ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nazi Mafia - เมืองนี้ข้าจอง

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 3 : โปแลนด์นองเลือด

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 63


    แม่ของนาวินพานาวินเข้ามาพักด้านในบ้านพักของเธอ นาวินมองเห็นด้านในบ้านก็ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ แม่และน้องสาวอยู่ได้ยังไงท่ามกลางห้องโทรมๆแบบนี้ แม้ว่าแม่ของเขาจะเป็นคนรักความสะอาด แต่นาวินมองแค่แวบแรกก็รู้ว่ามันเสื่อมโทรมมากแค่ไหน

    “ลูกมีที่พักหรือเปล่า ถ้าไม่มีลูกนอนห้องแม่ก็ได้ แม่จะนอนโซฟาเอา??”

    “แม่อยู่ที่แบบนี้ได้ยังไงครับเนี่ย??” นาวินถามอย่างสงสัย

    “ก็ที่นี่แหละไม่มีใครรู้ว่าเราอยู่ที่นี่ค่ะพี่” นอร์ดี้พูดขึ้น

    “แม่หนีเจ้าหนี้มาอยู่ที่แบบนี้เนี่ยนะครับ??” นาวินถามไป

    “มันจำเป็นหน่ะลูก แม่ไปหาคุณเบ็คฟอร์ดเพื่อไปกู้เงินเขา แม่กะว่าจะเปิดร้านซักร้าน แต่พวกแก๊งค์มาปล้นที่ร้านแม่จนเราไม่เหลืออะไรเลย ร้านของเราก็กำลังจะโดนยึดหน่ะจ้ะ”

    “แม่ บอกผมมาได้หรือเปล่าว่าพวกไหนมันปล้นแม่??” นาวินถามแม่ไป

    “อย่าเลยลูก ไม่เป็นไรหรอกลูก!!”

    “ไม่ครับแม่ แม่บอกผมมาเถอะว่ามันเป็นพวกไหนกัน??" นาวินพยายามถามแม่เขาไป

    “พวกนั้นประกาศว่าเป็นแก๊งค์ใหญ่ค่ะพี่” นอร์ดี้พูดขึ้น

    “ถ้าเราไปกับพี่ เราจำมันได้หรือเปล่า??” นาวินถามน้องเขาไป และเธอก็พยักหน้า

    “อย่าทำแบบนี้นะลูก แม่ยอมอดตายดีกว่าให้ลูกไปเสี่ยงแบบนั้น”

    “แม่ครับ เราคงไม่ทันอดตายหรอก เราคงโดนพวกมันฆ่าตายก่อนหน่ะสิ แล้วมันจะทำอะไรกับนอร์ดี้หล่ะ แม่ไม่ต้องห่วง ผมจะช่วยแม่เอง” นาวินพยายามพูดกับแม่เขาและกอดแม่เขาไว้

    “พี่ให้หนูไปหางานทำก็ได้นะคะ” นอร์ดี้พูดกับนาวินไป

    “ไม่ต้องหรอก เราต้องเรียนให้จบ พี่จะส่งเสียเอง ไม่ต้องห่วงนะ แล้วพี่จะหาบ้านดีๆให้แม่กับเราอยู่ด้วย แม่ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครทำอะไรผมได้หรอก เชื่อผมนะ” นาวินคว้าทั้งสองคนมากอดไว้ ทั้งสองคนก็ร้องไห้ไปด้วย

    “อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมายนะลูก แม่ขอร้อง”

    “ไม่ต้องห่วงครับแม่ ไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการเอง ผมจะกลับไปห้องพักของผมนะครับวันนี้ แม่จะได้นอนบนเตียงนะ แล้วพี่จะมาหาเธอนะนอร์ดี้”

    นาวินพูดขึ้นจากนั้นเขาก็รีบกลับไปที่ห้องพักของเขา เพื่อไปหาทางในการใช้หนี้แม่ของเขา รวมถึงหาเงินให้มากขึ้นเพื่อสร้างชีวิตใหม่ให้ครอบครัว เมื่อเขากลับมาถึงห้องพักของเขา จู่ๆก็มีชายในชุดสูทสองคนเดินตามหาใครคนหนึ่ง และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายสองคนนั้นก็เดินเข้ามาหานาวินในทันที

    “นี่นาย เคยเห็นผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า??” นาวินเห็นรูปนั่นก็คือการ์เน็ตต้านั่นเอง ไม่รู้ว่าคนพวกนี้มีเจตนาอะไรหรือเปล่า นาวินเลยตอบไปว่า

    “ไม่นะครับ!!”

    ชายสอนคนนั้นเห็นว่าตามหาไม่เจอแน่ๆเลยรีบเดินออกไปจากอพาร์ทเม้นท์ และทางการ์เน็ตต้าที่เหลือบมองอยู่ตรงประตูก็แง้มประตูออกมาแล้วมาหานาวินในทันที

    “คุณนอร์วินคะ พวกมันไปหรือยังคะ??”

    “คิดว่าไปแล้วครับ ว่าแต่ มันเป็นใครกันครับ??” นาวินถามไป

    “คือว่า ฉันเป็นหนี้นอกระบบ แล้วฉันไม่มีจ่าย พวกมันเลยจะเอาตัวฉันไปขาย อย่าบอกใครนะคะว่าฉันอยู่ที่นี่” การ์เน็ตต้าพูดขึ้น

    “อ้อ ได้ครับ คุณก็ระวังตัวไว้นะครับ ช่วงนี้มันอันตราย”

    “ขอบคุณมากนะคะ” การ์เน็ตต้ากลับเข้าห้องไป แต่นาวินก็ยังสงสัยในสิ่งที่เธอพูด แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เขากลับเข้าไปในห้องของเขา จากนั้นเขาก็นึกไปว่าจะหาจากที่ไหนดี และเขาก็นึกขึ้นได้ คุณโคลินไงหล่ะ เขาน่าจะมีงานให้เราทำหน่อยนะ นาวินไม่รอช้ารีบไปโทรศัพท์หาโคลินในทันที เขาพอจะจำเบอร์โทรได้ เขารีบโทรไปในทันที

    “ฮัลโหล นั่นใครพูดหล่ะ??”

    “คุณโคลินครับ ผมนอร์วินครับ คุณมีงานให้ผมทำหรือเปล่าครับ??” นาวินถามไป

    “นอร์วิน ขอบคุณพระเจ้า นายโทรมาพอดีเลย เผอิญพวกบ้าที่ท่าเรือมันจะมารวมตัวกันที่โกดัง เพื่อประท้วงเรื่องที่ฉันไล่พวกมันออกคนหนึ่ง ฉันอยากให้นายช่วยคุ้มกันฉันหน่อย ฉันจ่ายให้ 2000 ฟรังก์เลย”

    “ได้ครับ แล้วจะไปกี่โมงครับ??” นาวินถามไป

    “มันจะมาถึงช่วงเย็น นายไปทำธุระอย่างอื่นก่อนแล้วค่อยมาก็ได้ มาให้ได้หล่ะ” โคลินพูดขึ้น จากนั้นก็วางสายไป นาวินดีใจมากที่ยังได้งานทำอยู่ ตั้ง 2000 ฟรังก์ ใครไม่ทำก็บ้าแล้ว แต่เอ๊ะ พรุ่งนี้นาวินต้องไปรับการแต่งตั้งเพื่อเข้าแก๊งค์นะ เขาต้องรีบนอนและแต่งตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ เขาเลยต้องรีบเข้านอนในทันที

     

    เช้าวันต่อมา ทอร์รินมารับนาวินที่หน้าคอนโดของเขา แล้วพาเขาไปยังคฤหาสน์ของตระกูลThe Crowซึ่งห่างจากเมืองไปไม่เท่าไหร่ และในไม่กี่อึดใจ เขาก็ขับรถมาถึงจนได้ โดยที่นาวินเขาก็เห็นชายชุดสูทมากมายเดินอยู่แถวนั้น และเมื่อเขามาถึงหน้าบ้าน ก็มีคนมาเปิดประตูต้อนรับพวกเขาในทันที

    “เอาหล่ะ นอร์วิน วันนี้แหละเป็นวันของนาย!!”

    ทอร์รินพูดขึ้น จากนั้นเขาก็พานาวินเดินเข้าไปในห้องกว้างห้องหนึ่ง ซึ่งเมื่อเขาเปิดประตูเข้าไป เขาก็พบกับแจ็คสันที่รออยู่ในห้อง ในห้องประดับไปด้วยกระจกหลายสีและเครื่องมือทำพิธีกรรมต่างๆ ราวกับว่ามันเป็นโบสถ์ และเมื่อนาวินเดินมาถึงกลางห้อง เควินก็ตะโกนขึ้นมาในทันที

    “แสดงความเคารพ ท่านหัวหน้า!!”

    ทุกคนโค้งคำนับแก่แจ็คสัน จากนั้นไม่นาน แจ็คสันก็กวักมือเรียกนาวินให้เข้ามาหาเขาในทันที

    “เอาหล่ะ นายคือสมาชิกใหม่สินะ เข้ามาเลย!!”

    นาวินเดินมาอยู่ตรงหน้าแจ็คสัน โดยที่เควินก็สั่งให้นาวินคุกเข่าลงไปด้วย

    “ยื่นมือมาหน่อยสิ!!”

    แจ็คสันบอกกับนาวิน จากนั้นนาวินก็ยื่นมาให้เขา จากนั้นแจ็คสันก็ใช้เข็มเจาะเข้าที่มือของนาวิน จากนั้นก็หมดเลือดของเขาลงบนเหรียญทองคำรูปอีกา จากนั้นก็ยื่นให้กับเขา

    “เหรียญนี้จะย้ำเตือนเจ้าว่าเจ้าเป็นใคร”

    แจ็คสันพูดขึ้นพลางยื่นเหรียญให้กับนาวิน นาวินรีบรับมาในทันที

    “ข้าขอประกาศต่อหน้าผู้คนทั้งมวล ข้าจะขอรับ อ่า บอกชื่อนามสกุลเจ้ามา??” แจ็คสันบอกเขาไป

    “นอร์วิน มาริลสกี้ ครับ!!”

    “นอร์วิน มาริลสกี้ เข้าเป็นทหารแห่งสมาชิกภาคี The Crow อีกาผู้หาญกล้าต่อรบกับอินทรีย์ทรราชย์ซึ่งกฎเหล็กของเราก็คือ ช่วยเหลือผู้อ่อนแอ ปลดปล่อยผู้คนให้เป็นไท รวมใจระหว่างพี่น้อง และครอบครัวอยู่เหนือสิ่งใด หากเจ้าคิดคดต่อเราและพี่น้อง ขอให้อีกานับร้อยมาจิกกินหัวใจเจ้าจนไม่เหลือชิ้นดี พี่น้องที่เหลือของเราจะตามล่าเจ้าไปจนสุดหล้า เจ้าพร้อมจะยอมรับคำปฏิญาณนี้หรือไม่??” แจ็คสันถามนาวินไป

    “ข้าพเจ้าน้อมรับ!!”

    “นอร์วิน มาริลสกี้ ต่อแต่นี้เจ้าคือทหารกล้าของเรา จงอย่าทำให้พวกเราผิดหวัง!!” แจ็คสันพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ยื่นแหวนอีกาให้นาวิน นาวินรีบจูบแหวนในทันที จากนั้นเขาก็ยื่นแหวนกลับคืนมา

    “ยินดีด้วยที่นายเข้าร่วมกับเรา” ทอร์รินพูดขึ้น

    “เยี่ยม ต่อแต่นี้ นายรับคำสั่งจากฉันโดยตรงเลย” เควินพูดขึ้น

    “อ้าว แล้วทอร์รินหล่ะครับ??” นาวินถามอย่างสงสัย

    “นี่นายยังไม่รู้ระบบสินะ ถ้านายอยู่ขั้นที่ 2 นายสามารถรับงานจากระดับบอสหรือผู้ช่วยบอสได้โดยตรง เพราะฉะนั้น นายกับทอร์รินคงต้องทำงานด้วยกัน โดยที่นายจะรับตำสั่งจากเขาและก็ฉันด้วย” ปิแอร์พูดขึ้น

    “แล้วนี่คืองานแรกของนาย อย่าตื่นเต้นไปหล่ะ นายต้องทำงานกับแอ็กเซลและทาเนีย และฉันจะบอกให้พวกเขาอย่าหักโหมกับนายเกินไปแล้วกัน ฮ่าๆๆๆ” เควินพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ ขอเริ่มเลยแล้วกัน เราสืบทราบมาซักพักแล้ว ว่ามีพวกสวะจากที่ไหนก็ไม่รู้มาปล่อยผงขาวในเขตของเรา ซึ่งเราไม่รู้ว่าตัวการใหญ่เป็นใคร แต่ถ้าเรารู้ เราจะตามล่าพวกมันให้ยับไปเลย” แอ็กเซลพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ งานของนายคือจับตัวมันซักคนนึง แล้วเค้นความลับมันมา ว่าใครอยู่เบื้องหลังการปล่อยยาในครั้งนี้” ทาเนียพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ แล้วผมจะเริ่มได้ตอนไหนหล่ะ??” นาวินถามไป

    “พรุ่งนี้ก่อนก็ได้ ถ้านายได้ข้อมูลอะไร ให้ติดต่อผ่านทางฉัน เควิน ไม่ก็ทอร์รินก็ได้” ปิแอร์บอกไป

    “ถ้าเกิดเรารู้แหล่งกบดานของมัน เราจะทำลายมันให้ย่อยยับ และไม่แน่ ถ้าเราสาวไปถึงแก๊งค์อื่นได้ เราอาจจะเล่นงานพวกเขาได้” ทาเนียพูดขึ้น

    “แล้วตำรวจในพื้นที่หล่ะ??” ทอร์รินถามไป

    “พวกนั้นไม่มายุ่งกับเราหรอก พวกกุ๊ยนั่นคงไม่รู้ ว่าเราจ่ายหนักกว่า” แจ็คสันพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง คาร์ลและโซเฟียก็เดินเข้ามาในห้อง ทำเอาคนอื่นๆถึงกับสงสัย

    “อ้าว มีอะไรหรือเปล่าสองคนนั้นหน่ะ??” แจ็คสันถามไป

    “คือ เราสองคนได้รับคำสั่งให้กลับไปเบอร์ลินด่วนหน่ะ” คาร์ลพูดขึ้น

    “อ้าวเหรอ เกิดอะไรขึ้นที่นั่นหล่ะ??” ปิแอร์ถามไป

    “สงสัยว่าท่านผู้นำคงกำลังเตรียมพร้อมเข้าสู่สงครามหล่ะนะ” โซเฟียพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นก็โชคดีนะ ฉันจะให้คนไปส่งที่สนามบิน” เควินพูดขึ้น

    “พี่รับสมาชิกใหม่เหรอ หน่วยก้านดีนี่หว่า” คาร์ลพูดขึ้น

    “อย่านอกเรื่องเลย ยังไงก็โชคดีนะทุกคน” โซเฟียพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาสองคนก็เดินออกไปขึ้นรถที่หน้าบ้าน ส่วนทอร์รินในตอนนั้นก็พานาวินเดินออกไปด้านนอกทันทีเพื่อส่งเขากลับไป

     

    กลับมายังบาร์ของกลุ่ม Black Hoodอีวาได้วางแผนในการปล่อยเหล้าเถื่อนและบุหรี่เถื่อนเข้าไปในเขตอื่นๆ โดยให้เอเย่นต์ที่เธอจ้างเป็นคนช่วยปล่อยของ เธอปล่อยมันไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งในร้านของเธอ และผ่านนายหน้า เธอวางแผนร่วมกับแซนเดอร์เพื่อขยายกิจการของพวกเขา

    “คุณแซนเดอร์ เราน่าจะเปิดร้านตามตลาด และซุปเปอร์ที่เรากำลังคุ้มครองอยู่ น่าจะทำกำไรได้” อีวาพูดขึ้น

    “อืม ผมเห็นด้วยนะ ตอนนี้เราน่าจะใช้ร้านพวกนี้แทนการส่งเองไปก่อนนะครับ” แซนเดอร์พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง อิซาเบลและโอลิเวียก็เดินเข้ามาในห้องที่พวกเขาทั้งคู่คุยกัน

    “นี่พวกพี่คะ ใจคอจะไม่เรียกพวกหนูเหรอคะ??” โอลิเวียพูดไป

    “นี่ เราจะออกความเห็นอะไรได้หล่ะแหม่” อิซาเบลพูดปรามเธอไป

    “โอเค แต่ไม่รู้ว่าจะมีใครรู้หรือเปล่านะ??” อีวาถามไป

    “เราน่าจะลองปลอมโดยการใส่ขวดอื่น อย่าเช่นขวดเครื่องปรุงนะคะ” อิซาเบลพูดขึ้น

    “นั่นสิคะ แบบนี้รับรองตำรวจไม่รู้แน่ๆ แล้วขายให้เฉพาะคนที่เราไว้ใจได้” โอลิเวียพูดขึ้น

    “เราน่าจะทำเป็นร้านสะดวกซื้อด้วย ขายของใช้ของกินเล็กๆน้อยๆบังหน้า แต่ให้ขายบุหรี่เถื่อนกับเหล้าเถื่อนไปด้วย” แซนเดอร์พูดขึ้น

    “หรือไม่เราก็ฝากให้ร้านอื่นขายไปด้วย แล้วแบ่งกำไรให้พวกเขา ให้พวกเขารู้ว่า จะสามารถซื้อเหล้ากับบุหรี่ได้ทุกที่เลย” อีวาพูดขึ้น

    “เยี่ยมไปเลยครับ ผมจะไปจัดการเลยนะครับ” แซนเดอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบไปดำเนินการตามที่เธอตกลงในทันที

     

    อีกด้านหนึ่งของเมือง โลเปซกำลังขับรถเพื่อเดินทางไปหาใครคนหนึ่ง ซึ่งกำลังรอเขาอยู่ในร้านกาแฟสุดหรูร้านในย่านใจกลางเมือง โลเปซรีบลงจากรถหลังจากที่จอดรถที่ลาน จากนั้นก็รีบเดินไปนั่งคุยกับชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งรอเขาอยู่ด้านในของร้าน

    “คาปูชิโน่ ผมสั่งให้คุณเรียบร้อยแล้วโลเปซ”

    “เลิกโยกโย้ซะทีเถอะน่า วันนี้นายได้อะไรมาให้ฉัน??” โลเปซถามชายคนนั้นไป

    “อีกไม่นานเยอรมันอาจจะเตรียมตัวก่อสงคราม เราคาดว่าโปแลนด์”

    “ทำไมนายถึงคิดแบบนั้นหล่ะ??” โลเปซถามไป

    “ความเป็นไปได้หน่ะ พวกเขาเพิ่งทำสัญญากับโซเวียตนี่”

    “โอเค แล้วพื้นที่ในโปแลนด์เราจะทำยังไงต่อทีนี้??” โลเปซถามไป

    “เราอาจจะต้องขายทิ้ง เพราะพวกเยอรมันคงทำลายหมดแน่”

    “บ้าเอ้ย แต่ก็ช่างมันเถอะ นี่ค่าเหนื่อย” โลเปซให้เงินกับชายคนนั้น จากนั้นเขาก็รีบหยิบเงินแล้วเดินออกไปจากร้านในทันที โดยที่โลเปซก็ซดกาแฟไปหนึ่งแก้วและเดินออกจากร้านไปในทันที

     

    ทางด้านของฟริตซ์และคนของเขา หลังจากที่พวกเขาถูกป่วนธุรกิจเถื่อนในฝรั่งเศส เขาจึงต้องรีบปรับแผนในการทำธุรกิจใหม่เพื่อหาเงินเพิ่มขึ้น และในตอนนี้ เขาก็เล็งเป้าหมายไปที่โปแลนด์ สถานที่ที่เขาจะหาเงินได้จากการทำธุรกิจเถื่อนแห่งใหม่ เขาปรึกษากับชาวแก๊งค์คนอื่นๆในทันที

    “อีกไม่นานเราคงจะบุกโปแลนด์เราน่าจะหาเงินที่นั่นได้เป็นกอบเป็นกำเลยหล่ะ” ฟริตซ์พูดขึ้น

    “แล้วจะพอมีกิจการะไรที่ทำได้หล่ะ??” วาลถามอย่างสงสัย

    “นั่นสิ ลำพังธุรกิจที่เรามีก็ไม่รู้จะพอหรือเปล่านะ??” ลูกน้องของเขาอีกคนถามไป

    “ฉันว่าฉันจะทำของเถื่อน ไปปล่อยในโปแลนด์แล้วจะใช้แรงงานทาสในนั้นผลิตของ” ฟริตซ์พูดขึ้น

    “แล้วจะไปหาคนจากไหนหล่ะครับ??” ลูกน้องของเขาถามไป

    “ก็พวกยิวในโปแลนด์ไงหล่ะ พวกนั้นมีเยอะ พี่ไฮดริชน่าจะหาให้เราได้” วาลพูดขึ้น

    “ใช่ เราจะใช้แรงงานทาสผลิตของ ตั้งโรงงานปล่อยของ ไม่แน่เราอาจจะปล่อยของไปโซเวียตเลยก็ได้” ฟริตซ์พูดขึ้น

    “ไอเดียดีนี่ ถ้างั้นนายก็ติดต่อพี่ไฮดริชของนายสิ” วาลพูดไป

    “จริงด้วย ถ้าขอเชลยมาได้ซักพันกว่าๆ งานนี้จะดีมากเลย” ฟริตซ์พูดขึ้น

    “แต่เราจะปล่อยของในโซเวียตยังไงหล่ะ??” ลูกน้องของเขาถามไป

    “ก็คงต้องทำผ่านนายหน้าหน่ะ แต่ต้องไว้ใจได้ด้วย เรื่องนี้พวกนายลองไปจัดการแล้วกัน” ฟริตซ์สั่งลูกน้องของเขาไป

     

    ณ เขตไซ่ง่อนเวียดนาม วันนี้เป็นวันที่ชาร์ลีต้องไปเข้าพบบอสใหญ่เพื่อพูดคุยถึงธุรกิจที่เขาทำ เขาเดินเข้าไปในร้านอาหารร้านใหญ่ร้านหนึ่งซึ่งตกแต่งแบบสไตล์จีนผสมกับวัฒนธรรมเวียดนามดั้งเดิม เมื่อชาร์ลีเดินเข้าไปด้านใน ชายสองคนที่เฝ้าประตูอยู่ข้างหน้าก็พูดขึ้นในทันที

    “ชาร์ลีเหรอ นายกำลังรออยู่ด้านใน!!”

    ชาร์ลีได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที ซึ่งเมื่อเขาเข้าไปถึง เขาก็เจอนายของเขาและคนของนายกำลังซ้อมชายผิวขาวคนหนึ่ง ชาร์ลีเมื่อเข้าไปถึงก็พูดกับนายของเขาในทันที

    “ชาร์ลี มาพอดีเลย การค้าเป็นยังไงบ้างหล่ะ??”

    “เรียบร้อยดีครับ กำไรอื้อซ่าเลยครับ” ชาร์ลีพูดขึ้นจากนั้นก็ให้ส่วนแบ่งกำไรกับนายใหญ่ของเขา

    “อืม น่าจะได้กำไรดีนะเนี่ย”

    “แล้วนี่กำลังทำอะไรกันครับเนี่ย??” ชาร์ลีถามอย่างสงสัย

    “ไอ้เบื๊อกนี่มันบังอาจเอายามาปล่อยในเขตเรา เราแค่สั่งสอนมันนิดหน่อยหน่ะ” นายใหญ่พูดขึ้น จากนั้นชายคนหนึ่งก็ตีหัวเขาจนสลบไป จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆลากร่างของชายคนนั้นออกไปในทันที

    “มันเป็นกฎหน่ะ นายคงเข้าใจนะ”

    “ผมเข้าใจ ว่าแต่ที่เรียกผมมานี่มีอะไรงั้นเหรอ??” ชาร์ลีถามไป

    “ฉันอยากให้นายพาพวกไปเล่นงานไอ้กุ๊ยที่มาเปิดร้านเหล้าเถื่อนแถวๆถนนด้านหน้าเนี่ย พวกมันน่าจะมีแบ็คดี นายจัดการได้นะ??”

    “ได้ครับ ไม่มีปัญหา แล้วผมจะจัดการเอง”

    ชาร์ลีพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินออกจากร้านอาหารไปในทันที

     

    ย่านดาวน์ทาวน์ คาสิโนดูแรนด์ ไอรีนก็ได้มาคุมคาสิโนของเธอ แม้ในเวลากลางวัน แต่ก็ยังมีคนมาเล่นการพนันกันอย่างเนื่องแน่น บางส่วนก็มาเข้าพักในโรงแรมของเธอ ในระหว่างที่ไอรีนกำลังตรวจสอบความเรียบร้อยของคาสิโนของเธอ ในตอนนั้นเองเธอก็ได้รับแจ้งว่ามีชายคนหนึ่งล้มโต๊ะในคาสิโน เธอจึงรีบไปดูในทันที

    “ตรงนั้นไงมัน ไอ้หมอนั่น!!” พนักงานคาสิโนพูดขึ้น จากนั้นก็ชี้ไปยังโต๊ะที่ชายคนหนึ่งกำลังอารมณ์เสียอยู่ ไอรีนรีบไปหาชายคนนั้นในทันทีเพื่อพูดคุย

    “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า??” ไอรีนถามชายคนนั้นไป

    “เด็กของเธอโกงไพ่ฉัน เธอเป็นเจ้าของสินะ??” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “ใช่ ฉันไอรีน เจ้าของคาสิโนนี้ มีอะไรก็คุยกับฉันได้เลย”

    “ได้ ฉันต้องการให้เธอชดใช้ค่าเสียหายที่เธอโกงฉัน ฉันลาเกียครูซ หลานชายนายพลใหญ่กองทัพเยอรมัน” ชายคนนั้นตอบไป

    “งั้นเหรอ ถ้างั้นลองมาพนันกับฉันดูหรือเปล่า ว่าใครจะชนะ” ไอรีนตอบไป

    “งั้นเหรอ ได้เลยน้องสาว จะพนันแบบไหนหล่ะ??” ลาเกียครูซถามไป

    “ในไพ่กองนี้ ใครหยิบได้ไพ่ที่แต้มเยอะที่สุด ชนะไปเลย” ไอรีนพูดขึ้น

    “ได้เลย ฉันหยิบก่อนแล้วกัน” ลาเกียครูซพูดขึ้น จากนั้นก็หยิบไพ่มาใบหนึ่ง ซึ่งไพ่ที่เขาได้คือคิงข้าวหลามตัด เขาเอามาโชว์ให้กับไอรีนดู

    “ฉันได้คิง เธอแพ้แล้วหล่ะ!!”

    ไอรีนยังใจเย็นอยู่และหยิบไพ่อีกใบหนึ่ง และไพ่ที่เธอได้มาก็คือ เอซโพธิ์แดง ทำเอาไอรีนถึงกับยิ้มมุมปากในทันที

    “เสียใจด้วยนะคะคุณลาเกียครูซ!!”

    “ไม่มีทาง อย่ามาโกงฉัน” ลาเกียครูซพูดขึ้นและไม่พอใจ แต่โทไบอัสก็เล็งปืนใส่ลาเกียครูซไว้

    “อย่ามาจ่อปืนใส่ฉันแบบนั้นไอดำ” ลาเกียครูซพูดขึ้น

    “เคยโดนไอ้ดำยิงตายคาที่นี่หรือเปล่าหล่ะ??” ฮันเตอร์บอกชายคนนั้นไป

    “แพ้แล้วก็ไปสิวะไอ้ระยำ!!” ไลท์นิ่งตะโกนบอกไป

    “เอาเป็นว่า ฉันจะไม่คิดค่าเสียหายที่ล้มโต๊ะนะคะ เชิญค่ะ!!” ไอรีนพูดขึ้น ทำเอาลาเกียครูซถึงกับต้องเดินหนีออกไปจากคาสิโนอย่างรวดเร็ว

    “ไปเลย อย่ากลับมาให้เห็นอีกนะเว้ย!!” สตีฟตะโกนไล่หลังไป

    “ช่างมันเถอะ ไหนๆมันก็ไปแล้ว เคลียร์พื้นที่ดีกว่า” ไอรีนพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ให้ลูกน้องเคลียร์พื้นที่ในทันทีแล้วเปิดโต๊ะให้คนเล่นต่อ

     

    ตกเย็น นาวินเดินทางไปหาโคลินเพื่อไปรับงานๆหนึ่ง ซึ่งเขารีบไปที่โกดังของโคลินในทันที โดยที่โคลินก็กำลังรอนาวินอยู่ เมื่อนาวินมาถึง โคลินก็ให้ปืนกลกระบอกหนึ่งกับนาวินในทันที จากนั้นก็พูดกับเขา

    “ไอ้พวกบ้านั่นมันเริ่มแล้ว นายมาทันเวลาพอดี ตามฉันมาเลย!!”

    โคลินพูดขึ้น จากนั้นคนของโคลินก็นำทางไปยังโกดังซึ่งมีกลุ่มกรรมกรกำลังรวมตัวกันอยู่เนืองแน่น จากนั้นก็ตะโกนด่าโคลินไปด้วย และเมื่อโคลินมาถึง ชายคนหนึ่งก็เดินไปหาโคลินในทันที

    “เราต้องการให้คุณจ้างอังเดรกลับมา”

    “ฉันจะให้ใครอยู่หรือไม่ให้ใครอยู่มันเรื่องของฉัน กลับไปซะก่อนที่ฉันจะฆ่าพวกแก” โคลินตอบไป

    “บอกแล้ว ไอ้อ้วนนั่นมันไม่ยอมหรอก กระทืบมันเลยดีกว่า” ชายอีกคนพูดขึ้น แต่นาวินก็เล็งปืนใส่ชายคนนั้นก่อน

    “ไอ้ระยำ วันนี้ฉันไม่ยอมแพ้แกหรอก!!” บารัคคนเดิมบอกกับนาวินไป

    “ถ้าพวกแกไม่กลับไป รับรองว่างานนี้ไม่สวยแน่” โคลินพูดขึ้น

    “อังเดรบาดเจ็บเพราะคุณ แต่คุณทำแบบนี้งั้นเหรอ??”

    “ก็เสือกโง่เองนี่หว่า ถ้าไม่กลับไป รับรองว่าแกตายหมดแน่ นอร์วิน ฆ่าพวกแม่งที่มันกล้าหือซะ” โคลินพูดขึ้น แต่ชายคนนั้นรู้สึกสะกิดใจแล้วก็ถามเขาในทันที

    “นอร์วิน นายคือนอร์วิน มาริลสกี้หรือเปล่า??”

    “ใช่ แล้วทำไม??” นาวินถามไป

    “พระเจ้า นี่ลูกของหัวหน้านุ้ยนี่หว่า พ่อนายเล่าเรื่องของนายและแม่ให้ฉันฟังด้วย แต่ทำไมนายมาทำงานให้ไอ้พวกบ้านี่หล่ะ ไม่รู้เหรอว่ามันทำอะไรพ่อนาย??”

    “เฮ้ย อย่าพูดเหลวไหลนะเว้ย!!” โคลินพูดขึ้น

    “อย่ามาตอแหลเลย วันนั้นแกพาหัวหน้านุ้ยไปหลังโรงงาน จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืน แล้วแกก็กลับมาโดยที่เขาไม่กลับมาด้วย แกฆ่าเขาใช่หรือเปล่า??” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย บอกมานะ??” นาวินหันปืนเล็งไปยังโคลินแทน

    “ก็พ่อแกเสือกรู้เรื่องการขายยาของเรานี่หว่า” จอร์ดี้พูดขึ้น

    “นอร์วิน แกอย่านะ อย่าลืมว่าฉันอยู่แก๊งค์เดียวกับแก ถ้าแกฆ่าฉัน รับรองว่า The Crow ไม่อยู่เฉยแน่” โคลินพูดขึ้น

    “ช่างหัวมันดิ!!” นาวินพูดขึ้น จากนั้นก็ยิงใส่โคลิน แต่ลูกน้องของเขามาขวางทางไว้ พวกของโคลินพยายามจะยิงสู้ แต่ในตอนนั้นเองเหล่าพลพรรคกรรมกรก็ได้ชักปืนออกมาแล้วระดมยิงใส่พวกของโคลินจนตายเหี้ยน ตัวโคลินเองในตอนนั้นพยายามจะคลานออกจากโกดังด้วยอาการบาดเจ็บ แต่ในตอนนั้นเอง นาวินก็เดินตามโคลินไปแล้วใส่กระสุนใหม่ จากนั้นเขาก็เหยียบโคลินไปในทันที

    "เดี๋ยวๆๆๆ เรายังพอคุยกันได้นะ" โคลินพูดขึ้น

    “ไปพบพ่อกูซะไอ้ระยำ!!”

    นาวินพูดขึ้น จากนั้นเขาก็รัวปืนกลมือใส่หัวของโคลินไปจนหมดแม็ก จากนั้นก็ถุ๊ยน้ำลายใส่หัวของโคลิน จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปยังห้องทำงานของโคลินเพื่อดูว่ามีอะไรให้เขาชิงบ้าง ในตอนนั้นเองเขาก็พบตู่เซฟตู้หนึ่งพร้อมกุญแจ นาวินจึงไปเปิดตู้เซฟของโคลินในทันที และเขาก็พบกับเงินสดจำนวน 25000 ฟรังก์ พร้อมผงขาวอีก 2 ห่อ นาวินรีบหยิบเงินมาในทันทีแล้วทิ้งไว้แต่ผงขาวให้อยู่ในตู้ จากนั้นเขาก็เดินลงมาหาคนงานคนอื่นๆในทันที

    “พ่อนายคงภูมิใจกับนายนะ” คนงานคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ถ้าตำรวจมาพวกคุณจะทำยังไงหล่ะ??” นาวินถามไป

    “เราจะบอกไปว่าพวกเราป้องกันตัว แล้วจะจัดการทุกอย่าง เราจะบอกตำรวจว่านายไม่เคยมาที่นี่ ส่วนพวก Crow เราจะบอกพวกเขาว่าโคลินขายยาเสพติดซึ่งเป็นการละเมิดกฎ รับรองไม่มีใครสงสัยแน่” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “ขอบคุณครับ ถ้างั้นผมขอตัวนะ!!” นาวินพูดขึ้น แล้วก็เอาหมวกขึ้นเพื่อทักทายบารัค จากนั้นเขาก็รีบขับรถหรูของโคลินซึ่งไปขโมยมาอีกต่อหนึ่งหนีไปในทันที ไม่นึกเลยว่าเขาจะแก้แค้นให้พ่อของเขาได้ แถมยังได้เงินอีกตั้ง 25000 คันใหม่อีกแหะ เอาเป็นว่า ฉันพอได้เงินใช้หนี้ให้แม่ฉันแล้วหล่ะ

     

    1 กันยายน 1939

    “ขณะนี้กองทัพเยอรมันได้บุกโจมตีโปแลนด์อย่างสายฟ้าแลบ มีการปะทะกันอย่างดุเดือดต่อเนื่อง ทางอังกฤษและฝรั่งเศส ยังไม่มีท่าทีอะไรกับเรื่องนี้”

    ณ โปแลนด์ แนวรบด้านตะวันตก กองทัพนาซีเยอรมันได้บุกโจมตีอย่างสายฟ้าแลบ พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็ทำลายแนวรบของโปแลนด์จนย่อยยับ ในช่วงนั้นเองมิลเลอร์ก็ต้องบุกโจมตีเข้าไปในเขตหมู่บ้าน ซึ่งมีการปะทะกันอย่างหนัก มิลเลอร์ใส่ลูกปืนกลสั้นของเขาจากนั้นก็บุกจู่โจมเข้าไปในหมู่บ้านในทันที

    “ปังๆๆๆๆ”

    มิลเลอร์บุกเข้าไปค้นบ้านทุกหลัง จากนั้นก็ฆ่าทุกคนที่อยู่ในบ้านอย่างโหดเหี้ยม เขาชักระเบิดออกมาแล้วปาใส่ห้องใต้ดินเพื่อเคลียร์ทางไปด้วย

    “ตู้ม!!”

    พวกเขาบุกโจมตีหมู่บ้านอย่างหนัก จนกระทั่งชาวบ้านหลายคนถึงกับต้องยอมแพ้ แล้วยกมือเดินออกมา

    “ไปรวมกันตรงนั้น เร็ว!!”

    มิลเลอร์สั่งเชลยพวกนั้นไป จากนั้นพวกเขาก็รวมตัวกันแล้วทิ้งอาวุธเพื่อยอมแพ้

    “ตามจับคนยิวมา แยกไว้อีกที่ ฉันจะจัดการเอง”มิลเลอร์พูดขึ้น

    “แต่ท่านครับ มีคำสั่งมาให้เราจับตัวคนยิวไปให้ศูนย์บัญชาการใหญ่ครับ”ทหารของเขาพูดขึ้น

    “เฮ้อ ถ้างั้นก็ไปจัดการตามนั้น ฉันเหนื่อยแล้วเนี่ย”มิลเลอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็เจอชายคนหนึ่งที่ยังไม่ตาย พยายามคลานไปหยิบปืนเพื่อสู้กับพวกนาซี แต่มิลเลอร์ก็รู้ตัวแล้ว

    “ปัง!!”

    มิลเลอร์ใช้ปืนพกยิงเขาไปที่หัวของเขา จากนั้นก็เตะศพของเขากลิ้งไป

    “มีใครอยากจะลองอีกก็บอกได้นะเว้ย!!” มิลเลอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบไปขึ้นรถในทันทีเพื่อกลับศูนย์บัญชาการของเขาในทันที

     

    กลับมายังฝรั่งเศส โบสถ์แห่งหนึ่งในปารีส เวเวอร์ก็กำลังสวดมนต์อยู่ต่อหน้าองค์พระเยซูเจ้า ในขณะเดียวกันนั้นเอง เกรย์ก็เดินมาหาแล้วบอกถึงข่าวที่ได้ฟังจากวิทยุมาบอกให้กับเวเวอร์ฟังในทันที

    “อาจารย์ มีข่าวจากวิทยุมาค่ะ ตอนนี้เยอรมันบุกโจมตีโปแลนด์แล้ว” เกรย์บอกเขาไป เวเวอร์ในตอนนั้นก็ลุกขึ้นมาในทันที

    “อืม ฉันรู้หล่ะ ว่าวันนี้ต้องมาถึง”

    “แล้วแบบนี้มันจะเป็นยังไงต่อหล่ะคะ??” เกรย์ถามไป

    “เราคงต้องเตรียมตัวหล่ะนะ อีกไม่นานพวกเขาก็คงโจมตีฝรั่งเศสเหมือนกัน” เวเวอร์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เดลล่าก็เดินมาหาพวกเขาทั้งคู่เพื่อร่วมสนทนากันด้วย

    “ตอนนี้เราคงต้องเตรียมเสบียงให้พร้อม เพราะอีกไม่นานคงขาดแคลนแน่”เดลล่าพูดขึ้น

    “ฉันรู้ ฉันจะให้เกรย์ไปสั่งซื้อมาตุนไว้แล้วกัน” เวเวอร์พูดขึ้น

    “ได้ค่ะอาจารย์ หนูจะจัดการเอง” เกรย์พูดขึ้น

    “อีกไม่นาน สงครามคงต้องเกิดไปทั่วแน่ๆ อังกฤษกับฝรั่งเศสคงต้องรบกับเยอรมันแน่นอน”เดลล่าพูดขึ้น

    “แต่ว่าฝรั่งเศสก็เข้มแข็งอยู่นะคะ” เกรย์พูดขึ้น

    “ไม่หรอก สังหรณ์ของฉันคราวนี้บอกมาว่าพวกเยอรมันในตอนนี้เข้มแข็งกว่าแต่ก่อน มันอาจจะไม่ง่ายอย่างสงครามครั้งแรกก็ได้” เวเวอร์พูดขึ้น

    “อืม ไม่รู้ว่าพวกเยอรมันอยากจะครองโลกหรือยังไง??” เกรย์ถามไป

    “ฮิตเลอร์มันครองโลกไม่ได้หรอก แต่ช่างมันเถอะ รีบไปกันดีกว่า” เวเวอร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปทำงานตามที่พวกเขาได้ประชุมกัน

     

    ณ เพนเฮ้าส์ของมีอา ห้องทำงานสุดหรูซึ่งประดับประดาด้วยงานศิลป์มากมาย มีอากำลังนั่งบริหารธุรกิจของเธอบนโต๊ะทำงาน ในขณะเดียวกันนั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูเรียกเธอ

    “เข้ามาได้!!”

    หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นเลขาของเธอเดินเข้าไปหาเธอในทันทีเพื่อรายงานอะไรบางอย่างกับเธอ

    “คุณมีอาคะ ผลประกอบการที่คุณขอมาแล้วค่ะ”

    “วางไว้เลย ฉันจะดูเอง”มีอาพูดขึ้น

    “คุณมีอาคะ ที่โปแลนด์ตอนนี้กำลังเกิดสงครามค่ะ”

    “ช่างมัน อย่าให้มันมาแถวนี้ก็พอ”มีอาพูดอย่างไม่ยี่หร่า

    “แต่ก็ไม่แน่ พวกเขาอาจจะบุกมาฝรั่งเศสก็ได้นะคะ”

    “ถ้าพวกเขามา ฉันว่าเราน่าจะทำธุรกิจกับพวกเขาได้”มีอาพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นเราควรจะรับมือสินะคะ??”เลขาของเธอตอบไป

    “แน่นอน เตรียมของไว้แล้วกัน แล้วเราจะจัดการเอง”มีอาพูดขึ้น จากนั้นเลขาของเธอก็เดินออกจากห้องในทันที ส่วนมีอาก็ได้แต่นั่งดูผลประกอบการของเธออยู่บนโต๊ะต่อไป

     

    กลับมายังบาร์แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในเขตของแก๊งค์ The Crowเอลต้าและแจนก็ยังคงตามหาข่าวเกี่ยวกับอีวา หัวหน้าแก๊งค์The Crowผู้ลึกลับ เธอไปนั่งดื่มเหล้ากันที่หน้าเคาน์เตอร์ จากนั้นเองเธอก็คุยกับบาร์เทนเดอร์คนหนึ่ง ซึ่งกำลังผสมเหล้าอยู่ในตอนนั้น

    “คุณคะ ฉันอยากทำงานค่ะ”เอลต้าบอกกับชายคนนั้น ทำเอาชายคนนั้นถึงกับตกใจ

    “งานเหรอ งานอะไร ที่นี่ไม่มีงานแบบผู้หญิงนะ”บาร์เทนเดอร์คนนั้นพูดขึ้น

    “งานผู้ชายก็ได้ พอมีหรือเปล่าหล่ะ??”แจนพูดเสริมไป จากนั้นบาร์เทนเดอร์ก็ให้พวกเธอไปที่ด้านหลังบาร์ เธอสองคนเดินไปด้านหลัง และเมื่อเธอเข้ามาในประตูจู่ๆก็มีคนมาจ่อปืนใส่หัวของเธอ ทำเอาเธอสองคนถึงกับต้องยกมือขึ้น

    “แหม่ จะเอาแบบนี้เลยเหรอคะ??”เอลต้าพูดขึ้น จากนั้นก็ปัดปืนพวกมันตกไปจากนั้นก็แย่งปืนมาแล้วเล็งใส่ชายพวกนั้น จากนั้นบาร์เทนเดอร์ก็ถึงกับปรบมือให้พวกเธอในทันที

    “นี่ เรามาหางาน ไม่ได้มาหาเรื่องนะ”แจนพูดขึ้น

    “แค่อยากทดสอบเฉยๆ ถ้าเธออยากทำงาน ฉันจะเธอไปช่วยคุมร้านๆหนึ่ง งานสำคัญมากด้วย แถมจ่ายหนักอีกต่างหาก”

    “งั้นเหรอ ถ้าไม่สนุกฉันไม่รับทำนะ”เอลต้าตอบไป

    “แน่นอน พรุ่งนี้เธอไปที่ร้านอดอลเบิลในห้างกลางเมือง จะมีคนไปแนะนำเธอทำงานที่นั่น โชคดีหล่ะ”บาร์เทนเดอร์คนนั้นพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ส่งเธอออกไปด้านนอกร้านในทันที

     

    ทางด้านของเอลเซ่ ในวันนี้เธอกลับมาที่บ้านของเธอ หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาทั้งวัน เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน เธอก็พบกับครอบครัวของเธอที่กำลังฟังข่าวเกี่ยวกับการรบที่โปแลนด์ เอลเซ่เกิดสนใจเลยเข้าไปฟังกับพวกเขาด้วย

    “พ่อคะ แม่คะ ทำอะไรอยู่เหรอคะ??”เอลเซ่ถามพวกเขาไป

    “ตอนนี้พวกเยอรมันบุกโจมตีโปแลนด์แล้วหน่ะลูก!!”

    “เหรอคะแม่ แย่จังเลยนะคะ”เอลเซ่พูดขึ้น

    “ใช่ อีกไม่นานพวกมันคงมาบุกเราแน่ๆ”พ่อของเธอพูดขึ้น

    “คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งคะพ่อ ประเทศเราก็กำลังเข้มแข็งอยู่นี่”เอลเซ่พูดขึ้น

    “ก็ใช่ แต่พวกเยอรมันคราวนี้คงไม่ปล่อยฝรั่งเศสเป็นเสี้ยนหนามพวกมันหรอก”

    “คิดมากน่าพ่อ เดี๋ยวหนูทำอะไรให้กินนะคะ”เอลเซ่พูดขึ้น จากนั้นเธอก็ไปทำอาหารให้ครอบครัวของเธอ ในวันนี้เธอได้ต้มซุปมันฝรั่งและอาหารชนิดอื่นๆแล้วมาวางไว้บนโต๊ะอาหารในทันที

    “มากินกันได้แล้วทุกคน!!”

    พวกเขารีบมานั่งที่โต๊ะอาหารในทันที ส่วนเอลเซ่ในตอนนั้นก็เข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าให้ตัวเองสดชื่นมากขึ้นจากนั้นก็รีบไปสมทบกับคนอื่นๆที่รออยู่ในทันที

     

    ทางด้านของนาวิน หลังจากที่เขาหาเงินมาได้ครบถ้วนตามที่แม่ของเขาติดหนี้ไว้ ในวันนี้เขาได้พานอร์ดี้ให้นำทางไปหาคนที่แม่ของเขาติดหนี้อยู่ เพื่อที่เขาจะได้เคลียร์หนี้สินทั้งหมดให้กับแม่ของเขา

    “พี่คะ พี่ไปเอารถสวยๆแบบนี้มาจากไหนคะ??”นอร์ดี้ถามนาวินไป

    “อ้อ พี่ยืมเจ้านายพี่มาหน่ะ”

    “ท่าทางเจ้านายพี่น่าจะรวยมากเลยนะคะเนี่ย”

    “ก็คงจะเป็นอย่างงั้นหน่ะ”นาวินพูดขึ้น จากนั้นนอร์ดี้ก็บอกทางนาวินต่อ จนกระทั่งพวกเขาก็เข้ามายังซอยๆแคบๆแห่งหนึ่ง จากนั้นนาวินก็จอดรถในทันที

    “ตรงนั้นแหละค่ะพี่!!”นอร์ดี้พูดขึ้น จากนั้นก็ชี้ไปยังร้านๆหนึ่ง

    “นอร์ดี้ รอพี่อยู่ที่นี่นะ”นาวินพูดขึ้น จากนั้นนาวินก็เดินเข้าไปในร้านๆนั้น และนาวินก็ได้พบกับไอ้พวกกุ๊ยที่เคยมาทวงหนี้กับแม่ของเขา ทำเอาพวกมันถึงกับต้องรีบมาล้อมนาวินไว้ในทันที

    “เฮ้ย ไอ้ระยำ ไม่จบหรือไงวะ??”

    “ฉันมาจ่ายหนี้ นายแกอยู่ไหน??” นาวินพูดขึ้น จากนั้นพวกมันก็พานาวินไปยังห้องใต้ดิน โดยที่ด้านในมีชายติดอาวุธนับสิบอยู่ด้านล่าง และในตอนนั้นเอง มีชายคนหนึ่งในชุดสูทก็กำลังนั่งอ่านบัญชีของเขาบนโต๊ะ นาวินเดินไปหาเขาในทันที

    “ผมมาจ่ายหนี้ให้คุณนาร์เว็ตต้า!!”

    “อ้อ แม่สาวสวยคนนั้นที่มีลูกสาวสวย ที่ติดหนี้กับเรา 25000 สินะ??”

    “มีลูกชายหล่อด้วย” นาวินพูดขึ้น

    “นายเป็นลูกเธอเหรอ ไหนขอดูเงินนั่นหน่อยสิ”นาวินได้ยินดังนั้นจึงวางเงินไว้ในทันที จากนั้นมันก็เอาเงินมานับ ก็ปรากฎว่าครบพอดีตามที่พวกมันต้องการ

    “อืม ดูเหมือนว่าลูกชายจะหาเงินเก่งนะเนี่ย”

    “แน่นอน อาจจะหาได้มากกว่านี้ ถ้าคุณยังไม่หยุดยุ่งกับครอบครัวผม”นาวินพูดขึ้น

    “ใจเย็นๆสิ ถึงฆ่าผมตายไป หนี้คุณก็ไม่ได้หายไปอยู่ดี เพราะเงินไม่ใช่ของผม อีกอย่าง ผมไม่ได้บังคับพวกคุณให้มากู้เงินผมนะ เอาเป็นว่าคุณทำผมประทับใจมาก”ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็ส่งนาวินออกไปด้านนอกในทันที

    “ไม่จบแค่นี้หรอกไอ้ระยำ!!”นาวินพูดขึ้น จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอก และกลับไปหานอร์ดี้ที่กำลังรอเขาอยู่ที่รถในทันที

     

    ทางด้านเกลนเน็ต ในวันนี้รอสและอัลเฟรดได้เรียกตัวเธอมาคุยเพื่อประชุมกันเพิ่มเติม หลังจากที่เยอรมันโจมตีโปแลนด์ เกลนนิสเดินเข้าไปในห้องใต้ดินแห่งเดิมที่พวกเขาเคยคุยกัน จากนั้นพวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันในทันที

    "สวัสดีค่ะทุกท่าน!!"

    "นี่ไม่ได้คุยกันมา 4 เดือนแล้วนะเนี่ย นับแต่ช่วงที่เหตุการณ์ยังสงบอยู่" รอสพูดขึ้น

    "ว่าแต่ สส. ของคุณจะไม่มาที่นี่จริงๆเหรอ??" เรือโทหญิงอลิซถามไวท์แฟรงค์

    "อ้อ เขาต้องเก็บตัวหน่ะครับช่วงนี้" ไวท์แฟรงค์ช่วงนี้

    "เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ ตอนนี้พวกมันโจมตีโปแลนด์แล้ว ตอนนี้ทางอังกฤษมีท่าทางยังไงกับเรื่องนี้ครับ??" เรืออากาศตรีริชาร์ดถามไป

    "ตอนนี้ทางอังกฤษต้องไม่อยู่เฉยแน่ อีกไม่นานสงครามคงเกิด" อัลเฟรดพูดขึ้น

    "ตอนนี้ทางเชมเบอเลนยังไม่มีท่าที แต่อีกไม่นานคงมีสงครามแน่นอน ฉันเชื่อได้เลย" รอสพูดขึ้น

    "แล้วเราจะสู้กับพวกมันได้อย่างงั้นเหรอ??" เกลนนิสถามไป

    "คราวสงครามโลกนั่นพวกเยอรมันก็พ่ายเรา คราวนี้เราไม่มีทางทำได้หรอก" อลิซพูดขึ้น

    "แต่อย่าประมาทหล่ะ อุตสาหกรรมพวกเขาแข็งแกร่ง แถมกำลังของพวกนั้นก็ค่อนข้างเก่งฉกาจอีก" ไวท์แฟรงค์พูดขึ้น

    "ริชาร์ด ถ้ากองกำลังของเราต้านพวกมันไว้พอจะทำได้หรือเปล่า??" อัลเฟรดหันไปถามเขา

    "ถ้าพวกนั้นบุกเข้ามาที่แนวมายิโน่ พวกมันต้องเจอการต่อต้านอย่างหนักแน่ครับ" ริชาร์ดพูดขึ้น

    "เอาเป็นว่า ถ้าใครได้ข่าวเพิ่มเติม เราจะลุยในทันที ตอนนี้เราแยกย้ายกันก่อนดีกว่า" รอสพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบแยกย้ายกันออกไปด้านนอกเพื่อกลับบ้าน และรอข่าวจากสายข่าวของพวกเขาเพิ่มเติม

    ===============================================================

    สงครามในโปแลนด์เริ่มขึ้นแล้ว และเหตุการณ์ในระหว่างแก๊งค์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ
    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×