NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Magic Bullet - กระสุนเวทย์พิชิตโลก (ปิดรับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 1 : รวมตัว

    • อัปเดตล่าสุด 15 มิ.ย. 67


    2 อาทิตย์ต่อมา

    สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในย่านแคลิฟอร์เนีย ค่ำคืนในช่วงที่ผู้คนยังใช้ชีวิตกลางคืนกันราวกับว่าโลกภายนอกไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นเดียวกับในบาร์แห่งหนึ่ง ซึ่งเหล่านักดื่มมากมายต่างพากันมาสังสรรค์ ดื่มเหล้าเพื่อลืมความทุกข์ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคน ที่จะมาดื่มเหล้า

    “ตุ๊บ!!”

    ที่ชั้นสามของบาร์ ชั้นห้องเก็บของของร้าน ชายคนหนึ่งกำลังถูกมัดอยู่กับเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้อง และชายอีกคนกำลังต่อยหน้าชายที่ถูกจับมัดเอาไว้อย่างดุเดือด

    “บ้าเอ้ย!!” ชายคนนั้นสบถออกมาและพยายามจะดิ้นออกจากพันธนาการ

    “อย่าพยายาม นี่เชือกทองแดง” ชายคนที่ต่อยหน้าพูดขึ้น

    “กูบอกมึงแล้วไง ว่ากูแค่ไปกินเหล้ากับผู้กำกับเซนทอร์!!” 

    “โกหก บอกกูมาเดี๋ยวนี้!!” ชายคนต่อยยังไม่ละความพยายามและจะต่อยอีกครั้ง

    “เดี๋ยว เคนนี่ หากเจ้าใช่แต่อารมณ์ มันจะไม่พาเจ้าไปถึงจุดหมายหรอก” ชายรูปงามคนหนึ่งใส่ชุดจีนสีแดงสดถือพัดกระดาษได้พูดขึ้น และแตะไหล่ของเคนนี่เอาไว้

    “อืม จะว่าไป ผมลองวิธีของผมดีกว่านะ ไปจื่อ” เด็กหนุ่มสวมแว่นหน้าตาดีแต่เนิร์ดคนหนึ่งพูดขึ้น

    “จริงด้วย คุณซิลเวสเตอร์ คุณไปจื่อ คุณเคนนี่ ถอยออกมาก่อนดีกว่านะครับ” มนุษย์ประหลาดตัวหนึ่งซึ่งทั้งตัวเขาดูราวกับเป็นกระจกที่เคลื่อนที่ได้แต่ใส่สูทพูดขึ้น

     

    “โอเค พวกคุณคงมีคำถามว่าผมเจอกับสามคนนี้ได้ยังไง ผมจะเล่าให้ฟัง”

     

    “คนแรก ไปจื่อ เพื่อนสมัยเรียนของผมเอง ตอนที่รู้จักกัน หมอนี่ก็ชอบวิชาศิลปะ นั่งวาดรูป พับกระดาษได้ทั้งวัน แต่มันพับสวยมาก สวยจนเข้าประกวดได้เลย และไม่นาน พวกเราต่างก็แยกย้ายไปทำความฝันของแต่ละคน จนในวันหนึ่ง ประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนหน้า วันที่ผมไปสืบความลับอะไรบางอย่างที่ห้องสมุดของเมือง..”

     

    ห้องสมุดแห่งนี้ดูจะเป็นห้องสมุดร้าง แต่มันก็มีคนแวะเวียนมาเยี่ยมบ้าง ในห้องสมุดนั้น เคนนี่ได้นัดพบกับสายข่าวของเขาคนหนึ่ง เขากำลังยืนอ่านหนังสืออยู่ที่โซนหนังสือนิยายทั่วไป ในระหว่างที่เขากำลังยืนอ่านอย่างใจจดใจจ่อ เชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในโซนหนังสือหมวดที่ผมอยู่ ชายคนนั้นใส่ชุดจีนโบราณสีแดงดูสะดุดตา ก่อนที่เขาจะเดินมาหยิบหนังสือข้างๆผม

    “เจ้าชื่อเคนนี่ใช่หรือเปล่า??”

    “ใช่ เจอาร์อยู่ไหน??” เคนนี่ถามกลับไปและหันหน้าไปทางชายชุดจีน แต่ในตอนนั้น เคนนี่เองก็รู้สึกคุ้นตากับชายคนนั้น เขาคิดไปคิดมา เขาก็พูดขึ้น

    “เฮ้ย นาย ชื่ออะไรนะ เจ้ามนุษย์กระดาษ ไปอะไรนี่หล่ะ??” เคนนี่พูดขึ้น

    “เคนนี่สินะ ที่เคยต่อยกับคนไปทั่ว โลกมันกลมเสียนี่กระไร อีกอย่าง ข้าชื่อไปจื่อ” ชายคนนั้นตอบกลับ

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ว่าแต่ เจอาร์หายไปไหน สายของฉัน??” เคนนี่ถามไป

    “เขาคงไม่ได้มาทำงานกับเจ้าแล้วหล่ะ เจ้าหลอกใช้เขาให้เขาทำงานด้วย”

    “นี่ ฉันกับหมอนั่นทำงานด้วยกันมานาน หมอนั่นเป็นสายข่าวให้ทางตำรวจหน่ะ” เคนนี่ตอบไป

    “อืม ข้ารู้ แต่ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเขาถูกพวกตำรวจจับไป รู้แค่นั้นพอ” ไปจื่อตอบ และในตอนนั้น พวกเขาทั้งคู่ก็พากันเดินออกไปที่ด้านหลังห้องสมุด แต่ยังไม่ทันที่จะได้ไปไหน เขาก็เจอกับชายสวมแว่นใส่สูทคนหนึ่งกำลังยืนพิงกำแพงอยู่แถวนั้น

    “หลังห้องสมุดออกได้เหรอ สบายดีกันนะ พวกนาย??”

    “อะไรวะ แกเป็นใคร??” เคนนี่ถามไปในขณะที่เตรียมจะชักปืนออกมาแล้ว

    “เดี๋ยว ไม่เห็นต้องใช้ความรุนแรงกันเลย เคนนี่ ไปจื่อ” ชายคนนั้นพูดต่อ ไปจื่อทำท่านึกอยู่นาน จากนั้นก็พูดขึ้นมา

    “เจ้าคือซิลเวสเตอร์ เด็กเนิร์ดคนนั้นใช่หรือไม่??”

    “ซิลเวสเตอร์ นั่นนายจริงๆเหรอ??” เคนนี่ถามไปบ้าง

    “โลกมันกลมจริงๆเลยนะ ฉันแค่มาหาข้อมูลอะไรนิดหน่อย” ซิลเวสเตอร์ตอบไป

    “อืม จะว่าไป เรื่องบังเอิญมันก็ไม่มีจริงซะด้วย” ไปจื่อพูดต่อ แต่ในตอนนั้น จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามากมายกำลังเข้ามาในห้องสมุด 

    “นั่นไง พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ” ซิลเวสเตอร์บอกกับทุกคน จากนั้นพวกเขาก็รีบออกจากห้องสมุดในทันที 

     

    “ผมพูดคุยกับทุกคน ก็พบว่าทุกคนตอนนี้กำลังโดนทั้งรัฐบาล รวมถึงเหล่าสภาจอมเวทย์ตามไล่ล่า ส่วนเจ้ามนุษย์กระจกนั่น..”

     

    ในวันหนึ่ง ประมาณอาทิตย์ก่อน วันนั้นเป็นช่วงกลางคืน ในตอนนั้นสามหนุ่มกำลังหนีจากการตามล่าของกลุ่มสภาจอมเวทย์ พวกนั้นสวมใส่ผ้าคลุมสีขาวดูเตะตา 

    “บ้าเอ้ย ไอ้พวกเหี้ยนี่เป็นใครเนี่ย??” เคนนี่ถามในขณะที่ใช้ปืนกระสุนเวทย์เพลิงยิงสกัดพวกมันเอาไว้

    “พวกผ้าคลุมขาว พวกนี้ทำงานร่วมกับสภาจอมเวทย์มานาน เท่าที่ฉันรู้นะ” ซิลเวสเตอร์ตอบ

    “เอาเถอะ ตอนนี้หนีจากพวกมันให้ได้ก่อนแล้วกัน” ไปจื่อพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเอากระดาษออกมา แล้วก็พัมบมันเป็นนกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปล่อยมันออกไป

    “พรึ่บ!!”

    นกกระดาษนั่นบินออกไปแล้วเข้าไปจิกพวกชุดขาวที่บุกเข้ามา พวกนั้นพยายามจะปัดป้องแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก 

    “ทางนี้เร็ว!!” เคนนี่พูดต่อ แต่ในขณะเดียวกันที่เขสกำลังจะออกไป เขาก็เดินสวนกับชายคนหนึ่ง ไม่สิ มันไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ ร่างกายของหมอนั่นดูราวกับกระจกที่เคลื่อนที่ได้

    “เฮ้ย แกเป็นใครเนี่ย??” เคนนี่ตะโกนออกมา ในขณะที่เล็งปืนใส่มนุษย์กระจกคนนั้น มนุษย์กระจกทำหน้างงซักพัก จากนั้นก็พูดขึ้น

    “พวกผ้าคลุมขาว” มนุษย์กระจกปริศนาพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินผ่านกลุ่มของเคนนี่เข้าไป 

    “เฮ้ย จะไปไหนอ่ะ??” ซิลเวสเตอร์ถามไป แต่มนุษย์กระจกนั้นไม่ตอบ จากนั้นก็เสกกระจกไว้บานหนึ่ง จากนั้นก็วางมันไว้ที่พื้น

    “รีบไปกันดีกว่าครับ ผมวอล โลน ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน” เขาบอกกับทุกคน จากนั้นก็รีบพาทุกคนออกไปในทันที

    “เดี๋ยว เจ้าจะพาพวกเราไปไหนหรือ??” ไปซื่อถามวอล

    “ไม่ต้องห่วง รับรองว่าปลอดภัยครับ.” วอลตอบแบบเรียบๆ ก่อนที่จะพาทุกคนออกจากพื้นที่ตรงนั้นไป ทางด้านของกลุ่มผ้าคลุมขาว สถานการณ์ตอนนี้ดูจะกำลังชุลมุนสำหรับพวกเขา 

     

    “บอกพวกเรามาดีๆเถอะ” ซิลเวสเตอร์พูด ในขณะที่มือของเขากำลังกุมที่หัวของชายที่ถูกจับมัดกับเก้าอี้ เขาตอนนี้กำลังทำหน้าราวกับกำลังเคลิ้มเพราะฤทธิ์ยายังไงอย่างงั้น จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา

    “โอ้สวรรค์..” ชายคนนั้นพูดขึ้นราวกับว่ากำลังเพ้อไม่ได้สติ ก่อนที่ไม่นานนัก เขาจะพูดออกมา

    “ผมติดต่อกับจ่าเอ็มเมอร์ ผมพูดได้แค่นี้ครับ..” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “เอ็มเมอร์ เวรเอ้ย เส้นผมบังภูเขาแท้ๆ!!” เคนนี่สบถออกมา

    “เออ เอ็มเมอร์คนนั้นเป็นใครกันครับ??” วอลถามอย่างสงสัย

    “แค่ไอ้ตำรวจสารเลวคนนึงหน่ะ” เคนนี่ตอบไป

    “ทุกเรื่องคอรัปชั่น มันจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐมาเอี่ยวด้วย” ซิลเวสเตอร์พูดต่อ

    “ฉ้อราษฏร์บังหลวง มีทุกยุคทุกสมัยจริงๆ” ไปจื่อพูดต่อ แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ทำอะไรกันต่อ

    “โคร้ม!!”

    ในตอนนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็บุกขึ้นมา พร้อมกับถือไม้เบสบอลด้วย แต่ไม่ใช่ไม้เบสบอลทองแดง เป็นเหล็กธรรมดา 

    “เฮ้ย พวกมึงมาทำอะไรที่ร้านกูวะ??” มันคนหนึ่งตะโกนออกมา

    “ทุกคน เราต้องไปกันแล้วหล่ะ” เคนนี่พูดขึ้น ในขณะที่อีกสามคนก็เตรียมพร้อมแล้ว

    “ล่อแม่งเลย!!” มันคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นพวกมันทุกคนก็วิ่งเข้ามาเล่นงานกลุ่มของเคนนี่ในทันที ทั้งสี่คนก็เข้าต่อสู้กับกลุ่มคนพวกนั้นบ้าง การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด

    “ตุ๊บ!!”

    เคนนี่ปะทะกับมันด้วยการเตะและต่อย เนื่องจากว่าพวกมันไม่ได้มีฝีมืออะไรมาก ส่วนไปจื่อ เขาใช้พัดกระดาษและกังฟูของเขาต่อสู้กลับไป ส่วนซิลเวสเตอร์ เขาหลบการโจมตีของพวกมัน และจับหัวมันคนหนึ่งไว้ และเมื่อเขาปล่อย ชายคนที่ซิลเวสเตอร์จับหัวก็เปลี่ยนไปโจมตีพวกเดียวกันในทันที

    “เฮ้ย อะไรวะ??” พวกมันรู้สึกตกใจ แต่ก็โดนพวกเดียวกันเล่นงาน บางส่วนก็หันไปเล่นงานวอลบ้าง แต่เมื่อพวกมันตีเข้าใส่วอล มันเหมือนกับว่าเขาตีกระจกแตก แต่ไม่โดนตัวของวอลเลย

    “เออ ใจเย็นกันหน่อยนะคร้าบ” วอลพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ใช้จังหวะที่พวกมันไม่ทันระวังต่อยพวกมันกลับไป และทุกครั้งที่เขาต่อยหน้าพวกมัน หน้าของพวกมันก็แตกร้าวอย่างกับกระจกแตก

    “ชิบหาย พวกเวทย์มนต์ เอากระสุนทองแดงมาเลย!!” มันคนหนึ่งตะโกนออกมา แต่เคนนี่ที่ได้ยินก็ชักปืนของเขาออกมา แล้วยิงปืนใส่พวกมัน

    “ปัง!!”

    “ฟิ้ว!!”

    กระสุนของเคนนี่นั้นพุ่งไปมาและคดเคี้ยวไปทางนั้นทีทางนี้ที แต่กระสุนทุกนัดนั้นเข้าที่หัวของพวกมันแทบจะทุกคน ตัวหัวหน้าของมันกำลังจะหนี เคนนี่เองรีบใช้เวทย์บังคับกระสุนให้พุ่งเข้าแสกหน้ามันในทันที

    “ตุ๊บ!!”

    ร่างของมันลงกับอย่างน่าเวทนา ส่วนคนอื่นๆที่โดนซิลเวสเตอร์ควบคุมจิตใจก็พากันสลบเหมือดตรงนั้น

    “ดูเหมือนว่าเราจะอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วนะครับ” วอลพูดขึ้น

    “ไม่บอกก็รู้ แล้วเราจะไปที่ไหนต่อหล่ะ??” ซิลเวสเตอร์ถามไป

    “ก็คงต้องเร่ร่อนไปเรื่อยเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ ฉันจะไปคุยกับไอ้จ่าเอ็มเมอร์หน่ะ” เคนนี่ตอบไป

    “อืม แต่ข้าคิดว่า เขาคงมิยอมเปิดปากง่ายๆหรอก ต้องดูว่าเขาควรจะต้องใช้ไม้อ่อน หรือไม้แข็งจัดการ” ไปจื่อพูดขึ้น 

    “เอาเถอะ พวกเราไปจากที่นี่กันดีกว่า” เคนนี่บอกกับทุกคน ก่อนที่พวกเขาจะหนีออก

     

    ณ ตึกระฟ้าแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ดูภายนอกดูเหมือนจะเป็นตึกสำนักงานธรรมดา แต่ด้านในดูเหมือนว่าจะไม่มีพนักงานคนไหนมาทำงาน และที่ห้องโถงด้านล่างของตึก จู่ๆ วงกลมปริศนาก็โผล่ขึ้นมา และหญิงสาวในชุดขาวเดินออกมาจากวงกลมนั้น โดยที่ชายชุดขาวสองคนก็เดินเข้ามาเธอ

    “ท่านจีโอ เชิญทางนี้ครับ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เขาจะเสกอะไรบางอย่างออกมา มันคือพรมที่สามารถลอยบนพื้นได้ เรียกง่ายๆก็คือพรมวิเศษนั่นเอง หญิงสาวที่ชื่อจีโอรีบเดินไปที่พรม จากนั้นพรมก็ลอยตัวเองขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว และไปสิ้นสุดอยู่ที่ชั้นบนสุด จีโอลงจากพรมและเดินต่อเข้าไปในห้องที่ประตูปิดอยู่ แต่ประตูก็เปิดรับเธอโดยที่เธอยังไม่ได้แตะต้องมันด้วยซ้ำ และเมื่อเธอเข้ามา เธอก็พบกับกลุ่มคนชุดขาวคนอื่นๆ ที่กำลังยืนอยู่ รวมถึงชายชราประมาณ 9 คนที่กำลังยืนอยู่บนเวทีของห้อง

    “อ้าว จีโอ มาแล้วเหรอ??” ชายชราคนหนึ่งบนเวทีพูดขึ้น จีโอรีบทำความเคารพเขาในทันที

    “ท่านสมาชิกสภา”

    “เออ ว่าแต่ พวกโกเทย์ยังไม่มาอีกเหรอ??” ชายชุดขาวคนหนึ่งถามไป

    “พวกเขามาช้าทุกทีนั่นหล่ะท่าน” ชายชุดขาวอีกคนหนึ่งตอบ และไม่นานนัก ประตูของห้องประชุมก็เปิดออก โดยที่กลุ่มคนที่เดินมามีทั้งหมด 7 คน โดยชายถือธงมะตอยทำหน้าตาเหมือนเบื่อโลกก็เป็นนเดินนำเข้ามาก่อน

    “เมื่อกี้ใครนินทากูวะ อยากฟัดกันซักยกมั้ย??” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “เย็นไว้ก่อนท่านอาคุมะ” ชายชุดขาวคนหนึ่งตอบไป ก่อนที่ไม่นานนัก หญิงสาวคนหนึ่งจะเดินเข้ามาจากประตูอีกบานหนึ่ง และสังเกตได้ว่าเหล่าบรรดากลุ่มโกเทย์ คนจะไม่ค่อยชอบหน้าเธอซักเท่าไหร่

    “ท่านโยมิ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น และทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีก็ทำความเคารพเธอในทันที แต่ดูเหมือนแก๊งโกเทย์ คนจะไม่ค่อยอยากจะทำเท่าไหร่

    “ขอคารวะอย่างจริงใจเจ้าค่ะ” หญิงสาวผมชมพูคนหนึ่งพูดขึ้นและแกล้งทำความเคารพโยมิ

    “นี่ วาจจิน่า อย่าเสียมารยาทสิ” อาคุมะบอกกับเธอไป แต่เหมือนว่าโยมิจะไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ ดูราวกับว่าเธอเจออะไรแบบนี้มาเยอะแล้ว

    “โยมิ เธอมาก็ดีเลย เริ่มประชุมกันเลยดีกว่า ไม่ต้องรอคนอื่นแล้ว” ผู้เฒ่าบนเวทีคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ค่ะ จากสถานการณ์ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเราจะปราบปรามกลุ่มผู้ใช้เวทย์ไปได้มากมาย แต่จำนวนผู้ใช้เวทย์ก็มากขึ้น สมาชิกคนในรัฐบาลของพวกมนุษย์บางส่วนก็เป็นผู้ใช้เวทย์โดยไม่เผยตัวค่ะ แล้วอีกอย่าง ช่วงนี้มีหลายกลุ่มที่ขึ้นมาท้าทายอำนาจของพวกเรา พวกโยวไค ที่นำโดยมิยาโมโตะ มิไร ค่ะ” จีโอพูดขึ้น 

    “ก็แค่ไอ้กร๊วกคนเดียวเอง” ชายในแก๊งโกเทย์ คนคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงต่ำและดูชั่วร้าย

    “เดี๋ยว นายชื่อไซเร็นใช่หรือเปล่า ไอ้กร๊วกที่นายว่า ตอนนี้มันฆ่าสมาชิก Magic Hunt ไปเป็นร้อยแล้ว ที่เหลือก็ยังนอนให้
    โทกามะรักษาอยู่เลย พวกนี้เป็นพวกที่ไม่ธรรมดาเลย” โยมิที่นิ่งไม่ไหวเลยพูดขึ้น

    “จะให้พวกเราไปปราบพวกมันเลยมั้ยหล่ะคร้าบ??” ชายผมตั้งสีขาวคนหนึ่งพูดขึ้นมา

    “เย็นไว้วาซิริสต์ ไปจัดการพวกอื่นสนุกกว่า” หญิงสาวชุดจีนคนหนึ่งตอบไป

    “ฉันเห็นด้วยกับลู่หง ไอ้นี่ดูน่าจะไม่เท่าไหร่” อาคุมะพูดขึ้น

    “แล้วจะส่งใครไปจัดการหล่ะ??” ชายผมยาวร่างผอมคนหนึ่งในกลุ่มโกเทย์ถามไป

    “ถ้าอย่างงั้น เธอพอจะมีหน่วยรบไปจัดการหรือเปล่า จีโอ??” โยมิถามไป

    “พอมีค่ะ ฉันจะลองส่งไปลองเชิงดูค่ะ” จีโอตอบไป

    “เราจัดการพวกเซเรวิงส์ไปแล้ว งานก็จบไปหนึ่ง” ชายผมยาวร่างยักษ์พูดขึ้น

    “ก็จริงเลโอนาร์ด แต่พวกมันก็ยังหนีไปได้บางส่วน ความจริงนายน่าจะตามพวกมันไปได้ทันนะ เร็นโค” อาคุมะบอกกับชายร่างผอมคนไป เร็นโคก็ได้แต่ก้มหัวยอมรับ

    “ช่างมันเถอะค่ะ แต่ตอนนี้ มีข่าวสำคัญกว่านั้นค่ะ มีข่าวมาว่า ปีศาจธาตุที่หนีรอดจากการถูกผนึกมาได้ เราพบที่กบดานของพวกนั้นแล้วค่ะ” จีโอพูดขึ้น สิ่งที่เธอพูดทำเอาทุกคนถึงกับตกใจกันมาก

    “เฮ้ พี่สาว พูดจริงดิ??” วาซิริสต์ยกมือขึ้นถามไป

    “นี่ คุณจีโอเคยพูดเล่นที่ไหนหล่ะ??” วาจจิน่าถามกลับไป

    “ปีศาจแต่ละตัวไม่ธรรมดาเลย ได้ยินว่าแต่ละตัวเก็บตัวกันอย่างดีด้วย” ลู่หงพูดต่อ

    “ถึงยังไงเราก็บั่นหัวพวกมันได้อยู่ดี” ไซเร็นพูดขึ้น

    “เดี๋ยว ไอ้พวกนี้มันไม่ใช่พวกนักเวทย์ไก่กาแบบที่เราจัดการมานะเฟ้ย??” เร็นโคพูดปรามเขา

    “จะจัดการปีศาจระดับนี้ ต้องระวัง อาจจะต้องใช้พวกระดับสูงขั้น I หลายคนเลย” เลโอนาร์ดพูดขึ้น

    “แต่ถ้าถึงตอนนั้น พวกมันที่จ้องจะเล่นงานเราอยู่ อาจจะลงมาซ้ำเราก็ได้” โยมิพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวในชุดพยาบาลสีขาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง โยมิที่เห็นก็ทักทายกับเธอในทันที

    “อ้าว ไอจังเหรอ มีอะไรหล่ะ??” โยมิถามไป

    “ท่านโยมิ ตอนนี้จอมเวทย์ผ้าคลุมขาวระดับ III โดนเก็บไป 5 คนแล้วค่ะ” ไอจังพูดขึ้น 

    “ห่ะ อีกแล้วเหรอ ฝีมือใครกันเนี่ย??” จีโอถามอย่างตกใจ

    “เรายังไม่ทราบได้ค่ะ แต่มันต้องเป็นมืออาชีพ แถมเวทย์มนต์มันก็แปลกๆ ร่างกายของจอมเวทย์ที่โดนเก็บเหมือนพิษเลยค่ะ ตอนนี้สมาชิกที่ทำงานให้ Magic Hunt หลายคนก็ได้รับข้อความขู่ฆ่าแล้วค่ะ” ไอจังตอบไป

    “ไอ้ระยำเอ้ย อย่าให้กูรู้นะมึง” อาคุมะถึงกับสบถออกมา

    “ตามรอยมันไป มันต้องไม่ใช่มือสังหารธรรมดาแน่ๆ” ผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดขึ้นมา

    “เออ ว่าแต่ คุณเอเตียนยังไม่มาเหรอคะ??” ไอจังถามอย่างสงสัย

    “แหม่ ถามหาแฟนเลยเหรอ เธอก็รู้นี่ หมอนั่นชอบทำงานกลางคืนอยู่แล้ว” โยมิตอบ

    “เอาเถอะ แต่งานนี้ สถานการณ์กำลังลำบากสำหรับพวกเรา ตอนนี้นอกจากรัฐบาลต่างๆของโลกที่ตามล่าเราแล้ว พวกจอมเวทย์บางคนก็เริ่มรวมตัวกันเป็นองค์กรมากขึ้นเพื่อต่อต้านเราแล้ว” ผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ท่านจะเอาอย่างไรต่อหล่ะคะ??” โยมิถามไป

    “เราจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกกลุ่มเสื้อขาว กลุ่มสองคือโกเทย์ กลุ่มสามคือกลุ่มของโยมิ เราจะเน้นไปที่การพวกจอมเวทย์ไปก่อน ส่วนทางรัฐบาล เราจะเจรจากับพวกเขา” ผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดขึ้น

    “เฮ้อ เจรจากับพวกมัน เสียงเวลาเปล่า” อาคุมะพูดขึ้นพลางเบะปาก

    “แต่ถ้าไม่ทำเราจะทำอะไรได้หล่ะ กำลังของเราตอนนี้ก็โดนจัดการไปมากขึ้นทุกวัน” โยมิถามไป 

    “เออ กระผมมีเรื่องจะถามขอรับ ไม่ทราบว่าตอนนี้เราทราบเบาะแสท่านผู้เฒ่าเคอร์เก้หรือเปล่าขอรับ??” สมาชิกผ้าคลุมขาวระดับสูงคนหนึ่งถามกลางที่ประชุม

    “จะว่าไป สถานที่สุดท้ายที่เราเชื่อว่าจะเจอท่าน ก็เป็นที่ที่พวกดูเรอเต้หลอกล่อให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าบุก และจัดการสังหารหมู่พวกมันนี่คะ??” จีโอพูดต่อ

    “เรื่องอื่นผมไม่สนหรอก เอาเป็นว่า เราขอทำงานส่วนของเราก็แล้วกันนะครับ แล้วเราจะรายงานความคืบหน้ามาเอง พวกเรา ไปกันเถอะ” อาคุมะพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกไปจากห้อง ในขณะที่วาจจิน่าเองก็แอบส่งจูบให้กับคนอื่นๆในห้องไปด้วย

    “เอาหล่ะ โยมิ ยังไงก็ฝากติดต่อพวก Magic Hunt คนอื่นๆด้วยก็แล้วกัน” ผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดกับเธอ 

    “ค่ะ ดิฉันขอตัวค่ะ” โยมิพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เดินออกไป โดยที่ไอจังเองก็รีบเดินตามออกไปด้วย

    “ฉันจะติดต่อกับคนอื่น แล้วก็ติดต่อกับอาเตียนด้วย แต่ช่างเถอะ ถึงยังไงหมอนั่นก็ติดต่อเธอเองอยู่แล้ว” โยมิตอบไป

    “ก็ เขาดูเป็นคนดีนะคะ แค่ไม่ค่อยพูดก็เถอะ” ไอจังพูดต่อ

    “นั่นไง แต่ฉันว่า เอาจริงๆหมอนั่นก็คงเคยเจอเรื่องร้ายๆมานั่นหล่ะ คงต้องให้เวลากับหมอนั่นหน่อย ไอจัง ฉันฝากเธอติดต่อกับ Magic Hunt ที่เธอรู้จักด้วย”

    “ได้ค่ะ” ไอจังรับคำ

     

    ณ คาสิโนแห่งหนึ่งในลาสเวกัส เมืองที่เต็มไปด้วยคาสิโนมากมาย แต่ที่นี่ ไม่มีคาสิโนไหนจะเป็นคาสิโนใหญ่เท่ากับ “Grand Taro Casino & Hotel” คาสิโนแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวมากมายมาเพื่อเล่นการพนันทุกชนิด โดยที่ชายใส่สูทขาวคนหนึ่งกำลังยืนมองคนเล่นอยู่ที่ระเบียงชั้นสอง ในขณะเดียวกัน ชายใส่สูทดำคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาชายชุดขาว

    “ขออนุญาตครับ ท่านแองเจลโล่ เยเรน่ากลับมาแล้วครับ”

    “อืม ดี ให้เข้ามาเลย” แองเจลโล่คนนั้นตอบ ก่อนที่บอดี้การ์ดของเขา จะพาหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในห้อง โดยมีหมูตัวหนึ่งเดินตามเธอมาด้วย

    “คุณแองเจลโล่ ฉันเก็บเงินพวกมันมาเรียบร้อยแล้วค่ะ” เยเรน่าพูดขึ้น

    “อืม ดี ให้หมูเธอไปหาอะไรกินก่อนมั้ย??” แองเจลโล่ถามกลับไป

    “อ้อ ซารีน่ามันยังไม่หิวค่ะ” เยเรน่าตอบ ก่อนที่เธอจะวางกระเป๋าสำนักงานใบหนึ่งไว้ที่โต๊ะทำงานของแองเจลโล่ และในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ในห้องของเขาก็ดังขึ้น

    “กริ๊ง!!”

    “ฉันรับให้นะคะ” เยเรน่าพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะไปยกหูขึ้นมาแล้วคุย และซักพัก เธอก็พูดกับแองเจลโล่

    “คุณเวเรนน่าโทรมาค่ะ”

    “ส่งมาให้ฉันเลย” แองเจลโล่พูดขึ้น ก่อนที่เยเรน่าจะเอาโทรศัพท์เดินไปให้กับแองเจลโล่ เขาหยิบมาแล้วคุยโทรศัพท์ทันที

    “ว่าไงที่รัก??” 

    “แหม่ วันนี้ให้เกียรติฉันขนาดนี้เลยเหรอ??” ปลายสายถามกลับไป

    “ก็นิดหน่อย ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าหล่ะ??” แองเจลโล่ถามไป

    “ไอจังโทรมาหน่ะ เธอบอกว่าตอนนี้พวก Magic Hunt หลายคนกำลังโดนเก็บแล้ว คราวนี้พวกผ้าคลุมขาวก็โดนด้วยหน่ะ” เวเรนน่าบอกกับเขาไป

    “โห พวกผ้าคลุมขาวก็โดนด้วยเหรอคะ??” เยเรน่าถามไป

    “ดูเหมือนคราวนี้ พวกเราคงต้องระวังตัวจริงๆแล้วหล่ะ” แองเจลโล่พูดขึ้น

    “คิดว่าฝีมือใครกันหล่ะ พวกรัฐบาล หรือว่าพวกจอมเวทย์??” เวเรนน่าถามไป

    “ก็มีทางเดียวที่จะรู้ ฉันจะลองติดต่อสายข่าวฉันให้แล้วกัน” แองเจลโล่ตอบไป

    “นี่ เมื่อไหร่เราสองคนจะได้ไปกินข้าวกันหล่ะ??” เวเรนน่าถามไป

    “เธอก็มาที่คาสิโนสิ ฉันเลี้ยงเอง” แองเจลโล่บอกกับเธอ

    “อืม ได้สิ เออ คือว่า ตอนนี้มี Glock 29 เจนใหม่ของเข้ามาแล้วนะ จะเอาซักกี่กระบอกหล่ะ??” เวเรนน่าถามเขาไป

    “ก็เท่าที่เธอหาได้นั่นหล่ะ โอเค เดี๋ยวฉันทำธุระก่อนนะ” แองเจลโล่พูดจบก็วางสายไป

    “เราจะทำยังไงกันดีคะ??” เยเรน่าถามไป

    “ถ้าเธอเจอสายข่าวของเรา ฝากถามพวกนั้นด้วยว่ามีเบาะแสอะไรเกี่ยวกับมือสังหารหรือเปล่า เท่าไหร่ไม่อั้น” แองเจลโล่พูดขึ้น

    “อ้อ ได้เลยค่ะ” เยเรน่าตอบไป

    “โอเค ช่วงนี้มีมือสังหารคนไหนกำลังดังๆหรือเปล่า??” แองเจลโล่ถามเยเรน่า

    “เท่าที่รู้นะคะ ในวงการตอนนี้มีเป็นหลายสิบคนเลยค่ะ แต่จะว่าไป มีไอ้กร๊วกคนนึงที่มันลงมือโดยการใช้อาวุธชีวภาพ เหมือนจะเป็นเชื้อไวรัสหน่ะค่ะ” เยเรน่าตอบไป

    “เชื้อไวรัสงั้นเหรอ มันเป็นยังไงหล่ะ??” แองเจลโล่ถามไป

    “ข้อมูลเรื่องนี้แทบจะไม่มีใครรู้เลยค่ะ”

    “เอาเถอะ ยังไงเธอก็ช่วยสืบมาหน่อยแล้วกัน ช่วงนี้ก้บอกให้พวกเราระวังตัวกันด้วยหล่ะ” แองเจลโล่พูดขึ้น

    “ได้เลยค่ะ” เยเรน่าตอบไป

     

    ณ บริเวณใต้ทางด่วนแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย บริเวณพื้นที่ลานกว้างที่ไม่ห่างจากพื้นที่ของคนไร้บ้านนั้น พื้นที่ตรงนั้นมีกลุ่มคนมารวมตัวกัน เพื่อดูการชกต่อย เรียกได้ว่าที่นั่นคือเวทีมวยใต้ดินดีๆนี่เอง และในการต่อสู้นั้น หญิงสาวหน้าตาสะสวยราวกับนางฟ้า ซึ่งเธอดูไม่น่าจะมาเป็นนักชก กำลังจะขึ้นสังเวยสู้กับชายวัยกำลังกลัดมัน หญิงสาวคนนั้นถอดถุงมือของเธอทิ้ง ก่อนที่จะขึ้นเวทีไปเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ของเธอ

    “เอาหล่ะ นักมวยทั้งสองพร้อมนะ ห้ามจิ้มตา ห้ามเล่นคอหอย ห้ามเล่นใต้เข็มขัด เข้าใจนะ ชก!!” 

    หลังจากที่กรรมการให้สัญญาณชก หญิงสาวคนนั้นเริ่มการใช้มือแตะไปที่ร่างของชายคนนั้น ก่อนที่จะผละออกมา

    “เฮ้ อะไรของเธอเนี่ย อยากไปเที่ยวด้วยกันก็ไม่บอก” ชายคนนั้นพูดขึ้น แต่หญิงสาวคนนั้นยิ้มตอบ เธอแตะชายคนนั้นอยู่อีกประมาณ 5 ที ก่อนที่เธอจะเริ่มชก

    “ตุ๊บ!!” คู่ของเธอถึงกับหน้าสั่น แต่เขาต้องพยายามทำทรงเอาไว้ก่อน

    “เฮ้อ หมัดหนักดีนี่น้องสาว” นักมวยชายพูดขึ้น และเขาก็ต่อยเธอไปหนึ่งทีเข้าที่การ์ดของเธอ 

    “นี่ต่อยแล้วเหรอวะ โอเค งั้นของจริงหล่ะไอ้กร๊วก!!” เธอพูดขึ้น ก่อนที่คราวนี้เธอจะประเคนทั้งหมัดเท้าเข่าศอกใส่คู่ต่อสู้ คู่ต่อสู้เธอพยายามจะป้องกัน แต่ร่างกายของเขาเหมือนกับจะหมดแรง ก่อนที่ไม่นานนัก เธอจะเข่าลอยใส่คู่ต่อสู้จนเขากระเด็นจากเวที ท่ามกลางเสียงเชียร์

    “ผู้ชนะของเราก็คือ เวโรนิก้า อี!!” เสียงผู้ประกาศดังขึ้น หญิงสาวคนนั้นได้แต่ชูมือฉลองชัยชนะของเธอ

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในแคลิฟอร์เนีย เมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้ตำรวจมากมายกำลังจอดรถอยู่แถวนั้น ไซเรนยังไม่ทันจะได้ดับ ไม่นานนัก ตำรวจก็พาครอบครัวคนกลุ่มหนึ่งออกมาจากบ้านหลังหนึ่ง

    “เดี๋ยว พวกเราไม่ใช่คนร้าย จับเรามาทำไม!!” ชายผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวพูดขึ้น

    “ไปโรงพักแล้วค่อยพูดกัน..” ตำรวจยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆไฟถนน รวมถึงไฟไซเรนก็ไล่แตกไปทีละดวง จนตอนนี้ถนนแทบจะมืดทั้งหมด

    “เฮ้ย อะไรวะ พวกเรา เปิดไฟฉาย เตรียมกระสุนทองแดง..” ตำรวจคนหนึ่งยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ ดาวกระจายดอกหนึ่งก็พุ่งปักเข้าที่คอของตำรวจคนนั้น

    “ชิบหาย ขอกำลังเสริมด่วน!!” ตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้น ตำรวจคนหนึ่งรีบหยิบวอขึ้นมา แต่จู่ๆก็มีอะไรบางอย่างมาฟันที่แขนของตำรวจคนนั้น

    “ฉับ!!”

    “อ๊าค!!”

    “เฮ้ย ยิงมันเลย!!” ตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พยายามกระหน่ำยิงอะไรก็ตามที่ดูเหมือนจะเคลื่อนไหว แต่ไม่นานนัก พวกเขาก็เห็นดาบปริศนากำลังฟาดฟันพวกเขา 

    “ฉับ!!”

    ผู้ใช้ดาบคนนั้นเป็นหญิงสาวใส่หน้ากากสีแดงคนหนึ่ง เธอใช้ความเร็วฟาดฟันตำรวจทั้งหมด ตำรวจคนหนึ่งพยายามจะคลานหนี แต่หญิงสาวคนนั้นก็เหยียบตำรวจคนนั้นเอาไว้ ตำรวจรีบหยิบเอาสร้อยทองแดงออกมาในทันที และชูใส่ผู้หญิงคนนั้น

    “เฮ้ย นี่ทองแดงนะเว้ย อีระยำ!!” ตำรวจคนนั้นพูดขึ้น แต่เธอก็ตัดแขนตำรวจคนนั้น จากนั้นก็ใช้ดาบเล้งไปที่คอตำรวจ

    “นั่นมันใช้ได้กับพวกเวทย์มนต์ ฉันมันแข็งแกร่งกว่านั้น อีกอย่าง ฉันชื่อคามิลล่า” เธอพูดขึ้น จากนั้นก็ใช้ดาบปักเข้าที่คอของตำรวจคนนั้น ก่อนที่เธอจะดึงมันออกมา และเดินไปหาครอบครัวที่เพิ่งจะโดนตำรวจจับ

    “รีบหนีไปซะ” คามิลล่าพูดสั้นๆ จากนั้นเธอก็เดินไปที่ร่างของตำรวจคนหนึ่ง จากนั้นเธอก็ลากมันขึ้นมา แล้วก็ดูดเลือดของมันที่คอในทันที ครอบครัวที่เห็นในตอนนั้นก็รีบหนีอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้กลัวตำรวจอะไรแล้ว แต่กลับกลัวเธอมากกว่า

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในโกดังปริศนาในนิวยอร์ก สถานที่ที่ตอนนี้ดูกำลังวุ่นวาย เนื่องจากกำลังมีการปะทะกันระหว่างกลุ่มสองกลุ่ม โดยชายสองคนกำลังต่อสู้กับกลุ่มผู้ใช้เวทย์หลายสิบคนในโกดังแห่งนั้น

    “ปังๆๆๆๆๆๆ!!”

    ชายเสื้อขาวคนหนึ่งกำลังถือปืนสั้น FN ยิงใส่กลุ่มผู้ใช้เวทย์ ส่วนอีกคนหนึ่งก็ใช้ดายคาตะนะตัดพลังเวทย์ของกลุ่มผู้ใช้เวทย์ที่พุ่งเข้าใส่

    อันจิ รีบกลับเถอะหว่ะ” ชายเสื้อเชิ้ตขาวพูดขึ้น

    “บลาๆๆๆ” ชายผมขาวถือดาบคาตะนะไม่พูดอะไรนอกจากพึมพำไปมา แต่เขาก็วิ่งเข้าไปแล้วฟันร่างของกลุ่มผู้ใช้เวทย์พวกนั้นจนแตกกระเจิงไปคนละทาง

    “มานี่เลย” ชายเชิ้ตขาวคนนั้นรีบหยิบประแจท่อซึ่งทำจากทองแดงออกมา จากนั้นก็ไล่ตีไปที่พวกผู้ใช้เวทย์ และไม่นานนัก เหล่าผู้ใช้เวทย์จนโดนเล่นงานกันหมด คนสุดท้ายพยายามจะคลานหนีออกจากโกดัง แต่ชายชุดขาวก็เดินเข้าไปแล้วกระหน่ำเอาประแจท่อตีใส่หัวของมัน

    “ตุ๊บ!!” อันจิได้แต่เบินหน้าหนี ในขณะที่ตัวของชายเสื้อขาวคนนั้นยังคงหระหน่ำตีพวกผู้ใช้เวทย์อย่างไม่ยั้งมือ จนกระโหลกแทบจะแหลกละเอียดแล้ว

    “พอเหอะเอเตียน” อันจิพูดขึ้น

    “อ้าว พูดรู้เรื่องแล้วเหรอ??” เอเตียนถามกลับไป จากนั้นเขาก็หยุดมือในทันที

    “ดูเหมือนพวกแม่งจะแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน” เอเตียนพูดขึ้น

    “พึมพับๆๆๆๆ” อันจิทำเสียงอู้อี้อยู่ในปาก

    “เออ รู้ว่าแกจัดการมันได้” เอเตียนตอบ และในตอนนั้น จู่ๆก็มีวงกลมปริศนาปรากฏต่อหน้าพวกเขา มันเป็นวงกลมที่สามารถเทเลพอร์ตเคลื่อนย้ายไปที่ไหนก็ได้

    “เฮ้ แฟนมารับแล้วครับ” อันจิพูดขึ้น

    “เฮ้ย ทีงี้พูดชัดเลยนะเว้ย” เอเตียนตอบ

    “พึมพำๆๆๆๆ” อันจิพูดต่อ

    “เอาที่สบายใจเลย” เอเตียนพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะเดินเข้าไปในวงกลมเทเลพอร์ตอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก พวกเขาก็เจอไอจังที่กำลังยืนรอพวกเขาอยู่

    “ปลอดภัยกลับมาแล้วนะคะ??” 

    “เธอถามนายหน่ะ” อันจิบอกกับเอเตียน

    “เรื่องของฉันเถอะน่า” เอเตียนตอบกลับ ก่อนที่ไม่นานนัก ไอจังจะเดินเข้ามาเอเตียนในทันที

    “บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ??” ไอจังถามเอเตียนไป

    “อ้อ ฉันไม่ค่อยเป็นไรหรอก ไปถามเจ้าอันจิดู..” เอเตียนยังพูดไม่ทันจบ อันจิก็พึมพำคนเดียวและเดินออกไปราวกับรู้งานอะไรบางอย่าง

    “เออ ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรนะคะ แต่เอ๊ะ แผลคุณอีกแล้ว” ไอจังพูดขึ้น ในขณะที่มองไปที่คอของเอเตียน ซึ่งดูเหมือนว่าแผลมันจะกลับมาอีกแล้ว

    “อีกแล้วนะคะเนี่ย” ไอจังพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะกุมมือของเอเตียนเอาไว้ ตัวของเอเตียนดูเหมือนจะผ่อนคลายลง ไม่นานนัก เขาก็กลับมาเป็นปกติ

    “ขอบใจมากนะ” เอเตียนพูดขึ้น

    “อืม ดีแล้วหล่ะ ตอนนี้คุณโยมิกำลังรอคุณอยู่เลยนะคะ” อันเตียนพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะพยักหน้าให้กับเธอ และแตะไหล่ของเธอไปหนึ่งที แล้วเดินออกไป

    “โชคดีนะคะ” ไอจังพูดไล่หลังเขา

     

    ณ เขตตึกระฟ้าย่านใจกลางเมือง ดูเหมือนเหตุการณ์จะปกติ แต่ในตอนนั้น ที่ด้านล่าง มีตำรวจกลุ่มหนึ่งกำลังเดินไปเดินมาอยู่ด้านล่าง โยที่บรรดานักข่าวกำลังเตรียมจะสัมภาษณ์หัวหน้าตำรวจคนหนึ่งที่อยู่ด้านล่าง

    “ท่านคะ ขอสัมภาษณ์หน่อยคะ ช่วงนี้การที่ท่านตามล่ากลุ่มผู้ใช้เวทย์มนต์ ปราบปรามอย่างหนัก จะไม่ทำให้ท่านตกเป็นเป้าเหรอคะ??”

    “เฮ้อ พวกนอกกฎหมายพวกนั้น ไม่มีราคาอะไรกับผมทั้งนั้น..” ตำรวจที่ดูจะมียศสูงสุดคนหนึ่งพูดขึ้น แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ บนหน้าต่างตึกหลังหนึ่ง หญิงสาวผมดำตัวขาวคนหนึ่งกำลังเตรียมปืน Remington 700 ติดกล้องเล็งและที่เก็บเสียง จากนั้นก็เล็งไปที่หัวหน้าตำรวจคนนั้น

    “แต่ท่านคะ การที่ท่านใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุแบบนี้..” นักข่าวยังพูดไม่ทันจบ

    “เกินกว่าเหตุอะไรครับ พวกนั้นไม่ใช่มนุษย์ซักหน่อย...” ตำรวจยังพูดไม่ทันจบ 

    “ปิ้ว!!”

    “ตุ๊บ!!”

    ลูกปืนของหญิงสาวคนนั้นยิงเจาะกะโหลกของหัวหน้าตำรวจเข้าเต็มๆ ก่อนที่ตัวของเธอจะรีบเก็บปืนของเธออย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ นี่ฉันมารี งาน A จบแล้ว” ผู้หญิงผมดำคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะหายตัวไปกับความมืดอย่างรวดเร็ว

     

    ณ สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้ดูเหมือนว่ามันกำลังจะโดนใครบางคนไม่รู้ยิงถล่ม บรรดาตำรวจพยายามจะปกป้องสถานีเต็มที่ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลมากนัก ชายใส่ฮู้ดแดงคนหนึ่งที่ถือปืนยิงลูกระเบิด เขายิงเข้าไปในโรงพักอย่างไม่ยั้งมือ

    “ตู้ม!!”

    “วู้ฮู้!!” ชายคนนั้นตะโกนออกมา และทุกครั้งที่เขายิงใส่สถานีตำรวจ จะเกิดแก๊สอะไรบางอย่างลอยเข้าไปด้านใน ตำรวจบางส่วนที่ได้ดมกลิ่น พวกเขาก็ค่อยๆกลายร่างกลายเป็นซากศพที่เดินได้

    “เฮ้ย อะไรวะ??” ตำรวจคนหนึ่งดูเพื่อนของเขาที่กำลังกลายร่าง ก่อนที่เขาจะยิงเพื่อป้องกันตัว ในตอนนี้ด้านในสถานีตำรวจจะวุ่นวายมาก

    “โว้ะ ออกมาสิโว้ย!!” ชายคนนั้นตะโกนออกมา และในตอนนั้น มอเตอร์ไซค์ตำรวจคันหนึ่งก็ขับมาทางเขา และพยายามจะชักปืนยิง แต่ชายฮู้ดแดงก็ชักปืน Glock รุ่นปรับแต่งของเขาออกมา แล้วกราดยิง

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    ตำรวจโดนยิงตายคาที่ ก่อนที่ชายคนนั้นจะเดินออกไปจากพื้นที่ และไม่นานนัก โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ชายคนนั้นรับสายในทันที

    “โย้ว ว่าไง??” ชายฮู้ดแดงถามไป

    ดีค่อน เป็นยังไงบ้าง ได้ยินว่าพวกเวทย์มนต์กำลังตามล่านาย??” 

    “กลัวที่ไหนหล่ะ ให้มันมาเถอะ นี่ฉันเพิ่งมาถล่มสถานีตำรวจเนี่ย” ดีค่อนตอบไป

    “เออ เอาเถอะ มีงานใหม่ จะรับหรือเปล่า??”

    “งานไหนวะ กับใคร??” ดีค่อนถามไป

    “พวกจอมเวทย์ผ้าคลุมขาวหน่ะ”

    “โว้ะ เย้ ไอ้พวกนั้นหน่ะเหรอ โธ่..” ดีค่อนพูดต่อ

    “เฮ้ย ไอ้พวกนี้มันของจริงนะเว้ย??”

    “ฉันไม่สนใจหรอก ให้มันมาเถอะ จะยัดหน้าเรียงตัวเลย” ดีค่อนบอกไป

    “เออๆ เอาเถอะ นายก็รู้จักฉันนี่หว่า แล้วเงินฉันหล่ะ??” ดีค่อนถามกลับไป

    “อยู่กับฉัน มาเอาได้เลย” ปลายสายพูดจบ ดีค่อนก็วางสายไป

    “เฮ้อ อยากเจอพวกแกจริงๆ” ดีค่อนพูดขึ้นมา

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในย่านเทกซัส มีบ้านแบบญี่ปุ่นหลังใหญ่หลังหนึ่ง กำลังตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางพื้นที่ทะเลทราย แต่ต้นไม้ที่ปลูกไว้รอบบ้านก็ช่วยให้พื้นที่ดูร่มรื่นขึ้น ด้านในบ้าน ตอนนี้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ใส่ชุดชิโนบิญี่ปุ่นสีขาวดำสลับกัน กำลังตั้งแถวยืนรอใครบางคนอยู่ และไม่นานนัก ชายคนหนึ่งก็เดินออกมาจากบ้าน และตะโกนออกมา

    “แสดงคำนับท่านมิยาโมโตะ มิไร!!” ชายคนหนึ่งตะโกนออกมา ก่อนที่ไม่นานนัก ชายหนุ่มผมขาวคนหนึ่งก็เดินออกมาจากบ้านพร้อมกับหมาป่าอีกสองสามตัวที่เดินตามเขามาด้วย ในตอนนั้นทุกคนรีบแสดงคำนับเขาในทันที

    “ลุกขึ้นเถอะ” มิไรพูดขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะเชิดหน้ากันขึ้นมา

    “เอาหล่ะ จากการโจมตีกองกำลัง Magic Hunt ในคราวก่อน รวมถึงพวกผู้ใช้เวทย์ปลายแถวทั้งหมาย พวกเราได้พวกผู้ใข้เวทย์มาเป็นพลังให้กับเรามากขึ้น ทำให้พวกเราเข้มแข็งกันมาก” มิไรพูดขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ชายที่อยู่ข้างๆเขาก็พูดขึ้นมา

    “ท่านครับ แต่ตอนนี้พวกบรรดาสภาจอมเวทย์ มีมติให้ตามล่าท่านแล้วครับ”

    “ช่างมันเถอะ ถึงยังไงมันก็ตามล่าเราอยู่ดี” มิไรตอบไป

    “ครับ ท่านครับ ตอนนี้ก็มีพวกคนที่มาอยู่กับเราอีก 50 ครับ”

    “ดี ฝึกวิชาให้พวกนั้น ดูเหมือนว่าเราคงต้องใช้ผู้มีฝีมือหลายคนเลย เอาหล่ะ พวกเราทุกคน ตอนนี้พวกสภาจอมเวทย์มีมติตามล่าพวกเรา แต่เราจะแสดงให้พวกมันเห็นถึงเกียรติและความร้ายกาจของซามูไร!!” มิไรตะโกนออกมา ก่อนที่คนอื่นๆจะตะโกนตามบ้าง เพื่อปลุกความฮึกเหิม

     

    ณ ไนต์คลับขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในย่านแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมองภายนอกดูจะเป็นหมายคลับธรรมดาๆ แต่เบื้องหลังข้างใน มันเป็นสถานที่ที่เหล่าบรรดาผู้คนมากมายเข้ามาทำการร่วมเพศหมู่กัน พวกเขาเสพสมกันราวกับสัตว์ป่า โดยที่บนระเบียง ชายเอเชียคนหนึ่งกำลังนั่งให้หญิงสาวคนหนึ่งนั่งคร่อมและร่วมเพศกันอย่างเร้าร้อน ในขณะเดียวเขากำลังเข้าได้เข้าเข็ม ในตอนนั้นชายร่างเปลือยเปล่าคนหนึ่งก็เดินเข้ามาเพื่อรายงานอะไรบางอย่าง

    “ลูกพี่ซอกฮุนครับ!!”

    “เดี๋ยว!!” ชายคนนั้นตะโกนออกมา ก่อนที่ตัวของเขาจะทำอยู่ซักพัก จนเขาถึงจุดสุดยอด ก่อนที่เขาจะเอาตัวผู้หญิงออกแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปหาชายคนนั้น

    “กล้ามากนัก มีอะไรว่ามา??” ซอกฮุนคนนั้นถามไป

    “เออ คือว่า เหมืองทองแดงที่เราจะกว้านซื้อในอเมริกาใต้กำลังมีปัญหาครับ”

    “ปัญหาอะไรวะ ฉันอุตส่าห์ให้ราคาที่สูงที่สุดแล้วนะเว้ย??” ซอกฮุนคนนั้นถามต่อ

    “พวกเขาบอกว่า ช่วงนี้ทองคำราคาตก พวกเขาต้องการเพิ่มหน่ะครับ”

    “กูว่าแล้ว ไอ้ระยำนั่น มันต้องการเท่าไหร่??” ซอกฮุนถามไป

    “เออ พวกเขาต้องการอีก 50 แท่งครับ” ลูกน้องของเขาตอบไป ก่อนที่ตัวของซอกฮุนจะจ้องลูกน้องของเขาตาเขม็ง ในขณะที่เขาก็ทำมืออะไรบางอย่าง และแจกันใบหนึ่งสีทองบริสุทธิ์ในห้องเขาก็ดูเหมือนจะค่อยๆละลายลงที่พื้น ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมา

    “ก็ได้ แต่ถ้ามันเรียกร้องอะไรอีก คราวนี้ฉันจะยัดทานทองลงปากมันเอง” ซอกฮุนพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ลูกน้องของเขาจะรีบคำนับเขา และเดินออกไปในทันที

    “แม่งเอ้ย ไอ้พวกระยำนี่ อยากเล่นกับฉันนักใช่มั้ย??” ซอกฮุนพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปที่เก้าอี้ที่เขานั่ง ก่อนที่เหล่าบรรดาสาวๆที่เขาเสพกามด้วยจะมาคลอเคลีบกับเขา

    “ช่วงนี้คุณดูสนใจเหมืองทองแดงมากเลยนะคะ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ใช่ ถ้าฉันมีทองแดงเยอะๆเมื่อไหร่ ฉันจะผูกขาดการค้าทองแดงกับพวกรัฐบาลได้ ถ้าพวกมันไม่มีทองแดง มันจะเอาอะไรไปต่อกรกับพวกผู้ใช้เวทย์หล่ะ แล้วฉันจะกดราคาให้หนักๆ ถึงตอนนี้ ฉันจะรวยล้นฟ้า ไอ้พวกรัฐบาลทั่วโลกจะต้องคลานเข่าเข้ามา เพื่อขอให้ฉันขายทองแดงให้พวกมัน!!” ซอกฮุนตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด

     

    ณ บริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนี้มีคนเดินผ่านไปผ่านมาเป็นจำนวนมาก แต่ท่ามกลางผู้คนที่เดินไปมา ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าชายสวมฮู้ดสีเทาคนหนึ่ง โดยที่ชายฮู้ดเทาคนนั้นกำลังยืนถือสร้อยและแกว่งให้มันห้อยไปห้อยมาต่อหน้าหญิงสาวคนนั้น

    “เออ ขอโทษนะคะ ช่วยรีบหน่อยได้หรือเปล่าคะ??” หญิงสาวคนนั้นตอบชายคนนั้นไป

    “ใจเย็นสิครับ ผู้ชายของคุณเขาไม่หายไปไหนหรอก” ชายคนนั้นตอบไป ทำเอาตัวของเธอถึงกับตกใจมาก

    “ว้าย รู้ด้วยเหรอคะ??” 

    “คำทำนายของผมไม่เคยพลาด และอันที่จริง วันนี้คุณเลื่อนนัดเจอเขาออกไปดีกว่า” ชายคนนั้นพูดต่อ

    “อ้าว ทำไมหล่ะคะ??”

    “ผมบอกไม่ได้ แต่ถ้าอยากเจอเขา ให้เขาไปเจอที่บ้านของคุณดีกว่า” ชายคนนั้นพูดต่อ

    “ค่ะ” หญิงสาวคนนั้นตอบ ก่อนที่เธอจะหยิบแบงก์ 10 ดอลล่าห์ออกมา แล้วก็ยื่นให้กับหมอดู หมอดูคนนั้นก็รีบหยิบเงินมาในทันที

    “คุณเป็นใครกันแน่คะเนี่ย เป็นผู้ใช้เวทย์หรือเปล่า??” ผู้หญิงคนนั้นถามหมอดูต่อ

    “ก็อาจจะใช่ แต่เรียกผมว่า เฟท ก็พอ” เขาตอบกลับไป

    “โชคชะตาเหรอ??” หญิงสาวคนนั้นถาม ก่อนที่เธอจะเดินโดยทำหน้างุนงงเล็กน้อย ส่วนชายคนนั้นก็เก็บเงินที่ได้มา

     

    ณ โกดังแห่งหนึ่งในย่านแคลิฟอร์เนีย โกดังร้างที่ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่มานาน แต่จู่ๆ วงกลมเทเลพอร์ตปริศนาก็ค่อยๆโผล่ออกมา ก่อนที่ไม่นานนัก เหล่าชายหญิงกลุ่มหนึ่งก็ค่อยๆเดินออกมาจากวงกลมนั้น ก่อนที่พวกเขาจะมารวมตัวกัน

    “สวัสดีพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มผมขาวที่มีไอเย็นออกมาจากตัวพูดทักทายกับทุกคน

    “ยินดีที่ได้เจอพวกเจ้าอีก นับพันปีแล้วนะ ไรจิน จ้าวสายฟ้า ยิเมียร์ จ้าวน้ำแข็ง อาร์เทมิส จ้าวเมกไม้ บาร์บาทอส จ้าววายุ..” หญิงสาวชุดสีแดงเพลิงที่มีผมสีแดงราวกับเปลวเพลิงได้พูดขึ้น

    “ยินดีที่ได้เจอเจ้าเช่นกัน มอลอซ” หญิงสาวที่มีประจุไฟฟ้ารอบตัวได้พูดทักทายเธอกลับ

    “ยังดีที่พวกเจ้ายังไม่โดนพวกสภาเวทย์ระยำพวกนั้นจับได้” บาร์บาทอสพูดขึ้น

    “แต่ว่า ตอนนี้ดินแดนเวทย์มนต์ก็โดนพวกมนุษย์ระยำทำลายสิ้นแล้วนะ??” อาร์เทมิสพูดขึ้น

    “ก็เพราะแบบนี้ พวกเราจึงต้องร่วมมือกันอย่างไรเล่า ทั้งพวก Magic Hunt ไหนจะพวกมนุษย์ที่รู้วิธีจัดการกับพวกเรา” มอลอซพูดขึ้น

    “แต่ก็ยังดี มิเช่นนั้น พวกเราคงต้องอยู่ในถ้ำนั่นไปจนตาย” ยิเมียร์พูดต่อ

    “ว่าแต่ พวกเจ้ามีข่าวอันใดเพิ่มหรือเปล่า??” อาร์เทมิสถามไป

    “สายข่าวของข้าบอกมาว่า ตอนนี้พวก Magic Hunt กับพวกรัฐบาลเริ่มทำงานด้วยกัน และจัดการพวกผู้ใช้เวทย์อย่างเต็มที่แล้ว” บาร์บาทอสพูดขึ้น

    “ต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอ??” ไรจินถามไป

    “มันก็มีเหตุผลนะ พวกนั้นคงมองว่ากลุ่มผู้ใช้เวทย์มีเพิ่มมากขึ้น พวกมันต้องรีบทำอะไรซักอย่างหน่ะ” มอลอซบอกไป

    “เฮ้ บาร์บาทอส กองกำลังของเธอเตรียมพร้อมรับมือกับพวกมันหรือเปล่า??” อาร์เทมิสถามเธอไป

    “ถ้าไม่ใช่พวกระดับสูงเป็นร้อยๆ พวกเรารับมือได้สบาย” บาร์บาทอสตอบไป

    “ของฉันหน่ะเหรอ แต่ฉันคนเดียวก็จัดการพวกมันได้” ยิเมียร์พูดขึ้น

    “เดี๋ยวสิ ไอ้คราวพันปีก่อนนี่คืออะไรหล่ะ??” ไรจินถามกลับไป

    “เอาเถอะ ว่าแต่ เราจะเริ่มที่ใครกันก่อนหล่ะ??” มอลอซถามไป

    “ฉันขอเสนอ ไอ้ผู้เฒ่าเกจิน มันดูอ่อนแอที่สุด เราน่าจะจัดการกับมันได้” ไรจินบอกไป

    “เอ้ย แต่มันเหลี่ยมจัดอยู่เหมือนกันนะ” ยิเมียร์พูดขึ้น

    “ถึงมันจะเหลี่ยมจัด แต่ใครๆก็รู้ว่ามันบ้าตัณหา” อาร์เทมิสพูดขึ้น

    “อ้อๆ ถ้าเช่นนั้น ฉันพอจะรู้แล้วว่าใครเหมาะกับงานนี้ ฉันมีคนรู้จักที่เหมาะกับงานนี้อยู่” บาร์บาทอสพูดต่อ

    “แล้วนี่ มีข่าวอะไรเกี่ยวกับรัฐบาลของโลกมนุษย์เพิ่มเติมอีกหรือเปล่าหล่ะ??” มอลอซถามทุกคนไป

    “ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากว่าพวกมันกำลังตามล่าพวกเราอย่างสุดกำลัง ตอนนี้ได้ยินว่าทองแดงกำลังเริ่มขาดตลาดแล้ว” บาร์บาทอสพูดขึ้น

    “ใช่ ได้ยินมาว่ามันแพงกว่าทองคำซะอีก” ไรจินพูดเสริม

    “แต่ว่า ถ้าเรามีแร่ออริจิเนียม ทองแดงของพวกมันก็ทำอะไรไม่ได้” ยิเมียร์พูดขึ้น

    “เฮ้อ ไอ้แร่นั่นหน่ะ พวกเราตามหามันมาตลอด แต่ก็แทบไม่เจออะไร ขนาดพวกสภาจอมเวทย์ ยังมีไม่พอให้แจกให้ครบทุกคนเลย” อาร์เทมิสตอบไป

    “ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดถึงของที่เรายังไม่ได้มันมาเลย ตอนนี้พวกเรา..” มอลอซยังพูดไม่ทันจบ ในตอนนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง มันคือเสียงคนกลุ่มหนึ่งสวมชุดขาวที่บุกเข้ามาในโกดังนั้น พวกมันมีอาวุธกันครบมือ และพยายามจะล้อมพวกเขาเอาไว้

    “เฮ้อ พวกเยเกอร์ งานนี้แบ่งตีนกันหน่อยแล้วกัน” มอลอซบอกกับคนอื่นๆ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะบุกเข้าประจันหน้ากันอย่างดุเดือด และอีกด้านหนึ่งของโกดัง มีสายตาคู่หนึ่งกำลังจดจ้องมองการต่อสู้ระหว่างเหล่าเทพปีศาจผู้ใช้เวทย์ กับกองกำลังผ้าคลุมขาว เขามองและเดินออกไปอีกทาง แต่ดูเหมือนว่าพวกผ้าคลุมขาวเองก็มาล้อมกรอบเขาไว้ด้วย

    “หยุด ยอมให้พวกเราจับซะดีๆ ผู้ใช้เวทย์!!” ชายผ้าคลุมขาวคนหนึ่งพูดขึ้น แต่ในตอนนั้น ชายคนนั้นก็เสกเอาโล่กับหอกออกมา ทำเอาพวกผ้าคลุมขาวพวกนั้นถึงกับตกใจ

    “โล่นั่น หอกนั่น มีคนเดียวที่ใช้ เอล ซาดิน” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น

    “นึกว่าจะเป็นแค่ตำนานซะอีก” ชายอีกคนพูดต่อ

    “เฮ้อ วันนี้หล่ะ พวกเจ้าจะได้เห็นตำนานขนานแท้” ซาดินพูดขึ้นและตั้งโล่และหอกเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับกองกำลังชุดขาวพวกนั้น

     

    ณ คฤหาสน์แห่งหนึ่งในย่านโคโลราโด ซึ่งกำลังอากาศดี ดูเหมือนไม่มีอะไรมากวนใจ แต่ในคฤหาสน์นั้น เป็นที่อยู่ของชายใส่เสื้อเชิ้ตขาวคนหนึ่ง ที่กำลังนั่งจิบไวน์อยู่ในห้องรับแขกนั้น ท่ามกลางเสียงเพลงที่เปิดไปมาในห้อง 

    “แว่บ!!”

    วงกลมเทเลพอร์ตสีขาวประหลาดโผล่กลางห้องรับแขกของชายคนนั้น แต่ชายคนนั้นดูจะไม่ยี่หร่าอะไรเท่าไหร่ ราวกับว่าเขาเห็นมันมาเป็นพันๆรอบ และไม่นานนัก ชายคนหนึ่งที่มีร่างกายสีขาวทั้งตัว ราวกับว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาวก็ได้ออกมาจากวงกลมนั้น

    “มาได้จังหวะดีจริงๆ ยูจีน” เขาพูดขึ้นในขณะที่ยังจิบไวน์ต่อ

    “ก็ปกตินี่ครับ วันนี้ผมมีของมาเสนอนิดหน่อย คุณโครวี่” ยูจีนได้ตอบกลับเขา 

    “ถ้าของไม่ดีหล่ะก็น่าดู” โครวี่พูดขึ้น และไม่นานนัก ยูจีนก็เอากระดาษอะไรบางอย่างออกมา แล้วเอาให้โครวี่ดู

    “มันคืออะไรหล่ะ??” โครวี่ถามไป

    “มันคือแหล่งที่เราเชื่อว่าเป็นแร่ออซเจนิสหน่ะ” ยูจีนพูดขึ้น

    “เหรอ แน่ใจเหรอ??” โครวี่ถามไป และในตอนนั้น ยูจีนก็เอาแร่อะไรบางอย่างออกมา ดูภายนอกมันเหมือนกับถ่านหิน แต่ข้างในเหมือนจะมีคริสตัลสีแดงอยู่ 

    “นี่ออซเจนิสธาตุไฟ ยังมีธาตุอื่นอีกนะ” ยูจีนพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ยื่นมันให้กับโครวี่อย่างรวดเร็ว โครวี่เองก็รีบหยิบมันมาแล้วพิจารณาดู

    “อืม ของจริงนี่” โครวี่พูดขึ้น

    “ใช่ คุณสามารถเอามันไปทำหัวกระสุนได้ โดยสกัดพลังออกมาเป็นธาตุต่างๆ ยิ่งถ้ามีผู้ใช้เวทย์เก่งๆด้วยเนี่ย รับรองว่าใช้งานได้ดีแน่ครับ” ยูจีนพูดขึ้น

    “อืม ถ้ามันทำกำไรได้ดีจริงๆนะ ฉันจะให้เพิ่ม 2 เท่าเลย” โครวี่บอกไป 

    “แน่นอน นี่ผมไม่ได้บอกใครก่อนนอกจากคุณเลยนะเนี่ย แล้วอีกเรื่อง ตอนนี้ดูเหมือนว่าทางสภาเวทย์มนต์เริ่มการกวาดล้างผู้ใช้เวทย์มนต์แล้ว” ยูจีนพูดขึ้น

    “เฮ้อ ขนาดพวกรัฐบาลสหรัฐ สหประชาชาติ ยังทำอะไรฉันไม่ได้ แล้วไอ้พวกบ้านั่นมันจะทำอะไรฉันได้??” โครวี่ถามไป

    “อย่าประมาทพวกมันนะครับ นี่เป็นคำสั่งจากสภาจอมเวทย์โดยตรงเลย พวกมันคงต้องส่งพวกผ้าคลุมขาวมาตามล่าคุณแน่ๆ” ยูจีนบอกไป

    “แล้ว นายมีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับไอ้พวกผ้าคลุมขาวหรือเปล่าหล่ะ??” โครวี่ถามไป ก่อนที่ตัวของเขาจะหยิบเอาทองคำแท่งหนึ่งวางไว้บนโต๊ะห้องรับแขก ยูจีนรีบหยิบมันมาในทันที

    “พวกผ้าคลุมขาว ตอนนี้มีหัวหน้าใหญ่กองกำลังชื่อเอ็นวา โซดิอัส ไอ้นี่มันตัวแสบเลย” ยูจีนบอกเขาไป

    “พลังเวทย์ของมันระดับไหนหล่ะ??” โครวี่ถามไป

    “เยี่ยมยุทธ์ น่าจะเป็นรองแค่โยมิ หัวหน้าของพวก Magic Hunt หน่ะ” ยูจีนตอบไป

    “น่าสนุกดีนี่ ฉันอยากเจอกับมันจริงๆ” โครวี่พูดขึ้นและดื่มไวน์ของเขาต่อ แต่ดูเหมือนว่าไวน์ของเขาจะหมดแล้ว

    “หมดอีกหล่ะ นี่ก็ขวดสุดท้ายแล้วด้วย” โครวี่บ่นออกมา

    “เดี๋ยวจะไปหาของดีๆมาให้แล้วกันนะ” ยูจีนบอกเขา

    “ดี ฉันไม่อยากให้ลูกน้องฉันซื้อมาอีกแล้ว เลือกมาแต่ละอย่างนี่ หมาไม่แดก” โครวี่พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวคนหนึ่งก็เข้ามาในห้องรับแขก

    “ขออนุญาตค่ะ”

    “อ้อ มีอะไรหล่ะ??” โครวี่ถามเธอกลับไป

    “งั้นผมขอตัวนะ” ยูจีนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็รีบวาร์ปตัวเองออกไปในทันที

     

    ณ สนามบินแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย เครื่องบินพาณิชย์ลำหนึ่งได้ลงจอดที่รันเวย์ และปล่อยให้ผู้โดยสารลงจากเครื่อง ผู้โดยสารทุกคนเดินไปที่ ตม. ในทันที เช่นเดียวกับชายคู่หนึ่ง พวกเขาทั้งคู่เดินควงกันไปที่ ตม. สนามบิน ก่อนที่พวกเขาจะเอาพาสปอร์ตออกมา

    “ขอพาสปอร์ตด้วยครับ” เจ้าหน้าที่ ตม. พูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนักพวกเขาทั้งคู่จะเอาพาสปอร์ตให้กับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบซักพักก็พูดขึ้น

    “พวกคุณเพิ่งกลับจากฝรั่งเศสเหรอครับ??”

    “ใช่ครับ พวกเราสองคนไปเที่ยวกันมา” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่จะปั๊มเอกสาร และยื่นมันคืนให้กับพวกเขาทั้งคู่ในทันที ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกมาจากพื้นที่ ตม. 

    “เฮ้อ กว่าจะออกมาได้ เดี๋ยวนี้เข้มกันกว่าเดิมอีก เนอะ มอล??” ชายร่างเล็กคนหนึ่งพูดกับชายอีกคนที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อย

    “ใช่โสน ยังดีนะที่พวกนั้นไม่รู้ว่าคุณเป็นผู้ใช้เวทย์หน่ะ ตอนนี้พวกเราคงต้องเลิกเที่ยวกันซักพัก” มอลพูดขึ้น

    “เฮ้อ ไม่ชอบเลย จะอะไรกันนักกันหนา” โสนตอบกลับ ในขณะที่ควงกับมอลมากขึ้น แต่ในตอนนั้นก็มีเสียงปืนในสนามบินดังขึ้น

    “ปังๆๆๆๆ!!” 

    ตอนนั้นมอลรีบโอบตัวของโสนเอาไว้ ในขณะที่มอลก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีตำรวจสนามบินอย่างทุลักทุเล

    “จับไว้ มันเป็นผู้ใช้เวทย์!!” ตำรวจคนหนึ่งตะโกนออกมา แต่ชายคนที่หนีตำรวจก็ใช้เวทย์มนต์ซัดใส่ตำรวจพวกนั้นจนต้องถอยออกมาก่อน

    “บ้าเอ้ย วิสามัญได้เลย!!” ตำรวจตะโกนออกมา ในขณะที่มอลก็รีบพาโสนไปหลบอยู่แถวนั้นก่อน มันเห็นมอลกับโสนกำลังหนีเลยรีบวิ่งเข้ามาหา มันรีบดึงตัวของโสนในทันทีเพื่อใช้เขาเป็นตัวประกัน

    “มานี่สิวะ!!” มันพูดขึ้นมา แต่มอลเองก็ถีบมันกลับออกไป

    “ตุ๊บ!!”

    มันลุกขึ้นมาและยังไม่ละความพยายาม แต่ยังไม่ทันไร มันก็โดนตำรวจยิงเข้าจนล้มลง และไม่นานนัก พวกตำรวจก็รีบมาดูร่างของชายคนนั้น

    “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ พวกคุณไปหลบทางนั้นก่อนดีกว่าครับ” ตำรวจสนามบินพูดกับมอลและโสน ก่อนที่มอลจะรีบพาโสนออกไปจากสนามบินก่อนเพื่อความปลอดภัย

     

    ณ ตึกร้างหลังหนึ่งในย่านเสื่อมโทรมของแคลิฟอร์เนีย กลุ่มชายชุดขาวกลุ่มหนึ่งกำลังบุกเข้าไปทำอะไรบางอย่างในนั้น 

    “ปัง!!”

    เสียงปืนนัดหนึ่งดังขึ้น ชายผ้าคลุมขาวคนหนึ่งล้มลงกับพื้นในทันที 

    “เฮ้ย ระวัง มันซุ่มอยู่!!” มันอีกคนพูดขึ้น แต่จู่ๆก็ยิงโนซ้ำอีกครั้ง

    “ปัง!!”

    “ทุกคน ใช้บาเรีย!!” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ใช้บาเรียเพื่อป้องกันตัวเอง ก่อนที่พวกเขาจะใช้เวทย์เพื่อยิงพลังใส่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่โดนอะไรเลย

    “ปังๆๆๆ!!”

    ลูกปืนยังคงพุ่งออกมาและยิงทะลุบาเรียของคนพวกนั้น ก่อนที่พวกผ้าคลุมขาวจะโนยิงกันจนล้มลงหมด และในตอนนั้น เสียงฝีเท้าของใครบางคนได้เดินเข้ามาหาพวกเขา ชายคนนั้นดูเป็นมนุษย์ แต่แขนของเขานั้นเป็นวัสดุโลหะอะไรบางอย่าง 

    โรเบิร์ต แก!!” ชายผ้าคลุมขาวคนหนึ่งที่โดนยิงพูดขึ้น

    “พวกแกน่าจะมากันเยอะกว่านี้นะ” ชายที่ชื่อโรเบิร์ตพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะกระหน่ำยิงชายผ้าคลุมขาวคนนั้นจนหมดโม่

    “ปังๆๆๆ!!”

    “ที่เหลือพวกแกก็อย่าอยู่เลย” โรเบิร์ตพูดขึ้นหลังจากที่ฆ่าชายคนหนึ่งได้แล้ว และยังเหลือคนอื่นๆที่ยังนอนเจ็บอยู่บนพื้น 

    “อย่า อย่าฆ่าพวกเรา!!”

    “ปังๆๆๆ!!”

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในแคลิฟอร์เนีย หลังจากที่กลุ่มของเคนนี่ได้ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ตัวของเขากับพรรคพวก 3 หน่อก็เดินไปเดินมาตามถนน เพื่อกลับไปยังที่พักของเขา แต่ในตอนนั้น จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเข้ามาใกล้พวกเขา ฝีเท้านั้น เดินมาอยู่ตรงหน้ากลุ่มของเคนนี่ พวกของเคนนี่ก็หยุดในทันที สิ่งที่พวกของเคนนี่เจอก็คือหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งกำลังหยุดอยู่ตรงหน้า

    “มองอะไรวะ??” หญิงสาวคนนั้นถามไป

    “อ่า ไม่มีอะไร..” เคนนี่ยังตอบไม่ทันจะจบ เคนนี่ก็สังเกตเห็นถึงอะไรบางอย่าง 

    “ระวัง!!” เคนนี่ตะโกนออกมา ก่อนที่ไม่นานนัก เขาจะดึงตัวของผู้หญิงคนนั้นเข้ามา และเข็มปริศนาก็พุ่งเข้ามาเกือบโดนตัวของไปจื่อ

    “บ้าเอ้ย” ไปจื่อยังใจเย็นและรีบหลบ ก่อนที่ในตอนนั้น กลุ่มชายชุดขาวสามคนก็พุ่งเข้าใส่พวกเขา เคนนี่รีบชักปืนและยิงสวนพวกมันด้วย 1911 แต่พวกมันก็ใช้เวทย์มนต์กันไว้และถอยออกมา เคนนี่รีบดูหญิงสาวคนนั้นในทันที

    “เป็นอะไรหรือเปล่า??” เคนนี่ถามไป และมองตาของเธออยู่ซักพัก ทั้งคู่มองตากันก่อนที่จะผละกันออกมา เนื่องจากว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมพวกเขา

    “อะไรวะเนี่ย พวกคอสเพลย์เหรอ??” ซิลเวสเตอร์ถามขึ้น

    “พวกจอมเวทย์ผ้าคลุมขาว พวกที่ตามล่าผู้ใช้เวทย์มนต์ครับ” วอลตอบไป 

    “บ้าเอ้ย พวกมึงเป็นใครวะ ตามกูมาทำไม??” หญิงสาวคนนั้นตะโกนใส่พวกชุดขาวไป

    “พวกผู้ใช้เวทย์มนต์ทุกคน กรุณรามากับเราซะดีๆ” มันคนหนึ่งพูดขึ้น

    “มาเอาตัวไปสิ” เคนนี่ตอบไป ก่อนที่ไม่นานนัก พวกมันจะชักดาบออกมา แล้วก็พุ่งเข้าใส่กลุ่มของเคนนี่

    “ได้มันส์กันแล้ว” เคนนี่พูดขึ้น

    ================================================================

    ตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร อย่าลืมติดตามชมกันเน้อ ตัวละครอาจมาไม่ครบขออภัย แต่ตอนหลังๆจะมาครบแน่

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย 

    ให้ของขวัญเป็นกำลังใจกันได้ครัช ไหว้หล่ะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×