คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 5 : พันธมิตร
หลังจากที่ซีโร่วิ่งมาเรียกตัวนาวินและดันเต้ที่กำลังคุยกัน ทั้งคู่รีบเดินมาตามที่ซีโร่บอกอย่างรวดเร็ว ซึ่งในตอนนั้นคนอื่นๆก็กำลังรออยู่แล้ว นาวินได้เห็นดังนั้นจึงได้สอบถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น
“อ่า มีอะไรกันเหรอทุกคน มารวมตัวกันทำไมเหรอ??”
“อ้อ คุณภาภินเขาบอกให้เรียกทุกคนมารวมตัวกันหน่ะครับ” ซีโร่พูดขึ้น
“คือ ผมดักฟังการติดต่อทางวิทยุ ตอนนี้หน่วยที่ตามล่าพวกเรา มันกำลังจะไปจัดการแก๊งค์ของนายสุชัยที่เขตคลองหก ปทุมธานีครับ” ภาภินพูดขึ้น
“นี่ พวกมันกำลังจะเอาตำรวจไปจับคนพวกนั้นเหรอคะ??” ลาลินถามอย่างสงสัย
“มันไม่กล้าเอาตำรวจไปหรอก ก็คงจ้างกองกำลังนอกเครื่องแบบไปหน่ะ” โจไซอาห์พูดขึ้น
“แล้วเราจะเอายังไง จะไปช่วยคนพวกนั้นงั้นเหรอ??” อากิระถามในขณะที่กอดอกไปด้วย
“ก็ต้องไปช่วยสิ อย่างน้อยก็เป็นการบั่นทอนกองกำลังของพวกมันได้” ลันโทสพูดขึ้น
“แล้วเราจะไปยังไงครับ จากหนองจอกไปคลองหกนี่ก็ไม่ใช่ใกล้ๆเลยนะ” นายลืมพูดพลางนั่งเซงอยู่แถวนั้น
“โห นึกอยากจะจำอะไรได้ก็จำได้นะแกเนี่ย??” โลร็องต์พูดขึ้น
“เอาน่า นายก็อย่าไปเอาอะไรกับมันมากเลย” ลุ้นพูดและแตะไหล่โลร็องต์ไป
“อ้อ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันมีโดรนไฟฟ้าสำหรับขนส่ง ฉันส่งพวกนายไปที่นั่นได้” ดันเต้พูดขึ้น
“ว่าแต่ กองกำลังของพวกมันที่เราต้องเจอ เป็นพวกไหนกันหล่ะ??” เวียนถามไป
“ก็คงจะเป็นพวกกุ๊ย นักเลง ฆาตกรที่พวกมันจ้างมาหล่ะมั้ง??” ฮารุตั้งข้อสงสัยไป
“มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ เพราะนั่นมันเป็นภารกิจนอกกฎหมาย มันต้องจ้างคนพวกนี้เป็นธรรมดา” อินเนสซ่าพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น เราก็จัดการพวกมันได้สบายหน่ะสิ ไม่ผิดกฎหมาย ใช่หรือเปล่า??” ลูโดวิกถามไป
“อืม ถ้าอย่างงั้น เราจะไปจัดการกับพวกมันหน่อย เราจะตอบโต้พวกมันเพื่อบอกให้พวกมันรู้ว่า พวกเราจะไม่ยอมให้พวกมันตามล่าฝ่ายเดียวหรอก” นาวินพูดขึ้น
“ดีเลยลูกพี่ ผมเอาด้วยอยู่แล้ว!!” โลร็องต์บอกอย่างตื่นเต้น
“แต่ก่อนอื่น เราต้องมีแผนก่อนว่าจะทำยังไง” ลูโดวิกพูดเตือนสติทุกคน
“อืม พวกมันคงจะต้องบุกตอนกลางคืนแน่ๆ ภาภิน ได้เรื่องอะไรหรือเปล่า??” ลันโทสถามไป
“อ้อ พวกมันบอกว่าจะโจมตีช่วงเช้ามืดครับผม มันจะเอาอาวุธไปเต็มอัตราศึกด้วยครับ” ภาภินพูดขึ้น
“ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการโจมตีสินะครับ” ซีโร่พูดขึ้น
“ผมว่านะ เราลุยกับพวกมันให้เละไปเลยก็สิ้นเรื่อง” อากิระพูดขึ้น
“เย็นไว้พวก เรายังไม่รู้เลยว่าอุปกรณ์ของพวกมันมีอะไรบ้าง” ฮารุพูดปรามไป
“เสียดาย ที่พวกมันติดต่อกันทางวิทยุ ไม่มีการลงข้อมูลเอาไว้เลย” เวียนพูดขึ้น
“แล้วที่นี้หล่ะ เราจะทำยังไงกันต่อ พอจะมีแผนหรือเปล่า??” อินเนสซ่าถามไป
“ผมว่า เราปล่อยให้คนพวกนั้นเข้าปะทะกันก่อนดีกว่า รอให้พวกมันพะวะพะวง แล้วโจมตีมันจากด้านหลังไปเลย” นาวินพูดขึ้น
“อืม เมื่อกี้เราจะรบกับใครกันนะ??” นายลืมพูดขึ้น ทำเอาทุกคนถึงกับปวดประสาทไป
“นี่ ลุง อย่าเอาหมอนี่ไปเลยนะคะ ไม่งั้นเราตายหมดแน่” ลาลินพูดขึ้น
“เข้าใจแล้วหล่ะ ภาภิน นายอยู่ที่นี่ คอยติดต่อเราเพื่ออัพเดทข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนที่เหลือ พอจะลุยกับพวกมันได้ก็ลุยเลย” ดันเต้พูดขึ้น
“อีกซักพักก็คงจะเช้ามืดแล้ว เอายังไงต่อดีหล่ะ??” โจไซอาห์ถามไป
“ก็เตรียมอาวุธกันก่อนครับครับแหม่” นายลุ้นพูดขึ้น
“โอเคครับ ผมว่าเราเตรียมของกันก่อนดีกว่า กว่าจะเตรียมเสร็จก็คงจะออกเดินทางพอดีครับ” นาวินพูดขึ้น
“ได้เลยครับ ถ้าอย่างงั้นเชิญทางนี้เลยครับ!!” ดันเต้บอกกับทุกคน จากนั้นก็รีบพาทุกคนไปยังห้องเก็บอาวุธอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาก็รีบชาร์จไฟอุปกรณ์รวมถึงปืนของพวกเขา มีอากิระคนเดียวที่ไม่ค่อยอยากใช้อุปกรณ์ของดันเต้เท่าไหร่ ในตอนนั้นตัวของนาวินก็หยิบเอาเสื้อเกราะของดันเต้มาให้กับเขาอย่างรวดเร็ว
“เอาไปหน่อย เผื่อช่วยนายได้นะ” นาวินพูดขึ้นพลางแตะไหล่อากิระ อากิระทำท่าเซงเล็กน้อยแต่ก็ใส่เกราะที่นาวินให้ไป ในระหว่างที่พวกเขากำลังเตรียมตัว หุ่นดรอยด์ตัวหนึ่งก็เดินเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็วเพื่อมาคุยด้วย
“ขออนุญาตครับ โดรนของเราพร้อมแล้วครับ!!”
“เอาหล่ะ ผมจะไปกับพวกคุณด้วย ภาภิน ประจำที่เครื่องของนายไว้ แล้วฉันจะติดต่อไป” ดันเต้พูดขึ้น ภาภินพยักหน้าจากนั้นก็รีบไปนั่งประจำที่เครื่องของเขา
“เอาหล่ะครับ พวกเราไปกันเถอะครับ” นาวินบอกกับทุกคนไป
ณ ที่ไหนซักแห่งในเขตคลองหก ช่วงเช้ามืดซึ่งแทบจะยังไม่มีใครตื่นขึ้นมา ยานบินไร้เสียงประมาณ 3 ลำได้บินไปยังเป้าหมายซึ่งเป็นตึกแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางทุ่งนา ยานบินลำนั้นได้พาบรรดาเจ้าหน้าที่นักล่าผู้เกิดใหม่มาด้วย โดยที่ฮาเวิร์ดเป็นผู้นำทีม ตัวของฮาเวิร์ดได้วิทยุติดต่อกับหน่วยรบของเขาอย่างรวดเร็ว
“กองกำลังภาคพื้น รายงานสถานการณ์ด้วย”
“อีก 10 นาทีจะถึงเป้าหมายครับ!!” เสียงของวิทยุตอบกลับมา
“เอาหล่ะทุกคน เป้าหมายของเรา นายสุชัย เราเชื่อว่ากลุ่มของมันเข้มแข็งที่สุด ถ้าเราจัดการได้ เราจะบั่นทอนกำลังผู้เกิดใหม่ของพวกมันไปได้มากโขเลย” รูกี้พูดขึ้นพลางหยิบปืนของเขามาควงไปด้วย
“หลังจากที่จัดการได้หนึ่ง ก็เหลืออีกแค่ 4 ที่เราต้องจัดการ” เวอร์รีนพูดขึ้น
“เมื่อไหร่คุณคริสเตียลจะมากันนะ เราจะได้มีอุปกรณ์ที่มากกว่านี้” รูกิถามไป
“อะไรกัน อุปกรณ์เยอะขนาดนี้ยังไม่พอเหรอครับ นี่มันก็จะก่อสงครามกลางเมืองได้แล้วนะครับ??” จ่าชัยถามไป
“จะลุยกับพวกที่ไม่ใช่มนุษย์ แค่นี้ไม่พอหรอกค่ะ” กาลีน่าพูดขึ้น
“ต้องลุยกับไอ้พวกชั้นต่ำเท่านั้นเนี่ยนะ ไม่สนุกเลยหว่ะ” วูฟพูดขึ้น
“ไอ้พวกที่บอกว่าชั้นต่ำ ขอให้นายจัดการให้หมดนะ” แสงจันทร์พูดขึ้นพลางใส่กระสุนปืนของเขา
“กำลังของพวกมันมีราว 5 ร้อยคน แต่ส่วนใหญ่ใช้คนธรรมดาจัดการไม่ได้ เราต้องใช้ปืนพิเศษทำให้มันหยุด” ยูริพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง นักบินก็พูดกับทุกคนในทันที
“อีก 5 นาทีถึงเป้าหมายครับ!!”
ยานบินของพวกเขาเดินทางเข้าใกล้ตึกหลังนั้นเรื่อยๆ จนพวกเขาเห็นมันซึ่งตั้งอยู่ใจกลางท้องนา มันเป็นตึกเก่าซึ่งถูกทิ้งร้าง และด้านล่าง เมื่อคนที่อยู่ด้านล่างเห็นยานบิน พวกนั้นก็ถึงกับตกใจและแตกตื่นกันไปคนละทาง
“เห็นเป้าหมายแล้ว ยิงได้!!”
“ปังๆๆๆๆๆ”
กระบอกปืนของยานบินได้สาดกระสุนใส่ตึกหลังนั้นอย่างดุเดือด คนที่อยู่ด้านล่างบางส่วนพยายามจะยิงตอบโต้ยานบินนั้น แต่ดูเหมือนว่าจะทำอะไรไม่ได้เลย และในตอนนั้น กลุ่มคนจากด้านล่างก็รีบกระโดดและเหาะขึ้นมาหมายจะจัดการกับยานบิน ทำเอาพวกเขาที่อยู่บนยานถึงกับแปลกใจ
“โห นี่คงจะเป็นรังของพวกเกิดใหม่จริงๆด้วยแหะ” วูฟพูดขึ้น
“จ่าชัย โร่ว์ กาลีน่า จัดการได้เลย!!” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น จากนั้นทั้งสามคนก็รีบชักอาวุธออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยิงใส่พวกผู้เกิดใหม่ที่พยายามจะเหาะเข้ามาใกล้ยานของเขา
“โร่ว์ ไปยิงทางด้านนั้น เร็ว!!” จ่าชัยตะโกนออกมา ทำเอาแสงจันทร์ถึงกับควงปืนลูกโม่ไปยิงอีกทาง ส่วนกาลีน่าก็เล็งปืนดรากูนอฟของเธอส่องพวกมันไปทีละคน
“พวกมันบินเร็ว ระวังกันด้วยหล่ะ!!” กาลีน่าบอกกับทุกคนไป
“แล้วนี่ กำลังภาคพื้นของเราอยู่ที่ไหนแล้วหล่ะ??” ยูริถามไป จากนั้นไม่นาน เวอร์รีนก็รีบไปติดต่อวิทยุในทันที
“พวกนายอยู่ที่ไหนกันแล้ว??”
“อีก 1 นาทีจะถึงแล้วครับผม!!”
“บอกไปเลยว่าถ้าถึงแล้ว จู่โจมทันที ใช้หุ่นดรอยด์นำร่องไปก่อนเลย!!” รูกิตะโกนออกไป
“ไอ้พวกแมลงวันน่ารำคาญเอ้ย!!” รูกี้พูดพลางยิงปืนใส่พวกมันที่กำลังบินมา และในขณะเดียวกัน วูฟก็แปลงร่างเป็นหมาป่า จากนั้นก็กระโดดเกาะผู้เกิดใหม่ที่บินได้ตัวหนึ่ง จนมันถึงกับร่วงลงพื้นอย่างรวดเร็ว
“ไอ้บ้านั่นทำอะไรของมันวะ??” ยูริถามไป
“ปล่อยมันเถอะครับ ตอนนี้เรารีบลงจอดดีกว่า” แสงจันทร์พูดขึ้น ซึ่งในตอนนั้นวูฟกระชากผู้เกิดใหม่คนนั้นลงไปกับพื้น จากนั้นก็ใช้มือควักเอาหัวใจของมันออกมาอย่างรวดเร็ว
“ง่ำๆๆๆๆ!!”
วูฟกินหัวใจดวงนั้นอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก กองกำลังภาคพื้นก็เดินทางมาถึง พวกเขารีบลงจากรถแล้วแยกย้ายกันไปจัดการในแต่ละส่วนของตึก และไม่นาน ยานบินของฮาเวิร์ดก็ลงจอดตาม จากนั้นฮาเวิร์ดก็สั่งให้กองกำลังของพวกเขารีบบุกเข้าไปในตึกอย่างรวดเร็ว
อีกด้านหนึ่งของพื้นที่ ยานบินของดันเต้ได้เดินทางมายังพื้นที่การรบตามที่พวกเขาได้รับข้อมูลมา ในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทาง พวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาแต่ไกลด้วย ทำให้พวกเขาถึงกับรู้เลยว่าในตอนนี้เกิดอะไรขึ้น
“พี่ พวกพี่ต้องรีบแล้ว ผมได้ยินมันวอคุยกัน มันกำลังจะบุกไปในตึกแล้ว!!” ภาภินพูดกับคนอื่นๆผ่านทางวิทยุสื่อสาร
“คิดดีแล้วเหรอเอาไอ้บ้านี่มากับเราด้วย??” โลร็องต์ถามในขณะที่ชี้ไปยังนายลืม
“เอาเหอะ มองในแง่ดี เอามันไปกลางวง ให้พวกมันลืมสิ่งที่ทำ” นายลุ้นพูดขึ้นพลางสับไพ่ของเขาไป
“ถ้าเราไปถึงแล้ว เราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” ฮารุถามไป
“ก็ลุยกับพวกมันให้เละเลยสิ!!” อากิระพูดขึ้น
“ใจเย็นสิจ๊ะ เอะอะก็จะลุยอย่างเดียวเลยนะแหม่” เวียนพูดขึ้น
“เอาหล่ะ วัดจากกำลังของมันแล้ว มันน่าจะมีไม่เกิน 1 ร้อยคนได้ ไม่ต้องห่วงหรอก” โจไซอาห์พูดขึ้น
“แต่ต้องระวังคนที่มีดวงเพชฌฆาตด้วย พวกมันสามารถฆ่าเราได้” ดันเต้พูดขึ้น
“นี่ พวกคุณนินทาอะไรผมหรือเปล่าครับ??” นายลืมพูดมาแบบซื่อๆ
“โธ่ไอ้น้อง เขาเลิกคุยกันทั้งนานแล้ว!!” ลันโทสพูดพลางเกาหัว
“อย่าคิดมากเลยครับ อย่างน้อยก็ไม่เป็นภาระเรานี่” ซีโร่พูดขึ้นพลางเตรียมอาวุธของเขา
“เมื่อไหร่จะถึงซะทีเนี่ย เสียงปืนก็ดังใกล้เข้ามาแล้ว??” ลูโดวิกถามไป
“แล้วนี่เราจะเอายังไงต่อดีคะเนี่ย??” ลาลินพูดอย่างกลัวๆ
“ถ้าอย่างงั้นก็อยู่หลังพี่ไว้นะ” อินเนสซ่าบอกไป และในตอนนั้นเอง
“อีก 1 นาทีถึงเป้าหมายครับ เราเจอโดรนยักษ์ที่กำลังใกล้เข้ามา 3 ลำครับ!!” หุ่นดรอยด์ตัวหนึ่งพูดขึ้น และไม่นานนัก โจไซอาห์ก็รีบกระโดดออกจากยานอย่างรวดเร็ว พร้อมกับแปลงร่างเป็นครุฑเพื่อไปจัดการกับโดรนพวกนั้น
“อย่าเสียเวลาเลยครับ ลุยเลย!!” นาวินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทุกคนก็รีบลงจากยานอย่างรวดเร็ว แล้วรีบวิ่งไปเข้าไปปะทะกับกองกำลังที่อยู่ด้านล่าง
“เฮ้ย ข้าศึกบุก!!”
พวกมันพยายามยิงสกัดพวกของนาวิน แต่ก็ไม่เป็นผลมากนัก นาวินใช้พลังของชุดของเขาวิ่งฝ่ากระสุนของพวกนั้นเข้าไป จากนั้นก็ต่อยมันคนหนึ่งจนกระเด็น
“ตุ๊บ!!”
มันคนหนึ่งกระเด็นออกไปไกล จากนั้นนาวินก็ชักปืนออกมายิงพวกมันต่อ ส่วนอากิระวิ่งเข้าไปกระโดดเตะมันคนหนึ่ง จากนั้นก็ชักปืนออกมายิงมันอย่างดุเดือด ส่วนฮารุก็ยิงยิงลูกไฟใส่ทหารพวกนั้นจนไฟลุกท่วมตัวและทรมานมาก ส่วนเวียนก็ใช้พลังของเธอปล่อยใส่พวกมัน รวมถึงวิ่งเข้าไปใกล้มันคนหนึ่งและกุมสมองของมันเอาไว้ และไม่นาน ชายคนนั้นก็ถูกเวียนสะกดจิต และวิ่งไล่ยิงพวกมันกลับไป ลาลินเธอหยิบระเบิดพิษปาใส่พวกนั้นจนพวกมันถึงกับขาดอากาศไป ลันโทสใช้พลังแม่เหล็กของเขาดึงปืนของพวกมันมาแล้วไล่ยิงพวกมันต่อ โดยที่ซีโร่ก็คอยช่วยยิงสนับสนุนด้วย ดันเต้ใช้พลังน้ำแข็งหยุดรถหุ้มเกราะที่กำลังวิ่งเข้ามาได้ในพริบตา นายลืมวิ่งเข้าไปกลางวงข้าศึก ทำให้พวกข้าศึกถึงกับหยุดนิ่งทำอะไรไม่ถูกและยืนงงกันอยู่แถวนั้น ทำให้อินเนสซ่าที่แปลงร่างเป็นนาคก็ใช้หางปัดพวกมันออกไป โลร็องต์และลูโดวิกช่วยกันวิ่งไปปาดคอพวกนั้นทีละคน ส่วนลุ้นก็หยิบไพ่ของเขาออกมา และได้ไพ่ “JAMMED!!” และไม่นานนัก ปืนของพวกมันทั้งหมดก็ขัดลำกล้องและยิงไม่ออก ทำให้พวกเขาสามารถจัดการได้ง่ายขึ้น ส่วนโจไซอาห์ซึ่งจัดการกับโดรนของข้าศึกเสร็จแล้ว ตัวของเขาก็กลับมาหาคนอื่นๆอย่างรวดเร็วและกลายร่างกลับเป็นมนุษย์ จากนั้นก็รีบหยิบช็อคโกแลตเพิ่งพลังออกมากินอย่างรวดเร็ว หลังจากที่กลุ่มของนาวินมาถึง ฮาเวิร์ดและทหารส่วนหนึ่งที่พยายามจะบุกเข้าไปในตึกก็รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
“ทุกคน มีข้าศึกมาโจมตีทางด้านหลัง เปลี่ยน!!” ฮาเวิร์ดติดต่อหน่วยของเขาทางวิทยุ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรตอบสนอง ทำเอาฮาเวิร์ดถึงกับหัวเสีย เพราะดูเหมือนว่าภาภินจะตัดสัญญาณการสื่อสารของพวกเขาบริเวณนั้นไปทั้งหมด
“พวกเรา ไปสกัดมันไว้ก่อน เร็ว!!”
ฮาเวิร์ดตะโกนออกมา จากนั้นคนอื่นๆก็รีบออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว วูฟที่เห็นพวกของนาวินกำลังสู้กับทหารของพวกเขาก็รีบพุ่งเข้าไปโจมตีอย่างรวดเร็ว วูฟกระโดดใส่โจไซอาห์ที่กำลังหมดแรง แต่ดันเต้ก็แช่แข็งขาและแขนของมันไว้ก่อน แต่มันก็ดิ้นจนหลุดออกมาได้
“มาก็ดีแล้ว มาให้กูกินหัวใจซะดีๆ!!” วูฟพูดออกมา จากนั้นมันก็จะพุ่งตรงใส่อินเนสซ่าอย่างรวดเร็ว
“หยุดนะเว้ย มึงมาเจอกับกูสิ!!” โจไซอาห์ตะโกนตอบกลับ จากนั้นก็แปลงร่างกลับเป็นครุฑอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เข้าตะลุมบอนกับวูฟอย่างรวดเร็ว
“หมาป่างั้นเหรอ น่าสนุกนี่!!” อินเนสซ่าพูดต่อ จากนั้นเธอก็กลายร่างเป็นพญานาคต่อ จากนั้นก็พุ่งเข้าจู่โจมวูฟ แต่วูฟตอนนี้ซึ่งได้พลังการเหาะเหินเดินอากาศได้จากการกินหัวใจของผู้เกิดใหม่ก็ทำให้รับมือกับทั้งคู่ได้สูสี
“พวกพี่เขาจะสู้ได้หรือเปล่าคะเนี่ย??” ลาลินถามอย่างสงสัย
“อย่าเพิ่งห่วงเลย พวกมันมาแล้ว!!” ฮารุตะโกนออกมา จากนั้นไม่นานกลุ่มของฮาเวิร์ดก็ตามลงมาดูที่ด้านล่าง จากนั้นพวกเขาก็สาดกระสุนใส่พวกเขาอย่างรวดเร็ว ทำเอาพวกเขาต้องรีบหาที่หลบกันให้วุ่น มีแต่ลุ้นเท่านั้นที่ดูเหมือนจะขยับร่างกายไม่ค่อยได้เพราะติดขัดอะไรบางอย่าง นายลืมเห็นดังนั้นจึงกระชากลุ้นให้กลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หมอนั่นจะโดนยิงจนพรุน
“ขอบใจมากเว้ยที่ช่วยฉัน” นายลุ้นพูดขึ้น
“เอ๊ะ ฉันช่วยนายด้วยเหรอ??” นายลืมถามไป ทำเอานายลุ้นถึงกับส่ายหน้า
“นั่นมันไอ้พวกที่เคยตามล่าเรานี่ มันกลับมาอีกแล้ว!!” นาวินพูดขึ้น จากนั้นก็ชักปืนออกมาแล้วยิงสวนพวกนั้นกลับไป ทำเอาพวกนั้นถึงกับหาที่หลบบ้าง กาลีน่าเห็นท่าไม่ดีเลยรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนตึก จากนั้นก็เล็งสไนเปอร์ของเธอยิงใส่พวกของนาวินแบบที่ไม่ยอมให้โงหัวขึ้นมาเลย
“เราต้องแยกกันไปจัดการ เรามีเยอะกว่ามัน ไม่ต้องกลัวไปหรอก ลาลิน!!” นาวินตะโกนออกมา จากนั้นลาลินก็ปาระเบิดควันซึ่งสกัดจากกลิ่นเฉพาะของเธอทำให้ควันดูหนาขึ้น พวกของฮาเวิร์ดเห็นควันพวกนั้นจึงสั่งให้ลูกน้องของเขาใส่กล้องสำหรับมองผ่านควัน แต่เมื่อพวกเขาใส่กล้อง พวกเขาก็ไม่เห็นพวกของนาวินแล้ว
“เฮ้ย มันหายไปไหน ค้นหามัน!!”
ฮาเวิร์ดสั่งให้แยกกำลังไป แต่สิ่งที่พวกเขาได้ยินกลับมากลัวมีแต่เสียงปืนและเสียงหวาดกลัวของบรรดาทหารของเขา พวกเขาจึงแยกย้ายกันไปตามล่าพวกของนาวินในแต่ละพื้นที่ ฮาเวิร์ดพยายามวิ่งออกไปด้านนอก แต่เขาก็เจอกับอากิระที่ขวางทางเอาไว้
“ว่าไง นี่สำหรับที่มึงขัดจังหวะลูกชิ้นกู วันนี้ตากูบ้าง!!”
อากิระต่อยหน้าไปที่หน้าของฮาเวิร์ดจนกระเด็น อากิระใส่ซ้ำอีกรอบแต่ฮาเวิร์ดถีบเข้าที่หน้าอก จากนั้นก็ชักมีดออกมา ตัวของอากิระก็ชักมีดออกมาบ้าง จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ฟาดฟันมีดใส่กันอย่างดุเดือด แต่ดูเหมือนว่าฮาเวิร์ดจะไม่ค่อยกล้าทำอะไรอากิระเท่าไหร่ เพราะตัวของเขาก็รู้ว่าพลังของอากิระคืออะไร
“เฮ้อ มึงก็รู้ว่ากูมีพลังอะไรไอ้สวะ จะยอมแพ้กลับบ้านไปนอนกกเมียหรือเปล่า??” อากิระถามไป
“อย่าคิดว่ากูจะยอมมึงนะเว้ย!!” ฮาเวิร์ดเทยาอะไรบางอย่างใส่ลงไปบนมีดของเขา จากนั้นก็ไล่จ้วงอากิระต่ออย่างรวดเร็ว
“กูอาจจะทำไม่ได้ แต่ยาพิษนี้ทำได้โว้ย!!” ฮาเวิร์ดพูดขึ้นพลางจู่โจมอากิระอย่างต่อเนื่อง แต่อากิระหลบได้และเตะตัดลำตัวฮาเวิร์ด จากนั้นก็ถีบเข้าที่หน้าของฮาเวิร์ดจนกระเด็น
“ตายซะ!!”
อากิระพูดขึ้นจากนั้นก็จะเผด็จศึกฮาเวิร์ด แต่ฮาเวิร์ดหยิบเอาระเบิดแสงของเขาออกมาแล้วปาใส่อากิระอย่างรวดเร็ว
“ตู้ม!!” แสงวาบขึ้นมาทำเอาอากิระต้องรีบหรี่ตา แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา เขาก็ไม่เห็นฮาเวิร์ดซะแล้ว
“ไอ้ขี้ขลาดเอ้ย!!”
ทางด้านของเวอร์รีน เธอรีบออกตามล่าคนอื่นๆโดยใช้ดาบที่ติดกับแขนของเธอเตรียมพร้อม หลังจากที่ควันจาง ฮารุก็ใช้ดาบไฟของเธอพุ่งเข้าจู่โจมเวอร์รีน เวอร์รีนปัดป้องไว้แล้วถีบฮารุออก แต่ฮารุก็ยิงลูกไฟใส่เวอร์รีน เวอร์รีนรีบกระโดดตีลังกาหลบอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ ใช้ไฟมากไประวังจะหนาวตายนะ!!” เวอร์รีนตะโกนออกมา
“ฉันว่าไม่นะ อยากลองซักเพลงมั้ยหล่ะ??” ฮารุถามไป จากนั้นเธอก็ฟาดดาบใส่เวอร์รีนอย่างรวดเร็ว เวอร์รีนโดนไฟของฮารุจนต้องป้องกันตัวและถอยออกมา
“อะไรกัน ยัยนั่นไม่มีท่าทีที่จะหนาวสั่นเลย??” เวอร์รีนคิดในใจไป จากนั้นฮารุก็กระโดดฟันเธอต่อ แต่เวอร์รีนก็กันได้แล้วถีบเข้าไปที่หน้าอกของฮารุ ฮารุไม่ยอมเลยพ่นไฟออกจากชุดเกราะของเธออย่างรวดเร็ว ทำเอาเวอร์รีนถึงกับต้องรีบหาที่หลบ
“อุณหภูมิร่างกายเหลือ 5 องศา เข้าสู่สภาวะปรับสมดุล!!” ชุดเกราะของฮารุได้แสดงค่า จากนั้นก็ค่อยๆปล่อยไอร้อนเข้าสู่ร่างกายของฮารุอย่างรวดเร็ว
ทางด้านของของจ่าชัย ในตอนนั้นตัวของจ่าชัยพยายามฝ่าวงล้อมของเหล่าผู้เกิดใหม่ออกไปที่ด้านนอก แต่ในตอนนั้น ลันโทสก็ได้เข้ามาขวางและจะยิงปืนใส่จ่าชัย แต่จ่าชัยหลบได้แล้วเตะปืนของลันโทสออกไป จากนั้นก็ต่อยเข้าที่หน้าลันโทส แต่ลันโทสจับหมัดของจ่าชัยเอาไว้ จากนั้นก็ถีบจ่าชัยล้มลง แต่จ่าชัยลุกขึ้นมาได้แล้วพุ่งเข้าใส่ลันโทสต่อ จากนั้นก็ถีบลันโทสล้มลง จ่าชัยจะซ้ำต่อแต่ในตอนนั้นซีโร่ก็วิ่งมาเตะเข้าใส่จ่าชัย จากนั้นก็มาล็อคตัวจ่าชัยเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“ไอ้ระยำเอ้ย ปล่อยกูนะเว้ย!!” จ่าชัยตะโกนออกมาและพยายามขัดขืน
“อย่าขัดขืนดีกว่าครับจ่า เราไม่อยากทำอะไรคุณ” ซีโร่พูดขึ้น
“คุณไม่น่ามาที่นี่เลยจ่า คุณกลับไปเถอะ เราไม่อยากฆ่าตำรวจดีๆแบบคุณ” ลันโทสพูดขึ้น
“เฮ้อ แกหรือเปล่าที่หลุดมือฉันที่บาร์นั่น??” จ่าชัยถามไปในขณะที่มองหน้าลันโทส
“คุณทำอะไรเราไม่ได้หรอกครับ” ซีโร่พูดออกไป
“ใช่แล้วหล่ะจ่า จ่าเองก็เก่งใช้ได้ เอาไว้จ่าสู้เราได้ค่อยกลับมานะครับ” ลันโทสพูดขึ้น พลางต่อยเข้าไปที่ท้องของจ่าชัย จนตัวของจ่าชัยลงไปกองกับพื้นอย่างรวดเร็ว
ทางด้านของยูริ ตัวของเขารีบวิ่งออกไปด้านนอกเพื่อหาทางหนี แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็เจอกับนายลุ้นซึ่งมายืนขวางทางเขา ตัวของยูริรีบชักปืนออกมาเล็งใส่นายลุ้นทันที
“เฮ้ย ไอ้น้อง ยอมแพ้ดีกว่าน่า!!” ยูริพูดขึ้น
“อยากดูดวงมั้ยพี่??” นายลุ้นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็จั่วไพ่ออกมา แล้วเขาก็ได้ไพ่ “SUPERHUMAN!!” ขึ้นมา จากนั้นไม่นาน นายลุ้นก็วิ่งเข้าไปต่อยยูริอย่างรวดเร็ว จนยูริกระเด็นไปติดกำแพง แต่ยูริไม่ยอมแพ้ เขาลุกขึ้นและพยายามจะต่อยเข้าที่หน้าของนายลุ้น แต่เมื่อต่อยเข้าไป นายลุ้นก็แทบไม่เป็นอะไรเลย จากนั้นก็เตะยูริกลับจนกระเด็น
“ผลัก!!”
“ระยำเอ้ย เก่งนักเหรอ??” ยูริตะโกนออกมา จากนั้นก็หยิบเอาปืนของทหารที่ตกพื้นยิงใส่นายลุ้นไป แต่นายลุ้นวิ่งหลบได้อย่างรวดเร็วจนลูกปืนของยูริตามไม่ทัน และในตอนนั้น จู่ๆ ตัวของนายลุ้นก็รู้สึกว่าตัวเขาเริ่มจะหมดแรง เขาจึงพยายามลากสังขารของตัวเองไปหลบอยู่หลังรถคันหนึ่ง โดยที่ในตอนนั้น นายลืมก็พาตัวของนายลุ้นมาหลบกับเขาด้วย
“เฮ้ย ขอบใจมากนะเว้ยที่ช่วย!!” นายลุ้นพูดขึ้นพลางเหนื่อยหอบอยู่ตรงนั้น
“เออ เอาเถอะ” นายลืมพูดสั้นๆ ในขณะที่ยูริก็ยิงสกัดเอาไว้อย่างดุเดือดแล้วรีบหาทางหนี
ทางด้านของรูกิ ตัวของเธอได้พยายามใช้ปืนเลเซอร์ยิงสกัดพวกของนาวินอย่างรวดเร็ว แต่ในระหว่างที่เธอกำลังยิง ดันเต้ก็ปล่อยพลังน้ำแข็งของเขาใส่เธอ แต่รูกิก็รีบกระโดดหลบ จากนั้นก็พยายามยิงตอบโต้ เพื่อหมายจะจัดการดันเต้ให้ได้
“ไอ้แก่ คราวนี้ฉันไม่ปล่อยแกแน่!!” รูกิพูดขึ้น
“งั้นเหรอน้องสาว ก็ลองดูสิ” ดันเต้พูดขึ้น จากนั้นเธอก็ยิงปืนเลเซอร์ต่อ แต่คราวนี้ดันเต้ใช้กำแพงน้ำแข็งกันเอาไว้ จนในตอนนั้น ลาลินเองก็เห็นดันเต้กำลังแย่ เธอเลยปาระเบิดแก๊สของเธอใส่เวอร์รีนอย่างรวดเร็ว
“ตู้ม!!”
เวอร์รีนได้กลิ่นแก๊สจากระเบิดก็รีบถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
“คุณลุงคะ รีบหนีเร็วค่ะ!!” ลาลินตะโกนออกมา แต่ในตอนนั้นรูกิเห็นเวอร์รีนจึงยิงปืนเลเซอร์ใส่ แต่ดันเต้ก็ใช้กำแพงน้ำแข็งขวางทางปืนเอาไว้
“รีบไปหลบหลังรถ เร็ว!!” ดันเต้พูดขึ้น ลาลินจึงรีบวิ่งไป แต่ก่อนไปเธอได้ปาระเบิดควันเพื่ออำพรางตัวของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว
และทางด้านของกาลีน่า ในตอนนี้ตัวของเธอก็พยายามเล็งปืนใส่พวกของนาวินและยิงคุ้มกันพวกของเธอ แต่ในตอนนั้น โลร็องต์และลูโดวิกก็วิ่งขึ้นมาแล้วจัดการกับทหารที่คอยคุ้มกันเธอ ทำเอากาลีน่าถึงกับตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจึงรีบเก็บปืนของเธออย่างรวดเร็วและชักปืนพกออกมา และเตรียมเล็งปืนใส่ แต่เมื่อเธอยกมือขึ้น จู่ๆ ลูโดวิกก็วิ่งมาจับแขนของเธอ จากนั้นก็ดึงปืนของเธอออก แล้วถีบเธอออกไปในทันที
“ผมไม่อยากทำร้ายผู้หญิงเลย” ลูโดวิกพูดขึ้น
“งั้นเหรอ งั้นก็ตายซะ!!” กาลีน่าพูดพลางชักมีดของเธอออกมาจะแทงลูโดวิก แต่ในตอนนั้นโลร็องต์ก็วิ่งมาช่วยไว้ได้ทัน โดยการเตะมีดออกไปจากมือเธอ แล้วก็ถีบเธอจนกระเด็น
“อู้ว เล่นมีดไม่ดีนะน้องสาว” โลร็องต์พูดขึ้น แต่ในตอนนั้นกาลีน่าก็กระเด็นไปใกล้กับปืนพกที่ตกอยู่แถวนั้น กาลีน่าเลยหยิบมันมาแล้วยิงใส่ทั้งคู่ แต่ทั้งคู่ก็รีบวิ่งหลบได้อย่างรวดเร็ว
“บ้าเอ้ย เร็วนักเหรอ??” กาลีน่าถามไป เธอยิงจนกระสุนหมด และไม่นาน โลร็องต์และลูโดวิกก็วิ่งเข้าไปจู่โจมเธออย่างรวดเร็ว
“ภาภินฝากทักทายคุณ!!” ลูโดวิกพูดขึ้น ทำเอากาลีน่าถึงกับสงสัย
“เจ็บหน่อยนะน้องสาว!!” โลร็องต์พูดเสริม จากนั้นก็ถีบเธอลงจากชั้นสองของตึก กาลีน่าร่วงลงกับพื้นและจุกอย่างรุนแรง
ทางด้านของรูกี้ ตัวของรูกี้ชักปืนพกออกมาแล้วพยายามจะต่อสู้กลับ แต่ในตอนนั้นนาวินก็วิ่งเข้ามาต่อยรูกี้จนกระเด็น รูกี้ลุกขึ้นมาและพยายามยิงต่อ แต่ก็ไม่ทะลุชุดเกราะของนาวินเลย นาวินวิ่งหลบกระสุนอีกรอบแล้วกระโดดถีบรูกี้อีกครั้งจนตัวของเขากระเด็นติดกำแพงไปเลย
“นี่สำหรับที่เมืองจีนเว้ย!!” นาวินพูดขึ้น
“งั้นเหรอ แค่นี้หยุดกูไม่ได้หรอก!!” รูกี้พูดขึ้น จากนั้นก็พยายามลุกขึ้นและชักมีดพกออกมา ตัวของแสงจันทร์ที่อยู่แถวนั้น เมื่อเห็นนาวินก็เล็งปืนใส่เขาในทันที
“หยุดนะ ไม่งั้นผมยิงจริงๆ!!” แสงจันทร์พูดขึ้น แต่ในตอนนั้น เวียนที่ได้เห็นสถานการณ์ก็ปล่อยพลังของเธอใส่แสงจันทร์จนเขากระเด็นออกไป
“ตุ๊บ!!”
“พี่วิน พวกมันกำลังส่งโดรนมาช่วย ระวังด้วย!!” ภาภินติดต่อกับนาวินทางวิทยุ และในตอนนั้น จู่ๆ โดรนยักษ์ประมาณ 3 ลำก็บุกเข้ามาแล้วยิงแก๊สอะไรบางอย่างลงไปยังพื้นที่อย่างรวดเร็ว กลุ่มของฮาเวิร์ดเห็นจึงรีบหนีออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว รวมถึงโดรนลำหนึ่งก็ลงจอดเพื่อรับคนของฮาเวิร์ดอย่างรวดเร็ว และวูฟที่ได้เห็นโดรนก็รีบสลัดโจไซอาห์และอินเนสซ่าออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วรีบกลายร่างกลับเป็นมนุษย์เพื่อไปสมทบกับคนอื่นๆ และเมื่อทุกคนขึ้นโดรน โดรนลำนั้นก็รีบบินออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแต่กลุ่มทหารนักฆ่าของฮาเวิร์ดที่นอนตายเรียงรายกัน และเมื่อเรื่องจบ ตอนนั้นคนในตึกก็ออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“พวกเรากลับกันเถอะครับ” นาวินบอกกับทุกคนไป จากนั้นไม่นานดันเต้ก็เรียกโดรนของเขาให้มารับอย่างรวดเร็ว
ณ ย่านคนจรจัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ในตอนนั้นตัวของเบลก็รีบเข้าไปหาที่พักเพื่อพักผ่อนหลังจากที่เจอเรื่องประหลาดมาทั้งวัน ตัวของเขาเดินปลีกวิเวกไปนั่งอยู่ใต้ทางด่วนแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่เขากำลังนั่งอยู่นั้น ตัวของเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอะไรบางอย่าง เขาเห็นเด็กสาวในชุดขาวมอมแมมคนหนึ่งเดินปลีกวิเวกเข้ามาหลบใต้ทางด่วนด้วย ซึ่งนั่นก็คือแก้วที่หลบหนีจากตำรวจมา ในตอนนั้นเบลเลยทักทายเธอไป
“เธอเองก็หนีมาเหมือนกันสินะ??”
“นี่ นายรู้ได้ยังไงกันเนี่ย??” แก้วพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ชายคนหนึ่งในชุดหนังน่าเกรงขามก็เดินเข้ามานั่งอยู่แถวนั้นด้วย ตัวของเขานั่งกอดเข่าอยู่ตรงนั้นแล้วพูดขึ้น
“ไม่ต้องกลัวหรอก เรามันก็ไม่มีที่ไปเหมือนกัน!!”
“นายไม่มี แต่ฉันมี ฉันต้องกลับบ้านฉัน” แก้วตอบกลับไป
“เธอคิดว่าจะกลับไปได้ง่ายๆงั้นเหรอ ตำรวจคงเฝ้าบ้านเธอกันหมดแล้ว” เบลพูดขึ้น
“เออ ฉันเกเบรียล เผื่ออยากจะรู้นะ” ชายคนนั้นพูดขึ้น
“ว่าแต่ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมพวกตำรวจถึงตามล่าเราขนาดนี้??” เบลถามไป
“จากที่รู้มาจากสายของฉันในรัฐบาล ได้ยินว่ามีองค์กรลับเข้ามาจัดการเองแล้วด้วย” แก้วพูดขึ้น
“องค์กรลับ พวกไหนกันหล่ะ??” เกเบรียลถามอย่างสงสัย
“ฉันก็ไม่รู้ แต่ได้ยินว่าไอ้พวกนี้มันเส้นใหญ่ด้วย” แก้วพูดขึ้น
“อะไรนักหนา ฉันแค่อยากตายสงบๆไม่ได้เลยหรือไงเนี่ย??” เบลพูดด้วยอาการหัวร้อน และในขณะเดียวกัน จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงไซเรนตำรวจขับผ่านไป ทำเอาพวกเขาถึงกับเงียบกันก่อนที่ตำรวจจะได้ยิน
“เฮ้อ ตำรวจพวกนี้ไม่หลับไม่นอนกันเลยหรือไง??” เกเบรียลถามอย่างอารมณ์เสีย
“ฉันอยากให้พวกนายช่วยคุ้มกันฉันหน่อย ถ้าจบเรื่องนี้ พวกนายอยากได้อะไรฉันให้หมดเลย ฉันขอหล่ะ” แห้วบอกกับทุกคนไป
“ฉันไม่ค่อยอยากยุ่งหรอกน้องสาว แต่ถ้าจะให้อยู่ด้วย ขอที่ดีๆให้ฉันตายก็พอ” เบลพูดขึ้น
“อืม น่าสนใจนี่ เอาไว้รอดจากที่นี่ก่อน แล้วฉันค่อยบอกก็แล้วกัน” เกเบรียลพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เอนตัวลงนอนอยู่ข้างถังใบหนึ่ง ในขณะที่เบลก็นอนใกล้ๆกับยางรถยนต์แถวนั้น แก้วเห็นก็ถึงกับส่ายหน้าไปเลย
กลับมายังบ้านของอีสครินน่า หลังจากที่ตัวของพัตติยาถูกตามล่า ตัวของเธอได้มากบดานอยู่ที่นี่ซักพัก เพราะไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ ตัวของอีสครินน่าเองก็เหมือนกับรู้แล้วว่าพัตติยากำลังเจอกับอะไรมา ในตอนนั้นเธอวางชามใบหนึ่งซึ่งด้านในมีซุปเห็ดกลิ่นหอมน่าทาน พัตติยารีบนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้นอย่างรวดเร็ว
“จะนั่งพักก่อนก็ได้นะ เหนื่อยอยู่นี่” อีสครินน่าพูดไป
“ไม่หรอก ฉันยังพอไหวอยู่ ไม่เป็นไร” พัตติยาพูดขึ้น จากนั้นก็ตักซุปเข้าปากอย่างรวดเร็ว
“เอาเถอะ ฉันรู้ว่าวันนี้เธอเจออะไรมาบ้าง” อีสครินน่าพูดขึ้น
“งั้นเหรอ ก็ดี วันนี้เป็นวันที่โคตรแย่เลย ดีที่ยังมีคนมาช่วยฉัน” พัตติยาพูดขึ้น
“อ้อ ผู้เกิดใหม่เหมือนกันหน่ะสิ แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้พวกเธอคงจะลำบากขึ้นกว่าเดิมหน่อย” อีสครินน่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ลูอีสก็เดินเข้ามาหาอีสครินน่าอย่างรวดเร็ว และรายงานอะไรบางอย่างกับเธอไป
“คุณอีสครินน่า มีข่าวมา ยืนยันมาแล้ว ตอนนี้องค์กร UNASO มาถึงเมืองไทยแล้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่สนามบินอู่ตะเภาครับ!!”
“ห่ะ จริงเหรอ นี่มันมาเองเลยจริงๆเหรอ??” อีสครินน่าถามไป
“แล้วพวกมันนี่เป็นใครกัน ทำไมเธอถึงตกใจขนาดนั้น??” พัตติยาถามไป
“เธอไม่รู้หรอกว่าไอ้หมอนี่ตัวเจ็บแค่ไหน” อีสครินน่าพูดขึ้น
“เราจะทำยังไงต่อดีครับ??” ลูอีสถามไป
“คงต้องแจ้งให้พวกเกิดใหม่เตรียมพร้อม เพราะคงจะมีการกวาดล้างกันหนักแน่” อีสครินน่าพูดขึ้น
“โห ถ้าเป็นแบบนี้แล้วฉันจะรอดหรือเปล่าเนี่ย??” พัตติยาถามไป
“เธอหน่ะคงต้องกบดานซักพัก ไม่ต้องห่วง ยังไงพวกมันก็คงไม่มาที่นี่หรอก” อีสครินน่าถามไป
“สงสัยงานนี้คงได้ละกันไปข้างแล้วหล่ะ” พัตติยาพูดขึ้นพลางยกถ้วยซุปและดื่มไปจนหมด
กลับมายังห้องพักของมิกิ ตัวของเธอในตอนนั้นก็กำลังปล่อยข่าวของเธอไปเรื่อย หลังจากที่เธอสร้างเพจ เพจของเธอก็เป็นที่สนใจของคนทั่วไป ในตอนนี้คนกดไลค์มีถึง 1 หมื่นคนแล้ว ตัวของเธอรีบแนบไฟล์หลักฐานเผยแพร่ออกไปมากมาย
“สหประชาชาติอุ้มหายคนไปถึง 500 คนภายในวันเดียว...”
“การยิงปะทะกลางเมือง รวมถึงปิดปากสื่อที่กำลังเผยแพร่ในวงกว้าง...”
ตัวของมิกิพิมพ์คอมอย่างสะใจ แต่ในระหว่างที่เธอกำลังพิมพ์คอมนั้น จู่ๆก็มีโทรศัพท์เข้ามาในมือถือของเธอ ตัวของเธอรีบเสียบมันเข้ากับสาย USB อย่างรวดเร็วเพื่อสแกนหาความผิดปกติในโทรศัพท์ และเมื่อเธอรู้ว่าสายปลอดภัย เธอก็รีบรับสายอย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหล!!”
“มิกิ ฉันตายแน่ถ้ารัฐบาลรู้ว่าฉันโทรหาเธอ ตอนนี้หน่วยรบของ UNASO เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว”
“จริงเหรอ แล้วมีอะไรหรือเปล่า??” มิกิถามไป
“ได้ยินว่าพวกเขาเอากองกำลังชั้นดีมาหลายพันเลย”
“โห ขนาดนั้นเลยเหรอ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน??” มิกิถามไป
“อู่ตะเภา น่าจะเดินทางถึงกรุงเทพตอนเช้า”
“อืม งานนี้กรุงเทพได้เละแน่ ขอบใจมาก” มิกิพูดขึ้นจากนั้นก็รีบวางสายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นานตัวของเธอก็พิมพ์คอมต่ออย่างรวดเร็ว
“องค์กร UNASO เดินทางมาถึงประเทศไทย ด้วยสาเหตุใด??”
“มาลองดูกันหน่อย” มิกิพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็โพสต์ลงไปที่หน้าเพจของเธอ และไม่กี่นาที ก็ได้ยอดไลค์มากมายราวกับลงว่าลงรูปเซ็กซี่ยังไงอย่างงั้น
กลับมายังคอนโดของไค หลังจากที่เธอตามหาเกเบรียลมาแทบจะทั้งวัน แต่ก็ไม่พบแม้แต่ร่องรอยของเขา แต่หลังจากที่เธอกลับมาได้ไม่นานนัก เธอก็เกิดมองเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งภาพที่เธอเห็นก็คือภาพของชายติดอาวุธกลุ่มหนึ่งกำลังถืออาวุธและยืนรอเธออยู่ในห้อง เธอรีบถอยออกมาจากห้องของเธออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ค่อยๆเอาของอะไรบางอย่างจากกระเป๋าของเธอออกมา
และด้านใน กลุ่มชายฉกรรจ์ติดอาวุธที่กำลังนั่งรออยู่ในห้องก็ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเบื่อ เพราะเป้าหมายของพวกเขายังไม่มาเสียที
“เฮ้ย เป้าหมายของเราไปไหนกัน??” ชายคนหนึ่งถามไป และในตอนนั้น จู่ๆก็มีเสียงประตูมาจากด้านหน้า ทำเอาพวกเขารีบชักปืนออกมา แต่ทันใดนั้น ระเบิดลูกหนึ่งก็ลอยเข้ามาในห้อง
“เฮ้ย หลบเร็ว!!”
“ตู้ม!!”
ระเบิดลูกนั้นได้ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ทำเอาแทบทุกชีวิตที่อยู่ด้านในไม่รอด และไม่นาน ไคก็ชักปืนของเธอออกมาแล้วเข้ามาทางประตู เธอไล่ยิงคนที่ยังขัดขืนอยู่บนพื้น และในตอนนั้นเอง เธอก็เจอมันคนหนึ่งซึ่งกำลังคลานหนีเพื่อเอาชีวิตรอด ไครีบไปกระชากตัวชายคนนั้นขึ้นมาคุยอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย มึงมาตามล่ากูทำไม??”
ชายคนนั้นไม่ยอมพูด ทำเอาเธอถึงกับยิงเข้าที่ใบหูของหมอนั่นไปหนึ่งนัด
“ปัง!!” ชายคนนั้นถึงกับร้องลั่นห้อง
“จะเอายังไงต่อหล่ะ??” ไคถามไปอีกครั้ง
“มีองค์กรลับจ้างเรามา เราไม่เคยเห็นพวกนั้นหรอก รีบฆ่ากูทีเถอะวะ!!”
“เออ ได้เลย” ไคพูดขึ้นพลางยิงแสกหน้ามันไปจนมันตายคาที่
“บ้าเอ้ย คงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วหล่ะ”
ไครีบเก็บกระเป๋าของเธออย่างรวดเร็ว เธอหยิบข้าของที่พอจะเอาออกไปได้ จากนั้นก็รีบออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบหนีจากกลุ่มคนที่กำลังตามล่าเธอ
ณ อพาร์ทเม้นท์ลึกลับของเซน ซึ่งเซนได้ซื้อเอาไว้ ในตอนนั้นตัวของเขาก็พยายามสืบเสาะหาข่าวว่าใครเป็นคนที่ตามล่าเขา รวมถึงรับงานสังหารงานอื่นไปด้วย โดยที่คิฮาระก็นอนอยู่ในห้องกับเขาด้วยอย่างเซงๆ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูมาจากด้านหน้าห้อง เซนรีบหยิบปืนของเขาออกมา คิฮาระลุกขึ้นจากเตียงแล้วมองลอดช่องประตูไป พบว่าเป็นชายคนหนึ่งถือซองเอกสารอะไรบางอย่างมาด้วย คิฮาระรีบเปิดประตูรับในทันที ชายคนนั้นเมื่อได้เห็นก็ยื่นซองเอกสารให้แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว คิฮาระล็อคห้องไว้จากนั้นก็รีบเอาเอกสารไปให้กับเซนในทันที
“ของนายหรือเปล่า??”
เซนรีบหยิบเอกสารนั้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบเปิดมันออกมาดูว่ามันคืออะไร และในตอนนั้น เขาก็ได้พบกับรูปถ่ายหน้าตรงของชายคนหนึ่ง
“เฉินกวาง”
“เฉินกวาง อืม ไม่เลวนี่หว่า” เซนพูดขึ้น
“ฉันเคยเห็นหมอนี่ทางทีวี มันเป็นมาเฟียไม่ใช่เหรอ??” คิฮาระถามไป
“แต่จะว่าไป มาเฟียระดับนี้ ไม่มีใครเจอมันมาตั้งนานแล้ว” เซนพูดขึ้นพลางวางเอกสารไป
“ในนั้นมีเขียนสถานที่กบดานของมันหรือเปล่า??” คิฮาระถามไป
“มันบอกว่า เขากบดานอยู่ในกรุงเทพนี่หล่ะ ย่านเยาวราช” เซนพูดขึ้น
“อยากไปหาของกินที่นั่นพอดีเลยแหะ” คิฮาระพูดขึ้นพร้อมแตะไหล่เซนไป
“นี่ เราไม่ได้ไปหาอะไรกินที่นั่นนะ อีกอย่าง เราต้องหาที่กบดานของมันก่อนสิ” คิฮาระพูดขึ้น
“ก็ง่ายๆ มันมีหลังร้านที่ไหนเป็นที่กบดานหรือเปล่าหล่ะ??” คิฮาระตั้งข้อสงสัยไป
“ถ้าอย่างงั้นก็ไปหาคำตอบกันเลย” เซนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็รีบเดินไปหยิบเอาปืนสไนเปอร์ของเขาพร้อมกับกระสุน รวมถึงกระบอกเก็บเสียงของเขาแล้วใส่กระเป๋าถืออย่างรวดเร็ว
“จะมาด้วยกันหรือเปล่า??” เซนถามไป จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว โดยที่คิฮาระก็เดินตามไปไม่ห่าง
เช้าวันต่อมา ที่บ้านของเสี่ยวหลง ตัวของเขาตื่นแต่เช้า ออกจากบ้านโดยขับรถของเขาไปหาเบาะแสของอากิระเพิ่มเติมและอัญชันก็ไปกับเขาด้วย โดยที่ตัวของเขาได้เบาะแสที่ที่อากิระเคยผ่าน เสี่ยวหลงขับรถผ่านตลาดแห่งหนึ่ง ซึ่งแถวนั้นมีร้านลูกชิ้นร้านหนึ่งตั้งอยู่ โดยที่คนขายเป็นหญิงชราคนเดิมกำลังเตรียมลูกชิ้นเพื่อปิ้งขาย เสี่ยวหลงเห็นจึงจอดรถ แล้วเดินลงจากรถไปพร้อมกับอัญชัน แล้วไปหาคุณยายที่ขายลูกชิ้นนั้นอย่างรวดเร็ว
“อ้าว มาซื้อลูกชิ้นเหรอจ๊ะ??”
“คุณป้าครับ ไม่ทราบว่าเมื่อหลายวันก่อน มีชายใส่ชุดดำ ดูท่าทางนิ่งๆเงียบๆ มาซื้อลูกชิ้นกับป้าหรือเปล่าครับ??” เสี่ยวหลงถามไป
“มันก็มีคนใส่ชุดดำเยอะแยะนะที่มาซื้อของกับป้า แต่จะว่าไป มีวัยรุ่นคนหนึ่งท่าทางแปลกๆ แต่เขาซื้อลูกชิ้นป้าเยอะมาก ให้เงินป้าเยอะด้วย” ป้าคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นอัญชันก็ถามต่อ
“เขาสูงประมาณนี้ใช่หรือเปล่าคะ ผอมหรือเปล่าคะ??” อัญชันถามในขณะที่ทำมือให้ป้าคนนั้นดู ป้าคนนั้นได้เห็นก็พยักหน้า ทำให้เสี่ยวหลงถึงกับดีใจมาก
“ขอบคุณมากครับป้า!!” เสี่ยวหลงพูดขึ้นจากนั้นก็ควักเงินให้ป้าคนหนึ่งไปหนึ่งพันบาท จากนั้นเขาก็รีบเดินกลับไปที่รถพร้อมกับอัญชันอย่างรวดเร็ว
“เป็นอย่างที่คิด อากิระต้องมาแถวนี้แน่ๆ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น
“แล้วหมอนั่นไปที่ไหนแล้วหล่ะ??” อัญชันถามไป
“ก็ต้องไปที่โกดังนั้น” เสี่ยวหลงพูดพลางออกรถไปยังโกดังอย่างรวดเร็ว เขาขับไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดที่ซอยแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนภาพของกล้องวงจรปิดที่เขาได้รับ เขารีบจอดรถแล้วเดินลงไปดูสถานที่ด้านล่างอย่างรวดเร็ว แล้วก็พบว่ามันมีถุงลูกชิ้นของอากิระที่ตกอยู่แถวนั้นด้วย เขารีบหยิบมาดูอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนั้น เขาก็พบว่าถุงมันขาดออก ราวกับว่ามันโดนอะไรบางอย่างตัดไป
“อะไรเนี่ย ทำไมถุงขาดแบบนี้เนี่ย??” เสี่ยวหลงถามไป และในตอนนั้นอัญชันก็เดินไปดูบริเวณนั้น แล้วเธอก็ได้พบกับรูกระสุนบนพื้น เธอเรียกเสี่ยวหลงมาดูในทันที
“เสี่ยวหลง มาดูสิ มีรูกระสุนตรงนี้ด้วย หรือว่าอากิระโดนทำร้าย??” อัญชันถามไป
“งั้นเหรอ แล้วมันเป็นฝีมือใครกัน??” เสี่ยวหลงถามด้วยความสงสัย และในตอนนั้น ตัวของเขาก็เดินไปดูด้านในโกดังอย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็พบว่าด้านในมันมีปลอกกระสุนตกอยู่มากมาย เขารีบใส่ถุงมือที่เขาพกมาแล้วหยิบมันมาดูอย่างรวดเร็ว
“ปลอกกระสุนแบบนี้ มันอาวุธสงครามชัดๆ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น
“แล้วใครมันตามล่าอากิระหล่ะ พวกทหารเหรอ หรือตำรวจ??” อัญชันถามไป
“ฉันว่า อาจจะยิ่งกว่านี้อีก แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะทำอะไรอากิระไม่ได้แหะ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น
“ฉันก็คิดแบบนั้น แล้วอากิระไปไหนหล่ะ??” อัญชันถามไป
“ทางนั้น!!” เสี่ยวหลงพูดขึ้นพลางชี้ไปทางด้านหนึ่งของโกดัง เขาวิ่งไปตามเส้นทางเรื่อยๆ และไม่นาน เขาก็มาถึงเนินเดินแห่งหนึ่งบริเวณโกดัง ซึ่งที่นั่นเขาก็พบกับพื้นดินซึ่งมีรอยล้อรถไปที่ไหนซักแห่ง ทำเอาตัวของเสี่ยวหลงถึงกับบอกกับอัญชัน
“อัญชัน วันนี้ว่างหรือเปล่า ไปนั่งรถเล่นกัน” เสี่ยวหลงพูดกับเธอ
“นี่ นายจะสุ่มขับวนไปทั่วงั้นเหรอ??” อัญชันถามไป
“เส้นทางนี้มันไปได้ไม่กี่ทางหรอก แถมทางมันใกล้จะออกนอกกรุงเทพไปทางลำลูกกาด้วย ฉันว่าอากิระคงไม่กลับเข้ากรุงเทพแน่ๆ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น
“อ้าว แล้วร้านฉันหล่ะ??” อัญชันถามไป
“ก็ปิดซักวันก็ได้นี่ เธอก็บ่นๆว่าจะพักอยู่แล้วนี่” เสี่ยวหลงพูดขึ้นจากนั้นก็รีบวิ่งกลับไปที่รถของเขา ตัวของอัญชันไม่มีทางเลือกเลยต้องตามเสี่ยวหลงไปที่รถของเขาด้วย
ณ ตึกเช่าแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร ขบวนรถปริศนาแล่นมาตามถนนในยามเช้า ฝ่าการจราจรที่แสนจะติดขัดในเมืองกรุง แต่ด้วยความที่มีรถนำขบวน พวกเขาจึงขับมาได้ค่อนข้างสบาย พวกเขาขับรถเข้าไปจอดที่ชั้นใต้ดินของตึก จากนั้นบรรดาคนในรถก็ลงมาจากรถอย่างรวดเร็วและเดินไปยังล็อบบี้ ซึ่งบริเวณล็อบบี้ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนรอพวกเขาอยู่
“คุณคริสเตียลใช่หรือเปล่าคะ ท่านประกอบกำลังรออยู่ในห้องอาหาร VIP ค่ะ”
คริสเตียลได้ยินดังนั้นจึงพาลูกน้องของเขาเดินเข้าไปยังห้อง VIP อย่างรวดเร็ว เมื่อเขามาถึงหน้าห้อง ทหารคนหนึ่งก็เปิดประตูให้กับเขา และไม่นานนัก เขาก็เจอกับผู้พันประกอบซึ่งกำลังรอเขาอยู่ที่โต๊ะอาหาร เขารีบไปนั่งตรงข้ามกับผู้พันประกอบอย่างรวดเร็ว
“ขอต้อนรับสู่กรุงเทพ คุณคริสเตียล เดินทางเป็นยังไงบ้างครับ??”
“อ้อ ก็โอเคครับ เมืองนี้ยังรถติดเหมือนเดิมเลย” คริสเตียลตอบกลับ
“แน่นอนครับ เรายินดีที่คุณมา อย่างที่ทราบ เราทั้งสองฝ่ายต่างก็มีปัญหาเดียวกัน” ผู้พันประกอบพูดขึ้น
“เรื่องผู้เกิดใหม่สินะ แล้วลูกน้องของผมไปอยู่ที่ไหนกันหล่ะ??” คริสเตียลถามไป
“พวกเขากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงไป” ผู้พันประกอบตอบไป
“อืม แล้วสิ่งที่คุณต้องการคืออะไรหล่ะ??” คริสเตียลถามไป
“ผมแค่อยากให้พวกคุณจัดการกับพวกมันแบบลับๆ พวกคุณมีประสบการณ์กับเรื่องพวกนี้ มันจะดีมากถ้าคุณจะช่วยเรา” ผู้พันประกอบพูดขึ้น
“แน่นอนครับ พวกเราจัดการได้อยู่แล้ว เพียงแค่เราขอกำลังคนของคุณบางส่วนก็พอครับ” คริสเตียลพูดขึ้น
“อยากได้อะไรก็บอกผมมาเลยครับ” ผู้พันประกอบพูดขึ้นพลางหยิบแก้วไวน์ยกให้กับคริสเตียล คริสเตียลไม่ค่อยสนใจแอลกอฮอล์ แต่เขาตักต้มยำกุ้งมาซดอย่างรวดเร็ว
“อืม รสชาติดีมาก ต้มยำกุ้งเมืองไทยนี่ดีจริงๆ” คริสเตียลพูดขึ้น
“ทำตัวตามสบายเลยนะครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงคุณเอง” ผู้พันประกอบบอกกับคริสเตียลไป
ณ เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งซึ่งเดินทางมาจากอเมริกา ปลายทางคือประเทศไทย เครื่องบินลำนั้นได้พาหญิงสาวคนหนึ่งนั่งไปเมืองไทยด้วย หญิงสาวคนนั้นก็คือลีน่านั่นเอง ตัวของเธอนั่งอยู่บนเครื่องบิน จากนั้นก็หยิบเอา iphone ของเธอขึ้นมา แล้วถ่ายรูปเธอไปหนึ่งที
“แชะ!!”
เมื่อถ่ายเสร็จ ตัวของเธอก็รีบเปิดแชทแล้วส่งรูปของเธอไปให้กับคนๆหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“ส่งรูปแล้ว!!”
“น่ารักมั้ยคะที่รัก??” เธอพิมพ์ถามไป และในไม่นานนัก อีกฝ่ายก็ตอบกลับมา
“อืม แล้วนี่ เธออยู่ที่ไหนแล้ว??”
“ตอนนี้กำลังข้ามแปซิฟิกมาค่ะ คิดถึงที่รักจังเลย”
“อืม แล้วนี่ เดินทางเป็นยังไงบ้าง??”
“ก็ดีค่ะ อยู่บนเครื่องนี้สบายมาก ขอบคุณที่รักนะคะที่เป็นห่วง”
“อืม เข้าใจหล่ะ อีกจะถึงเมืองไทยเมื่อไหร่หล่ะ??”
“คงจะตอนเที่ยง ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดนะคะ”
“อืม ถ้าไปถึงแล้วส่งข้อความมาด้วยหล่ะ”
“ได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่รัก xoxo”
ลีน่ารีบเก็บโทรศัพท์ของเธออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นั่งจิบไวน์ไประหว่างที่เดินทางไปยังประเทศไทย
กลับมายังถ้ำของวิบัติ หลังจากที่เขาได้ส่งวิญญาณของเขาไปจัดการกับลูกนักการเมืองซึ่งอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ไม่นานนัก วิญญาณของเขาที่ส่งไปก็กลับมารายงานอะไรความสำเร็จกับเขาอย่างรวดเร็ว
“ท่านวิบัติขอรับ นางโหงพรายมันบอกข้ามาว่ามันไปหลอกหลอนไอ้แสนจนมันจะเป็นบ้าอยู่แล้ว จักให้นางหักคอมันเลยหรือไม่ขอรับ??”
“ยังก่อน ให้มันทรมานก่อนที่มันจะตายนี่หล่ะ สะใจดี” วิบัติพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง วิญญาณอีกตนหนึ่งก็รีบมารายงานอะไรบางอย่างกับเขาอย่างรวดเร็ว
“ท่านวิบัติ มีข่าวจากพระนคร เพลานี้ไอ้พวกต่างชาติมันเดินทางมาที่นี่”
“แค่พวกต่างชาติ มันคงจักมาค้าขายหล่ะกระมัง??” วิบัติพูดไป
“ไม่ขอรับ ได้ยินว่าพวกมันเจรจากับไอ้ทหารชั่วที่คิดจะช้างพวกเราขอรับ”
“ห่ะ จริงหรือ แล้วพวกมันคุยอันใดกัน??” วิบัติถามไป
“พวกมันคุยกันถึงเรื่องการตามล่าเราขอรับ”
“เฮ้อ ไม่ได้การหล่ะสิ เห็นทีคงต้องไปเตือนคนอื่นแล้วกระมัง” วิบัติพูดขึ้น
“ท่านจักไปเตือนผู้ใดเล่าขอรับ??”
“ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ข้าไม่อยากให้พวกนั้นต้องมาตกระกำลำบากไปด้วย” วิบัติออกคำสั่งไป
กลับมายังสถานที่กบดานของดันเต้ โดรนขนส่งได้พาพวกของนาวินกลับมายังแหล่งกบดานอย่างรวดเร็ว และเมื่อโดรนจอดได้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เดินเข้าไปด้านในเพื่อไปกบดานกันต่อ และในขณะเดียวกันนั้นเอง ภาภินที่รอพวกเขาอยู่ก็เดินมาหาพวกเขาเพื่อทักทายกัน
“อ้าว พวกพี่ เป็นยังไงบ้าง??”
“ก็เหนื่อยกันเลยหน่ะสิ เจอกับไอ้พวกที่มันเคยตามล่าเราด้วย” นาวินตอบไป
“โห ท่าทางจะเหนื่อยจริงๆนะเนี่ยพี่” ภาภินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พากันไปพักด้านในห้องอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็มาคุยกันต่อถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
“เสียดาย ที่กำลังเสริมของพวกมันมาช่วยก่อน ไม่งั้นฉันฆ่ามันแน่” อากิระพูดขึ้นพลางถอดเสื้อเกราะของเขาออก
“ดีแล้วหล่ะ อาจจะเป็นนายที่ตายห่า” โลร็องต์พูดขึ้น ทำเอาอากิระถึงกับทำตาขวางใส่
“เอาเถอะ พวกมันคงไม่หยุดแค่นี้แน่ แต่พวกมันจะทำยังไงต่อหล่ะ??” ฮารุถามไป
“พวกมันคงต้องตามหาเราแล้วก็ฆ่าเราต่อสิ” เวียนพูดขึ้น
“แต่คราวนี้ พวกมันคงต้องยกสรรพกำลังมามากขึ้นแน่” โจไซอาห์พูดขึ้น
“นั่นสิ เราคงต้องระวังตัวแล้วก็พรางตัวกันมากขึ้นด้วย” อินเนสซ่าพูดขึ้น
“ดูจากอาวุธที่พวกนั้นใช้แล้ว ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆเลยค่ะ” ลาลินพูดขึ้น
“แน่นอน ฉันคิดว่าไอ้พวกนี้มันต้องเป็นหนึ่งใน UNASO แน่ๆ” ดันเต้พูดขึ้น
“แล้วไอ้องค์กรพวกนี้มันจะเอาอะไรกับไอ้ผู้เกิดใหม่นักหนา??” ลูโดวิกถามไป และในตอนนั้นพวกเขาก็สังเกตเห็นว่าอากิระเหมือนกำลังปิดบังอะไรบางอย่างไว้ได้อย่างชัดเจน
“อากิระ นายโอเคหรือเปล่า??” นายลุ้นถามไป
“เขาอาจจะลืมก้ได้ เหมือนกับผมนี่ไง” นายลืมพูดขึ้น ทำเอาลันโทสถึงกับแพ่นกบาลนายลืมไปหนึ่งที
“นี่ ไอ้หนู ใครจะไปลืมเหมือนนายกันหล่ะ??” ลันโทสถามไป
“จะว่าไป นายก็คือเคยเป็นเจ้าหน้าที่ ใช่หรือเปล่า??” ซีโร่หันไปถามอากิระ ทำเอาทุกสายตาถึงกับมองอากิระเป็นตาเดียว
“นี่ ฉันรู้นายอาจจะยังไม่ไว้ใจ แต่ชีวิตทุกคนขึ้นอยู่กับนายแล้วนะ” นาวินพูดพลางแตะไหล่อากิระไป ทำเอาอากิระถึงกับถอนหายใจไปหนึ่งที
“มันก็นานมาแล้ว ฉันเคยเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง หลังจากที่ฉันตายและเกิดใหม่ มีตาแก่คนหนึ่งชักชวนฉันให้ร่วมทีม เขาสอนฉันทุกอย่าง แต่วันหนึ่ง เขาก็โดนไอ้พวกเวรตะไลนั่นฆ่าตาย และป้ายความผิดให้ฉัน ฉันเลยต้องหนีมายังไงหล่ะ ป่านนี้พวกมันคงกำลังตามหาตัวฉันอยู่” อากิระพูดขึ้น
“อืม ฉันเข้าใจ แต่นายยังมีโอกาสที่จะร่วมมือกับเรา แล้วฆ่าไอ้พวกระยำนั่นได้” ฮารุพูดไป
“จริงด้วย ถ้านายร่วมมือกับเรา ไม่แน่ก็อาจจะเล่นงานพวกมันที่เหลือได้ก็ได้” เวียนพูดเสริม
“เอาหล่ะครับ ว่าแต่ เราช่วยแก๊งค์อื่นได้แล้ว แล้วเราจะทำยังไงต่อหล่ะ??” นายลุ้นถามไป
“ถ้าถามฉันนะ สงสัยคงต้องออกตามล่าพวกมันต่อหล่ะ” โลร็องต์พูดขึ้น
“ฉันว่ากบดานไปซักพักก่อนดีกว่า พวกมันคงตามล่าเราแน่” ลูโดวิกพูดขึ้น
“นั่นสิครับ เมื่อกี้ผมเพิ่งจะดักฟังวิทยุหน่วยพิเศษมา ดูเหมือนว่าพวก UNASO เดินทางมาถึงไทยแล้วด้วย” ภาภินพูดขึ้น
“มาเร็วกว่าที่คิดแหะ ดูเหมือนว่าเราต้องกบดานกันจริงๆแล้วหล่ะ” ดันเต้พูดขึ้น
“แต่ว่า ใครจะมากันเหรอครับแหะ??” นายลืมถามไป
“เฮ้อ ไม่ไหวเลยนะคะเนี่ย” ลาลินพูดพลางกอดอก
“ผมจะรีบติดต่อกับกลุ่มอื่นๆ เพื่อให้พวกเขาระวังตัวด่วนเลย” ลันโทสพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นผมจะรีบไปติดต่อเลยนะครับ” ซีโร่พูดขึ้น
“มีผู้เกิดใหม่มาเข้าร่วมกับพวกมันด้วย ไม่รู้มันเกิดขึ้นได้ยังไง??” โจไซอาห์ถามไป
“ก็คงมีข้อตกลงกับพวกมันหล่ะมั้ง??” อินเนสซ่าตั้งข้อสงสัยไป
“เอาเถอะครับ ตอนนี้เราคงต้องกบดานกันซักพัก มีอะไรค่อยอัพเดทก็แล้วกันนะครับ” นาวินบอกกับทุกคนไป
===================================================================
องค์กรเหล่านี้กำลังจะทำอะไรต่อไป และนาวินรวมถึงเพื่อนใหม่ของเขาจะทำอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย
https://ko-fi.com/shinobinon ถูกใจนิยาย อยากเลี้ยงกาแฟผม จัดเลย
paypal.me/shinobinon paypal ของข้าพเจ้าเน้อ
ความคิดเห็น