คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 2 : ยั่วยุ
เนลล์ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขาตามทางหลวงมาเรื่อยๆ ผ่านรถมากมายซึ่งวิ่งผ่านไปมา บรรยากาศในยามเย็นที่ปะทะเข้าร่างกายของเนลล์ทำให้เนลล์คิดนั่นคิดนี่ไปด้วย และไม่นานนัก เขาก็ขี่มาถึงปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งมีร้านอาหารไว้บริการลูกค้าด้ว เนลล์ขี่มอเตอร์ไซค์ไปยังจุดชาร์จไฟฟ้า เขาเปิดตัวชาร์จมอเตอร์ไซค์จากนั้นก็เสียบสายชาร์จเข้าไปในทันที
“ตู๊ดๆๆๆๆ”
จู่ๆ โทรศัพท์ของเนลล์ก็ดังขึ้น เขารีบรับสายในทันที
“เฮ้ จิมมี่ ฉันฟังอยู่”
“เฮ้ย เนลล์ ฉันเปลี่ยนรูปหน้านายบนบัตรประชาชนของนายแล้ว ให้เป็นรูปไอ้หนุ่มนั่น จะได้เนียนๆหน่อย ตอนนี้ตำรวจแม่งตามล่านายไปทั่วเลย นายคงอยู่ในเมืองไม่ได้ซักพักหล่ะ”
“เออ แค่นั้นก็ช่วยฉันได้พอแล้ว ฉันจะไปกบดานที่โซฟิโร่ หางานทำไปด้วยถ้าจำเป็น” เนลล์พูดขึ้น
“เออ ที่นั่นมีแก๊งอยู่เยอะ นายก็ระวังๆหน่อยแล้วกัน”
“ขอบใจมากที่ช่วย แล้วฉันจะติดต่อไป” เนลล์พูดทิ้งท้ายไว้ จากนั้นไม่นาน มอเตอร์ไซค์ของเขาก็ชาร์จแบตเต็ม ตัวของเขาเข็นมอเตอร์ไซค์ของเขาไปที่หน้าร้านอาหาร จากนั้นก็จอดรถไว้แถวนั้น
“หาไรกินหน่อยดีกว่า” เนลล์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในร้านอาหารอย่างรวดเร็ว เขารีบเดินไปที่เคาน์เตอร์ขายอาหารในทันทีเพื่อคุยกับพนักงานขาย
“ขอแซนวิชทาโกที่นึงครับ”
“ค่ะ รอซักครู่นะคะ” พนักงานพูดขึ้น ตัวของเนลล์ยืนรออยู่แถวๆนั้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของเขาก็เห็นชายคนหนึ่งวิ่งหนีอะไรบางอย่างเข้ามาในร้านอาหาร ชายคนนั้นแบกกระเป๋าเป๋เข้ามาด้านในอย่างลุกลี้ลุกลน จากนั้นก็เข้าไปหลบที่หลังห้องครัวของร้าน
“นี่คุณ ทำอะไรหน่ะ??”
พนักงานพยายามเรียก แต่ในตอนนั้นชายอีกกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาในร้าน จากนั้นก็พยายามหาชายคนนั้น
“เฮ้ย มีใครเห็นไอ้บ้าที่แบกกระเป๋าเข้ามาด้านในหรือเปล่า??”
“นี่ พวกคุณ เงียบเสียงหน่อยสิคะ!!” พนักงานร้านพูดขึ้น
“ทำไม มึงมีปัญหาเหรอ??” ชายคนหนึ่งตะโกนออกมา จากนั้นก็เดินเข้ามาหาพนักงานร้านคนนั้น แต่ตัวของเนลล์เองไปขวางทางพวกมันเอาไว้ก่อน
“เฮ้ย อย่ามาออกอาวุธที่นี่ดีกว่า” เนลล์พูดขึ้น
“มึงเสือกอะไรด้วยวะ??” ชายคนนั้นถามไป จากนั้นก็ต่อยเข้าหน้าเนลล์ แต่เนลล์กันไว้ได้และสวนมันจนล้ม
“ตุ๊บ!!” ชายคนนั้นร่วงลงไปนอนกับพื้นอย่างรวดเร็ว พวกมันที่เหลือชักมีดออกมาเพื่อช่วยเพื่อนของเขา
“เฮ้ย ตายซะ!!”
พวกมันปรี่เข้าเล่นงานเนลล์อย่างรวดเร็ว แต่ตัวของเนลล์หลบได้และชักมีดของเขาออกมา มันจ้วงเข้าแทงเนลล์แต่เนลล์หลบและใช้สันมีดตีเข้าที่หัวของมัน จากนั้นก็ถีบมันออกไปทีละคน
“ไอ้บ้าเอ้ย!!” มันคนหนึ่งพูดขึ้นพลางชักปืนออกมา แต่เนลล์ขว้างมีดใส่ข้อมือของมันจนปืนของมันตกลงพื้น
“โอ๊ย ไอ้ระรำเอ้ย!!”
เนลล์เดินเข้าไปและกระชากคอมัน ลากออกมาแล้วเหวี่ยงออกจากร้านในทันที ในขณะที่คนอื่นๆก็รีบวิ่งไปดูเพื่อนของพวกนั้นในทันที
“มึงจะไปดีๆมั้ย??” เนลล์ตะโกนออกมา จากนั้นก็ชักปืนของเขาออกมาแล้วเล็งใส่พวกมัน
“กูไม่พูดซ้ำสองนะ!!” เนลล์ตะโกนออกมาอีกครั้ง และในคราวนี้พวกมันรีบหนีออกจากปั๊มไปในทันที เนลล์เดินกลับเข้ามาในร้าน เก็บปืนที่อยู่บนพื้นแล้วโยนทิ้งถังขยะ จากนั้นก็กลับไปที่เคาน์เตอร์อาหารอย่างรวดเร็ว
“แซนวิชผมได้หรือยังครับ??” เนลล์ถามพนักงานร้านไป จากนั้นพนักงานร้านก็รีบทำอาหารให้กับเนลล์ในทันที และไม่นานนัก ชายคนเดิมที่เพิ่งจะขนอะไรบางอย่างมาด้วย ก็ค่อยๆเดินออกมาจากห้องครัวอย่างรวดเร็ว เขาเห็นว่าคนพวกนั้นไปกันหมดแล้ว ชายคนนั้นก็รีบไปหาเนลล์อย่างรวดเร็ว
“เฮ้น้องชาย ขอบใจมากนะที่ช่วยฉัน”
“นี่ ใครน้องชายแกวะ ฉันไม่ได้อายุน้อยขนาดนั้น” เนลล์ตอบกลับไป
“เออช่างเถอะ ยังไงก็ขอบใจมากนะ”
“ว่าแต่ นายไปขโมยอะไรของพวกมันมาหล่ะ??” เนลล์ถามอย่างสงสัย
“ฉันไม่ได้ขโมยนะ พวกมันต่างหากจะมาขโมยของของฉัน ฉันจะเอาให้นายดูว่ามันคืออะไร” ชายคนนั้นพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง พนักงานร้านก็ทำอาหารให้เนลล์เสร็จแล้ว
“ได้แล้วค่ะ 1 เหรียญค่ะ” พนักงานพูดขึ้น เนลล์ยื่นธนบัตรให้กับหล่อนในทันที จากนั้นก็หยิบเอาแซนวิชมาแล้วเดินออกจากร้าน ชายคนนั้นรีบตามเนลล์ออกมาด้านนอกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็คุยกับเนลล์
“เฮ้พวก นายจะไปไหนหล่ะ??” ชายคนนั้นถามเนลล์ไป
“ฉันจะไปโซฟิโร่หน่ะ ไปหางานทำหน่อย ว่าแต่ พวกมันต้องการอะไรจากนายหล่ะ??” เนลล์ถามอย่างสงสัย
“มันคือนี่พวก นวัตกรรมใหม่ที่จะเปลี่ยนโลก!!” ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็เอาของนั้นออกมาจากกระเป๋า มันเป็นผงสีเขียวที่ใส่ในซองซิบเล็กๆ ทำเอาเนลล์ถึงกับแปลกใจ
“อะไรวะ ยาเสพติดเหรอ??” เนลล์ถามอย่างสงสัย
“ใช่ แต่มันเป็นยาเสพติดที่ออร์แกนิคที่สุดในโลก สารสกัดธรรมชาติ 80 เปอร์เซ็นต์ กินแล้วสะใจกว่าเฮโรอีน แต่ปลอดภัยมากกว่าบุหรี่ซะอีก” ชายคนนั้นพูดขึ้น
“จริงเหรอ แล้วมันทำได้ยังไง มันก็ยาเสพติดนี่??” เนลล์ถามอย่างแปลกใจ
“หายห่วง ยาตัวนี้เสพแล้วไม่มีคำว่าติด ร่างกายจะไม่เรียกร้องเพิ่มเติม แล้วอีกอย่าง มันถูกออกแบบมา เมื่อเสพเกินขนาด ตัวของนายจะค่อยๆหลับไป ร่างกายจะขับมันออกมาทางเหงื่อ ตื่นมาก็แค่อ้วกนิดหน่อย เหมือนกับเหล้านั่นแหละ” ชายคนนั้นพูดขึ้น
“โห ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ มันต้องขายดีมากแน่ๆ” เนลล์พูดขึ้น
“แน่นอน ไอ้พวกนั้นมันต้องการสูตรของฉัน เพราะถ้าเกิดยาตัวนี้ออกไป ยาตัวอื่นตายกันเรียบแน่นอน นายอยากหางานทำไม่ใช่เหรอ ถ้างั้นฉันอยากให้นายพาฉันไปโซฟิโร่หน่อยสิ ฉันมีเงินจ่ายนะ” ชายคนนั้นพูดขึ้น
“เออ นายจะจ่ายเท่าไหร่หล่ะ??” เนลล์ถามอย่างสงสัย
“ฉันให้ 2 พัน แต่เงินฉันอยู่ที่นั่น ยังไงก็ช่วยฉันหน่อยนะพวก” ชายคนนั้นพูดขึ้น
“เออ เอาเถอะ นายชื่ออะไรหล่ะ??” เนลล์ถามหมอนั่นไป
“เรียกฉันทีเร็กซ์ ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายคนนั้นบอกกับเนลล์ไป
“เออ อยากไปหาอะไรกินก่อนหรือเปล่า เพราะฉันยิงยาวนะ??” เนลล์ถามอย่างสงสัย
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่หิวหน่ะ ฉันอยากไปโซฟิโร่แล้ว” ทีเร็กซ์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเนลล์ก็ขึ้นมอเตอร์ไซค์ในทันที แล้วเขาก็ยื่นหมวกกันน็อคให้กับทีเร็กซ์ด้วย
“ใส่หมวกด้วย!!” เนลล์บอกกับทีเร็กซ์ไป ก่อนที่ทีเร็กซ์จะซ้อนรถและพวกเขาก็เดินทางออกจากปั๊มอย่างรวดเร็ว
ณ เมืองโซฟิโร่ สถานที่ดูภายนอกเหมือนจะสงบสุข เพราะเป็นย่านของเหล่าคนรวยและผู้มีเงิน แต่แก๊งค์อาชญากรรมก็ยังคงดำเนินการอย่างลับๆในเมือง แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นการทำธุรกิจกันซะส่วนใหญ่
“แอ๊ด!!”
หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในร้านๆหนึ่ง ซึ่งด้านในมีแต่เด็กเล็กมากมาย ท่ามกลางสายตาของเด็กเล็กเหล่านั้น และไม่นาน ชายฉกรรจ์อีกประมาณ 2 คนก็วิ่งตามเธอเข้ามาด้านใน
“อย่าคิดหนีอีกเลยอีนี่!!” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ชายร่างยักษ์คนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องๆหนึ่ง ชายสองคนนั้นรีบชักปืนออกมาอย่างรวดเร็วและเอาปืนจ่อชายคนนั้น
“มีอะไรอย่างงั้นเหรอครับ??” ชายร่างยักษ์คนนั้นถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ส่งอีนั่นมาให้พวกกู เร็ว!!” ชายคนนั้นตะโกนออกมา ทำเอาเด็กเล็กเริ่มร้องไห้งอแงแล้ว
“นี่ คุณไม่ควรทำให้เด็กร้องไห้นะ” ชายคนนั้นพูดขึ้น
“อะไร มึงจะทำไม มึงจะส่งมันมามั้ย??” ชายคนนั้นตะโกนต่อและเล็งปืนใส่ชายร่างยักษ์คนนั้น
“ช่วยฉันด้วยค่ะ มันจะเอาฉันไปขาย ช่วยฉันด้วย!!” หญิงสาวคนนั้นตะโกนออกมา
“อีสัส มึงเงียบไปเลย!!” ชายอีกคนตะโกนออกมา แต่ในตอนนั้น ชายร่างยักษ์คนนั้นก็เดินเข้ามาใกล้พวกมันสองคน จากนั้นก็เดินไปกำปืนของพวกมันทั้งคู่ จนปืนของพวกมันทั้งคู่แหลกเป็นผุยผง พวกมันทั้งคู่ถึงกับตกใจและเริ่มถอยหลังออกมา
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!!” ชายสองคนตะโกนออกมาแล้วรีบหนีออกไปนอกร้านอย่างรวดเร็ว หญิงสาวผู้โชคร้ายคนนั้นเดินไปหาชายร่างยักษ์อย่างรวดเร็ว รวมถึงมองป้ายชื่อที่หน้าอกของเขา
“อาร์มสตรอง”
“ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น แต่ชายคนนั้นไม่ตอบและเดินไปอุ้มเด็กมาเพื่อปลอบใจ และที่ด้านนอก หลังจากที่พวกมันสองคนวิ่งหนีออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โดยที่ชายวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์และมองชายสองคนนั้นวิ่งหนีออกมาอย่างลนลาน
“เฮ้อ ไอ้พวกโง่เอ้ย!!” ชายคนนั้นพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ชายซึ่งเป็นสมาชิกแก๊งคนหนึ่งก็เดินมาหาชายวัยกลางคนนั้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทักทายเขา
“เฮ้ ลุงน็อต!!”
“เออ อุปกรณ์ที่ฉันดัดแปลงให้เป็นยังไงบ้าง??” น็อตถามกลับไป
“เกือบโดนตำรวจเรียกหน่ะลุง” ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็หยิบเงินจำนวนหนึ่งให้กับน็อตไป
“เออ คราวหน้าจ่ายให้ตรงเวลาหน่อยก็ดีนะ” น็อตพูดขึ้น
“แน่นอนลุง แล้วลุงมองอะไรอยู่หน่ะ??”
“แค่ไอ้แมงดาสองตัวตามอีตัวเข้าไปในนั้น แล้วโดนเล่นงานกลับมา” น็อตพูดขึ้น
“เฮ้อ แม่งโคตรซวยเลยสินะ เอาเถอะ ไว้เจอกันนะลุง” ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไปดีกว่าเว้ย” น็อตพูดขึ้นในขณะที่สังเกตเห็นรถตำรวจกำลังลาดตระเวนอยู่แถวนั้น เขารีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากพื้นที่ในทันที ในขณะที่เขากำลังขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านถนนไป ตอนนั้นตัวของเขาก็เห็นกลุ่มคนใส่ชุดดำกำลังถือป้ายและเดินขบวนไปมา รวมถึงตะโกนอะไรบางอย่างไปด้วย
“กำจัดคนบาป พระเจ้าอยู่ข้างเรา!!”
น็อตเห็นดังนั้นจึงยิ้มมุมปาก จากนั้นก็บิดเครื่องยนต์ของเขาใส่กลุ่มคนพวกนั้น จากนั้นก็รีบขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนชุดดำไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ยังเดินขบวนต่อไป และอีกด้านหนึ่งซึ่งไม่ห่างจากกลุ่มคนเดินขบวน รถสีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่แถวนั้น แต่ด้านในมีคนนั่งอยู่ ชายชุดดำในหน้ากากขาวคนซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังก็ได้พูดคุยกับคนขับรถของเขา
“วันนี้พวกเรามีกันเยอะเป็นพิเศษเลยนะ” ชายหน้ากากขาวพูดขึ้น
“ใช่ครับท่านเซปปิตัส ถ้าเรามีคนมากขึ้น เราก็จะเผยแพร่คำสอนของเราได้” คนขับรถพูดขึ้น
“ฉันหล่ะขยะแขยงไอ้พวกกุ๊ยข้างถนนเหลือเกิน และไอ้บ้าคนนั่นที่มันบิดรถใส่เราหน่ะ มันเป็นใคร??” เซปปิตัสถามไป
“เราจะตามสืบเรื่องของมันเองครับ” คนขับรถพูดขึ้น
“ดี ฉันอยากจะเห็นหน้ามันจริงๆ” เซปปิตัสพูดขึ้น
“วันนี้จะไปไหนดีครับท่าน??”
“กลับบ้านเราก่อน วันนี้แค่ได้เห็นพวกเรามีกันมากมายก็พอใจแล้วหล่ะ” เซปปิตัสพูดขึ้น จากนั้นคนขับรถของเขาก็รีบออกรถเดินทางในทันที
ณ พื้นที่ชานเมืองโซฟิโร่ เขตพื้นที่ที่มีตึกกระจกสวยงามมากมายอยู่บริเวณนั้น โดยที่หน้าประตูใหญ่มีป้ายใหญ่ติดหราอยู่ด้านหน้า
“เจเนซิส คอร์ป.”
ด้านในตึกแห่งหนึ่งเต็มไปด้วยนักวิทยาศาสตร์มากมายเดินไปเดินมาอยู่ในนั้น เช่นเดียวกับหญิงสาวแว่นหนาเตอะซึ่งกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อดูระบบอะไรบางอย่าง โดยที่ในขณะเดียวกัน ชายชุดสูทใส่แว่นคนหนึ่งก็เดินมาหาหญิงสาวคนนั้น หญิงสาวคนนั้นรีบลุกขึ้นและคุยกับชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว
“อ้าว คุณดัลตัน!!”
“คริสติน่า เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” ชายคนนั้นถามกลับไป
“ตอนนี้ฉันกำลังทดลองระบบอยู่ อีกไม่นาน เราคงจะได้ฮาร์ดดิสก์พกพาซึ่งสามารถเก็บข้อมูลความทรงจำของเราได้นานเท่านานเลยค่ะ” คริสติน่าพูดขึ้น
“อืม อีกไม่นาน มนุษย์เราก็คงเป็นอมตะได้สินะ” ดัลตันพูดขึ้น
“ใช่ค่ะ แต่อาจจะต้องใช้เวลาซักพักกว่ามันจะสมบูรณ์ค่ะ”
“เออนี่ ว่าแต่ เธอเห็นอิสครินน่าหรือเปล่า??” ดัลตันถามไป
“อ่า สงสัยจะฝึกอาวุธอยู่ด้านโน้นหล่ะมั้งคะ??”
“อืม ช่างเถอะ คงไม่เป็นไรหรอก” ดัลตันพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินจากไป
ในขณะที่อีกด้านหนึ่งของตึก ซึ่งเป็นสถานที่ทดสอบอาวุธของตึก หญิงสาวคนหนึ่งกำลังถือปืนพกชนิดใหม่ยิงใส่เป้าที่กำลังเคลื่อนไหวไปมาอย่างตั้งใจ
“ปิ๊วๆๆๆๆ”
หญิงสาวคนนั้นยิงได้อย่างแม่นยำและไม่พลาดเป้า จนกระทั่งเป้ายิงหมดเรียบร้อย ชายชุดดำซึ่งใส่หน้ากากพร้อมชุดคลุมก็เดินเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว
“ยิงได้ดีนี่ครับคุณอิสครินน่า”
“ไม่ต้องชมฉันมากหรอกค่ะคุณฮอลโล” อิสครินน่าพูดขึ้น ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน หญิงสาวอีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาฮอลและอิสครินน่าที่กำลังคุยกันอยู่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
“อ้าว ท่านคะ คุณหนูด้วย มาซ้อมมือเหรอคะ??”
“ก็ใช่ ปืนพกชนิดใหม่แบบเลเซอร์แรงสูงหน่ะ ว่าแต่เธอมีอะไรหรือเปล่า เซลิเซีย??” ฮอลโลถามกลับไป
“ตอนนี้พวกไอ้นาซีนั่นมันกำลังเคลื่อนไหวในโลซานส์และเลวานส์ ดูเหมือนมันกำลังซื้อกิจการเพิ่มด้วย” เซลิเซียพูดขึ้น
“ดูเหมือนไอ้พวกนี้มันเริ่มจะขยายอิทธิพลแล้วสิ” ฮอลโลพูดขึ้น
“แล้วพวกคุณจะทำยังไงกันต่อหล่ะ??” อิสครินน่าถามไป
“เดี๋ยวผมจะเอาเข้าหารือกับคุณดัลตันเองครับ” ฮอลโลพูดขึ้น
“เอาเถอะค่ะ แต่เราคงจะลุยกับพวกมันโต้งๆในเมืองนี้ไม่ได้ ไม่อย่างงั้นตำรวจตามล่าเราแน่” เซลิเซียพูดขึ้น
“อย่ากลัวไปเลย ถ้าเราจะลุย เราก็ลุยนอกเมือง ฉันจะจัดการเรื่องกองกำลังเอง” ฮอลโลพูดขึ้น
“เอาเถอะค่ะ ฉันขอไปพักก่อนนะคะ” อิสครินน่าพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เดินออกจากสองคนนั้นไปอย่างรวดเร็ว
และที่เขตโกดังแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเขตของเจเนซิสนั่น ด้านในโกดังมีกลุ่มชายฉกรรจ์ติดเกราะเหล็กถือปืนมากมายเดินกันไปมาบริเวณนั้น โดยที่มีชายคนหนึ่งกำลังนั่งดูแผนที่อะไรบางอย่างบนโต๊ะของเขา ในขณะเดียวกัน โทรศัพท์สายหนึ่งก็ติดต่อเขามา เขารีบรับสายในทันที การสนทนาดำเนินไปได้ไม่นาน ชายคนนั้นก็วางสายในทันที
“กัปตันคิลเลี่ยนครับ มีอะไรครับ??” ลูกน้องของชายคนนั้นถามไป
“ไม่มีอะไรหรอก ทางองค์การต้องการกองกำลังของเราเพิ่มเติม เพื่อไปคุ้มกันกิจการที่อยู่ในความคุ้มครองของพวกเรา” คิลเลี่ยนพูดขึ้น
“ดูเหมือนว่าสงครามแก๊งใกล้จะเริ่มแล้วสินะครับ”
“ใช่ งานนี้ไอ้ฮอลมันต้องมาร่วมด้วยแน่ๆ ไม่รู้ว่าพวกมันจะก่อเรื่องอะไรอีก” คิลเลี่ยนพูดขึ้น
“นั่นสิครับ แต่ถึงยังไงพวกเขาก็คอยตามเก็บกวาดงานให้กับคุณดัลตันนะครับ”
“แต่มันจะมีปัญหาตามมาทีหลังยังไงหล่ะ เอาเถอะ อย่าให้มันมามีอำนาจมากกว่านี้แล้วกัน” คิลเลี่ยนพูดขึ้น
ณ เขตสำนักงานใจกลางเมืองโซฟิโร่ ป้ายบริษัทซึ่งเขียนตัวใหญ่ว่า “ ไคเซอร์” บริษัทนี้มีจุดสังเกตคือพนักงานในบริษัทใส่ปลอกแขนสีแดงสัญลักษณ์สวัสดิกะที่ต้นแขน เวลาทักทายกันก็ยกมือทักทายกันแบบนาซี และบนเพ้นเฮ้าส์ชั้นบนสุดของตึก หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งตรวจสอบเอกสารอยู่บนโต๊ะ ในขณะเดียวกัน หญิงสาวคนหนึ่งในชุดทำงานก็เดินเข้ามา จากนั้นก็ชูมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์นาซีให้กับหญิงสาวคนนั้น
“ไฮล์ มาร์กาเร็ต!!”
“ตามสบาย” หญิงสาวคนนั้นตอบกลับไป
“คุณแอนเดรียมาแล้วค่ะ” เลขาคนนั้นพูดขึ้น
“อืม ให้เข้ามา และเธอก็อยู่ก่อน ฉันอยากรู้อะไรหน่อย” มาร์กาเร็ตพูดขึ้น และไม่นานนัก หญิงสาวเสื้อขาวแบกกระเป๋าอะไรบางอย่างมาด้วยก็เดินเข้ามาในห้อง จากนั้นก็ทักทายกับมาร์กาเร็ตในทันที
“สวัสดีค่ะ”
“อ้าว แอนเดรีย ที่ดีซีเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” มาร์กาเร็ตถามไป
“ก็วุ่นวายนิดหน่อย แต่ทุกอย่างก็ควบคุมได้ค่ะ” แอนเดรียตอบกลับไป
“อืม เดี๋ยวฉันจะให้เลขาเบิกเงินให้ ว่าแต่คุณเลขา ตอนนี้ที่โลซานส์เป็นยังไงบ้าง??” มาร์กาเร็ตถามไป
“คุณเดนิสติดต่อมาแล้ว เขาบอกว่าเราส่งของออกไปออสเตรเลียแล้วค่ะ ตอนนี้พวกเขากำลังจัดการเรื่องที่ทางในโลซานส์ แต่พวกเจเนซิสก็ยังเป็นปัญหาอยู่”
“เฮ้อ ไอ้พวกยิวสวะเอ้ย เราจะเอายังไงกับมันดีหล่ะ??” มาร์กาเร็ตถามไป
“เราคงต้องไล่เก็บพวกมันไปทีละคนก่อน ไม่ให้มันรู้ตัวหน่ะค่ะ” แอนเดรียออกความเห็นไป
“ก็ดี งานนี้ต้องทำให้พวกมันรู้ว่าใครใหญ่ ติดต่อเดนิสด้วยให้ระวังตัว พวกมันอาจส่งคนไปทำอะไรก็ได้” มาร์กาเร็ตพูดขึ้น
และที่เมืองโลซานส์ ท่าเรือแห่งหนึ่ง ซึ่งเรือเทียบท่าเข้าออกมากมายเพื่อขนส่งสินค้า ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ข้างๆกล่องลังกล่องหนึ่ง พร้อมกันนั้น ชายในชุดเกราะสีดำคนหนึ่งก็เดินมาหาและพูดคุยอะไรบางอย่างกับเขาอย่างรวดเร็ว
“คุณเดนิสครับ คุณมาร์กาเร็ตติดต่อมา บอกว่าให้เราระวังพวกเจเนซิสครับ”
“พวกเจเนซิสเหรอ มันมาหากินที่เมืองโลซานส์ด้วยเหรอ??” เดนิสถามกลับไป
“ดูเหมือนว่าพวกมันจะมาขัดขวางงานของเราหน่ะครับ”
“เออ เอาเถอะ ฉันไม่กลัวไอ้ระยำพวกนั้นหรอก แล้วดาบฉันอยู่ไหน??” เดนิสถามไป และไม่นานนัก ลูกน้องของเขาก็ไปหยิบเอาดาบเล่มหนึ่งซึ่งมีสีดำทะมึนมาให้เขาอย่างรวดเร็ว เดนิสรีบหยิบมาแล้วเอาไปใส่ฝักไว้อย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ อยากปะทะกับพวกมันซะแล้วสิ” เดนิสพูดขึ้น
ณ ร้านอาหารอิตาลีร้านใหญ่ร้านหนึ่งย่านใจกลางเมืองโซฟิโร่ ซึ่งบรรดาผู้รากมากดีทั้งหลายในเมืองต่างก็เดินทางมาที่ร้านเพื่อชิมรสชาติของอาหารอิตาเลี่ยนในร้าน เช่นเดียวกับชายในชุดสูทคนหนึ่ง ซึ่งเดินดุ่มๆเข้ามาในร้าน จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านหลังร้านแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งด้านหลังร้านเป็นสถานที่ผลิตไวน์ขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง การผลิตเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ชายในชุดสูทคนนั้นเดินเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ซึ่งชายคนหนึ่งกำลังสูบซิการ์อยู่ในห้องอย่างสบายอารมณ์
“ท่านลัคซัสครับ!!”
“หือ ว่าไงหล่ะ มีธุระอะไร??” ลัคซัสคนนั้นถามไป
“คุณมาร์กาเร็ตติดต่อมาหาเรา บอกว่าให้เรารับมือพวกเจเนซิสไว้ครับ”
“เฮ้อ ทีแบบนี้จะให้มาระวัง แทนที่จะไปยิงกับพวกแม่งเลย!!” ลัคซัสพุดขึ้น
“ครับ แต่ว่า พวกมันก็มีของดีอยู่เหมือนกันนะครับ”
“แล้วยังไงหล่ะ พวกแกก็รู้ว่าฉันฆ่าไม่ตายหรอก” ลัคซัสพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายในชุดสูทสองคนก็ลากชายผิวสีคนหนึ่งเข้ามาหาลัคซัส จากนั้นก็พูดกับเขา
“นายครับ เจอไอ้บ้าที่มันขโมยของนายไปแล้วครับ”
“เออ ไปเจอมันที่ไหนหล่ะ??” ลัคซัสถามไป
“เจอมันที่ซอย 15 ครับ กำลังยืนปล่อยยาอยู่เลย”
“ยางั้นเหรอ??” ลัคซัสพูดขึ้น
“ใช่ครับ เราจะเอายังไงกับมันดีครับ??”
“เอามันไปเค้นความลับหน่อย ฉันอยากรู้ว่ามันกำลังขายยาอะไรกันอยู่” ลัคซัสบอกกับลูกน้องของเขา
ณ บริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งในย่านสำนักงานโซฟิโร่ บริษัทอิจิฮาระ ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างทั่วไป โดยที่หญิงสาวคนหนึ่งกำลังรับโทรศัพท์จากหลายที่อย่างชุลมุน ซึ่งสายนั้นโทรเข้าทีสายนี้โทรเข้าที ทำเอาเธอทำกับหัวหมุนเล็กน้อย จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์จบลง ตัวของเธอก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และในขณะเดียวกัน จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เอ๊ย อีกแล้วเหรอ??” หญิงสาวคนนั้นตะโกนออกมา
“ดูท่านจะเจอศึกหนักอีกสินะคะคุณฮิโยริ” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น
“ก็ใช่หน่ะสิชิบะ วันไหนงานเยอะก็เยอะชิบเป๋ง วันไหนงานน้อยก็โคตรเงียบเหงาเลย ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า??” ฮิโยริถามชิบะไป
“คุณซิเรียสมาถึงแล้วค่ะ” ชิบะพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เชิญชายชุดขาวคนหนึ่งให้เข้ามาในห้อง โดยที่ฮิโยริก็ไปต้อนรับเขาด้วย
“สวัสดีค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้ไปรับด้วยตัวเอง เชิญนั่งค่ะ” ฮิโยริพูดขึ้น และซิเรียสก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่เธอเตรียมไว้อย่างรวดเร็ว โดยที่ชิบะเองก็รีบวิ่งออกไปด้านนอกเพื่อเอาน้ำมาให้กับซิเรียสในทันที
“เอาหล่ะครับ ไม่ต้องมากพิธี มีอะไรก็ว่ามาเลยครับ” ซิเรียสพูดขึ้น
“เออ คือว่า ฉันอยากจะให้คุณตามหาคนหน่อยค่ะ”
“อ้อๆ มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับหมอนี่หรือเปล่า ถ้าไม่มี ผมก็ช่วยไม่ได้” ซิเรียสถามไป และในตอนนั้น ฮิโยริก็เอาเอกสารนั้นให้กับซิเรียสอย่างรวดเร็ว ซิเรียสหยิบเอกสารนั้นขึ้นมาอ่านในทันที อ่านไปได้ไม่นาน เขาก็พูดขึ้น
“หมอนั่นอยู่ที่โลซานส์เหรอ??”
“ใช่ แต่ได้ข่าวมาว่าหมอนั่นจะมาที่นี่” ฮิโยริพูดขึ้น
“แล้วจะให้ผมไปตามหาทำสวรรค์วิมานอะไรหล่ะ??”
“อ้อ ไอ้หมอนี่มันขี้ระแวง แถมยังหาตัวยากด้วยหน่ะ” ฮิโยริพูดขึ้น
“อืม จะลองดูก็แล้วกันนะครับ” ซิเรียสพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชิบะเองก็กลับมาพร้อมกับน้ำดื่มสองแก้ว เธอรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนั้น ชิบะเองก็เกิดลื่นขึ้นมา ทำเอาแก้วใบหนึ่งกระเด็นไปโดนหัวของฮิโยริ อีกแก้วหนึ่งเกือบจะโดนซิเรียส แต่ซิเรียลเองก็รับไว้ได้ทัน
“ขอโทษด้วยค่ะ!!” ชิบะพูดขึ้น
“อืม เอาเป็นว่าผมจะลองดูก็แล้วกันนะ” ซิเรียลพูดขึ้น จากนั้นก็หยิบเอกสารของฮิโยริออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ฮิโยริเองก็ได้แต่โล่งใจ
“เฮ้อ กว่าจะรับงานได้นะเจ้าหมอนี่” ฮิโยริพูดขึ้น
“อ่า นี่ค่ะ กระดาษ!!” ชิบะรีบส่งกระดาษทิชชู่ให้กับฮิโยริในทันที ฮิโยริเองก็รีบหยิบกระดาษมาเช็ดอย่างรวดเร็ว
“ยังดีนะที่เขารับงานของเรา” ฮิโยริพูดขึ้น และดูเหมือนว่าเธอจะไม่โกรธอะไรเลย เหมือนว่าเธอรู้ตัวอยู่แล้วว่าต้องโดนแบบนี้ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งดูสดใสน่ารักก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับขนมปังร้อนสามจานก็เดินเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว
“ขนมปังร้อนมาแล้วค้า!!” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นทั้งฮิโยริและชิบะก็เงียบและมองหน้าเธอแบบงงๆ
“อ้าว สั่งขนมปังกันไม่ใช่เหรอคะ??”
“เฮ้อ ไม่ทันแล้ววินเทอร์” ชิบะพูดขึ้น
“อ่าๆ วางไว้บนโต๊ะก็แล้วกันนะ เธอก็มากินด้วยหล่ะ” ฮิโยริพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันกินมาแล้วค่ะ” วินเทอร์พูดขึ้น
“อย่าปฏิเสธไปเลย รีบมากินเลย” ชิบะพูดขึ้น
“รับทราบค้า” วินเทอร์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็รีบเอาขนมปังถาดนั้นวางไว้บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
ณ สถานบันเทิงกลางวันแห่งหนึ่ง ย่านดาวน์ทาวน์ของโซฟิโร่ สถานบันเทิงซึ่งถูกออกแบบมาให้เปิดตอนกลางวันที่ชื่อ “วารอนเน่บาร์” ซึ่งบรรดานักดื่มจากหลายๆที่ก็มารวมตัวกัน บางส่วนก็มาเพื่อเดิม แต่บางส่วนก็มาดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย และที่เคาน์เตอร์บาร์ตัวหนึ่ง ซึ่งบรรดากลุ่มนักดื่มต่างก็มานั่งเพื่อดื่มเหล้า ในขณะเดียว หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามานั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ โดยที่บาร์เทนเดอร์เมื่อได้เห็นเธอก็เอาซองอะไรบางอย่างให้เธอในทันที
“เอ้า นาเดีย ส่วนของเธอ”
หญิงสาวคนนั้นรีบหยิบซองมาในทันที และไม่นานนัก ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วางรูปวาดขนาดเท่ากระดาษ A4 แผ่นหนึ่งให้เธอในทันที
“เหมือนเดิมนะนาเดีย” ชายคนนั้นพูดขึ้น และไม่นานนัก นาเดียเองก็หยิบเอาเงินที่อยู่ในซองส่วนหนึ่งให้กับชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว
“ได้งานบ้างหรือเปล่า การิน??”
“แน่นอน คนอย่างฉันไม่มีตกงานอยู่แล้ว” การินพูดขึ้น
“คราวนี้งานที่ไหนอีกหล่ะ??” นาเดียถามอย่างสงสัย
“ใบ้ให้ว่างานใหญ่ก็แล้วกัน” การินตอบไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้าน และเดินมาตรงที่ทั้งคู่อยู่ จากนั้นชายคนนั้นก็วางกระดาษแผ่นหนึ่งให้บาร์เทนเดอร์ได้ดูในทันที บาร์เทนเดอร์เห็นก็เอาซองแบบเดียวกับที่ให้นาเดียให้กับเขาไปด้วย
“อู้ว คนเก่งมาแล้ว คุณร็อก” การินพูดขึ้น
“เออ พวกนายสองคนนี่ เป็นยังไงบ้างหล่ะ??”
“ก็เรื่อยๆ ตอนนี้ฉันกำลังรับงานจากไอ้พวกนาซีนั่นอยู่” นาเดียพูดขึ้น
“จริงด้วย ได้ยินว่าพวกไคเซอร์จ่ายแพงมากเพื่อลงทุนในโลซานส์” ร็อกพูดขึ้น
“เฮ้อ ที่นั่นมีแต่แก๊งเลวๆทั้งนั้น ตำรวจก็ระยำ” การินพูดขึ้นพลางซดเหล้าไปหนึ่งช็อต
“พูดอย่างกับตำรวจที่นี่ดีนักหล่ะ” นาเดียพูดขึ้น
“เปล่าหรอก พวกนั้นแค่ไม่เป็นมิตรกับเราก็แค่นั้นเอง ฉันไปหล่ะ” ร็อกพูดขึ้นพลางหยิบเหล้าขึ้นมาซด จากนั้นก็เดินออกไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และอีกด้านหนึ่ง ที่โต๊ะตัวหนึ่งในร้าน หญิงสาวเอเชียในชุดพนักงานร้านอาหาร ก็มานั่งคุยกับใครบางคนบนโต๊ะ พวกเขาทั้งคู่ใช้เวลาคุยกันไม่นาน ชายคนนั้นที่คุยกับหญิงชาวเอเชียก็กำลังจะเดินออกไปด้วย แต่ในตอนนั้น เธอก็เดินไปชนกับกุ๊ยคนหนึ่งที่เดินเข้ามาดื่มเหล้าในร้าน
“ตุ๊บ!!”
“เฮ้ย อะไรวะเนี่ย??”
“ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจ” สาวเอเชียคนนั้นพูดขึ้น
“อะไรวะ ขอโทษแค่นี้คิดว่าจะรอดเหรอยัยตาตี่เอ้ย!!” กุ๊ยคนนั้นตะโกนออกมา จากนั้นก็จะตบหน้าหญิงเอเชียคนนั้น แต่หญิงคนนั้นก็จับมือของกุ๊ยคนนั้นไว้ได้
“มึงคิดว่ามึงผิวขาวแล้วมึงเทพมากเหรอ??” หญิงสาวคนนั้นตะโกนออกมา จากนั้นก็หยิบขวดเหล้าแถวนั้นฟาดเข้าไปที่หน้าของไอ้กุ๊ยคนนั้นจนร่วง
“เฮ้ย อีนี่!!” เพื่อนของมันอีกคนพยายามจะวิ่งเข้าใส่หญิงเอเชีย แต่หญิงสาวอีกคนที่ยืนดื่มอยู่แถวนั้นก็ขว้างขวดเหล้าใส่มันไป
“ตุ๊บ!!”
พอพวกมันทั้งคู่ร่วงลงพื้น หญิงสาวที่เพิ่งจะคว้าขวดเหล้าคนนั้นก็รีบลากสาวเอเชียคนนั้นออกไปด้านนอกในทันทีเพื่อคุยด้วย
“เกือบไปแล้วมั้ยหล่ะเธอเนี่ย??”
“ฉันไม่กลัวไอ้ระยำพวกนั้นหรอก แต่ก็ขอบใจมากที่ช่วย ฉันคิมดาอึน ยินดีที่ได้รู้จัก!!”
“ฉันอาร์กัส โรเบอร์ต้า ฉันมาตามหาคนหน่ะ เธอพอจะรู้จักคนที่ชื่ออาร์มสตรองหรือเปล่า??”
“อาร์มสตรองเหรอ ลองไปถามพวกที่ทำงานร้านสะดวกซื้อสิ น่าจะพอมีคนรู้จักอยู่นะ ฉันขอตัวหล่ะ” ดาอึนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เดินจากไปในทันที ส่วนตัวของอาร์กัสเองก็เดินแยกไปด้วย
และหลังจากที่เกิดเรื่อง ในตอนนั้นชายผมยาวคนหนึ่งก็รีบเดินออกมาดูสถานการณ์จากหลังร้านในทันที พวกเขาเห็นไอ้กุ๊ยสองคนกำลังนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น ที่เอาชายคนนั้นปวดหัวมาก
“โอ้ว คุณอารัส ในที่สุดคุณก็ออกมาจนได้” การินพูดขึ้น
“ระยำเอ้ย ใครมันมามีเรื่องที่นี่วะเนี่ย??” ชายที่ชื่ออารัสตะโกนออกมา
“เฮ้อ ไอ้สองตัวนี้มันจะลวนลามผู้หญิง แต่เจอของจริงเข้าจนได้หน่ะ” นาเดียพูดขึ้น
“เฮ้อ นี่ๆๆ รีบเอาไอ้สองตัวนี้ไปโยนทิ้งหลังร้านเลย เดี๋ยวตำรวจได้แห่มาแน่” อารัสพูดขึ้น จากนั้นบาร์เทนเดอร์ของเขาสองคนก็รีบแบกร่างของทั้งคู่ออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของอารัสเองก็ได้แต่ยืนปวดหัวอยู่แถวนั้น
“นี่ เมื่อไหร่น้ำยาที่ผมสั่งจะได้เนี่ย??” ร็อกถามอารัสไป
“เดี๋ยวก็ได้เองแหละ ถ้าเกิดพวกตำรวจมาที่นี่ พวกนายบอกไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นนะ” อารัสพูดขึ้น และไม่นานนัก ตัวของเขาก็เดินสะบัดตูดกลับเข้าไปด้านหลังร้าน ซึ่งด้านในมีชายคนหนึ่งที่กำลังนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด พร้อมด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย
“เฮ้อ เสียสมาธิหมด มาๆๆๆ รีบมาต่อเลย วี ถึงไหนแล้วหล่ะ??” อารัสถามชายอีกคนในชุดกาวน์แบบหมอไป
“ก็ต้องเชื่อมต่อระบบเข้าที่แขนยังไงหล่ะ” วีตอบกลับไป
“เออๆ ก็แค่นี้แหละ ไม่เห็นต้องบ่นเลย” อารัสพูดขึ้น
“จบงานนี้ อย่าลืมส่วนแบ่งของฉันกับแม่ฉันหล่ะ” วีพูดขึ้น
“เออ ฉันรู้แล้ว บางเคสฉันก็ส่งให้ร้านนาย นายก็รู้นี่” อารัสพูดขึ้น
“เออ เอาที่สบายใจ นายเชื่อมต่อระบบการเคลื่อนไหวให้เขา ส่วนเรื่องระบบอาวุธ ฉันจะพาไปร้านฉันเอง” วีพูดขึ้น
“จ้ะๆๆๆๆ รีบๆทำเถอะ” อารัสพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ช่วยกันเชื่อมต่อระบบแขนกลอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ให้กับชายที่อยู่บนเตียงอย่างรวดเร็ว
ณ ตึกแถวสองชั้นหลังหนึ่งในเขตสำนักงานของโซฟิโร่ ดูภายนอกดูเหมือนเป็นยิมสำหรับออกกำลังกาย ด้านในนั้นมีกลุ่มชายฉกรรจ์มากมายพากันออกกำลังกายอย่างเอาเป็นเอาตาย และในด้านก็มีลานมวยสำหรับชกมวยด้วย บนลานมวย มีชายคนหนึ่งกำลังยืนประจันหน้ากับชายร่างยักษ์ซึ่งพวกเขากำลังต่อยตีกัน
“ย้าก!!” ชายร่างยักษ์คนนั้นรีบวิ่งเข้าไปต่อยเด็กหนุ่มร่างเล็กกว่า แต่หนุ่มร่างเล็กคนนั้นกระโดดเตะเข้าที่ก้านคอของชายร่างยักษ์คนนั้นจนล้มลงอย่างรวดเร็ว
“ตุ๊บ!!”
“โห สุดยอดเลย!!” กลุ่มคนที่มายืนดูก็ตบมือกันเมื่อได้เห็น ชายคนนั้นรีบเอาผ้ามาเช็ดเหงื่ออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินไปหาคนที่กำลังยืนมองเขา
“ศิลปะการต่อสู้ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน มันก็มีประโยชน์เสมอ” ชายคนนั้นพูดขึ้น
“โห คุณเวเนเตอร์ คุณช่วยสอนพวกเราหน่อยสิครับ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“ได้สิ แต่มีค่าเล่าเรียนอยู่นะ ฉันว่าพวกนายไปฝึกฝนร่างกายให้เข้มแข็งก่อนดีกว่า” เวเนเตอร์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินไปหยิบกระเป๋าของเขาที่อยู่แถวนั้น ซึ่งมีกระบองท่อนหนึ่งวางอยู่ข้างๆด้วย
และอีกบริษัทหนึ่งในย่านสำนักงานของโซฟิโร่ บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า “เอคิโดน่า ซีเคียวริตี้” บริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของกำลังเดินตรวจตราลูกน้องของเธอที่กำลังฝึกฝนการต่อสู้กันอย่างขันแข็ง โดยที่ตัวของเธอก็ได้คุยกับลูกน้องคนสนิทของเธอไปด้วย
“อืม ขยันขันแข็งกันดีนะ”
“ใช่ครับ อีกไม่นานเราก็คงจะให้พวกเขาทำงานใหญ่ๆได้” ลูกน้องของเธอพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวใส่แว่นคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเธอ จากนั้นก็มาคุยอะไรบางอย่างกับเธอไปด้วย
“คุณเอคิน่าคะ”
“อ้าว มีธุระอะไรกันหล่ะ??” เอคิน่าถามไป
“คือว่า คนที่คุณตามหา ฉันลองไปสืบแล้ว คาดว่าตัวเขาอาจจะอยู่ในโซฟิโร่นี่หล่ะค่ะ”
“ห่ะ จริงเหรอ แล้วเขาทำอะไรอยู่ที่ไหน??” เอคิน่าถามไป
“ฉันพยายามตามรอยอยู่ค่ะ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างเก็บตัวค่ะ”
“ยังไงก็พยายามตามต่อไปก็แล้วกัน ว่าแต่ ผลประกอบการของงานที่แล้วเป็นยังไงบ้าง??” เอคิน่าถามไป
“ผลประกอบการดีมากเลยค่ะ”
“อืม แบ่งเงินของเราไปลงทุนตามที่ฉันบอกด้วยหล่ะ” เอคิน่าพูดขึ้น
“เออ เราลงทุนในตอนนี้จะดีเหรอคะ??”
“จำที่ฉันเคยบอกไม่ได้เหรอ ธุรกิจมันก็ต้องมีเสี่ยงกันบ้าง แต่ไม่ต้องห่วง ฉันมีเงินพอจะจ่ายพวกนายได้ก็แล้วกัน” เอคิน่าพูดขึ้น
“ค่ะ ถ้าอย่างงั้นฉันจะไปให้ฝ่ายลงทุนจัดการนะคะ” เลขาของเธอพูดขึ้น จากนั้นตัวของเลขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ตั้งแต่เกิดปัญหาแก๊งต่างๆขึ้นมา งานของพวกเราก็เยอะขึ้นมากเลยนะครับ” ลูกน้องของเธอพูดขึ้น
“เรื่องแก๊งนั่นมันขี้ผง แต่ฉันกลัวเรื่ององค์กรที่กำลังคุมเมืองนี้อยู่หน่ะสิ” เอคิน่าพูดขึ้นพลางถอนหายใจไป
และอีกบริษัทหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก บริษัทจัดการเรื่องของอุปโภคบริโภค บริษัทขึ้นป้ายใหญ่ว่า “บริษัทโฮชิน” ด้านในสำนักงานมีพนักงานกำลังนั่งทำงานอยู่ โดยที่เจ้าของบริษัทเองก็นั่งคุยโทรศัพท์กับใครบางคนเพื่อคุยเรื่องธุรกิจไปด้วย
“อนาสตาเซีย เอเลียน่า ประธานบริษัทโฮชิน”
“นี่ ฉันเข้าใจปัญหานะ แต่พวกเราไม่ได้ทำงานการกุศล เข้าใจหรือเปล่า??” หญิงสาวประธานบริษัทพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นก็ไปกว้านซื้อมาจากประเทศอื่นก่อน ประเทศในแถบแอฟริกาก็ได้ งานนี้ฉันต้องรีบส่งของให้ทัน ถ้าคุณทำสำเร็จ งานนี้ฉันมีโบนัสให้อย่างงามแน่ๆ”
“คุณไม่ต้องคิดแล้ว คุณเริ่มทำเลย ขาดเหลืออะไรก็บอกฉัน” หญิงสาวคนนั้นพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะวางสายไป ก่อนที่เลขาของเธอจะเดินเข้ามาในห้อง
“ท่านคะ สัญญาการค้าที่เราจะปล่อยของในอเมริกาใต้ค่ะ”
“อืมๆ วางไว้ตรงนั้นแหละ” อนาสตาเซียตอบกลับไป
ณ โกดังลึกลับแห่งหนึ่งในย่านท่าเรือของโซฟิโร่ โกดังแห่งนี้ไม่มีรถขนของวิ่งเข้าวิ่งออก แต่ด้านในเต็มไปด้วยคอมพิวเตอร์หลายชนิดรวมถึงเซิฟเวอร์จำนวนมาก และมีกลุ่มเด็กวัยรุ่นกำลังนั่งทำคอมพิวเตอร์กันอย่างสบายใจเฉิบ เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินไปยังโต๊ะคอมตัวหนึ่ง ซึ่งเด็กหนุ่มอีกคนกำลังนั่งดื่มโคล่าอย่างสบายใจ
“เฮ้ กูวอน ทางไฮพีเรียติดต่อมา พวกเขาอยากให้พวกเราช่วยสืบเรื่องธุรกิจของพวกเจเนซิส พวกไคเซอร์หน่อย” เด็กหนุ่มคนนั้นวางกระป๋องโคล่าแล้วพูดขึ้น
“โห งานช้างเลยนะเว้ย แต่เอาเถอะ ถ้าพวกเขาจ่ายเราก็ทำ แต่ตอนนี้เครือข่ายของพวกมันแน่นหนา ฉันยังเจาะเข้าระบบพวกมันไม่ได้ซะที” กูวอนพูดขึ้น
“เออ แล้วนายจะเอายังไงต่อหล่ะ??”
“เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง ถ้ามีอะไรจะเรียกประชุมกับพวกนายแล้วกัน” กูวอนตอบกลับไป
ณ เมืองเลวานส์ เขตคาสิโนและบาร์ แหล่งรวมนักพนันและนักเสี่ยงโชคมากมาย รวมถึงผู้ที่ต้องการหาความสุขใส่ตัว และที่บาร์โฮสต์แห่งหนึ่ง ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งกำลังโทรศัพท์คุยกับใครบางคนอย่างหวานแวว
“ครับคุณนาย ผมก็คิดถึงคุณนายเหมือนกันครับ”
“คุณนายอยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ??”
“ได้ครับผม เอาไว้เจอกันนะครับ รับรองว่าคุณนายต้องไม่ผิดหวังแน่นอน”
หลังจากที่นายคนนั้นคุยจบ ตัวของเขาก็วางสายอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถอนหายใจไปเฮือกใหญ่ พร้อมกับได้ยินเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นไล่เลี่ยกัน
“ก๊อกๆๆๆ!!”
ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นรีบเดินไปเปิดประตูห้องในทันที แล้วก็พบว่าเป็นชายคนหนึ่งกำลังยืนรอเขาอยู่ที่หน้าประตูห้อง
“เฮ้ ซานต้า คุณทีน่าอยากจะเจอหน่ะ”
“เออ เดี๋ยวฉันไป” ซานต้าพูดฮวนๆจากนั้นก็รีบปิดประตู จากนั้นตัวของเขาก็เดินไปใส่สูทสีขาวตัวเก่งของเขาในทันที เขาสอดส่ายสายตาไปทางนั้นทีทางนี้ที ก็เห็นรูปใบหนึ่งซึ่งตัวของเขากำลังถ่ายกับผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง
“ผมขอโทษนะแม่ แต่ผมจำเป็นต้องทำ”
ซานต้าพูดออกมา เขาฉีดน้ำหอมเพิ่มเติม และไม่นานนัก ตัวของเขาก็เดินออกจากห้องในทันที และเดินลงไปด้านล่าง ซึ่งด้านล่างนั้นก็มีบรรดาชายหนุ่มหน้าตาดีๆอยู่กันมากมาย พร้อมกับสาวน้อยและสาวใหญ่ที่ยืนอยู่แถวนั้นด้วย
“อุ๊ย คุณซานต้ามาแล้วครับ” ชายคนหนึ่งบอกกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งไป และไม่นานนัก ซานต้าก็รีบเดินไปหาหญิงสาววัยกลางคนคนนั้นอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีครับคุณทีน่า”
“คุณซานต้า ฉันกำลังคิดถึงคุณพอดีเลย” สาววัยกลางคนคนนั้นตอบกลับเขาไป
และอีกฝากหนึ่งของเมืองเลวานส์ โกดังอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้มีรถบรรทุกวิ่งเข้าออกกันมากมายเพื่อขนส่งสินค้า มีรถยนต์คันหนึ่งได้ขับมาจอดที่หน้าประตูของโกดัง จากนั้นไม่นานยามที่เฝ้าประตูก็รีบเดินมาที่รถคันนั้นในทันที และคนขับรถก็เปิดกระจกให้กับยามคนนั้น
“สวัสดีครับคุณเว่ยหลาน ไม่นึกเลยว่าคุณจะมาดูงานเอง” ยามได้เอ่ยทักทายหญิงสาวเอเชียคนหนึ่งในรถ
“ใช่ ช่วงนี้มันต้องเป๊ะกันหน่อย อีกอย่างคุณเซนก็กำลังหาเสียงอยู่ ฉันเลยไม่อยากเผยตัวมาก”
“ครับ ตอนนี้รถบรรทุกของเราขนของไปปล่อยได้จะหมดแล้วครับ” ยามคนนั้นตอบไป
“อืม ดี เสร็จแล้วก็เก็บเงินมาด้วยหล่ะ” เว่ยหลานพูดขึ้น
“รับทราบครับ แล้วคุณเว่ยจะไปที่ไหนต่อครับ??”
“ฉันมีธุระต้องทำที่คาสิโนนิดหน่อย เดี๋ยวฉันจะแวะไปที่นั่น” เว่ยหลานพูดขึ้น
“ครับ ได้ยินว่าช่วงนี้เริ่มมีแก๊งจากเมืองอื่นมาป่วนมากขึ้นด้วยนี่ครับ”
“ฉันก็เลยต้องไปจัดการนี่ไงหล่ะ ยังไงก็ฝากตรงนี้ด้วยหล่ะ ไปได้” เว่ยหลานบอกกับคนขับรถไป จากนั้นรถของเธอก็ค่อยๆถอยออกมา แล้วขับต่อไปยังเขตคาสิโนของเมืองเลวานส์ในทันที
และอีกฝากหนึ่งของเมือง คาสิโนหรูแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า “เพิร์ลคาสิโน โรงแรมและบาร์” คาสิโนหรูซึ่งเต็มไปด้วยนักธุรกิจรวมถึงนักพนันมากมายที่เดินทางมาเล่นการพนัน และที่ระเบียงชั้นสอง หญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนเท้าสะเอวใส่ระเบียงและมองลงไปด้านล่าง โดยที่มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านข้างเธอด้วย
“คุณวิเวียนครับ ตอนนี้มีข่าวสงครามแก๊งในโซฟิโร่ โลซานส์ รวมถึงกำลังจะมีกลุ่มธุรกิจมาที่เลวานส์ด้วยครับ”
“เออ ก็พอรู้อยู่หรอก ตอนนี้เราต้องป้องกันกิจการเอาไว้ ตอนนี้คนของเราพร้อมหรือเปล่า??” วิเวียนถามไป
“พร้อมครับผม” ลูกน้องของเธอตอบกลับไป
“ดี ตอนนี้เราต้องจับตาดูพวกแก๊งที่มาเพ่นพ่านแถวนี้ โดยเฉพาะพวกเอลไดม์ พวกนี้อาจจะสร้างปัญหาให้เรา” วิเวียนพูดขึ้น
“คุณจะให้เราไปเก็บพวกมันเลยมั้ยครับ??”
“อย่าเพิ่ง เดี๋ยวไก่จะตื่นเปล่าๆ เอาไว้รอดูความคืบหน้าอีกทีแล้วกัน” วิเวียนพูดขึ้น
ณ บริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งในเมืองโซฟิโร่ ที่มีชื่อว่า “ไฮพีเรีย พร็อพเพอร์ตี้” บริษัทอสังหาริมทรัพย์เจ้าใหญ่ของตระกูลแห่งหนึ่ง ซึ่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งบริหารงานอยู่ในห้องของเขา ในขณะเดียวกันเขาก็สูบบุหรี่ไปมวนหนึ่งด้วย และไม่นาน เลขาของเขาก็เอาเอกสารอะไรบางอย่างมาวางไว้ที่โต๊ะของเขา
“คุณเซนคะ เอกสารการซื้อขายที่ดินบนเกาะเมเดอลีนค่ะ!!”
“อืม วางไว้ที่โต๊ะผมเลย” ชายคนนั้นตอบกลับไป และเลขาของเขาก็วางเอกสารในทันที ในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายใส่สูทสีเทาคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องของเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“คุณหนูครับ มีข่าวจากโลซานส์ครับ”
“เหรอ เรื่องอะไรหล่ะ??” เซนถามอย่างใจเย็น
“ตอนนี้ที่ดินที่คุณหนูกำลังจะซื้อ โดนกลุ่มแก๊งควบคุมอยู่ครับ”
“ไม่ผิดอย่างที่คิด ตอนนี้ก็เงียบไปก่อน อย่าเพิ่งทำอะไร ตอนนี้กำลังใกล้จะเลือกตั้ง ฉันไม่อยากให้ทุกอย่างพัง” เซนตอบกลับไป
“รับทราบครับ แต่เราต้องตอบโต้พวกมันนะครับ” ลูกน้องของเขาพูดแย้ง
“ถ้าอย่างงั้นก็ให้แก๊งอื่นจัดการแทนไปก่อน หรือไม่ เราก็ต้องไม่ให้พวกนั้นรู้ว่าเป็นเรา” เซนพูดขึ้น
“รับทราบครับผม”
“เออนี่ ก่อนออกไปอย่าลืมบอกให้เลขาชงกาแฟมาให้ผมด้วยหล่ะ” เซนพูดขึ้น ลูกน้องของเขาโค้งคำนับไปหนึ่งที จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับปิดประตูห้องด้วย
ณ สถานีตำรวจโซฟิโร่ (SFR.P.D.) สถานีตำรวจในเมืองที่ดูเหมือนจะสงบสุข แต่ความจริงแล้วมีการแจ้งความในหลายคดีไม่เว้นวัน โดยที่ตำรวจบนโรงพักก็ต้องทำงานกันหัวปั่นแทบทุกวัน ในขณะเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวในเครื่องแบบตำรวจเต็มยศคนหนึ่งก็เดินออกจากห้องมาอย่างสบายอารมณ์
“เฮ้อ เป็นอีกวันที่โซฟิโร่...”
แต่ยังไม่ทันพูดจบ ตัวของเธอในตอนนั้นก็เห็นเจ้าทุกข์มากมายมาแจ้งความอย่างเนืองแน่น ทำเอาตัวของเธอถึงกับถอนหายใจอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ นี่มันจะสงบซักวันไม่ได้เลยหรือไงเนี่ย??”
ตำรวจสาวคนนั้นรีบเดินไปหาตำรวจคนอื่นๆในทันทีเพื่อทักทาย และในขณะเดียวกัน หญิงสาวคนหนึ่งในชุดแจ๊กเก๊ตก็เดินเข้ามาในโรงพักอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของตำรวจคนอื่นๆในโรงพัก
“อ้าว ผู้หมวดมาซากิ!!” ตำรวจคนหนึ่งทักทายเธอไป และในตอนนั้น ตำรวจสาวในเครื่องแบบก็เดินมาหามาซากิอย่างรวดเร็ว
“มาสายอีกจนได้นะเรา”
“ก็นิดหน่อยค่ะผู้กำกับคลีเมนไทน์ จับแมงดาสองตัวที่ไปบุกสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาได้หน่ะ” มาซากิพูดขึ้น
“โห นี่พวกมันกล้าทำขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย เอามันไปยัดคุกเลย” คลีเมนไทน์พูดขึ้น
“เฮ้อ ทุกวันที่คุกก็จะเต็มอยู่แล้วนะคะ ผู้กำกับ” มาซากิพูดขึ้น
“เอามันยัดกันไปเลย ถ้าอยากจะชั่วจะเลวกันนัก แล้วนี่พวกตำรวจศาลหายหัวไปไหนเนี่ย บอกว่าจะมารับไอ้พวกนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว??” คลีเมนไทน์ถามไป
“คงจะมีการยัดเงินกันตามเคยค่ะ” มาซากิพูดขึ้น
“เฮ้อ แดกบ้านแดกเมืองกันเข้าไป ระยำเอ้ย” คลีเมนไทน์พูดขึ้น
“ผู้กำกับคะ ตอนนี้ดิฉันกำลังตามเรื่องการปะทะกันระหว่างแก๊งในเมืองนี้ค่ะ” มาซากิพูดขึ้น
“เฮ้อ คราวนี้พวกไหนอีกหล่ะ??” คลีเมนไทน์ถามไป
“คุณต้องแปลกใจแน่ คราวนี้มันมีองค์กรใหญ่มาร่วมด้วย” มาซากิพูดขึ้น
“อ้อ ไอ้พวกนายทุนนี่เอง เห็นมาก็หลายคนแล้ว สุดท้ายก็เห็นแก่ตัวทุกคน ว่าแต่ พอจะมีความคืบหน้าอะไรหรือเปล่า??” คลีเมนไทน์ถามไป
“ได้ยินว่าตอนนี้พวกนั้นกำลังขยายอิทธิพลไปที่เมืองอื่นด้วยค่ะ” มาซากิพูดขึ้น
“อืม ถ้างั้นเธอไปสืบมาก็แล้วกัน แล้วก็มารายงานฉันเป็นระยะๆด้วยหล่ะ” คลีเมนไทน์สั่งมาซากิไป
ณ โกดังร้างแห่งหนึ่งในเขตท่าเรือของเมืองโซฟิโร่ ในวันที่ไม่ค่อยมีใครมาทำงานเท่าไหร่
“ตุ๊บ!!”
ชายคนหนึ่งกำลังต่อยหน้าชายอีกคนซึ่งถูกจับมัดไว้บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ชายที่ถูกมัดในตอนนี้มีสภาพอ่วมอรทัย แต่ชายคนนั้นก็ยังพยายามพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา
“ไมนฮาร์ท มึงรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรอยู่ มึงไม่ได้ตายดีแน่??” ชายคนนั้นตะโกนออกมาใส่ชายที่กำลังต่อยเขา
“รู้สิ ก็กำลังลงโทษไอ้ชั่วที่ทำระยำแล้วหนีมาใช้ชีวิตสุขสบายที่นี่ไง” ไมนฮาร์ทตอบกลับไป
“ระยำเอ้ย สงครามมันจบไปแล้วนะเว้ย!!” ชายคนนั้นตะโกนต่อ
“ไม่จบถ้าพวกมึงยังไม่ตายหว่ะ” ไมนฮาร์ทพูดต่อ จากนั้นตัวของเขาก็ชักมีดออกมา จากนั้นก็ตัดนิ้วของมันนิ้วหนึ่ง
“อ๊าค!!”
“ว่าไง แล้วพวกมึงที่เหลือไปไหนกันหมดวะ??” ไมนฮาร์ทถามชายคนนั้นไป
“พวกกูไม่ได้ติดต่อกันมาเป็นปีแล้วเว้ย” ชายคนนั้นตอบกลับไป
“เอาซักคนก็ได้น่า อย่าให้ฉันต้องฉีกแกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเลย” ไมนฮาร์ทถามย้ำไป
“กูติดต่อได้คนเดียว ไอ้แม็กซ์ ได้ข่าวว่ามันไปทำงานให้พวกไคเซอร์หน่ะ!!”
“ไคเซอร์ บริษัทยานยนต์อย่างงั้นเหรอ??” ไมนเนอร์ถามไป
“เออดิ ปล่อยกูไปเถอะ กูก็แค่ทำตามคำสั่ง!!” ชายคนนั้นพูดอีกครั้ง
“อ้อ ได้สิ” ไมนเนอร์พูดขึ้น แต่ในตอนนั้น เขาก็ชักเอากระบอกพกพาออกมา จากนั้นก็ฟาดไปที่หน้าของมันอย่างรวดเร็ว
“ตุ๊บ!!”
“ปล่อยทำเหี้ยอะไรหล่ะ” ไมนฮาร์ทพูดอีกครั้ง
ณ ห้องแล็บลึกลับแห่งหนึ่งในเขตชานเมืองโซฟิโร่ บนทางหลวงซึ่งจะเดินทางไปยังเขตเมืองเลวานส์ ซึ่งฉากหน้าดูเหมือนจะเป็นโรงงานผลิตหุ่นแอนดรอยด์สำหรับทำทุกอย่าง ทั้งเพื่อเป็นคนรับใช้ยันเป็นหุ่นมือสังหาร แต่ในห้องแห่งความลับห้องหนึ่ง ชายคนหนึ่งกำลังยืนมองชายผู้อยู่ในโหลแก้วอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งนั่นก็คือตัวของเขาเอง โดยที่ลูกน้องของเขาคนหนึ่งซึ่งเป็นหุ่นแอนดรอยด์ก็ได้มายืนอยู่เคียงข้างเขาด้วย
“ช่างสวยงามจริงๆขอรับ ท่านลอร์ด!!”
“แน่นอน ขอบคุณที่พูดความจริงกับข้า เจ้าแห่งการโคลนอย่างข้า ไม่มีคำว่าผิดพลาด” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว
“บัดนี้มนุษย์โคลนของท่านได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะตอนที่มันถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ มันก็สามารถใช้งานได้อย่างดีเลยทีเดียว”
“ฮ่าๆๆ แน่นอน มนุษย์โคลนของข้ามีความรู้สึกและสัมผัสดีกว่าหุ่นแอนดรอยด์ตัวไหนๆ แถมไม่มีวันหมดอายุขัยด้วย เพราะข้าใช้เทคโนโลยีสร้างเซลล์ให้มันเรื่อยๆยังไงหล่ะ” ชายคนนั้นพูดต่อ
“แต่เรายังมีอุปสรรคอยู่นะขอรับนายท่าน”
“เรื่องอันใดเล่า??” ชายคนนั้นถามไป
“ตอนนี้บริษัทไคเซอร์กับพวกเจเนซิสกำลังจะแย่งส่วนแบ่งตลาดเราหน่ะขอรับท่าน”
“เฮ้อ มันจะแน่ซักแค่ไหนเชียววะ มันคงไม่รู้ว่าคนอย่างฉันฆ่าไม่ตายหรอก” ลอร์ดโคลนพูดต่อ
“ถ้าเช่นนั้น กระผมจักไปดำเนินการเลยนะขอรับ” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น จากนั้นก็รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ตัวของลอร์ดโคลนยืนมองร่างเดิมของเขาซึ่งถูกรักษาไว้ในหลอดแก้วนั้น
“ซาเรียส ไมล์” ในระหว่างที่ตัวของเขากำลังยืนมองหลอดแก้วอยู่นั้น ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามารายงานอะไรบางอย่างกับซาเรียสในทันที
“พวกเขามาแล้วขอรับนายท่าน”
เมื่อสิ้นเสียงของชายผู้รับใช้ ชายสามคนก็เดินเข้ามาในห้องเพื่อรายงานตัวกับซาเรียส ชายคนหนึ่งใส่ชุดเกราะหนักดูน่าเกรงขาม ชายคนหนึ่งมีหน้าตาและรูปร่างคล้ายกับหมาป่า ส่วนอีกคนใช้เหล็กเป็นร่างกายจนแทบจะไม่เหลือเนื้อหนังแล้ว
“มาแล้วเหรอ มิคาเอล โลแกน ดาคัธ”
“นายท่าน พวกเรามาแล้ว มีเรื่องอันใดหรือขอรับ??” มิคาเอลถามไป
“ตอนนี้สงครามของเรากำลังจะเริ่มแล้ว เราคงต้องเตรียมพร้อมแล้วหล่ะ” ซาเรียสพูดขึ้น
“เฮ้อ ในที่สุดก็จะได้สู้เสียที” ชายหน้าคล้ายหมาป่าพูดขึ้น
“อย่าวู่วามไปโลแกน ตอนนี้มีหลายฝ่ายกำลังมีอิทธิพลขึ้นมามาก เราคงต้องจัดการไปทีละส่วน” ดาคัธพูดขึ้น
“ใช่แล้วหล่ะ ตอนนี้เราจะเริ่มจากไอ้พวกข้างถนนก่อน จากนั้นก็องค์กรใหญ่ ฉันจะให้พวกมันได้รู้ว่าใครยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาะนี้" ซาเรียสพูดไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งแต่มีสีหน้าที่เรียบเฉยก็เดินเข้ามาหาซาเรียสอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดขึ้น
“ขอโทษนะคะที่มาช้านิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกมารีเบล แล้วแองเจลโล่ไปไหนซะหล่ะ??” ซาเรียสถามไป
“เขาบอกว่าจะอยู่เตรียมระดมกองกำลังเพื่อเริ่มงานค่ะ” มารีเบลตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ
“ดี ตอนนี้ก็รอให้ทุกอย่างเข้าที่ แล้วเราจะยึดครองทุกอย่างให้หมด” ซาเรียสพูดขึ้นและยิ้มเยาะ
ณ สนามบินโซฟิโร่ สนามบินภายในประเทศซึ่งเป็นจุดหมายของเครื่องบินจากรัฐอื่นๆ ของสหรัฐอเมริกา เครื่องบินลำหนึ่งซึ่งบินตรงมาจากนิวยอร์ก เดินทางมาจอดเทียบท่าที่สนามบินแห่งนี้ หลังจากที่เครื่องลงจอด หญิงสาวเอเชียคนหนึ่งก็เดินลงจากเครื่องและเดินเข้ามายังจุดตรวจอย่างรวดเร็ว ซึ่งในตอนนั้นเอง พนักงานสนามบินคนหนึ่งก็เดินมาหาเธออย่างรวดเร็ว
“สวัสดีครับ ขอตรวจพาสปอร์ตหน่อยครับ!!”
ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็ยื่นพาสปอร์ตให้กับชายคนนั้นในทันที และชายคนนั้นก็เปิดพาสปอร์ตดูอย่างรวดเร็ว
“อืม คุณนากยอง สัญชาติอังกฤษ มาทำอะไรในอเมริกาเหรอครับ??”
“อ่า มาเรียนต่อหน่ะค่ะ” หญิงสาวคนนั้นตอบไป
“อืม ถ้าอย่างงั้น คุณคงต้องเรียนต่อที่วิทยาลัยโซฟิโร่สินะ สาขาอะไรครับ??”
“อ้อ การดนตรีหน่ะค่ะ” เธอตอบไป
“อืม ลูกสาวผมก็เรียนที่นั่นด้วย ยังไงก็โชคดีนะครับ” ชายคนนั้นพูดจบก็ยื่นพาสปอร์ตคืนเธอ จากนั้นตัวของเธอก็รีบหยิบพาสปอร์ตมาแล้วเดินออกไปในทันที
“เฮ้อ เกือบไปแล้วสินะ เซราห์”
ณ ตึกแถวแห่งหนึ่งในย่านชุมชนโซฟิโร่ กลุ่มชายผิวขาวในชุดแจ๊กเก๊ตเดินกันไปมาบริเวณนั้นมากมาย และในตอนนั้น ชายคนหนึ่งก็เดินเข้าไปในตึกแถวนั้น เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้น 2 เดินเข้าไปที่ห้องๆหนึ่ง เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปด้านใน ก็พบกับชายผิวขาวซีดคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ นั่งดื่มวอดก้าอย่างสบายใจ
“อ่า คุณเบลครับ!!” ชายผิวจาวซีดคนนั้นหันหน้าไปหาต้นทางเสียงในทันที
“เออ มีอะไรก็ว่ามา??” เบลถามไป
“ไอ้พวกชุดดำมันเดินขบวนอีกแล้ว คราวนี้พวกมันมาเดินใกล้ๆกับเขตของเราครับ”
“เฮ้อ จะอะไรกันนักกันหนาวะ ไอ้พวกคลั่งศาสนานี่” เบลพูดขึ้น
“ผมว่า เราต้องทำอะไรซักอย่างแล้วนะครับ”
“ก็ถ้ามันมาใกล้เขตเรา ก็กระทืบมันเลย” เบลพูดขึ้น จากนั้นก็เอนหลังนอนบนเก้าอี้ของเขาต่อ
“อืม คุณเบลครับ ช่วงนี้มีกลุ่มคนใส่สูทมันมาป้วนเปี้ยนในเขตของเราบ่อยๆ เราจะเอายังไงกับมันดีครับ??”
“ก็จับตาดูมันไว้ก่อน มันคงยังไม่ทำอะไรวู่วามหรอก” เบลพูดอีกครั้ง
กลับมาที่เมืองโลซานส์ ร้านของจิมมี่ ซึ่งในตอนนี้ตัวของเขาก็พยายามหาข้อมูลเพื่อช่วยเหลือเนลล์ที่กำลังหนีไปยังเมืองโซฟิโร่ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเขา เพื่อมาพูดคุยอะไรบางอย่าง
“เออ จิมมี่ มีผู้หญิงมาหานายหน่ะ”
“ผู้หญิงเหรอ ใครวะ??” จิมมี่ถามไป และในตอนนั้นตัวของเขาก็เดินออกไปดูในทันที และไม่นานนักเขาก็เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมายืนรอเขาที่หน้าร้านพร้อมกับยืนกอดอกด้วย จิมมี่พยายามจะหนีกลับเข้าร้าน แต่ผู้หญิงคนนั้นก็เดินมากระชากคอเขาอย่างรวดเร็ว
“จิมมี่ มันเกิดอะไรขึ้นกับเนลล์??” หญิงสาวคนนั้นถามไปแล้วพยายามจะล็อกคอจิมมี่ แต่จิมมี่เองก็พูดออกมาก่อน
“เดี๋ยวๆๆๆ ใจเย็น ตอนนี้หมอนั่นตายแล้ว เมมโมรี่ของเขาถูกโอนถ่ายเข้าร่างของเด็กมัธยมคนหนึ่งหน่ะ แอมิเลีย!!” จิมมี่พูดขึ้นอย่างลนลาน และเมื่อหญิงสาวคนนั้นได้ยินคำพูดจากปากจิมมี่ เธอก็ค่อยๆปล่อยเขา แล้วก็คุยกับเขาต่อในทันที
“เขาตายได้ยังไง เกิดอะไรขึ้น??” แอมิเลียถามอย่างสงสัย
“คือ เท่าที่รู้มา คุณทอดด์พาแก๊งไปเจรจาสงบศึก แต่โดนหักหลังจนตายกันหมด เนลล์หนีรอดมาได้ เขาให้ฉันอัพโหลดเมมโมรี่เข้าเซิฟเวอร์เถื่อน แล้วเมมโมรี่ของหมอนั่นก็ไปเข้าร่างของเด็กมัธยมคนหนึ่ง และดูเหมือนไอ้เด็กมัธยมคนนั้น จะไปมีเรื่องกับพวกของไอ้จอร์จ หมอนั่นหนีไปโซฟิโร่แล้ว” จิมมี่พูดขึ้น
“อ้อ มิน่าหล่ะ ตำรวจถึงได้ทำงานกันหนักเลยช่วงนี้ พวกมันสองคนก็มาทำคดีที่ร้านฉันด้วย” แอมิเลียพูดขึ้น
“แล้วที่เธอมาที่นี่ ต้องการอะไรหล่ะ??” จิมมี่ถามเธอไป
“ฉันจะติดต่อเนลล์เขาหน่อย เผื่อจะช่วยอะไรเขาได้” แอมิเลียพูดขึ้น
“เออ เอาที่สบายใจเลย นี่เบอร์โทรของหมอนั่น” จิมมี่พูดขึ้น จากนั้นก็ให้เบอร์โทรศัพท์ของเนลลืกับแอมิเลียไป
“นี่ พยายามพรางสัญญาณก่อนโทรหล่ะ” จิมมี่พูดขึ้น
“ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง ฉันเสียใจด้วยนะเรื่องคุณทอดด์หน่ะ” แอมิเลียพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ของเธอที่จอดไว้หน้าร้าน จากนั้นก็ขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของจิมมี่เองก็ได้แต่ถอนหายใจไป และบริเวณที่ไม่ห่างกันมากนัก กลุ่มแก๊งชุดดำกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างถนนเพื่อซื้อขายอะไรบางอย่าง โดยที่หญิงสาวชุดขาวคนหนึ่งพร้อมหุ่นจักรกลตัวหนึ่งยืนข้างกับเธอ และในตอนนั้น ชายชุดดำทุกคนที่อยู่แถวนั้นก็มาให้เงินที่ขายของได้กับเธออย่างรวดเร็ว
“ดี วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกนายไปได้” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น
“ครับคุณมายเดียร์” ชายชุดดำพวกนั้นพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
“บีครอส นายเห็นหญิงสาวคนนั้นหรือเปล่า??” มายเดียร์หันถามคุยกับหุ่นของเธอ
“เห็นครับ ดูเหมือนว่าจะมีท่าทางแปลกๆนะครับ”
“แม่นั่นเปิดอู่ซ่อมรถ และดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์กับพวก Red Eagles ด้วย ตั้งแต่พวกนั้นโดนกวาดล้าง ทั้งเมืองก็ระส่ำระส่ายเลย” มายเดียร์พูดขึ้น
“นั่นสิครับ จะให้ผมไปคุยกับเธอหรือเปล่าครับ??”
“ไม่ต้อง คงไม่ได้อะไรจากเธอหรอก” มายเดียร์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เดินออกจากซอยไปขึ้นรถสีขาวคันหนึ่งซึ่งจอดอยู่บริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
ณ แพนตาก้อน วอชิงตันดีซี ห้องทำงานลึกลับห้องหนึ่ง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพียงไม่กี่คนเดินเข้าออกกันไปมา ชายใส่สูทคนหนึ่งเดินเข้ามาด้านในห้อง โดยที่คนอื่นๆที่รออยู่แล้วก็ยืนต้อนรับเขาอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก ชายใส่สูทคนนั้นก็นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ แล้วเริ่มพูดคุยกับทุกคนในห้องทันที
“เอาหล่ะ ท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย เวลานี้ มีการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า ที่เกาะทั้งสามแห่งในเขตที่เราประชุมกันครั้งก่อน โลซานส์ โซฟิโร่ และเลวานส์ ทั้งสามเกาะมีรายงานว่ามีการใช้เทคโนโลยีระดับสูงและเทคโนโลยีต้องห้าม นำมาใช้กันอย่างผิดกฎหมาย ท่านเลขา เชิญคุณต่อเลยครับ” ชายอีกคนหนึ่งที่ได้ยินก็ลุกขึ้นแล้วพูดกับทุกคน
“ครับท่าน โปรเจ็กค์ E.F.S.F ซึ่งเราเคยประชุมกันครั้งก่อน จักรกลของเรา ซึ่งมีระบบสมองกลควบคุม โดยการใช้ระบบสมองและเมมโมรี่ของเหล่าทหารผ่านศึก ซึ่งเคยมีชื่อเสียงในสงครามโลกครั้งที่สาม ซึ่งทางเราได้ตกลงกับครอบครัวของพวกเราเรียบร้อยแล้ว”
“แล้วทำไม เราถึงไม่ถล่มเกาะนั้นซะเลยหล่ะครับ??” ชายใส่สูทคนหนึ่งยกมือขึ้นและถามคนในห้องไป
“บนเกาะนั้นยังมีทรัพยากรที่ยังมีประโยชน์กับเราอยู่ รวมถึงมหาเศรษฐีมากมาย ถ้าเราทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า เศรษฐกิจประเทศเราที่กำลังเติบโตต้องจบสิ้นแน่ๆ เอาหล่ะ ผมแค่อยากให้พวกคุณช่วยรับรองโปรเจ็กค์นี้ และผมรับรองว่า มันจะส่งผลดีในอนาคตแน่ๆ อนาคตของประเทศเราจะเป็นยังไงต่อ คงต้องอยู่ที่พวกคุณทุกคนแล้วหล่ะ” ชายที่นั่งอยู่บนหัวโต๊ะพูดขึ้น และผู้เข้าประชุมคนอื่นๆต่างพากันพยักหน้ารับคำของชายคนนั้นกันอย่างง่ายดาย
ตกกลางคืน เนลล์ได้ขี่มอเตอร์ไซค์มากับเพื่อนใหม่ของเขามาถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองโซฟิโร่ไม่มากนัก เนลล์จอดจอดรถไว้ที่ลานจอดรถแถวนั้น จากนั้นก็ลงจากรถอย่างรวดเร็ว และทีเร็กซ์เองก็ลงจากรถตามเนลล์มาด้วย
“เฮ้ย อีกไม่กี่สิบโลก็จะถึงโซฟิโร่แล้วนะพวก” ทีเร็กซ์พูดขึ้น
“นี่มัน 4 ทุ่มกว่าแล้ว ฉันขี่ไม่ไหวหรอก กว่าจะถึงก็เกือบเที่ยงคืนแนะ” เนลล์พูดขึ้น จากนั้นชายคนหนึ่งก็เดินออกมาจากโรงแรม จากนั้นก็มาคุยกับเนลล์ในทันที
“เฮ้ มาจองห้องเหรอ??” ชายคนนั้นถามเนลล์ไป
“ขอ 2 ห้องครับ เดี๋ยวเช้าเราก็ไปแล้ว” เนลล์พูดขึ้น
“ห้อง 5 กับ 6 ว่าง” ชายคนนั้นพูดขึ้นพลางยื่นกุญแจให้กับเนลล์ เนลลืรับกุญแจมากจากนั้นก็ยื่นเงินให้กับชายคนนั้นในทันที จากนั้นเขาก็โยนกุญแจห้อง 6 ให้กับทีเร็กซ์ไป
“พรุ่งนี้ 7 โมงเช้าเจอกัน” เนลล์พูดขึ้น จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้อง 5 อย่างรวดเร็ว
“ฝันดีนะพวก!!” ทีเร็กซ์ตะโกนไล่หลังไป แต่เนลล์ไม่สนใจอะไรมากนัก และไม่นานนัก ตัวของเนลล์เองก็ไปนอนบนเตียงห้องนอนอย่างรวดเร็วเพื่อพักผ่อน
“ตึ๊ง!!”
เสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์ดังขึ้น แต่ไม่ใช่โทรศัพท์ของเนลล์ มันเป้นของนอร์ตันต่างหาก มันขึ้นข้อความจากทีน่า เนลล์รีบอ่านมันในทันที และด้านในช่องความข้อความ ปรากฏคลิปสองคลิปขึ้น คลิปแรกเป็นคลิปที่ตัวของทีน่ากำลังโดนรุมข่มขืนอย่างหนักหน่วง ตัวของทีน่าพยายามจะร้องขอชีวิต แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ยอมหยุดเลย
“ทีน่า ไอ้พวกระยำเอ้ย!!” เนลล์ตะโกนออกมา และเขาก็ดูคลิปที่สองไป คลิปที่สองเป็นคลิปที่ร่างของทีน่าถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆหลายๆส่วน จากนั้นก็มีข้อความเด้งขึ้นมาด้วย
“นี่คือสิ่งที่มันต้องโดน ถ้ามันบังอาจช่วยมึง มึงเองก็อย่าคิดว่าจะรอดเลย”
ตัวของเนลล์โกรธมากแล้วปาโทรศัพท์ของนอร์ตันออกไปในทันที
“ไอ้จอร์ดี้ มึงเจอกูแน่!!” เนลล์พูดขึ้นอย่างโกรธแค้น
=========================================================
การแก้แค้นของเนลล์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย
https://ko-fi.com/shinobinon ถูกใจนิยาย อยากเลี้ยงกาแฟผม จัดเลย
ความคิดเห็น