คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 6 : โกดังปริศนา
กองทัพของเนวิสระดมยิงปืนครกใส่กลุ่มทหารของสิรานิส เมื่อลูกปืนครกตกใสพื้นที่ พวกเขาก็ถึงกับโกลาหลกันใหญ่
“ตู้ม!!”
“เฮ้ย พวกมันมีระเบิดด้วย เวรแล้ว!!” ทหารคนหนึ่งตะโกนขึ้น และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนตัวมาใกล้พวกเขา มันเคลื่อนมาช้าๆแต่ก็ดูน่าเกรงขามมาก
“กูมาทักทายพวกมึงแล้ว!!” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น และเขาก็บังคับ UGV ของเขาเดินหน้าเข้าตะลุยกับกลุ่มทหารของสิรานิสในทันที
“ปังๆๆๆๆๆ”
ฟรอนเทียร์ใช้ปืนกลยิงถล่มทหารของสิรานิสอย่างดุเดือด พวกนั้นพยายามจะใช้โล่กันแต่ก็ไม่เป็นผลเท่าไหร่นัก
“โล่พวกแกกันกระสุนของเราไม่ได้หรอกเว้ย!!” เรนิต้ามองดูด้วยความสะใจ และฟรอนเทียร์ก็ยิงลูกระเบิดใส่พวกมันจนวงแตกกระจาย
“ตู้ม!!”
ทหารของสิรานิสเห็นท่าไม่ดีจึงใช้รถฉีดน้ำยิงใส่ UGV ของฟรอนเทียร์ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ระคายอะไรเลย
“ดูพวกมันสิ พวกมันคิดว่าน้ำจะทำให้หุ่นพัง” รอนนี่พูดขึ้น จากนั้นฟรอนเทียร์ก็ใช้ระบบมองผ่านน้ำ จากนั้นก็ยิงลูกระเบิดใส่รถฉีดน้ำในทันที
“ตู้ม!!”
ฟรอนเทียร์ไล่ยิงรถฉีดน้ำพวกนั้นจนระเบิดแหลกไม่มีชิ้นดี ทหารของสิรานิสในตอนนี้ก็แตกกระเจิงกันใหญ่เพราะไม่รู้ว่าจะรับมือยังไงต่อ
“เฮ้ย รีบไปเอาอาวุธจริงๆของเรามาสิโว้ย!!” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น
“ได้ๆ กำลังไปเอา!!”
“ดูเหมือนว่าพวกมันจะเริ่มแจกจ่ายอาวุธแล้วหล่ะ” วาลิน่ามองผ่านหุ่น UGV ตัวนั้นและพบว่าพวกนั้นเริ่มการแจกจ่ายอาวุธกันแล้ว
“ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องโจมตีเร็วแล้วหล่ะ!!” เนวิสพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นก็ลุยพวกมันเลย!!” ลูซิน่าพูดขึ้น จากนั้นกองกำลังของพวกเขาก็ขับรถกระบะแล่นเข้าไปในพื้นที่ทันที และเมื่อมาถึง กองกำลังส่วนใหญ่ก็ลงจากรถและโจมตีคนของสิรานิสในทันที พวกเขารุกไล่จนทหารของสิรานิสหนีกลับไปอย่างรวดเร็ว บางส่วนก็ทิ้งอาวุธแล้วหนีเอาชีวิตรอด ในตอนนี้ชายแดนเขต 3 ได้ถูกปลดปล่อยแล้ว เนวิสและพรรคพวกของเขาเดินทางมาดูความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
“โห พวกมันหนีไปกันหมดแล้ว พวกขี้ขลาดเอ้ย!!” เนวิสพูดขึ้น
“พวกนี้มันเก่งแต่กับคนไม่มีอาวุธยังไงหล่ะ เจอของจริงก็วิ่งกันป่าราบเลย” ลูซิน่าพูดขึ้น
“แล้วนี่ เราจะเอายังไงกับไอ้พวกที่เหลือต่อหล่ะ??” ฟรอนเทียร์ถามอย่างสงสัย
“พยายามตรวจค้นพื้นที่ ถ้าพวกมันยอมแพ้ก็ให้มันยอม ถ้าพวกมันไม่ยอม ก็ยิงมันทิ้งซะ” วาลิน่าพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง คนของกลุ่มภาคีคนหนึ่งก็วิ่งมารายงานสถานการณ์กับพวกเขา
“ท่านครับ พวกเรายึดรถอาวุธของพวกมันมาได้เยอะแยะเลยครับ ดูเหมือนพวกมันจะแจกจ่ายกันไม่ทันครับ!!”
“ดี ยึดมาให้หมด อันไหนใช้ได้ก็เอามาให้พวกเราใช้เลย” เรนิต้าพูดขึ้น
“แล้วนี่ เรายึดเขตชายแดนได้แล้ว เราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” รอนนี่ถามอย่างสงสัย
“ผมว่า พวกมันอาจจะเตรียมกำลังส่วนที่เหลือเพื่อมาโจมตีเราก็ได้ เท่าที่ดู มันคงจะออมกองกำลังส่วนใหญ่ไว้เพื่อตอบโต้แน่ๆ ที่มันส่งมาก็เพื่อจะลองเชิงเราก่อน” เนวิสพูดขึ้น
“อืม เป็นไปได้ แล้วยิ่งนิสัยอย่างสิรานิสด้วย มันขี้ขลาด มันต้องส่งคนมาตายแทนแน่ๆ” วาลิน่าพูดขึ้น
“มันไม่ส่งรถหุ้มเกราะมาจัดการเรา แสดงว่าส่วนใหญ่ต้องอยู่ที่บ้านของมันแน่ๆ เราคงต้องวางแผนกันใหม่แล้วหล่ะ” ลูซิน่าออกความเห็นไป
“เอาแบบนี้สิ เราจะส่งคนไปปั่นป่วนพวกมัน ไม่ให้พวกมันเป็นอันต้องทำอะไร ฉันรู้จักพวกไอ้สิรานิสดี ถ้ามันโดนก่อกวน มันจะประสาทกินทันที” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น
“ไอเดียดี แต่ว่าเรามีอะไรไปรับมือรถหุ้มเกราะของมันหรือเปล่าหล่ะ??” เรนิต้าถามอย่างสงสัย
“เรามีระเบิดขวดประมาณ 100 ขวดได้ อย่างน้อยน่าจะทำลายรถหุ้มเกราะของพวกมันได้” รอนนี่พูดขึ้น และมาร์ตินตอนนั้นก็พยักหน้าไป
“ผมว่า เราน่าจะส่งคนไปดูลาดเลาก่อนดีกว่า ไม่แน่ เราอาจจะได้รถหุ้มเกราะจากพวกมันมาใช้ก็ได้ พวกคุณน่าจะพอมีวิธีขึดรถหุ้มเกราะพวกนั้นมาได้อยู่นะ” เนวิสออกความเห็นไป
“มันก็พอมีวิธีนั่นแหละ แต่ก็เป็นไปได้ ถ้าเกิดว่าคันไหนที่เรายึดไม่ได้ ก็ทำลายคันนั้นทิ้งซะ” วาลิน่าพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น ฉันส่งคนไปดูได้นะ พวกเขามีความรู้ทางด้านนี้ น่าจะพอช่วยได้หน่ะ” เรนิต้าพูดขึ้น
“แต่ว่า พวกเราจะฝ่าพวกมันไปได้ยังไงหล่ะ ป่านนี้ พวกมันคงเอากองกำลังไปล้อมหน้าบ้านสิรานิสแล้วหล่ะ??” ฟรอนเทียร์ถามอย่างสงสัย
“มันน่าจะพอมีทางอยู่สิ ฉันจะลองใช้โดรนบินสำรวจพื้นที่แล้วกัน ถ้าได้เรื่องอะไรเดี๋ยวจะบอก” รอนนี่พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆรอนนี่ก็ได้รับข้อความอะไรบางอย่างจากโทรศัพท์ของเขา เขารีบอ่านมันในทันที
“มีสายลับจะส่งไปสืบเรื่องของพวกนาย!!”
“ทุกคน สายข่าวฉันบอกว่าจะมีการส่งสายลับมาสืบความลับพวกเรา” รอนนี่บอกกับทุกคนไป
“พวกอเมริกาแน่ๆ ถ้าให้เดานะ” เรนิต้าพูดขึ้น
“ตอนนี้มันอาจจะเป็นพวกไหนได้ทั้งนั้น แต่ไม่เป็นไร เรารู้อยู่แล้วแหละ” วาลิน่าพูดขึ้น
“งานนี้คงต้องจับตาดูกันหน่อยหล่ะ ถ้าฉันรู้ว่ามันเป็นใครนะ” เนวิสพูดขึ้น
“ใจเย็นน่าพวก อย่าเพิ่งวู่วามไปเลย” ฟรอนเทียร์ห้ามเนวิสไป
“เอาหล่ะ ตอนนี้เรามาจัดการเรื่องที่นี่ก่อนดีกว่า สั่งคนของเราตรึงกำลังไว้ พวกมันอาจจะกลับมาได้ทุกเมื่อ” ลูซิน่าบอกกับทุกคนไป
และในกลางเขต 3 บ้านพักของสิรานิส ในวันนั้นเองเขาก็ได้รับรายงานว่าคนของเขาถูกโจมตีจนล่าถอย จนเขาต้องเรียกลูกน้องของเขามาคุยด้วยในทันที
“อะไรของพวกแกวะ แต่พวกกองโจรพวกแกยังจัดการไม่ได้!!” สิรานิสด่าลูกน้องไป
“มันไม่ใช่แค่กลุ่มโจรหน่ะสิครับ พวกนี้มีทั้งอาวุธหนัก ไหนจะระเบิดอีก ผมว่ามันต้องเป็นกองทัพแน่ๆ”
“แม่งเอ้ย พวกแกนี่มันไม่ได้เรื่องเลย” สิรานิสพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน จู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามา สิรานิสได้ยินดังนั้นจึงรีบไปรับโทรศัพท์ในทันที
“สิรานิส ฉันได้ข่าวว่าพื้นที่ของแกโดนโจมตี!!” เสียงปลายสายยิงคำถามเข้ามาในทันที
“คุณรู้ด้วยเหรอครับ??”
“ฉันก็มีสายของฉัน บอกมาว่ามันเป็นยังไง??”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจัดการได้แน่นอน โกดังของคุณไม่เป็นอันตรายแน่ๆ ผมส่งคนพร้อมอาวุธไปป้องกันแล้ว” สิรานิสพูดขึ้น
“โกดังนั้นฉันลงทุนกับมันไปเยอะ สินค้าของฉันที่ฉันให้แกฝากขายทำกำไร ถ้าโดนพวกอื่นยึดไปนี่ชิบหายแน่ แกรู้หรือเปล่า??”
“แน่นอนครับ สินค้าทุกอย่างยังปลอดภัย แล้วผมจะส่งเงินดอลล่าห์ที่ผมได้มาจากการขายส่งไปให้คุณนะครับ”
“เออ ถ้าคุณจัดการได้ผมจะไม่กวน ผมเชื่อใจคุณนะ อย่าทำให้ผมผิดหวังเด็ดขาด ไม่งั้นผมจะหาคนอื่นมาทำแทน!!”
“ได้ครับ” สิรานิสพูดขึ้นจากนั้นก็วางสายโทรศัพท์ไป
เช้าวันต่อมา เขตโซโรวาซิตี้ โดนาทอร์เดินหน้าออกเยี่ยมเยือนประชาชนในเขตเมืองหลวงหลังจากที่ยึดเมืองหลวงได้ทั้งหมดแล้ว โดนที่ประชาชนในเขตนั้นก็ได้ต้อนรับอย่างชื่นมื่น พร้อมกับปาร์บี้และพาร์นิต้ามาคอยเยี่ยมประชาชนด้วย
“นึกถึงวันวานเลย ใช่หรือเปล่าครับ??” ปาร์บี้ถามพวกโดนาทอร์ไป
“นั่นสิ ครั้งสุดท้ายที่พวกเรามา ก็คือตอนที่พวกเรามาหาเสียงยังไงหล่ะ ตอนมาใหม่ๆเมืองนี้เคยมีชีวิตชีวานะ” พาร์นิต้าพูดขึ้น
“ใช่ แต่ตอนนี้มันกำลังจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งแล้วหล่ะ” โดนาทอร์พูดขึ้น
“ก็นั่นสิครับ ตอนนี้ผมติดต่อกับพรรคพวกของเราที่เหลือที่ยังลี้ภัยได้แล้ว ได้ยินว่าพวกเขากำลังจะกลับมาด้วย” ปาโบลพูดขึ้น แต่ในระหว่างนั้นเอง จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอะไรบางอย่างดังมาแต่ไกล ได้ยินพร้อมกับเสียงปืนด้วย
“ปัง!!”
“ช่วยด้วย มีขโมย!!”
เสียงชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนขึ้น และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เห็นเด็กคนหนึ่งถือปืนลูกโม่กำลังวิ่งหนีเข้าซอยแห่งหนึ่ง แต่ทหารของโดนาทอร์ก็ยิงเข้าที่เท้าจนเด็กคนนั้นล้มลงกับพื้น
“อย่ายิง!!”
โดนาทอร์ตะโกนขึ้น จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปดูเด็กคนนั้นในทันที โดนาทอร์เก็บปืนของเด็กคนนั้นมาแล้วไปดูอาการของเขาในทันที ซึ่งเด็กคนนั้นได้ร้องไห้โฮใหญ่ด้วยความหวาดกลัว
“เลือดไหลใหญ่เลย ไปตามหมอมาเร็ว!!” โดนาทอร์ตะโกนออกไป คนอื่นๆตอนนั้นก็ตามโดนาทอร์มาด้วย
“ไอ้หนู อายุเท่าไหร่เนี่ย??” ปาโบลถามเด็กคนนั้นไป
“ฮือๆๆ ผมอายุ 15 ครับ”
“ห่ะ อายุ 15 นี่ปล้นเขากินแล้วเหรอ??” ปาร์บี้ถามอย่างสงสัย
“ผมไม่รู้จะกินอะไรนี่ครับ ผมเลยไปขโมยปืนเถื่อนมา หวังว่าจะหาอะไรกิน ผมหิว ฮือๆๆๆๆๆ”
“โอ๋ๆๆ ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว” พาร์นิต้าพูดขึ้นพลางปลอบใจเด็กคนนั้นไป และไม่กี่อึดใจ หมอสนามก็มาช่วยกันพาเด็กไปรักษาในทันที เหตุการณ์ในวันนี้ทำเอาพวกเขาแทบจะพูดอะไรไม่ออกเลย
“เฮ้อ ดูสิ ประเทศเรามาถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ไม่อยากจะเชื่อสายตาเลย” ปาร์บี้พูดขึ้น
“ใช่ แล้วอีกอย่าง ก่อนที่พวกเราจะมา คงจะมีแบบนี้ทุกวันแน่ๆ” พาร์นิต้าพูดขึ้น
“ใช่ครับ บางพวกยังเอาเด็กมาเป็นทหาร โดยใช้อาหารครอบงำ สถานการณ์มันแย่มาก” ปาโบลพูดขึ้น
“เราจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกต่อไป เราต้องแจกจ่ายอาหารให้ทั่วถึง รวมถึงปลูกพืชให้มากขึ้น อย่างน้อยประชาชนประเทศนี้ก็ไม่อดตาย พอพวกเขาไม่ตาย พวกเขาก็จะช่วยเหลือประเทศนี้ได้” โดนาทอร์พูดขึ้น
และอีกด้านหนึ่งของซอย ในตอนนั้นเจซซินก็ยังคงติดตามดูว่าโดนาทอร์กำลังทำภารกิจอะไร เพื่อส่งเรื่องกลับไปรายงานทางวอชิงตัน เธอบันทึกทุกอย่างลงในอุปกรณ์ของเธอ ในระหว่างที่เธอกำลังทำงานอยู่ จู่ๆเด็กคนหนึ่งก็เดินมาสะกิดเสื้อของเธอ แล้วก็คุยกับเธอในทันที
“พี่ครับๆ รถของพี่ได้แล้วครับ!!”
“อ้อ ขอบใจจ้ะ เอานี่ไป” เจซซินพูดขึ้น จากนั้นก็ให้เงินกับเด็กคนนั้นไป จากนั้นเธอก็เดินไปอีกด้านหนึ่งของซอย จากนั้นก็โทรศัพท์คุยกับใครคนหนึ่งในทันที
“นี่เจซซิน ตอบฉันด้วย!!”
“ได้ยินแล้วเจซซิน ว่ามาเลย??” ปลายสายตอบไป
“รถของฉันซ่อมเสร็จแล้ว ฉันกำลังจะไปที่เขต 3 ตามที่พวกคุณบอก”
“เยี่ยมเลย แต่ระวังนะ กลุ่มใต้ดินนั่นก็เริ่มระแคะระคายแล้วว่าจะมีสายลับแฝงเข้าไป” ปลายสายพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง” เจซซินตอบไป
“อืม แล้วอีกอย่าง ถ้าเป็นไปได้ เราต้องจับเป็นแกนนำของมัน ฉันจะส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้ทั้งหมด ถ้าเธอไปถึงแล้ว ก็บอกแล้วกัน”
“ได้ ไม่ต้องห่วง แล้วที่เขตอื่นมีอะไรคืบหน้าหรือเปล่า??” เจซซินถามอย่างสงสัย
“เขตอื่นยังโอเคอยู่ เธอไม่ต้องห่วงหรอก”
“โอเค ถ้าเป็นอย่างงั้นฉันจะได้ไม่ต้องห่วง เจซซินเลิกกัน!!”
เจซซินพูดขึ้นจากนั้นก็วางสายไป จากนั้นเธอก็ไปขึ้นรถมอไซค์ที่เธอเพิ่งจะส่งซ่อม ซึ่งในตอนนั้นช่างซ่อมก็กำลังรอเธออยู่พอดี
“นี่ แล้วเธอจะกลับมาอีกเมื่อไหร่??” ช่างคนนั้นถามไป
“ไม่รู้สิ ไม่นานหรอก ฉันไม่ทำรถคุณเสียหายหรอก” เจซซินพูดขึ้น
“ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่พวกที่คุณตามล่าอยู่มันอันตรายนะ ผมบอกไว้เลย”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรู้ว่าต้องรับมือยังไง ขอบคุณนะคะ!!” เจซซินพูดขึ้น จากนั้นเธอก็สตาร์ทรถมอไซค์ของเธอแล้วออกเดินทางไปยังเขต 3 ในทันทีเพื่อทำงานของเธอ
กลับมายังเขต 2 กองกำลัง Khorne ในวันนี้พวกเขามาช่วยกันตรวจเช็คเสบียงและอาวุธที่ยังเหลืออยู่ในตอนนี้ เรดเดวิลตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อที่จะเดินทางไปยังโกดังเก็บอาวุธแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโกดังที่ใหญ่ที่สุดในเขตนั้นแล้ว เรดเดวิลให้สูราจาพาไปดูอาวุธที่เขาบำรุงรักษาไว้เพื่อรักษาอำนาจของเขา และสูราจาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เรดเดวิลก็ได้เห็นอาวุธทำลายล้างขนาดใหญ่กับตาของเขา
“ท่านครับ เราได้บำรุงรักษาโปรเจ็กค์นี้เป็นอย่างดี ซึ่งอีกไม่นาน มันจะเป็นอาวุธที่ไม่มีใครต้านทานได้!!” สูราจาพูดขึ้น
“อืม ใช่ หุ่นตัวนี้เกราะหนาถึง 20 เซน ติดปืนกล ปืนใหญ่และจรวดทำลายล้าง เสียดายที่เงินไม่มีจะสร้างมันต่อ” เรดเดวิลพูดขึ้นและมองไปยังจักรกลประหลาดซึ่งมีลักษณะคล้ายกับแมงมุมดูน่าเกรงขาม
“หลังจากวันนั้น เราก็ได้เก็บโปรเจ็กค์นี้ไว้ รอเวลาที่เราจะใช้มันครับ” สูราจาพูดขึ้น
“อืม ไม่เสียดายที่ฉันได้จ่ายเงินส่วนตัวของฉันเพื่อบำรุงรักษามันไว้” เรดเดวิลพูดขึ้น
“ครับ แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้เรายังชาร์จพลังงานได้ไม่เต็มที่ แถมเรายังไม่มีแหล่งเก็บพลังงานสำรองด้วยครับ อาจจะต้องใช้เวลา 3 อาทิตย์ถึงจะเอามาใช้ได้ครับ” สูราจาพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วง เอาแค่มันพอจะรบได้ก็พอ ตอนนี้เราต้องใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อต่อรบกับพวกมัน เมื่อมันเปิดตัวแล้ว พวกเขตอื่นจะไม่มีใครสู้เราได้แน่นอน” เรดเดวิลพูดขึ้น
“ใช่ครับท่าน ตอนนี้เราพยายามเร่งมือทำให้มันออกรบได้อยู่ครับ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป” สูราจาพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งของเรดเดวิลคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเรดเดวิลในทันที
“ท่านครับ รายงานครับ มีการรบกันที่เขต 3 แล้วครับ!!”
“งั้นเหรอ แล้วผลการรบเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” เรดเดวิลถามไป
“กองกำลังของสิรานิสถูกตีโต้ให้ถอยกลับไปที่ใจกลางเมืองครับ เราคาดว่าอีกไม่นาน พวกของโดนาทอร์จะยึดเขต 3 ได้ในไม่กี่วันครับ!!”
“เฮ้อ ไอ้สิรานิสผู้น่าสงสาร!!” เรดเดวิลพูดขึ้น
“ว่าแต่ เราจะไม่ส่งคนไปช่วยพวกนั้นหน่อยเหรอครับ??” สูราจาถามอย่างสงสัย
“เฮ้อ ไม่ต้องหรอก แค่เขต 3 โดนยึดไปไม่ทำให้เราเดือดร้อนหรอก ตอนนี้เราสนใจเขต 4 ก่อนดีกว่า แล้วนี่ ไม่มีข่าวจากเขต 5 เขต 6 เหรอ??” เรดเดวิลถามอย่างสงสัย
“อ้อ เราได้ยินว่าเขต 5 กำลังโดนโจมตีอย่างหนักเลยครับ”
“สงสัยว่าอีกไม่นานเขต 5 ก็คงโดนยึดไปด้วย ส่งกำลังไปยึดพื้นที่ของเขต 5 ยึดมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่อย่าเพิ่งไปปะทะกับพวกเขตอื่นหล่ะ” เรดเดวิลออกคำสั่งไป จากนั้นทหารก็ดำเนินการตามที่เรดเดวิลสั่งในทันที
กลับมายังเขต 4 ของเคนโนช่าและบาร์มามัส หลังจากที่กองกำลังของพวกเขาขับไล่กองกำลังของมาร์ชินให้ออกไปจากค่ายทหารได้ พวกเขาก็รีบมาวางแผนกันต่อว่าจะทำอย่างไรต่อไป รวมถึงประเมินสถานการณ์อื่นๆที่กำลังเกิดขึ้นด้วย
“พวกมันถอยออกไปแล้ว แต่พวกมันคงจะกลับมาอีกไม่นานแน่ๆ ตอนนี้ไอ้มาร์ชินน่าจะระดมกำลังเต็มที่มาตามล่าเรา” บาร์มามัสพูดขึ้น
“ผมว่า เราคงจะได้กลับเข้าไปต่อต้านพวกมันในป่าแน่นอนครับ” โอเมอร์พูดขึ้น
“แต่ฉันว่า เท่าที่ดูศักยภาพของพวกเรา เราน่าจะต้านพวกมันไว้ได้อยู่นะ” เคนโนช่าพูดขึ้น
“แล้ว พวกคุณจะเอายังไงกันต่อหล่ะ มีแผนอะไรต่อก็ว่ามาเลย??” แองเจลิก้าถามไป
“เรายึดรถของพวกมันมาได้บางส่วน แต่มีบางคันที่ใช้การไม่ได้แล้ว เราจะใช้รถพวกนั้นเป็นกำบังขวางทางไว้ เคนนี่ กระสุนเราเหลือเยอะแค่ไหน??” บาร์มามัสถามเคนโนช่าไป
“เท่าที่ดู ก็มีพอจะต้านมันได้ แต่ว่าถ้าพวกมันใช้รถหุ้มเกราะก็อาจจะลำบากได้” เคนโนช่าพูดขึ้น
“ผมว่า เราน่าจะใช้ระเบิดขวดได้นะครับ” โอเมอร์พูดขึ้น
“จะใช้ได้ยังไงหล่ะ ถ้าเราจะใช้ เราต้องขว้างได้ไกลมากพอที่จะไม่อยู่ในระยะยิงของพวกมันนะ??” แองเจลิก้าถามไป
“ผมมีความคิดแล้ว เรามีเส้นยางยาวๆอยู่ เราก็ใช้มันยิงระเบิดขวดออกไปสิครับ” โอเมอร์พูดขึ้น
“จริงด้วย น่าจะเป็นไปได้ อีกอย่างมันจะช่วยให้เรายิงได้อย่างแม่นยำด้วย” บาร์มามัสพูดขึ้น
“อืม ลองดูก็ไม่น่าจะเสียหายนะ เราจะลองดูหน่อยแล้วกัน” แองเจลิก้าพูดขึ้น
“พวกของมาร์ชินคงไม่เอากำลังมาล่าเราจนหมดหรอก มันต้องแบ่งกำลังไว้ป้องกันพื้นที่ของมันด้วย เพราะพวกเขตอื่นก็จ้องจะเล่นงานมันเหมือนกัน” เคนโนช่าพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น เราจะสู้กับพวกมันต่อไป เราจะตั้งแนวรับสู้กับพวกมัน ถ้าพวกมันเข้ามาได้ เราจะให้ทุกคนหนีออกทางหลังค่าย ที่นั่นใช้เป็นที่หลบหนีได้” บาร์มามัสพูดขึ้น
“ได้เลย ถ้าอย่างงั้นฉันจะไปบอกพวกเราให้เตรียมพร้อมก็แล้วกัน” เคนโนช่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นและเดินออกไป
“แล้วพี่แองจี้จะไม่กลับบ้านก่อนเหรอครับ??” โอเมอร์ถามอย่างสงสัย
“ไม่หรอก รอให้จบเรื่องนี้ก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยว่ากันก็แล้วกัน” แองเจลิก้าพูดขึ้น
และอีกด้านหนึ่งของเขต 4 เขตของมาร์ชิน หลังจากมาร์ชินได้ข่าวการพ่ายแพ้จากคนของเขา ตัวเขาในตอนนั้นก็ระดมกำลังคนของเขาเป็นการด่วน เพื่อตอบโต้กลุ่มของบาร์มามัส
“ตอนนี้เรามีกำลังพลเท่าไหร่กัน??” มาร์ชินถามลูกน้องของเขาไป
“ตอนนี้มีประมาณ 4000 คนได้ครับ!!” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น
“สั่งคนของเราไปโจมตีพวกมันให้หมด ไอ้พวกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่น”
“แต่ว่า ถ้าเอากำลังไปหมด เราจะไม่มีคนคุ้มกันที่นี่นะครับ” ลูกน้องของเขาทัดทานไป
“ไม่ต้องห่วงหรอก พวกมันไม่กล้ามาโจมตีพื้นที่ของเราอยู่แล้ว หรือไม่ เราก็ใช้ค่ายของมันเป็นที่อยู่ใหม่ก็ได้ ไปเอารถหุ้มเกราะอีก 3 คันมาด้วยหล่ะ งานนี้ฉันจะเล่นงานพวกมันให้หนัก เอาให้พวกมันจำไปจนตายเลย!!” มาร์ชินพูดขึ้นพลางทุบโต๊ะดังปัง จากนั้นลูกน้องของเขาก็เดินออกจากห้องไปในทันทีเพื่อไปดำเนินการตามที่เขาสั่ง
กลับมายังโกดังกบดานของอเล็กซานเดอร์ ในวันนั้นปีเตอร์ก็ได้ทำการวางแผนการเพิ่มเติม รวมถึงอัพเดทข้อมูลต่างๆที่ทางกองทัพส่งมาให้กับพวกเขา โดยที่ซาโตะก็เป็นคนนัดแนะแผนการกับคนอื่นๆในทันที
“เอาหล่ะค่ะ ทางวอชิงตันมีการส่งข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มภาคีลึกลับเรียบร้อยแล้ว แล้วเราก็ได้ข่าวมาว่าพวกนั้นกำลังติดต่อกับสายคนอื่นๆนอกประเทศด้วย” ซาโตะพูดขึ้น
“ติดต่อกับคนนอกอย่างงั้นเหรอครับ แล้วพวกนั้นส่งสายลับไปนอกประเทศทำไมกัน??” เมสันถามอย่างสงสัย
“ถ้าให้เดานะ คงต้องไปจับตัวอดีตคนในรัฐบาลของนายพลปราฟยาฟแน่ๆ” เจสันพูดขึ้น
“อ้อ คล้ายๆพวกมอสสาดของยิวหน่ะสิ แต่เขาจะทำสำเร็จเหรอ??” เบ็ตเก็ตถามไป
“ถ้าเขาจะทำได้ คงต้องใช้เงินทุนเยอะเลยหล่ะ” คัดเตอร์พูดขึ้น
“ถ้ารอนนี่ยังอยู่ ฉันว่า มันอาจจะแฮ็กเงินจากธนาคารโลกก็ได้” มิคาเอลพูดขึ้น
“ถ้าจะแฮ็ก ก็ไปแฮ็กของธนาคารสวิสสิ พวกนั้นรวยจะตาย ฝากเงินพวกชั่วๆมาเยอะนี่” การ์เซียพูดขึ้น
“ตอนนี้มันยังเกินมือของเราอยู่ งานของเราก็คือ จับตาดูว่าพวกมันกำลังทำอะไร รวมถึงตัวนายโดนาทอร์ด้วย” ปีเตอร์พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก คนอื่นๆในโกดังรีบเตรียมอาวุธเพื่อใช้ป้องกันตัวในทันที และอเล็กซานเดอร์ก็ไปเปิดประตูในทันที แล้วก็พบว่า เป็นชายชาวจีนคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตู
“อ้อ หลิว เข้ามาสิ!!”
อเล็กซานเดอร์ต้อนรับเขา พาเขาเข้ามาด้านในบ้าน จากนั้นก็แนะนำเขาให้คนอื่นๆรู้จักในทันที
“อ้อ คนนี้ชื่อหลิว เว่ย เขาเป็นสายอีกคนหนึ่งของเราเหมือนกันครับ งานเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” อเล็กซานเดอร์ถามหลิวไป
“ก็ยุ่งๆนิดหน่อย อั๊วเพิ่งจะช่วยมือปืนคนหนึ่งหน่ะ” หลิวพูดขึ้น
“อืม ว่าแต่ เรื่องที่เมืองหลวงกับเขต 3 จะเอายังไงต่อหล่ะ??” แจ๊คกี้ถามอย่างสงสัย
“นั่นสิ ได้ยินว่ากำลังรบกันหนักเลยนี่” ดีมีทรีถามเสริม
“ซาโตะ สถานการณ์ที่เขต 3 ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง??” ปีเตอร์ถามซาโตะไป
“ค่ะ ตอนนี้กองกำลังของโดนาทอร์โจมตีเขตชายแดนแล้ว ตอนนี้เขต 3 แตกพ่ายอย่างง่ายดาย ได้ยินว่าพวกเขามีอาวุธทำลายล้างสูงด้วย” ซาโตะพูดขึ้น
“ตอนที่ผมสืบข่าวที่นี่ ผมก็ได้ข่าวมาว่ามีอาวุธของกองทัพโซโรวาหลายชิ้นเลยที่มันหายไป” แจ๊คกี้พูดขึ้น
“ใช่ หนึ่งในนั้นคืออาวุธทำลายล้างสูง ได้ยินว่าดีกว่าอาวุธของเราด้วย” ดีมีทรีพูดขึ้น
“อืม จะว่าไป ฉันก็กำลังตามเรื่องนี้อยู่ หลิว นายได้ข่าวมาว่าไงบ้างหล่ะ??” อเล็กซานเดอร์ถามไป
“อั๊วได้ยินมาว่าพวกเขต 2 มีรถถัง T72 ตรึงกำลังเป็นร้อยๆคันเลย” หลิวพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นอาวุธพวกนั้น คงตกไปอยู่ในมือของกลุ่มอิทธิพลแต่ละฝ่ายแน่นอนค่ะ” ซาโตะพูดขึ้น
“อืม จะว่าไป ยังมีอีกเรื่องที่ทางวอชิงตันยังสงสัยอยู่ ที่เขต 7 ได้ยินว่ามีการลักลอบขายแร่ผิดกฎหมายกันอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นยังไง??” ปีเตอร์ถามไป
“ที่เขต 7 นายโบริสปกครองอยู่ แต่เขาคงเป็นแค่หุ่นเชิดนั่นแหละ” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น คงต้องหาตัวการใหญ่จริงๆสินะ” หลิวพูดขึ้น
“ก็ใช่ แต่เราจะแบ่งกำลังไปสืบยังไงหล่ะ??” แจ๊คกี้ถามไป
“เอางี้ พวกเราสองคนก็ไปสืบที่เขต 7 ดูแล้วกัน หาข้อมูลแล้วค่อยกลับมาที่นี่” ดีมีทรีพูดขึ้น
“ค่ะ ตอนนี้ทางวอชิงตันก็กำลังระแคะระคายเรื่องนี้ แล้วอีกอย่าง พวกเขายังสงสัยว่าแอลรอน จาร์นาต้า นักโทษหนีคดีอาจจะกบดานที่นั่นด้วยค่ะ” ซาโตะพูดขึ้นจากนั้นก็ส่งรูปให้ทุกคนได้ดู
“แอลรอน นี่มันยังไม่ตายอีกเหรอ??” เมสันถามอย่างสงสัย
“แน่นอน คนชั่วตายยากนี่นะ” เจสันพูดขึ้น
“ผมว่า มันอาจจะร่วมมือกับคนในพื้นที่เขต 7 ลักลอบขนของผิดกฎหมายแน่ๆ” คัดเตอร์พูดขึ้น
“แล้วนี่ เราจะทำเรื่องไหนกันก่อนหล่ะ??” การ์เซียถามอย่างสงสัย
“นั่นสิ ถ้าทำสองอย่างพร้อมกัน คนไม่พอแน่ๆ” มิคาเอลพูดขึ้น
“อืม ผมว่า พวกเราน่าจะลองลุยที่เขต 3 ก่อน ส่วนที่เหลือ ให้พวกคุณสองคนจัดการก็ได้” เบ็ตเก็ตบอกกับแจ๊คกี้และดีมีทรีไป
“ได้เลย ถ้าอย่างงั้นเราสองคนจะจัดการเอง” แจ๊คกี้พูดขึ้น
“ถ้างั้นคืนนี้อั๊วจะหารถให้พวกลื้อสองคนเอง” หลิวพูดขึ้น
“ได้ๆ ขอบใจมาก” ดีมีทรีตอบไป
“ถ้าเกิดได้ข่าวอะไร ให้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่แล้วกัน” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น
“เอาหล่ะ ในเมื่อทุกคนก็ได้ข้อสรุปแล้ว ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน” ปีเตอร์บอกกับคนอื่นๆในทีมของเขาไป
กลับมาที่เขตบ้านพักของฟรานซิสก้า หลังจากที่สถานการณ์ของหมู่บ้านของเธอเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว เธอก็จัดการปรับปรุงบ้านของตัวเองใหม่หลังจากที่ทรุดโทรมมานาน เธอพยายามซ่อมบ้านของเธอไปเรื่อยๆ จนในตอนนั้นเอง จู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงตะโกนดังออกมาจากด้านนอก
“ทุกคน ไฟฟ้ามาแล้ว!!”
ฟรานซิสก้าได้ยินดังนั้นจึงแปลกใจ เนื่องจากว่าไฟฟ้าไม่ติดมาซักพักแล้ว และเธอก็ลองไปเปิดไฟในห้องดู ก็พบว่าไฟฟ้าติดจริงๆ ทำเอาเธอถึงกับโล่งใจ
“เฮ้อ ดีจังเลย แบบนี้ตู้เย็นก็ใช้ได้แล้ว”
ฟรานซิสก้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เอาอาหารที่พอจะเข้าตู้เย็นได้ไปเข้าตู้เย็นในทันที อย่างน้อยมันก็พอจะรักษาความสดไว้ได้ ในระหว่างที่เธอกำลังจัดแจงของในบ้านอยู่นั้น จู่ๆใครคนหนึ่งก็มาเคาะประตูที่หน้าบ้านของเธอ เธอรีบไปเปิดประตูรับในทันที
“สวัสดีครับ คุณฟรานซิสก้าใช่หรือเปล่าครับ??”
“ใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ??” ฟรานซิสก้าถามไป
“มีจดหมายส่งถึงคุณครับ!!” ชายคนนั้นส่งจดหมายให้เธอและเดินออกไป ฟรานซิสก้าก็อ่านจดหมายนั้นในทันที
“มาที่โกดังของผม ผมว่าเราน่าจะมีทางพาคุณกลับบ้านแล้ว อเล็กซานเดอร์!!”
“เฮ้อ ในที่สุดฉันก็ใกล้จะได้กลับบ้านซะที” ฟรานซิสก้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินกลับเข้าไปในบ้านของเธอ จากนั้นเธอก็ชาร์จแบตโทรศัพท์ของเธอเพื่อใช้มันฟังเพลงเพื่อคลายเหงา รวมถึงฟังข่าวจากต่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อติดตามสถานการณ์ภายนอกเพิ่มเติมด้วย
กลับมายังเขตสหประชาติ ในวันนั้นเสบียงจาก UN ก็มาถึงพื้นที่แล้วบางส่วน เสบียงเหล่านั้นถูกขนส่งมาทางเฮลิคอปเตอร์ และเมื่อฮอลงจอดและวางเสบียงไว้ เจ้าหน้าที่ก็เริ่มการแจกจ่ายมันในทันที โดยที่ชาวบ้านหลายคนกำลังรอแจกอย่างตื่นเต้น
“เอาหล่ะ แจกกันไปคนละนิดละหน่อยนะ!!” มารีนเนอร์พูดขึ้น
“รับทราบครับ!!” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดขึ้น
“ผมว่า คนดูน้อยกว่าปกตินะครับ” ทหารคนหนึ่งออกความเห็นไป
“ก็แน่หล่ะ ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงเริ่มดีขึ้นแล้วนี่” มารีนเนอร์พูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น เราอาจจะได้กลับบ้านเร็วขึ้นก็ได้นะครับ”
“ฉันว่าไม่หรอก ยังมีชาวบ้านอีกเยอะที่ต้องการความช่วยเหลือจากเราหน่ะ” มารีนเนอร์พูดขึ้น ในระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกัน จู่ๆก็มีเสียงระเบิดดังมาแต่ไกล
“ตู้ม!!”
ชาวบ้านหลายคนพากันตกใจ แต่เจ้าหน้าที่คนอื่นยังใจเย็นอยู่ และมารีนเนอร์ก็มาดูสถานการณ์ในทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย??” มารีนเนอร์ถามอย่างสงสัย
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่เสียงน่าจะมาจากเขต 4 ครับ!!”
“ตรึงกำลังไว้ก่อนนะอย่าปะทะถ้าไม่จำเป็นหล่ะ” มารีนเนอร์พูดขึ้น จนกระทั่งสถานการณ์ก็ค่อยๆคลี่คลายลงไปเล็กน้อย ทำให้มารีนเนอร์และคนอื่นๆคลายความกังวลไปได้บ้าง
“สงสัยสงครามกำลังปะทุเต็มที่แล้วหล่ะ” มารีนเนอร์พูดขึ้น
“ผมก็ว่างั้นครับ ไม่รู้ว่าเราจะอยู่ที่นี่ได้นานหรือเปล่า??” ทหารคนหนึ่งถามไป
“ถึงยังไงก็ต้องอยู่ พวกนั้นไม่ทำอะไรเราหรอก” มารีนเนอร์พูดขึ้น
“ก็ไม่แน่นะครับ พวกเขต 4 กำลังมีสงครามภายในกันอยู่ มันอาจจะลามมาถึงพวกเราก็ได้”
“อืม มันก็จริง ยังไงก็ใส่ใจเอาไวก่อนแล้วกัน ถ้ามีอะไรก็รีบติดต่อหน่วยของพวกคุณไปเลย” มารีนเนอร์พูดขึ้น
“รับทราบครับผม!!”
“พอรู้หรือเปล่าว่าเขต 4 ใครกำลังรับผิดชอบอยู่??” มารีนเนอร์ถามอย่างสงสัย
“มันชื่อมาร์ชิน เคยเป็นอดีตหัวหน้าคณะรัฐธรรมนูญของรัฐบาลเก่า แต่ตอนนี้เขากำลังเจอการต่อต้านจากหลายฝ่ายครับ!!”
“ยังไงก็ต้องระวังไว้ก่อน รอดูกันต่อไปแล้วกัน” มารีนเนอร์ตอบไป
ณ ชายแดนระหว่างเขตเมืองหลวงกับเขต 2 G ขี่มอไซค์ไปตามทางเรื่อยๆ โดยที่เขาก็ดูแผนที่ที่เขาได้มาจากหน่วยของเขา เขาแสกนหาเส้นทางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงจุดๆหนึ่ง ซึ่งด้านหน้าเป็นหนองน้ำและป่ารก G จอดรถอยู่ตรงนั้น แล้วก็ลงจากรถในทันที
“คงต้องจอดรถไว้ที่นี่แหละนะ!!” G คิดในใจ แต่ในระหว่างนั้นเอง เขาก็สังเกตว่ามีชายสองคนกำลังเดินลาดตระเวนอยู่แถวนั้น G รีบหาที่หลบในทันที แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ มีชายสองคนกำลังเดินลาดตระเวนอยู่แถวนั้นจริงๆ ชายผ้าปิดหน้าสีแดงสองคนเดินไปคุยกันไปแถวนั้นอย่างใจเย็น
“เออนี่ มึงว่าคุณโดนาทอร์จะบุกที่นี่ได้หรือเปล่าวะ??”
“ไม่น่าได้หรอก เรามีรถถังตั้งเยอะตั้งแยะนะ!!”
“แต่ส่วนใหญ่วิ่งไม่ค่อยได้หน่ะสิ อย่างมากก็เป็นได้แค่ป้อมปืนหน่ะ”
“เฮ้อ!! นายก็รู้ว่าส่วนใหญ่ซื้อมาหักค่าหัวคิวนั่นแหละ!!”
“ฉึก!!”
“เฮ้ย อะไรวะ??” ชายคนนั้นสงสัยว่ามีใครปามีดใส่เพื่อนเขา แต่ในตอนนั้นเอง
“ฉึก!!”
เมื่อพวกมันสองคนตายกันหมดแล้ว G ก็วิ่งไปหยิบมีดออกมาจากศพ จากนั้นตัวเขาก็แบกปืนไรเฟิลของเขาเดินลัดเลาะตามป่าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงจุดหนึ่ง เขาก็เจอกับเนินเขาสูงเนินหนึ่ง ซึ่งสูงพอจะมองเห็นทิวทัศน์บริเวณนั้นทั้งหมด G รีบปีนขึ้นไปบนเขานั้นในทันที จากนั้นก็ใช้กล้องส่องทางไกลดูรอบพื้นที่ แล้วก็พบว่าเนินเขานั้นสามารถมองเห็นไปได้ถึงค่ายหลักของกลุ่ม Khorne เขาไม่รอช้าตั้งสไนเปอร์ระยะไกลของเขาไว้ในทันที จากนั้นก็ใช้แท็บแล็ตติดต่อกับหน่วยของเขาในทันที
ณ ที่ไหนซักแห่งในมหาสมุทรแคริบเบียน ท่ามกลางคลื่นลมที่สงบ เรือบรรทุกเครื่องบินสัญชาติบราซิลลำหนึ่งได้ลอยลำอยู่บริเวณนั้นอย่างใจเย็น และด้านในห้องบังคับการณ์ ชายสูงวัยคนหนึ่งกำลังยืนมองวิวจากด้านในห้องๆนั้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็มารายงานสถานการณ์กับเขาในทันที
“ท่านครับ ติดต่อ G ได้แล้วครับ!!”
“หือ งั้นเหรอ เอาข้อความมาเลย” ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เริ่มการสนทนาในทันที
“ท่านครับ ตอนนี้ผมมาใจกลางเขต 2 ของพวก Khorne แล้ว เราเจอค่ายหลักของมัน แต่ยังไม่เจอตัวหัวหน้ามันครับ!!”
“อืม ดีแล้วหล่ะ ยังไงก็ตรวจสอบให้ละเอียดหน่อยแล้วกัน ถ้าเจอตัวมันก็ยิงได้เลย ไม่ต้องรอคำสั่ง”
“ครับท่าน แล้วผมจะติดต่อกลับไป G เลิกกัน!!”
“ท่านฟิลิปเป้คะ เครือข่ายของเราตอนนี้ดับไปแล้วค่ะ!!” หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้น
“พยายามติดต่อไปใหม่ ยังไงต้องเชื่อมต่อกับ G ให้ได้” ฟิลิปเป้พูดขึ้น
“ไม่รู้ว่า G จะโดนพวกมันเล่นงานหรือเปล่านะครับ??”
“ไม่หรอก ผมเชื่อว่า G เขารับมือได้อยู่แล้ว” ฟิลิปเป้พูดขึ้น
“ครับ ตอนนี้เราจะพยายามติดต่อครับ!!”
“งานนี้ต้องทำแข่งกับเวลาแล้วหล่ะ ถ้าโซโรวามีผู้นำบ้าอำนาจ ภูมิภาคนี้ก็คงโกลาหลไม่จบสิ้น” ฟิลิปเป้พูดขึ้น
“ครับ เราจะพยายามติดต่อกับเขาต่อครับ!!” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดขึ้น และฟิลิปเป้ก็เดินไปเดินมาในห้องบังคับการณ์ต่อ
ณ เขต 5 2 กิโลเมตรห่างจากใจกลางเมือง ตอนนี้แอลรอนได้นำกำลังรุกคืบเข้ามาในเมืองเรื่อยๆ และได้หายใจจดต้นคอของชาร์ลีแล้ว คนของเขต 5 ส่วนใหญ่พากันมาสวามิภักดิ์กับแอลรอน ซึ่งแอลรอนก็ตอบแทนโดยการแจกจ่ายอาหารให้กับชาวบ้านพวกนั้นไป
“ไม่นึกเลยว่ามันจะง่ายขนาดนี้ เสียกระสุนแค่ไม่กี่นัดเอง” แอลรอนพูดขึ้น
“ส่วนชาวบ้านในเขต 5 ก็มาอยู่กับเราหลายคนแล้ว เฮ้อ มันนี่รักชาร์ลีมากเลยนะ” โรสเซียพูดเสริม
“ฉันว่า ไม่น่าจะเกินพรุ่งนี้ เราคงจะยึดได้ทั้งหมด” แอลรอนพูดขึ้น
“นั่นสิ ฉันก็อยากให้จบเร็วๆเหมือนกัน” โรสเซียพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารของแอลรอนคนหนึ่งก็รีบมารายงานสถานการณ์บางอย่างให้แอลรอนได้รู้
“ท่านครับ มีข่าวด่วนครับ ตอนนี้พวก Khorne เริ่มรุกคืบพื้นที่เขต 5 แล้วครับ!!”
“งั้นเหรอ ก็ส่งกำลังไปต้านพวกมันสิ!!” โรสเซียพูดขึ้น
“อืม อย่าเพิ่ง ตอนนี้พวก Khorne กำลังเข้มแข็ง ถ้าเราปะทะกับพวกนั้นสุ่มสี่สุ่มห้า พวกเราจะซวยเอง” แอลรอนพูดขึ้น
“แล้วคุณจะเอายังไง จะยกเขตให้พวกมันเหรอ??” โรสเซียถามอย่างสงสัย
“ไม่หรอก เราต้องรุกไล่เขตที่เหลือ กอบโกยให้ได้มากที่สุด มันไม่กล้าปะทะกับเราตรงๆหรอก มันต้องออมกำลังไว้สู้กับพวกเมืองหลวง” แอลรอนพูดขึ้น
“จริงด้วย ถ้าอย่างงั้นคืนนี้คงต้องจบมันให้เร็วหล่ะ” โรสเซียพูดขึ้น
“สั่งกำลังของพวกเรา อีก 3 ชั่วโมงให้โจมตีเต็มที่ ยึดพื้นที่พวกมันให้ได้มากที่สุด ฉันรับรอง พวกมันคงอยู่ไม่พ้นคืนนี้แน่ๆ” แอลรอนพูดพลางยิ้มมุมปากไป
กลับมายังเขต 7 ในวันนั้นเองบาร์บาร่าก็ได้ติดต่อกับนายพลจางเพื่อตรวจสอบผลผลิตที่เธอจัดการเก็บเกี่ยวมาได้ ซึ่งแร่พวกนี้มีมูลค่ามาก นายพลจางเห็นก็ถึงกับยิ้มไม่หุบ เพราะแร่พวกนี้มีมูลค่ามหาศาลเลยทีเดียว
“อืม แร่พวกนี้ถ้าส่งออกไปขาย รับรองว่ารวยแน่ๆ” นายพลจางพูดขึ้น
“แล้วอีกเรื่องหนึ่งนะคะ เราเจอแร่พวกนี้ในแผ่นดินโซโรวาด้วยค่ะ” บาร์บาร่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เอาแร่สีดำตัวหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายถ่านให้นายพลจางดู
“ถ่านงั้นเหรอ??”
“ดูภายนอกอาจใช่ แต่ความจริงมันดียิ่งกว่า มันคืออันออฟเทเนียม ชิ้นเล็กนี้ มูลค่าสูงถึง 1 แสนเหรียญ ถ้ามี 1 กิโลกรัม คาว่าจะประมาณ 10 ล้านดอลล่าห์ได้” บาร์บาร่าพูดขึ้น
“คุณแน่ใจได้ยังไง??” นายพลจางถามอย่างสงสัย
“แน่ใจสิคะ ดิฉันให้คนทดลองแล้ว แร่ตัวนี้เนี่ยหล่ะ อาจจะมาแทนน้ำมันในอนาคต มันให้พลังงานไฟฟ้าได้ดีกว่าถ่านหินหลายร้อยเท่า ด้วยก้อนแค่นี้” บาร์บาร่าพูดขึ้น
“เยี่ยม แล้วคุณขุดมันเจอที่ไหนหล่ะ??”
“นี่แหละปัญหา บริเวณพื้นที่นั้นอยู่รอยต่อระหว่างเขตเรากับเขต 6 ด้วย” บาร์บาร่าพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น เราอาจจะต้องมีปัญหากับเขต 6 แน่ๆ” นายพลจางพูดขึ้น
“แล้วท่านพอจะช่วยพวกเราได้หรือเปล่าคะ??” บาร์บาร่าถามไป
“ถ้ามันมีมูลค่ามากพอ ผมช่วยเต็มที่เลย” นายพลจางพูดขึ้น
“ขอบคุณมากค่ะท่าน ฉันรับรองว่ามันทำเงินให้เราได้ดีแน่นอน” บาร์บาร่าบอกนายพลจางไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีโทรศัพท์เข้ามาหาบาร์บาร่า เธอรีบรับสายในทันที
“ว่าไง??”
“นายหญิงครับ มือปืนของเรามาถึงแล้วครับ!!”
“ฟอร์ด แสตนลินอย่างงั้นเหรอ ถ้าเขามา บอกให้เขามาหาฉันด้วยหล่ะ” บาร์บาร่าตอบไป
และอีกด้านหนึ่งของเขต 7 เขตชายแดนรอยต่อ เสียงการรบระหว่างเขต 5 กับ 6 แม้พวกเขาจะอยู่ไกล แต่ก้ยังได้ยินเสียงเต็มที่ เรซนอร์ฟและโพคลอนสกายาภายใต้การคุ้มกันของคนของโบริส ก็ได้ติดตามสถานการณ์การรบอย่างใกล้ชิด
“ท่าทางฝั่งนั้นจะรบกันหนักเลยหล่ะ” เรซนอร์ฟพูดขึ้น
“นั่นสิ เสียงดังมาถึงนี่ คงจะดุเดือดจริง” โพคลอนสกายาตอบไป
“เธอว่า ฝ่ายไหนจะชนะหล่ะ??” เรซนอร์ฟถามไป
“ต้องพวกเขต 6 อยู่แล้ว ไม่ต้องสืบเลย” โพคลอนสกายาพูดขึ้น
“หวังว่าพวกมันจะไม่มาเขตเรานะ” โบริสพูดขึ้น
“ทำไมวะ แกกลัวมันเหรอ??” เรซนอร์ฟถามไป
“ไม่ ก็แค่ปลอดภัยไว้ก่อนหน่ะ” โบริสพูดด้วยอาการสั่นๆ
“เออๆ พวกเราจัดการได้อยู่แล้วน่า” โพคลอนสกายาพูดขึ้น
“เออนี่ เราต้องเตรียม RPG รุ่นใหม่ของเราด้วยเปล่า??” เรซนอร์ฟถามไป
“เตรียมไว้ก็ดี พวกมันอาจมีรถหุ้มเกราะก็ได้” โพคลอนสกายาพูดขึ้น
“ฉันว่านะ ความจริงเราน่าจะใช้จังหวะนี้โจมตีพวกเขต 6 แม่งเลย” เรซนอร์ฟพูดขึ้นพลางตบเข่าฉาด
“นี่ อย่าเพิ่งห้าว เราไม่มีกำลังมากขนาดนั้น” โพคลอนสกายาพูดขึ้น
“เฮ้อ ฉันอยากจะรบเต็มแก่แล้วเนี่ย อยู่เฉยๆโคตรน่าเบื่อเลย” เรซนอร์ฟพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วงหรอก อีกไม่นาน นายได้จัดเต็มกับพวกมันแน่ ไม่ต้องห่วง” โพคลอนสกายาพูดขึ้น ในขณะที่โบริสก็ยังคงหวั่นเกรงกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
กลับมายังชายแดนเขต 3 กลุ่มภาคีลึกลับของลูซิน่าในตอนนั้นก็ได้เตรียมกำลังพลใหม่เพื่อรุกเข้าไปในเขตใจกลางเมือง ซึ่งเป็นแหล่งกบดานของสิรานิส แต่ในระหว่างที่เขากำลังเตรียมการอยู่นั้น จู่ๆรอนนี่ที่ใช้โดรนบินลาดตระเวนพื้นที่ก็ได้ไปเจอกับโกดังใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีทหารอารักขามากมาย รวมถึงมีรถบรรทุกวิ่งเข้าออกตลอดเวลา ซึ่งเป็นที่สนใจของพวกเขามาก
“นี่ทุกคน ฉันถ่ายวีดีโอโกดังตรงนี้มา ดูเหมือนมันต้องมีอะไรแน่ๆ” รอนนี่พูดขึ้น
“อืม มีรถบรรทุกเข้าออกตลอด แถมกองกำลังก็อาวุธครบมือ มันต้องใช้คุ้มกันของสำคัญแน่ๆ” ลูซิน่าพูดขึ้น
“หรือว่า มันเก็บอาวุธไว้ที่นั่น ถ้าใช้เราจะบุกโจมตีเลย” วาลิน่าพูดขึ้น
“แต่ไม่รู้ว่ากำลังของเราจะพอหรือเปล่านะ??” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น
“นั่นสิ ถ้าที่นั่นสะสมอาวุธไว้จริงๆ เราอาจจะลำบากแน่ๆ” เรนิต้าพูดขึ้น
“ผมคิดว่า งานนี้เราอาจจะต้องไปแบบเงียบๆ ผมดูจากวีดีโอแล้ว ด้านขวาของพวกมันไม่ค่อยใส่ใจนัก” เนวิสพูดขึ้น
“อืม จริงด้วย ดูเหมือนว่าไม่มีรถหุ้มเกราะเฝ้าแถวนั้นด้วย” ลูซิน่าพูดขึ้น
“แถวนั้นมันเป็นหนองน้ำคร่ำนี่ ใครมันจะกล้าไปหล่ะ??” เรนิต้าถามไป
“ก็ใช้เรือสิ น่าจะไปได้นะ” วาลิน่าพูดขึ้น และมาร์ตินก็พยักหน้าไปด้วย
“อืม ถ้าหาเรือแจวได้ก็น่าจะลุยได้ ไม่ยากหรอก” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น
“เออ ฉันพอจะหาเรือได้ ยังไงก็ต้องลองแล้วกัน” รอนนี่พูดขึ้น
“แต่ผมว่า เราน่าจะแบ่งกำลังไปเล่นงานได้ ส่วนหนึ่งไปยึดโกดัง อีกส่วนไปโจมตีสิรานิสเลย” เนวิสพูดขึ้น
“ได้ ถ้าอย่างงั้นคืนนี้จัดแบ่งคนกัน พรุ่งนี้เช้ามืดก็โจมตีเลย ตกลงตามนี้!!” วาลิน่าออกความเห็นไป จากนั้นพวกเขาก็รีบไปจัดแบ่งกำลังคนของพวกเขาในทันที เพื่อเตรียมการโจมตีในครั้งนี้
==============================================================
สงครามครั้งนี้จะดำเนินไปอย่างไร อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย
ความคิดเห็น