ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    2055's Nomad - เด็กซ่าส์ฝ่านรก [ปิดรับตัวละครจ้า]

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 3 : ตั้งตัว

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 65


    “อ๊าค!!”

    เนลล์ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการหวาดกลัว ตัวของเนลล์ได้แต่เจ็บใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยที่ในขณะเดียวกัน จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก

    “ก๊อกๆๆๆๆ!!” เนลล์ได้ยินเสียงในตอนนั้นก็รีบเปิดประตูไปรับในทันที แล้วก็พบว่าชายที่มาเคาะประตูก็คือทีเร็กซ์นั่นเอง

    “เฮ้ ไหนบอกว่านัด 7 โมงไง นี่ก็ 7 โมงแล้วนะเฟ้ย” ทีเร็กซ์พูดขึ้น 

    “อ้อๆ โทษที มีปัญหานิดหน่อยหน่ะ เดี๋ยวฉันอาบน้ำแป๊ป” เนลล์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็รีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็รีบไปอาบน้ำในทันที หลังจากที่เขาอาบน้ำได้ไม่นาน เขาก็รีบเก็บของ แล้วเดินออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว โดยที่ทีเร็กซ์ก็รอเขาอยู่ที่มอเตอร์ไซค์ของเขาอยู่แล้ว

    “เฮ้พวก ไปกันยัง??” ทีเร็กซ์ถามไป เนลล์ที่ได้ยินตอนนั้นก็รีบเดินมาที่มอเตอร์ไซค์ในทันที จากนั้นเขาก็เตรียมสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ ทีเร็กซ์รีบซ้อนท้ายเขาในทันที

    “บรื้น!!”

    เสียงรถคันหนึ่งขับเข้ามาด้านในโรงแรมอย่างรวดเร็ว มันพยายามจะชนรถของเนลล์ แต่ตัวของเนลล์สตาร์ทรถได้ทัน จากนั้นก็บิดรถออกไป รถคันนั้นพุ่งเข้าชนโรงแรมอย่างจัง เนลล์รีบบิดรถหนีในทันที แต่มันก็ขับออกมาได้ จากนั้นก็พยายามไล่ตามรถของเนลล์อย่างรวดเร็ว

    “บ้าเอ้ย นั่นไอ้บ้าที่ตามนายมาหรือเปล่า??” เนลล์ถามไปในขณะที่กำลังบิดรถหนี

    “น่าจะใช่ เอายังไงต่อดีหล่ะ??” ทีเร็กซ์ถามไป

    “เอาปืนฉันยิงมันสิ!!” เนลล์พูดขึ้น จากนั้นทีเร็กซ์ก็หยิบเอาปืนที่เหน็บไว้ตรงเอวของเนลล์ออกมาแล้วยิงสวนมันไปในทันที ทำเอารถของพวกมันเริ่มจะเซไป

    “บ้าเอ้ย ต้องรีบไปที่โซฟิโร่แล้ว!!” เนลล์พูดขึ้นจากนั้นก็บึ้งรถอย่างไม่คิดชีวิต แต่มันก็ยังตามมาเรื่อยๆ จนในตอนนั้น กระสุนปืนของเนลล์เองก็เริ่มจะหมดแล้ว 

    “เฮ้ย ยังเหลือกระสุนหรือเปล่า??” ทีเร็กซ์ถามไป

    “จะไม่เหลือแล้ว นี่นายยิงไม่โดนเลยเหรอเนี่ย??” เนลล์ถามไป และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เจอกับป้ายใหญ่ของเมืองโซฟิโร่ พร้อมกับเห็นรถขนอยู่ด้านหน้าสองคัน คันหนึ่งเป็นรถยนต์ธรรมดา อีกคันเป็นคนขนรถยนต์ซึ่งไม่มีรถยนต์อยู่ แต่มันเป็นที่จอดว่างๆซึ่งสามารถขี่พุ่งขึ้นฟ้าได้

    “เฮ้ยพวก เกาะแน่นๆ นะเว้ย!!” เนลล์ตะโกนออกมา ตัวของทีเร็กซ์เองก็กอดเอวของเนลล์ไว้แน่น เนลล์ขี่รถไต่ขึ้นไปบนรถนั้นแล้วเหาะขึ้นไปอย่างรวดเร็ว รถของมันพยายามจะตามไป แต่มันก็เกิดเสียหลักจนรถกระเด็นเอียง และคว่ำไปอย่างรวดเร็ว ตัวของเนลล์ขี่มอเตอร์ไซค์หนีมันต่อเข้ามายังถนนซึ่งมุ่งตรงไปยังโซฟิโร่ในทันที

    “โคตรแจ๋วเลยพวก!!” ทีเร็กซ์พูดขึ้น

    “เออๆ ตอนนี้ต้องรีบไปโซฟิโร่ก่อน” เนลล์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ขี่รถกันไปเรื่อยๆ ผ่านถนนและรถยนต์มากมายที่สัญจรไปมา และไม่นานนัก พวกเขาก็ขี่ผ่านเขตตึกกระจกใสซึ่งมีตึกรวมถึงโกดังมากมาย ตัวของเนลล์ลองชะโงกไปมองด้านล่างดู แต่ทีเร็กซ์ก็พูดขึ้นก่อน

    “เฮ้ยพวก นั่นมันที่ของพวกเจเนซิสเลยนะเว้ย” ทีเร็กซ์พูดขึ้น

    “เจเนซิส มันก็บริษัทธรรมดานี่หว่า กลัวอะไรหล่ะ” เนลล์พูดขึ้น

    “เฮ้ย ลือกันว่าไอ้พวกนี้มีกองกำลังเป็นของตัวเอง ที่ขายอาวุธและทดลองกันอย่างผิดกฎหมาย อย่าไปเหยียบตีนไอ้พวกนี้เชียวนะเว้ย” ทีเร็กซ์พูดขึ้น

    “คิดมากน่า” เนลล์ตอบกลับไป จากนั้นพวกเขาก็ขี่รถกันต่อมาเรื่อยๆ จนพวกเขาเข้าเขตเมืองโซฟิโร่เรียบร้อยแล้ว เมืองแห่งนี้ดูเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา ผู้คนเดินกันขวักไขว่ รวมถึงรถราที่วิ่งกันมากมาย

    “เออนี่ จะให้ฉันไปไหนหล่ะ??” เนลล์ถามทีเร็กซ์ไป

    “ฉันต้องไปหาคนๆหนึ่ง เธอเป็นเจ้าของบริษัทที่ฉันเคยเป็นหุ่นส่วนด้วย ถ้าเราจะเริ่มงาน เราต้องเริ่มจากที่นั่น ไปตามที่ฉันบอกก็แล้วกัน” ทีเร็กซ์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์กันต่อเพื่อไปยังสถานที่ที่ทีเร็กซ์บอกไป

     

    ณ บริษัทอิจิฮาระของฮิโยริ ในวันนั้นพวกเธอก็ยังมาทำงานตามปกติ ในวันนั้น ซิเรียสก็เดินทางมายังบริษัทเพื่อแจ้งความคืบหน้ากับฮิโยริเพิ่มเติม วินเทอร์ที่ต้อนรับซิเรียสพาซิเรียสเข้าไปหาฮิโยริด้านในทันที และอีกด้านหนึ่ง ชิบะที่เพิ่งออกไปด้านนอกหลังจากซื้อของมา และในเวลาไล่เลี่ยกัน เนลล์ก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงด้านหน้าบริษัท ซึ่งชิบะเองก็แปลกใจเล็กน้อย แต่เมื่อชิบะลองมองเข้าไปใกล้ๆพวกเขา พวกเขาก็พบว่าเป็นทีเร็กซ์ ชิบะรีบเดินไปใกล้พวกเขาในทันที

    “เฮ้ย นั่นทีเร็กซ์ใช่หรือเปล่า??” ชิบะถามไป

    “อ่า คุณชิบะ พาผมไปหาคุณฮิโยริที”ด ทีเร็กซ์พูดขึ้น

    “อ่า แล้วนี่ใครหล่ะ เพื่อนใหม่นายเหรอ??” ชิบะถามในขณะที่ชี้ตัวไปที่เนลล์

    “ใช่ ยังไงก็พาผมไปหาเธอที” ทีเร็กซ์พูดขึ้น

    และด้านในห้องของฮิโยริ ในตอนนั้นตัวของฮิโยริก็กำลังคุยกับซิเรียสเรื่องงานของเธอ แต่ยังคุยกันไม่ทันไร ตอนนั้นชิบะก็เปิดประตูและเดินเข้ามาพร้อมกับทีเร็กซ์และเนลล์อย่างรวดเร็ว

    “คุณฮิโยริ”

    “ทีเร็กซ์ เฮ้ย นี่นายยังไม่ตายเหรอ??” ฮิโยริถามไป

    “ก็เกือบหน่ะครับผม ยังดีที่รอดมาได้” ทีเร็กซ์พูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่างานพวกคุณจะสำเร็จแล้วนะ ว่าแต่ พ่อหนุ่มเสื้อหนังนี่เพื่อนนายเหรอ??” ซิเรียสถามอย่างสงสัย

    “อ้อ ผมชื่อเนลล์หน่ะ ผมแค่มาส่งเขา” เนลล์ตอบไป

    “เออ ว่าแต่ ดุ๊กเพื่อนนายหน่ะ ไปไหนแล้ว??” วินเทอร์ถามไป

    “ตายแล้ว แต่ว่าเขาก็ให้ของและสูตรกับฉันมา ฉันมาที่นี่เพื่อดำเนินงานต่อ ฉันจะขอใช้ตึกเดิมของฉันดำเนินการ ได้หรือเปล่า??” ทีเร็กซ์ถามไป

    “อ้อ ได้สิ แต่ว่า หมอนี่จะร่วมงานกับนายด้วยเหรอ??” ฮิโยริถามไป

    “ฉันว่า หมอนี่ไม่ธรรมดานะ ฉันซิเรียส ฉันเป็นนักสืบ ยินดีที่ได้รู้จัก” ซิเรียสพูดขึ้น จากนั้นก็จับมือกับเนลล์ไป

    “อืม ยินดีครับ ว่าแต่ ที่ที่เราจะไปดำเนินการมันที่ไหนหล่ะ??” เนลล์ถามไป

    “เดี๋ยวฉันจะพาพวกนายไปเอง” ชิบะพูดขึ้น จากนั้นชิบะเองก็พาทั้งคู่ออกไปด้านนอก ส่วนตัวของซิเรียสเองก็รีบเดินตามเนลล์ออกไปด้วย พวกเขาออกไปด้านนอก ไปขึ้นรถของพวกเขา ซิเรียสเดินไปหาเนลล์ด้วยเพื่อคุยอะไรบางอย่าง

    “เฮ้พวก ที่ที่นายจะไปหน่ะ มันอยู่ใกล้สำนักงานของฉัน” ซิเรียสพูดขึ้น

    “อ้อ ถ้าอย่างงั้นมีอะไรก็ไปหากันได้นะครับ จะได้ช่วยกัน” เนลล์พูดขึ้น

    “เอาไว้ถ้ามีโอกาส เราอาจได้ร่วมงานกันก็ได้” ซิเรียสพูดขึ้น จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถของเขาอย่างรวดเร็ว เนลล์เองก็มองซิเรียสไปข้างหลัง แล้วก็หันไปถามอะไรบางอย่างกับทีเร็กซ์

    “เฮ้ รู้จักนายคนนั้นหรือเปล่า??” 

    “อ้อ หมอนั่นเป็นนักสืบหน่ะ ฉันเคยทำงานกับเขา” ทีเร็กซ์ตอบไป

    “เรารีบไปกันเถอะ” ชิบะพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบขึ้นมอเตอร์ไซค์ของเธอในทันที เพื่อขี่รถนำทางเนลล์และทีเร็กซ์ไปยังตึกเดิมซึ่งทีเร็กซ์เคยใช้อย่างรวดเร็ว

     

    กลับมายังสถานเลี้ยงเด็กของอาร์มสตรอง ตัวของอาร์มสตรองในตอนนั้นก็กำลังอุ้มเด็กเดินเล่นในสวนของเขา โดยที่มีเด็กคนอื่นๆตามมาเพื่อเดินด้วย แต่จู่ๆ ในตอนนั้น เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งดูท่าทางหวาดกลัวอะไรบางอย่างก็เดินเข้ามาในสถานเลี้ยงเด็กอย่างรวดเร็ว ทำเอาเด็กคนอื่นๆตกใจและไปหลบอยู่ด้านหลังอาร์มสตรอง

    “คุณอาร์มสตรองครับ ผมไม่มีเงินเลย ช่วยผมหน่อยเถอะครับ” เด็กวัยรุ่นคนนั้นพูดอย่างอ้อนวอน

    “เฮ้อ ตั้งแต่เด็กจนโต นายนี่ยังหาเงินไม่ได้อีกเหรอ??” อาร์มสตรองถามไป

    “ผมพยายามหางานอยู่ครับ” เด็กวัยรุ่นคนนั้นพูดขึ้น ตอนนั้นอาร์มสตรองก็วางเด็กลงก่อน จากนั้นก็หยิบเอาเงินจำนวนหนึ่งให้กับวัยรุ่นคนนั้นไป

    “อย่าเอาไปใช้ฟุ่มเฟือยหล่ะ” อาร์มสตรองพูดขึ้น

    “ครับ แน่นอนครับ เออนี่คุณอาร์มสตรอง มีไอ้หน้าใหม่เข้ามาในเมืองเราครับ” เด็กวัยรุ่นคนนั้นพูดขึ้นพลางรับเงินจากเขามา

    “ไอ้หน้าใหม่ ใครอย่างงั้นเหรอ??” 

    “ดูเหมือนว่ามาจากโลซานส์หน่ะครับ เมื่อเช้ามีข่าวว่ารถคว่ำที่ทางเข้าเมือง พวกตำรวจไปดูกันเต็มเลยครับ” เด็กวัยรุ่นคนนั้นพูดต่อ

    “เออ อย่าให้มันมาทำอะไรที่นี่ก็พอ ถ้านายยังไม่มีงานทำ ฉันจะลองหางานช่วยก็แล้วกัน” อาร์มสตรองพูดขึ้น

    “ขอบคุณมากครับ” เด็กวัยรุ่นคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของอาร์มสตรองเองก็รีบอุ้มเด็กต่อแล้วพาเด็กๆเข้าไปในสถานรับเลี้ยงเด็กอย่างรวดเร็ว

     

    ณ ตึกคอนโดย่านคนจนแห่งหนึ่งที่ย่านโซฟิโร่ น็อตกลับมาที่ร้านของเขาซึ่งภายนอกเป็นร้านจำหน่ายอะไหล่ทั่วไป แต่ความจริงด้านในเขาเปิดรับดัดแปลงอวัยวะเถื่อนด้วย ตัวของเขาเดินมาที่หน้าร้าน โดยที่เด็กของร้านคนหนึ่งก็เปิดทีวี แต่จู่ๆก็มีข่าวหนึ่ง ซึ่งมันเรียกความสนใจจากน็อตได้

    “เกิดอุบัติเหตุที่ย่านถนนหลวงเข้าเมืองโซฟิโร่ รถคว่ำบริเวณนั้น ซึ่งคนที่เห็นเหตุการณ์ยืนยันว่ารถคันที่เกิดเหตุพยายามไล่ตามมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง ซึ่งคนขับดูเหมือนจะเป้นสมาชิกแก๊ง...”

    “เอ๊ะ สมาชิกแก๊งงั้นเหรอ??” น็อตถามอย่างแปลกใจ

    “ผมว่าน่าจะมาจากโลซานส์นะเฮีย” เด็กของร้านพูดขึ้น

    “อืม โลซานส์ สงสัยคงต้องไปทักทายมันหน่อย” น็อตพูดขึ้น

    “เสียดายนะครับ ไม่มีภาพเหตุการณ์” 

    “เออ แต่ว่าคงหาตัวไม่ยากหรอก” น็อตพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ไปเปิดประตูเพื่อเดินออกนอกร้านในทันที

    “อ้าวเฮีย ไม่เปิดร้านเหรอ??” เด็กของร้านถามไป

    “ยังก่อนก็ได้ ลูกค้าฉันมีเยอะแยะ” น็อตพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินออกจากร้านไปในทันที จากนั้นก็เดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาเพื่อขี่รถออกตามหาสมาชิกแก๊งที่เดินทางเข้ามาในเมืองโซฟิโร่ในทันที

    และบริเวณพื้นที่ที่ไม่ห่างกันมากนัก บริเวณสวนสาธารณะซึ่งมีเวทีสำหรับปราศรัย และที่ด้านล่าง กลุ่มชายชุดดำกลุ่มหนึ่งกำลังยืนถือป้ายอะไรบางอย่าง บางคนก็ยืนเพื่อคุ้มกันพื้นที่โดยรอบ บางส่วนที่ไม่ใช่กลุ่มคนชุดดำก็มายืนดูด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นานนัก ชายผู้ใส่หน้ากากคนหนึ่ง ซึ่งก็คือเซปปิตัสนั่นเอง ก็เดินขึ้นไปบนเวที โดยที่ชายชุดดำที่อยู่ด้านล่างก็ตะโกนโห่ร้องเพื่อต้อนรับชายคนนั้น

    “สวัสดีพวกท่านทั้งหลาย พวกท่านที่มาที่นี่ ล้วนต้องการที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ โลกใบนี้ก้าวหน้าไปทุกวัน แต่จิตใจของมนุษย์ยิ่งตกต่ำลง เรายังไม่รู้สึกถึงมัน จนกว่าจะเจอเข้าด้วยตัวเอง ก็เพราะว่าทุกคน พยายามจะหลีกหนีจากพระเจ้ายังไงหล่ะ!!” ชายคนนั้นพูดปลุกระดมไป กลุ่มคนฟังบางส่วนก็โห่ร้องปรบมือ บางส่วนก็ส่ายหน้าและเดินหนีไป

    “พวกเราออกห่างจากพระเจ้า จนสุดท้ายก็ถูกปีศาจกลืนกินไปทั้งตัว และบัดนี้ ปีศาจที่มองไม่เห็น มันกำลังกัดกินเมืองนี้ เมืองที่หน้าฉากถูกมองว่าเป็นแดนสวรรค์ แต่ความจริงแล้ว มันก็คือนรกบนดินนี่เอง!!” ชายคนนั้นพูดต่อ

    ที่ผมมาในวันนี้ ไม่ได้รับภารกิจมาจากพระเจ้าแต่อย่างใด พระเจ้าไม่ได้ใช้ให้ผมทำ แต่ผมยอมไม่ได้ที่โลกในทุกวันนี้ ทุกคนเดินหนีออกห่างพระเจ้า และเข้าหาปีศาจ และในวันนั้น โลกของเราต้องถึงกาลล่มสลายเป็นแน่ แต่ผม จะไม่มีวันให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด!!” ชายคนนั้นพูดต่อ และไม่นานนัก เสียงปรบมือก็ดังขึ้นมาเรื่อยๆ ในขณะที่ตัวของเซปปิตัสเองก็แอบยิ้มในใจไปด้วย

     

    กลับมายังบริษัทเจเนซิส ในวันนั้นตัวของดัลตันเองก็ลองติดตามข่าวและผลประกองการของบริษัทตัวเอง รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆที่พวกเขากำลังพัฒนา ในวันนี้ดัลตันเดินมาหาคริสติน่าเพื่อมาดูความคืบหน้าของโปรเจ็กค์ที่เธอทำอยู่ในตอนนี้

    “คริสติน่า เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” ดัลตันถามเธอไป ในขณะที่เธอกำลังพิมพ์คอมพิวเตอร์ของเธอไป

    “ค่ะ ตอนนี้ฉันได้ทดลองย้ายข้อมูลเข้าไปที่ฮาร์ดดิสก์ที่เราทดลองแล้ว แต่ว่าขนาดของข้อมูลจากเมมโมรี่สมองมันใหญ่กว่าที่ฉันคิด ฉันเลยต้องย้ายมันกลับเข้ามาที่เซิฟเวอร์หลักของเราก่อนค่ะ” คริสติน่าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เราก็ต้องเพิ่มความจุฮาร์ดดิสก์ของเราด้วยสิ” ดัลตันพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง เซลิเซียก็เดินมาหาดัลตันและมารายงานอะไรบางอย่างกับดัลตันอย่างรวดเร็ว

    “คุณดัลตัน เมื่อกี้มีอุบัติเหตุในเขตถนนเข้าเมือง อยู่ห่างจากเราไม่มากค่ะ”

    “แค่อุบัติเหตุเองเนี่ยนะ แล้วมันยังไงหล่ะ??” ดัลตันถามอย่างสงสัย

    “คือว่า ทางตำรวจได้ข้อมูลมาแล้ว ไอ้พวกที่รถคว่ำ มันเป็นคนของแก๊งแบล็กบลูค่ะ” เซลิเซียพูดขึ้น

    “เอ๊ะ พวกแบล็กบลูมันอยู่ที่โลซานส์ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมันถึงมาก่อนเรื่องที่นี่??” คริสติน่าถามไป

    “ไม่แน่ มันอาจจะเป็นเรื่องของสูตรการผลิตยาเสพติดเมื่อ 2 ปีก่อนก็ได้” ดัลตันพูดขึ้น

    “แต่ว่า เราก็ส่งคนตามหาพวกมันทั่วแล้วนะคะ ทั้งโลซานส์ แล้วก็เลวานส์??” เซลิเซียถามอย่างแปลกใจ

    “หรือว่า มันอาจจะมีอะไรที่เรายังไม่รู้หรือเปล่า??” คริสติน่าถามไป

    “มันอาจจะเกี่ยวกันก็ได้ เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับฮอลโลเรื่องนี้หน่อย คริสติน่า เธอก็จัดการเรื่องของเธอต่อแล้วกัน” ดัลตันพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินไปกับเซลิเซียในทันที

    “ค่า ได้เลย” คริสติน่าพูดไล่หลังไป จากนั้นตัวของเธอก็กลับไปนั่งพิมพ์คอมต่อในทันที

    และทางด้านของดัลตัน ตัวของเขารีบเดินไปอีกโกดังหนึ่งเพื่อไปคุยกับฮอลโลและกองกำลังของเขา ซึ่งในตอนนี้ฮอลโลกำลังเตรียมกองกำลังของเขาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานใหม่

    “อ้าว คุณดัลตัน มาพอดีเลย” ฮอลโลพูดขึ้น ซึ่งตอนนี้ อิสครินน่าก็ยืนอยู่แถวๆนั้นด้วย

    “อีสครินน่า เป็นยังไงบ้าง??” ดัลตันหันไปถามเธอ

    “ค่ะคุณลุง ไม่เป็นไรค่ะ” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “นายพอจะจัดการเรื่องนี้ได้หรือเปล่า??” ดัลตันถามฮอลโลไป

    “ผมจะส่งคนไปสืบเรื่องนี้เอง ต่อให้ต้องไปเค้นจากพวกตำรวจผมก็ยอม” ฮอลโลพูดขึ้น

    “ถ้าจะทำถึงขั้นนั้น พวกมันคงตามล่าเราแน่” อีสครินน่าพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็หยิบกระปุกยาออกมา แต่ในตอนนั้นเธอก็เห็นว่าเหลือยาอยู่เม็ดเดียว เธอรีบเอาใส่มือแล้วกินเข้าไปในทันที

    “เดี๋ยวลุงจะเอากระปุกใหม่ให้” ดัลตันพูดขึ้น

    “แล้วลุงจะให้หนูทำอะไรหล่ะคะ??” อีสครินน่าถามอย่างสงสัย

    “ก็ไม่มีอะไรมาก เราต้องตามหาไอ้คนที่พวกนั้นมันตามล่าอยู่ ลุงอยากจะรู้ว่ามันเป็นใคร” ดัลตันพูดขึ้น

    “ผมว่ามันต้องเก็บตัวเงียบแน่ๆ ผมจะส่งคนไปด้วย” ฮอลโลพูดขึ้น

    “ได้เลย เดี๋ยวฉันจะไปติดต่อคิลเลี่ยน เรื่องคุ้มกันธุรกิจของพวกเรา ตอนนี้ไอ้พวกนาซีระยำมันเริ่มจะเดินเกมแล้ว งวานนี้ฉันไม่อยากให้อะไรมันพลาด” ดัลตันพูดขึ้นจากนั้นก็เดินออกไป ในขณะที่ฮอลโลเองก็ไม่พอใจเล็กน้อยที่ดัลตันพูดชื่อคิลเลี่ยนไป

    “เอาน่าลุง ยังไงงานก็ต้องมาก่อนนะคะ” อีสครินน่าพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เดินออกไป

    และที่ด้านนอกโกดัง ดัลตันก็เดินออกไปด้านนอกเพื่อไปหาคิลเลี่ยน แต่จนแล้วจนรอด คิลเลี่ยนก็เดินตรงมาหาดัลตันพอดี พวกเขาทั้งคู่รีบมาพบกันและคุยกันอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ คิลเลี่ยน”

    “คุณดัลตัน คงได้ข่าวมาแล้วสินะครับ ตอนนี้พวกนาซีนั่นมันเริ่มเดินเกมแล้ว” คิลเลี่ยนพูดขึ้น

    “อืม ฉันอยากจะให้นายช่วยปกป้องกิจการทุกอย่างในเครือของเราหน่อย” ดัลตันพูดขึ้น

    “ผมเตรียมคนไว้แล้ว แล้วจากนั้นยังไงต่อครับ??” คิลเลี่ยนถามต่อ

    “เราจะเล่นงานพวกมันกลับบ้าง แต่ตอนนี้นายก็รู้ พวกแบล็กบลูมันเริ่มกลับมาหากินในเขตเมืองนี้แล้ว ฉันต้องการรู้ว่าพวกมันกำลังตามหาอะไรอยู่” ดัลตันพูดขึ้น

    “อ้อ ถ้าอย่างงั้นผมจะลองช่วยสืบนะครับ” คิลเลี่ยนพูดไป

     

    กลับมายังบริษัทไคเซอร์ของมาร์กาเร็ต หลังจากที่พวกเธอกำลังเดิมเกมเพื่อลุยกับกลุ่มเจเนซิสของดัลตัน ในวันนี้ตัวของเธอได้โทรเรียกใครบางคนมาคุยด้วย ซึ่งใครคนนั้นก็คือลัคซัสนั่นเอง ลัคซัสเดินเข้ามาในห้องรับรองของบริษัทไคเซอร์ ซึ่งตัวของมาร์กาเร็ตเองก็รออยู่แล้ว 

    “เฮ้ ลัคซัส นั่งก่อนสิ!!” 

    มาร์กาเร็ตคุยกับลัคซัส จากนั้นลัคซัสก็นั่งลงแล้วเริ่มการเจรจากับมาร์กาเร็ตอย่างรวดเร็ว

    “ลัคซัส นายรู้แล้วใช่หรือเปล่าเรื่องของพวกเจเนซิส??”

    “ไม่บอกก็พอรู้ครับ ตอนนี้พวกมันเริ่มเดินเกมแล้ว” ลัคซัสพูดขึ้น

    “ฉันให้แอนเดรียเริ่มจัดการหุ้นส่วนของพวกมันแล้วหล่ะ” มาร์กาเร็ตพูดขึ้น

    “แต่ถ้าจะให้ดี เราต้องใช้พวกรับจ้างอิสระในการเล่นงานพวกมันแทน” ลัคซัสพูดขึ้น

    “นายว่าจะมีคนยอมทำงานนี้งั้นเหรอ??” มาร์กาเร็ตถามไป

    “แน่นอนครับ ไอ้พวกบ้าในเมืองนี้มันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ขอแค่มีเงินเถอะ” ลัคซัสพูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้นก็แล้วแต่นายแล้วกัน” มาร์กาเร็ตพูดขึ้น

    “เออใช่ คุณได้ฟังข่าวเมื่อเช้าหรือเปล่า ที่มีอุบัติเหตุเมื่อเช้า??” ลัคซัสถามไป

    “อ้อ ได้ข่าวสิ ฉันให้คนของฉันสืบมาแล้ว ได้ยินว่ามันเป็นพวกแบล็กบลู นึกว่าพวกมันสูญพันธ์ไปแล้วซะอีก” มาร์กาเร็ตพูดขึ้น

    “นั่นสิครับ อีกอย่าง ผมได้ข่าวว่ามีไอ้หน้าใหม่เข้าเมืองมาด้วย” ลัคซัสพูดขึ้น

    “มันเป็นพวกแก๊งอย่างงั้นเหรอ??” มาร์กาเร็ตถามไป

    “ไม่แน่ใจ แต่มีคนสังเกตจากมอเตอร์ไซค์ที่มันขี่ มันต้องเป็นแก๊งจากโลซานส์แน่ๆ” ลัคซัสพูดขึ้น

    “เออ อย่าเพิ่งไปสนใจเลย ถ้ามันไม่มาเหยียบตีนเราก่อน” มาร์กาเร็ตพูดขึ้น

    “ถ้ามันเป็นมือดี อย่าให้มันไปเข้ากับไอ้พวกยิวนั่นแล้วกัน” ลัคซัสพูดขึ้นพลางจิบไวน์ไป

    “แล้วยังไงหล่ะ ก็เก็บมันซะสิ มันจะแน่ซักแค่ไหน” มาร์กาเร็ตพูดขึ้น

    “จริงด้วย ถ้าอย่างงั้นผมจะลองส่งคนไปสืบดู ถ้าเจอมัน ผมจะลองประเมินดูก่อนว่ามันเป็นภัยกับพวกเราหรือเปล่า” ลัคซัสพูดขึ้น

    “อืม หวังว่านายจะจัดการได้นะ ตอนนี้ฉันกำลังขยายกิจการไปที่เลวานส์อยู่ ฉันไม่อยากให้มีอะไรมาเป็นปัญหาหน่ะ” มาร์กาเร็ตพูดขึ้น

    “เดี๋ยวผมจัดให้เลย” ลัคซัสพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ชนแก้วไวน์กับมาร์กาเร็ตไป

     

    ณ ตึกสำนักงานแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองโซฟิโร่ หญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนมองตึกฝั่งตรงข้ามโดยใช้สายตาพิเศษที่ปรับแต่งมองไปทางฝั่งตรงข้ามของตึกเพื่อสอดส่องใครบางคนซึ่งอยู่ตรงกันข้าม แล้วก็เป้นอย่างที่เธอคิด เธอเห็นชายร่างอ้วนคนหนึ่งกำลังนั่งเสพยาอยู่ในห้องอย่างสบายใจ ตัวของเธอรีบคุยกับลูกน้องของเธอในทันที

    “นี่ ฉันเจอมันแล้ว” 

    “ครับคุณแอนเดรีย เราจะยิงมันเลยมั้ยครับ??” ลูกน้องของเธอถามไป

    “เดี๋ยวก่อน งานนี้ฉันต้องทำให้มันเหมือนอุบัติเหตุหน่ะ ปืนลมของฉันต้องปรับแต่งนิดหน่อย” แอนเดรียพูดขึ้น

    “หรือเราจะให้มันตกตึกลงมาหล่ะครับ??” 

    “เออ ก็ดีนะ แล้วนี่เราตรวจสอบข้อมูลเมมโมรี่ของมันในเซิฟเวอร์ของรัฐหรือยัง??” แอนเดรียถามไป และลูกน้องของเธอก็เอาแท็ปแล็ตรุ่นอนาคตของเขาออกมาแล้วเปิดมันดู

    “เราลองตรวจสอบแล้ว พบว่ามันไม่ได้โอนถ่ายเมมโมรี่เข้าเซิฟเวอร์ของหน่วยงานรัฐครับ”

    “อืม ดี ขอฉันทำอะไรหน่อยนะ” แอนเดรียพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เดินขยับมาทางขวาอีกหน่อย จากนั้นเธอก็ลองใช้สายตาของเธอคำนวณและปรับระยะทิศทางของเธออย่างรวดเร็ว เพื่อหาแนวยิง

    “อืม ตรงนี้น่าจะดี”

    แอนเดรียพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เอากระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ของเธอออกมา จากนั้นเธอก็หยิบเอาอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋า เธอกดปุ่มที่อยู่บนของสิ่งนั้น และไม่นาน ของสิ่งนั้นก็ค่อยๆขยายและกางตัวออกมา มันคือปืนสไนเปอร์ระบบลม มันสามารถยิงออกมาเป็นกระสุนลมที่สามารถฆ่าคนได้ ตัวของเธอลองปรับระดับของปืนในทันที

    “อืม ความเร็วสูง ระบบหัวกลมก้แล้วกัน” แอนเดรียพูดขึ้น

    “หัวกลม จะให้ลมดันไอ้หมอนั่นตกตึกเหรอครับ??” ลูกน้องของเธอถามไป

    “ใช่แล้วหล่ะ แต่ฉันต้องคำนวณหาระยะนิดนึง” แอนเดรียพูดขึ้น

    “แล้วเราจะล่อมันออกมายังไงหล่ะครับ??” 

    “เรื่องนั้นฉันมีวิธี เราต้องจัดการช่วงเย็นหน่ะ แบบนั้นจะปลอดภัยกว่า” แอนเดรียพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม” ลูกน้องของเธอพูดขึ้น

     

    ณ ท่าเรือโลซานส์ เขตอิทธิพลของเดนิส ในตอนนี้พวกเขากำลังเตรียมอาวุธเพื่อเข้าปะทะกับใครบางคน พวกเขาเตรียมดาบและโล่มากมาย หลังจากนั้นไม่นานนัก ชายคนหนึ่งซึ่งเป้นพนักงานท่าเรือก็รีบวิ่งมาหาเดนิสอย่างรวดเร็ว

    “คุณเดนิส พวกมันมาแล้วครับ!!”

    “เฮ้ย พวกเรา เตรียมพร้อม!!” เดนิสตะโกนออกมา และในตอนนั้น พวกเขาก็พบกับขบวนรถประมาณ 5 คันรถ จากนั้นพวกมันทุกคนก็ลงมาจากรถพร้อมกับถือไม้เบสบอลมาดันทุกคน ตัวของเดนิสสั่งให้คนเตรียมในทันที และทันใดนั้น ชายผิวสีคนหนึ่งก็ตะโกนออกมาจากฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย พวกมึงแน่ใจเหรอว่าจะเอาแบบนี้??” 

    “แบบนี้แหละ สู้แบบลูกผู้ชาย ไม่ต้องใช้ปืน!!” เดนิสตะโกนกลับไป

    “เออ ยกท่าเรือให้พวกกูดีกว่า ไม่งั้นพวกมึงตายหมดแน่!!”

    “ถ้าพวกมึงแน่ก็เข้ามา!!” เดนิสตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาทั้งสองฝ่ายก็วิ่งเข้าตะลุมบอนใส่กันอย่างรวดเร็ว พวกเขาต่อสู้และฟาดฟันกันอย่างดุเดือด ผลัดกันชิงความได้เปรียบกันไปมา เดนิสไล่ฟันพวกมันทุกไปทีละคน บางคนจะตีเดนิสจากด้านหลัง แต่เดนิสก็ใช้โล่กันได้และแทงมันกลับไป

    “ตายซะ!!”

    ชายที่ตะโกนใส่เดนิสตะโกนออกมาแล้วจะวิ่งเข้าตีเดนิสด้านหลัง แต่เดนิสรู้ตัวก่อนแล้วใช้โล่กันเอาไว้ จากนั้นก็ใช้ดาบของเขาแทงเข้าไปที่ร่างของมัน จากนั้นก็ถีบร่างของบมันจนกระเด็นออกไป

    “ตุ๊บ!!”

    พวกมันในตอนนั้นเมื่อได้เห็นหัวหน้าของพวกมันโดนแทงจนล้มลง พวกมันจึงรีบทิ้งอาวุธและหนีออกจากท่าเรือไปในทันที แต่พวกนั้นก็โดนคนงานท่าเรือที่ดักทางออกยิงจนตายกันหมด

    “ปังๆๆๆๆๆ!!” 

    หลังจากสิ้นเสียงปืน ร่างของพวกมันก็ล้มลงกันทุกคน ตัวของเดนิสสะบัดเลือดออกจากดาบของเขา จากนั้นก็สั่งลูกน้องของเขาไป

    “เอาพวกมันไปถ่วงทะเลเลย” 

     

    ณ วารอนเน่บาร์ ในวันนั้นตัวของอารัสก็กำลังยืนคั่วกับชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่งอยู่ในร้าน แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะทำอะไรกันมากกว่านี้ ลูกน้องของเขาในร้านก็เดินมาเคาะเรียกเขา ทำเอาตัวของเขาเดินออกมาเจอกับลูกน้องอย่างหัวเสีย

    “เฮ้ เรียกทำไมกันเนี่ย??” 

    “อ้อ วีเขามาขอพบหน่ะครับ” ลูกน้องของเขาตอบไป ตัวของอารัสรีบใส่เสื้อ จากนั้นก็บอกกับชายหนุ่มคนนั้น

    “รออยู่ด้านในก่อนนะ” อารัสพูดขึ้น จากนั้นเขก็เดินอารมณ์เสียออกไปหาวีอย่างรวดเร็ว

    “ขอโทษทีที่ขัดจังหวะนะเว้ย” วีพูดขึ้น

    “เออ มีเรื่องอะไรหล่ะ??” อารัสถามไป และในตอนนั้น วีก็เอาเงินส่วนหนึ่งมาให้กับอารัสอย่างรวดเร็ว อารัสรีบรับเงินมาในทันที

    “นี่ วันหลังโอนเข้าบัญชีก็ได้ ไม่ก็ให้ลูกน้องฉัน” อารัสพูดขึ้น

    “เออ แล้วอีกเรื่อง จะมาบอกว่า เมื่อเช้ามีข่าวว่าพวกแก๊งจากโลซานส์เดินทางมาที่นี่หน่ะ” วีพูดขึ้น

    “เฮ้ย จริงเหรอ แล้วมันมาทำอะไรกัน??” อารัสถามไป

    “ก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วอีกอย่าง ตอนนี้กำลังจะมีสงครามแก๊งในเมืองนี้ ยังไงก้ระวังร้านนายด้วยหล่ะ” วีพูดไป จากนั้นตัวของวีก็เดินออกจากบาร์อย่างรวดเร็ว

    “ฝากทักทายแม่นายด้วยนะเว้ย!!” อารัสตะโกนไล่หลังไป

     

    ณ โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง รถตู้คันหนึ่งได้ขับเข้าไปด้านในลานจอดรถ จากนั้นไม่นาน บรรดาเสี่ยๆก็พาอีหนูลงจากรถกัน พวกเขาควงแขนพากันไปในห้อง VIP ห้องหนึ่ง เพื่อเข้าไปสนุกกัน พวกเขาเปิดประตูเข้าไปในห้อง พร้อมกับให้ลูกน้องกลุ่มหนึ่งคอยเฝ้าอยู่ด้านนอก กลุ่มบอดี้การ์ดด้านนอกยืนนิ่งชนิดไม่ไหวติง แต่ในตอนนั้นเอง

    “ปิ้ว!!”

    ร่างของบอดี้การ์ดคนหนึ่งถูกยิงจนร่วงลงพื้น บอดี้การ์ดคนอื่นพยายามจะชักปืนออกมา แต่พวกเขาก็โดนยิงจนล้มลง

    “ปิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆ!!” 

    หลังจากสิ้นเสียง กลุ่มบอดี้การ์ดพวกนั้นก็ล้มลงกันจนหมด ชายถือปืนเก็บเสียงสองคนก็เดินมาเคลียร์พื้นที่อย่างรวดเร็ว พวกเขายิงซ้ำเข้าที่หัวของบอดี้การ์ดทุกคนเพื่อเก็บงาน หลังจากนั้น พวกเขาก็มารวมตัวกันที่หน้าประตูห้อง จากนั้นก็คุยกันในทันที

    “เฮ้ นายว่านาเดียจะทำได้หรือเปล่า ร็อก??”

    “ไม่รู้ดิการิน มันก็ต้องลองดูข้างใน” ร็อกตอบกลับไป จากนั้นไม่นาน พวกเขาก็พังประตูเข้าไป และไม่นาน พวกเขาก็พบกับนาเดียซึ่งกำลังถือปืนเล็งไปยังชายกลุ่มนั้น โดยที่กลุ่มของอีหนูได้หนีไปหลบอีกด้านหนึ่งของห้องอย่างหวาดกลัว

    “มาช้านะพวกนาย” นาเดียพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็มารวมตัวกันเพื่อดูหน้าเป้าหมายของพวกเขาในทันที

    “นี่เป็นงานแรกที่เราทำร่วมกันเลยนะเนี่ย” ร็อกพูดขึ้น

    “เดี๋ยวๆๆๆ ใจเย็น ฉันมีเงิน อยากได้เท่าไหร่เอาไปเลย” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น แต่การินก็ถีบหน้ามันไปจนร่วง

    “แบบนี้ถือเป็นการดูถูกกันนะ” การินพูดขึ้น

    “เออ มัวแต่คุยกันอยู่ได้ เป้าหมายใครเป้าหมายมันเถอะ” นาเดียพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาสามคนก็ยิงเป้าหมายของพวกเขาอย่างดุเดือด จนพวกนั้นตายคาที่กันทุกคน พวกเขาสามคนยิงซ้ำไปที่หัว เพื่อเป็นการทำลายเมมโมรี่ของสมองทั้งหมด เพื่อไม่ให้เหลือข้อมูลได้ และในตอนนั้น การินก็เดินไปหากลุ่มอีหนูกลุ่มนั้นเพื่อไปคุยด้วย

    “น้องสาว อยากได้เงินเท่าไหร่จากมันเอาไปได้เลย แต่ถ้าเสือกปากโป้ง พวกเราไม่เอาไว้แน่” การินพูดขึ้น

    “รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวพวกตำรวจก็แห่มาหรอก” ร็อกพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบหนีออกจากโรงแรมม่านรูดอย่างรวดเร็ว พวกเขารีบหนีไปยังซอยเล็กๆซอยหนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็ถอดหน้ากากออกมาอย่างรวดเร็ว

    “โอ้ย หายใจลำบากเป็นบ้า” นาเดียพูดขึ้น

    “นี่ดีนะ พวกมันมารวมตัวกัน เลยช่วยกันได้” การินพูดขึ้น

    “เออ แต่คงไปได้ไม่ตลอดหรอก” ร็อกพูดขึ้น

    “แต่เอ๊ะ หรือว่าไอ้คนจ้างงานเราจะเป็นคนเดียวกัน??” นาเดียถามไป

    “บ้าหรือเปล่า บังเอิญไปมั้ย??” ร็อกถามไป

    “เอาเถอะ รีบกลับไปที่บาร์ก่อนเถอะ ไปรับเงินกัน” การินพูดขึ้น

    “นั่นดิ ฉันอยากเมาพอดีเลย พวกเราแยกย้ายกันก็แล้วกัน” นาเดียพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็แยกย้ายกันออกจากซอยและเดินไปคนละทางอย่างรวดเร็ว และพยายามปิดบังตัวเองเพื่อไม่ให้พวกตำรวจสังเกตได้

     

    ณ อีกฝากหนึ่งของเมือง หญิงสาวเอเชียคนหนึ่งซึ่งก็คือดาอึนกำลังเดินดุ่มๆตามชายเอเชียคนหนึ่งไปในซอยๆหนึ่ง ดาอึนเดินตามมาเรื่อยๆ จนชายคนนั้นไปหยุดและรวมตัวกับกลุ่มชายผิวขาวและผิวสีปะปนกันไป ชายเอเชียคนนั้นรีบไปคุยกับพรรคพวกของเขาในทันที

    “เฮ้ย อีนั่นมันตามกูมา เล่นแม่งเลยพวก!!” 

    พวกนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลงบุกเข้ามาเล่นงานดาอึน แต่ดาอึนกระโดดถีบหน้ามันคนหนึ่งจนกระเด็น ส่วนคนอื่นๆ ดาอึนก็ใช้วิชามวยของเธอเล่นงานพวกมันทีละคนจนเละ ชายเอเชียอาศัยจังหวะที่ดาอึนกำลังสู้กับคนอื่น ใช้ไม้แถวนั้นจะตีหัวดาอึน แต่ในตอนนั้นเอง หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งได้ยินเสียงเอะอะมาจากในซอนก็เดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

    “เธอ ระวัง!!” 

    ดาอึนได้ยินตอนนั้นก็รู้ตัวว่าจะโดนอะไร มันฟาดเข้าที่ดาอึนแต่ดาอึนหลบได้ จากนั้นดาอึนก็ถีบมันจนล้มลงไป และเมื่อมันล้มลง ดาอึนก็ชักมีดของเธอออกมา แล้วเอาไปจ่อที่คอของชายเอเชียคนนั้นทันที

    “พวกมึงอยู่ที่ไหนกันหมด บอกกูมา??” ดาอึนถามไปและเอามีดจี้คอหมอนั่นมากขึ้นเรื่อยๆ

    “เออๆๆๆๆ บอกแล้วๆๆๆ พวกมันไปขลุกกันอยู่ที่ผับเกาหลีซาซอน” ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นดาอึนก็ต่อยหน้ามันจนมันสลบไป และไม่นาน หญิงสาวคนนั้นก็รีบเดินเข้ามาในซอยเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

    “อะไรเนี่ย นี่เธอเล่นงานพวกเขาเหรอ??” หญิงสาวคนนั้นถามไป

    “เอ๊ะ นี่เธอ อาร์กัสหรือเปล่า??” ดาอึนถามอย่างสงสัย และในตอนนั้น พวกเธอก็ได้ยินเสียงจากด้านนอก อาร์กัสจึงรีบพาดาอึนออกจากซอยไปก่อนอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเธอหนีกันมาจนพ้นเรียบร้อยแล้ว อารืกัสก็รีบคุยกับดาอึนในทันที

    “นี่ เธอทำอะไรของเธอเนี่ย??” อาร์กัสถามไป

    “เรื่องของฉันน่า มันเป็นงานของฉัน เรื่องส่วนตัวของฉัน ว่าแต่ เธอไม่ไปตามหาคนเหรอ??” ดาอึนถามไป

    “บังเอิญผ่านมา แล้วมาเจอเข้าก่อนหน่ะ” อาร์กัสพูดขึ้น

    “ไอ้บ้านั่นมันทรยศหน่วยของฉัน แต่ฉันยังไม่ฆ่ามันหรอก ฉันอยากเก็บไว้ไปจับปลาใหญ่มากกว่า” ดาอึนพูดขึ้น

    “คนในหน่วย อะไรกัน นี่เธอเคยเป็นทหารด้วยเหรอ??” อาร์กัสถามไป

    “ใช่ ทหารเกาหลีเหนือ ยุทธการเกาหลี ทำไมหล่ะ??” ดาอึนถามไป

    “ฉันก็เคยเข้าร่วมกองทัพ ทหารรัสเซียหน่ะ มนุษย์ทดลอง” อาร์กัสพูดขึ้น 

    “อ้าว งั้นเหรอ มาถึงอเมริกาเพื่อหาคนเนี่ยนะ??” ดาอึนถามไป

    “เรื่องมันซับซ้อนหน่ะ” อาร์กัสพูดขึ้น

    “เอาเถอะ ฉันไปก่อนหล่ะ” ดาอึนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็รีบเดินจากไปในทันที

     

    เช้าวันต่อมา ที่สำนักมวยของเวเนเตอร์ ตัวของเวเนเตอร์เดินทางมาแต่ที่สำนักแต่เช้าเพื่อเปิดสำนักของเขา แต่ในตอนนั้นเอง ตัวของเขาก็เจอกับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งซึ่งพยายามจะพังสำนักของเขาเพื่อเข้าปล้น เวเนเตอร์รีบตะโกนออกไปในทันที

    “เฮ้ย หยุดนะเว้ย!!”

    เวเนเตอร์รีบวิ่งเข้าไปหมายจะหยุดคนพวกนั้น พวกมันถือไม้มาจะตีเวเนเตอร์ แต่เวเนเตอร์หลบได้และเตะพวกมันกลับไป มันคนหนึ่งจะเล่นงานเขาด้านหลัง แต่เวเนเตอร์ก็กระโดดเตะหันหลังกลับไป

    “ตุ๊บ!!”

    “โอ้ย บ้าเอ้ย รีบหนีเร็ว!!” มันคนหนึ่งตะโกนออกมา จากนั้นพวกมันก็พากันหนีออกไปจากบริเวณสำนักของเขา เวเนเตอร์จะไล่ตามไปแต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะพวกมันแยกย้ายหนีกันไปคนละทางอย่างรวดเร็ว

    “ไอ้ระยำเอ้ย” เวเนเตอร์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็รีบไปสำรวจความเสียหายอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปดูตรงจุดหน้าต่างที่โดนพวกมันตีจนแตก และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในสำนักของเวเนเตอร์ เพื่อมาทำอะไรบางอย่าง

    “เฮ้ เวเนเตอร์ เกิดอะไรขึ้นหน่ะ??” 

    “อ้อ ไม่มีอะไรหน่ะ ไอ้พวกกุ๊ยอีกแล้วหน่ะ” เวเนเตอร์พูดขึ้น

    “โห นี่มันปล้นกันไม่เว้นวันเลยนะ พวกตำรวจไปไหนกันหมดเนี่ย??”

    “ช่างมันเถอะ ฉันไม่หวังพึ่งตำรวจแล้วหล่ะ” เวเนเตอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบไม้กวาดของเขามาเพื่อเก็บกวาดพื้นที่ไป

    “เฮ้ย ถ้าไปแจ้งตำรวจหน่อย อย่างน้อยก็น่าจะได้ประกันนะเว้ย” 

    “พวกประกันมันก็สนแต่ประโยชน์นั่นแหละ ไม่เป็นไรหรอก ฉันพอมีเงินอยู่” เวเนเตอร์พูดขึ้นจากนั้นก็เก็บกวาดพื้นที่ต่อไป

     

    กลับมาที่บริษัทเอคิโดน่า ตัวของเอคิโดน่าเองยังคงตรวจสอบผลประกอบการของบริษัท ซึ่งเธอได้ส่งคนของเธอไปรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ต่างๆ ตัวของเธอนั่งคุยกับเลขาในทันทีเกี่ยวกับผลประกอบการในวันนี้

    “คุณเอคิน่าคะ งานของเราสำเร็จไป 80 เปอร์เซ็นต์ กำไรได้มาถึง 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่บางส่วนค่ะ” 

    “อืม ถ้าเทียบกับเดือนที่แล้ว ก็ยังถือว่าทรงตัว แต่ดูเหมือนว่าความอันตรายในเมืองจะมีส่วนมาก ที่ทำให้กำไรเราไม่ดีขึ้น” เอคิน่าพูดขึ้น

    “ค่ะ เรื่องสงครามแก๊งก็น่าจะมีส่วนค่ะ” 

    “อืม ถ้าอย่างงั้นเราก็ต้องฝึกกันให้มากขึ้นแล้วหล่ะ” เอคิน่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเอคิน่าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอาเอกสารอะไรบางอย่างให้กับเอคิน่า

    “คุณเอคิน่า ของคุณครับ”

    เอคิน่ารีบหยิบเอาเอกสารในซองออกมาดูในทันที ตัวของเอคิน่าพบว่าด้านในเป็นรูปของชายคนหนึ่งใส่เสื้อโค้ดสีขาวปิดบังใบหน้ากำลังไปที่ไหนซักแห่ง

    “อืม นายแน่ใจนะ??” เอคิน่าถามไป

    “แน่ใจครับผม สายของเรายืนยันมาแล้วครับ” ชายคนนั้นบอกกับเอคิน่าไป จากนั้นเธอก็ยื่นเงินให้กับชายคนนั้นในทันที

     

    และที่บริษัทโฮชิน ตัวชองเอเลียน่ากำลังเดินคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอย่างดุเดือด ในขณะที่เธอกำลังเดินไปที่ห้องทำงานของเธอ โดยเลขาของเธอได้ตามเธอไปติดๆ

    “นี่ เรื่องที่ให้ติดต่อไปที่แอฟริกา เป็นยังไงบ้าง??”

    “ดี แล้วพวกนั้นว่ายังไงบ้าง??”

    “บอกมันไปว่าฉันให้กำไร 20 เปอร์เซ็นต์เลย”

    “ถ้าพวกนั้นอยากจะคุยกับฉัน ให้ติดต่อกันผ่านโฮโลแกรมเลย” 

    “รีบๆดำเนินการเลยแล้วกัน” เอเลียน่าพูดจบก็รีบวางสายอย่างรวดเร็ว

    “คุณเอเลียน่าคะ ตอนนี้มีข่าวมาว่ากำลังจะมีสงครามแก๊งในเมืองค่ะ” เลขาของเธอบอกเอเลียน่าไป

    “ห่ะ มันจะเอาอีกแล้วเหรอ??” เอเลียน่าถามไป

    “ค่ะ เราจะทำยังไงต่อดีคะ บริษัทของเราอาจจะได้รับผลกระทบแน่นอนค่ะ??” 

    “ตอนนี้ต้องระดมการรักษาความปลอดภัยก่อน คุ้มกันบริษัทของเราให้เต็มที่ ฉันมีโปรเจ็กค์ใหญ่ที่กำลังดำเนินการ งานนี้ฉันจะพลาดไม่ได้” เอเลียน่าพูดขึ้น

     

    กลับมายังโกดังเขตท่าเรือของโซฟิโร่ ที่ตั้งของกลุ่มแก๊งแฮ็กเกอร์ของกูวอน ในตอนนี้พวกเขากำลังหาข่าวและรายละเอียดเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณทางเข้าเมืองโซฟิโร่ แฮ็กเกอร์คนหนึ่งรีบเดินไปหากูวอนเพื่อคุยเรื่องข้อมูลที่เขาได้มาอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ กูวอน ได้เรื่องมาแล้ว อุบัติเหตุเมื่อเช้าหน่ะ!!”

    “งั้นเหรอ เป็นยังไงบ้างวะ??” กูวอนถามไป

    “ยืนยันมาแล้วว่า ไอ้พวกบ้าที่รถคว่ำนั่นเป็นพวกแบล็กบลูหน่ะ”

    “แบล็กบลู มันกลับเข้ามาในเมืองทำไมกัน??” กูวอนถามไป

    “มันต้องมาตามหาของอะไรแน่ๆ ไม่งั้นมันไม่ถ่อมาที่นี่หรอก” 

    “เห็นด้วย พวกมันต้องมาหาอะไรแน่ๆ ไม่งั้นมันไม่มีทางกลับเข้ามาหรอก หาข้อมูลดูว่าพวกมันมาตามหาอะไร ค้นข้อมูลพวกตำรวจมาด้วยได้ยิ่งดี” กูวอนพูดขึ้น

    “โห ต้องไปล้วงข้อมูลตำรวจด้วยเหรอ??” 

    “ใช่ เพราะว่าตอนนี้พวกตำรวจคงได้ตัวพวกมันไปแล้ว พวกมันคงคายหลดเปลือกแน่ๆ ถ้าเกิดเจอผู้หมวดมาซากิหน่ะ” กูวอนพูดขึ้น

    “นั่นสิ เอาไว้เดี๋ยวผมจะจัดการเอง” สมาชิกแก๊งของกูวอนตอบไป

     

    มาที่เมืองเลวานส์ ห้องพักแห่งหนึ่งในโรงแรมหรูของเมือง ซานต้าตื่นขึ้นมาพร้อมกับบิดขี้เกียจเล็กน้อย โดยมีหญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นลูกค้าของเขานอนอยู่ด้วย ซานต้าลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่ใส่เสื้อผ้า จากนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เขาเปิดน้ำฝักบัวเพื่ออาบน้ำ ในระหว่างนั้น ตัวของเขาก็นึกคิดอะไรเพลินๆไปด้วย

    “ผมขอโทษนะแม่ ผมจำเป็นต้องทำ”

     ตัวของเขายังคงย้ำคำพูดนี้ในหัวของเขา หลังจากนั้นไม่นานนัก ตัวของเขาก็ดึงสติกลับมา จากนั้นตัวของเขาก็เอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดแล้วปิดตัวเอาไว้ จากนั้นก็เดินกลับออกมา แต่ในตอนนั้น ตัวของลูกค้าของเขาก็ตื่นขึ้นมา จากนั้นก็ไปกอดกับซานต้าอย่างรวดเร็ว

    “จะรีบไปไหนเหรอซานต้า??”

    “วันนี้คุณทีน่าไม่ไปทำงานเหรอครับ??” ซานต้าถามไป

    “ช่างมันเถอะ ฉันไม่ต้องรับผิดชอบอะไรอยู่แล้ว วันนี้ฉันอยากอยู่กับเธอทั้งวันนะ” 

    “ครับ ผมเข้าใจครับ แล้วคุณท่านจะไม่ตามมายิงผมเหรอ??” ซานต้าถามไป

    “โอ้ย ช่างมันประไรหล่ะ ไอ้แก่นั่นมันก็คงไปนอนกกอีหนูที่ไหนนั่นแหละ แต่มันไม่ฉลาดเท่าฉัน ฉันส่งนักสืบไปตามสืบเรื่องมันแล้ว ฉันจะเตรียมฟ้องหย่ามัน”

    “อ้อ แล้วจากนั้นคุณจะทำยังไงต่อครับ??” ซานต้าถามไป

    “ฉันจะฟ้องหย่ามัน แล้วฉันก็จะให้เธอเป็นผู้จัดการคนใหม่ของบริษัท แล้วเราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันแบบเปิดเผยซะที” 

    “อ้อครับผม ถ้าอย่างงั้น ให้ผมช่วยนะครับ” ซานต้าพูดขึ้น

    “เธอช่วยฉันได้อยู่แล้ว วันนี้เธอช่วยอยู่กับฉันทั้งวันได้หรือเปล่าหล่ะ??”

    “แน่นอนครับ” ซานต้าพูดขึ้น จากนั้นตัวของทีน่าก็ปลดผ้าขนหนูของซานต้าอย่างรวดเร็ว แล้วเธอก็รุกเข้าหาซานต้าอย่างหื่นกระหาย

     

    ณ ร้านอาหารจีนร้านหนึ่งในเลวานส์ รถคันหนึ่งขับมาจอดที่ด้านหน้าร้าน และมีคนลงจากรถและเดินเข้าร้านอาหาร ซึ่งคนๆนั่นก็คือเว่ยหลานนั่นเอง เว่ยหลานเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับมีกลุ่มชายชาวจีนรอต้อนรับ เว่ยหลานไปนั่งที่โต๊ะ VIP ซึ่งมีอาหารจีนตั้งรออยู่แล้ว เว่ยหลานรีบนั่งทานอาหารอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคุยกับคนของเธอซึ่งนั่งด้วย

    “เออนี่ ตอนนี้งานของเราเป็นยังไงบ้าง??” 

    “อ้อ เรากำลังดำเนินการอยู่ครับ” ลูกน้องของเธอตอบไป

    “งานที่คาสิโนก็โคตรหนักเลย กว่าจะได้หลับได้นอน” เว่ยหลานพูดขึ้นพลางคีบเนื้อปลามากิน

    “ปลาอร่อยมั้ยครับ นี่สูตรโบราณเลยนะครับ??” ลูกน้องของเธอถามไป

    “อร่อยมาก ฉันชอบนะ” เว่ยหลานพูดขึ้น

    “ตอนนี้เราพยายามจะจัดการกับคาสิโนอื่นแล้ว แต่ดูเหมือนพวกมันก็ยังแข็งอยู่ครับ” 

    “เออ ก็พอรู้น่า ว่าแต่คุณเซนติดต่อมาหรือเปล่า??” เว่ยหลานถามไป

    “ยังเลยครับ ดูเหมือนว่าทางนั้นก็ยังยุ่งๆอยู่ครับ”

    “อืม ตอนนี้ต้องระวังไอ้พวกหน้าใหม่ที่เข้ามาในเลวานส์ พวกมันอาจจะเป็นตัวพลิกเกมได้ทั้งนั้น” เว่ยหลานพูดขึ้น จากนั้นเธอก็นั่งกินไปเรื่อยๆ 

    “เออนี่ อย่าลืมรังนกของฉันหล่ะ” เว่ยหลานพูดขึ้น จากนั้นลูกน้องของเธอก็ให้สัญญาณมือกับพนักงานเสิร์ฟไป พนักงานเสิร์ฟรีบไปเอารังนกของเว่ยหลานมาในทันที

     

    และที่คาสิโนของเพิร์ลของวิเวียน ในวันนี้ตัวของวิเวียนเจอปัญหาที่คาสิโน นั่งก็คือกลุ่มเซียนพนันซึ่งมาโกงพนันในบ่อนของเธอ ตัวของเวียนนั่งโมโหอยู่ในห้อง ในขณะที่ลูกน้องของเธอก็เดินเข้ามารายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอ

    “คุณวิเวียนครับ เราจัดการไอ้พวกเซียนพนันแล้ว มันยอมรับแล้วว่ามันรับงานมาจากแก๊งเกเตอร์ครับ”

    “เกเตอร์ พวกเวียดนามอย่างงั้นเหรอ??” วิเวียนถามไป

    “อืม จะว่าไป พวกเวียดนามนี่มันก็มาหากินถิ่นเราอยู่เรื่อยๆนะครับ”

    “หรือว่า พวกเอลไดม์จะอยู่เบื้องหลังครับ??” ลูกน้องคนหนึ่งของเธอถามไป

    “พวกจีนเหรอ แต่ปกติ พวกจีนจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพวกเวียดนามนี่??” วิเวียนถามไป

    “แต่ไม่แน่นะครับ พวกมันอาจจะใช้นอมินีก็ได้ครับ”

    “อืม ก็พอเข้าใจได้ ยังไงก็ลองไปสืบมาแล้วกัน” วิเวียนพูดขึ้น

    “แล้วไอ้พวกเซียนพนัน เราจะเอายังไงกับมันดีครับ??”

    “ทำยังไงหล่ะ เอาพวกมันไปทำไส้กรอกให้หมากินสิ” วิเวียนพูดขึ้น 

     

    กลับมายังบริษัทไฮพิเรียของเซน ในวันนี้ตัวของเซนได้ประชุมร่วมกับผู้ถือหุ้นของเขา หลังจากที่การประชุมอันน่าเบื่อสิ้นสุดลง ตัวของเซนก็เดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว และเดินไปที่ห้องรับรองห้องหนึ่ง ซึ่งลูกน้องของเขากลุ่มหนึ่งกำลังยืนรอเขาอยู่แล้ว

    “ที่โลซานส์เป็นยังไงบ้าง??” เซนไม่รอช้าถามลูกน้องของเขาไป

    “เราพยายามจัดการอยู่ครับ แต่สงครามแก๊งที่นั่นหนักมาก”

    “อืม ตอนนี้ต้องรีบกันพวกมันออกจากพื้นที่ของฉันโดยด่วน ตอนนี้พวกผู้ถือหุ้นกำลังตามเรื่องนี้แล้ว” เซนพูดขึ้น

    “ครับผม เรากำลังดำเนินการอยู่ครับ”

    “ตอนนี้ต้องรีบทำเดี๋ยวนี้เลย แล้วพวกนาย มีใครพอรู้ข่าวอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทางเข้าเมืองบ้าง??” เซนถามไป

    “ครับ สายของเราบอกมาว่าเป็นพวกแบล็กบลูครับ”

    “พวกแบล็กบลู มันจะมาทำไมอีกวะ??” เซนถามอย่างสงสัย

    “อืม เรื่องนั้นคงต้องไปถามพวกมันดูหล่ะครับ ตอนนี้ได้ยินว่ามันอยู่ในมือตำรวจ”

    “ถ้าพวกมันอยู่ในมือตำรวจ ฉันจะลองถามพวกตำรวจในนั้นดูก็แล้วกัน” เซนพูดไป

     

    ณ สถานีตำรวจโซฟิโร่ หมวดมาซากิเดินเข้ามาในสถานี ซึ่งตัวของคลีเมนไทน์กำลังยืนรอเธออยู่ และเมื่อทั้งคู่ได้เจอกัน พวกเขาก็รีบคุยกันในทันที

    “มาซากิ เป็นยังไงบ้าง??” คลีเมนไทน์ถามไป

    “ไอ้พวกแบล็กบลูนั่นมันพูดได้แล้ว มันคายทุกอย่างออกมาเลย ไม่อย่างงั้น มันคงโดนฉันจัดหนักหลังจากรักษาตัวเสร็จ” มาซากิพูดขึ้น

    “อืม แล้วมันว่ายังไงบ้างหล่ะ??” คลีเมนไทน์ถามไป

    “มันบอก มันกำลังตามล่ากลุ่มใบไม้ขาวที่หลบหนีเข้ามาในเมืองนี้” มาซากิตอบไป

    “พวกใบไม้ขาว มันโดนกวาดล้างไปนานแล้วนี่” 

    “ฉันก็คิดแบบนั้นค่ะ แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ได้โกหก” มาซากิพูดขึ้น

    “ถ้าพวกมันกลับมาที่นี่ มันต้องเริ่มเดินสายการผลิตยาแน่ๆ” คลีเมนไทน์พูดขึ้น

    “จะว่าไป ฉันได้ข่าวจากสายของเรามาว่า มีไอ้หน้าใหม่เข้ามาในเมืองนี้ ได้ยินว่ามันเป็นสมาชิกแก๊งมาจากโลซานส์” มาซากิพูดขึ้น

    “ฉันว่า มันต้องรู้อะไรแน่ๆ” คลีเมนไทน์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น ฉันจะลองไปตามสืบเองค่ะ” มาซากิพูดขึ้น

    “อืม ยังไงก็ลองตามเรื่องด้วยแล้วกัน” คลีเมนไทน์พูดขึ้น

     

    ณ ร้านอาหารฝรั่งเศสร้านหนึ่ง ซึ่งต้อนรับแขกที่มีเงิน บรรดาลูกค้าเข้าร้านกันมากมาย แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ไมนฮาร์ทได้เดินเข้ามาในร้านอย่างรวดเร็ว แทบจะไม่รอให้พนักงานต้อนรับทักทายเลย เขาเดินเข้าไปในร้านและนั่งเก้าอี้ตัวหนึ่งสำหรับทานอาหารคนเดียว และไม่นานนัก พนักงานเสิร์ฟก็มาหาเขาอย่างรวดเร็ว

    “สวัสดีครับ อยากทานอะไรครับ??” 

    “ขอสเต็ก แพงๆหน่อยนะ” ไมนฮาร์ทตอบไป จากนั้นก็เอาเงินวางไว้บนโต๊ะให้พนักงาน พนักงานยังไม่รับเงินและเดินกลับเข้าไปในร้าน และในตอนนั้น ตัวของเขาก็เจอกับชายชุดสูทคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งทานอาหารร่วมกับหญิงสาวคนหนึ่งอย่างรื่นรมย์

    “หวัดดีไอ้แม็กซ์ กูเจอมึงแล้ว” 

    ไมนฮาร์ทยังไม่ทันทำอะไร จู่ๆ พนักงานเสิร์ฟก็เอาสเต็กวางไว้ให้กับไมนฮาร์ทในทันที

    “สเต็กได้แล้วค่ะ!!

    ตัวของไมน์ฮาร์ทรีบตัดชิ้นเนื้อแล้วกินมันอย่างรวดเร็ว ในขณะที่สายตาก็มองเป้าหมายของเขาไปแบบชนิดที่ตาไม่กะพริบ

     

    กลับมายังฐานที่มั่นวิจัยของซาเรียส ตัวของซาเรียสตรวจสอบกำลังคนของเขา ซึ่งเป็นกองกำลังหุ่นโคลน ซาเรียสเดินดูไปเรื่อยๆ โดยที่มิคาเอล โลแกน และดาคัธคอยเดินอยู่ด้วยกับเขา 

    “อืม หากเรามีกำลังมากมายขนาดนี้ เราต้องสู้กับพวกมันได้แน่” ซาเรียสพูดขึ้น

    “นั่นสิขอรับ เราควรจักบดขยี้พวกมันให้เร็วที่สุด” โลแกนพูดขึ้น

    “แต่ปัญหาก็คือ พวกบริษัทใหญ่ๆในตอนนี้ก็กำลังสะสมสรรพกำลังอยู่ เราคงยังทำอะไรพวกมันไม่ได้มาก” ดาคัธพูดขึ้น

    “กระผมเห็นด้วย เพลานี้เราต้องรู้ก่อนว่าพวกมันกำลังทำอะไร” มิคาเอลพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง มารีเบลก็พาชายร่างยักษ์ในชุดเกราะที่น่าเกรงขามคนหนึ่งมาหาซาเรียส ซาเรียสเห็นชายคนนั้นก็รีบไปทักทายในทันที

    “นายท่านเจ้าขา แองเจลโล่มาแล้วเจ้าค่ะ” 

    “อืม แองเจลโล่ เป็นยังไงบ้าง??” ซาเรียสถามไป

    “มีข่าวมาจากในเมือง เพลานี้มีไอ้หน้าใหม่คนหนึ่งเข้ามาในเมือง มันน่าจะเป็นสมาชิกแก๊งด้วยครับ” แองเจลโล่พูดขึ้น

    “กระผมขออาสาไปดูหน้าไอ้หน้าใหม่นั่นเอง” โลแกนพูดขึ้น

    “หือ ทำเช่นนั้นจะดีหรือ??” ดาคัธถามไป

    “ลองดูก็ได้ ถ้าอย่างงั้นเจ้าลองไปสืบมาก็แล้วกัน” ซาเรียสพูดขึ้น

    “เรื่องไอ้หน้าใหม่นั่น คงไม่สำคัญเท่าสงครามแก๊งที่กำลังจะเกิดหรอก” มารีเบลพูดขึ้น

    “ไม่หรอก มันอาจจะเป็นตัวพลิกเกมได้ อย่าประมาทมันก็แล้วกัน” มิคาเอลพูดขึ้น

    “เรื่องสงครามแก๊ง เราต้องรอให้พวกมันจัดการกันไปก่อน แล้วเราค่อยถล่มพวกมันทีหลัง” แองเจลโล่พูดขึ้น

    “จริงด้วย ถ้าอย่างงั้นก็จัดการไปตามนั้น แล้วมารายงานข้าเป็นระยะๆด้วยหล่ะ” ซาเรียสพูดไป

     

    ณ ถนนเส้นหนึ่งซึ่งมุ่งตรงไปยังมหาวิทยาลันโซฟิโร่ รถแท็กซี่คันหนึ่งขับไปจอดที่หน้ามหาวิทยาลัยซึ่งมีกลุ่มเด็กวัยรุ่นกำลังเดินไปเดินมาบริเวณนั้น ตัวของนากยองในร่างของโซราห์เดินลงจากรถอย่างรวดเร็ว แล้วก็ให้เงินกับคนขับแท็กซี่ไป หลังจากนั้นตัวของเธอก็เดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็วท่ามกลางเด็กหนุ่มสาวที่เดินสวนกันไปมา ตัวของเธอเดินเข้าไปในตึกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ห้องของอธิการอย่างรวดเร็ว เธอเดินเข้าไปที่ห้องของอธิการที่กำลังยืนอยู่แถวนั้น

    “อ้าว นั่งก่อนสิ!!”

    ชายวัยกลางคนคนหนึ่งบอกกับเธอ นากยองก็นั่งที่นั่งของเธอในทันที จากนั้นตัวของเขาก็ไปนั่งที่ของเขาบ้าง

    “อืม เธอเอาใบมาหรือเปล่า??”

    นากยองได้ยินดังนั้นจึงยื่นเอกสารให้กับเขาอย่างรวดเร็ว ตัวของอธิการอ่านประวัติของเธอซักพักก็พูดขึ้น

    “นากยอง คณะศิลปะ สาขาละครเวที เธอทำคะแนนได้ดีนะถึงมาอยู่ที่นี่ได้” 

    “ค่ะ ฉันรู้ค่ะ” นากยองตอบไป

    “อืม แต่เธอต้องรู้ไว้อย่างหนึ่งนะ เมืองนี้มันไม่ได้สวยงามแบบที่เธอคิดหรอก บางทีเธอไม่ควรออกไปข้างนอกคนเดียวด้วย มันอันตราย”

    “อ้อ ค่ะ ฉันเข้าใจค่ะ” นากยองพูดขึ้น

    “แค่บอกไว้ก่อนหน่ะ เมืองนี้มันอันตรายและโสมม แต่เอาเถอะ หอพักของเธออยู่ด้านหลังนะ เธอน่าจะไปถูกนะ” อธิการบอกกับนากยองไป

    “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” นากยองพูดขึ้น

     

    กลับมายังเขตของแก๊งเบล ในตอนนั้นกลุ่มของเบลได้ดักรอใครบางคนอยู่ในซอยซอยหนึ่ง พวกเขาดักรออย่างตั้งใจ และไม่นานนัก พวกเขาก็เห็นกลุ่มชายในผ้าคลุมดำกลุ่มหนึ่งกำลังติดใบปลิวอะไรบางอย่างไปทั่วบริเวณ เบลที่กำลังยืนมองเหตุการณ์ก็พูดขึ้น

    “ลุยเลย!!”

    พวกของเบลบุกออกไปแล้วไล่กระทืบพวกชุดดำที่อยู่นอกซอยอย่างรวดเร็ว กลุ่มชายชุดดำพยายามตอบโต้กลับไป แต่ก็ไม่เป็นผลมากนัก เบลและพรรคพวกคนอื่นๆเมื่อกระทืบพวกนั้นจนหน่ำใจ พวกเขาก็ไล่ฉีกใบปลิวของพวกนั้นไปทีละแผ่น

    “ฉีกแม่งให้หมดเลย!!”

    พวกของเบลฉีกใบปลิวไปเรื่อยๆจนหมด จากนั้นไม่นานนัก เบลก็ตะโกนออกมา

    “ไปเร็ว!!”

    พวกเขาหนีกันออกไปอีกทางหนึ่งเพื่อหนีพวกมันที่ตามมาสมทบ พวกเขาแยกย้ายกันไปหลบตามตึกต่างๆ ส่วนตัวของเบลเองก็เข้าไปหลบในตึกที่เขาอาศัยอยู่ จากนั้นก็คุยกับลูกน้องไป

    “ลูกพี่ ดีนะที่พวกมันไม่ตามมา”

    “เออ ก็ดีแล้ว หวังว่าจะไม่มีตำรวจตามเรามานะ” เบลพูดขึ้น

    “ไม่มีหรอกครับ แถวนั้นปลอดกล้องวงจรปิดครับ”

    “เออ พวกเราแยกย้ายกันไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที” เบลพูดทิ้งท้ายไว้ จากนั้นลูกน้องของเขาก็แยกย้ายไปอีกทางหนึ่ง ส่วนตัวของเบลเองก็รีบกลับไปที่คอนโดของเขา

     

    กลับมายังอู่มอเตอร์ไซค์ของแอมิเลีย ในวันนั้นตัวของแอมิเลียเองก็ได้จัดการซ่อมมอเตอร์ไซค์ให้กับลูกค้าของเธอไป โดยที่กลุ่มช่างมอเตอร์ไซค์คนอื่นๆก็ได้ทำงานอย่างขยันขันแข็ง 

    “เฮ้ กระตุ้นไฟตรงนี้ให้ฉันที” แอมิเลียบอกกับช่างของเธอไป

    “ได้เลยเจ๊ รอแป๊ป!!” ช่างเครื่องคนหนึ่งเอาเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าเชื่อมเข้ากับแบตเตอรี่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ลองกระตุ้นเครื่องใหม่

    “จึ๊ด!!”

    “โอเค แบบนั้นแหละ” แอมิเลียพูดอีกรอบ จากนั้นตัวของเธอก็ขันน็อตตรงนั้นทีตรงนี้ที จากนั้นก็พูดขึ้น

    “เอาหล่ะ ลองดู”

    “จึ๊ด!!”

    “บรื้น!!”

    ในตอนนั้นรถก็สตาร์ทติด กลุ่มช่างพากันโล่งใจ โดยเฉพาะแอมิเลีย เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา จากนั้นก็คุยกับลูกน้องของเธอ

    “เอาหล่ะ จบไปเคสนึงแล้ว” ในระหว่างที่แอมิเลียกำลังยินดีอยู่นั้น ช่างของเธอคนหนึ่งก็วิ่งมาหาเธอแล้วมาคุยอะไรบางอย่างกับเธอ

    “เจ๊ มีข่าวว่ามีแก๊งตีกันที่ท่าเรือหน่ะ!!”

    “อีกแล้วเหรอ เฮ้อ ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วเนี่ย” แอมิเลียพูดขึ้น

    “ผมว่า ถ้าพวก Red Eagles ยังอยู่ ก็คงจะไม่หนักขนาดนี้นะครับ”

    “จริงด้วย งานนี้ยังไงพวกเราก็ต้องระวังหน่อยแล้วกัน” แอมิเลียพูดขึ้น และอีกฝากหนึ่งของถนน รถยนต์สีขาวคันหนึ่งได้ขับผ่านร้านซ่อมรถของแอมิเลีย ซึ่งคนในรถก็คือมายเดียร์นั่งเอง แต่ในคราวนี้ตัวของมายเดียร์ที่เพิ่งจะมองร้านของแอมิเลียก็เกิดปวดหัวขึ้นมา และไม่นานนัก สายตาของเธอก็เปลี่ยนไป กลายเป็นสายตาของคนที่กำลังโกรธแค้น หุ่นบีครอสที่สังเกตเห็นก็พูดขึ้น

    “คุณกลายเป็นคุณลูซิเฟนแล้วสินะครับ”

    “เฮ้อ ว่าไงก็ว่ากันเถอะ เมื่อกี้เราคุยกันถึงไหนแล้ว??” มายเดียร์ถามด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม

    “พูดกับถึงเรื่องที่มีแก๊งปะทะกันที่ท่าเรือครับ”

    “ที่ท่าเรือเป็นเขตของไอ้พวกดาบลี่หว่า มันไปทำอะไรกัน??” มายเดียร์ถามไป

    “พวกมันคงจะไปแย่งชิงเขตท่าเรือกันแน่นอนครับ”

    “เฮ้อ ท่าเรือนั่นก็เหมือนกัน วันหนึ่งฉันต้องเอามันมาเป็นของฉัน!!” มายเดียร์ตะโกนออกมา แต่เธอรู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ เธอเลยหยิบยามากระปุกหนึ่ง จากนั้นก็เทมันออกมาหนึ่งเม็ดแล้วกินอย่างรวดเร็ว

     

    ณ สนามบินโซฟิโร่ สนามบินซึ่งในตอนนี้รับผู้คนมากมายซึ่งเดินทางมาเพื่อท่องเที่ยวและอื่นๆ เครื่องบินพาณิชย์ลำหนึ่งลงจอดเข้าเทียบท่าบริเวณพื้นที่ว่าง ซึ่งในตอนนั้นขบวนรถทหารกลุ่มหนึ่งก็กำลังมารอพวกเขาอยู่แล้ว คนที่ลงมาจากเครื่องบินก็คือกองกำลัง E.F.S.F ซึ่งเป็นกลุ่มจักรกลซึ่งมีสมองและสติปัญญาเป็นมนุษย์ กลุ่มกองกำลังเดินไปที่รถทหาร โดยที่มีทหารกลุ่มหนึ่งมารอรับเขา ทหารคนหนึ่งรับทำความเคารพจักรกลสีดำตัวหนึ่งอย่างรวดเร็ว

    “สวัสดีครับ ร้อยเอกโทนี่ รายงานตัวครับ ท่านนีโอ!!”

    “อืม นึกว่าจะมากันน้อยกว่านี้ซะอีก” นีโอซึ่งเป็นจักรกลพูดขึ้น

    “เราต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ให้เงียบที่สุดครับ”

    “ดี ตอนนี้กองกำลังของผมพร้อมแล้ว รีบพาพวกเราไปได้เลย” นีโอพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปขึ้งรถทหารที่จอดเรียงรายกัน หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบออกรถเพื่อเดินทางกันต่อ

     

    ณ ตึกแถวแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในย่านสลัมของเมืองโซฟิโร่ ชิบะขี่มอเตอร์ไซค์นำทางเนลล์มายังตึกแถวแห่งหนึ่ง ตึกแถวที่ถูกทิ้งร้างมานาน แต่ดูภายนอกก็ยังคงสภาพดีอยู่ 

    “ที่นี่แหละ มีอะไรโทรมาก็แล้วกัน” ชิบะพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปอย่างรวดเร็ว ตัวของเนลล์ขี่มอเตอร์ไซค์ไปจอดที่ด้านหลังตึก ซึ่งมีลานจอดมอเตอร์ไซค์อยู่ด้านหลัง หลังจากที่จอดรถ พวกเขาก็ลงจากรถและเดินเปิดประตูหลังเข้าไปในตึก 

    “เฮ้ นายเคยอยู่ที่นี่งั้นเหรอ??” เนลล์ถามทีเร็กซ์ไป

    “ใช่ ฉันเคยใช้มันเป็นแหล่งผลิตยาหน่ะ” ทีเร็กซ์พูดขึ้น จากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ขึ้นตึกมาถึงชั้นบนสุด ทีเร็กซ์เปิดประตูเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ซึ่งด้านในห้องมีเครื่องจักรเครื่องหนึ่ง พร้อมกับถังเก็บสารอะไรบางอย่าง 

    “โห นี่มันสารตั้งต้นงั้นเหรอ??” เนลล์ถามไป

    “ใช่ สกัดจากธรรมชาติเลย แค่เอามันมาเข้าเครื่องจักรก็ใช้ได้แล้ว” ทีเร็กซ์พูดขึ้น

    “แล้วมันจะไม่เน่าเสียเหรอ แล้วอีกอย่าง ถ้ามันเกิดเรื่อง สารนั่นมันก็ต้องหายไปหมดแล้วสิ??” เนลล์ยิงคำถามเป็นชุด

    “มันไม่มีวันเน่าเสียหรอก อีกอย่างมันไม่เคยรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ สารตั้งต้นที่เรามี น่าจะพอทำเงินได้ 20 ล้าน ถ้าขายได้นะ” ทีเร็กซ์พูดขึ้น

    “อ้อ คงต้องทำความสะอาดนิดหน่อยแล้ว ว่าแต่ เมืองนี้มีเขตอิทธิพลของใครบ้างหล่ะ??” เนลล์ถามทีเร็กซ์ไป

    “เท่าที่รู้นะ นอกจากพวกแบล็กบลูที่โดนกวาดล้างไปแล้ว ก็มีพวกเจเนซิส พวกไคเซอร์ แล้วก็อีกเยอะแยะเลย เดี๋ยวเอาไว้นาบอยู่ไปเรื่อยๆฉันจะบอกนายเอง ฉันจะลองติดต่อพรรคพวกคนเก่าๆก่อนแล้วกัน” ทีเร็กซ์พูดขึ้น

    “อืม ฉันขอไปรอบเมืองหน่อยก็แล้วกัน” เนลล์พูดขึ้น

    “เฮ้ย อย่าใส่เสื้อแก๊งไปก็แล้วกัน” ทีเร็กซ์พูดขึ้น ทำเอาเนลล์ถึงกับถอดเสื้อกั๊กของเขาออก จากนั้นก็วางเสื้อไว้แถวๆนั้น แล้วเดินออกจากตึกไปในทันที

    ===================================================================

    การสร้างเนื้องสร้างตัวครั้งใหม่ของเนลล์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    https://ko-fi.com/shinobinon ถูกใจนิยาย อยากเลี้ยงกาแฟผม จัดเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×