NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Until Last Dying Breath - ตราบลมหายใจสุดท้าย [ปิดรับสมัครตัวละครชั่วคราว]

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 4 : หมู่บ้านร้าง

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 66


    กองกำลังชุดดำวิ่งออกมาจากป่า แต่ในตอนนั้น กลุ่มของวินเองก็กระหน่ำยิงใส่กองกำลังพวกนั้น จนพวกมันบ้างส่วนล้มตายลง บางส่วนก็รีบหนีกลับเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย พวกแก คิดจะช่วยศัตรูของจักรวรรดิไทยอันศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ??” พวกมันตะโกนออกมาใส่กลุ่มของวิน

    “ศักดิ์สิทธิ์บ้าบออะไรของมึง พวกมึงดูการ์ตูนมากไปหรือเปล่าวะ??” นายฟรีตะโกนถามไป ทำเอาทุกคนถึงกับหัวเราะร่าออกมา แต่ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ไม่เห็นไนอาลาเลย แต่ตอนนั้นพวกเขาก็ไม่คิดอะไรมาก

    “มอบตัวซะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา!!” พวกมันตะโกนออกมาต่อ

    “พวกมึงไม่ใช่ตำรวจ ไม่ใช่พ่อพวกกูด้วย ทำไมต้องเชื่อวะ??” เมตตะโกนถามออกมา

    “ใช่ พวกเราไม่กลัวพวกแกหรอก!!” เวย์ตะโกนกลับไป และในตอนนั้นเอง แอนนาเองก็แอบย่องไปที่ไหนซักแห่งไปพร้อมกับซาซ่าด้วย

    “เราจะนับ 1 ถึง 10!!” พวกมันตะโกนออกมาอีกครั้ง

    “ก็นับไปดิ ให้พวกเราช่วยนับได้นะ ถ้าพวกแกไม่เก่งเลข!!” ซูหยินตะโกนออกมา ทำเอาทุกคนถึงกับหัวเราะออกมาอีกครั้ง

    “เอ้ย มุกนี้ดีอ่ะ ขอเอาไปใช้นะ” รินพูดขึ้น

    “555 จะให้พวกเราช่วยนับก็ได้นะ!!” โรสตะโกนออกมา

    “เอ้ย รีบมาซะทีเถอะไอ้พวกกระจอกเอ้ย!!” ไอ้หมูป่าตะโกนออกมาและยิงใส่พวกมันก่อน ทำเอาพวกมันถึงกับหมดความอดทน

    “ระยำเอ้ย พวกเรา บุกเลย!!” พวกมันตะโกนออกมา แต่ในตอนนั้นเอง

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ!!” พวกมันถูกยิงใส่จากด้านหลัง ซึ่งเป็นฝีมือของไนอาลานั่นเอง พวกมันรีบหันไปและตอบโต้ แต่แอนนาเองที่ดักอีกทางก็ยิงพวกมันไปด้วย

    “ปังๆๆๆๆๆ!!”

    ตอนนี้พวกมันทำอะไรไม่ถูก พวกมันพยายามฝ่าออกมาทางกลุ่มของวิน แต่กลุ่มของวินเองก็ระดมยิงใส่พวกมัน

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆ!!” พวกมันถูกยิงมาจากทุกทาง ทำเอาพวกมันถึงกับล้มลงไปกองอย่างรวดเร็ว กลุ่มของวินรีบออกมาดูในทันทีว่ายังมีพวกมันคนไหนเหลือรอดบ้าง แต่สุดท้ายพวกมันก็ตายกันหมด

    “โอเค ตายสนิทเลย” ไนอาลาพูดขึ้น

    “เออนี่ เธอคนนี้เป็นใครเนี่ย??” วินถามแอนนาไป

    “อ้อ ทุกคน นี่ซาซ่า เธอทำงานกับฉันหน่ะ นึกว่าจะไม่ได้เจอเธอแล้ว” แอนนาบอกกับซาซ่า

    “หนูก็เหมือนกันค่ะ หนูลองเสี่ยงเดินทางมาจากลาวเพื่อตามหาพี่เลยนะคะ” ซาซ่าพูดขึ้น

    “ผมว่าเรารีบเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า” วินพูดขึ้น

    “โอเค เราจัดการศพของพวกมันก่อนดีกว่า” ไนอาลาพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก พวกเขาจะรีบจัดการศของพวกมันอย่างรวดเร็ว พวกเขารีบขุดหลุมฝังพวกนั้น ก่อนที่ไม่นาน พวกเขาจะรีบกลับเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง เพื่อพูดคุยกับซาซ่าที่มาใหม่ในทันที

    “แล้วคุณไปไงมาไงหล่ะครับ ถึงมาอยู่ที่นี่??” วินถามซาซ่าไป

    “ฉันมาทำงานที่ลาว แต่ก็ได้ข่าวมาว่าพี่แอนนาอยู่ที่เมืองไทย ฉันเลยลองเสี่ยงเดินทางลงมาเมืองไทย ตอนนี้ในเขตลาวกับอีสานกำลังวุ่นวายมากเลย เพราะกลุ่มคนจากลาวกำลังอพยพลงมาค่ะ” ซาซ่าพูดขึ้น

    “โห ดูเหมือนว่าเธอจะเก่งมากเลยนะเนี่ย ที่เธอเอาตัวรอดมาได้” แอนนาพูดขึ้น

    “ก็พี่เป็นคนสอนหนูนี่หน่า” ซาซ่าพูดไป

    “แต่ว่า ตอนนี้เราก็ฆ่าไอ้พวกนี้ไปแล้ว พวกมันคงต้องตามล่าหัวเราแน่” ซูหยินพูดขึ้น

    “แล้วไงหล่ะ ฉันไม่กลัวพวกมันหรอก ให้พวกมันมาเถอะ!!” ไอ้หมูป่าตะโกนออกมา ทำเอาซูหยินถึงกับต้องตบกบาลเขาเพื่อเรียกสติ

    “เออ มีนายอยู่นี่โคตรอุ่นใจเลย” โรสพูดขึ้น

    “แต่ว่า พวกมันคงต้องส่งกำลังมาเพิ่มแน่นอน” รินพูดขึ้น

    “ผมว่า เราน่าจะแบ่งคนกันเฝ้ายามนะครับ” เมตพูดขึ้น

    “จริงด้วย ถ้าเกิดว่าพวกมันมา เราจะได้รู้ก่อน” เวย์พูดไป

    “ถ้าอย่างงั้นฉันเฝ้าก่อนเอง” ฟรีพูดขึ้น

    “เอ้ย แต่นาสยต้องขี่มอเตอร์ไซค์เผื่อหลบหนีไม่ใช่เหรอ??” ไนอาลาถามไป

    “ถ้าอย่างงั้นฉันจะเฝ้ายามเองค่ะ เพราะฉันพาปัญหามาให้พวกคุณ” ซาซ่าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นให้พี่ช่วยก็แล้วกัน” แอนนาพูดไป

    “อืม ถ้าอย่างงั้น พวกเราแยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ เราเหนื่อยกันมาเยอะแล้ว” ไนอาลาพูดขึ้น

    “แต่ว่า เราเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อนดีกว่า” แอนนาพูดขึ้น

    “เออ เห็นด้วย ไม่แน่พวกมันอาจจะส่งคนไปลาดตระเวนตามหาพวกมันก็ได้” วินพูดขึ้น

    “มีทางออกอยู่ แต่เราคงต้องวนรถอยู่ในป่าซักพักหล่ะนะ” ฟรีพูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้นก็พอได้” โรสพูดขึ้น

    “ตอนนี้พวกเราเองก็คงต้องเตรียมพร้อมแล้วหล่ะ” รินพูดขึ้น

    “ก็ให้พวกมันมาสิ ฉันจะยิงพวกมันให้ยับไปเลย!!” ไอ้หมูป่าพูดขึ้น

    “โอ้ย นายนี่ก็ยิงอย่างเดียวเลยแหะ” ซูหยินพูดพลางปวดหัวไปด้วย และในขณะเดียวกันนั้นเอง เมตก็ตรวจสอบอะไรบางอย่างบนแท็บเล็ตของเขา จากนั้นก็พูดขึ้น

    “เออ ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังเปิดโครงข่ายอินเทอร์เน้ตทั่วภาคกลางในเขตของพวกไอ้สาลิกาแล้วครับ” เมตพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น พวกมันก็คงจะติดต่อกันง่ายขึ้นหล่ะนะ” เวย์พูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้น นายช่วยตรวจสอบสถานการณ์เท่าที่ทำได้ก็แล้วกันนะ เราต้องพึ่งนายแล้ว” ไนอาลาบอกกับเมตไป 

    “โอเค ถ้างั้นเราแยกย้ายกันไปพักผ่อนดีกว่าครับ” วินบอกกับทุกคนไป จากนั้นไม่นานทุกคนก็แยกย้ายกันไปในทันที เหลือแค่แอนนากับซาซ่าที่ยืนอยู่แถวนั้นเพื่อเตรียมไปเฝ้ายาม

    “พี่แอนนา พี่ไปเจอกับพวกเขาได้ยังไงคะเนี่ย??” ซาซ่าถามแอนนาไป

    “อ้อ บังเอิญหน่ะ พวกเราช่วยกันฝ่าพวกมันจนมาถึงที่นี่” แอนนาตอบไป

    “โห แต่ละคนมีฝีมือทั้งนั้นเลยนะพี่”

    “แน่นอน พี่ว่างานของเราจะง่ายขึ้นแน่ๆ ถ้าพวกเขามาทำงานกับพวกเราด้วย” แอนนาพูดไป

    และทางด้านของวิน ในตอนนั้นตัวของวินเองก็เดินเข้ามาในบ้านหลังเดิมที่ตัวของเขาจองเอาไว้ ตัวของเขาขึ้นไปที่ชั้น 2 ซึ่งนั่นเป็นห้องนอนเก่าของเจ้าของบ้านเดิม ของทุกอย่างยังคงตั้งวางอยู่ วินเองรีบไปนอนเอนหลังบนเตียงในทันทีเพื่อพักผ่อน แต่ตอนนั้นเขาก็หยิบเอาสร้อยของเขาออกมาดูด้วย

    “แม่ครับ ผมจะพาแม่ไปหาพ่อให้ได้ครับ ต่อให้ผมต้องตาย” วินพูดขึ้น ในขณะที่ตัวของเขาเองก็ยังคงกำสร้อยเส้นนั้นเอาไว้ จนสุดท้ายเขาก็ร้องไห้ออกมา

    “หวังว่าพ่อจะยังอยู่นะครับ” วินพูดขึ้น

     

    ณ ทำเนียบรัฐบาลไทย ในวันนี้ตัวของกุนนาร์ หัวหน้าหน่วย VSC กำลังนั่งจัดการเรื่องเอกสารเพิ่มเติมอยู่ในห้อง ในตอนนั้นเอง เฮลล่าก็กลับมาจากปฏิบัติภารกิจ จากนั้นเธอก็รีบมาหากุนนาร์อย่างรวดเร็ว

    “ท่านคะ ภารกิจเรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้กองกำลังของนายพลพงศ์จัดการกลุ่มกบฎให้ออกไปจากเขตหนองจอกแล้วค่ะ” เฮลล่าพูดขึ้น

    “อืม แล้วพวกเรามีใครเป็นอะไรหรือเปล่า??” กุนนาร์ถามไป

    “เจ้าหน้าที่ตาย 52 บาดเจ็บ 65 ค่ะ” 

    “อืม ช่วยพวกเขาก็แล้วกัน ว่าแต่ ฉันมีงานให้เธอทำ ฉันเพิ่งจะโทรคุยกับคุณชาญ เขาบอกว่าได้ข้อมูลการอพยพของคนจากภาคอีสานลงมา ฉันอยากให้เธอไปตรวจสอบพื้นที่หน่อย” กุนนาร์พูดขึ้น

    “รับทราบค่ะ” 

    “อืม ถ้าเกิดว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ ก็ช่วยตามเห็นสมควรแล้วกัน” กุนนาร์พูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับข้อความอะไรบางอย่างในมือ

    “ท่านคะ มีข้อความส่งมาถึงท่านค่ะ”

    “หือ จากใครอีกหล่ะ??” กุนนาร์ถามไป

    “ท่านนาวาเอกการิน ผู้บังคับบัญชากองเรือไทยในขณะนี้ ส่งข้อความมาจากทางใต้ บอกว่าพวกเขาต้องการให้เราเจรจากับพวกเขาค่ะ”

    “คิดไว้แล้วไม่มีผิด ถ้าอย่างงั้นฉันจะจัดการเอง” กุนนาร์พูดไป

     

    ณ ที่ทำการใหญ่ของกองกำลัง Black Reaper กฤตพจน์พยายามให้คนของเขาตามหาตัวของไนอาลาที่หายตัวไป โดยที่กลุ่มของเขาทุกคนก็มารวมตัวกันเพื่อรอข้อมูล และในตอนนั้นเอง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็รีบบอกกับกฤตในทันที

    “ท่านครับ มีวิทยุติดต่อมาครับ เหมือนว่าคุณไนอาลาติดต่อมาครับ!!”

    กฤตและลูกน้องคนอื่นๆรีบเดินมารวมตัวกันในทันที กฤตรีบหยิบวิทยุมาในทันที

    “ฮัลโหล ลูก เป็นยังไงบ้าง??”

    “พ่อคะ หนูขโมยวิทยุของพวกมันมาติดต่อหาคุณพ่อค่ะ”

    “เหรอลูก แล้วลูกอยู่ที่ไหนหล่ะ พ่อจะให้คนไปรับเลย??” กฤตถามไป

    “อย่าเลยพ่อ ตอนนี้พวกมันคงติดตั้งปืน ปตอ. รอพวกเราไว้แล้ว พ่อไม่ต้องห่วงค่ะ หนูเจอกลุ่มที่ไว้ใจได้แล้ว ภารกิจของเรายังเดินหน้าต่อไปได้ แต่โชคร้ายที่นักบินของเราตายหมดค่ะ”

    “อืม แต่พ่อเป็นห่วงนะ ลูกไปเจอกับใครหล่ะ??” กฤตถามไป

    “ไม่ต้องห่วงค่ะ พวกเขามีฝีมือ แล้วก็ไว้ใจได้ หนูจะทำงานของเราให้เสร็จค่ะ หนูต้องไปแล้ว เดี๋ยวพวกมันจะตามสัญญาณแล้วเจอหนู ไว้หนูจะหาทางติดต่อไปอีกค่ะ” ไนอาลาพูดจบก็รีบวางสายไปในทันที 

    “นี่ ตามหาตำแหน่งของลูกฉันได้หรือเปล่า??” กฤตถามไป

    “รับทราบครับ!!” ลูกน้อของเขาพูดจบจากนั้นก็รีบตามหาตำแหน่งของไนอาลาทันที

    “โห คุณหนูไนอาลานี่กระดูกเหล็กจริงๆนะครับเนี่ย” กายพูดขึ้น

    “นั่นสิ แล้วที่คุณหนูบอกว่าเจอกลุ่มที่ไว้ใจได้หล่ะ??” เติร์กถามไป

    “อืม เรื่องนี้ฉันจะลองสืบเอง ว่าแต่สถานการณ์โดยรวมเป็นยังไงบ้าง??” กฤตถามไป

    “ตอนนี้กองกำลังของนายพลพงศ์ยึดหนองจอกได้แล้ว แต่ตอนนี้ ทางใต้ กองเรือของผู้การการินเองก็เข้าใกล้เราเรื่อยๆแล้วครับ” ศิลป์พูดขึ้น

    “อืม ฉันจะพยายามติดต่อเขาให้ได้แล้วกัน” กฤตพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารระดับนายนิรยบาล 3 ก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    “ท่านครับ ท่านกุนนาร์ติดต่อไปหาพวก VSC กองกำลังของนาวาเอกการินยื่นคำขอให้เราเข้าไปคุยกับเขาครับ”

    “นาวาเอกการิน นึกว่าเขาหนีไปแล้วซะอีก” กายพูดขึ้น

    “ไม่หรอก หมอนั่นไม่ใช่พวกที่จะหนีง่ายๆ” ศิลป์พูดขัดกายไป

    “แล้วเราจะเอายังไงกับพวกนั้นดีหล่ะครับ??” เติร์กถามไป

    “บอกคุณกุนนาร์ว่าฉันจะรีบจัดการเรื่องนี้เอง” กฤตพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็รีบรายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    “ท่านครับ เราเจอตำแหน่งของคุณหนูแล้ว เธออยู่ตอนกลางของจังหวัดอ่างทองครับ!!”

    “ดี ส่งหน่วยนิรยบาลพิเศษของเราแฝงตัวเข้าไปหาเธอเลย” กฤตออกคำสั่งไป

     

    กลับมายังบ้านพักของชยาชาญ ซึ่งตอนนี้กำลังถูกดัดแปลงให้เป็นห้องประชุมขนาดเล็ก ในขณะที่กลุ่มของชยาชาญกำลังประชุมกันอยู่ ในตอนนั้นเอง ภรรยาของเขาที่เป็นเลขาไปด้วยก็หยิบโทรศัพท์มาให้กับเขา

    “ที่รัก ท่านนายพลพงศ์หน่ะ” ชาญได้ยินดังนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์มาในทันที

    “ท่านนายพลครับ”

    “คุณชาญครับ ตอนนี้เราจัดการเขตหนองจอกเรียบร้อยแล้ว ยังเหลือพวกมันบางส่วนที่ซ่อนตัวตามป่า แต่เราจัดการจับพวกมันกลับมาได้ครับ”

    “อืม ดีครับ ถ้าอย่างงั้นก็ให้พวกเราตั้งหลักไว้ที่นั่นก่อนนะครับ” ชาญตอบไป

    “แล้วเชลยพวกนี้จะให้เอายังไงครับ??”

    “จับพวกนั้นมาขังไว้ก่อน รอขึ้นศาล ท่านนายพลครับ ผมอยากให้ท่านกลับมาด้วย ทางเรากำลังจะประชุมเรื่องกองทัพครับ” ชาญพูดขึ้น

    “ครับ ผมจะรีบกลับครับ” นายพลพงศ์พูดจบก็วางสายไป

    “โอเค ตอนนี้ท่านนายพลยึดหนองจอกคืนมาได้แล้ว” ชยาชาญบอกกับสมาชิกกองกำลังคนอื่นๆของเขา

    “โห เร็วขนาดนี้เลยเหรอ??”

    “ก็นะ ระดับท่านนายพลพงศ์นี่”

    “ตอนนี้เรากำลังมีปัญหาที่ต้องรีบแก้ เรื่องแรก เรื่องของจินเยว่ ที่ตอนนี้เธอกำลังคุมกองกำลังทางตะวันออกหน่ะ” ชาญพูดขึ้น

    “อืม ฉันหวังว่าเธอจะไม่ใช่คนพูดยากอะไรนะ” สมาชิกคนหนึ่งที่เป็นผู้หญิงพูดขึ้น

    “ก็นะ แล้วก็เรื่องที่สอง เรื่องของท่านนาวาเอกการินหน่ะ” ชาญพูดขึ้น

    “เอ้ย ผู้การชาญเหรอ เขาไม่น่าจะใช่คนประเภทนั้นนะ” 

    “ตอนนี้ท่านกฤตกำลังจะเจรจากับเขาอยู่ ฉันหวังว่าทุกอย่างมันจะเป็นไปได้ด้วยดีนะ” ชาญพูดจบ จากนั้นก็หยิบเอาถ้วยน้ำขิงมาดื่มในทันที

     

    ณ เขตของกลุ่ม Cops Eater ของคามิ ในตอนนี้ตัวของเขากำลังนั่งวางแผนการรบเพื่อรับมือกองกำลังของนายพลยานกรที่กำลังบุกเข้ามา ในขณะเดียวกันนั้นเอง จันทร์และตะวันก็พาชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเข้ามาหาคามิ จากนั้นก็พูดอะไรบางอย่างกับเขา

    “คุณคามิ นี่เป็นคนที่พวกผมหามาได้ พวกเขาเคยเป็นทหารฝีมือดีมาก่อน” ตะวันพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ แล้วพวกนั้นจะทำอะไรหล่ะ??” คามิถามไป

    “พวกเขาบอกว่า พวกเขาสามารถฝึกสอนชาวบ้าน ที่ตอนนี้พวกเขาพร้อมจะทำงานให้กับเราครับ” จันทร์พูดขึ้น

    “เป็นความคิดที่ดีนะคะ เราให้ชาวบ้านที่เต็มใจอยากจะช่วยเรา ไปเข้ารับการฝึก พวกเขาจะมีความสามารถมากขึ้น ถ้าเป็นหมากรุก ชาวบ้านเหล่านี้ก็เหมือนเป็นเบี้ยหงายหน่ะ” โรสพูดขึ้น

    “เฮ้อ ฉันไม่ค่อยชอบเล่นหมากรุกเท่าไหร่” จอห์นพูดขึ้น

    “อืม แล้วจะใช้เวลาฝึกสอนนานแค่ไหนหล่ะ??” คามิถามไป

    “ตอนนี้เรากำลังฝึกพวกเขาให้เร็วที่สุดอยู่ครับ” ตะวันพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชาวบ้านคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับคามิ

    “นายครับ ชาวบ้านที่เป็นสายให้เราส่งข่าวมา พวกเขาบอกว่า นายพลยานกรถูกสั่งให้ไปประจำการที่อื่นแล้วครับ”

    “เฮ้ย จริงเหรอ มันไปที่ไหนหล่ะ??” คามิถามไป

    “ได้ข่าวมาว่าเป็นทางเหนือครับ”

    “ฉันว่านะคะ พวกนั้นต้องไปรับมือกับกองกำลังคนจีนที่ยึดภาคเหนืออยู่แน่ๆ” จันทร์พูดขึ้น

    “ผมขอออกความเห็นอะไรหน่อยนะ ผมว่าพวกมันคงต้องมองว่าเราเป็นพวกบ้านนอกที่จัดการได้ไม่ยาก พวกมันเลยให้ไอ้หมอนั่นไปรับมือกองกำลังทางเหนือแทน” จอห์นพูดขึ้น

    “ถ้าเป็นแบบนั้น เราก็ใช้โอกาสที่มันไม่อยู่จัดการพวกมันได้สิคะ” โรสพูดขึ้น

    “ดี ถ้าอย่างงั้น ให้ชาวบ้านที่สมัครใจเข้ารับการฝึกเยอะๆ หาคนมีความสามารถมาร่วมกับเราเยอะๆ ให้พวกเขาค่อยฝึกสอนพวกเขา ทีนี้หล่ะ ชาวบ้านพวกนี้จะกลายเป็นตัวอันตรายสำหรับพวกมันเลย” คามิได้ไอเดียขึ้นมา

    “เอ้ย เห็นด้วยเลยครับ” ตะวันพูดขึ้น

    “ดี ถ้าอย่างงั้นพวกนายก็ไปจัดการเลย จอห์น ตอนนี้เรื่องการค้าเป็นยังไงบ้าง??” คามิถามจอห์นไป

    “ตอนนี้กำลังไปได้ดี แต่เราน่าจะมีศัตรูใหม่หน่ะ” จอห์นพูดขึ้น

    “โห อยากรู้จริงๆเลยค่ะว่ามันเป็นใคร” โรสพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นก็ไปสืบว่ามันเป็นใคร ฉันอยากรู้เหมือนกัน” คามิพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น ฉันกับตะวันจะไปจัดการเรื่องชาวบ้านแล้วกัน” จันทร์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ชาวบ้านของคามิก็เดินเข้ามาแล้วเอาอาหารที่ทำไว้ให้กับพวกเขา

    “อาหารมาแล้วค่ะนาย”

    “ดี วางไว้เลย” คามิพูดจบชาวบ้านพวกนั้นก็รีบวางอาหารในทันที จากนั้นชาวบ้านพวกนั้นก็รีบเดินออกไป

    “เฮ้อ บางทีก็อยากกินเนื้อแบบอื่นบ้างนะ เนื้อไก่เนื้อหมูแบบนี้” จันทร์พูดขึ้น

    “อ่า คุณจันทร์คะ” โรสกำลังจะพูดปราม

    “ฉันเห็นด้วยนะ แต่สถานการณ์ตอนนี้เราคงเลือกอะไรไม่ได้หรอก” คามิพูดไป

    “นั่นสิครับ ผมเห็นด้วยเลย” ตะวันพูดเสริม

    “อืม ฉันจะไปเรียกหมาของฉันก่อนนะ” จอห์นบอกกับทุกคนไป

     

    ณ ค่ายชั่วคราวของกองกำลัง MAG ซึ่งจ่าพลยึดได้จากกองกำลังชายแดนพม่า ในระหว่างที่จ่าพลกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะ ในตอนนั้นเอง จ่านนท์ก็พาชายฝรั่งในชุดขาวคนหนึ่งมาหาจ่าพลในทันที

    “ท่านครับ หมอนี่ไงครับที่ผมเอ๋ยถึง” จ่านนท์พูดขึ้น

    “อืม สวัสดี ท่านเป็นบาทหลวงเหรอ??” จ่าพลพูดกับเขาเป็นภาษาอังกฤษ

    “เราคือผู้ส่งสาสน์จากพระเจ้า ผู้รับใช้ของผู้ไถ่บาปทั้งมวล” ชายคนนั้นพูดขึ้น ตอนนั้นจ่าพรเกือบหลุดขำ แต่จ่ารงค์ห้ามไว้ก่อน

    “แล้วท่านจะมาเผยแผ่คำสอนงั้นเหรอ??” จ่าพรถามไป

    “ใช่แล้ว เราจะมาปลดปล่อยพวกท่านทุกคนจากความผิดบาป” 

    “เออ พวกเรานับถือศาสนาพุทธหน่ะ แต่ไม่อยากจะว่าหรอกนะถ้าจะมาเผยแผ่” จ่ารงค์พูดขึ้น

    “พวกที่ไม่นับถือพระองค์ถือเป็นพวกนอกรีต”

    “เฮ้ย นอกรีตอะไร ศรัทธาใครก็ศรัทธามันสิ!!” จ่าพรตะโกนออกมา

    “เย็นไว้ก่อน เอาแบบนี้ ผมก็ไม่อยากจะอะไรหรอกนะ เอาเป็นว่าลองไปคุยกับลูกน้องของผมแล้วกัน ดูว่าพวกเขาจะเอาด้วยหรือเปล่า” จ่าพลพูดขึ้น

    “ขอบน้ำใจมาก ขอพระเจ้าคุ้มครองท่าน” ชายคนนั้นพูดจบและเดินออกไปในทันที

    “เออ ท่านครับ เอาจริงเหรอครับ??” จ่านนท์ถามไป

    “มันไม่สำเร็จหรอก จ่ารงค์ จับตาดูมันไว้ด้วยแล้วกัน” จ่าพลออกคำสั่งไป

     

    ณ ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ในตอนนี้ตัวของเหมยฮวาเองก็ทำการเดินสายเยี่ยมประชาชนในเชียงใหม่ มีผู้คนบางส่วนที่มารอต้อนรับเธอ ในระหว่างที่เธอกำลังเดินอยู่นั้น ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาหาเธอและรายงานอะไรบางอย่างกับเธอ

    “ท่านครับ มีข่าวการรบในลำพูนครับ!!”

    “อืม ว่ายังไงล่ะ??” เหมยฮวาถามไป

    “ตอนนี้กองกำลังจักรวรรดิไทยเริ่มตีแนวหลักของเราแตกแล้วครับ!!”

    “ห่ะ จริงเหรอ ทำไมเร็วขนาดนั้นเชียว??” เหมยฮวาถามไป

    “สายข่าวของเราบอกมาว่า กองกำลังของนายพลยานกรยกมาทางเหนือเองครับ”

    “นายพลยานกร หมอนี่เป็นใครหล่ะ??” เหมยฮวาถามไป

    “นายพลยานกรเป็นนายทหารอายุน้อยแต่มีความสามารถมาก เชาสร้างชื่อในสมรภูมิต่างๆ ผมว่าเราคงเจอกับงานหินเข้าแล้วหล่ะครับ”

    “แล้วประวัติของหมอนี่ยังมีอะไรอีกหรือเปล่า??” เหมยฮวาถามไป

    “ค่อนข้างขาวสะอาดครับ” ทหารของเธอตอบไป

    “ดูเหมือนว่าต้องใช้กลยุทธ์จัดการกับพวกนั้นแล้วหล่ะ” เหมยฮวาพูดขึ้น

    “มีข่าวมาว่ากองกำลังของนายพลยานกรเก่งมากเรื่องการแทรกซึมในป่าครับ”

    “อ้อ งั้นเหรอ ถ้างั้นตอนนี้เราคงต้องมาปรับกลยุทธ์กันใหม่แล้วหล่ะ” เหมยฮวาพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเธอจะเดินไปเรื่อยๆและขึ้นรถของเธอไป

     

    ณ บ้านพักส่วนตัวของนายสาลิกา ในวันนี้เขากลับมาที่บ้านพัก พร้อมกับมีอีหนูกลุ่มหนึ่งมารอต้อนรับเขา เขารีบไปกกอีหนูพวกนั้นในทันที แต่ยังไม่ทันไร ในตอนนั้นเอง ทหารชุดดำคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับสาลิกาในทันที

    “ท่านครับ!!”

    “เฮ้ย อะไรของแกวะ??” สาลิกาถามไป

    “หลังจากที่เราเปิดเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เราเลยพยายามตามแกะรอยคนที่อยู่ในเฮลิคอปเตอร์จากกรุงเทพที่เรายิงตก นี่ครับ” ทหารคนนั้นพูดขึ้นพลางยื่นรูปให้สาลิกาดู

    “อะไรของมึงวะ??” สาลิกาหยิบรูปนั้นมาดูอย่างเซ็งๆ แต่เมื่อเขาสะดุดใจกับรูปของหญิงสาวคนหนึ่ง ตัวของเขามองมันใกล้ๆให้เห็นชัดๆ จากนั้นเขาก็พูดขึ้น

    “ผู้หญิงเนี่ยนะ??” สาลิกาถามไป

    “ครับ ตอนนี้เรากำลังตามรอยพวกมันอยู่ครับ”

    “อืม สืบประวัติของมันมาดู ฉันอยากรู้ว่ามันเป็นใคร เข้าใจนะ” สาลิกาพูดขึ้น

    “ครับ แล้วก็ท่านครับ พวกที่กรุงเทพ เราจะเอายังไงกับพวกมันต่อหล่ะครับ??” 

    “เออ จัดการทางเหนือเมื่อไหร่ฉันลุยแน่ ฉันจะไปชำระความกับไอ้กฤต” สาลิกาพูดอย่างแค้นใจ

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งบริเวณจังหวัดลำพูน ตัวของนายพลยานกรเดินทางมาประจำการในเขตนี้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากว่าการรบกำลังเป็นไปอย่างดุเดือด รถของยานกรขับมาจอดที่ค่ายหลักแห่งหนึ่งบริเวณภาคเหนือตอนล่าง เมื่อรถจอด ยานกรก็ลงจากรถ โดยที่นายทหารคนหนึ่งก็รีบมาต้อนรับยานกร

    “สวัสดีครับ ผมพันตรีเกศกมล จักรวรรดิไทยจงเจริญ!!” นายทหารคนนั้นพูดจบพลางทำความเคารพยานกรไป

    “ผู้พัน สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง??” ยานกรถามไป

    “ตอนนี้กองกำลังของเรากำลังเจาะแนวรับแรกของพวกมันได้แล้วครับ”

    “อืม แล้วเสียทหารไปเท่าไหร่หล่ะ??” ยานกรถามไป

    “เราเสียคนไป 500 ครับ”

    “ไม่ ครั้งหน้าต้องน้อยกว่านี้” ยานกรตอบไป

    “แต่ว่า พวกเราก็พยายามขยายแนวล้อมแล้วนะครับ แต่ตอนนี้เรายังขาดแคลนรถหุ้มเกราะด้วยครับ”

    “ถ้าอย่างงั้น ก็คงต้องแทรกซึมเข้าไปในป่าแล้วหล่ะ เรามีทหารพรานมาร่วมด้วยหรือเปล่า??” ยานกรถามไป

    “ครับ เรามีนายพรานที่ชำนาญพื้นที่คอยนำทางแล้วครับ”

    “ดี ตอนนี้ฉันต้องรีบจัดการเรื่องที่นี่ ก่อนจะโจมตีกรุงเทพหน่ะ” ยานกรพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินไปเรื่อยๆ เพื่อเข้าไปยังอาคารที่พักในทันที

    “ได้ข่าวมาว่ากรุงเทพตอนนี้ พวกระยำนั่นมันยึดอยุธยาได้แล้วนี่ครับ??” ผู้พันเกศพูดขึ้น

    “ใช่แล้วหล่ะ ตอนนี้พวกเรากำลังตรึงพวกมันไว้ที่อ่างทองอยู่” ยานกรพูดขึ้น

    “แต่ว่า กำลังของพวกมันมีน้อยนะครับ”

    “ถึงพวกมันจะมีน้อย แต่พวกมันก็มีทั้งฝีมือและเทคโนโลยี เราไม่ควรประเมินพวกมันต่ำไป” ยานกรพูดขึ้น จากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินมาถึงโต๊ะตัวหนึ่ง ซึ่งมีอาหารวางเตรียมเอาไว้มากมาย

    “เชิญครับท่านนายพล” ผู้พันเกศเชิญนายพลยานกรให้รับประทานอาหารอย่างรวดเร็ว

     

    ณ เขตชานเมืองแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง รถบรรทุกคันหนึ่งขับมาจอดอยู่ข้างทาง พวกเขาลงจากรถ พร้อมกันนั้นก็ลากเอาศพที่อยู่บนรถลงมาด้วย ศพพวกนั้นเป็นศพของกองกำลังจักรวรรดิไทย ที่พวกเขาถูกเสียบด้วยไม้ยาว จากนั้นไม่นานพวกเขาก็รีบเอาไม้ปักที่พื้นเพื่อตั้งศพพวกนั้นประจานเอาไว้ โดยรถคันหนึ่งก็จอดอยู่ไม่ห่างจากรถบรรทุกเท่าไหร่นัก มันเป็นรถของนายทศนั่นเองที่เขากำลังดูผลงานของเขาอยู่ในรถ

    “นายครับ ทำแบบนี้จะดีเหรอครับ??”

    “แน่นอน รับรองว่าพวกมันต้องดิ้นเป็นเจ้าเข้าแน่นอน” ทศพูดขึ้น

    “แต่เราต้องระวังพวกมันมาเจอเรานะครับ”

    “เจอก็เจอสิ อย่าเสือกมาเจอฉันก็แล้วกัน” นายทศพูดไป

    “แล้วเราจะเอายังไงต่อหล่ะครับ??”

    “ก็รอดูต่อไปแล้วกัน” นายทศพูดขึ้น และไม่นานนัก พวกเขาก็จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ในตอนนั้นเอง

    “ปังๆๆๆๆๆๆ!!” เสียงปืนดังขึ้น นั่นเป็นเสียงของกองกำลังจักรวรรดิไทยที่มาเจอเข้า พวกนั้นเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด

    “หนีเถอะครับนาย!!”

    “เออ ไม่บอกก็รู้ ไปเร็ว!!” นายทศตะโกนออกมา

     

    ด้านหนึ่งในป่าจังหวัดอ่างทอง โซฮานยังคงเดินเท้าลงใต้ไปเรื่อยๆ ตัวของเขาเข้าป่าบ้าง เดินข้างถนนบ้าง เพื่อป้องกันการตรวจเจอของกองกำลังจักรวรรดิไทย รวมถึงกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ที่ต้องการปล้นคนเดินทางผ่านมา แต่ในระหว่างนั้น ตัวของเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังมาแต่ไกล

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    “โห ยิงกันอีกแล้วเหรอเนี่ย??” โซฮานสบถออกมาเล็กน้อย ก่อนที่ไม่นานนัก ตัวของเขาก็สังเกตเห็นรถทหารคันหนึ่งกำลังจอดอยู่ข้างทาง เขารีบชักปืนออกมาในทันที จากนั้นก็เดินเข้าไปดูใกล้ๆ

    “อะไรกันวะเนี่ย??” โซฮานถามไป ก่อนที่เขาจะค้นไปที่รถทหารคันนั้น แต่เขาค้นไปเรื่อยๆ ก็ไม่พบกับอะไร 

    “เฮ้ย ทหารไปไหนวะเนี่ย??” โซฮานพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เขาจะเห็นรถอีกคันที่เพิ่งจะโดนยิงจนตกข้างทาง เขารีบเดินไปดูในทันที

    “อืม ประตูเพิ่งเปิด ไม่มีใครอยู่ สงสัยน่าจะวิ่งหนีเข้าไปในป่า” โซฮานพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เขาจะได้ยินเสียงรถตามไล่หลังเขามา ตัวของเขารีบวิ่งไปหลบในป่าทันที ซึ่งมันก็มีตามที่เขาคิดจริงๆ รถบรรทุกทหารประมาณ 3 คันพร้อมทหารเต็มคันรถก็จอดรถบริเวณนั้น โซฮานเองก็ได้แต่มองอยู่ห่างๆ ไม่นานนักเขาก็เห็นทหารลงมาจากรถ จากนั้นก็พูดคุยกัน

    “ท่านครับ รถพวกเราจอดอยู่นี่จริงๆครับ”

    “เออ มีรถอีกคันอยู่นี่ แต่ไม่มีคน ดูเหมือนมันจะหนีเข้าป่าครับ”

    “น่าจะเป็นอย่างงั้น ตามรอยเท้าของมันไป เผื่อว่าพวกมันต้องการกำลังเสริมนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่ฉันจะตบกบาลพวกแม่งให้ ฐานทำฉันเสียเวลา” นายทหารคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เร่งตามแกะรอยเท้าของทหารจักรวรรดิไทยในทันที ส่วนโซฮานเองก็รีบหนีเข้าไปในป่าอีกทางหนึ่ง

    “เวรเอ้ย น่าจะไม่ต่ำกว่า 1 กองร้อยเลยนะเนี่ย” โซฮานพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ทหารพวกนั้นจะเริ่มสงสัยว่ามีอะไรแถวนั้น พวกมันเลยส่งกำลังแยกไปตามโซฮานด้วย

    “เวรเอ้ย อยากมาก็มา” โซฮานพูดขึ้นจากนั้นก็รีบหนีเข้าไปเรื่อยๆ

     

    ณ เขตชายแดนภาคตะวันออกกับภาคอีสาน จินเยว่นำกำลังมารอรับและควบคุมการเดินทางหลั่งไหลมาของกลุ่มผู้อพยพจากแดนอีสาน พวกที่อพยพลงมามีทั้งชาย หญิง คนแก่และเด็ก จินเยว่ที่เห็นอยู่ห่างๆก็สั่งให้กำลังทหารของเธอช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้

    “ต้องหาน้ำกับอาหารเพิ่มแล้วหล่ะ” จินเยว่พูดขึ้น

    “ตอนนี้เรากำลังเร่งจนมาอยู่ครับ”

    “สอบถามไปบ้างหรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น??” จินเยว่ถามไป

    “พวกเขาบอกว่าประเทศลาวตอนนี้เริ่มมีความหนาแน่นของกัมมันตรังสีมากขึ้น และอยู่ไม่ไหวครับ”

    “เอาจริงๆที่นี่ก็ไม่ต่างกัน” จินเยว่พูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ทหารอีกคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเธออย่างรวดเร็ว

    “คุณจินเยว่ครับ คุณชาญติดต่อมา เขาบอกว่าจะหาคิวมาพบกับคุณครับ”

    “อ้อ เข้าใจหล่ะ แล้วมีอะไรอีกมั้ย??” จินเยว่ถามไป

    “ตอนนี้กองเรือของผู้การการินเคลื่อนไหวแล้ว เรากำลังจับตามองอยู่ครับ”

    “อืม จับตาดูเอาไว้แล้วกัน” จินเยว่พูดไป

     

    ณ เขตโกดังแห่งหนึ่งที่กลุ่มของนายพรจะมาปล้น พวกเขาเอาเรือพายเข้าไปในเขตท่อระบายน้ำ โดยที่ยามประมาณสามหนึ่งกำลังยืนเฝ้าอยู่ กลุ่มของพรยิงธนูใส่ยามพวกนั้นจนตายกันหมด ก่อนที่พวกเขาจะนำคนเข้าไปในท่อแล้ววางกำลังเอาไว้ และไม่นานนัก พวกเขาก็พากันเดินขึ้นไปตามทางเพื่อไปยังเขตห้องเก็บของ พวกเขาฆ่ายามทุกคนที่เจอ ก่อนที่ไม่นานนัก พวกเขาก็เห็นของในกล่องมากมายซึ่งบรรดาคนงานกำลังช่วยกันขนขึ้นรถเพื่อไปที่ไหนซักแห่ง

    “รู้นะว่าต้องทำยังไง” นายพรพูดขึ้น จากนั้นไม่นานกองกำลังของนายพรก็พากันแยกย้ายไป พวกเขาแยกย้ายกันไปจัดการกับยามที่อยู่ในโกดังอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะมารวมตัวกันที่ลานเก็บของ จากนั้นพวกเขาก็รีบขนของที่เหลือขึ้นรถต่อ

    “เร็วๆเลย” นายพรพูดขึ้น และไม่นานนัก กลุ่มของเขาก็เก็บของเสร็จ จากนั้นก้ให้สัญญาณมือกับนายพร

    “โอเค ไปเลย” นายพรพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็รีบตามลูกน้องไป จากนั้นก็แบ่งกันไปขึ้นรถบรรทุกในทันที พวกเขารีบบึ้งรถออกไปตามเส้นทางอย่างรวดเร็ว ทำเอายามพวกนั้นถึงกับแปลกใจ เพราะพวกเขาขับกันเร็วจนเกือบจะไปชนยามที่อยู่หน้าโกดัง

    “เฮ้ย จะรีบไปไหนของมันวะ??” ยามคนนั้นสบถออกมา จากนั้นไม่นานนัก พวกเขาก็ขับมาถึงหน้าประตู ยามหน้าประตูเดินไปที่รถบรรทุกคันหน้าเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม

    “อ้าวเฮ้ย มึงไม่ใช่ไอ้หมึกนี่ ไอ้หมึกไปไหนหล่ะ??”

    “อ่า มันเปลี่ยนให้กูขับแทนหน่ะ มันบอกมันเหนื่อย” คนขับตองนายพรตอบกลับไป

    “อ้อเหรอ เออๆๆๆๆๆ” ยามคนนั้นรีบเปิดประตู จากนั้นขบวนรถของพรที่ปล้นสินค้ามาได้ก็ขับออกไปในทันที แต่ในตอนนั้นเอง ยามคนหนึ่งในสภาพที่สะบักสะบอมก็วิ่งออกมาจากโกดังอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย จับพวกมันไว้ พวกมันมาปล้น!!”

    กลุ่มของพรรีบขับรถหนีออกไปต่อ คนขับคนหนึ่งหยิบระเบิดออกมาปาใส่ด่านประตูตรงนั้น เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในขณะที่ยามในโกดังก็พากันตามล่ากลุ่มของพรในทันที

    “เวรเอ้ย ต้องรีบหนีแล้วหล่ะ” นายพรพูดขึ้น

     

    ณ อพาร์ทเม้นท์ที่ตัวของบลูมเข้าไปพัก ตัวของเธอเอนหลังนอนอยู่ในห้องของเธอ แต่ในตอนนั้น เธอได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากด้านล่าง ตัวของเธอรีบเก็บของทุกอย่างในห้อง จากนั้นก็ชักปืนของเธออกมา และพยายามเงี้ยหูฟัง

    “ไอ้ห่าเอ้ย เงียบๆหน่อยสิไอ้พวกนี้!!”

    “เฮ้ย ไอ้พวกนี้มันป่วยนะ กินได้ด้วยเหรอ??”

    “ก็ทำให้มันสุกๆสิวะ” บลูมได้ยินดังนั้นก็แทบจะคายของเก่าออกมา แต่เธอต้องพยายามทำเป็นเงียบเอาไว้ ไม่นานนัก ตัวของเธอก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมากขึ้น พร้อมกันนั้นเป็นเสียงของการปะทะอย่างชุลมุน ดูเหมือนว่าจะมีการขัดขืนและหลบหนีกัน

    “เฮ้ย ตามไปจับมันสิวะ!!” พวกมันตะโกนออกมา บลูมตัดสินใจออกจากห้องพร้อมอาวุธของเธอ จากนั้นก็ค่อยๆลอบฆ่าพวกมันไปทีละคน

    “ฉึก!!”

    ตัวของเธอไล่ฆ่ามันไปเรื่อยๆ จนเธอมาเจอกับ 5 คนสุดท้ายกำลังเฝ้าเชลยอยู่ พวกนั้นเองก็รอพรรคพวกของเขาอยู่นาน ก่อนที่ไม่นานนัก

    “ปังๆๆๆๆ!!” บลูมยิงปืนใส่พวกมันแบบทุกนัดไม่พลาดเป้า พวกมันล้มลงไปกองกับพื้นที่คน และไม่นานนัก พวกเชลยที่โดนจับได้ก็พากันหนีอย่างรวดเร็ว

    “จะได้เงียบซะที ค่อยยังชั่ว” บลูมพูดขึ้นจากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในห้องของเธอในทันที

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งบริเวณทะเลอ่าวไทย กองเรือของการินเดินทางลาดตระเวนอยู่ในอ่าวไทยเพื่อรอฟังข่าวอะไรบางอย่าง ไม่นานนัก พลวิทยุคนหนึ่งก็รีบมารายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    “ท่านครับ ทางกองกำลังที่คุมกรุงเทพอยู่ต้องการเจรจากับท่านครับ!!”

    “งั้นเหรอ ใครกันหล่ะ??” การินถามไป

    “เขาชื่อกฤตพจน์ ผู้บริหารเจเนซิสสาขาประเทศไทยครับ”

    “อ้อ ฉันรู้จักเขานะ เจเนซิสมีชื่อเสียงมาก แสดงว่าเขาต้องไม่ธรรมดา” บากาดอฟพูดขึ้น

    “หมอนั่นเป็นคนไทยงั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นฉันจะลองคุยแล้วกัน นัดวันเจรจาได้เลย” การินพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง พลวิทยุคนเดิมก็รายงานสถานการณ์เข้ามา

    “ผู้พันครับ มีข่าวมาว่ากลุ่มคนปริศนากำลังเข้ามาในเขตภาคใต้ พวกเขามาเผยแผ่ศาสนาครับ”

    “เผยแผ่ งั้นเหรอ เอาจริงดิ??” การินถามไป

    “อืม มันเป็นพวกไหนกันแน่นะ??” บากาดอฟถามไป

    “ทางเราก็ไม่ทราบแน่ชัด กำลังตรวจสอบอยู่ครับ”

    “อืม จับตาดูพวกมันเอาไว้แล้วกัน แต่ถ้าเกิดมันทะลึ่งทำอะไรมากกว่านี้ จัดการได้เลย” การินพูดไป

    “รับทราบครับท่าน” ทหารของเขารับคำสั่งไป

    “เออ ตอนนี้สถานการณ์แถวทะเลภาคใต้เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” การินถามไป

    “ตอนนี้ยังปกติดีครับผู้พัน!!” ทหารคนหนึ่งตอบไป

    “ดี ถ้ามีอะไรก็รายงานเป็นระยะๆหล่ะ” การินบอกไป

    “รับทราบครับท่าน”

     

    ณ ห้องเช่าที่แจนรี่อาศัยอยู่ ในตอนนี้ตัวของเธอยังคงเป็นกังวลว่าจะมีใครมาตามหาเธอหรือเปล่า ไม่นานนัก ตัวของไนซ์เองก็ขี่รถมาถึงห้องเช่าจนได้ แต่เมื่อมาถึง เขาก็เห็นชายกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาในเขตห้องเช่า ไนซ์เองรีบเดินตามพวกมันเข้าไปด้านในทันที แต่ต้องมาเจอกับพวกมันสองคนรอหน้าห้อง

    “เฮ้ย ห้ามเข้าเว้ย!!”

    “ตุ๊บ!!” ไนซ์ต่อยหน้าพวกมันทั้งคู่จนร่วงลง จากนั้นก็รีบเข้าไปในทันที ในตอนนั้น ตัวของเขาก็เห็นพวกมันกำลังข่มขู่ป้าเจ้าของห้องเช่าอยู่ตรงนั้น ก่อนที่ไนซ์จะตะโกนออกไป

    “เฮ้ย ทำอะไรคนแก่วะ??”

    “แล้วมึงเสือกอะไรหล่ะ??” มันถามกลับไป  กกก่อนที่จะรุมทำร้ายไนซ์ในทันที แต่ไนซ์เองก็สวนกลับพวกมันไปทีละคน การปะทะเป็นไปอย่างชุลมุน ป้าคนนั้นรีบหนีออกไป พวกมันพยายามจะรุมเล่นงานไนซ์แต่ทำไม่ได้ 

    “ไอ้ห่าเอ้ย!!” มันคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนที่จะชักปืนออกมาแล้วจะเล็งใส่ไนซ์ แต่ในตอนนั้นเอง

    “ตุ๊บ!!”

    ไม้ปริศนาตีเข้าที่หัวของชายคนนั้นจนร่วงลงกับพื้น ไนซ์เองก็ต่อยมันจนมันร่วงลงกับพื้น ไม่นานนัก พวกเขาทั้งคู่ก็เจอกัน ตัวของไนซ์เห็นหญิงสาวคนนั้นก็ถึงกับดีใจมาก หญิงสาวคนนั้นก็ดีใจไม่ต่างกับเขา

    “แจนรี่!!”

    “คุณคะ!!” ทั้งคู่รีบเข้าโผกอดกันอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่กอดกันและร้องไห้ไปด้วย ราวกับว่าพวกเขากอดกันเป็นครั้งแรก

    “ผมคิดถึงคุณ ผมขอโทษสำหรับทุกอย่าง”

    “ไม่หรอกค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ได้เจอกันอีกก็ถือว่าเป็นบุญของพวกเราแล้วค่ะ” แจนรี่ตอบไป

    “ผมจะไม่จากคุณไปไหนอีกแล้ว ผมสัญญา” ไนซ์พูดขึ้น

    “ต่อให้คุณไม่กลับมา ฉันก็จะรอคุณอยู่ดี” แจนรี่ตอบไป 

    “แจนรี่ ไปกับผมเถอะ เรากลับไปอยู่ด้วยกันนะ” ไนซ์พูดขึ้น

    “ฉันไปแน่ถ้าไปกับคุณค่ะ” แจนรี่ตอบไป ก่อนที่ไม่นาน พวกเขาทั้งคู่ต้องรีบดึงสติกลับมาก่อน จากนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันต่อ

    “พวกนี้มันเป็นใครกันเนี่ย??” ไนซ์ถามไป

    “เหมือนว่าพวกมันจะมาตามตัวฉันค่ะ ฉันได้ยินพวกมันพูดกัน ฉันจำเสียงคุณได้เลยออกมาดู” แจนรี่พูดขึ้น

    “ไอ้แดเนียล นี่มันยังไม่จบอีกเหรอเนี่ย??” ไนซ์ถามไป

    “แล้วคุณจะทำยังไงหล่ะ??”

    “ถ้าเราสองคนต้องหนีไปด้วยกัน คุณพร้อมหรือเปล่าครับ??” ไนซ์ถามไป

    “คุณไปที่ไหนฉันจะไปด้วยค่ะ” แจนรี่พูดขึ้น

    “ถ้างั้นคุณไปเก็บของเถอะครับ” ไนซ์พูดขึ้น แจนรี่เองรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว เธอหยิบทุกอย่างที่หยิบได้ใส่กระเป๋าของเธออย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก เธอก็รีบมาหาไนซ์ในทันที

    “เราต้องไปแล้วหล่ะ พวกมันอาจจะตามมาอีกก็ได้” ไนซ์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็พาแจนรี่ออกไปในทันที ตัวของเขาเจอกับรถของพวกมันที่จอดไว้ด้านหน้า ซึ่งกุญแจยังคาไว้อยู่ด้วย ไนซ์พาแจนรี่ขึ้นรถในทันที จากนั้นก็รีบขับรถออกจากพื้นที่ แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะยังไม่ตาย มันคนหนึ่งรีบลากสังขารขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ในทันทีเพื่อโทรหาใครบางคน

     

    ที่คฤหาสน์ของแดเนียล ในวันนี้ตัวของเขากำลังคุยกับลูกน้องคนสนิทเรื่องคู่แข่งทางธุรกิจ ซึ่งตอนนี้กำลังมีปัญหาอยู่ในภาคอีสาน

    “ตกลงรู้ตัวหรือยังว่าไอ้พวกนี้มันเป็นใคร??” แดเนียลถามไป

    “มันชื่อจอห์น ได้ยินว่าเป็นนักธุรกิจ ตอนนี้มันไปอยู่กับไอ้คามิ ที่ตอนนี้เป็นผู้มีอิทธิพลในภาคอีสานครับ”

    “เฮ้อ มันจะซักแค่ไหนกันเชียว??” แดเนียลถามไป

    “แต่พวกมันเข้มแข็งมากนะครับ มีชาวบ้านไปเข้ากับพวกมันมากมายเลยครับ”

    “แล้วไงหล่ะ พวกนั้นตายไม่เป็นหรือไง แล้วปืนของพวกมึงมีไว้ทำอะไรวะ เงินเราก็มีเยอะแยะ ก็ซื้อพวกมันสิ คนไทยมันซื้อง่ายจะตาย” แดเนียลพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    “นายครับ คนของเราโทรมา พวกนั้นบอกว่าเจอตัวผู้หญิงแล้ว แต่มีผู้ชายคนนึงมาช่วยมันครับ”

    “เฮ้ย อะไรวะ คนมาช่วยมันเหรอ??” แดเนียลถามไป ในตอนนั้นเขาก็หยิบเอาโทรศัพท์ของลูกน้องเขามาคุยเอง

    “เฮ้ย กูส่งพวกมึงไปตั้ง 10 คนนะเว้ย!!”

    “นายครับ แต่ไอ้บ้านี่มันเก่งจริงๆนะครับ เหมือนว่าจะเป็นผัวยัยนั่นด้วยครับ”

    “ห่ะ จริงเหรอวะ ถ้างั้นส่งคนไปตามล่ามัน พวกมันคงไปได้ไม่ไกลหรอก ถ้าทำไม่ได้ ไม่ต้องมาเป็นลูกน้องกู!!” แดเนียลตะโกนออกมา พร้อมกับโยนโทรศัพท์คืนให้ลูกน้องของเขา

     

    ณ เส้นทางแห่งหนึ่งซึ่งเข้าสู่จังหวัดอ่างทอง โคลเวอร์เองพาอาคุมุเดินทางมาเรื่อยๆ ผ่านการปะทะกันระหว่างฝ่ายกรุงเทพและฝ่ายจักรวรรดิไทย ทั้งคู่พากันเดินทางมาเรื่อยๆ จนกระทั่งโคลเวอร์เองเจอเข้ากับปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้ถูกทิ้งร้าง โคลเวอร์เองพาอาคุมุไปในทันที

    “นี่ จะพาไปไหนเนี่ย??” 

    “เข้าไปพักที่ปั๊มน้ำมันก่อนหน่ะลุง” โคลเวอร์พูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนักโคลเวอร์จะพาตัวของอาคุมุเข้าไปในปั๊มทันที ตัวของเธอเมื่อเข้ามาแล้วก็พูดขึ้น

    “ยังเหลือของกินอยู่นะเนี่ย” โคลเวอร์พูดขึ้น

    “งั้นเหรอ มีอะไรกินบ้างหล่ะ??” อาคุมุถามไป

    “มีแซนวิชอยู่ ลุงจะเอามั้ย หนูจะทำให้??” โคลเวอร์ถามไป

    “เอาสิ ปิดประตูที่นี่ก่อนดีกว่า” อาคุมุพูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบล็อคประตูร้านและเอาผ้าม่านมาปิดบังเอาไว้ ส่วนตัวของโคลเวอร์ก็รีบหยิบเอาแซนวิชมาใส่ตะกร้า จากนั้นก็เอาเข้าเครื่องอุ่น และไม่นานนัก ตัวของเธอก็เอาแซนวิชที่เพิ่งอบเสร็จมาให้กับอาคุมุในทันที

    “เอานี่ลุง ลุงจะเอาน้ำอะไร ชาเย็นมั้ย??” 

    “เอาอะไรก็ได้มาเลย” อาคุมุพูดขึ้น จากนั้นก็นั่งพิงกับเคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว ส่วนโคลเวอร์เองก็เอาชาเย็นที่แช่ในตู้มาให้กับอาคุมุ

    “ขอบใจนะ” อาคุมุพูดขึ้นจากนั้นก็หยิบขวดน้ำชามา

    “นี่ ลุงเป็นใครมาจากไหนกันเนี่ย??” โคลเวอร์นั่งถามอาคุมุไป

    “ก็บอกแล้วนี่ว่าฉันเป็นตำรวจ ฉันมาทำงานที่ไทยหน่ะ ว่าแต่เธอเถอะ ลูกเต้าเหล่าใครกัน ทำไมถึงออกมาเตร่คนเดียวหล่ะ??” อาคุมุถามไป ทำเอาโคลเวอร์ถึงกับนิ่งไป

    “โอเค ไม่ถามต่อหล่ะ” อาคุมุพูดจบจากนั้นก็กินต่อ

    “หนูตามหาพ่อแม่หนูหน่ะ” 

    “อ้าว แล้วพ่อแม่เธอหายไปไหนหล่ะ??” อาคุมุถามไป

    “พ่อแม่บอกว่าจะไปเที่ยวเชียงราย แต่หนูคิดว่าท่านคงไม่รอดแล้วหล่ะ” 

    “อ้าว เธอรู้ได้ไงว่าไม่รอดหล่ะ เธอไม่ได้เห็นกับตาซะหน่อย??” อาคุมุถามไป

    “แล้วลุงคิดว่าพ่อแม่หนูยังรอดอยู่เหรอ??”

    “ก็อย่างที่บอก ถ้ายังไม่เห็นกับตาก็อย่าเพิ่งคิดไปเป็นตุเป็นตะสิ ถ้างั้นฉันจะไปตามหากับเธอก็แล้วกัน” อาคุมุพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็กระดกชาเย็นไปจนหมดขวด

    “ขอบคุณมากนะลุง ขอโทษที่หนูพูดไม่ดี”

    “ช่างเถอะ ฉันไม่ซีเรียสอยู่แล้วหล่ะ เธอเองก็ไปหาอะไรกินซะ เดี๋ยวก็หิวอีกหรอก” อาคุมุพูดขึ้น โคลเวอร์เองแอบยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเธอก็เอาอาหรส่วนของเธอมากินบ้าง

    “หนูดีใจนะที่ได้เจอลุง” โคลเวอร์พูดขึ้น

    “เก็บไว้พูดตอนเจอพ่อแม่เธอดีกว่าน่า” อาคุมุตอบไป

     

    กลับมายังเขตหมู่บ้านของชเวฮานา ในตอนนี้กองกำลังของจักรวรรดิไทยเดินทางมายังหมู่บ้านเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง ฮานาพาไมนฮาร์ทเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมหลังหนึ่ง พร้อมกันนั้นก็ชักปืนออกมาด้วย

    “ลุง เอาปืนมาด้วยใช่เปล่า??” ฮานาถามเขาไป

    “เอามา ว่าแต่ทำไมกันหล่ะ??” ไมนฮาร์ทถามไป

    “พวกมันมาค้นหมู่บ้านนี้ว่าพอมีเสบียงอะไรมั้งหน่ะสิ” ฮานาตอบไป

    “แล้วเธอไม่ไปคุยกับพวกมันหล่ะ??” ไมนฮาร์ทถามไป

    “ถ้ามันเห็นฉัน มันจับฉันแน่ หน้าฝรั่งอย่างลุงไม่ต้องพูดถึง มันยิงลุงตายโดยไม่ต้องสืบเลย” ฮานาพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ด้านนอกเองก็เริ่มจะมีปากเสียงกันเล็กน้อย ก่อนที่ไม่นาน ชาวบ้านก็รีบเอาข้าวมรวมกันให้ทหารพวกนั้นในทันที

    “อะไรกันเนี่ย??” ไมนฮาร์ทถามไป

    “พวกมันมาหาเสบียงให้กองทัพของพวกมันหน่ะสิ” ฮานาพูดขึ้น จากนั้นไม่นาน พวกมันก็พากันขนข้าวรวมถึงของบางส่วนขึ้นรถของพวกมัน จากนั้นพวกมันก็พากันขับรถออกไปจากหมู่บ้าน ตอนนั้นฮานาและไมนฮาร์ทก็เดินออกไปด้านนอกในทันที

    “พวกมันมาปล้นที่นี่บ่อยหรือเปล่าเนี่ย??” ไมนฮาร์ทถามไป

    “ก็บ่อยอยู่นะ” ฮานาตอบไป และในตอนนั้นเอง ชาวบ้านคนหนึ่งก็เดินมาหาฮานาอย่างรวดเร็ว

    “คุณฮานาครับ พวกมันเริ่มมาบ่อยขึ้นแล้วนะครับ”

    “ใช่ครับ แบบนี้มันเกินไปแล้วนะครับ”

    “มีข่าวมาว่าพวกมันกำลังทำสงคราม พวกมันคงต้องหาเสบียงเพิ่มหน่ะครับ” ชาวบ้านอีกคนพูดขึ้น

    “แต่ถ้าเกิดว่าเราต้องให้มากกว่านี้ พวกเราอดอยากแน่”

    “เราต้องสู้พวกมันแล้วหล่ะ ใช่มั้ย??” ชาวบ้านคนหนึ่งพยายามปลุกเร้ากลุ่ม

    “เดี๋ยวสิ เราจะเอาอะไรไปสู้กับพวกมันหล่ะ??”

    “ดูเหมือนว่าพวกเราต้องหนีเข้าป่าและสู้กับมันแล้วหล่ะ” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น

    “ทำได้เหรอลุง??” ฮานาถามไป

    “ไม่ยาก แค่เราเข้าป่าและตัดกำลังพวกมัน ชิงอาวุธของพวกมันมา” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น

    “แล้วพวกเราจะสู้มันได้เหรอ??” ชาวบ้านคนหนึ่งถามไป

    “มันก็ต้องลองหล่ะนะ ฉันเองก็เคยเป็นทหาร ฉันพอจะรับมือพวกมันได้” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น

    “เรามีป่าอยู่แถวนี้ ถ้าเราเข้าไป รับรองว่าพวกมันตามเราไม่เจอแน่” ฮานาพูดขึ้น

    “อืม ตอนนี้เรารีบอพยพคนเข้าป่าก่อนดีกว่า ถ้าพวกมันมาเอาเสบียงอีก คราวนี้เราจะวางยาพวกมัน” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น

    “จะลองดูแล้วกันนะลุง” ฮานาพูดขึ้น

    “เอ้ย เราจะเข้าป่า แล้วก็เอาเด็กกับผู้หญิงไปด้วยเหรอครับ??” ชาวบ้านคนหนึ่งถามไป

    “เราไม่มีทางเลือก ต้องลองดูหล่ะ ไม่งั้นก็ตายอยู่ที่นี่” ฮานาพูดขึ้น

    “โอเค ต้องรีบแล้วหล่ะ” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น

     

    ณ ถนนเส้นหนึ่งซึ่งเดินทางลงใต้จากจังหวัดน่าน รถของทิพย์เดินทางไปยังโรงงานแห่งใหม่สำหรับผลิตยาเสพติด ในระหว่างนั้นเองเธอก็โทรหาลูกน้องของเธอเพื่อเช็คความคืบหน้าด้วย

    “เฮ้ยนี่ เรื่องโรงงานเป็นยังไงบ้าง??” ทิพย์ถามไป

    “เรียบร้อยครับเจ๊ ตอนนี้เริ่มเดินเครื่องผลิตแล้ว”

    “เออ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า??” ทิพย์ถามไป

    “ตอนนี้ยังไม่มีครับ แค่คนของเราที่ออกไปขยายพื้นที่ในอุตรดิตถ์หายไปไม่รู้สาเหตุครับ”

    “หายไปไหนของมันวะ แต่มันจะไม่เป็นปัญหาแน่นะ??” ทิพย์ถามไป

    “ไม่น่าเป็นครับเจ๊”

    “เออ ถ้าไม่เป็นฉันจะได้ไม่ต้องกังวล แล้วพวกแกจะได้ทำงานง่ายๆหน่อย” ทิพย์พูดจบก็วางสายไป

    “เจ๊ครับ เราใกล้จะถึงแล้วครับ” คนขับของเธอพูดขึ้น

    “เออ ดี จะได้รีบดูรีบกลับ” ทิพย์ตอบกลับไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในจังหวัดลำพูน รถทหารที่พาการินเดินทางมาที่เขตด้านล่างของจังหวัดก็จอดรถไว้ที่ไหนซักแห่ง การินเองที่งีบหลับอยู่ก็ตื่นขึ้นมา

    “เออ อะไรครับ??” การินถามไป

    “เราต้องลงแล้ว ดูเหมือนว่าพวกข้าศึก..” แต่ยังไม่ทันที่ทหารจะพูดจบ ในตอนนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้น

    “ตู้ม!!”

    “เฮ้ย ข้าศึก ไปเร็ว!!” ทหารตะโกนออกมา การินที่เห็นตอนนั้นก็รีบลงจากรถและวิ่งออกไปในทันที ในขณะที่ระเบิดก็ตกใส่พื้นที่ของพวกเขามากขึ้น

    “เฮ้ย ไอ้น้อง กลับมา!!” ทหารคนหนึ่งตะโกนออกมา แต่การินเองทำเป็นไม่ได้ยิน จากนั้นเขาก็รีบวิ่งเข้าไปหลบในซอยแห่งหนึ่ง 

    “ตู้ม!!”

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    เสียงปืนเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง การินเองพยายามหาที่หลบเพื่อป้องกันตัวเอง จนแล้วจนรอด ตัวของเขาก็รีบวิ่งไปหลบในกระท่อมเล็กหลังหนึ่งแถวนั้น ซึ่งมันเป็นที่ของพวกไร้บ้าน

    “เฮ้อ เกือบไปแล้ว” การินพูดขึ้นพลางถอนหายใจ

    “ตู้ม!!”

    “บ้าเอ้ย จะอะไรนักหนาวะเนี่ย??” การินพูดขึ้น และไม่นานนัก ตัวของเขาก็เกิดหิวขึ้นมา เขารีบหาของในเป้ที่เขาเอาติดมาด้วย จากนั้นก็หยิบขนมปังมากิน

    “ง้ำๆๆ” การินรีบกินมันในทันที ท่ามกลางเสียงปืนเสียงระเบิดที่ดังขึ้นต่อเนื่อง

     

    กลับมายังค่ายของกองกำลังเผยแผ่ศาสนา ในตอนนี้ตัวของอัลดริชเองก็กำลังนั่งสวดมนต์อยู่ในห้องสวดมนต์ที่อยู่ด้านล่าง และไม่นานนัก ตัวของเขาก็เดินออกไปในทันที โดยที่ฟิลิปและเมดิเยอก็รออยู่ด้านนอกแล้ว

    “อ้าว พวกนายสองคน มาสวดมนต์ด้วยเหรอ??” อัลดริชถามไป

    “อ้อ ผมสวดไปแล้วครับท่าน” ฟิลิปตอบไป

    “ว่าแต่ มีอะไรหล่ะ ว่ามาเลย??” อัลดริชถามไป

    “เราส่งคนของเราออกไปทั่วประเทศแล้วครับ” เมดิเยอตอบไป

    “เออ เมดิเยอ แล้วมีปัญหาอะไรหรือเปล่า??” อัลดริชถามไป

    “ตอนนี้โดยรวมยังไม่มีครับ” เมดิเยอตอบไป

    “ไม่น่าเชื่อนะครับว่าจะง่ายขนาดนี้” ฟิลิปพูดขึ้น

    “อย่าเพิ่งไว้ใจเลย ยังไงก็รอดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วกัน” อัลดริชบอกกับทั้งคู่ไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารชุดขาวคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับอัลดริชอย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ ตอนนี้มีกลุ่มโจรมาก่อกวนรอบเขตของเราครับ!!”

    “ถ้างั้นก็ส่งพวกเราไปจัดการมัน ให้พวกมันได้ลิ้มรสพลังของพระเจ้าหน่อย!!” อัลดริชออกคำสั่ง

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ เขตป่าแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของจังหวัด นาตาชาเองขับรถฝ่ากองกำลังของจักวรรดิไทยมาเรื่อยๆ เธอขับเข้าไปในป่าตามทางเรื่อยๆ ไม่นานนัก ตัวของเธอก็เห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังเหม่อลอยเดินไปเดินมา เมื่อพวกเขาเจอกับนาตาชา พวกเขาก็พูดพร้อมกัน

    “ท่านกำลังรอเจ้าอยู่!!”

    นาตาชาได้ยินดังนั้นก็รีบขับรถเข้าไปในป่าต่อ ตัวของเธอมองเห็นกลุ่มชาวบ้านพากันเดินไปเดินมาตลอดทาง ไม่นานนัก รถของเธอก็มาจอดบริเวณลานกว้างแห่งหนึ่งในป่า ซึ่งรอบข้างมีต้นไม้อยู่มากมาย แต่ที่ลานกว้างนั้นมีคริสตัลสีฟ้าขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ โดยที่ชายในชุดดำถือไม้เท้ากำลังยืนแตะคริสตัลนั้นจนมันเปล่างแสงสีเหลือสลับกับสีฟ้าออกมา นาตาชาเองไปนั่งคุกเข่าต่อหน้าชายคนนั้น

    “ท่านนักบวชมารผู้ยิ่งใหญ่..”

    “ข้าสัมผัสได้ว่าจะมีศัตรูจะมาทำลายพวกเรา หน้าที่ของเธอคือไปจัดการกับมันเสีย”

    “ข้ารับทราบเจ้าค่ะ” นาตาชาตอบไป จากนั้นตัวของเธอก็เดินออกไปในทันที ส่วนตัวของนักบวชมารคนนั้นก็ยังคงแตะคริสตัลต่อไป ปากก็พึมพำอะไรออกมาด้วย

    “ข้าเห็นแล้ว ข้าเห็นแล้ว..”

     

    ณ ห้างสรรพสินค้าของเจมส์ ในโกดังเก็บสินค้าของเขา ซึ่งในตอนนี้มีรถบรรทุกกลุ่มหนึ่งขับมาเติมสินค้าอยู่เรื่อยๆ โดยที่ตัวของเจมส์นั้นเป็นคนที่มาควบคุมเอง พร้อมกันนั้นเขาก็ตรวจเช็คของตามที่แต่ละฝ่ายได้สั่งซื้อจากเขา แต่ไม่นานนัก เขาก็พบความผิดปกติอะไรบางอย่างขึ้นมา

    “เอ้ย แล้วของจากอ่างทองยังไม่มาเหรอ??” เจมส์ถามไป

    “เออ ความจริงมันน่าจะต้องมาแล้วนะครับป๋า”

    “อืม ยังไงก็ฝากดูหน่อยแล้วกัน” เจมส์ตอบไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็วและรายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    “ป๋า แย่แล้ว โกดังสินค้าของคนที่เราติดต่อด้วยโดนปล้นครับ!!”

    “ห่ะ งั้นก็หมายความว่า ของที่ฉันสั่งก็..” เจมส์ยังพูดไม่ทันจบ ลูกน้องของเขาก็พยักหน้าให้

    “ห่าเอ้ย ไม่น่าไปสั่งซื้อของจากไอ้บ้านั่นเลย!!” เจมส์ตะโกนออกมา

    “แล้วเราจะเอายังไงดีหล่ะครับป๋า??”

    “เออ แต่ยังดีที่ตอนนี้ของที่เราต้องส่งให้กับลูกค้าของเราได้ครบตามที่ต้องการแล้ว คงต้องหาเจ้าใหม่แล้วหล่ะ” เจมส์พูดขึ้น

    “ถ้าจะหา ผมว่าหาในภาคอีสานดีกว่าครับ ที่นั่นน่าจะปลอดภัยกว่า แถมยังเชื่อมต่อกับกัมพูชาและเวียดนาม ที่ตอนนี้กำลังเริ่มค้าขายกันด้วยครับ” ลูกน้องคนหนึ่งของเจมส์พูดขึ้น

    “เออ แล้วแกจะติดต่อได้เหรอ??” เจมส์ถามไป

    “พอจะทำได้อยู่ครับป๋า”

    “เออ รีบจัดการแล้วกัน ตอนนี้รีบส่งของก่อนเถอะ” เจส์ตอบกลับไป

     

    ณ เมืองที่ตัวขององค์หญิงและโทรุเข้ามาหาที่พัก ไม่นานนัก พวกเธอทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ซึ่งดูภายนอกก็เป็นอพาร์ทเม้นท์ธรรมดาๆ โทรุขับรถเข้ามาในอพาร์ทเม้นท์นั้นในทันที

    “คืนนี้เราพักที่นี่กันก่อนนะคะ” โทรุพูดขึ้น และองค์หญิงก็ใช้ภาษามือกับเธอต่อ

    “อืม เธอเหนื่อยมามากแล้ว พักก่อนเถอะ” องค์หญิงพูดขึ้น ก่อนที่พวกเธอจะจอดรถ จากนั้นพวกเธอทั้งคู่ก็พากันเข้าไปในอพาร์ทเมนท์ทันที ซึ่งด้านในมีพนักงานรออยู่

    “ห้องละ 1000 ค่ะ กี่ห้องคะ??” พนักงานถามไป

    “2 ห้อง ขอติดกันค่ะ” โทรุตอบไป จากนั้นพนักงานก็ให้กุญแจกับเธอในทันที

    “นี่ค่ะ พักให้สบายนะคะ” พนักงานพูดจบ โทรุก็หยิบกุญแจมา และให้เงินกับพนักงานไป จากนั้นก็พาองค์หญิงขึ้นไปที่ชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องของพวกเธอทั้งคู่ในทันที

    “องค์หญิง ที่นี่น่าจะมีอะไรแปลกๆนะคะ” โทรุพูดขึ้น ก่อนที่องค์หญิงจะตอบไป

    “ถ้าอย่างงั้นคืนนี้เรานอนด้วยกัน ฉันว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ” องค์หญิงตอบกลับไป

     

    กลับมายังหมู่บ้านที่กลุ่มของวินกำลังพักผ่อนอยู่ ในระหว่างที่พวกเขากำลังพักผ่อนอยู่นั้น แอนนาและซาซ่าก็รีบวิ่งกลับมาที่หมู่บ้านที่พวกเขาอยู่ กลุ่มของวินทุกคนได้ยินเสียงก็ลุกขึ้นมาดู และเมื่อเห็นว่าเป็นแอนนาและซาซ่า พวกเขาก็รีบวิ่งมารวมตัวหาเธอในทันที

    “อ้าว คุณแอนนา มีอะไรครับ??” วินถามไป

    “มีกองกำลังชุดดำมาที่นี่ น่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบได้” แอนนาพูดขึ้น

    “เอ้ย แค่ 50 เราสู้ได้สบายอยู่แล้ว!!” ไอ้หมูป่าพูดขึ้น

    “นี่ นายสู้ไปคนเดียวเถอะ” ซูหยินตอบกลับไป

    “แน่เราจะเสียเปรียบหนักแน่ๆ เราต้องหนีแล้วหล่ะ” ฟรีพูดขึ้น

    “แล้วถ้าเกิดว่าเราซุ่มอยู่ตามป่า แล้วเก็บพวกมันไปทีละคนหล่ะ??” รินถามไป

    “พวกมันเป็นทหาร ไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอก” โรสพูดปรามไป

    “แปลว่าเราต้องหนีสินะ” เวย์พูดขึ้น

    “ถ้าไม่อย่างงั้น เราก็คงต้องดูท่าทีของพวกมันไปก่อน” เมตพูดขึ้น

    “ถ้างั้นเราจะเล่นกันแบบนี้นะ เราจะเข้าไปซุ่มดูพวกมันในป่า ดูว่าพวกมันจะเอายังไงต่อ ถ้ามีโอกาสก็เก็บพวกมันซะ” ไนอาลาพูดไป

    “จริงด้วย เป็นความคิดที่ดีนะคะ” ซาซ่าพูดเสริม

    “โอเคครับ ถ้างั้นเราคงต้องลองดูกันหน่อย” วินบอกกับทุกคนไป

    ====================================================================

    ในตอนนี้กองกำลังจักรวรรดิไทยกำลังตามล่าพวกเขาแล้ว เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า 

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×