ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nazi Mafia - เมืองนี้ข้าจอง

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 6 : ลอบยิง

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 63


    นาวินกับทอร์รินเดินทางออกจากคาสิโนในทันที โดยที่ในตอนนั้นไวท์แฟรงค์ก็เดินทางกลับไปเรียบร้อยแล้ว พวกเขาทั้งคู่ขึ้นรถไปแล้วขับออกจากคาสิโนในทันที แต่ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ มีรถสีดำสองคันติดตามพวกเขามา ทอร์รินขับรถไปตามทางเรื่อยๆ ในตอนนั้นเองพวกเขาจะต้องผ่านเขตเวียตนาม พวกเขาจึงพยายามขับให้ช้าที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนใคร

    “คุณทอร์ริน งานนี้ถ้าทางแก๊งค์รู้จะไม่มีปัญหาแน่นะ??”นาวินถามไป

    “แน่นอน ฉันคิดมาแล้วหล่ะ”

    “ไม่รู้ว่าพวกนาซีจะมาตามล่าตัวเขาหรือเปล่า??”นาวินถามไป

    “ไม่หรอก ถ้าพวกมันกล้ามาซ่าส์ถึงเขตเรา รับรองมันกลับออกไปไม่ได้แน่ๆ”

    “นึกถึงสมัยตอนที่ผมหนีพวกเยอรมันออกมาในปี 38 เลยแหะ”นาวินพูดพลางนั่งถอนหายใจ

    “ฉันเข้าใจ นายเองก็แค้นพวกมันนี่ ไม่คิดเอาคืนมันหน่อยเหรอ??” ทอร์รินหันไปถามเขา

    “ผมรู้ ถ้ามีโอกาสผมฆ่าพวกมันแน่”นาวินถูกขึ้น แต่ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน จู่ๆรถสองคันที่ตามมาด้านหลังพวกเขาก็โผล่ออกมาทางหน้าต่าง จากนั้นก็หยิบปืนกลขึ้นมาแล้วซัดปืนกลใส่พวกเขาในทันที

    “ปังๆๆๆ”

    “เฮ้ย หลบเร็ว!!”ทอร์รินพยายามหลบกระสุน แต่รถของพวกเขาก็เสียหลักชนเข้ากับข้างทางเสียงดังมาก นาวินรีบพาทอร์รินออกจากรถ จากนั้นก็ยิงสกัดพวกมันไว้

    “คุณทอร์ริน เดินไหวหรือเปล่า??”นาวินถามเขาไป

    “พอไหว รีบไปกันดีกว่า”ทอร์รินพูดขึ้น จากนั้นก็ชักปืนออกมา ยิงสกัดแล้ววิ่งหนีเข้าไปในซอยแห่งหนึ่ง เพื่อหลบจากการตามล่าของพวกมัน

    “ตามหามันให้ทั่ว!!”

    พวกมันพยายามค้นทั้งเขตเวียตนามเพื่อตามหาทั้งคู่ ในตอนนั้นเองนาวินและทอร์รินก็พยายามใช้โอกาสนี้หนีไปทางอื่น ในตอนนั้นเอง ทอร์รินก็รีบวิ่งไปใช้ตู้โทรศัพท์แถวนั้นในทันที เพื่อติดต่อกับแอ็กเซลและทาเนีย

    “แอ็กเซล ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ขับรถมาให้ฉันที่เขตเวียตนาม เรามีปัญหาแล้ว!!”ทอร์รินพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง พวกมันก็ตามมาเจอจนได้ จากนั้นมันก็ยิงถล่มใส่ทอร์รินในทันที

    “หลบเร็ว!!”นาวินพูดขึ้นจากนั้นก็ยิงสวนกับพวกมัน พวกเขาพยายามวิ่งหนีไปจากเขตพื้นที่ แต่พวกมันก็ไล่ล่าพวกเขาทั้งคู่อย่างไม่ลดละ

    “พวกบ้านี่เป็นใครวะเนี่ย??”นาวินถามไป

    “ไม่รู้เหมือนกัน หนีให้รอดก่อนเถอะ”ทอร์รินพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง ทอร์รินก็ถูกยิงเข้าที่แขน ทำเอาตัวเขาล้มลงในทันที

    “คุณทอร์ริน!!”

    นาวินตะโกนออกไปจากนั้นก็ยิงสกัดพวกมันไว้ และลากทอร์รินเข้าไปในซอยแห่งหนึ่ง จากนั้นก็เช็คกระสุนของเขาไปด้วย ซึ่งในตอนนี้เหลือแค่ 7 นัดเท่านั้น ทำเอานาวินถึงกับถอนหายใจ

    “ปังๆๆ”

    จู่ๆในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายเอเชียคนหนึ่งก็เดินออกมาแล้วชักปืนยิงพวกมันไป จากนั้นชายคนนั้นก็พูดขึ้นในทันที

    “พวกมึงเป็นใครมาป่วนในเขตของฉัน พวกแกไม่ตายดีแน่!!”

    “อย่าเสือกดีกว่าไอ้เด็กน้อย!!”พวกมันตอบกลับไป จากนั้นก็ยิงพวกเขากลับไป ชายเอเชียคนนั้นรีบหลบไปกับนาวินในทันที

    “นี่ นายเป็นใครกันหล่ะ??”นาวินถามอย่างสงสัย

    “ผมชื่อชาร์ลี เพื่อนคุณบาดเจ็บ รีบไปหลบที่ด้านหลังนี่ดีกว่า”ชาร์ลีพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็รีบแบกทอร์รินหนีไปทางด้านหลัง แต่ในตอนนั้นเอง ทอร์รินก็เกิดเดินไม่ไหวแล้ว ทำเอาเขาถึงกับร่วงลงไปในทันที

    “คุณทอร์ริน แข็งใจหน่อย!!”นาวินพูดกับเขา และในตอนนั้นเอง พวกมันก็มาทันจนได้ ชาร์ลีพยายามยิงสกัดแต่ไม่เป็นผล แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆชายอีกคนหนึ่งก็วิ่งมาหาพวกเขา แล้วก็ขว้างระเบิดมือใส่พวกมัน พวกมันถึงกับต้องหาที่หลบในทันที

    “ตู้ม!!”เสียงระเบิดดังไปทั่วเขต ทำเอาชาวบ้านแถวนั้นถึงกับตื่นขึ้นมา แต่พวกมันยังไม่ยอมลดละตามล่านาวินและทอร์ริน ทำเอาชาร์ลีและชายอีกคนหนึ่งช่วยกันพาเขาออกมาในทันที

    “แล้วนี่ เมื่อไหร่หนีไปได้เนี่ย เขาจะไม่ไหวอยู่แล้ว??”นาวินถามไป

    “ฉันจะพาหนีไปทางด้านหลังแล้วกัน”ชาร์ลีพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ไอ้พวกบ้านั่นเป็นใครกันหล่ะ??”ชายปริศนาคนนั้นถามอย่างสงสัย

    “ฉันก็ไม่รู้ ว่าแต่นายเป็นใครกันหล่ะ??”ทอร์รินถามเขาไป

    “ผมชื่อโอคาโด้ หรือเรียกผมว่าโอ๊คก็ได้”โอ๊คตอบไป และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็รีบเดินทางออกไปยังซอยด้านหลังเขตเวียตนาม แต่พวกมันก็ยังคงตามมาเรื่อยๆ ส่วนทอร์รินในตอนนั้นก็แทบจะเดินไม่ไหวแล้ว

    “คุณทอร์ริน แข็งใจหน่อย!!”นาวินพูดกับเขาไป พวกมันพยายามจะฆ่าพวกของนาวิน แต่จู่ๆ รถใหญ่คันหนึ่งก็ขับมาทางพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็โผล่ออกมายิงปืนกลใส่พวกมัน ซึ่งนั่นคือแอ็กเซลและทาเนีย พวกเขาทั้งคู่สาดปืนกลใส่พวกมันจนต้องถอยหนีไปอย่างหัวซุกหัวซุน

    “เฮ้ย รีบขึ้นรถเร็ว!!”แอ็กเซลตะโกนบอกพวกเขาไป จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆแบกทอร์รินขึ้นไปบนรถ จากนั้นไม่นานพวกเขาก็รีบหัวหัวรถแล้วหนีออกจากเขตเวียตนามไปในทันที

    “พวกนายไปโดนอะไรกันมาเนี่ย??”แอ็กเซลถามอย่างสงสัย

    “คือ เราไปที่คาสิโนดูแรนด์มา แต่จู่ๆเมื่อเรากลับออกมาก็โดนพวกมันตามล่าหน่ะ”นาวินพูดขึ้น

    “แสดงว่าพวกคุณไปเหยียบเท้าใครซักคนเข้าแน่ๆ”ชาร์ลีพูดขึ้นอย่างกวนๆ

    “นี่พวก อย่าเพิ่งออกนอกเรื่องตอนนี้สิ”โอ๊คพูดขึ้น

    “ว่าแต่ เราจะเอายังไงต่อหล่ะ คุณทอร์รินกำลังแย่ ต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย!!”นาวินพูดขึ้น

    “หายห่วง ฉันจัดการเอง!!”ทาเนียพูดขึ้น จากนั้นเธอก็บึ้งรถขับไปตามทางเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมือง พวกเขาขับไปยังด้านหลังโรงพยาบาล จากนั้นก็พาทอร์รินไปในทันที และในตอนนั้นเองก็มีพยาบาลคนหนี่งเดินมาหาเขาพวกเขา

    “พวกคุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า??”พยาบาลคนนั้นถามไป แต่จู่ๆทาเนียก็ยื่นเหรียญรูปอีกาให้เธอดู พยาบาลคนนั้นเห็นก็รีบเรียกบุรุษพยาบาลมาช่วยแบกทอร์รินไป จากนั้นพวกเขาก็พากันขึ้นลิฟท์ไปในทันที และเมื่อมาถึง พวกเขาก็พาทอร์รินเข้าไปในห้องผ่าตัดในทันที ส่วนคนอื่นๆก็พากันรออยู่ที่หน้าห้อง พวกเขาพากันรอผลการผ่าตัดอย่างใจจดใจจ่อ และในตอนนั้นเอง พยาบาลคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้อง แล้วเดินมาหาพวกของนาวินในทันที

    “เขาปลอดภัยแล้ว แต่คงต้องพักฟื้นซักพัก ฉันคงต้องรายงานคุณแจ็คสันว่าพวกคุณมาที่นี่”

    “บอกเลยครับ เราจะไปพบคุณแจ็คสันพอดีเลย”นาวินพูดขึ้น จากนั้นพยาบาลคนนั้นก็เดินไปใช้โทรศัพท์ในทันที ส่วนพวกของนาวินก็พากันนั่งพักผ่อนอยู่แถวๆนั้น

    “ชาร์ลี โอ๊ค พวกนายสองคนกลับไปก่อนก็ได้ ขอบใจมากที่ช่วยเรา”นาวินพูดขึ้น

    “พวกนายมาจาก The Crow จริงๆเหรอ เยี่ยมเลย ผมเป็นคนของแก๊งค์เวียตนาม มีอะไรให้ช่วยก็บอกหล่ะ”ชาร์ลีพูดขึ้น

    “ไอ้พวกที่ตามล่าคุณ อาจจะมีส่วนกับพวกดูแรนด์ก็ได้”โอ๊คพูดขึ้น

    “ว่าแต่ นายรู้จักพวกเขางั้นเหรอ??”ทาเนียถามโอ๊คไป

    “รู้จักดีเลยหล่ะ ผมเคยโดนออเรียส มันเคยรุมทำร้ายผมเกือบตาย” โอ๊คพูดขึ้น

    “อืม ออเรียสเหรอ ตั้งแต่มันพลาดตำแหน่งหัวหน้าแก๊งค์มันก็เก็บตัวเงียบมาตลอดนี่”แอ็กเซลพูดขึ้น

    “ไม่แน่นะ มันอาจจะยืมมือคนของดูแรนด์ทำอะไรก็ได้”นาวินพูดขึ้น

    “ถึงตอนนี้ คงต้องรอให้ทางเรารู้ก่อนหล่ะ”ทาเนียพูดขึ้น

    “ผมจะให้เพื่อนผมในเขตเวียตนามหาข่าวให้พลางๆด้วย”ชาร์ลีพูดขึ้น

    “อืม ก่อนอื่นเราต้องตามตัวพวกของออเรียสมันซักคน ผมจะถามมันเอง”โอ๊คพูดขึ้น

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของแจ๊คสัน ซึ่งในขณะที่เขากำลังจะเข้าไปนอนด้านในห้องของเขา จู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ดังมาจากห้องของเขา แจ็คสันไปรับมา จากนั้นก็คุยโทรศัพท์ไป และเมื่อเขารู้เรื่องทั้งหมด เขาก็วางสายและมาคุยกับเควินและปิแอร์ในทันที

    “พยาบาลที่โรงพยาบาลบอกมา ทอร์รินถูกยิงอาการสาหัส ตอนนี้กำลังพักฟื้นอยู่”แจ็คสันพูดขึ้น ทำเอาปิแอร์กับเควินถึงกับตกใจมาก

    “หือ มันฝีมือใครกัน ที่มันกล้าทำกับเราแบบนี้??”ปิแอร์ถามอย่างสงสัย

    “ไม่แน่นอร์วินคงรู้แน่ แล้วนี่เราจะทำยังไงต่อหล่ะ??”เควินถามไป

    “เรียกเขามาคุยพรุ่งนี้ ฉันต้องรู้ให้ได้ว่านี่ฝีมือใคร”แจ็คสันพูดขึ้น

    “ว่าแต่ คิดว่าจะเป็นฝีมือใครได้หล่ะ??”เควินถามอย่างสงสัย

    “อาจจะเป็นฝ่ายไหนก็ได้ เรายังไม่ทราบแน่ชัด”ปิแอร์พูดขึ้น

    “ผมว่านะ ต้องถามจากปากนอร์วิน อาจจะดีกว่า” แจ็คสันพูดขึ้น

    “แล้วจะเรียกคนของเรามาคุยหรือเปล่า??”เควินถามไป

    “แน่นอน เรียกมาให้หมด เราต้องเตรียมตอบโต้พวกมัน”แจ็คสันพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นฉันจะเรียกคนอื่นๆมาคุยพรุ่งนี้เลย”ปิแอร์พูดขึ้น

    “ถ้าฉันรู้ว่าพวกมันเป็นใคร รับรองไม่จบแค่นี้แน่ๆ”แจ็คสันพูดทิ้งท้ายไว้

     

    เช้ามืดของวันต่อมา ที่คาสิโนดูแรนด์ ไอรีนได้มาตรวจสอบความเรียบร้อยด้านในคาสิโน โดยที่ด้านในคาสิโนก็ยังคงมีลูกค้าเล่นพนันกันอย่างเนืองแน่น เสียงเพลงที่ดังเคล้าอารมณ์ได้อย่างดีที่สุด แต่ในระหว่างที่ไอรีนกำลังตรวจสอบคาสิโนของเธอด้วย ในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็มารายงานอะไรบางอย่างกับไอรีนในทันที

    “คุณไอรีน แย่แล้วครับ!!”

    “มีอะไรหล่ะ ว่ามาสิ??”ไอรีนถามกลับไป

    “มีคนของ The Crow ถูกลอบยิง แล้วที่แย่กว่านั้นคือ พวกเขาเพิ่งออกจากคาสิโนของเราด้วย และรถที่เกิดเหตุ พยานบอกว่าเป็นรถของแก๊งค์เราครับ!!”

    “หะ ใครเป็นคนสั่งเก็บพวกเขา??”ไอรีนถามอย่างสงสัย

    “ออเรียสแน่ๆ มันอาจจะใช้คนของเราไปจัดการก็ได้”ฮันเตอร์พูดขึ้น

    “อย่างงี้ต้องรีบไปเรียกเขามาพูดเลยดีกว่า”สตีฟพูดเสริม

    “แต่เราไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนนะครับตอนนี้??”โทไบอัสพูดขึ้น

    “ถ้าสงครามเกิดไม่สวยแน่ๆ ต้องรีบหาตัวออเรียส ส่วนเรื่อง Crow ฉันจะลองไปคุยกับเขาดู”ไอรีนพูดขึ้น

    “ถ้าเจอตัวมัน น่าจะจับตัวมันส่งให้พวก The Crow เลยดีกว่า”ไลท์นิ่งพูดขึ้น

    “ใช่ เราจะรบกับพวกเขาไม่ได้นะครับ”สตีฟพูดขึ้น

    “ถ้างั้น ส่งข้อความหาคนของ The Crow บอกว่าฉันจะขอพบพวกเขา”ไอรีนพูดขึ้น

    “ได้เลยครับ ผมจัดการเอง”ฮันเตอร์พูดขึ้น

    “โทไบอัส นายต้องตามตัวออเรียสมาให้ได้”

    “รับทราบครับ!!”โทไบอัสพูดขึ้น จากนั้นก็เดินกลับออกไปจากคาสิโนในทันที

     

    กลับมายังบาร์ลึกลับของแก๊งค์ Black Hood ซึ่งอีวาได้ตรวจสอบผลประกอบการเพิ่มเติมจากการขายเหล้าและบุหรี่เถื่อนเพิ่มเติม และยังรอโอลิเวียและอิซาเบลกลับมาด้วย และในไม่กี่อึดใจนั้นเอง โอลิเวียก็อิซาเบลเดินทางกลับมาหาอีวาในทันที เพื่อรายงานข่าวเพิ่มเติม

    “อ้าว พวกเธอ กลับมาแล้วงั้นเหรอ??”อีวาถามไป

    “นั่นสิ ว่าแต่งานเป็นยังไงบ้างหล่ะ??”แซนเดอร์ถามเสริมไป

    “หนูจัดการแล้วค่ะ รับรองว่าสะอาด ไม่สาวมาถึงเราแน่นอน”อิซาเบลพูดขึ้น

    “แต่ว่า มีข่าวมาจากสายของหนู ได้ยินว่า คนของแก๊งค์ The Crow ถูกลอบยิงที่เขตเวียตนามด้วยค่ะ”โอลิเวียบอกพวกเขาไปทำเอาอีวาถึงกับตกใจมาก

    “แย่แล้ว ใครเป็นคนสั่งเก็บพวกเขา??”อีวาถามอย่างสงสัย

    “เราพยายามสืบข่าวอยู่ค่ะ แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นพวกดูแรนด์ค่ะ”โอลิเวียพูดขึ้น

    “ดูแรนด์ ทำไมคนของดูแรนด์พยายามเก็บ The Crow หล่ะ??”แซนเดอร์ถามอย่างสงสัย

    “นั่นสิคะ ปกติสองแก๊งค์นี้จะพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกันนี่คะ??”อิซาเบลถามอย่างสงสัย

    “ไม่รู้สิ พยายามหาข่าวมา และบอกให้คนของเราเตรียมพร้อมไว้ก่อน แล้วก็ทำลายทุกอย่างที่อาจจะสาวมาถึงเราด้วย”อีวาพูดขึ้นจากนั้นเธอก็เดินกลับเข้าไปในห้องของเธอในทันที

     

    ณ สำนักงาน Lopez Estate ซึ่งในระหว่างที่เขากำลังนั่งเซ็นเอกสารงานของเขาอยู่บนโต๊ะ จู่ๆเลขาของเขาก็เดินเข้ามาหาเขา แล้วยื่นเอกสารอะไรบางอย่างให้กับเขาในทันที

    “ท่านคะ มีคนซื้อคฤหาสน์ของเราค่ะ!!”

    “คฤหาสน์ตัวไหนหล่ะ เรามีตั้งหลายหลัง??”โลเปซถามอย่างสงสัย

    “เลขที่ 326 ค่ะ ขายไม่ออกมามาหลายปี แต่วันนี้มีคนมาซื้อแล้วค่ะ”

    “หือ จริงเหรอ เป็นปีๆแล้วนะเนี่ย ฉันเกือบลืมไปหล่ะ??”โลเปซพูดอย่างแปลกใจ

    “ค่ะ แต่พวกเขาขอไปอยู่ก่อนหน่ะค่ะ จ่ายค่ามัดจำให้ก่อนด้วย ท่าทางจะรวยมากเลยนะคะ”เลขาของเขาพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ ดี แล้วเรื่องสัญญาหล่ะใครรับผิดชอบ??”โลเปซถามอย่างสงสัย

    “ฉันให้ฟรานซิสก้าจัดการอยู่ค่ะ”

    “อืม ดี ให้รายงานฉันด้วยหล่ะว่าพวกเขาจะเอายังไงกันต่อ”โลเปซพูดขึ้น

    “ค่ะท่าน!!”เลขาของเขาพูดขึ้น จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาหาโลเปซ โลเปซรีบรับสายไปในทันที

    “สวัสดี มีอะไรหรือเปล่า??”

    “หะ จริงเหรอ บอกคนของแก็บตัวให้เงียบไว้เลยนะ!!”โลเปซตอบกลับไป จากนั้นก็รีบวางสายในทันที

     

    กลับมายังเขตดันท์ชิช โปแลนด์ ซึ่งฟริตซ์ดำเนินการสร้างโรงงานแห่งใหม่โดยใช้แรงงานชาวยิวในโปแลนด์ที่พวกเขาลักลอบจับตัวมาได้ บางส่วนก็มาจากเยอรมันเอง พวกเขาสั่งให้แรงงานทำงานกันหนักเยี่ยงทาส เพื่อให้โรงงานของฟริตซ์เป็นรูปเป็นร่างออกมารวดเร็วที่สุด

    “เอาหล่ะ รีบๆหน่อยไอ้พวกขี้เกียจเอ้ย!!”เสียงยามคนหนึ่งตะโกนบอกนักโทษไป

    “ถ้าเรารีบกันแบบนี้ ไม่ถึงเดือนก็คงเสร็จค่ะ”วาลพูดกับฟริตซ์ไป

    “ดี คุมพวกมันให้อยู่ ถ้าใครมีปัญหาก็ฆ่าแม่ง”ฟริตซ์พูดขึ้น

    “แล้วเราจะหาคนเพิ่มจากที่ไหนกันหล่ะ??”วาลถามอย่างสงสัย

    “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวก็มีเชลยใหม่มาเรื่อยๆ เราจับมาได้หมดทั้งพวกทหาร และเชลยประเภทอื่นด้วย”ฟริตซ์พูดขึ้น

    “อืม เราต้องรีบผลิตสินค้าให้ได้ก่อนปีหน้า ไม่งั้นอาจจะมีเจ้าอื่นมาแย่งไป”วาลพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง กว่าจะถึงตอนนั้นเราก็มีของล็อตใหญ่แล้วหล่ะ”ฟริตซ์พูดขึ้น

    “ตอนนี้เรากำลังติดต่อกับอเล็กซ์สกี้ เอเย่นต์ในพื้นที่ในการปล่อยของด้วยหล่ะ”วาลพูดขึ้น

    “มันไว้ใจได้มากแค่ไหนหล่ะ??”

    “หมอนี่ทำงานกับฉันมานาน แถมยังรู้จักคนระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ เอาของส่งเข้าส่งออกไม่ยากหรอก”วาลพูดทิ้งท้ายเอาไว้

     

    และอีกด้านหนึ่ง ชายแดนโปแลนด์ มิลเลอร์ได้เตรียมการวางแผนเพื่อเจาะเข้าแนวรบของกองทัพโปแลนด์ หลังจากที่พวกเขาวางแผนเตรียมการกันอยู่หลายวัน พวกเขาก็เตรียมการโจมตีแนวรับข้าศึก โดยที่ตัวเขาในตอนนั้นก็มองไปยังแนวรบของพวกมัน ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เห็นว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนเวรยามกัน และเมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเขาก็ใช้ช่องว่างในการเข้าโจมตีในทันที

    “ตามฉันมา!!”

    มิลเลอร์วิ่งเข้าไปด้านในแนวรบแถวชานเมือง โดยที่เขาใช้ปืนเก็บเสียงบุกเข้าไป จากนั้นก็ตัดลวดหนามทิ้งอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็ยิงพลุสัญญาณขึ้นฟ้าในทันที

    “ฟิ้ว!!”

    “ตู้ม!!”

    เมื่อมิลเลอร์ให้สัญญาณขึ้นฟ้าเรียบร้อย กองพลหุ้มเกราะที่มิลเลอร์เตรียมไว้ก็เคลื่อนเข้าใกล้แนวรบของพวกโปแลนด์ในทันที พวกเขาบุกจู่โจมอย่างสายฟ้าแลบ ทำเอากองทัพโปแลนด์แทบไม่ทันได้ตั้งตัวไปเลย

    “ทุกคน ไปฆ่าพวกมันให้หมด!!”

    มิลเลอร์พูดขึ้น จากนั้นก็ใส่กระสุนเข้าไปในปืนกลมือของเขาแล้วบุกเข้าไปยิงทหารโปแลนด์ทุกคนอย่างไม่ไว้หน้า จากนั้นกองทหารโปแลนด์ก็เริ่มถอยในทันทีเนื่องจากว่าถูกโจมตีอย่างหนัก พวกนั้นต้องหนีเข้าไปในวอร์ซอร์เพื่อไปที่แนวรับใหม่ ส่วนมิลเลอร์ในตอนนั้นก็ฆ่าทหารโปแลนด์แทบทุกคนที่เจอตัว จากนั้นเขาก็เดินกลับมาหาทหารของเขาในทันที

    “ทำได้ดีมากทุกคนวันนี้!!”

    “ท่านครับ แล้วเชลยที่เหลือจะทำยังไงกันหล่ะครับ??”ลูกน้องของเขาถามไป

    “ฆ่าให้หมด!!”มิลเลอร์สั่งไป และลูกน้องของเขาก็ยิงทหารที่ยอมแพ้ทุกคนที่เขาจับได้ทิ้งในทันที

     

    กลับมายังกรุงเบอร์ลิน ในวันที่คาร์ลกับลูเซียต้องไปทำงานที่สำนักงานหน่วย SS ในตอนที่คาร์ลกำลังนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะของเขา จู่ๆในขณะเดียวกัน ลูเซียก็เดินมาหาเขาและพูดกับเขา

    “คาร์ล คุยหน่อยสิ!!”

    คาร์ลเดินตามลูเซียออกไปด้านนอก และในตอนนั้นเอง ลูเซียก็คุยกับคาร์ลในทันที

    “มีข่าวมาจากปารีส คนของเราถูกยิงในเขตเวียตนามหน่ะ!!”

    “หะ ใครถูกยิงกันหล่ะ??”คาร์ลถามไป

    “นายต้องไม่เชื่อแน่ๆ คุณทอร์รินกับเด็กใหม่ที่ชื่อนอร์วินยังไงหล่ะ!!”

    “หะ จริงเหรอ มันเรื่องอะไรกันเนี่ย??”คาร์ลถามด้วยความงุนงง

    “ได้ยินว่าใครไม่รู้ส่งคนมาตามล่าเขา ยังดีที่แอ็กเซลกับทาเนียมาช่วยได้ทัน”ลูเซียพูดขึ้น

    “แล้วพวกเขาทั้งคู่เป็นยังไงบ้างหล่ะ??”

    “คุณทอร์รินถูกยิง แต่นอร์วินไม่เป็นอะไร”ลูเซียพูดขึ้น

    “ฝีมือใครกันแน่เนี่ย??”คาร์ลถามอย่างสงสัย

    “พวกเรากำลังสืบอยู่ แต่ที่มีความเป็นไปได้คือพวกดูแรนด์”ลูเซียพูดขึ้น

    “จริงเหรอ ถ้างานนี้สงครามเกิด ปารีสได้ป่วนแน่ๆ”คาร์ลพูดทิ้งท้ายกับลูเซียไว้

     

    กลับมายังปารีส โบสถ์ลึกลับของเวเวอร์ เวเวอร์ในขณะนั้นก็ยังคงประกอบพิธีทางศาสนาให้กับบรรดาผู้ที่มายังโบสถ์ เวเวอร์รับดูแลทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนต่างด้าวที่ต้องการที่พึ่ง ในระหว่างที่เขากับเกรย์กำลังบริจาคอาหารให้กับชาวบ้านที่มารับ ในตอนนั้นเอง ชาวบ้านบางคนก็คุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างแก๊งค์เมื่อคืนด้วย

    “นี่ นายว่าเรื่องเมื่อคืนจะเป็นยังไงต่อหล่ะ??”

    “ก็ไม่รู้สิ สงสัยงานนี้สงครามแก๊งค์ได้เกิดแน่!!”

    ในตอนนั้นเองเวเวอร์ก็เกิดได้ยินเข้า ก็ถามชายคนนั้นไปในทันที

    “นี่ เมื่อคืนมีอะไรกันงั้นเหรอ”เวเวอร์ถามอย่างสงสัย

    “อ้อ หลวงพ่อครับ เมื่อคืนมีคนของแก๊งค์อีกาถูกยิงที่เขตเวียตนามครับ!!”

    “ใช่ครับ ตอนนี้ยังไม่พบตัวคนยิง แต่คิดว่าน่าจะเป็นพวกดูแรนด์ครับ”

    “หะ ทำไมถึงเป็นพวกเขางั้นเหรอ??”เกรย์ถามไป

    “ก็ไม่รู้สิครับ แต่ว่ารถที่ถูกจอดไว้ในเขตนั้นเป็นรถของพวกดูแรนด์หน่ะครับ”ชายคนนั้นตอบไป จากนั้นเกรย์ก็ตักซุปมันฝรั่งให้พวกเขาทั้งคู่

    “สงครามอาจจะเกิดจริงๆแล้วก็ได้”อเดลล่าในตอนนั้นเองก็เดินมาพูดกับพวกเขา

    “เฮ้อ ไปมีเรื่องกับคนของอีกา งานนี้คงไม่จบง่ายๆแน่ๆ”เวเวอร์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นปารีสคงลุกเป็นไฟแน่ๆค่ะ”เกรย์ออกความเห็นไป

    “ไม่หรอก อาจจะเป็นฝีมือแก๊งค์อื่นมายั่วยุก็ได้”อเดลล่าพูดขึ้น

    “เออนี่ ผมได้ยินว่าคุณทอร์รินถูกยิง แต่มีอีกคนที่รอดมาได้ ผมไม่รู้ชื่อแต่ว่าเป็นหน้าใหม่ในเมืองหน่ะครับ!!”

    “อืม ทอร์รินหน่ะคงไม่เท่าไหร่หรอก ผมว่าเจ้าหน้าใหม่นี่ไม่ธรรมดา”เวเวอร์พูดขึ้น

    “จริงเหรอ ฉันอยากรู้จริงๆว่าเขาเป็นใคร??”อเดลล่าพูดขึ้น

    “ว่าแต่ เราจะปิดโบสถ์นี้หรือเปล่าคะ??”เกรย์ถามอย่างสงสัย

    “ไม่ต้องหรอก เปิดรับพวกเขา ไม่ว่าใครก็มาหลบภัยที่นี่ได้ เราไม่มีเรื่องกับใคร พวกนั้นไม่กล้าทำอะไรนี่”เวเวอร์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องระวังตัวให้มากขึ้นหล่ะ”เกรย์พูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปที่ด้านหลังโบสถ์เพื่อไปเอาขนมปังมาแจกในทันที

     

    กลับมายังเพนเฮ้าส์ของมีอา ในวันนั้นเองเธอพยายามสืบหาตัวนาวินเพื่อเจรจาเรื่องการค้าของเธอที่เขตของ The Crow จนกระทั่งการรอของเธอก็สัมฤทธิ์ผล ในตอนนั้นเองลูกน้องของเธอก็มารายงานความคืบหน้าให้กับเธอฟังในทันที โดยที่เธอก็รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ

    “คุณมีอาครับ เราได้ข่าวมาแล้วครับ!!”

    “เรื่องอะไรหล่ะ ขอสำคัญๆนะ??”มีอาถามไป

    “ครับ ตอนนี้เราสืบหาตัวของคุณนอร์วินเจอแล้ว พบว่าเขามีแม่กับน้องสาวอยู่ในเมืองครับ”

    “จริงเหรอ รู้หรือเปล่าพวกเขาอยู่ที่ไหน??”

    “กำลังควานหาที่อยู่ที่แน่นอนอยู่ครับ แล้วก็อีกข่าว ตัวเขาโดนลอบยิงเมื่อคืนครับ!!”

    “หะ ลอบยิง ที่ไหนกันหล่ะ??”มีอาถามอย่างแปลกใจ

    “ในเขตเวียตนามครับ แหล่งข่าวส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นฝีมือพวกดูแรนด์ครับ แต่คุณนอร์วินไม่เป็นอะไรครับ”ลูกน้องของเธอรายงานไป

    “ดีแล้วหล่ะ ส่งของขวัญให้พวกเขา บอกว่าฉันขอแสดงความห่วงใยด้วย และบอกไปด้วยว่าเราพร้อมสืบหาตัวคนยิง”มีอาพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม!!”

    “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ได้ป่วนไปทั้งปารีสแน่ๆ”มีอาพูดขึ้นพลางจิบไวน์ของเธอไปด้วยหนึ่งแก้ว

     

    ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในเครือข่ายของแก๊งค์ Black Hood เอลต้าและแจนยังคงคุมห้างสรรพสินค้าเป็นอย่างดีโดยไม่มีปัญหา และลูกค้าเหล้าบุหรี่เถื่อนก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงมีกลุ่มข้างถนนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้านของเธอ และได้คุยอะไรกันบางอย่างที่ซุ่มขายไวน์ด้วย แจนและเอลต้าก็ไปแอบฟังในทันที

    “เฮ้ยนี่ ไอ้บ้าสองตัวที่เราไปฆ่ามันไม่ตายงั้นเหรอ??”

    “ก็นั่นสิ ถ้ามันไม่ตาย พวก Crow มันไม่อยู่เฉยแน่!!”

    “ถ้าอย่างงั้น เราคงต้องหายตัวกันไปซักพักแล้วหล่ะ”

    “มาคุยอะไรกันที่นี่หล่ะ??”แจนเดินเข้าไปถามคนพวกนั้น ทำเอาทั้งสองคนนั้นตกใจมาก

    “เฮ้ย พวกเธอมายุ่งอะไรด้วย ไปไกลๆเลย!!”พวกนั้นพูดขึ้น

    “ฉันคุมที่นี่ มีอะไรฉันก็ต้องรู้”เอลต้าพูดขึ้น

    “คุมที่นี่งั้นเหรอน้องสาว ถ้างั้นก็ขอลองฝีมือหน่อยแล้วกัน”มันพูดขึ้น จากนั้นมันก็ต่อยเข้าไปที่หน้าของเอลต้า แต่เอลต้ารับหมัดได้และต่อยมันกลับไปในทันที มันคนหนึ่งเห็นท่าไม่ดีเลยแบกเพื่อนของเขากลับไป

    “ขอโทษด้วยนะครับ เราไม่อยากมีปัญหา!!”มันรีบแบกเพื่อนออกไปในทันที ก่อนที่ทั้งคู่จะมาคุยกันต่อ

    “มันจะเกี่ยวกับเรื่องที่คนของ Crow ที่โดนลอบยิงหรือเปล่า??”แจนถามอย่างสงสัย

    “ก็อาจจะ ถ้าเจอมันอีกฉันจะถามมันเอง”เอลต้าตอบไป

     

    กลับมายังสำนักงานของเอลเซ่ที่เธอกลับมาทำงาน ในวันนี้เธอได้กลับมาทำงานตามปกติเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของเธอ ในระหว่างที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะ จู่ๆเพื่อนของเธอก็เดินเข้ามาคุยกับเธอด้วย

    “นี่ๆ ฉันได้ข่าวเรื่องน้องชายเธอแล้ว เสียใจด้วยนะ”

    “ช่างมันเถอะ มันเป็นหน้าที่ของเขาหน่ะ”เอลเซ่ตอบไป

    “เออนี่ รู้ข่าวหรือเปล่า มีคนของ The Crow ถูกลอบยิงด้วยหล่ะ”

    “จริงเหรอ แล้วแบบนี้พวกเขาจะแก้แค้นหรือเปล่า??”เอลเซ่ถามอย่างสงสัย

    “ถ้าแก้แค้นพวกเราก็แย่หน่ะสิ เธอก็รู้นี่ถ้าพวกมาเฟียมีปัญหากัน ชาวบ้านอย่างเราก็เดือดร้อนหน่ะสิ”

    “แล้วตำรวจไม่ทำอะไรหน่อยงั้นเหรอ??”เอลเซ่ถามไป

    “ตำรวจจะไปพึ่งอะไรได้หล่ะ พวกนี้ก็โจรในเครื่องแบบดีๆนี่หล่ะ ช่วงนี้เธอก็กลับบ้านไวๆหน่อยหล่ะ”เพื่อนของเธอพูดขึ้น จากนั้นก็กลับไปที่โต๊ะทำงานของเขาในทันที

     

    กลับมายังคอนโดหลังหนึ่ง ซึ่งชินาอิได้มาพักหลังจากที่เสร็จงานของเขา เขาได้ตามสืบข่าวเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องราวของประเทศของเขาในปัจจุบัน และเขาได้บันทึกลงในสมุดโน้ตของเขาด้วย แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆเขาก็รู้สึกเหมือนกันมีใครอยู่ในห้อง เขารีบหยิบปืนของเขาออกมาในทันที จากนั้นก็เล็งและยิงใส่ไปยังเป้าหมาย

    “ฟิ้ว!!”

    แต่เมื่อเขายิงออกไป จู่ๆสิ่งประหลาดนั้นก็หายไปในทันที ทำเอาชินาอิถึงกับตกใจมาก แต่ในตอนนั้นเอง เขาก็ดันไปเจอกับผ้าสีดำเล็กๆชิ้นหนึ่ง ชินาอิแปลกใจจึงรีบไปดูในทันที

    “เราเจอแกแล้ว!!”

    “ผ้านี่มันของพวกนินจานี่หน่า”

    ชินาอิเห็นดังนั้นจึงแปลกใจ แต่จู่ๆเขาก็คิดได้ว่าเขาทำอะไรเอาไว้

    “ระยำ มันตามมาถึงที่นี่เลยเหรอเนี่ย??”ชินาอิคิดในใจ จากนั้นเขาก็เก็บของที่เหลือของเขาทั้งหมด แล้วออกจากห้องๆนั้นไปในทันทีโดยไม่ยอมบอกกล่าวกับใครว่าเขาจะย้ายออกไป

     

    กลับมายังสำนักงานกาชาดสากล วาลเดรียที่ในตอนนั้นเพิ่งจะได้เริ่มงานวันแรก ภารกิจแรกของเธอคือการเดินทางไปยังเบลเยี่ยม ซึ่งในตอนนั้นเองผู้อพยพตามชายขอบเยอรมันได้หลบหนีสงครามมากันมากมาย ในวันนี้เป็นวันที่เธอต้องขึ้นรถบรรทุกเพื่อเดินทางออกไป และในตอนนั้นเอง หัวหน้าของเธอก็มาคอยส่งเธอด้วย

    “นี่ งานแรกของเธอพอไหวนะ??”

    “แน่นอนค่ะ แล้วท่านจะไม่ไปด้วยเหรอคะ??”วาลเดรียถามไป

    “อ้อ ผมมีภารกิจที่อื่นต่อหน่ะ ที่นั่นกำลังวุ่นวาย คุณต้องระวังตัวด้วยหล่ะ”

    “ค่ะ ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง”วาลเดรียพูดขึ้น

    “ยังไงก็ขอให้โชคดีหล่ะ”หัวหน้าของเธอพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เธอก็เดินทางอออกไปในทันที พร้อมกับเจ้าหน้าที่กาชาดคนอื่นๆด้วย พวกเขารีบเดินทางไปยังเบลเยี่ยมในทันที

     

    กลับมายังธนาคารฝรั่ง ลิริในตอนนั้นเองก็นั่งทานอาหารอยู่บนโต๊ะบัญชีของเธอ ในตอนนั้นเอง ก็มีชายชุดดำใส่หน้ากากคนหนึ่งเดินมาหาเธอที่เคาน์เตอร์ ทั้งๆที่เธอแขวนป้ายไว้ว่ากำลังพักอยู่

    “ฉันกำลังพักอยู่นะ!!”ลิริพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เขาก็ยื่นเหรียญอีกาดำให้เธอดู ลิริเห็นดังนั้นจึงถามเขาไปในทันที

    “ต้องการอะไรงั้นเหรอ??”

    “รหัส 015”ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นลิริก็เดินไปที่ด้านหลังตู้เอกสารตู้หนึ่ง จากนั้นก็ไปหยิบเอกสารเล่มหนึ่งมาในทันที แล้วเอามาให้กับผู้ชายคนนั้นในทันที

    “ค่าดำเนินการ 10000 ฟรังก์นะ” ลิริพูดขึ้น จากนั้นชายคนนั้นก็ยื่นซองเงินให้กับเธอ แล้วตัวเขาก็เดินจากไปในทันที ส่วนลิริก็เก็บเงินนั้นไปในทันที

     

    กลับมายังบ่อนแห่งหนึ่งในคาสิโนดูแรนด์ ซึ่งลาเกียครูซในตอนนั้นเองก็ได้เดินสายเล่นพนันไปทั่ว ซึ่งได้บ้างเสียบ้างตามภาษานักพนัน จนมาถึงตาหนึ่ง เขาก็ได้ล้มโต๊ะคาสิโนที่เขาเล่น จากนั้นก็โวยวายขึ้นในทันที ทำเอานักพนันคนอื่นๆถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก

    “เฮ้ย พวกแกโกงฉัน!!”

    “ใครโกงกันแน่วะ?? เล่นเสียหมดตัวก็กลับบ้านไปดิ!!”นักพนันโต๊ะเดียวกันพูดขึ้น

    “เฮ้อ ไอ้พวกปาริเซียงชั้นต่ำ กล้าตีฝีปากงั้นเหรอ??”ลาเกียครูซตะโกนด่าไป

    “เหรอ มึงมาจากไหนวะ??”

    “เยอรมันเว้ย ดินแดนอาณาจักรไรซ์ที่ 3 อันยิ่งใหญ่ไงหล่ะ!!”ลาเกียครูซพูดขึ้น

    “โธ่ นึกว่าที่ไหน ไอ้พวกหมูเยอรมันนี่เอง นี่ ถ้าบ้านแกดีจริงไม่กลับไปเล่นที่บ้านแกหล่ะวะ??”ชายคนนั้นตะโกนด่ากลับไป ทำเอานักพนันคนอื่นๆถึงกับเฮลั่น ลาเกียครูซในตอนนั้นถึงกับหน้าเสียไปในทันที

    “เออ จำไว้ให้ดีนะพวกแก ถ้ากองทัพเราเยียบปารีสเมื่อไหร่ เมื่อนั้นพวกแกตายกันหมดแน่!!”ลาเกียครูซตะโกนตอบกลับไป และเขาก็หยิบเอาเงินที่เขาเล่นมาได้บางส่วนเดินออกจากคาสิโนไปในทันที

     

    ณ สำนักข่าวแห่งหนึ่งในกรุงปารีส ซึ่งเกลนนิสทำงานอยู่ เธอพาการ์เน็ตต้าไปด้วยเพื่อไปเจอกับคนที่นั่น และเมื่อเกลนนิสเดินทางมาถึง เธอก็ทักทายกับคนอื่นๆที่อยู่ด้านในทันที

    “อ้าว เกลนนิส ไม่เจอกันตั้งนาน พาใครมาด้วยหล่ะ??”

    “อ้อ เพื่อนฉันเอง ชื่อ อ่า.. เจนนี่ เธอมาเป็นสายข่าวให้ฉันหน่ะ”เกลนนิสพูดขึ้น

    “อ่า สวัสดีค่ะทุกคน!!”การ์เน็ตต้าพูดขึ้นกับทุกคน

    “สวัสดี บก.กำลังรออยู่ ไปหาเขาสิ!!”นักข่าวคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นเกลนนิสก็พาการ์เน็ตต้าไปเจอกับบก.สำนักพิมพ์ในทันที

    “อ้าว เกลนนิส มาแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้างหล่ะ??”

    “ค่ะ บก. ดิฉันขอแนะนำเพื่อน เจนนี่ ค่ะ!!”เกลนนิสพูดขึ้น

    “สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นเพื่อนของเธอค่ะ”การ์เน็ตต้าพูดขึ้น

    “อ้อ เออนี่ เธอได้เจอกับท่านนายพลรอสกับท่านนายพลอัลเฟรดบ้างหรือเปล่า??”บก.ของเธอถามไป

    “ยังไม่ทราบเลยค่ะ ถ้าได้เรื่องจะมาแจ้งให้ทราบเลยค่ะ”เกลนนิสพูดขึ้น

    “ดี ยังไงพวกคุณสองคนก็ไปตามข่าวมาแล้วกัน”บก.ของเธอพูดทิ้งท้ายเอาไว้

     

    ณ บาร์ทหารในเขตหนึ่ง ในวันนี้อลิซกับริชาร์ดได้มานัดเจอกันเพื่อพูดคุยถึงเรื่องการรบที่เกิดขึ้น ซึ่งรอบข้างก็มีคนกำลังดื่มเหล้า ทะเลาะวิวาทบ้าง แต่ทั้งสองคนก็ไปหาที่เงียบๆคุยกันได้

    “ริชาร์ด ที่แนวหน้าเป็นยังไงบ้างหล่ะตอนนี้??”อลิซถามเขาไป

    “รบกันหนักเลยหล่ะ พวกลุฟวาฟโจมตีทุกวัน ว่าแต่ ท่านนายพลรอสส่งข่าวมาบ้างหรือเปล่า??”ริชาร์ดถามไปบ้าง

    “ฉันก็กำลังรอข่าวอยู่เหมือนกันเนี่ย”อลิซพูดขึ้น

    “แกกลับไปอังกฤษแล้ว ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง??”ริชาร์ดพูดพลางดื่มเหล้าไปด้วย

    “ก็นะ เราต้องรอจนกว่าแกจะติดต่อมานี่”อลิซพูดขึ้น

    “ความจริงงานเราก็เยอะอยู่แล้วนะเนี่ย”ริชาร์ดพูดต่อ

    “ทำยังไงได้หล่ะ ท่านนายพลรอสบังคับบัญชาเรานี่”

    “ก็นะ กว่าจะถึงตอนนั้น พวกเยอรมันคงบุกมาพอดี”ริชาร์ดพูดออกมา

    “ไม่หรอก พวกมันไม่มีทางบุกฝรั่งเศสได้หรอก”อลิซพูดขึ้นพลางดื่มเหล้าไปอีกแก้ว

     

    กลับมายังลอนดอน ประเทศอังกฤษ นายพลมอนโกเมอรี่เจรจาหารือกับนายพลรอสและอัลเฟรด ซึ่งด้านในก็มีทหารคนอื่นๆมาคอยฟังการเจรจาไปด้วย

    "เอาหล่ะ ตอนนี้เราประกาศสงครามกับเยอรมันแล้ว อีกไม่นาน เราก็คงต้องเดินทางไปยังฝรั่งเศสเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม" มอนโกเมอรี่พูดขึ้น

    "ผมว่า สงครามคราวนี้คงจะไม่เหมือนกับครั้งแรกหรอก พวกเยอรมันพัฒนาไปมาก" นายพลรอสพูดขึ้น

    "ใช่ ทั้งเทคโนโลยี แผนการรบ เราคงไม่ได้ไปนอนในสนามเพลาะเหมือนเก่าหล่ะ" อัลเฟรดพูดขึ้น

    "ตอนนี้เรากำลังจะส่งทหารของเราไปยังฝรั่งเศสเพื่อสู้ศึก ไม่รู้ทางฝรั่งเศสจะต้านได้หรือเปล่า??" มอนโกเมอรี่ถามไป

    "ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ทางฝรั่งเศสเตรียมพร้อมแล้วหล่ะ" อัลเฟรดพูดขึ้น

    "เราอาจจะยืมมือมาเฟียในพื้นที่มาช่วยพวกเราได้ด้วย" รอสพูดขึ้น

    "อืม ผมเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้ แต่ตอนนี้พวกแก๊งค์นั้นกำลังห่ำหั่นกันนี่" มอนโกเมอรี่พูดขึ้น

    "ก็ใช่ แต่ถ้าพวกนาซีบุกมา พวกเขาคงไม่อยู่เฉยแน่" รอสพูดขึ้น

    "เราจะหวังอะไรกับพวกมันได้หล่ะ ถ้าพวกมันสบประโยชน์ ก็ไปเข้าร่วมกับพวกนาซีอยู่แล้ว??" อัลเฟรดพูดขึ้น

    "ไม่หรอก แก๊งค์ The Crow เกลียดพวกนาซีจะตาย" รอสพูดขึ้น

    "เอาหล่ะ ตอนนี้เราจะเตรียมนำทหารยกพลขึ้นบกที่ฝรั่งเศส และต้านพวกมันเอาไว้" มอนโกเมอรี่พูดขึ้น

    "เห็นทีคงต้องฝากความหวังไว้ที่ป้อมมายิโน่แล้วหล่ะ" อัลเฟรดพูดขึ้น

    "ป้อมนั่นจะไร้ประโยชน์ทันที ถ้าพวกมันบุกผ่านเบลเยี่ยมหน่ะ" รอสพูดขึ้น

    "เราคงต้องช่วยเหลือพวกเขาแล้วหล่ะแบบนี้" มอนโกเมอรี่พูดทิ้งท้ายจากนั้นเขาก็นั่งจิบเหล้าไป

     

    กลับมายังบ้านพักของนักการเมืองเยอรมัน ซึ่งในตอนนั้นเองไวท์แฟรงค์ก็เดินทางมายังบ้านหลังนั้น เพื่อไปคุยกับนักการเมืองซึ่งอยู่ด้านใน ไวท์แฟรงค์เมื่อจอดรถที่ด้านหน้าบ้าน เขาก็รีบเดินเข้าไปในบ้านทันที โดยที่นักการเมืองคนนั้นก็กำลังรอไวท์แฟรงค์อยู่พอดี

    "คุณไวท์แฟรงค์ เป็นยังไงบ้าง??"

    "เมื่อคืนเรามีปัญหานิดหน่อย แต่ก็ติดต่อกับคนของ The Crow ได้แล้วครับ" ไวท์แฟรงค์พูดขึ้น

    "มีปัญหาอะไรอย่างงั้นเหรอ??"

    "คือว่า พวกเราถูกลอบยิงเมื่อคืน พวกเราเกือบไม่รอด ดีที่ผมหาที่หลบได้ทัน" ไวท์แฟรงค์พูดขึ้น

    "จริงเหรอ พอรู้หรือเปล่ามันเป็นใคร??"

    "ผมก็ไม่รู้ พวกมันตามเรามาตั้งแต่คาสิโนดูแรนด์แล้วครับ"

    "หรือว่า พวกเยอรมันรู้แล้วจึงส่งคนมาฆ่าคุณ??"

    "ถ้าอย่างงั้น ท่านต้องป้องกันตัวเองให้มากนะครับ" ไวท์แฟรงค์พูดขึ้น

    "ฉันไม่เป็นไรหรอก นายห่วงตัวเองก่อนดีกว่า แล้วพยายามตามข่าวจากพวก The Crow ด้วยหล่ะ!!" นักการเมืองคนนั้นพูดกับไวท์แฟรงค์ไป

     

    และในวันเดียวกันเอง ช่วงสายๆผ่านไปแล้ว ในตอนนั้นเองแม่ของนาวินและนอร์ดี้ก็กำลังแต่งตัวเพื่อที่จะไปดูบ้านใหม่ตามที่นาวินนัด แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีโทรศัพท์เข้ามา นอร์ดี้รีบไปรับสายในทันที

    "นอร์ดี้ นี่พี่เองนะ!!"

    "พี่นอร์วินคะ เมื่อไหร่จะมารับเราคะ??"

    "เดี๋ยวพี่ไปนะ ตอนนี้พี่กำลังมีธุระ ไม่ต้องห่วงนะ" นาวินตอบไป

    "ได้ค่ะพี่ เดี๋ยวหนูบอกแม่ให้ ยังไงก็รีบๆมานะคะ" นอร์ดี้พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง นาวินก็วางหูโทรศัพท์ไป ซึ่งโทรศัพท์ที่เข้าใช้เป็นโทรศัพท์จากคฤหาสน์ของแก๊งค์ The Crow นั่นเอง

    "โทรหาแม่อย่างงั้นเหรอ??" เควินถามอย่างสงสัย

    "อ้อ น้องสาวครับ วันนี้ผมมีนัดด้วยหน่ะ" นาวินพูดขึ้น

    "ยังไงก็รีบไปอธิบายคุณแจ็คสันเร็วๆก็แล้วกัน จะได้ไปหาแม่นาย ไปเถอะ" เควินพูดขึ้น จากนั้นไม่นานเขาก็พานาวินเดินเข้าไปในห้องโถงห้องเดิมที่ใช้ในการประชุม โดยที่ตอนนั้นเอง แจ็คสันก็กำลังรอเขาอยู่แล้ว รวมถึงสมาชิกแก๊งค์คนอื่นๆด้วย นาวินรีบเดินเข้าไปหาแจ็คสันในทันที

    "ปลอดภัยนะเมื่อคืน!!"

    "อ้อครับ ผมเป็นห่วงคุณทอร์รินมากกว่า" นาวินตอบแจ็คสันไป

    "ว่าแต่ พวกนายไปทำอะไรกันมาเมื่อคืน ตอบมาให้หมด นายเองก็รู้กฏของเรานะ??" ปิแอร์ถามนาวินไป

    "คือ เราไปที่คาสิโนดูแรนด์ แต่ตอนที่เรากลับออกมา มีคนตามมาลอบยิงเราครับ ยังดีที่มีสมาชิกแก๊งค์เวียตนามกับโอ๊ค เพื่อนผมช่วยไว้!!" นาวินตอบไป

    "อืม เข้าใจหล่ะ" เควินพูดกับนาวินไป

    "แสดงว่าพวกดูแรนด์อยู๋เบื้องหลังเรื่องนี้สินะ??" ทาเนียพูดขึ้น

    "แต่ว่า พวกคุณรู้จักออเรียส ดูแรนด์หรือเปล่าครับ??" นาวินถามคนในที่ประชุมไป

    "อ้อ ออเรียส มันเคยพลาดตำแหน่งหัวหน้า จากนั้นเขาก็หายเข้ากลีบเมฆนี่ นายว่าหมอนี่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องงั้นเหรอ??" แจ็คสันถามอย่างสงสัย

    "ก็มีส่วนครับ เพื่อนผมที่ชื่อโอ๊คกำลังสืบเรื่องนี้อยู่ครับ แล้วอีกอย่าง ในวันนั้นคุณทอร์รินนัดเจรจากับชายเยอรมันคนหนึ่ง ได้ยินว่าเขาเป็นคนของนักการเมืองที่ลี้ภัยมาที่นี่ครับ พวกเขาขอให้เราคุ้มครองพวกเขาจากพวกเยอรมันที่ตามล่าเราครับ" นาวินพูดขึ้น

    "ห่ะ จริงเหรอ ถ้าอย่างงั้นผู้ต้องสงสัยก็มีสองฝ่ายแล้วสินะ" แอ็กเซลถามอย่างแปลกใจ

    "นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะ ทำไมทอร์รินไม่มาปรึกษาเราก่อน??" เควินถามอย่างสงสัย

    "คุณทอร์รินว่าจะมาบอกกับพวกคุณหน่ะครับ ก่อนที่จะนัดเจอกับนักการเมืองคนนั้น แต่ดันมาโดนลอบยิงก่อนหน่ะครับ" นาวินพยายามพูดแก้ต่างให้ทอร์ริน

    "อืม พวกนาซีมันขยายอิทธิพลมาในฝรั่งเศสแล้วสินะ แบบนี้อันตรายมากเลยนะแจ็คสัน" ปิแอร์พูดกับแจ็คสัน

    "นอร์วิน ฉันรู้ว่านายคิดอะไร ฉันเชื่อนายนะ เพราะฉะนั้น งานใหม่ของนายคือตามล่าทุกคนที่เกี่ยวข้อง ถ้ามีคนของเรามาเอี่ยวด้วย เอาตัวมันมาให้ฉัน ถ้าไม่ใช่ นายรู้นะว่าต้องทำยังไง??" แจ็คสันพูดกับนาวินไป และในขณะเดียวกัน ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องประชุมที่พวกเขาคุยกัน แล้วรายงานอะไรบางอย่างกับพวกเขา

    "ท่านครับ กลุ่มดูแรนด์อยากเจรจากับคุณวันพรุ่งนี้ครับ สถานที่ที่สวนสาธารณะครับผม!!"

    "บอกไปว่าฉันตอบรับคำเชิญ นอร์วิน พรุ่งนี้นายไปด้วยแล้วกัน" แจ็คสันสั่งนาวินไป

    "เอาหล่ะ นอร์วิน กลับไปได้แล้วหล่ะ แม่นายรอนายอยู๋นี่!!" เควินบอกกับนาวินไป จากนั้นนาวินก็โค้งคำนับและเดินออกจากที่ประชุมไปในทันที

    ==============================================================

    กลุ่มดูแรนด์ได้ขอเจรจากับ The Crow แล้วการเจรจาจะสำเร็จหรือไม่ อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลผมด้วย!!

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×