับ
ฮัมบูร์ก : งั้นมาก่อนสิ
พี่กำลังปรึกษางานกับเพื่อนๆเลย // ฮัมบูร์กพาโยชิตะไปพบกับนายทหารคนอื่นๆ
ซึ่งนั้นก็คือเพื่อนๆของฮัมบูร์กนั่นเอง
ฮัมบูร์ก : นี่น้องชายฉัน
ทำความรู้จักไว้สิ
เมอร์ลิน : หวัดดีจ้า
ฉันได้ยินชื่อเสียงของนาย ยินดีที่ได้เจอนะ
โยชิตะ : ว่าแต่
พวกพี่กำลังจะเตรียมทำสงครามอยู่ใช่หรือเปล่าครับเนี่ย
มิลเลอร์ : นายรู้ได้ยังไงหล่ะ
ไม่มีใครบอกน้องเลยนะ
โยชิตะ : นายทหารระดับสูงหลายคนมาประชุมที่นี่
มว่าคงไม่ได้จับโจรธรรมดาๆแน่นอนใช่หรือเปล่าหล่ะครับ
เมอร์ลิน : บอกแล้ว
นายกำลังพูดกับเด็กฉลาดอยู่นะเนี่ย
มิลเลอร์ : ฮัมบูร์ก
เธอว่ามีความเป็นไปได้หรือเปล่าที่ยึดฝรั่งเศสและอังกฤษหน่ะ
ฮัมบูร์ก : อังกฤษฉันไม่แน่ใจ
แต่ถ้าฝรั่งเศสนี่ ไม่กี่เดือนแน่ๆ
มิลเลอร์ : ทำไมเธอถึงมั่นใจแบบนั้นหล่ะ
เมอร์ลิน : นั่นสิ
ทางนั้นก็มีปราการมายิโน่ป้องกันอยู่นะ
ฮัมบูร์ก : เชื่อฉันสิ
ฉันรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาต้องทำยังไง “จากนั้นฮัมบูร์กก็คิดในใจต่อว่า
ฉันจะไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแน่ๆ”
ในห้องบัญชาการ
นายทหารระดับสูงซึ่งวางแผนบุกประเทศรอบข้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็มาพูดถึงความเป็นไปได้ในสงครามครั้งนี้
“คุณว่า เราจะชนะพวกฝรั่งเศสกับอังกฤษได้หรือเปล่า”
“ผมเชื่อว่ากองทัพของเราไม่มีวันแพ้แน่นอน”
“แล้วท่านคิดว่า สงครามนี้จะจบในกี่เดือนครับ”
“ผมจะรีบจบภายในปีนี้หล่ะ ไม่ต้องห่วง”
“ยังไงก็ขอให้คุณโชคดีก็แล้วกันนะ จงทำให้เยอรมันภาคภูมิใจในตัวนาย”
“ครับท่านผู้นำ”
“ได้คำสั่งเมื่อไหร่ สั่งให้โจมตีทันทีเลย”
ไฮ ฮิตเลอร์
======================================================================
ฝรั่งเศสกำลังจะถูกบุกจู่โจม ใครจะช่วยพวกเขาได้กันหล่ะ ถ้าอยากรู้มาติดตามชมตอนหน้าเน้อ
ขอคนละเม้นท์ด้วย ไหว้หล่ะ
ความคิดเห็น