NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Until Last Dying Breath - ตราบลมหายใจสุดท้าย [ปิดรับสมัครตัวละครชั่วคราว]

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 5 : เข้าปะทะ

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 66


    กลุ่มของวินหลบอยู่ในป่าและซุ่มดูกองกำลังชุดดำพวกนั้นจากระยะไกล และไม่นานนัก ทุกอย่างก็เป็นอย่างที่พวกเขาคิด ตอนนี้กองกำลังชุดดำของจักรวรรดิไทยได้เดินหน้าเข้ามายังหมู่บ้าน จากนั้นก็พยายามไล่ค้นทุกอย่างที่อยู่ในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย ระวังในป่าด้วย พวกมันอาจจะมองเราอยู่”

    “ผมว่า พวกมันอาจจะหนีไปแล้วก็ได้นะครับ”

    “อ้าว แล้วทำไมรถมันยังอยู่หล่ะ??”

    “มันอาจจะให้เราคิดแบบนี้ก็ได้ครับ เพื่อถ่วงเวลาเรา” แต่ในระหว่างที่พวกมันกำลังพูดกัน ในตอนนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งออกมาจากป่า จากนั้นก็รีบมารายงานอะไรบางอย่างกับนายทหารคนนั้น และเมื่อพวกนั้นได้ยินก็รีบแบ่งกำลังเข้าไปในป่าทันที

    “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย??” วินถามไป

    “สงสัยพวกมันคงจะโดนเล่นงานในป่าหล่ะมั้ง??” ไนอาลาพูดไป

    “ตอนนี้พวกมันเหลือ 10 กว่าคนเองนะ” แอนนาพูดขึ้น

    “จริงด้วย เรายิงพวกมันได้สบาย ใช่มั้ยหล่ะ??” ไอ้หมูป่าถามไป

    “เออๆๆ นายเก่งอยู่แล้วนี่” ซูหยินพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เล็งธนูของเธอเตรียมพร้อม

    “โอเค เตรียมพร้อมแล้วกัน เลือกเป้าหมายตามใจชอบเลย” โรสพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เล็งปืนใส่พวกมันที่กำลังยืนเฝ้ายามอยู่

    “โอเค มีโอกาสเดียว อย่าพลาดหล่ะ” รินพูดขึ้น

    “ฉันรู้แล้วน่า” ซาซ่าตอบกลับ ก่อนที่พวกเขาจะยิงใส่พวกนั้นในทันที

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    ทหารชุดดำพวกนั้นโดนยิงแบบไม่ทันตั้งตัว พวกมันบางส่วนพยายามจะหาที่หลบแต่ก็ไม่ทันแล้ว สุดท้ายพวกนั้นก็โดนยิงจนตายกันหมด

    “เยี่ยม งานดีกันทุกคนเลย” เวย์พูดขึ้น

    “โอเค เดี๋ยวพวกมันต้องส่งคนมาดูแน่ๆ” ฟรีพูดขึ้น

    “ถึงตอนนั้นเราก็หนีกันไปไหนต่อไหนแล้วหล่ะ” เมตพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก พวกมันก็พากันออกจากป่าและมาดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในตอนนั้นพวกมันก็ตกใจมาก

    “ชิบหายแล้ว รีบเรียกกำลังเสริม..” นายทหารคนหนึ่งพูดขึ้น แต่ไม่ทันแล้ว ไนอาลาเองใช้สไนเปอร์ของเธอยิงใส่มันจนร่วง คนอื่นที่พยายามมาหยิบวิทยุก็โดยไนอาลายิงต่อ จากนั้นกลุ่มของวินเองก็ยิงตอบโต้กับพวกมัน

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    พวกมันรีบหาที่หลบอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นานไอ้หมูป่าก็วิ่งออกไปใส่พวกมัน มันคนหนึ่งจะเล็งใส่ไอ้หมูป่า แต่ไอ้หมูป่าก็โยนขวานจามใส่หัวมัน

    “ปัก!!”

    กลุ่มของวินรีบตามไปสนับสนุนไอ้หมูป่าที่วิ่งออกไป พวกเขาไล่ยิงกับพวกทหารอย่างดุเดือด และในตอนนั้นเอง ทหารอีกส่วนหนึ่งก็รีบวิ่งออกมาจากป่า แต่ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะไม่ได้มาสนับสนุนพรรคพวก แต่พวกเขาหนีอะไรบางอย่าง

    “ชิบหาย เราต้องหนีแล้ว!!” ทหารที่เพิ่งออกมาจากป่าพูดขึ้น

    “เออ รีบถอย..” มันยังไม่ทันพูดจบ ตอนนั้นไหมูป่าก็กระโดดเข้าไปในวงของพวกมัน จากนั้นก็ไล่ฆ่าพวกมันทีละคน กลุ่มของวินเองก็ตามไปไล่ยิงพวกมันบ้าง และไม่นานนัก ชายคนหนึ่งก็ไล่ยิงใส่พวกมันมาจากในป่า ซึ่งนั่นก็คือโซฮานนั่นเอง ตอนนั้นทหารคนหนึ่งก็กำลังวิ่งหนีไป แต่ตอนนั้นซูหยินเองก็เล็งธนูใส่ จากนั้นก็ปล่อยสายและลูกธนูก็ปักเข้าที่คอมันจนร่วง

    “เฮ้ย มึงเป็นใครวะ??” ไอ้หมูป่าพูดขึ้นพลางเล็งปืนใส่โซฮาน แต่โซฮานก็เล็งตอบบ้าง

    “ไอ้หนู ถ้าไม่เก่งกับใจไม่ถึงก็วางปืนดีกว่า” โซฮานพูดอย่างเรียบๆ แต่ในตอนนั้นเอง

    “คุณโซฮาน คุณโซฮานเหรอ??” ไนอาลาพูดขึ้น

    “ไนอาลา อะไรกันเนี่ย โตขึ้นขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย??” โซฮานพูดขึ้น

    “เออ อะไรกัน รู้จักกันเหรอ??” วินถามไป

    “ยิ่งกว่ารู้จักซะอีก” ไนอาลาพูดขึ้น

    “ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่ ไนอาลา ถึงจะช้าไปหน่อย แต่ก็ทักทายนะ” โซฮานพูดขึ้น

    “อ้าว แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่เนี่ย??” แอนนาถามไป

    “ฉันหนีพวกมันลงใต้มา ตอนนี้ภาคกลางเองวุ่นวายมาก” โซฮานพูดขึ้น

    “เออ อย่าว่างั้นงี้เลยนะ ตอนนี้เราคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วหล่ะ” ฟรีพูดขึ้น

    “เออ จริงด้วย พวกมันคงตามเรามาได้อีกไม่นาน” รินพูดขึ้น

    “มีรถทหารอยู่ตรงนั้น เราน่าจะใช้มันได้” โซฮานชี้ไปยังด้านหนึ่งของป่า

    “เออ แล้วเราต้องรถทหารมาด้วยเหรอคะ??” โรสถามไป

    “ก็ป้องกันไม่ให้พวกมันสงสัยไง” ซูหยินพูดขึ้น

    “แต่ก่อนอื่น เราจะเอายังไงกับศพพวกนี้หล่ะ??” ซาซ่าถามไป

    “ถ้าฝังตอนนี้ พวกมันคงตามเรามาทันแน่ๆ เรารีบหนีดีกว่า” เมตพูดขึ้น

    “นั่นสิ เราไปจากที่นี่ดีกว่านะคะ” เวย์พูดขึ้น 

    “โอเคครับ เราจะแบ่งคนไปเอารถของพวกมันมา จากนั้นก็มาเจอกันที่นี่ เราจะไม่ใช้เส้นทางหลัก พวกมันคงจะปิดถนนหมดแล้ว รีบไปเถอะครับ” วินบอกกับทุกคนไป 

    “โอเค ฉันจะไปเอารถเอง” ไนอาลาพูดขึ้น จากนั้นไม่นานพวกเขาก็แยกย้ายกันไปทันที ไนอาลากับโซฮานแยกกันไปเอารถทหารที่จอดอยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ นี่พรรคพวกเธอเหรอ??” โซฮานถามไป

    “ใช่แล้วหล่ะ ฉันเจอกับพวกเขา พวกเขาจะช่วยฉันทำงานชิ้นหนึ่งหน่ะ” ไนอาลาถามไป

    “โห นี่กะจะใช้พวกเขาใช่มั้ยเนี่ย??” โซฮานถามไป

    “ไม่ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น!!” ไนอาลาตะโกนออกมา

    “อ่าๆๆ ไม่ต้องพูดอะไรแล้วหล่ะ แต่รวมๆแล้วพรรคพวกของเธอก็หน่วยก้านไม่เลวนะ” โซฮานพูดขึ้น

    “ว่าแต่คุณเถอะ คุณลาออกจากหน่วยและมาทำอะไรเมืองไทยกันแน่ ฉันนึกว่าคุณอยู่ทางใต้ซะอีก??” ไนอาลาถามไป

    “เรื่องมันซับซ้อนหน่ะ” โซอานตอบไป

    “อย่างคุณเนี่ยไม่ทำอะไรโดยไม่มีแผนแน่ๆ” ไนอาลาพูดขึ้น

    “เอาเถอะ อยากพูดอะไรก็พูดแล้วกัน” โซฮานตอบแบบเซงๆ

     

    ณ ทำเนียบรัฐบาลเดิม ในวันนี้ตัวของกุนนาร์เตรียมความพร้อมในการเจรจากับนาวาเอกการินที่กำลังนำกองเรือเพื่อเตรียมโจมตีกรุงเทพได้ทุกเมื่อ ในระหว่างที่เธอกำลังเดินออกไปด้านนอก เฮลล่าก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเธอ

    “คุณกุนนาร์!!”

    “โห รีบมาเลย มีอะไรหรือเปล่า แล้วเรื่องเจรจากับผู้การการินว่าไง??” กุนนาร์ถามไป

    “ตอนนี้ดิฉันจัดการแล้ว แต่เรื่องใหม่ของเราตอนนี้คือ เรากำลังปะทะกับกองกำลังจักรวรรดิไทยในภาคกลางแล้วค่ะ” เฮลล่าพูดขึ้น

    “จริงเหรอ ปะทะยังไง เล่ารายละเอียดหน่อย??” กุนนาร์ถามไป

    “คือเมื่อวานนี้ พวกมันโจมตีเขตจังหวัดอยุธยา เขตที่เราเพิ่งยึดครองไป เราต้านพวกมันไว้แต่พวกมันก็ก่อกวนแนวรบของเราไปมากเลยค่ะ” เฮลล่าพูดขึ้น

    “อืม เรื่องนี้ฉัน คุณกฤต แล้วก็คุณชาญจะคุยกันเอง” กุนนาร์พูดขึ้น

    “ค่ะ แต่คงต้องรีบหน่อยนะคะ หน่วยข่าวกรองของเราบอกมาว่า พวกเขามีกำลังถึง 2 แสนเลยค่ะ”

    “ห่ะ 2 แสนเลยเหรอ กองกำลังที่เรามีในกรุงเทพทั้งหมดยังมีแค่ 6 หมื่นต้นๆเองนะ??” กุนนาร์ถามไป

    “เรื่องนี้คงต้องรีบจัดการด่วนแล้วค่ะ” เฮลล่าพูดขึ้น

     

    ณ ที่ทำการของกองกำลัง Black Reaper ในตอนนี้กฤตเองก็พยายามตามข่าวลูกสาวของเขาที่หายตัวไปในจังหวัดอ่างทอง เขาส่งหน่วยนิรยบาลฝีมือดีไปตามหาเธอ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็รีบเดินมารายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    “ท่านครับ ขออนุญาตครับ!!”

    “มีเรื่องอะไรหล่ะ??” กฤตถามไป

    “ตอนนี้กองกำลัง VSC กำลังเข้าปะทะกับพวกจักรวรรดิไทยครับ มีข่าวมาว่าพวกนั้นเริ่มโจมตีชายแดนอยุธยาแล้วครับ!!”

    “เฮ้ย อะไรกัน นี่พวกมันกล้าขนาดนั้นเลยเหรอ??” กายถามไป

    “ผมว่า พวกมันคงจะเริ่มเดินเกมแล้วหล่ะ” ศิลป์พูดขึ้น

    “เราจะเอายังไงต่อดีครับ??” เติร์กถามไป

    “ส่งกำลังเสริมของเราไปช่วยพวกนั้นไว้ก่อน” กฤตพูดขึ้น

    “ผมจัดการเองครับ” กายพูดขึ้น

    “เออ ระวังด้วย ฉันได้ยินมาว่าพวกมันมีไม่ต่ำกว่าแสนเลย” เติร์กพูดขึ้น

    “แต่ก็ไม่แน่ พวกมันต้องแบ่งกำลังไปโจมตีเขตต่างๆอีก พวกจีนทางเหนือ กองกำลังภาคอีสาน ไหนจะพวกต่อต้านในดินแดนภาคกลางอีก” ศิลป์พูดขึ้น 

    “ติดต่อกุนนาร์กับชาญให้ฉันที” กฤตพูดขึ้น จากนั้นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่อยู่แถวนั้นก็รับคำสั่ง และไม่นานนัก เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ตอบกลับมาหากฤต

    “ท่านครับ คุณกุนนาร์นัดพบกับพวกเราแล้วครับ ตอนนี้กำลังติดต่อคุณชาญอยู่ เย็นนี้เธอจะนัดพบเราที่ทำเนียบครับ”

    “อืม ดี ฉันจะไป” กฤตพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น ผมจะนำกำลังไปเสริมที่อยุธยาเองครับ” กายพูดขึ้น

    “ดี นายเอาคนของเราไป 1000 เอาจักรกลไปเต็มอัตราศึกไปต้านพวกมันเลย” กฤตพูดขึ้น

    “อืม แต่เราต้องขอกำลังจากหน่วยอื่นด้วยนะครับ” ศิลป์พูดขึ้น

    “ตอนนี้คงต้องพึ่งกองกำลังของ VSC กับท่านนายพลพงศ์แล้วหล่ะ” เติร์กพูดเสริม

    “ไม่ต้องห่วงหรอก พวกนั้นรู้ว่าต้องทำยังไง” กฤตพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น ผมจะเอาหน่วยที่ 1 กับ 2 ไปแล้วกันนะครับ” กายพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินออกไปในทันที

    “พวกนายสองคนไปช่วยเรื่องตามหาลูกสาวฉันที” กฤตบอกกับศิลป์และเติร์ก 

    “รับทราบครับ” ทั้งคู่พูดพร้อมกัน แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ไป ในตอนนั้นทหารอีกคนก็รีบมารายงานอะไรบางอย่างกับกฤต

    “ท่านครับ เราเจอตำแหน่งของคุณหนูแล้วครับ!!”

    “เออ จริงเหรอ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน??” กฤตถามไป

    “ตำแหน่งล่าสุดเห็นว่าพวกเธอกำลังขึ้นเหนือ น่าจะซ่อนตัวในป่าอยู่ครับ”

    “ดูเหมือนว่าไอ้สาลิกาส่งคนไปตามล่าเธอนะ” กฤตพูดขึ้น

     

    ณ บ้านพักของชาญ หลังจากที่สมาชิกกองกำลังของเขาประชุมเสร็จ และเดินทางกลับบ้านเพื่อพักผ่อน ในตอนนั้นเอง ชาญก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง ชาญรีบรับสายในทันที

    “ฮัลโหล”

    “ห่ะ จริงเหรอ ได้ๆๆๆ เดี๋ยวผมจะรีบจัดการเลย” ชาญพูดจบก็วางสายไป

    “มีอะไรหรือเปล่าครับ??” นายพลพงศ์ที่อยู่กับเขาถามไป

    “ตอนนี้พวกไอ้สาลิกามันเริ่มโจมตีอยุธยาแล้ว” ชาญตอบไป

    “จริงเหรอครับ ดูเหมือนไอ้สาลิกาจะมีกำลังมากพอสมควรเลย” นายพลพงศ์พูดขึ้น

    “ตอนนี้คุณเหลือทหารเท่าไหร่ ท่านนายพล??” ชาญถามไป

    “ตอนนี้เรามีกำลังคนที่พร้อมรบอยู่ 4 หมื่นครับ”

    “เราไม่รู้กำลังพลของมัน มีข่าวมาว่ามีเป็นแสนด้วย” ชาญพูดขึ้น

    “ไม่หรอกครับ ไอ้สาลิกามันต้องทำศึกหลายด้าน มันคงจะส่งทหารมาที่แนวรบเราได้เต็มที่แค่ 5 หมื่น หรือมากกว่านั้นไม่มาก พวกมันเองคงไม่กล้าโจมตีสายฟ้าแลบแน่นอน” นายพลพงศ์พูดไป

    “แล้วคุณมีแผนอะไรหรือเปล่าครับ??” ชาญถามไป

    “พอมีวิธีอยู่ครับ ผมขอแค่ 2 หมื่นก็พอครับ” 

    “อืม ถ้าอย่างงั้น ผมยกให้คุณจัดการเรื่องแนวรบทางเหนือก็แล้วกัน พรุ่งนี้ผมต้องเตรียมเข้าพบกับกุนนาร์ ไหนจะจินเยว่ที่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไร” ชาญพูดขึ้น

    “ครับ ถ้าอย่างงั้นผมจะรีบจัดการครับ” นายพลพงศ์พูดขึ้นจากนั้นก็ทำความเคารพชาญและเดินออกไป ในขณะเดียวกัน ชายหน่มคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้าไปหาเขา

    “พี่ชาญ ตอนนี้คุณจินเยว่ติดต่อมาแล้ว”

    “บอกเธอว่าฉันจะรีบไป แต่ขอฉันประชุมเรื่องนี้ก่อน เรากำลังมีศึกใหม่” ชาญพูดขึ้น

    “เออ แล้วอีกเรื่องนะพี่ คือว่า..”

    “มีอะไรโชติ ว่ามาเลย??” ชาญถามไป

    “มีข่าวลือมาว่าพี่ทศยังไม่ได้ ตอนนี้กำลังอยู่ในภาคกลาง”

    “ห่ะ เจ้าทศเนี่ยนะ??” ชาญพูดอย่างตกใจ

     

    ณ เขตของกลุ่ม Cops Eater ในตอนนี้ตะวันและจันทร์กำลังฝึกกลุ่มชาวบ้านโดยใช้อดีตทหารฝีมือดี เพื่อฝึกให้พวกเขาต่อสู้ รวมถึงทำการจรยุทธ์ต่างๆ เพื่อทำการโจมตีกองกำลังของจักรวรรดิไทย ตัวของคามิเองก็มาดูการฝึกด้วย ซึ่งเหล่าชาวบ้านพากันฝึกอย่างแข็งขัน

    “อืม ชาวบ้านพวกนี้ดูขยันกันดีนี่” คามิพูดขึ้น

    “ครับ ผมว่าอีกไม่กี่วันคงส่งไปทำงานได้เลยครับ” ตะวันพูดขึ้น

    “แต่จริงๆแล้ว เราส่งไปตอนนี้เลยก็น่าจะได้” จันทร์พูดไป

    “ผมว่าอย่าเพิ่งดีกว่า” จอห์นพูดขึ้น

    “อืม ทำไมกันหล่ะคะ??” โรสถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้พวกมันคงกำลังลำพองใจอยู่ว่าเราทำอะไรพวกมันไม่ได้ เรากำลังเสียขวัญ เราจะปล่อยให้พวกมันคิดแบบนั้น แต่พอถึงเวลา เราจะโจมตีพวกมันแบบไม่ทันคิด” จอห์นพูดขึ้น

    “เอ้ย เป็นความคิดที่ดีนะคะ ไม่แน่ระหว่างนี้ มันอาจจะกำลังมีศึกติดพันด้วย” โรสพูดขึ้น

    “อืม ฉันเห็นด้วย ถ้าอย่างงั้นก็จับตาดูพวกมันไว้แล้วกัน” คามิพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับคามิ

    “ท่านครับ ตอนนี้พวกทหารชุดดำมันหยุดทัพและตั้งค่ายกันแล้วครับ” 

    “อืม แล้วสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง??” คามิถามไป

    “มีข่าวมาว่าพวกมันส่งหน่วยเล็กๆออกไปลาดตระเวนตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อหาคนและหาเสบียงครับ”

    “พวกมันคงต้องเกณฑ์คนไปรบแน่นอนค่ะ” จันทร์พูดขึ้น

    “ตะวัน ฉันให้นายไปอพยพชาวบ้านขึ้นมา เอาเสบียงมาให้หมดด้วย” คามิพูดขึ้น

    “แล้วเราจะไม่เผาหมู่บ้านทิ้งเหรอครับ ไม่ให้พวกมันเอาอะไรไปใช้??” ตะวันถามไป

    “ไม่ต้องเสียเวลาทำถึงขั้นนั้นหรอก พวกมันก็คงอยู่ได้ไม่นาน” คามิพูดขึ้น

    “ตอนนี้พวกมันตั้งค่าย คงจะกำลังรอคำสั่งของไอ้ยานกรอยู่” จอห์นพูดขึ้น

    “นั่นสิ ตอนที่ไอ้ยานกรไม่อยู่นี่หล่ะ เราจะโจมตีพวกมันจากทุกทาง เตรียมคนของเราไว้ให้พร้อมแล้วกัน” คามิพูดขึ้น

    “ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังของพวกมันอยู่ที่ไหน เราคงต้องรอไปก่อน” จันทร์พูดขึ้น

    “แล้วตอนนี้พวกมันมีกำลังคนเท่าไหร่??” ตะวันถามชาวบ้านลาดตระเวนแถวนั้น

    “เท่าที่ดู น่าจะไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นครับ”

    “5 หมื่น เอาจริงๆเรามีมากกว่ามันอีก” โรสพูดขึ้น

    “แต่พวกมันแต่ละคนเป็นทหารฝีมือดี เราไม่ควรประเมินพวกมันต่ำเกินไป” คามิพูดขึ้น ในขณะที่เสียงปืนก็ดังขึ้นมาแต่ไกลเป็นระยะๆ

    “คงไม่มีเวลาแล้ว ตะวัน ไปจัดการเลย” คามิออกคำสั่งไป

    “รับทราบครับ” ตะวันพูดจบก็รีบเดินออกไป

    “ฉันจะรีบฝึกพวกชาวบ้านให้เร็วที่สุดค่ะ” จันทร์พูดไป

    “เราคงต้องรอไปอีกระยะ ให้พวกมันผ่อนคลายกันไปก่อน แล้วเราจะลุยเลย” จอห์นพูดขึ้น

    “ก็หวังว่าพวกเราจะขับไล่พวกมันไปได้นะคะ” โรสพูดไป

    “แน่นอน ตอนนี้รีบจัดการงานของพวกเราดีกว่า” คามิบอกกับทุกคน

     

    ณ ค่ายชั่วคราวของกองกำลัง MAG ในตอนนี้พวกเขาได้รับข่าวใหม่ที่ทำให้พวกเขาต้องระวังตัวมากขึ้น จ่าพลเรียกทุกคนมาประชุมร่วมกันในทันที จากนั้นก็ให้จ่านนท์บอกรายละเอียด

    “จ่า บอกสถานการณ์พวกเราหน่อยสิ” จ่าพลพูดขึ้น

    “ครับ เมื่อไม่นานมานี้ เราเกือบจะปะทะกับกองกำลังของนายสาลิกา แต่พวกมันถอยออกไปก่อน อีกเรื่องนึง ตอนนี้กลุ่มชาวบ้านนอกพื้นที่เริ่มเข้ามาในพื้นที่ของเราเรื่อยๆด้วยครับ” จ่านนท์พูดขึ้น

    “เออ แล้วพวกนั้นเข้ามาทำอะไรกันหล่ะ??” จ่ารงค์ถามอย่างสงสัย

    “คงเป็นชาวบ้านอพยพหล่ะมั้งครับ??” จ่าพรถามไป

    “อืม ถ้าอย่างงั้นก็ดูแลพวกเขา อย่าลืมจับตาดูพวกเขาด้วยหล่ะ ฉันสนใจพวกไอ้สาลิกามากกว่าว่าพวกมันจะทำอะไร” จ่าพรพูดไป 

    “ผมว่า พวกมันคงต้องบีบให้เราเข้าร่วมกับมันแน่นอนครับ” จ่านนท์พูดขึ้น

    “ให้ผมตายผมก็ไม่เข้ากับพวกมันแน่” จ่ารงค์พูดขึ้น

    “เออ เห็นด้วยหว่ะ” จ่าพรพูดเสริม

    “ดูว่าพวกมันต้องการอะไร ถ้าพวกมันอยากจะรบ ฉันก็จะให้พวกมันรบ” จ่าพรพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับจ่าพร

    “จ่าพร แย่แล้วครับ ทหารของเรากับพวกที่มาเผยแผ่ศาสนากำลังมีปากเสียงกันครับ!!”

    “เฮ้อ คิดไว้แล้วไม่มีผิด ไปเรียกพวกเรามาสอบถามหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น” จ่าพลสั่งไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่ง บริเวณชายแดนจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ตอนนี้การรบระหว่างฝ่ายจีนยูนนานและจักรวรรดิไทยกำลังเป็นไปอย่างดุเดือด ที่เต้นท์ค่ายชั่วคราวของเหมยฮวา ตัวของเธอกำลังวางแผนการรบร่วมกับนายทหารของเธอไปด้วย

    “ดูเหมือนว่าตอนนี้นายพลยานกรกำลังเดินทางมาแล้ว พวกนั้นน่าจะใช้วิธีลอบเข้าไปโจมตีตามป่า และโจมตีทางแนวหลังของเราแน่นอน” เหมยฮวาพูดขึ้น

    “ผมว่า เราควรจะตั้งค่ายให้ถี่กันไว้นะครับ”

    “เห็นด้วยครับ เราต้องกันพวกมันเอาไว้ ไม่ให้มันเข้ามาเชียงใหม่ได้” นายทหารอีกคนพูดเสริม

    “อืม ตอนนี้นำกำลังของเรามาตั้งรับในเขตที่เราได้เปรียบก่อน” เหมยฮวาพูดขึ้น

    “ครับ ที่เขตนี้ เราตั้งค่ายเอาไว้แล้ว ถ้าเรายันพวกมันเอาไว้ได้ซักพัก พวกมันคงจะต้องเจอกับแนวรบอื่น เจอศึกหลายด้านไปขนาดนี้ ต่อให้มีกำลังมากแค่ไหนก็แพ้” เหมยฮวาพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็รีบมารายงานอะไรบางอย่างกับเหมยฮวาอย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ พวกเราถอยกลับมาที่แนวรบที่ 2 กันหมดแล้วครับ!!”

    “อืม ถอยเร็วกว่าที่เราคิดซะอีก” เหมยฮวาพูดขึ้น

    “ตอนนี้ยืนยันมาแล้วว่า นายพลยานกรอยู่ที่ชายแดนจังหวัดลำพูนแล้วครับ” ทหารคนนั้นรายงานต่อ

    “อืม พอมีโอกาสจัดการมันหรือเปล่า??” เหมยฮวาถามไป

    “เออ สายข่าวของเราเคยบอกมาว่า หมอนี่รอดจากการโดนลอบสังหารมาหลายครั้ง หนังเหนียวพอๆกับนายสาลิกาเลยครับ” นายทหารของเหมยฮวาตอบไป

    “เอาเถอะ ตอนนี้เราคงต้องรอโอกาส เตรียมรับมือกับพวกมันแล้วกัน” เหมยฮวาพูดไป

     

    ณ บ้านพักของนายสาลิกา ในวันนี้ตัวของนายสาลิกากำลังนอนพักอยู่บนเตียงพร้อมกกอีหนูมากมายอย่างสบายใจ แต่ในระหว่างที่เขากำลังพักผ่อน ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของนายสาลิกาก็ดังขึ้น สาลิการีบรับสายในทันที

    “ฮัลโหล??”

    “จริงเหรอ ได้ ขอบใจมาก” สาลิกาพูดจบก็วางสายไป และในตอนนั้น เขาก็โทรหาใครบางคนไปด้วย

    “ฮัลโหล ต่อสายยานกรให้ฉันหน่อย” และไม่นานนัก ยานกรเองก็อยู่ในสายโทรศัพท์

    “ท่านครับ”

    “ยานกร พอคุยได้อยู่นะ สายข่าวของฉันในกรุงเทพบอกมาแล้ว ยืนยันมาว่าไอ้กฤตมันส่งสายลับมาในพื้นที่ของฉัน ไม่รู้ว่ามาทำอะไร” สาลิกาพูดขึ้น

    “อ้อ เรื่องนั้นผมจะจัดการเองครับ” ยานกรตอบไป

    “ไม่ใช่แค่นั้น มีข่าวมาว่าไอ้สายลับคนนั้นเป็นลูกสาวของมันด้วย ฉันว่าน่าจะเป็นคนที่เรากำลังตามล่าอยู่ จับมันมาหาฉันให้ได้ ฉันจะทำให้มันตายทั้งเป็น” สาลิกาพูดขึ้น

    “รับทราบครับท่าน”

    “เออ เรื่องการรบเป็นยังไงบ้าง??” สาลิกาถามไป

    “ตอนนี้ทางเหนือ พวกข้าศึกมันเริ่มหนีเข้าไปในตัวเมืองแล้ว เรากำลังส่งคนตัดกำลังพวกมันอยู่ คาดว่าไม่นานเราน่าจะถึงเชียงใหม่ครับ” ยานกรตอบไป

    “เออ ที่นั่นอากาศดี ฉันจะไปพักผ่อนซะหน่อย ว่าแต่แนวรบที่อื่นหล่ะ??” สาลิกาถามไป

    “ทางอีสานตอนนี้เราควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว พวกมันอ่อนแอ เราสามารถจัดการพวกมันได้สบายครับ”

    “ดี จับพวกเชลยมาให้ได้เยอะๆ เราจะใช้พวกมันในการฟื้นฟูประเทศ” สาลิกาพูดขึ้น

    “ครับท่าน แต่อีกอย่างนึง ตอนนี้เรากำลังปะทะกับพวกกรุงเทพ รวมถึงกองกำลังภาคตะวันตก เราเกือบจะปะทะกับพวกมันครับ” 

    “งั้นเหรอ ไอ้พวกทางตะวันตกนี่มันพวกไหน??” สาลิกาถามไป

    “พวกนั้นเป็นกองกำลัง MAG นำโดยจ่าสิบเอกทศพล อดีตทหารหน่วยรบพิเศษที่ตอนนี้กำลังควบคุมสถานการณ์ในเขตชายแดนพม่าครับ”

    “ส่งข้อความไปถึงพวกมัน ตอนนี้ประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่แล้ว ถ้าพวกมันไม่ยอมสวามิภักดิ์ เราจะถือว่าพวกมันเป็นกบฏ” สาลิกาพูดไป

    “ครับท่าน ส่วนเรื่องการรบที่กรุงเทพ ตอนนี้เราปะทะกับพวกพวกที่ชายแดนอยุธยา ตอนนี้เรากำลังตรึงพวกมันไว้อยู่ครับ” ยานกรพูดขึ้น

    “แล้วยังไม่บุกลงไปหล่ะ??” สาลิกาถามไป

    “ตอนนี้เรายังไม่อยากเสี่ยงนำกำลังไปที่นั่น พวกมันเองก็ยังไม่มีศักยภาพในการบุกเราหรอกครับ ตอนนี้กองกำลังของเราที่คุ้มกันชายแดนอยุธยามีราว 5 หมื่น เราเกณฑ์ชาวบ้านมาร่วมรบเพิ่มได้ครับ” ยานกรพูดขึ้น

    “อืม อยากทำอะไรก็ทำไปแล้วกัน แล้วก็รายงานผมมา โอเคเลิกกัน” 

    “รับทราบครับ” ยานกรรับคำสั่ง จากนั้นเขาก็วางสายไป

    “ไอ้กฤต ถ้ากูจับลูกสาวมึงได้นะมึง” สาลิกาพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินไปหยิบเหล้าขวดใหม่ออกมาแล้วรินใส่แก้วดื่ม

    “ถ้ากูไปถึงกรุงเทพเมื่อไหร่ อย่าหวังเลยว่ามึงจะรอด” สาลิกาพูดอย่างเจ็บแค้น

     

    ณ ชุมโจรแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ซ่อนตัวของนายทศ ในตอนนี้นายทศเองกำลังนั่งพักอยู่ในบ้าน โดยที่นั่งหยิบน่องไก่มากินบนจาน ในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของเขาก็เดินมาหาเขาอย่างรวดเร็ว

    “ลูกพี่ ตอนนี้พวกทหารมันวุ่นวายกันใหญ่เลยพี่ ดูเหมือนว่าพวกมันจะตามล่าพี่ด้วย”

    “เฮ้อ มันจะเหลือเหรอ แต่ถึงยังไงพวกมันก็จับเราไม่ได้หรอก แต่ว่า มีใครโดนจับมั้ย??” นายทศถามไป

    “เท่าที่รู้ตอนนี้ไม่มีนะพี่”

    “เออ ดี แบบนี้ค่อยดีหน่อย” นายทศพูดขึ้น จากนั้นไม่นานนัก ลูกน้องของเขาก็ลากเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามาในห้องของเขา จากนั้นก็ลากมากองต่อหน้าของนายทศอย่างรวดเร็ว

    “อย่า อย่าทำอะไรหนูเลย” เด็กสาวคนนั้นร้องไห้อ้อนวอนพยายามขอชีวิต

    “เราปล้นบ้านนายทหารของพวกมัน เราฆ่าพวกมันซะเหี้ยน เราเลยเอาอีนี่มาให้ลูกพี่คลายเครียดครับ”

    “ดี ทำได้ดีมาก ว่าแต่ไอ้นายทหารคนนั้นเป็นใครวะ??” นายทศพูดขึ้น

    “ผู้พันชัยชนะครับ”

    “จริงเหรอ ไอ้ชัยชนะมันตายแล้วเหรอ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ไอ้นี่นี่แหละที่เป็นคนจับกูเข้าคุก และวันนี้หล่ะ ทุกอย่างที่เป็นของมันต้องเป็นของกู!!” นายทศพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะลากเด็กสาวคนนั้นขึ้นเตียงนอนในห้องนอนของเขาอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย รอให้กูหน่ำใจก่อน เดี๋ยวกูจะแบ่งให้พวกมึงกินนะเว้ย!!” นายทศตะโกนออกมา จากนั้นตัวของเขาก็ฉีกกระชากเสื้อของเธอออกเป็นชิ้นๆ และย่ำยีเธอบนเตียงอย่างไม่ใยดี

     

    ณ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ในวันนี้จินเยว่เดินทางกลับมาพักที่บ้านของเธอ หลังจากที่ทำงานหนักมานาน รวมถึงเธอต้องจัดหาโรงแรมที่พักเพื่อต้อนรับการมาของชยาชาญด้วย ตัวของเธอเลือกโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในพัทยาเป็นสถานที่ต้อนรับ และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งของเธอก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเธอ

    “ท่านครับ แย่แล้วครับ!!”

    “มีอะไรหล่ะ ว่ามา??” จินเยว่ถามไป

    “เราจับกุมผู้อพยพคนหนึ่ง เขาทำร้ายคนในพื้นที่ครับ”

    “อ้อเหรอ ก็จับไปเข้าคุกสิ แค่นี้ทำไมต้องมาบอกฉันหล่ะ??” จินเยว่ถามไป

    “เราจับมันได้ตอนที่มันกำลังพยายามหั่นแขนหั่นขาของเหยื่อครับ” จินเยว่ได้ยินดังนั้นก็ตกใจมาก

    “ห่ะ อะไรนะ หั่นแขนหั่นขาเหรอ??” จินเยว่ถามไป

    “ครับ ดูเหมือนมันจะไม่ได้ทำร้ายแค่ชิงทรัพย์ครับ”

    “อะไรของมันวะ ถ้าอย่างงั้นก็สอบปากคำมัน ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งเรื่องรอต้อนรับนายชาญหน่ะ” จินเยว่พูดขึ้น

    “แต่ผมว่า เราต้องระวังเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้วยนะครับ”

    “ก็เพราะแบบนี้เราถึงเลือกโรงแรมนี้ไงหล่ะ โรงแรมนี้ไว้ใจได้ ไม่ต้องห่วง” จินเยว่พูดขึ้น

    “ครับ แต่ผมได้ข่าวมาว่า ตอนนี้พวกเขากำลังรบกับพวกจักรวรรดิไทย พวกนั้นส่งคนมาเจรจากับเราด้วยครับ”

    “บอกมันกลับไป บอกว่าฉันจะไม่ยอมเจรจาอะไรทั้งนั้น” จินเยว่พูดขึ้น

    “เออ เอาจริงเหรอครับ??” ลูกน้องของเธอถามอีกเพื่อความแน่ใจ

    “ไอ้พวกนี้มันเดรัจฉาน ถ้าพวกมันครองประเทศนี้ ทุกอย่างได้บรรลัยชิบหายหมดแน่ นายไปจัดการเรื่องคดีก่อนแล้วกัน ไม่งั้นถ้าชาวเมืองของเรารู้ข่าวนี้ ได้แตกตื่นกันแน่” จินเยว่พูดไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเขตภาคกลาง ในตอนนี้ขบวนรถบรรทุกสินค้าของนายพรที่ขโมยมาได้ก็เดินทางกลับไปยังเขตของพวกเขา พวกเขาขับรถเข้าไปในป่า ที่ตีนเขาแห่งหนึ่ง และไม่นานนัก พวกเขาก็พบกับกลุ่มชาวบ้านที่กำลังรอเขาอยู่ เขารีบจอดรถในทันที จากนั้นก็รีบลงจากรถ 

    “เอาของพวกนี้แจกชาวบ้านเลย” นายพรบอกกับลูกน้องของเขา ชาวบ้านรู้เข้าก็ดีใจกันดังลั่น จากนั้นพวกเขาก็รีบมาเข้าแถวเพื่อรับของอย่างชื่นมื่น

    “เอาหล่ะ ไม่ต้องรีบกันนะ” นายพรบอกกับเหล่าชาวบ้านไป 

    “เออ ลูกพี่ครับ พวกมันจะตามล่าเราหรือเปล่า??” ลูกน้องของเขาถามไป

    “เป็นไปได้ พวกมันน่าจะมีสายข่าวอยู่ทุกที่” นายพรพูดขึ้น

    “แล้วเราจะเอายังไงครับ??”

    “ถ้าแจกของแล้ว เราคงต้องไปจากที่นี่ ส่วนรถเอาไปซ่อนไว้ก่อน” นายพรพูดขึ้น

    “แล้วทำไมเราไม่ทำลายมันเลยหล่ะครับ??”

    “แล้วเอ็งจะทำยังไงหล่ะ ระเบิดเหรอ เสียงระเบิดดังถึงหูพวกมันแน่ๆ” นายพรพูดขึ้น 

    “แต่ว่า พวกมันอาจจะมาเจอกับรถได้นะครับ”

    “เจอก็เจอสิ อย่าให้พวกมันมาเจอเรากับพวกชาวบ้านก็แล้วกัน ตอนนี้เตรียมอาวุธของพวกเราให้พร้อมแล้วกัน เราจะซุ่มเล่นงานพวกมันเลย” 

    “ได้เลยครับพี่” ลูกน้องของเขาตอบไป

     

    ณ อพาร์ทเม้นท์ที่ตัวของบลูมมาพักอาศัย หลังจากที่เธอพักผ่อนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวของเธอก็ตื่นขึ้นมา จากนั้นก็อาบน้ำทำธุระและเตรียมข้าวของเพื่อออกเดินทาง ในขณะเดียวกันนั้นเอง โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอรีบรับสายในทันที

    “ฮัลโหล??”

    “บลูมเหรอ มีงานใหม่ จะเอาหรือเปล่า??”

    “เหรอ ที่ไหนหล่ะ??” บลูมถามไป

    “เธอต้องไปที่พิษณุโลกหน่ะ”

    “เฮ้ย ที่นั่นเขตของจักรวรรดิไทยเลยนะ เข้าถ้ำเสือชัดๆ” บลูมพูดขึ้น

    “เรามีสายคอยช่วยอยู่ เธอต้องปลอมตัวหน่ะ”

    “เออ เอาเถอะๆ ประเถทงานเป็นแบบไหนหล่ะ??” บลูมถามไป

    “อยากจะให้ไปสืบข่าวอะไรหน่อยหน่ะ”

    “แค่นี้เหรอ ถ้าแค่นี้ไม่ต้องเรียกฉันก็ได้” บลูมพูดขึ้น

    “เอาน่า งานนี้จ่ายดีแน่นอน”

    “เออ ขอให้จ่ายดีจริงๆเถอะ” บลูมพูดไป

    “ถ้าไปถึงพิษณุโลกแล้ว ให้ไปที่โรงแรมมาร์ริน สายของเราอยู่ที่นั่น”

    “เออๆ ตามสบายเลย” บลูมพูดจบก็วางสายไป ก่อนที่เธอจะไปหยิบกระเป๋าของเธอ และเดินออกไปด้านนอก และในตอนนั้นเอง ตัวของเธอก็เห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังเข้ามาในอพาร์ทเม้นท์ พวกเขาเห็นบลูมก็ตกใจกันมาก

    “ฉันจะไปแล้ว อยากทำอะไรก็ทำเลย” บลูมพูดจบก็เดินผ่านชาวบ้านพวกนั้นไป จากนั้นก็เดินไปที่มอเตอร์ไซค์ของเธอในทันที จากนั้นก็ออกเดินทางจากโรงแรมในทันที

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในทะเลอ่าวไทย เขตของกองเรือนาวาเอกการิน ในตอนนี้ตัวของเขายังคงรอข่าวการตอบรับจากกรุงเทพฯ โดยที่ตัวของเขาก็กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่กับบากาดอฟ และในขณะเดียวกันนั้นเอง พลวิทยุเรือคนหนึ่งก็รายงานอะไรบางอย่างกับเขา 

    “ท่านครับ ทางกรุงเทพตอนนี้ตอบรับเราแล้ว คุณกฤตพจน์พร้อมเจรจากับท่านครับ!!”

    “อ้อ ได้ พวกเขาจะเจอกับเราที่ไหนหล่ะ??” การินถามไป

    “ประจวบคีรัขันธ์ครับ”

    “อืม คุณจะเอายังไงหล่ะ??” บากาดอฟถามไป

    “ก็ได้ ทางเราจะเลือกเองสถานที่เอง” การินพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง พลวิทยุคนหนึ่งก็รายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    “ท่านครับ ตัวแทนจากทางจักรวรรดิไทยส่งข้อความมา พวกเขาบอกให้พวกเรายอมรับรัฐบาลใหม่แห่งประเทศไทยครับ”

    “ถุ๊ย!! ไอ้แก่บ้านั่นเหรอ ใครจะยอมหล่ะ” การินพูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะกู่ไม่กลับแล้วสินะ” บากาดอฟพูดขึ้นพลางจิบกาแฟไป

    “แต่พวกเขาบอกว่า ถ้าไม่ยอมรับพวกเขา พวกเขาจะถือว่าเราเป็นกบฎครับ”

    “โว้ะ มันนั่นแหละกบฏ บอกเลย ถ้าฉันเจอมันฉันจะเป่ากบาลมันให้!!” การินพูดไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งที่จังหวัดอ่างทองช่วงตอนล่าง ไนซ์และแจนรี่หนีจากการตามล่าของคนของแดเนียลมาได้อย่างหวุดหวิด พวกเขาทั้งคู่ขับมายังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งหมู่บ้านนี้มีชาวบ้านอยู่ไม่มาก จากนั้นตัวของเขาก็ขับไปจอดริมถนนเพื่อถามอะไรบางอย่างกับชาวบ้านแถวนั้น

    “ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าแถวนี้มีบ้านพักชั่วคราวหรือเปล่าครับ??”

    “อ้อ มีจ้ะ ตรงนั้นมีบ้านเช่าอยู่จ้ะ” ชาวบ้านตอบไป จากนั้นไนซ์เองก็ขับไปตามที่ชาวบ้านบอกจนถึงบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่ง ไนซ์จอดรถที่หน้าบ้านอย่างรวดเร็ว

    “เราจะมีเงินจ่ายเหรอคะ??” แจนรี่ถามไป

    “อ้อ มีอยู่แล้วครับ” ไนซ์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ลงจากรถและเดินเข้าไปในบ้านทันที จากนั้นไม่นานเขาก็พบว่าบ้านหลังนั้นไม่ได้ล็อคเอาไว้ 

    “อืม ไม่ได้ล็อคนี่” ไนซ์พูดขึ้น

    “เราเข้าไปจะดีเหรอคะ??” 

    “ลองดูก็ไม่เสียหายนะครับ” ไนซ์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็เข้าไปในบ้าน และสำรวจบ้านในทันที พบว่าบ้านหลังนี้ก็ไม่ได้สกปรกอะไรมากนัก พอจะอยู่ได้

    “อืม บ้านดีนะคะ ปัดกวาดนิดหน่อยก็อยู่ได้แล้วค่ะ” แจนรี่พูดขึ้น

    “ครับ ผมขอสำรวจอะไรหน่อยแล้วกัน” ไนซ์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินไปรอบบ้านเพื่อตรวจสอบอะไรบางอย่าง เขาเดินไปทั้งห้องครัว หลังบ้าน หลังจากสำรวจเรียบร้อยแล้ว เขาก็กลับมาพบกับแจนรี่ที่ห้องโถงในทันที

    “อืม ไม่มีอะไรผิดปกติเลย” ไนซ์พูดขึ้น

    “อ้อค่ะ น้ำที่นี่ก็ไหลดี ถ้าอย่างงั้นฉันจะลองทำความสะอาดดูค่ะ” แจนรี่พูดขึ้น

    “อืม คุณระวังมันปนเปื้อนด้วยนะ” ไนซ์พูดขึ้น

    “อ้อ ฉันพอรู้วิธีค่ะ” แจนรี่พูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็จัดแจงไปหาผ้าหาไม้กวาดมาทำความสะอาดบ้าน ตัวของไนซ์ไม่รอช้าช่วยเธอทำความสะอาดด้วย และไม่นานนัก พวกเขาทั้งคู่ก็ทำให้บ้านหลังนี้กลายเป้นบ้านที่น่าอยู่อีกครั้ง 

    “เฮ้อ เสร็จซะที” ไนซ์พูดขึ้น

    “นั่นสิคะ ฉันว่าเราไปพักชั้นบนดีกว่า” แจนรี่พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พากันล็อคชั้นล่างในทันที จากนั้นก็ขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องนอนห้องหนึ่งชั้นสอง ทั้งคู่ขึ้นไปบนเตียงและนอนกอดกันอย่างรวดเร็ว

    “ฉันดีใจที่ได้เจอคุณอีก ยอดรัก” แจนรี่พูดขึ้น

    “ผมก็เหมือนกัน เจอคุณอีกครั้ง ต่อให้ผมตายผมก็ไม่สนใจแล้ว” ไนซ์พูดขึ้น

    “คุณอย่าจากฉันไปไหนอีกนะคะ”

    “แน่นอนครับ คุณพร้อมจะไปกับผมหรือเปล่าหล่ะครับ??” ไนซ์ถามไป

    “คุณไปไหนฉันจะไปด้วยแน่นอนค่ะ”

    “ครับ ผมจะปกป้องคุณเอง” ไนซ์พูดขึ้น จากนั้นก็กอดกับแจนรี่แน่นขึ้น จากนั้นเขาก็ซุกไซร้เข้าหาแจนรี่มากขึ้น

    “ฉันต้องการคุณ” แจนรี่พูดขึ้น

    “ผมก็ต้องการคุณ” ไนซ์พูดจบก็หันตัวของแจนรี่มาจูบต่อในทันที

     

    ณ คฤหาสน์ของแดเนียล ในวันนี้ตัวของแดเนียลกำลังโกรธแค้น เนื่องจากลูกน้องของเขาทำงานไม่สำเร็จ ตัวของเขานั่งดื่มเหล้าในห้องด้วยความเจ็บแค้น และในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขารีบรับสายในทันที

    “เออ อะไรวะ??”

    “นายครับ ตอนนี้เรากำลังตามรอยของไอ้คนที่มันเอาตัวผู้หญิงของนายไปครับ”

    “จริงเหรอ มันอยู่ที่ไหนวะ??” แดเนียลถามไป

    “ตอนนี้มันลงใต้ แต่เรากำลังตามอยู่ครับ”

    “เออ ลักพาตัวผู้หญิงมาให้ได้ ส่วนผู้ชาย ฆ่าแม่งทิ้งซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้ามันอีก!!” แดเนียลตะโกนออกมา ก่อนที่ไม่นานนัก จะมีคนมาเคาะที่หน้าประตูห้องเขา

    “นายครับ!!”

    “เฮ้ย เดี๋ยวก่อนสิวะ!!” แดเนียลตะโกนออกมา

    “ของที่เราส่งเรียบร้อยแล้วครับ!!”

    “เออ เดี๋ยวค่อยโทรมา” แดเนียลพูดขึ้น จากนั้นก็วางโทรศัพท์และเดินไปเปิดประตูด้านหน้า

    “เออ ว่าไงวะ??” 

    “นายครับ ตอนนี้ของเราส่งไปเรียบร้อยแล้วครับ พวกเขาบอกว่าต้องการของเพิ่มครับ”

    “เออ เดี๋ยวจะส่งไป มีอะไรอีกมั้ย??” แดเนียลถามไป

    “คือว่า พวกชาวบ้านในพื้นที่ต่อต้านเราหนักเลยครับ เราพยายามข่มขู่มันแล้ว แต่พวกมันก็สู้กลับครับ”

    “ก็ลุยกับพวกแม่งเลยสิ เผาซักหมู่บ้านก็ได้ กลัวอะไรวะ??” แดเนียลถามไป

    “ได้ครับนาย ผมจะรีบจัดการครับ” ลูกน้องของเขาพูดและเดินออกไปในทันที

    “แม่งเอ้ย ไม่ได้ดั่งใจซักคน ไอ้ไนซ์ มึงจะเป็นหนามตำใจกูไปถึงเมื่อไหร่วะ??” แดเนียลตะโกนออกมา จากนั้นเขาก็ยกแก้วเหล้าดื่มในทันทีเพื่อย้อมใจ

     

    ณ ปั๊มน้ำมันเดิมที่โคลเวอร์กับอาคุมุใช้อาศัยและพักผ่อน พวกเขาทั้งคู่แอบไปนอนในห้องพักของพนักงาน แต่ในตอนนั้น เมื่อโคลเวอร์ตื่นขึ้นมา เธอก็พบว่าอาคุมุไม่อยู่แล้ว แต่พบดาบของเขาที่วางอยู่แถวนั้น เธอหยิบดาบขึ้นมาจากนั้นก็เดินออกไปดู แต่ในตอนนั้นเธอก็สะกิดใจอะไรบางอย่าง เธอเลยหลบด้านใน จากนั้นก็ค่อยๆเงี้ยตัวดู แล้วเธอก็พบว่าเจอชายกลุ่มหนึ่งกำลังเล็งปืนและอาวุธต่างๆใส่อาคุมุอยู่ ในตอนนั้นมันเปิดผ้าที่ปิดตาของอาคุมุขึ้น

    “เฮ้ย มันตาบอดจริงๆหว่ะพี่”

    “เออๆๆ กูไม่อยากทำคนพิการ ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัว ไปไหนก็ไป!!” มันตะโกนออกมา แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ พวกนั้นก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างมาจากด้านใน 

    “เฮ้ย อะไรวะ ไปดูตรงนั้นดิ!!”

    “เฮ้ย มีคนอยู่อีกเหรอ??” พวกโจรถามอาคุมุไป

    “ไม่มี เสียงหนูหรือเปล่า??” อาคุมุพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง มันคนหนึ่งก็เดินออกมา พร้อมกับโคลเวอร์ที่เอาปืนลูกโม่เล็งใส่มัน

    “อย่าขยับ ไม่งั้นฉันยิง!!” โคลเวอร์ตะโกนออกมา

    “เฮ้ย อะไรวะเนี่ย มีเด็กด้วยเหรอ??” มันตะโกนออกมา ในตอนนั้นโคลเวอร์ก็โยนดาบให้กับอาคุมุ อาคุมุจับจังหวะเสียงได้ก็คว้าดาบเอาไว้ จากนั้นก็ชักดาบออกมาไล่ฟันแขนของพวกมัน

    “ฉับ!!”

    “เฮ้ย ไอ้บ้าเอ้ย!!” มันคนหนึ่งจะยิงใส่อาคุมุ แต่โคลเวอร์ยิงเข้าที่แขนมัน มันคนหนึ่งจะไปเล่นงานโคลเวอร์ แต่อาคุมุเองหยิบปืนพกที่ตกอยู่มาแล้วยิงใส่กลางหลังของมัน โคลเวอร์เองรีบผละตัวออกจากมัน ตอนนั้นมันคนหนึ่งเห็นโคลเวอร์เลยคว้าตัวเธอมา จากนั้นมันก็พูดขึ้น

    “เฮ้ย ถ้ามึงไม่หยุด นังนี่ตาย!!” มันตะโกนออกมา ในตอนนั้นอาคุมุหยุดนิ่งไปซักพัก จากนั้นก็ทำเหมือนจะปล่อยดายลงพื้น

    “วางดาบลง!!” มันตะโกนออกมา แต่ในตอนนั้นเอง

    “ฉึก!!”

    อาคุมุกับดาบอีกครั้งและพุ่งดาบใส่หัวของมัน โคลเวอร์รีบผละตัวออกจากมันในทันที

    “เป็นไรเปล่า??” อาคุมุถามไป

    “โธ่ ถามแต่หนู ว่าแต่ลุงเถอะ เป็นอะไรหรือเปล่า??” โคลเวอร์ถามไป

    “ฉันดูเหมือนคนเป็นอะไรเหรอ??” อาคุมุถามไป

    “เฮ้อ เอาเถอะลุง” โคลเวอร์พูดขึ้น

    “จะร้องไห้เหรอ??” อาคุมุถามไป

    “เปล่า อะไรของลุงเนี่ย??” โคลเวอร์ถามในขณะที่เช็ดน้ำตาตัวเองไปด้วย

    “จะร้องก็ได้ ถือว่าเป็นการปลดปล่อย ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอก” อาคุมุพูดขึ้น โคลเวอร์ไม่รอช้านั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น ตัวของอาคุมุเองก็ไม่พูดอะไร เขาเองก็หยิบปืนรวมถึงอาวุธของพวกมันมา

    “ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกกันก่อนว่าจะออกมาเดินเล่นหน่ะ” อาคุมุพูดขึ้น

    “ช่างมันเถอะลุง เราไปจากที่นี่ดีกว่า” โคลเวอร์พูดขึ้นพลางปาดน้ำตา

    “นี่ ไปนอนก่อนก็ได้ พวกมันคงไม่มาอีกแล้วหล่ะ” อาคุมุพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินไปปิดประตูด้านหน้าในทันที ส่วนโคลเวอร์เองก็เดินกลับเข้าไปด้านในทันที

     

    ณ ป่าแห่งหนึ่งในเขตหมู่บ้านที่ฮานาและกลุ่มของเธออพยพเข้ามา พวกเธอพากันตั้งค่ายอยู่ในป่า พวกเขาทำกับดักรวมถึงคู่ค่ายซึ่งใช้ขวางทางพวกศัตรู ในตอนนั้นไมนฮาร์ทเองก็มองไปยังหมู่บ้านที่พวกเขาเพิ่งจะออกมา ในตอนนั้นฮานาเองก็เดินมาหาเขา

    “เออลุง มองอะไรอยู่อ่ะ??”

    “มองดูว่าพวกมันจะมาตอนไหน” ไมนฮาร์ทตอบไป

    “แล้วแผนนี้มันจะได้ผลเหรอลุง??”

    “ต้องได้สิ พอพวกมันมา เราจะล่อให้พวกมันเข้ามาในป่า แล้วฆ่าพวกมัน” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น

    “หือ เราจะฆ่าพวกมันได้ยังไง อาวุธเราก็มีไม่มากนะ??” ฮานาถามไป

    “เราก็จัดการพวกมันไปทีละคน ในป่านี้พวกมันทำอะไรไม่ได้มากหรอก” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น จากนั้นไม่นานนัก ตัวของเขาก็เดินกลับไปอย่างรวดเร็ว ฮานาเองก็เดินตามเขาไป

    “เรามีคนอยู่กี่คนกัน??” ไมนฮาร์ทถามไป

    “ตอนนี้พวกที่มาอยู่กับเราก็ราวๆ 300 หน่อยๆหน่ะ” ฮานาพูดขึ้น

    “แล้วที่พอต่อสู้ได้หล่ะ??” ไมนฮาร์ทถามต่อ

    “เต็มที่ก็ 100 คนหน่ะลุง”

    “ยังน้อยไป แต่ก็เอาเถอะ” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินไปดูเขตชายป่าที่พวกเขาจัดการพื้นที่เพื่อเตรียมรับมือกับพวกทหารที่กำลังมา

    “พวกมันจะมาได้ทางนี้ทางเดียว เราจะรอจนกว่าพวกมันจะเข้ามาหมด แล้วจัดการพวกมันรวดเดียว” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น

    “แต่พวกเรามีปืนกันน้อยนะลุง” ฮานาพูดขึ้น

    “ก็ใช้ไม้ไผ่สิ” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น 

    “เฮ้ย เอาจริงเหรอลุง นี่ลุงบ้าเหรอ??” ฮานาถามไป

    “แถวนี้มีพุ่มไม้เยอะแยะ เหมาะกับการพรางตัวหน่ะ ไม่เห็นเหรอ??” ไมนฮาร์ทถามไป

    “เออจริงด้วย ถ้างั้นก็น่าลองหน่อย” ฮานาพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เด็กคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาในป่าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบวิ่งมาหาฮานา

    “แย่แล้วครับ!!”

    “มีอะไรหล่ะ ว่ามาเลย??” ฮานาถามไป

    “พวกทหารกลับมาแล้วครับ!!”

    “เฮ้ย อะไรกัน มาเร็วกว่าที่คิดนะเนี่ย” ฮานาพูดอย่างตกใจ

    “ดูเหมือนจะไม่มีเวลาแล้ว บอกพวกเราให้เตรียมพร้อมแล้วกัน” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ไมนฮาร์ทก็ชักปืนออกมา จากนั้นก็ยิงขึ้นฟ้า

    “ปัง!!”

    “เฮ้ย อะไรเนี่ยลุง??” ฮานาถามในขณะที่อุดหูไปด้วย

    “ก็เรียกพวกมันมาไงหล่ะ” ไมนฮาร์ทพูดไป

    “เอาไงก็เอาเถอะลุง พวกเรา เตรียมพร้อม!!” ฮานาตะโกนบอกกับชาวบ้าน ในขณะที่ชาวบ้านที่ป้องกันตัวเองไม่ได้ก็รีบเข้าไปซ่อนตัวในป่าลึก ส่วนกลุ่มของฮานาที่เหลือก็เตรียมพร้อมสู้กับพวกทหารที่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว

     

    ณ โรงงานยาเสพติดแห่งหนึ่งอยู่ทิพย์ ทางใต้ของจังหวัดน่าน เมื่อทิพย์เดินทางมาถึง ตัวของเธอได้ตรวจสอบการผลิต รวมถึงของที่ผลิตมาได้ และดูเหมือนว่าตัวของเธอจะชอบใจมันมาก

    “อืม ดูเหมือนจะผลิตได้เยอะเลยนะเนี่ย” ทิพย์พูดขึ้น

    “ครับเจ๊ ตอนนี้ของทั้งหมดที่เรามีพร้อมส่งแล้วครับ”

    “อืม แล้วถ้าเกิดเราจะส่งที่อื่น ทั้งภาคกลาง ภาคอีสานหล่ะ??” ทิพย์ถามไป

    “คงต้อใช้เวลาอีกเกือบอาทิตย์ครับ”

    “อืม พอได้ บอกเลยงานนี้เรารวยแน่” ทิพย์พูดขึ้น

    “ครับ ผมจะรีบหาตลาดเลยครับ”

    “เออ รีบจัดการแล้วกัน” ทิพย์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ลูกน้องของทิพย์คนหนึ่งก็รีบวิ่งมาหาทิพย์อย่างรวดเร็ว

    “เจ๊ครับ คนของเราหายไปอีกแล้วครับ!!”

    “อะไรกัน อีกแล้วเหรอ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย??” ทิพย์ถามไป

    “เราส่งคนไปที่อุตรดิตถ์หาเสบียงเพิ่มและหาพวกเราที่หายไป แต่พวกนั้นขาดการติดต่ออีกแล้วครับ”

    “ไอ้บ้าเอ้ย ถ้างั้นก็ไม่ต้องตามหาพวกแม่งหล่ะ เสียเวลาจริงๆ” ทิพย์พูดอย่างหัวเสีย

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งบริเวณจังหวัดลำพูน หลังจากที่การินหลบหนีมาได้อย่างหวุดหวิด ตัวของเขาก็แอบไปหลบในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งบ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว ตัวของเขานอนอยู่ในบ้านจากนั้นก็นอนพัก หลังจากที่เหนื่อยมานาน เขานอนคิดอะไรไปเรื่อยบนเตียง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่

    “แม่..”

    “น้อง..”

    “ผมคิดถึง..”

    “ไม่!!” การินตะโกนออกมาและลุกขึ้นมาจากเตียง เขาสับสนราวกับคนเป็นโรคประสาท เขาร้องไห้ออกมาไม่หยุดไม่หย่อน ได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมชีวิตของเขามันมาถึงจุดนี้

    “แม่งเอ้ย” การินพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเขาก็เศร้าได้ไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียง

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ”

    เสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง มาจากด้านนอก ตัวของการินทำอะไรไม่ถูกเลย ตัวของเขาได้แต่ไปหลบอยู่ในห้องน้ำ จากนั้นก็ปิดประตูโดยการเอาตัวเองยันเอาไว้

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆ”

    เสียงปืนเข้าใกล้กับบ้านที่เขาอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ และไม่นาน ตัวของเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ 

    “ฆ่าพวกมัน!!”

    “ถอยก่อนเร็ว!!”

    เสียงตะโกนดังสลับกับเสียงปืน การินเองได้แต่ก้มหัวและกอดเข่าไปเรื่อยๆ ได้แต่ภาวนาขอให้ทุกอย่างมันสงบลง และไม่นานนัก เสียงก็ค่อยๆสงบลง ทำเอาการินลุกขึ้นมาอีกครั้ง

    “เราต้องไปจากที่นี่” การินพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็เดินออกไปหยิบกระเป๋าของเขาออกมาและเดินออกไปจากบ้านในทันที

     

    ณ ค่ายทหารของกองกำลังชุดขาว ในขณะที่อัลดริชกำลังนั่งสวดมนต์และเตรียมทานอาหารที่อยู่บนโต๊ะ ในตอนนั้นเอง ฟิลิปและเมดิเยอก็รีบมารายงานอะไรบางอย่างกับเขาอย่างรวดเร็ว

    “อ้าว พวกนาย มากินอะไรก่อนสิ” อัลดริชบอกกับพวกเขาทั้งคู่

    “อ่า ไม่ดีกว่าครับ พวกผมเกรงว่าต้องรายงานอะไรบางอย่างให้คุณฟังครับ” เมเดิเยอพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ มีอะไรก็ว่ามา??” อัลดริชถามไป

    “ดูเหมือนว่าคนในพื้นที่จะต่อต้านศาสนาของเราครับ” ฟิลิปบอกไป

    “ห่ะ จริงเหรอ เป็นไปได้ยังไงกัน มันเกิดอะไรขึ้น??” อัลดริชถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้พื้นที่ที่มีปัญหามีพื้นที่ทางตะวันตกกับทางใต้ ทหารไทยในพื้นที่ดูถูกเหยียดหยามพระวจนะของพระเจ้าครับ” ฟิลิปพูดขึ้น

    “ใช่ครับ บางส่วนก็เริ่มก่อกวนมิชชันนารีของเราด้วยครับ” เมดิเยอพูดเสริม

    “ถ้าอย่างงั้นก็สืบมาว่าไอ้พวกนั้นมันเป็นใคร และเตรียมกำลังของเราให้พร้อม เราจะเตรียมสงครามศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้” อัลดริชพูดขึ้น

     

    ณ สถานที่ตั้งของคริสตัลสีฟ้า สถานที่ที่เหล่าคนคลั่งไปรวมตัวกันทำอะไรบางอย่าง พวกเขาส่วนใหญ่เดินเหม่อลอยไปมา โดยที่หัวหน้านักบวชมารถือไม้เท้าก็ได้แต่บูชาคริสตัลนั้นไปด้วย

    “ข้าทราบแล้ว ข้าจะจัดการพวกมัน” หัวหน้านักบวชพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก สาวกคนหนึ่งก็เดินเข้ามาที่คริสตัล พร้อมกันนั้นก็ลากชายติดอาวุธกลุ่มหนึ่งเข้ามาหาหัวหน้านักบวชคนนั้นด้วย

    “พวกมันพร้อมแล้วขอรับ”

    “ดี จัดการได้เลย” หัวหน้านักบวชคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่ทั้งตัวสาวกและกลุ่มคนพวกนั้นไปในทันที

    อีกด้านหนึ่ง นาตาชาที่ขับรถลงใต้จากเขตของคริสตัลมาเรื่อยๆ จนไม่นานนัก เธอก็จอดรถไว้ที่ข้างทางหน้าถนนก่อนที่จะเข้าสู่ป่าคริสตัล และไม่นานนัก เธอก็ได้ยินเสียงรถคันนึงขับใกล้เข้ามา ตัวของเธอรีบเข้าไปหลบในป่า จากนั้นก็รอให้รถคันนั้นใกล้เข้ามา ปรากฏว่านั่นเป็นรถยนต์คันหนึ่ง และคนที่ลงจากรถเป็นเจ้าหน้าที่ติดอาวุธกลุ่มหนึ่ง พวกเขาคุยอะไรบางอย่างกันด้วย

    “เฮ้ย แน่ใจนะว่าที่นี่??”

    “แน่ใจครับ สัญญาณล่าสุดของพวกเขาหายไปจากที่นี่ครับ” แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรอีก นาตาชาก็ชักปืนออกมาและยิงพวกมันในทันที

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ”

    พวกมันถูกยิงอย่างไม่ทันตั้งตัว จนพวกมันล้มลงกับพื้นกันหมด นาตาชาเดินออกมาพร้อมกับมีดสนามของเธอ จากนั้นก็เชือดคอพวกที่นอนเจ็บอยู่ทีละคนอย่างไม่ใยดี

     

    ณ ออฟฟิศของเจมส์ ในวันนี้ตัวของเจมส์เองกำลังโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่อย่างดุเดือด เกี่ยวกับเรื่องของของเขาที่ถูกปล้นไป

    “เฮ้ยนี่เสี่ย เสี่ยจะอธิบายเรื่องนี้กับผมยังไง??” เจมส์ถามไป

    “ผมทราบครับ ตอนนี้ผมกำลังจะแก้ไขอยู่”

    “นี่เสี่ย เราสองคนทำการค้าด้วยกันมานาน หวังว่าเสี่ยจะไม่ทำมันพังง่ายๆแบบนี้นะ” เจมส์พูดต่อ

    “เอาไว้คราวหน้า ผมจะลดราคาสินค้าให้แล้วกันนะครับ”

    “เออ แล้วเงินที่จ่ายไปหล่ะ จะคืนยังไง??” เจมส์ถามไป

    “ผมจะคืนให้ในส่วนที่ถูกขโมยไปแล้วกันครับ บวกเพิ่มให้ 5 เปอร์เซ็นต์เลย” แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะพูดอะไรกันต่อ พนักงานของเจมส์ก็เดินเข้ามาหาเขาและรายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    “ป๋าครับ!!”

    “เออ แค่นี้ก่อนแล้วกัน อย่าให้มีเรื่องแบบนี้อีก” เจมส์พูดจบก็วางสายไป

    “มีอะไรหล่ะ??” เจมส์ถามไป

    “เราติดต่อกับซัพพลายเออร์ที่ภาคอีสานได้แล้วครับ”

    “เออ เจ้านี้ไว้ใจได้หรือเปล่า??” เจมส์ถามไป

    “ได้แน่นอนครับป๋า เราลองหาข้อมูลของหมอนี่มาแล้ว ไว้ใจได้ครับ”

    “เออ ถ้าอย่างงั้นก็ลองมาคุยกันซักตั้งแล้วกัน ดูว่าในอาทิตย์นี้เขาว่างหรือเปล่า ถ้ามีวันไหนว่างก็จัดการไปตามนั้นเลย” เจมส์ตอบกลับไป 

     

    ณ ห้องพักในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในภาคอีสาน ที่องค์หญิงและโทรุมาพักผ่อน ในตอนนั้นพวกเธอทั้งสองคนก็กำลังนอนพักอย่างสบาย แต่ในตอนนั้น จู่ๆ พวกเธอก็ได้ยินเสียงตะกุกตะกักมาจากห้องข้างๆห้องเธอ โทรุได้ยินก็ปลุกองค์หญิงขึ้นมา จากนั้นโทรุเองก็เอาปืนให้กับองค์หญิงในทันที 

    “เฮ้ย อะไรวะ มันไม่อยู่ในห้อง”

    “เปิดอีกห้องนึงดิ” พวกมันพูดคุยกัน ถึงแม้จะไม่ดังมาก แต่พวกเธอสองคนก็ได้ยิน และไม่นานนัก พวกมันก็ค่อยๆแง้มประตูห้องเธอออกมา แต่พวกเธอก็ยิงปืนใส่มัน

    “ปังๆๆๆ!!”

    พวกมันตกใจรีบวิ่งหนีออกไป แต่โทรุและองค์หญิงก็ตามไปไล่ยิงพวกมันต่อ พวกมันไม่มีอาวุธมากนักเลยโดนไล่ฆ่าอย่างง่ายดาย และไม่นานนัก พวกเธอก้เจอกับพนักงานต้อนรับคนเดิมที่ถือปืนและเล็งใส่เธอทั้งคู่ แต่พวกเธอทั้งคู่เห็นก่อนเลยยิงใส่เธอไป

    “ปังๆๆๆๆๆๆ” ร่างของพนักงานคนนั้นโดนยิงจนล้มลงอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้อ เกือบไปแล้วนะเนี่ย” โทรุพูดขึ้น ในตอนนั้นองค์หญิงก็ใช้ภาษามือตอบกลับ

    “ดูเหมือนว่าคืนนี้เราจะพักฟรีแล้วหล่ะ”

    “นั่นสิองค์หญิง” โทรุพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก พวกเธอทั้งคู่ก็เดินกลับเข้าไปในห้องของเธอต่อ

    “มิน่าหล่ะ โรงแรมก็ดี แต่ไม่ค่อยมีคนมาพักเลย” โทรุพูดขึ้น

    “ช่าวมันเถอะ ฉันจะนอนแล้ว” องค์หญิงตอบกลับเป็นภาษามือไป

     

    กลับมายังหมู่บ้านที่กลุ่มของวิน หลังจากที่กลุ่มของวินรวบรวมของของพวกทหารจักรวรรดิไทย รวมถึงยานพาหนะของพวกมันได้จนหมดแล้ว พวกเขาก็มารวมตัวกันที่หมู่บ้าน เพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง

    “โอเค ฉันคิดว่าพวกนายต้องทิ้งมอเตอร์ไซค์แล้วหล่ะ” ไนอาลาพูดขึ้น

    “เอ้ย ทำไมอย่างงั้นหล่ะ??” วินถามไป

    “เพราะถ้าเกิดใช้มอเตอร์ไซค์ พวกมันรู้แน่ แล้วจะโดนจับตาง่ายขึ้น” ไนอาลาพูดขึ้น

    “ฉันเห็นด้วยนะ คงต้องตักใจแล้วหล่ะ” ซูหยินพูดขึ้น

    “เฮ้อ ถ้างั้นเธอซื้อคันใหม่ให้ฉันนะ” ฟรีบ่นออกมา

    “เอาน่า ของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้” โรสพูดขึ้น

    “เออ พูดดีกับเขาก็เป็นนะ” รินพูดแซวโรสไป

    “ว่าแต่ เราจะไปไหนต่อหล่ะ??” แอนนาถามไป

    “เราคงต้องขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ที่นั่นน่าจะปลอดภัย ถ้าเราแฝงตัวไป” ไนอาลาพูดไป

    “อ้อ จะเอางั้นก็ได้ แต่พวกมันมีกันเยอะเต็มไปหมดนะ” ซาซ่าพูดขึ้น

    “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ถ้าพวกนั้นกำลังรบกับอยู่ พวกนั้นคงไม่มีเวลาอะไรมาโฟกัสพวกเรามากหรอกค่ะ” เวย์พูดขึ้น

    “เออ ผมลองหาข้อมูลดู ตอนนี้พวกมันกำลังรบกับหลายฝ่ายเลย งานนี้พวกมันน่าจะปวดหัวหน่อยครับ” เมตพูดขึ้น

    “เฮ้อ แล้วไงหล่ะ ถ้าจะรบกับมันก็รบกับมันเลยเซ่!!” ไอ้หมูป่าพูดขึ้น

    “นี่ ไปกินม้ามาหรือไงเนี่ย??” โซฮานถามพลางเกาหัวไป

    “เอาเถอะครับ ตอนนี้เรารีบไปดีกว่า ไม่งั้นพวกมันอาจจะตามเรามาก็ได้” วินบอกกับทุกคนไป ก่อนที่พวกเขาจะพากันขึ้นรถ และขับออกเดินทางออกจากหมู่บ้านในทันที

    ====================================================================

    การขึ้นเหนือของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อ และเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า 

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×