NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Until Last Dying Breath - ตราบลมหายใจสุดท้าย [ปิดรับสมัครตัวละครชั่วคราว]

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 3 : จังหวัดอ่างทอง

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 66


    กลุ่มของวินพากันเก็บของและหนีออกมาจากปั๊มน้ำมัน จากนั้นก็รีบออกเดินทางขึ้นเหนืออย่างรวดเร็ว พวกเขาเดินทางเข้าเขตอ่างทอง ซึ่งในตอนนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มกองกำลังจักรวรรดิไทยของนายสาลิกา พวกเขาขับรถไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ต้องมาหยุด เนื่องจากพวกเขาเห็นด่านอยู่ไกลๆ มอเตอร์ไซค์ของวินและฟรีรีบหันกลับมาปรึกษากับคนที่อยู่ในรถใหญ่กันก่อนในทันทีว่าจะเอายังไง

    “เฮ้ ทุกคน ข้างหน้ามีด่าน จะเอายังไง??” ฟรีถามไป

    “พวกมันมีกี่คน อาวุธอะไรบ้างหล่ะ??” ไนอาลาถามไป

    “เท่าที่เห็น ประมาณโหลนึง อาวุธเบา แต่มีปืนกลหนักกระบอกนึงนะ” ซูหยินพูดขึ้น

    “โห เราฝ่าไปไม่ได้แน่ๆ” โรสพูดขึ้น

    “แล้วเราจะทำยังไงดีหล่ะคะ??” รินถามไป

    “ผมว่า เราคงต้องซุ่มยิงจากในป่าแล้วหล่ะครับ” เมตพูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้น ฉันจะซุ่มยิงพลปืนกลหนักก่อน จากนั้นพวกนายก็เอารถฝ่าเข้าไปเลย” แอนนาพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เอาปืนของเธออกมาในทันที

    “แบบนี้ก็ดีนะคะ เพราะถ้าพวกมันยังมีปืนกลหนัก พวกเราเข้าไปไม่ได้แน่ๆ” เวย์พูดขึ้น

    “โอเค งั้นนายหมู ถ้าได้สัญญาณก็ขับฝ่าพวกมันไปเลยนะ” วินพูดขึ้น

    “ได้เลย จัดให้!!” นายหมูป่าพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะรีบแยกย้ายกันไปในทันที

    และที่ด่านนั้น กองกำลังชุดดำของจักรวรรดิไทยเองก็เริ่มมองกลุ่มของวินซึ่งดูแปลกๆไป

    “เฮ้ย พวกนั้นมาจากไหนวะ??”

    “ไม่รู้ดิ เตรียมพร้อมแล้ว..” ทหารคนหนึ่งยังพูดไม่ทันจบ ในตอนนั้นเอง ฟรีก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาจากด้านนอก จากนั้นก็ยิงปืนลูกซองของเขาขึ้นฟ้าในทันที

    “ปัง!!”

    “เฮ้ย ข้าศึกบุก ไปประจำปืนเร็ว!!” ทหารคนหนึ่งตะโกนออกมา ทหารคนหนึ่งรีบไปที่ปืนกลหนัก จากนั้นก็เตรียมยิง แต่ในตอนนั้นเอง

    “ปัง!!”

    แอนนาที่ซุ่มอยู่ในป่าใช้ปืนยิงพลปืนกลในทันที ทำเอาพวกมันที่เหลือถึงกับต้องหาที่หลบกันในทันที 

    “เฮ้ย ซุ่มยิง หาตำแหน่งมันให้ได้!!”

    ในระหว่างที่พวกมันกำลังวุ่นวายกับการป้องกันตัว มันคนหนึ่งจะรีบวิ่งไปที่วิทยุเพื่อขอกำลังเสริม แต่ในตอนนั้นเอง รถ SUV ของวินและพวกก็ขับเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำเอาพวกมันตกใจมาก

    “เฮ้ย ยิงสกัดไว้เร็ว!!”

    พวกนั้นใช้ปืนเล็กยิงแต่ก็ไม่เป็นผลมากนัก เมื่อไอ้หมูป่าขับชนด่านเรียบร้อยแล้ว ริน โรส และคนอื่นๆที่อยู่ในรถก็ใช้ปืนลูกซองไล่ยิงพวกมันในทันที

    “ปังๆๆๆๆๆ!!”

    ไม่นานนัก มอเตอร์ไซค์ของวินและฟรีเองก็ชับเข้ามาช่วยพวกเขา พวกเขาไล่ยิงพวกมันอย่างดุเดือด ไม่นานนัก พวกมันก็ตายกันจนหมดด่าน ในขณะที่แอนนาเองก็ลงมารวมตัวกับคนอื่นๆในทันที จากนั้นพวกเขาก็รีบสำรวจพื้นที่และความเสียหายกันต่อ

    “มีใครเป็นอะไรหรือเปล่าครับ??” วินตะโกนถามไป

    “โว้ะ เย้ โคตรสนุกเลยเว้ย!!” ไอ้หมูป่าตะโกนออกมา

    “ปลอดภัยดีแต่ก็เกือบหว่ะ” ฟรีพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ทันคนหนึ่งที่ยังไม่ตายสนิทก็กำลังคลานไปหยิบปืน ในตอนนั้นไนอาลาที่เห็นมันก็รีบไปจับมันไว้ในทันที

    “หมับ!!”

    “อ่า อย่า..ทำ..ผม..” ชายคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่ไนอาลาเองจะพูดกับมัน

    “นายของพวกมึงอยู่ที่ไหน บอกมา??” ไนอาลาถามไป

    “เขาอยู่พิษณุโลกครับ..” ชายคนนั้นพูดจบก็ขาดใจตายไป ไนอาลาเองวางร่างของมันลงในทันที

    “ดูเหมือนว่าจะไม่ได้อะไรมากเท่าไหร่นะคะ” เวย์พูดขึ้น

    “ผมว่า พวกมันต้องส่งคนมาตามล่าเราแน่ครับ” เมตพูดขึ้น

    “แต่กว่าพวกนั้นจะรู้ พวกเราก็คงหนีไปไกลหล่ะ” โรสพูดขึ้น

    “แล้วเราจะไปหลบที่ไหนก่อนหล่ะคะ??” ซูหยินถามไป

    “น่าจะมีหมู่บ้านร้างในป่าให้พวกเราได้หลบกันหล่ะนะ” แอนนาพูดขึ้น

    “ก็ดีเหมือนกันนะคะ เรารีบเก็บอาวุธพวกมันดีกว่า” รินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบเก็บของของพวกมันในทันทีอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก พวกเขาก็เก็ยมาได้จนหมด จากนั้นพวกเขาก็รีบขึ้นรถและออกเดินทางต่อในทันที พวกเขาขับรถมาตามถนนเรื่อยๆ จนกระทั่งมาเจอกันเส้นทางเส้นหนึ่งที่เข้ามาในป่า พวกเขาขับรถเข้าไปเรื่อยๆ ซึ่งข้างทางนั้นก็มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด ไม่นานนัก พวกเขาก็ขับรถเข้ามาเจอหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหมู่บ้านร้าง พวกเขารีบไปจอดรถ จากนั้นก็รีบมาสำรวจหมู่บ้านในทันที

    “โห หมู่บ้านนี้น่าอยู่นะ แต่ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ??” ฟรีถามไป

    “โอ้ย มีใครอยู่มั้ยโอ้ย??” ไอ้หมูป่าตะโกนออกมา แต่ซูหยินก็ตบกบาลเขาไปหนึ่งที

    “นี่ ตาบ้า จะดังอะไรขนาดนั้น??” ซูหยินพูดขึ้น

    “ชักรู้สึกไม่ดีแล้วนะเนี่ย” รินพูดขึ้น

    “นี่ อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้สิ” โรสพูดปรามไป ก่อนที่ไม่นานนัก แอนนาเองก็เกิดไปสำรวจเจออะไรบางอย่าง ทำเอาคนอื่นๆถึงกับตามเธอไปดูในทันที

    “มองหาอะไรอยู่เหรอ??” ไนอาลาถามไป

    “ดูรอยเท้าพวกนี้สิ ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะเดินเรียงกัน และรอบๆนี่อีก รอยเท้าทั้งนั้น” แอนนาพูดขึ้นพลางชี้ไปยังรอยเท้าปริศนาพวกนั้น

    “อืม ถ้าให้ฉันเดา อาจจะมีการจับไปเป็นเชลยก็ได้” เวย์พูดขึ้น

    “ห่ะ งั้นก็แปลว่า หมู่บ้านนี่โดนโจมตีเหรอครับ??” เมตถามไป

    “อืม ถ้าอย่างงั้น ผมว่าเราต้องระวังตัวกันหน่อยนะครับ พวกมันอาจจะยังอยู่แถวนี้ก็ได้” วินพูดขึ้น 

    “นั่นสิ ถ้าอย่างงั้นเราแยกกันไปพักก่อนดีกว่า ซ่อนรถไว้ด้วย” ไนอาลาพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบจัดการซ่อนรถ รวมถึงสำรวจที่พักกันอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นวินเองเดินตามไนอาลาเข้าไปในบ้านด้วย และพบว่าในบ้านนั้นมีคนแก่ตายอยู่ที่พื้น ทำเอาวินถึงกับของขึ้น

    “ระยำเอ้ย ฝีมือใครกันวะเนี่ย??” วินถามไป

    “ไม่รู้เหมือนกัน แต่เอาศพออกไปข้างนอกดีกว่า” ไนอาลาพูดขึ้น

    “ผมจะเอาศพยายไปฝัง ให้ได้อยู่อย่าสงบหล่ะนะ” วินพูดขึ้น จากนั้นเขาก็อุ้มร่างของหญิงชราคนนั้นออกไปในทันที ไนอาลาเองตอนนั้นก็เดินตามออกไปมองวิน แล้วก็พบว่าตัวของวินเองกำลังขุดหลุมให้กับคุณยายคนนั้นด้วยจอบของชาวบ้านที่ทำตกไว้

    “เฮ้อ นายนี่..” ไนอาลาพูดขึ้น

     

    ณ ทำเนียบรัฐบาลเก่า กุนนาร์เองกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะของเธอ แต่ในตอนนั้นเอง เลขาของเธอคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง พร้อมกันนั้นก็ถือโทรศัพท์มาหาเธออย่างรวดเร็ว

    “ท่านคะ คุณเฮลล่าติดต่อมาค่ะ” กุนาร์ได้ยินดังนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์มาในทันที

    “อืม เป็นยังไงบ้าง??” กุนนาร์ถามไป

    “ท่านคะ เรากำลังเดินหน้าเข้าเมืองค่ะ พวกมันเองรีบถอยไปแล้ว”

    “อืม ดี สำรวจด้วย อย่าให้เสียกำลังพลของเรามากไปหล่ะ” กุนนาร์พูดขึ้น

    “ค่ะ ตอนนี้ท่านนายพลพงศ์กำลังจัดการยึดเมืองค่ะ”

    “อืม แล้วมีอะไรอีกหรือเปล่า??” กุนนาร์ถามไป

    “มีข่าวมาว่า มีกลุ่มคนอพยพลงมาจากทางนครนายกกับฉะเชิงเทราค่ะ”

    “งั้นเหรอ คนพวกนั้นเป็นใครกันหล่ะ??” กุนนาร์ถามไป

    “คนของเรากำลังสอบถามอยู่ค่ะ”

    “อืม ถ้างั้นก็รีบจัดการเลย” กุนนาร์พูดไป

     

    ที่ค่ายของกองกำลัง Black Reaper ในวันนี้ตัวของคุณกฤตเดินทางมาที่ค่ายเพื่อเยี่ยมเยือนกองกำลังของเขา ซึ่งเติร์กกับศิลป์เองกำลังทำงานอยู่แถวนั้น เมื่อทั้งคู่เห็นคุณกฤต พวกเขาก็รีบยืนตรงรับในทันที

    “ท่านครับ!!”

    “อืม ตามสบาย แล้วนี่กายไปไหนหล่ะ??” กฤตถามไป

    “ตอนนี้หมอนั่นกำลังไปจัดการกลุ่มกบฏที่หนองจอกครับ” ศิลป์พูดไป

    “ครับ ตอนนี้ VOC9 ของเรากำลังทำงานได้ดี คาดว่าทุกอย่างจะแล้วเสร็จวันพรุ่งนี้ครับ” เติร์กพูดขึ้น

    “อืม ดี ยังไงก็ต้องปรับปรุงมันเพิ่มด้วยหล่ะ” กฤตพูดขึ้น

    “อ่า ท่านครับ ตอนนี้เราขาดการติดต่อกับคุณไนอาลาครับ” เติร์กพูดขึ้น ทำเอากฤตถึงกับตกใจมาก

    “ห่ะ อะไรกัน ลูกฉันเป็นอะไรไป??” กฤตถามทั้งคู่อย่างใจร้อน

    “จากที่เราติดต่อกับนักบิน พวกเขาบอกว่าถูกปืน ปตอ. ยิงใส่ แต่เหมือนว่าคุณหนูจะหนีไปได้ครับ” ศิลป์ตอบไป

    “ถ้าอย่างงั้น รีบติดต่อสายของเรา ให้ตามหาเธอทันทีเลย ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในเขตของไอ้สาลิกา ถ้ามันรู้ว่าเธอเป็นใคร พวกมันไม่ปล่อยเธอไว้แน่” กฤตพูดอย่างเป็นกังวล 

    “อ่า ท่านครับ ตอนนี้เรากำลังเชื่อมต่อดาวเทียมของเรา และดูความเคลื่อนไหวของลมกัมมันตรังสีลูกใหญ่จากยุโรป ตอนนี้ยังคงที่ครับ” ศิลป์พูดขึ้น

    “อืม เข้าใจแล้ว รายงานฉันเป็นระยะๆแล้วกัน ถ้าเกิดว่ายังไม่เจอตัวลูกสาวฉัน คงต้องส่งหน่วยรบไปช่วยแล้วหล่ะ” กฤตพูดขึ้น

    “ถ้าเจ้ากายมาผมจะบอกหมอนั่นให้นะครับ” เติร์กพูดขึ้น

    “อืม ได้เลย ยังไงก็ฝากด้วยนะ” กฤตพูดไป

     

    ณ บ้านพักของชยาชาญ ในวันนี้ตัวของชาญนั่งอยู่ที่โซฟาในบ้านของเขา โดยที่ภรรยาของเขาที่เป็นผู้ช่วยของเขาไปด้วยก็อยู่กับเขา แต่ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์สายหนึ่งก็ติดต่อเข้ามา ชาญรีบรับสายในทันที

    “ฮัลโหล??”

    “ชาญ จินเยว่เขาติดต่อมาหาฉัน เขาบอกว่าอยากคุยกับนาย รอเดี๋ยวนะ..” ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นไม่นาน สายก็ถูกสลับเข้ามาในทันที

    “ฮัลโหล??”

    “อ่า สวัสดีครับ คุณจินเยว่” ชาญพูดทักทายเธอไป

    “คุณชยาชาญ ไม่ได้คุยกันนานเลยนะคะ”

    “นั่นสิครับ ผ่านมากี่ปีแล้วนะ ตอนนี้คุณเองก็มีชีวิตที่ดีเหมือนกันนะครับ” ชาญพูดขึ้น

    “ไม่ ฉันอยากเป็นคุณตอนนี้มากกว่า เรื่องเก่าๆเราเอาไว้คุยทีหลังเถอะ คุณต้องการอะไรหล่ะ??”

    “ผมอยากจะคุยเรื่องการไม่รุกรานกันหน่ะ” ชาญพูดขึ้น

    “ฉันว่า มันจะเร็วไปนะถ้าพูดคุยเรื่องนี้”

    “ไม่หรอกครับ ถ้าเรายังเห็นแก่ประชาชนตาดำๆ ที่พวกเขาต้องการที่พึ่ง” ชาญพูดไป

    “ฉันยังไม่รับปากนะคะ แต่ฉันจะเก็บเอาไปคิดแล้วกัน คุณเองก็ระวังเรื่องคนที่คุณทำงานด้วยแล้วกัน”

    “อืม ผมจะเก็บไปคิดแล้วกันนะครับ ผมหวังว่าเราสองคนจะบรรลุข้อตกลงกันได้นะครับ” ชาญพูดขึ้น

    “เอาเถอะค่ะ ฉันรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เอาไว้ฉันจะติดต่อคุณโดยส่วนตัวเองนะคะ เออแล้วอีกเรื่อง ตอนนี้มีกลุ่มผู้อพยพจากภาคอีสานเดินทางลงมาเข้าเขตฉัน มันอาจจะเข้าเขตของคุณด้วยก็ได้ คุณจะจัดการยังไงก็เรื่องของคุณแล้วกัน แค่นี้ก่อนนะคะ” จินเยว่พูดจบก็วางสายไป ส่วนตัวของชาญเองก็วางโทรศัพท์ไว้แถวนั้น โดยที่ภรรยาของเขาก็เอาน้ำขิงมาให้เขาได้ดื่ม

    “ยังไงก็อย่าหักโหมมากไปนะคะ”

    “ผมเข้าใจ แต่ยังไงก็ต้องรีบหน่อยหล่ะนะ” ชาญตอบไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเขตหนองจอก ตกเย็น ในตอนนี้กองกำลังของนายพลพงศ์เดินหน้าเข้าเขตศัตรูในหนองจอก ในตอนนี้พวกมันส่วนใหญ่เริ่มถอยออกไปแล้ว แต่บางส่วนเองก็ยังหลบตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อต่อสู้กับทหารของนายพลชาญ ในระหว่างที่นายพลชาญกำลังวางแผนอยู่ ในตอนนั้นรถจิ๊บคันหนึ่งก็ขับมายังพื้นที่ที่พวกเขาอยู่ ซึ่งนั่นเป็นกองกำลังของ Black Reaper นั่นเอง ซึ่งนำโดยกาย หัวหน้าหน่วยจู่โจม ในตอนนั้นเองกายก็ลงจากรถ จากนั้นก็เดินไปหานายพลพงค์ในทันที

    “สวัสดีครับ!!” กายพูดขึ้นจากนั้นก็ทำความเคารพไป

    “อืม คุณเป็นพวก Black Reaper งั้นเหรอ??” พงศ์ถามไป

    “ครับ ผมเป็นหน่วยจู่โจม ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง??” กายถามไป

    “ตอนนี้เรายังติดแหง่กอยู่ตรงนี่ พวกมันตั้งรับอยู่ในตึก บางส่วนก็กระจายตัวออกไป พวกเราไม่รู้ว่าพวกมันอยู่ตำแหน่งไหนบ้าง” พงศ์พูดขึ้น จากนั้นไม่นาน ตัวของกายเองก็เอากล้องอะไรบางอย่างมาให้กับพงศ์ในทันที

    “นี่เป้นกล้องตรวจจับความร้อน ที่เราออกแบบมาเพื่อใช้ตามล่าข้าศึกที่ซุ่มตามจุดต่างๆครับ” กายพูดขึ้น ในขณะที่การรบยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด กองกำลังกบฏได้ยิงใส่กลุ่มทหารของพงศ์ที่ตั้งรับอยู่ด้านล่าง

    “ถ้าเราจัดการพวกมันในตึกไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์ครับ” พงศ์พูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็บินมุ่งตรงมาตึกนั้น จากนั้นก็กราดปืนกลใส่ตึก

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    “ดูเหมือนพวกเราต้องจัดการสไนเปอร์ของพวกมันก่อน” กายพูดขึ้น

    “ส่งหน่วยจู่โจมเข้าไปเลย ในระหว่างที่พวกมันกำลังสับสนนี่หล่ะ!!” พงศ์ออกคำสั่งไป จากนั้นหน่วยจู่โจมเร็วของเขาก็รีบบุกเข้าไปในทันที 

    “ตอนนี้เราต้องรีบแล้วหล่ะ” พงศ์พูดขึ้น ในขณะที่กายเองก็สั่งให้หน่วยของเขาแอบเขาไปในเขตตึกทันทีเพื่อเข้าจู่โจมข้าศึกที่ตั้งรับอยู่

     

    กลับมายังเขตของกลุ่ม Cops Eater ของคามิ ในวันนี้คามิเองได้นัดชุมนุมเหล่าชาวบ้านเพื่อเผยแพร่คำสอนของพวกเขา รวมถึงต้อนรับสมาชิกใหม่ที่หนีอพยพมาจากฝั่งลาว พวกเขาเตรียมเนื้อมนุษย์ซึ่งได้มาจากศพที่ตายแล้วเอามาปรุงอาหารให้กับเหล่าผู้อพยพที่เดินทางมาด้วย โดยที่คามิเองประกาศผ่านเสียงตามสายเพื่อเผยแพร่แนวคิดของตัวเองไปด้วย แต่ในตอนนั้นเอง

    “ตู้ม!!”

    “ปังๆๆๆๆๆ”

    เสียงปืนและระเบิดดังขึ้นตามแนวมาแต่ไกล ทำเอาบรรดาสาวกถึงกับตกใจกันมาก พวกนั้นรีบหาที่หลบในทันที

    “ใจเย็น ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบด้วยครับ!!” คามิตะโกนออกมา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามามารถหยุดยั้งเสียงปืนและระเบิดได้ และในตอนนั้นเอง รถคันหนึ่งก็ขับเข้ามายังเขตของเขา ซึ่งนั่นคือจันทร์กับตะวันนั่นเอง พวกเขาทั้งคู่รีบไปหาคามิในทันที

    “ตอนนี้พวกไอ้ยานกรมันข้ามเขตอีสานมาได้แล้วค่ะ!!” จันทร์พูดขึ้น

    “จริงเหรอ ถ้างั้นเสียงปืนใหญ่ก็เป็นฝีมือพวกมันด้วยสินะ” คามิพูดขึ้น

    “ครับ ตอนนี้เราพยายามต้านพวกมันอยู่ แต่ไม่รู้พวกมันจะหยุดตอนไหนนะครับ” ตะวันพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก จู่ๆ เสียงปืนใหญ่ก็สงบลง มีแต่เสียงปืนที่ดังขึ้นตลอดเวลา

    “ดูเหมือนพวกมันจะหยุดแล้วนะคะ” โรสพูดขึ้น

    “เออ หยุดได้ซะทีไอ้พวกนี้” จอห์นพูดอย่างเซ็งๆ ก่อนที่ไม่นานนัก คามิก็รีบไปประกาศใส่ไมค์ในทันที

    “พ่อแม่พี่น้องครับ พวกมันทำอะไรเราไม่ได้ ถ้าพวกคุณยังอยู่กับผม!!” คามิตะโกนบอกกับชาวบ้าน และไม่นานบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดน้อยลง จากนั้นพวกชาวบ้านก็พากันไปกินเนื้อกันต่ออย่างรวดเร็ว ก่อนที่ไม่นาน กลุ่มของคามิก็รีบหลบมุมไปอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่แถวนั้น จากนั้นพวกเขาก็ประชุมกันในทันที

    “ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกมันจะรุกคืบเข้ามาใกล้พวกเรามากขึ้นแล้วสินะ” คามิพูดขึ้น

    “ใช่ค่ะ พวกมันเหยียบจังหวัดชัยภูมิแล้ว พวกมันรุกไล่ได้รวดเร็วมากค่ะ” จันทร์พูดขึ้น

    “แสดงว่า พวกมันต้องมีหน่วยรบที่จู่โจมในป่าได้โดยเฉพาะสินะ” จอห์นพูดขึ้น

    “ได้ยินว่าพวกมันมีทหารหลายแสน เรื่องจริงหรือเปล่า??” โรสถามไป

    “ดูจากสายตา จากที่มันบุกเรา น่าจะไม่ต่ำกว่า 3 หมื่น แต่ที่เหลืออาจจะกำลังรออยู่เพื่อเป็นกำลังเสริมครับ” ตะวันพูดขึ้น

    “หรือไม่ พวกมันอก็อาจจะประวิงทัพเพื่อรอดูศึกแนวรบอื่น เพราะตอนนี้พวกมันก็ต้องสู้กับกองกำลังอีกหลายฝ่ายด้วย หวังว่าพวกมันคงจะติดหล่มที่นั่น” คามิพูดขึ้น

    “แต่คราวนี้ดูเหมือนไอ้ยานกรมันจะเล็งพวกเราเป็นพิเศษนะคะ” จันทร์พูดขึ้น

    “คนอย่างมันเจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้ามันเพ็งเล็งอะไร ต่อให้ตายก็ต้องทำให้ได้” ตะวันพูดขึ้น

    “แบบนี้เราก็ได้แค่ตั้งรับพวกมัน แค่นี้เองเหรอ??” จอห์นถามไป

    “เรามีคน แต่อาวุธยังไม่มากพอหน่ะสิคะ” โรสพูดขึ้น

    “หรือไม่ เราก็ให้พวกชาวบ้านช่วยเรา ในการทำสงครามกองโจรกับพวกมัน เราจะให้พวกชาวบ้านดักโจมตีแนวส่งเสบียงของพวกมัน ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ให้พวกมันลำบาก” คามิพูดขึ้น

    “แต่ทำแบบนี้ เท่ากับว่าจะเอาชาวบ้านไปเป็นโล่มนุษย์นะครับ” ตะวันพูดขึ้น

    “เราคงต้องบอกกับชาวบ้านแล้วหล่ะค่ะ” จันทร์พูดขึ้น

    “ใช่ ต้องลองเจรจาดู ฉันว่าพวกนั้นน่าจะเต็มใจช่วยก็ได้” จอห์นพูดขึ้น

    “ฉันอาสาจะไปคุยกับชาวบ้านเองค่ะ” โรสพูดขึ้น

    “อืม ดี ถ้าอย่างงั้นก็ไปจัดการตามนั้น” คามิพูดไป

     

    ณ ค่ายของกลุ่มก่อการร้ายชายแดนพม่า หลังจากที่กองกำลัง MAG จัดการทำลายค่ายได้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ทำการยึดอาวุธ รวมถึงจับกุมเชลยมารวมตัวกันเอาไว้ ในขณะเดียวกันนั้นเอง จ่านนท์ก็รีบมารายงานอะไรบางอย่าง ในขณะที่กลุ่มของพวกเขากำลังพักเหนื่อยกัน

    “ท่านครับ คุยได้หรือเปล่าครับ??”

    “อืม มีอะไรว่ามาเลย??” จ่าพลถามไป

    “ตอนนี้กองกำลังในกรุงเทพเริ่มปะทะกับพวกไอ้สาลิกาแล้ว ดูเหมือนว่าไอ้สาลิกาเองกำลังบุกทางอีสานด้วย อีกอย่าง ตอนนี้ได้ข่าวว่ากองกำลังปริศนาข้ามเข้ามากาญจนบุรีแล้วครับ”

    “โห ไม่น่าเชื่อจะวุ่นวายขนาดนี้” จ่าพรพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ไอ้พวกที่อยู่กาญจนบุรีมันพวกไหนหล่ะ??” จ่ารงค์ถามไป

    “พวกนั้นต้องไม่ธรรมดา เราต้องหาข้อมูลจากมันให้ได้ ส่งคนจับตาพวกมันไว้แล้วกัน” จ่าพลพูดขึ้น

    “แล้วเราจะเอายังไงกับพวกไอ้สาลิกาหล่ะครับ??” จ่ารงค์ถามไป

    “รอดูไปก่อน ถ้าพวกมันไม่มายุ่งกับเราก็นิ่งไว้” จ่าพลพูดไป

    “ผมว่า ถ้าไอ้ยานกรอยู่ด้วย มันคงไม่ปล่อยเราแน่” จ่าพรพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จ่านนท์เองก็ได้รับข่าวอะไรบางอย่างจากสายของเขา จากนั้นเขาก็มาเล่าให้ทุกคนฟังในทันที

    “เออ ท่านครับ มีคนมาขอเจรจากับเรา พวกเขาบอกอยากผ่านทางมาเพื่อเผยแผ่ศาสนาครับ”

    “ห่ะ เผยแผ่ศาสนา เอาจริงดิ??” จ่าพลถามไป

    “เออ พวกนั้นจะใช้มุกนี้จริงเหรอ??” จ่าพรถามไป

    “แล้วเราจะเอายังไงดีครับ??” จ่ารงค์ถามไป

    “เออ ถ้ามันจะเล่นแบบนี้ ฉันจะเล่นด้วย ให้มันมาพบกับฉันหน่อย” จ่าพลพูดไป จากนั้นตัวของจ่านนท์ก็รีบติดต่อกับคนของเขาในทันที

     

    กลับมายังเขตของเหมยฮวา ในตอนนี้ตัวของเธอได้เดินทางออกมาเพื่อตรวจสอบพื้นที่ในเขตจังหวัดลำพูน ซึ่งเมื่อเข้าใกล้เขตลำพูน พวกเธอก็ยิ่งได้ยิงเสียงปืนและระเบิดดังขึ้นแต่ไกล เธอพูดคุยกับนายทหารคนหนึ่งในรถด้วย

    “ดูเหมือนว่าจะยังปะทะกันอยู่นะ” เหมยฮวาพูดขึ้น

    “ครับ เราตรึงพวกมันไว้ที่ชายแดนลำพูนอยู่ครับ”

    “อืม แล้วเชียงรายตอนนี้เป็นยังไงบ้าง??” เหมยฮวาถามไป

    “เท่าที่ตามข่าล่าสุด เหมือนว่าพวกเราจะยึดเชียงรายได้หมดแล้วครับ”

    “อืม ถ้าเป็นไปได้ เราคงต้องแบ่งกำลังจากที่นั่นมาหน่อย” เหมยฮวาพูดขึ้น

    “รับทราบครับ ผมจะลองติดต่อกับนายพลที่คุมที่นั่นครับ”

    “อืม ตอนนี้เราคงต้องรับมือกับพวกจักรวรรดิไทยก่อน เพราะพวกมันมีมาก คงต้องต้านไว้จนกว่าจะมีปาฏิหารย์หล่ะนะ” เหมยฮวาพูดขึ้น

    “แล้วเราจะหาพันธมิตรด้วยหรือเปล่าครับ??”

    “คงต้องเป็นแบบนั้น ลองดูแล้วกันว่ามีฝ่ายไหนที่เป็นมิตรกับเราได้บ้าง” เหมยฮวาพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม” นายทหารของเธอรับคำสั่งไป ในขณะที่เสียงปืนและเสียงระเบิดก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าการรบจะยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด

     

    ณ ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ศูนย์บัญชาการชั่วคราของจักรวรรดิไทย ตอนนี้สาลิกากำลังนั่งพักบนเก้าอี้เอนหลังตัวหนึ่ง โดยมีหมอนวดคนหนึ่งกำลังนวดแผนไทยให้กับเขาด้วย 

    “อ่า แบบนั้นหล่ะ” สาลิกาพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ทหารคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องที่สาลิกากำลังนวดอยู่ จากนั้นก็พูดขึ้น

    “ขอรายงานครับท่าน!!”

    “เออ มีเรื่องอะไร ว่ามา??” สาลิกาถามไป

    “ครับท่าน ตอนนี้เราเข้าเขตอีสานได้แล้ว กำลังปะทะกับพวกชาวบ้านในพื้นที่ บางส่วนยอมแพ้กับเราแล้ว แต่บางส่วนก็ขัดขืนต่อสู้ครับ”

    “เออ ฆ่ามันให้หมดๆไปเลย ไอ้พวกแมลงสาบพวกนี้ ให้พวกเราปกครองดีๆไม่ชอบ” สาลิกาพูดขึ้น

    “ครับ ตอนนี้ทางเหนือเองก็กำลังปะทะกับพวกจีนที่ลำพูน แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะเข้แข็งกว่าที่เราคิดครับ”

    “ไอ้เจ๊กพวกนี้นี่แม่ง บอกยานกรด้วยว่าถ้าเกิดที่อีสานไม่เหนือบ่ากว่าแรงนัก ให้มาจัดการพวกเจ๊กนี่ดีกว่า” สาลิกาพูดขึ้น 

    “อ่า แต่ว่า มีเรื่องสยองในอีสานด้วยครับ”

    “เรื่องสยองอะไรวะ ฉันไม่อยากฟังเรื่องผีนะเว้ย??” สาลิกาถามไป

    “คือว่า เราตรวจสอบบ้านของพวกอีสานพวกนั้น พบว่าบางหลังมีการกินเนื้อมนุษย์ครับ” สาลิกาได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกใจและลุกขึ้นมา

    “ห่ะ นี่มึงพูดจริงเหรอ??” สาลิกาถามไป

    “พูดจริงครับ เรื่องนี้ท่านยานกรยืนยันได้ครับ”

    “เวรเอ้ย นี่ปลาร้าพวกมันหมดแล้วเหรอถึงต้องกินกันเอง ไอ้แมลงสาบพวกนี้ น่าเวทนาชิบหาย ยังไงก็สืบสาวต้นสายปลายเหตุด้วยแล้วกัน แล้วก็อย่างที่ฉันบอก ถ้าที่อีสานจัดการได้ ให้นำกำลังบางส่วนมาจัดการพวกเจ๊กทางเหนือดีกว่า” สาลิกาพูดไป

    “แล้วทางภาคกลางที่พวกมันมาถึงอ่างทองหล่ะครับ??”

    “เฮ้อ พวกนั้นมันอ่อนแอ เรายกทัพไปนิดเดียวก็จัดการพวกมันได้แล้ว รีบๆไปเถอะ กูจะนวดต่อ!!” สาลิกาเอ็ดไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเขตภาคอีสาน แนวรบซึ่งในตอนนี้กำลังเป็นไปอย่างดุเดือด หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งยานกรกำลังคุมพื้นที่ตรงนั้น ไม่นานนัก ทหารคนหนึ่งก็มารายงานสถานการณ์กับเขา

    “ท่านครับ เราสอบปากคำครอบครัวที่เอาเนื้อมนุษย์มากินแล้วครับ”

    “เออ มันว่าไงบ้าง??” ยานกรถามไป

    “มันบอกว่า พวกมันไปเข้าลัทธิกินเนื้อคนที่ตอนนี้กำลังแพร่ระบาดไปทั่วอีสานเลยครับ”

    “แม่งเอ้ย แค่ได้ยินยังจะอ้วกเลย ไอ้แมลงสาบพวกนี้” ยานกรพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารอีกคนก็รีบมารายงานอะไรบางอย่างกับยานกรด้วย

    “ท่านครับ รายงานจากท่านสาลิกา พวกเขาอยากให้เราไปที่แนวรบภาคเหนือครับ”

    “ภาคเหนือ อ้อ ตอนนี้กำลังรบกับพวกเจ๊กสินะ??” ยานกรถามไป

    “ครับ ท่านสาลิกามองว่าที่นั่นสำคัญกว่าครับ”

    “อืม ฉันส่งผู้พันสนกรัตน์ไปจัดการแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะจัดการได้หรือเปล่า ติดต่อกับเขาเป็นระยะๆแล้วกัน” ยานกรพูดขึ้น

    “รับทราบครับท่าน แต่ผมเห็นด้วยกับท่านสาลิกานะครับ ไอ้พวกแมลงสาบพวกนี้ แค่นายพันธรรมดาก็น่าจะจัดการได้นะครับ” ทหาของเขาพูดต่อ

    “อย่าประมาทไอ้พวกนี้ แถมพื้นที่ของพวกมันก็กว้างใหญ่ด้วย เราต้องใช้กลยุทธ์จัดการมัน แต่ถ้าแนวรบทางเหนือมีปัญหา ฉันจะไปเอง” ยานกรพูดไป 

     

    ณ หมู่บ้านของนายทศ ซึ่งตอนนี้ตัวของเขากำลังนั่งสูบกัญชาอย่างเคลิ้บเคลิ่ม โดยที่มีอีหนูที่เขาจับมาได้คอยบริการเขาด้วย แต่ในตอนนั้นเอง ลูกน้องของเขาคนหนึ่ก็เดินมาหาเขาอย่างรวดเร็ว

    “ลูกพี่ครับ เราจับทหารจักรวรรดิไทยมาได้ครับ!!”

    “งั้นเหรอ ฉันขอไปดูหน้าพวกมันหน่อย” นายทศพูดอย่างเมาๆ จากนั้นก็รีบเดินออกไปดูในทันที และภาพที่เขาเห็นคือทหารชุดดำประมาณ 5 คนกำลังถูกจับมัด แต่บางคนก็ตะโกนออกมาโดยไม่เกรงกลัวอะไร

    “ไอ้พวกสวะสังคม พวกแกมันสมควรตาย คิดว่าพวกกูจะร้องขอชีวิตเหรอ พวกกูสละชีพได้เพื่อประเทศ อยากทำอะไรพวกกูก็เอาเลย!!” ทหารคนหนึ่งตะโกนออกมา นายทศพยายามจะวิ่งไปเตะมัน แต่ด้วยความที่เขาเมากัญชาเลยล้มลงก่อน ลูกน้องของเขารีบมาประคองเขาในทันที

    “เฮ้อ สารรูปอย่างแกเนี่ยนะจะทำอะไรฉันได้ กูไม่กลัวพวกมึงหรอก!!” ทหารคนนั้นพูดย้ำ

    “ใจเย็นนะครับลูกพี่!!” ลูกน้องของนายทศบอกไป

    “ได้ มึงจะเอาแบบนี้ใช่มั้ย ทรมานพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เอาให้พวกมันตกนรกทั้งเป็น!!” นายทศตะโกนออกมา

    “เฮ้อ แล้วพวกมึงคิดเหรอว่าพวกกูกลัวการทรมานห่ะ??” ทหารคนนั้นถามไป ทำเอานายทศถึงกับทนไม่ไหว เขาหยิบปืนของลูกน้องเขาออกมาจากนั้นก็ยิงใส่มัน

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    นายทศกระหน่ำยิงใส่มันจนมันนอนนิ่งตายคาที่ แต่เชลยคนอื่นๆก็แทบไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย

    “ระยำเอ้ย ฆ่าพวกแม่งให้หมดเลย!!” ทศตะโกนออกมา ก่อนที่ตัวของเขาเองจะเริ่มเมากัญชามากขึ้น ลูกน้องของเขาต้องรีบหิ้วปีกเขากลับเข้าไป ส่วนลูกน้องของเขาก็ยิงพวกมันที่เหลือในทันที

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในป่าจังหวัดอ่างทอง ตัวของโซฮานเดินทางลงใต้ผ่านป่าเพื่อป้องกันการตรวจเจอของกองกำลังจักรวรรดิไทย รวมถึงกลุ่มโจรกลุ่มอื่นๆด้วย ในระหว่างที่เขากำลังเดิน ในตอนนั้นเอง เขาก็เจอกับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งถือไม้และหอกที่เหลาด้วยไม้มาล้อมเขาไว้

    “เฮ้ย หยุดนะเว้ย มีของมีค่าอะไรส่งมาให้หมด!!” 

    ตอนนั้นโซฮานเองก็ยังดูเหมือนไม่สนใจอะไร แต่ในตอนนั้น โซฮานเองก็ยกมือขึ้นในทันที ก่อนที่ชาวบ้านพวกนั้นจะเดินเข้าไปจับเขา

    “หมับ!!” 

    โซฮานจับมันคนหนึ่งเอาไว้จากนั้นก็ชักมีดออกมา จากนั้นก็จับมันเป็นตัวประกัน

    “เฮ้ย ช่วยกูด้วย!!” ชาวบ้านคนนั้นตะโกนออกมา แต่ชาวบ้านคนอื่นพากันขว้างหอกใส่ชาวบ้านคนนั้น โซฮานรีบหลบจากนั้นก็ใช้มีดไล่จ้วงไล่แทงพวกมันอย่างดุเดือด

    “ฉับ!!”

    และไม่นานนัก ตัวของโซฮานเองก็มาหยุดนิ่ง และตอนนั้นเด็กคนหนึ่งก็ถือหอกและเล็งใส่เขา

    “หยุดนะเว้ย ไม่งั้นฉันฆ่าแกแน่!!”

    “กลับไปทำการบ้านไปไอ้หนู” โซฮานพูดจบจากนั้นก็รีบคว้าเอาหอกในมือเด็กคนนั้นมาอย่างรวดเร็ว เด็กคนนั้นรีบวิ่งหนีไปในทันที

     

    ณ พื้นที่ราบแห่งหนึ่งในเขตภาคกลาง ซึ่งตอนนี้มันถูกตั้งเป็นโกดังขนาดใหญ่ มีรถบรรทุกมากมายเข้าออกกันทุกวัน กลุ่ม Scavs ของนายพรก็เดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว พวกเขารีบสังเกตพื้นที่รอบๆ ว่ามีอะไรเป็นอันตรายหรือเปล่า

    “ลูกพี่ครับ ดูที่นั่นสิครับ พวกที่เฝ้าโกดัง มีเพียบเลยพี่!!” ลูกน้องของนายพรพูดขึ้น

    “อืม ดูแล้วไม่ต่ำกว่า 50 แต่อาวุธเบา บางคนมีแค่ปืนพกด้วย” นายพรพูดขึ้น

    “ผมว่า ยังไงมันก็มีมากกว่าเราอยู่ดีครับ”

    “อืม มันต้องมีที่ไหนซักแห่งที่เราสามารถบุกเข้าไปได้บ้างหล่ะ” นายพรพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็รีบเดินมาหาเขาอย่างรวดเร็ว และรายงานอะไรบางอย่าง

    “ลูกพี่ครับ มีทางเข้าอยู่ทางระบายน้ำครับ”

    “งั้นเหรอ แล้วพอเข้าไปได้หรือเปล่า??” นายพรถามไป

    “พอเข้าไปได้ครับ ดูเหมือนว่าจะเป็นทางใหญ่ด้วย”

    “แล้วมีกล้องวงจรปิดกับคนเฝ้าหรือเปล่า??” นายพรถามไป

    “ดูเหมือนจะมีการ์ดอยู่ 3 คน กล้องไม่มีครับ”

    “อืม ถ้าอย่างงั้นเราคงต้องใช้ความเร็วจัดการพวกมันแล้วหล่ะ” นายพรพูดขึ้น

    “เออ ลูกพี่ครับ แถวนั้นมีเรือพายอยู่นะครับพี่” ลูกน้องของเขาพูดต่อ

    “อืม ถ้าอย่างงั้นก็ดีเลย” นายพรพูดไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเขตทางอีสาน ตัวของบลูมขี่มอเตอร์ไซค์ไปยังเขตชายแดนอีสาน ในขณะที่เสียงปืนก็ดังเป็นระยะๆ และไม่นานนัก บลูมเองก็ขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้เหมือนจะถูกทิ้งร้าง ตัวของเธอรีบเดินเข้าไปในโรงแรมในทันที

    “มีใครอยู่หรือเปล่าคะ??” บลูมตะโกนถามไป แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ไม่นานนัก เธอก็เดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์โรงแรม จากนั้นก็ลองหากุญแจห้อง ไม่นานนักเธอก็เจอมัน

    “อืม เอาชั้นล่างก็ได้” บลูมพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เธอจะเอากุญแจชั้นหนึ่ง ห้อง 104 มาในทันที เธอรีบเดินเข้าไปในห้อง จากนั้นก็ใช้กุญแจไขมัน แต่เมื่อเธอเข้าไปในห้อง เธอก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่างลอยเตะจมูกเธอ

    “กลิ่นอะไรวะ??”

    ตัวของเธอพยายามจะหาต้นตอของมัน แต่ในห้องของเธอไม่มีอะไร จากนั้นเธอก็ลองดมไปข้างๆห้องของเธอ ปรากฏว่ากลิ่นมันแรงมากขึ้น

    “แม่งเอ้ย อะไรวะเนี่ย เอาชั้นอื่นก็ได้” บลูมพูดขึ้น จากนั้นก็กลับไปที่เคาน์เตอร์เพื่อหากุญแจห้องอื่น โดยที่เธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในโรงแรมนี้

     

    ณ เกาะแห่งหนึ่งทางภาคใต้ ที่มั่นของกองกำลังของการิน หลังจากที่ตัวของเขาพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว ไม่นานนัก ตัวของบากาดอฟก็รีบมาหาเขาอย่างรวดเร็วเพื่อคุยด้วย

    “อ่า คุณการินคะ”

    “บากาดอฟ มีอะไรเหรอ ผมกำลังจะออกไปเลย??” การินถามไป

    “ตอนนี้มีข่าวมาว่าทางภาคใต้เขตของเรา มีกลุ่มกองกำลังปริศนาเข้ามาในพื้นที่หน่ะ”

    “งั้นเหรอ ฝีมือใครกันหล่ะ??” การินถามไป

    “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เราพยายามตามสืบอยู่”

    “อืม จับตาดูพวกมันไว้แล้วกัน” การินพูดขึ้น จากนั้นไม่นาน ตัวของเธอก็ออกจากห้อง เพื่อเตรียมตัวไปขึ้นเรืออีกครั้ง เขาเดินไปที่ท่าเรือพร้อมกับบากาดอฟและพูดคุยกันไปด้วย

    “ตอนนี้ทางกรุงเทพมีอะไรอีกบ้าง??” การินถามไป

    “ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขากำลังปะทะกับพวกจักรวรรดิไทยอยู่โดยหลักค่ะ”

    “อืม ไม่ผิดอย่างที่คิดไว้เลย” การินพูดขึ้น

    “แล้วเราจะไม่ทำอะไรหน่อยเหรอคะ??” บากาดอฟถามไป

    “พวกมันน่าจะกำลังเข้มแข็ง ถ้าดูจากหน่วยงานที่ช่วยเหลือกันอยู่ ไม่แน่เราอาจจะต้องเจรจาก่อน” การินพูดขึ้น

    “แล้วเราจะเจรจากับฝ่ายไหนดีคะ??”

    “ฉันจะลองคุยกับจินเยว่ ดูว่าเธอจะพอร่วมมือกับเราได้หรือเปล่า” การินพูดขึ้น

    “แต่ได้ข่าวว่า ในกรุงเทพตอนนี้ คุณชยาชาญเองก็กำลังร่วมมือและเป็นแกนหลัก เราจะไม่ลองคุยกับเขาหน่อยเหรอคะ??” บากาดอฟถามไป

    “ฉันนึกว่าหมอนั่นตายไปแล้วซะอีก ถ้าอย่างงั้นก็ต้องลองกันหน่อย” การินพูดขึ้น จากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินทางมาถึงเรือจนได้ 

    “ตอนนี้เราทำเท่าที่ทำได้ก่อนแล้วกัน” การินพูดจบก็ขึ้นเรือไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเมืองจังหวัดอ่างทอง หลังจากที่ตัวของไนซ์หนีออกมาจากด่านของจักรวรรดิไทยได้ ตัวของเขาก็ขับไปตามถนนในเมืองเรื่อยๆ ตัวของเขาเห็นแต่ชาวบ้านที่มีชีวิตแบบซังกะตาย พร้อมกับโปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อต่างๆ มันทำให้เขาแปลกใจมาก

    “ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย??” ไนซ์พูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เขาจะเจอกับนางพยาบาลสองคนกำลังซื้อของในตลาด ตัวของเขารีบจอดรถ จากนั้นก็รีบเดินไปหาพวกเธอสองคนในทันที

    “ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเคยเจอผู้หญิงคนนี้หรือเปล่าครับ??” ไนซ์ถามในขณะที่เอารูปของผู้หญิงคนหนึ่งให้กับพยาบาลได้ดู

    “เอ้ย นี่แจนหรือเปล่า??”

    “เออ ใช่จริงๆด้วย คุณเป็นใครคะ??” พยาบาลอีกคนถามไป

    “ผมเป็นสามีเธอ เธออยู่ไหนครับ??” ไนซ์ถามไป

    “ห่ะ นี่คุณเป็นสามีเธอเหรอ ไม่เห็นเธอเคยเล่าให้ฟังเลย??”

    “เธอพักอยู่ที่ห้องเช่าๆภิรมณ์รัก เธอทำงานโรงพยาบาลเดียวกับฉัน ตอนนี้เธอน่าจะออกเวรแล้วหล่ะ” พยาบาลคนนั้นตอบไป

    “ครับผม ขอบคุณมากครับ” ไนซ์พูดจบก็รีบไปยังมอเตอร์ไซค์ของเขาในทันที จากนั้นก็รีบขี่มันไปยังที่หมาย

    “รอผมก่อนนะ” ไนซ์คิดในใจไป

     

    และที่ห้องเช่าซึ่งอยู่ไม่ห่างกันนัก แจนรี่เองเดินทางกลับมาที่ห้องของเธอ ตัวของเธอเอาของวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ไปนั่งที่โซฟาของเธอเพื่อพักผ่อน

    “เฮ้อ เหนื่อยจังเลย” แจนรี่พูดขึ้น ในขณะเดียวกัน ตัวของเธอก็หยิบเอากระเป๋าตังค์ของเธอออกมา จากนั้นก็ดูรูปที่อยู่ในนั้นทันที

    “คุณไนซ์ ฉันคิดถึงคุณ” แจนรี่พูดขึ้น ซึ่งภาพที่เธอเห็นก็คือรูปของเธอและไนซ์ ในสมัยที่พวกเขายังคงจีบกันอยู่

    “ฉันไม่มีวันยอมรับไอ้คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนี้หรอก”

    “แกต้องแต่งงานกับคนที่พ่อบอก”

    “ผมจะดูแลคุณเอง” 

    “ไอ้แดเนียล แกทำลายชีวิตฉัน” อยู่ดีๆแจนรี่ก็พูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เก้บกระเป๋าตังค์ก่อน ก่อนที่ไม่นานนัก ตัวของเธอจะได้ยินเสียงเคาะประตูด้านหน้า เธอรีบออกไปมองที่ช่องประตู พบว่าเป็นหญิงแก่คนหนึ่ง เธอรีบปิดประตูในทันที

    “อ้าวป้า มีอะไรเหรอคะ??”

    “เออนี่ มีคนใส่สูทสามคนมาหาหนูหน่ะ”

    “ใครกันคะ??” แจนรี่ถามไป

    “ป้าไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นพวกมิจฉาชีพก็ได้ ป้าไล่กลับไปแล้วหล่ะ”

    “ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” แจนรี่พูดไป

    “อ่าๆ ตอนนี้ลูกป้าใกล้จะหาแล้ว ขอบคุณเธอมากนะ” 

    “ค่ะ ยินดีค่ะ” แจนรี่พูดจบ ป้าคนนั้นก็รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของแจนรี่เองก็ปิดห้องและล็อคมัน จากนั้นเธอก็ค่อยๆถอดเสื้อผ้าออกมาเพื่อเตรียมอาบน้ำ รวมถึงหยิบสารอะไรบางอย่างมาเพื่อเทใส่ถังน้ำด้วย

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของแดเนียล ในวันนี้ตัวของเขาเดินมาตรวจสอบของของเขาที่กำลังจะส่งไปขายในเวียดนามผ่านกัมพูชา โดยที่ลูกน้องของเขาก็พากันแบกกระสอบอะไรบางอย่างขึ้นรถอย่างรวดเร็ว 

    “อืม ของเตรียมพร้อมแน่นะ??” แดเนียลถามลกน้องของเขา

    “ครับผม ทั้งหมด 10 กิโลครับ”

    “เออ อย่าให้มีปัญหาหล่ะ” แดเนียลพูดขึ้น ก่อนที่โทรศัพท์สายหนึ่งจะติดต่อหาเขา แดเนียลรีบรับสายในทันที

    “ฮัลโหล??”

    “นายครับ เราคิดว่าเราเจอผู้หญิงที่นายอยากเจอแล้วครับ”

    “เฮ้ย จริงเหรอ เอาเธอมาได้หรือเปล่า??” แดเนียลถามไป

    “คิดว่าวันนี้น่าจะได้ตัวนะครับ”

    “เออ แต่อย่าให้ของฉันเสียหายหล่ะ ไม่งั้นฉันเอาพวกแกตายหมดแน่ แค่นี้นะเว้ย” แดเนียลพูดจบก็วางสายไป

    “นายครับ นายว่ามันจะยอมรับของเราหรือเปล่าครับ??” ลูกน้องของเขาถามต่อ

    “แน่นอน รับรองว่าพวกมันจะต้องไม่มีวันลืม” แดเนียลพูดขึ้น

    “ครับ ถ้าอย่างงั้นผมจะส่งคนไปคุ้มกันมันเองครับ”

    “เออ ดี งานนี้ถ้าทำสำเร็จ เราจะหาเงินได้มหาศาลเลย” แดเนียลตอบไป จากนั้นลูกน้องของเขาก็เดินออกไปในทันที

    “แจนรี่ เธอคิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอ??” แดเนียลคิดในใจไป

     

    ณ อพาร์ทเม้นท์เดิมที่ในตอนนี้อาคุมุพักผ่อนอยู่กับโคลเวอร์ ในขณะที่เขากำลังนอนอยู่ จู่ๆ โคลเวอร์ก็ปลุกเขาในทันที

    “ลุงๆ ตื่นเร็ว!!”

    “หือ มีเรื่องอะไรเหรอ??” อาคุมุถามไป

    “มีคนมาที่นี่ เราต้องหนีแล้วลุง”

    “อ้อๆ งั้นแป๊ปนะ” อาคุมุพูดขึ้นจากนั้นก็หยิบเอาขวดน้ำมาดื่ม แต่ในตอนนั้นเอง

    “ตุ๊บๆๆ!!” เสียงกระแทกประตูดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    “แย่แล้ว เราตายแน่” โคลเวอร์พูดขึ้น

    “ถอยไปดีกว่า” อาคุมุพูดขึ้นพลางชักดาบของเขาออกมา และในตอนนั้นเอง

    “โคร้ม!!”

    พวกมันพังประตูเข้ามาได้ แต่อาคุมุเองใช้ดาบฟันพวกมันอย่างดุเดือด พวกมันพยายามจะสู้กลับแต่ไม่เป็นผลมากนัก

    “ฉับ!!”

    อาคุมุอาศัยความเร็วของเขาจัดการกับพวกมัน จนพวกมันลงไปกองกับพื้นกันหมด โคลเวอร์เองยังอึ้งกับฝีมือของเขา

    “โหลุง สุดยอด” โคลเวอร์พูดขึ้น

    “เออ รีบเก็บปืนพวกมันเร็ว ลูกโม่แค่นั้นทำอะไรพวกมันไม่ได้หรอก” อาคุมุพูดขึ้น จากนั้นโคลเวอร์เองก็รีบเก็บปืนบางส่วนของพวกมันที่เก็บได้ในทันที จากนั้นก็มาหาเขา อาคุมุเองจัดการกับปืนพวกนั้นในทันที

    “เอาไงต่อดีหล่ะลุง??” โคลเวอร์ถามไป

    “ก็ไปจากที่นี่สิ เออนี่ ช่วยจูงมือฉันไปที” อาคุมุพูดขึ้น

    “เอ้า ทำไมอย่างงั้นหล่ะ??”

    “ก็ฉันขี้เกียจคลำหาทางเองหน่ะ” อาคุมุตอบไป โคลเวอร์เองก็ได้แต่กัดฟันจูงมือเขาพาออกไปด้านนอก

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในจังหวัดอ่างทอง ตัวของไมนฮาร์ทขี่มอเตอร์ไซค์มาเรื่อยๆ หลังจากที่ฝ่าด่านทางชายแดนเรียบร้อยแล้ว ตัวของเขาขี่รถมาตามถนน จนกระทั่งเขาก็ขับมายังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขายังไม่ทันจะจอดรถดี ในตอนนั้นเอง

    “หยุด!!”

    กลุ่มชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกรูเข้ามาล้อมไมนฮาร์ทไว้ ไมน์ฮาร์ทเองรีบยกมือขึ้นในทันที

    “เฮ้ย มึงเป็นใครวะ เออ Who are..”

    “ผมพูดไทยได้ ผมแค่ผ่านทางมา จะหาอะไรกิน” ไมนฮาร์ทตอบไป

    “เออ งั้นตามมา” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นก็พาไมนฮาร์ทไปในทันที พวกเขาเอาตัวไมนฮาร์ทไปยังบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งหน้าบ้านตอนนี้บรรดาชาวบ้านกำลังทำงานกันอยู่อย่างแข็งขัน และในตอนนั้นเอง สาวน้อยคนหนึ่งที่มองเห็นเหตุการณ์จากด้านล่าง เธอก็เดินลงมาดูในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอคนนั้นคือฮานานั่นเอง

    “เฮ้ย เป็นยังไงบ้าง แล้วตาลุงนี่เป็นใคร??” ฮานาถามไป

    “อ้อ ผมแค่ผ่านทางมา จะหาอะไรกินหน่ะ” ไมนฮาร์ทตอบไป

    “งั้นเหรอ แล้วลุงมาจากไหนหล่ะ??” ฮานาถามไป

    “ก็มาจากกรุงเทพนี่หล่ะ ฉันเกษียณอายุแล้ว ฉันชื่อไมนฮาร์ทหน่ะ” 

    “อ้อ ฉันชิ่อชเวฮานา ฉันอยู่ที่นี่หน่ะ” ฮานาตอบไป

    “เป็นคนเกาหลีเหรอ แล้วมาอยู่เมืองไทยตลอดเลยเหรอ??” ไมนฮาร์ทถามไป

    “เรื่องมันซับซ้อนนิดหน่อยหน่ะ ว่าแต่ ลุงจะมากินอะไรก่อนมั้ยหล่ะ??” ฮานาถามไป จากนั้นเธอก็ให้สัญญาณมือกับคนของเธอ พวกนั้นรีบลดปืนลงในทันที

    “อืม ว่าแต่สัตว์ที่นี่กินได้ด้วยเหรอ มันปนเปื้อนนี่??” ไมนฮาร์ทถามไป

    “ก็ใช้สารละลายช่วยหน่ะลุง แต่มันก็ดีกว่าอดตายหล่ะนะ” ฮานาพูดขึ้น

    “แล้วถ้าเกิดว่าป่วยขึ้นมาหล่ะ??” ไมนฮาร์ทถามไป

    “โธ่ลุง ไหนๆก็ต้องตายอยู่แล้ว เป็นผีอิ่มดีกว่าเป็นผีอดนะ” ฮานาพูดขึ้น จากนั้นเองฮานาก็พาไมนฮาร์ทเข้าไปนั่งด้านในก่อน จากนั้นไม่นานก็เอาอาหารมาให้กับไมนฮาร์ทด้วย

    “อืม ขอบใจนะ” ไมนฮาร์ทพูดขึ้นจากนั้นก็รีบหยิบจานมาแล้วกินอาหารในทันที

    “อืม ขอบคุณนะ  ไมนฮาร์ทพูดขึ้น

    “แล้วนี่ลุงจะไปไหนต่อเนี่ย??” ฮานาถามไป

    “ไม่รู้สิ คงไปเรื่อยๆ คงกว่าจะตายหล่ะนะ” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น

    “โห แจ๋วดีนี่ลุง ถามจริง เมื่อก่อนลุงทำอะไรเนี่ย??” 

    “ฉันเป็นทหาร เกษียณแล้ว” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น

    “อ้อ มิน่าหล่ะ แจ๊กเก็ตยังเป็นแจ๊กเก็ตกองทัพอยู่เลย” ฮานาพูดขึ้ และในตอนนั้นเอง ลูกน้องของฮานาคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาหาเธอและมาคุยกับเธอ

    “ฮานา แย่แล้ว พวกทหารจักรวรรดิไทยกำลังมาที่นี่!!”

    “แย่แล้ว ถ้าอย่างงั้นเราต้องรีบซ่อนตัวกันก่อน” ฮานาพูดขึ้น ไมนฮาร์ทในตอนนั้นได้ยินแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรมาก เขายังคงนั่งกินต่อไป

     

    ณ ชายแดนจังหวัดน่าน บ้านไร่หลังหนึ่งซึ่งตอนนี้ไม่มีคนอยู่แล้ว แต่ยังคงมีความสงบสุขและเหมาะกับการพักผ่อน ทิพย์เดินทางมาที่บ้านหลังนี้ หลังจากที่รถเข้ามาจอด เธอเดินเข้าไปในบ้านเพื่อพักผ่อนในทันที

    “บ้านหลังนี้ดีแหะ” ทิพย์พูดขึ้น

    “นั่นสิครับเจ๊ อากาศดี แถมยังป้องกันง่ายด้วย” ลูกน้องของเธอตอบไป

    “เออ แต่ฉันคงอยู่ซักพัก ต้องไปเช็คโรงงานที่น่านหน่ะ” ทิพย์พูดขึ้น

    “ได้เลยครับเจ๊ น้ำที่นี่สะอาด พวกเราจัดการแล้วครับ”

    “โอเค ฉันว่าจะอาบน้ำหน่อย” ทิพย์พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องอีกคนหนึ่งของเธอก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเธอด้วย

    “เจ๊ครับ!!”

    “เออ มีอะไรอีกหล่ะ??” ทิพย์ถามไป

    “ตอนนี้พวกข้าศึกมันหยุดโจมตีแล้วครับ ตอนนี้พวกเขาหยุดที่ชายแดนเชียงรายครับ”

    “งั้นเหรอ ทำไมเป็นงั้นนะ??” ทิพย์ถามไป

    “ผมว่า พวกนั้นอาจจะต้องเอากำลังไปจัดการอีกแนวรบนึงก็ได้ครับ”

    “เออ ถ้าอย่างงั้นก็ดี ยังไงก็จับตาดูพวกมันแล้วกัน” ทิพย์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เดินขึ้นไปยังชั้นสองในทันทีเพื่ออาบน้ำอาบท่า

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในจังหวัดลำพูน การินเองขี่รถมาเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีปั่นจักรยานลงมา แต่ในตอนนั้นเอง

    “ฟี้!!”

    ลมรถจักรยานของเขาก็แฟ่บลง ทำเอาการินถึงกับเซ็งและต้องทิ้งรถในทันที

    “อะไรวะเนี่ย??” การินตะโกนออกมาแบบเซ็งๆ จากนั้นเขาก็ทิ้งรถและเดินต่อในทันที เขาเดินไปตามถนนเรื่อยๆ และในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงรถคันหนึ่งขับมา ตัวของเขารีบหลบอยู่ข้างทางในทันที รถคันนั้นเป็นรถของทหารจีนยูนนาน ในตอนนั้นรถก็ได้จอดที่หน้าของการินพอดี

    “ปริ้น!!”

    “เฮ้ย นายหน่ะ จะไปไหน??” ทหารคนนั้นพูดเป็นภาษาจีน การินโผล่หน้าออกมาดูเล็กน้อย ทหารพวกนั้นเห็นหน้าฝรั่งของการินก็พูดขึ้น

    “เอ้า ฝรั่งเหรอ เฮ้ย จะไปไหนหรือเปล่า??” ทหารพวกนั้นพูดเป็นภาษาอังกฤษ

    “เออ ผมจะไปลำพูนครับ!!” การินตะโกนออกมา

    “งั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นก็ขึ้นมาเลย!!” ทหารพูดขึ้นพูดขึ้น การินเองทำท่าเหนียมอายเล็กน้อย ก่อนที่จะขึ้นไปบนรถบรรทุกคันนั้นในทันที จากนั้นทหารพวกนั้นก็ขับรถออกไป

    “เฮ้ย ไอ้น้อง เป็นใครมาจากไหนวะ??” ทหารคนหนึ่งถามไป

    “ผมจำไม่ได้” การินพูดออกมา

    “อะไรวะ จำไม่ได้เลยเหรอ??”

    “ช่างเถอะ สงสัยคงสติไม่ดี ท่าจะหลงทาง” ทหารอีกคนพูดปรามไป ในขณะที่การินเองก็เนียนทำเป็นแกล้งหลับ ในขณะที่รถก็ขับไปเรื่อยๆ

     

    ณ ค่ายของกองกำลังเผยแผ่ศาสนา หลังจากที่อัลดริชจัดการปรับปรุงค่ายทหารของเขาให้กลายเป็นฐานที่มั่นสำหรับรับทัพข้าศึกทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ตัวของเขาก็เดินเข้ามาในเต้นท์แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเต้นท์สำหรับประชุมกลุ่มนายทหาร ในตอนนั้นอัลดริชก็เดินทางมาถึงแล้ว ฟิลิปเองก็เริ่มเอาข้อมูลที่ได้มาพรีเซ็นต์ในทันที

    “จากข้อมูลของสายข่าวของเรา ตอนนี้ประเทศไทยกำลังถูกแบ่งออกเป็นหลายเขต เขตแรกในกรุงเทพ อยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่ม VSC นำโดยอดอล์ฟ กุนนาร์ เธอเป็น CEO บริษัทรักษาความปลอดภัยชื่อดัง สาขาเอเชีย พวกเขาร่วมมือกับกองกำลัง Black Reaper หน่วยย่อยขององค์กรเจเนซิส นำโดยคุณกฤตพจน์ แล้วก็ยังมีนายชยาชาญ นักการเมืองชื่อดัง เขตที่ 2 ภาคกลาง ตอนนี้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของนายสาลิกา เขาเป็นผู้ปกครองจักรวรรดิไทย กินอาณาเขตภาคกลางจราดเหนือ ตอนนี้พวกเขากำลังทำสงครามรวบรวมประเทศ เขตที่ 3 ภาคตะวันตก ใกล้ๆกับเรา ตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครกำลังควบคุม ส่วนภาคใต้ ตอนนี้กองกำลังไทยในพื้นที่นำโดยนาวาเอกการิน กำลังควบคุมภาคใต้ ภาคตะวันออก มีกองกำลังที่เข้มแข็งนำโดยคุณจินเยว่ควบคุมอยู่ ส่วนภาคอีสาน ตอนนี้ยังเป็นพื้นที่เกียร์ว่างอยู่ มีแต่พวกชุมโจรคุมพื้นที่ครับ” 

    “เราจะเริ่มจากที่ไหนก่อนดีครับท่าน??” เมดิเยอถามไป

    “เราจะเอาพื้นที่ใกล้ๆก่อน แล้วค่อยๆขยายไปเรื่อยๆ ดำเนินการได้เลย” อัลดริชพูดไป

    “เราส่งคนออกไปแล้วครับ” ฟิลิปตอบไป

    “แต่ตอนนี้ฉันกำลังสนใจกรุงเทพและเขตภาคกลางมากกว่า เราคงต้องลองเสี่ยงดูหน่อย” อัลดริชพูดไป

    “รับทราบครับท่าน” เมดิเยอรับคำสั่งไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเขตภาคกลางตอนบนของไทย นาตาชาในตอนนี้ หลังจากที่เธอได้ยินเสียงปริศนาขึ้นในหัว ตัวของเธอก็เร่งบึ้งรถที่เธอชิงเอามาจากทหารจักรวรรดิไทยมา ตัวของเธอขับมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาเจอด่านๆหนึ่ง พวกทหารเห็นว่าเป็นรถพวกเดียวกันก็เปิดทางในทันที

    “พรึ่บ!!”

    นาตาชาเองขับรถฝ่าออกไปทั้งๆที่ด่านยังไม่เปิดดีเท่าไหร่ ทำเอาทหารพวกนั้นตกใจมาก

    “เฮ้ย จะรีบไปไหนของมันวะ??”

    “เออ แต่ฉันว่ารถคันนั้นมันแปลกๆนะ ฉันเห็นคนขับเป็นผู้หญิง”

    “เออ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวด่านต่อไปก็เรียกเอง” 

    นาตาชายังคงขับรถไปเรื่อยๆโดยไม่สนสี่สนแปดอะไร ในปากของเธอก็ท่องบ่นอะไรบางอย่างไปด้วย

    “ฉันกำลังรีบไปค่ะ”

    “ฉันกำลังรีบไปค่ะ”

     

    ณ ห้างสรรพสินค้าของเจมส์ ในวันนี้ตัวของเจมส์ได้นัดพบกับตัวแทนของลูกค้าของเขา ซึ่งตอนนี้กำลังมีความต้องการสินค้ามากขึ้น

    “คุณเจมส์ คุณว่าคุณจะมีสินค้าพอจะขายพวกเราหรือเปล่า??” ตัวแทนของฝ่ายหนึ่งถามไป

    “ตอนนี้ผมสั่งให้คนออกหาสินค้าเรียบร้อยแล้ว คิดว่าไม่นานนี้น่าจะได้เรื่องครับ” เจมส์ตอบไป

    “ครับ ตอนนี้เราเองก็คงรอได้อีกไม่นานครับ” ตัวแทนอีกฝ่ายพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง โทรศัพท์ของเจมส์ก็ดังขึ้น เจมส์รับสายในทันที

    “ฮัลโหล??”

    “อย่างงั้นเหรอ ดี รีบเอามาเก็บเลย”

    “โอเค แล้ฉันจะไปดู” เจมส์พูดจบก็วางสายไป

    “เอาหล่ะครับ ตอนนี้ของๆเราเตรียมพร้อมแล้ว เราจะรีบส่งให้พวกคุณเลย” เจมส์พูดไป

    “ครับผม ยินดีที่ได้ยินแบบนี้ครับ”

    “เอาเป็นว่าผมจะรอนะครับ” ตัวแทนทั้งสองคนพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็จับมือกับเจมส์ในทันที

    “ส่งแขกของเราหน่อย” เจมส์บอกกับพนักงานไป 

    “ครับป๋า” ลูกน้องของเขาพูดขึ้นจากนั้นก็รีบพาตัวแทนทั้งสองคนออกไปในทันที

    “หารถให้ฉันที” เจมส์บอกกับลูกน้องอีกคนหนึ่งของเขาไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเขตจังหวัดอ่างทอง ซาซ่าขับรถหนีการตามล่าของกองกำลังทหารจักรวรรดิไทยที่กำลังตามล่าเธอ เธอขับมาเรื่อยๆ แต่ในตอนนั้นเอง รถทหารคันหนึ่งก็ขับไล่ตามเธอมา จากนั้นก็ยิงที่ท้ายรถเธอ

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    ซาซ่าพยายามหลบ แต่ในตอนนั้นรถของซาซ่าก็เสียหลัก จากนั้นก็พุ่งลงไปข้างทางในทันที

    “โคร้ม!!”

    ซาซ่าพยายามจะหนีออกมา แต่ในตอนนั้นมันก็ยิงกดเธอไว้ไม่ให้เธอออกมาเลย จากนั้นมันก็ประกาศออกมา

    “ยอมแพ้ซะ!!” มันตะโกนใส่ซาซ่า 

    “เฮ้อ มึงคิดว่ากูเข้าใจที่มึงพูดเหรอ??” ซาซ่าตะโกนออกมา จากนั้นเธอก็ปาระเบิดควันไปที่ด้านหลังรถ ควันพวยพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ทำเอาพวกมันถึงกับตกใจ

    “เฮ้ย อะไรวะเนี่ย??”

    “ยิงผ่านควันเลย!!” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น ก่อนที่พวกนั้นจะระดมยิงใส่ควัน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่โดนอะไรเลย และซาซ่าก็อาศัยจังหวะนั้นค่อยๆหนีเข้าป่าไปในทันที

    “บ้าเอ้ย ตามล่ามัน!!” 

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในอีสานภาคใต้ ในตอนนี้ตัวขององค์หญิงและโทรุก็ยังคงเดินทางมาเรื่อยๆเพื่อหาที่พัก รวมถึงหาเสบียง น้ำมันเพิ่มเติม และไม่นาน ตัวของเธอก็เดินทางเข้ามาในเมือง ซึ่งบริเวณนั้นชาวบ้านในเมืองก็เดินไปเดินมากันปกติ ตัวของโทรุรีบขับรถไปถามคนแถวนั้นในทันที

    “ขอโทษนะคะ ปั๊มน้ำมันอยู่ไหนคะ??”

    “ด้านโน่นหน่ะจ้ะ” 

    โทรุรีบขับรถไปตามที่ชาวบ้านบอก และไม่นาน พวกเธอก้ต้องมาเจอกับรถที่กำลังต่อแถวจอดเพื่อเตรียมเติมน้ำมัน ดูเหมือนว่ามันจะมีเยอะมาก ทำเอาโทรุถึงกับเครียด

    “โห เยอะขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย??” โทรุถามไป ตอนนั้นองค์หญิงก็ใช้ภาษามือกับโทรุ

    “ฉันจะไปหาซื้อเสบียงเอง”

    “เออ จะดีเหรอคะองค์หญิง??” โทรุถามไป

    “ไม่ต้องห่วง ฉันเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว”

    “ถ้าอย่างงั้นก็ระวังตัวด้วยนะคะ” โทรุพูดขึ้น จากนั้นตัวขององค์หญิงก็รีบใส่ชุดคลุมและลงจากรถในทันที ส่วนตัวของโทรุก็ขับรถเพื่อไปเติมน้ำมันในทันที

     

    ที่หมู่บ้านซึ่งกลุ่มของวินไปพัก ในขณะที่พวกเขากำลังพักผ่อนกันอยู่ในบ้าน ในตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังมาแต่ไกล

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    กลุ่มของวินในตอนนั้นรีบชักปืนและออกมาดูในทันทีในเกิดอะไรกันขึ้น

    “เอ้ย นั่นมันเสียงปืนไม่ใช่เหรอ??” วินถามไป

    “นั่นสิ พวกเรา เตรียมพร้อมแล้วกัน” ไนอาลาพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบแจกจ่ายอาวุธกันในทันที ก่อนที่ไม่นานนัก จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา

    “ทุกคน เย็นไว้” ไนอาลาบอกกับทุกคนในขณะที่ทุกคนก็รีบเข้าที่กำบัง ก่อนที่ไม่นานนัก เสียงฝีเท้านั้นจะเป็นเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่แบกปืนกระบอกโตหนีออกมาจากป่า ในตอนนั้นแอนนาเองก็เห็นเธอคนนั้นเข้า

    “ซาซ่า!!” หญิงสาวคนนั้นเหมือนจะได้ยินเสียงของแอนนา เลยตะโกนกลับไป

    “คุณแอนนา!!”

    “ปังๆๆๆๆๆๆ!!”

    ซาซ่ารีบวิ่งเข้าไปหาแอนนาอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนกับว่าเสียงฝีเท้าอีกฝีเท้าหนึ่งก็ไล่ตามเธอมาด้วย กลุ่มของวินเองก็ตั้งท่าเตรียมรอเอาไว้แล้ว 

    ====================================================================

    ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องเจอการปะทะแล้ว เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า 

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×