คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2 : ป่าปีศาจ
ขบวนเดินทางศักดิ์สิทธิ์เดินทางมาตามถนนหลักซึ่งมุ่งตรงไปทางเหนือ ท่ามกลางบรรยากาศป่าไม้โดยรอบที่ยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่ ขบวนเดินทางพากันระวังตัวเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรที่ด้านหน้า และค่ายหลวงของแม่ทัพเนเมียวสีหบดีก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่นัก
“นี่ ข้าได้กลิ่นแปลกๆที่นี่ มันเป็นกลิ่นสาบของพวกปีศาจร้าย!!” ทูตเบลล์พูดขึ้น
“ข้าเองก็สัมผัสถึงมันเช่นกัน ท่านพี่ ข้าว่า เราควรจักระวังตัวกันหน่อย” กุมารเทพพูดขึ้น
“ข้ารู้ แต่มิว่าจะเกิดอันใด ข้าก็ต้องเดินทางต่อ” ทองอินทร์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เจอกับเหล่าภูตผีร่างดำสีทะมึน ร่างคดงอ ฟันเรียงกันเป็นเขี้ยว มันเห็นกลุ่มของทองอินทร์ดังนั้นก็ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้พวกเขาในทันที ในตอนนั้นนาราเห็นก็ตะโกนเรียกคนอื่นๆในทันที
“ทุกคน พวกมันมาแล้ว ระวังตัวด้วย!!”
ทองอินทร์ในตอนนั้นก็ชักดาบของเขาออกมา จากนั้นก็วิ่งเข้าไปและฟันพวกมันที่หัวในทันที
“ฉับ!!”
ทองอินทร์ใช้ดาบฟันเข้าที่หัวของมันจนหัวหลุดออกจากบ่า ส่วนคนอื่นๆก็วิ่งตามมาช่วยทองอินทร์ในทันที ในขณะที่ปีศาจกลุ่มอื่นก็บุกโจมตีขบวนคาราวาน พวกเขารีบพากันปกป้องตัวเองในทันที
“พี่อินทร์ พวกผีร้ายนี่มีเยอะเหลือเกิน!!” นาราพูดขึ้น จากนั้นก็ฟันเข้าไปที่ร่างของมันจนขาดครึ่ง
“อ้ายพวกนี้เป็นซากศพที่ถูกมนต์ดำปลุกขึ้นมา พวกท่านระวังตัวด้วย!!” กุมารเทพพูดขึ้น จากนั้นก็ปล่อยพลังใส่พวกมันในทันที
“เข้ามาเลย อ้ายพวกผีนรก!!” คาวีตะโกนออกมา จากนั้นก็ชักดาบออกมาฟาดฟันพวกผีดิบนั่นในทันที จากนั้นก็ใช้อาคมซัดใส่พวกมัน อีกด้านหนึ่ง เมรีที่กำลังยิงธนูใส่พวกมัน จู่ๆมันตัวหนึ่งก็กำลังจะเข้าตะครุบเมรี
“แฮ่!!”
แต่ในตอนนั้นเอง ทูตเบลล์ก็ใช้มนต์ของเธอหยุดมันเอาไว้ในทันที ผีดิบตัวนั้นถึงกับนิ่งไม่ไหว เมรีเห็นดังนั้นจึงชักเอาลูกศรออกมาปักที่หัวของมันในทันทีจนมันล้มลง
“พวกมันมีมากมายเหลือเกิน!!” ทูตเบลล์ตะโกนขึ้น
“พวกเจ้าระวังให้ดี ฟันพวกมันที่หัว!!” นรสิงห์ตะโกนขึ้น จากนั้นก็ใส่อาคมใส่พวกมันจนหยุดนิ่ง จากนั้นเขาก็เข้าไปฟันหัวมันทีละตัว
“เอื้องเหนือ เจ้าคุ้มกันเสบียงไว้ให้มั่น!!” แสนคำสมิงพูดขึ้นจากนั้นก็เตะขามันตัวหนึ่งจนล้ม และเขาก็ใช้ดาบล้านนาปักหัวมัน
“เวียงพิงค์ ระวังทางด้านนั้นด้วย!!” เอื้องเหนือตะโกนขึ้น จากนั้นเธอก็หยิบหน้าไม้มายิงมันในทันที
“ข้าเองก็สู้เป็นเช่นกัน!!” เวียงพิงค์ตะโกนขึ้น จากนั้นเธอก็ใช้หอกซัดใส่มัน แต่โดนเข้าที่อกและมันก็ยังเดินเข้ามาเรื่อยๆ แต่ในตอนนั้น วารีก็ใช้ดาบคาตะนะตัดเข้าที่หัวมันอีกทีจนหัวหลุดจากบ่า
“เจ้าต้องจัดการมันที่หัว!!” วารีตะโกนออกมา และอีกด้านหนึ่ง อองโม่โยกำลังใช้โล่ต้านผีตัวหนึ่งไว้ เขาผลักมันออกไป จากนั้นก็แทงมันเข้าที่หัวในทันที
“ลงนรกไปเถิดอ้ายผีร้าย!!” อองโม่โยพูดขึ้น
“เจ้านี่ก็มีฝีมือไม่น้อยเลยนะ เจ้าอังวะ!!” วาทินพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ขว้างมีดพกของเขาปักเข้าที่หัวของมัน
“พวกมันมาเยอะเหลือเกิน ช่วยข้าด้วย!!” ธิดาตะโกนออกมา และในตอนนั้น ออเรเลียก็ใช้ปืนยาวยิงเข้าไปที่หัวของผีตัวหนึ่งที่จะเข้ามาใกล้ธิดา ส่วนคนอื่นๆก็ช่วยยิงสกัดพวกผีร้ายนั้นไว้ด้วย
“พวกมันมีมากเกินไป เราต้องช่วยกันยิงแล้วหล่ะ” ออเรเลียพูดขึ้น
“ข้าช่วยใส่กระสุนเอง!!” สมบาติพูดขึ้น จากนั้นชิงเสียนก็เอาปืนให้เขาในทันที
“ข้าคว้านเอาเกลียวในลำกล้องนะกระบอกนี้ ใส่ดีๆหล่ะ” สมบาติหยิบปืนมาใส่ลูกในทันที
“เล็งมันที่หัวนะ ไม่งั้นมันไม่ตาย!!” มาร์คัสบอกกับน้องสาวของเขาไป
“แน่นอนพี่ ข้ารู้น่า!!” อเล็กซกระโดดลงจากเกวียนและใช้ปืนเล็กของเธอไล่ยิงพวกมัน
“เข้ามาเลยไอ้พวกปีศาจ!!” ออเรเลียใช้โล่กระทุ้งพวกมันจากนั้นก็เอาหอกแทงใส่หัวของพวกมัน ทางด้านเทเรซ่า เธอใช้ดาบฟาดฟันพวกมันไปมากมาย แต่มันก็ทำเอาเธอหมดแรงเหมือนกัน หลี่เจาในตอนนั้นก็ได้ใช้ทวนซัดพวกมันจนกระเด็น เพื่อป้องกันไม่ให้พวกนั้นเข้าถึงขบวน
“อิริยะ ไอ้ซากพวกนี้มันมีของ ต้องจัดการพวกมันแล้ว!!” หลี่เจาตะโกนบอกเธอ
“ข้ารู้ต้องจัดการเยี่ยงไร” อิริยะพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ใช้ยันต์ของเธอติดมีดบินและปาใส่พวกมันในทันที ทำให้พวกมันล้มตายไปได้บ้าง
“ไอ้พวกผีร้ายที่มันฆ่าพี่น้องเรา ฆ่ามันให้หมด!!” เทเรซ่าพูดขึ้น ในขณะเดียวกันนั้นเอง ผีดิบตัวหนึ่งก็กำลังจะเข้าเล่นงานเทเรซ่าด้านหลัง แต่อนาเลียในตอนนั้นก็ใช้มนต์ของเธอสะกดพวกผีดิบนั่นไว้ เธอค่อยๆดูดมนต์ดำของพวกผีออกมา จากนั้นก็พูดขึ้น
“ซากศพพวกนี้ถูกควบคุมด้วยมนต์ดำ รีบเอาน้ำมนต์ของเจ้าใส่ชามไว้ เร็ว!!”
“รีปเปอร์ น้ำมนต์เจ้าเหลือหรือเปล่า??” แม็กซิมถามไป
“เอ้านี่ เหลือแค่นี้หล่ะ!!” แม็กซิมโยนถุงใส่น้ำมนต์ให้รีปเปอร์ จากนั้นก็เทใส่ชามใบหนึ่งบนเกวียน แล้ววางไว้ให้อนาเลีย อนาเลียรีบปล่อยมนต์ดำลงในชามน้ำมนต์นั้นในทันที มนต์ดำที่ใส่ลงไปถูกเผากลายเป็นจุลในทันที ทางด้านคนอื่นๆ พวกเขาจัดการฟาดฟันพวกผีดิบที่บุกเข้ามาจนพวกมันตายกันหมด จากนั้นพวกเขาก็มารวมตัวกันในทันทีเพื่อตรวจสอบความเสียหายเพิ่มเติม
“มีผู้ใดบาดเจ็บหรือไม่??” ทองอินทร์ถามทุกคนไป
“ข้าไม่เป็นไรจ้ะพี่ แล้วคนอื่นหล่ะ??” เมรีถามต่อ
“อ้ายพวกนี้มันเป็นผีร้ายจำพวกไหนเนี่ย??” นรสิงห์ถามอย่างสงสัย
“พวกมันเป็นซากศพที่ถูกมนต์ดำสะกด ข้าไม่รู้ว่าผู้ใช้มนต์ดำเป็นใคร” อนาเลียบอกกับทุกคนไป
“หรือว่าเจ้าใช้มนต์ดำนั่นหล่ะ??” เทเรซ่าถามอนาเลียไป
“นี่ท่านหญิง นางเพิ่งช่วยชีวิตท่านไว้นะ!!” ชิงเสียนพูดปรามไป
“ข้าว่า พวกนี้อาจจะเป็นพวกหางแถวก็ได้” วารีออกความเห็นไป
“ใช่แล้วหล่ะ เป็นอย่างที่ท่านหญิงพูด พวกนี้ถูกมนต์ดำสะกด ซึ่งไอมนต์ดำนี่ต้องเป็นปีศาจที่บำเพ็ญตบะมานมนานแน่” กุมารเทพพูดขึ้น
“แสดงว่า เราต้องเจอพวกที่น่ากลัวกว่านี้สินะ” ทูตเบลล์พูดขึ้น
“ข้ามิสนดอก ให้พวกมันมาข้าจักฆ่าพวกมัน!!” คาวีพูดขึ้น
“ว่าแต่ จุดหมายปลายทางของพวกเราคือที่ใดเล่า??” ธิดาถามอย่างสงสัย
“เราต้องไปอโยธยา เพื่อสืบเสาะเรื่องที่เกิดขึ้น” กุมารเทพพูดขึ้น
“อโยธยา ถูกพวกอังวะเผาจนเรียบแล้วมิใช่หรือ??” เอื้องเหนือถามอย่างสงสัย
“พวกทหารทำลายแค่พระราชวัง มิรู้ว่าที่อื่นโดนไปด้วยหรือไม่” อองโม่โยพูดขึ้น
“ว่าแต่ ที่อโยธยามีอันใดถึงต้องไปที่นั่นเล่า??” เวียงพิงค์ถามอย่างสงสัย
“เราต้องไปที่บ้านของอ้ายพระยาพลเทพ เพื่อสืบเสาะเรื่องทั้งหมด” กุมารเทพพูดขึ้น
“ถ้าเช่นนั้น อีกไกลหรือไม่กว่าจะถึงอโยธยาหน่ะ??” ทูตเบลล์ถามไป
“ข้าว่ามิไกลมากดอก ที่จริงเราใกล้จะถึงอโยธยาแล้วด้วย” สมบาติพูดขึ้น
“ข้าว่ายิ่งใกล้ยิ่งอันตรายมากขึ้นทุกที” แสนคำสมิงพูดขึ้น
“ข้ามิกลัวดอก น่าอภิรมย์ด้วยซ้ำ” วาทินพูดขึ้นจากนั้นก็เช็ดดาบของตัวเองไปด้วย
“แต่เราก็ไม่ควรประมาทนะ พวกมันมีมากมายเหลือเกิน” มาร์คัสพูดขึ้น
“ข้ามิรู้ว่ากระสุนเราจะพอหรือเปล่า ตอนนี้ก็เหลือไม่มากแล้ว” อเล็กซพูดขึ้น
“หากมีโรงตีเหล็กซักที่ ข้าอาจจะทำกระสุนให้ได้” มาเรียน่าพูดขึ้น
“แต่เราไม่มีทั้งแร่เหล็ก ดินปืน จะทำยังไงหล่ะ??” ออเรเลียถามไป
“ข้าพอจะคุ้นเคยพื้นที่แถวนี้ ข้าจักหาดินปืนเอง” นาราพูดขึ้น
“เอาหล่ะ ดูเหมือนว่าเราต้องเดินทางต่อแล้วหล่ะ” รีปเปอร์พูดขึ้น
“น้ำมนต์ของเราหมดแล้ว ที่เหลือคงต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมแล้วหล่ะ” แม็กซิมพูดขึ้นจากนั้นก็เก็บดาบของเขาไป
“หนทางข้างหน้ายังคงอีกยาวไกล พวกเจ้าคงต้องระวังกันหน่อยหล่ะ” หลี่เจาพูดกับทุกคน
“ยันต์ของข้ามีจำกัด ถ้าจะทำต่อ คงต้องรอให้ย่ำค่ำหล่ะ” อิริยะพูดต่อ
“เอาหล่ะ ข้าว่าเดินทางกันต่อเถิด!!” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทางกันต่อในทันที พวกเขาเดินขบวนกันต่อมาเรื่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศรอบด้านที่ดูเคว้งคว้าง ซากศพที่กองพะเนินของเหล่าชาวบ้านและทหารอังวะดูน่าเวทนา อองโม่โยพูดอะไรไม่ออกแต่ก็ยังเดินเท้าต่อไป แต่ในตอนนั้นเอง
“ปัก!!”
จู่ๆก็มีธนูดอกหนึ่งพุ่งมาใส่ขบวนของพวกเขา เฉี่ยวหน้าของออเรเลียไปนิดเดียว
“ซุ่มโจมตี!!”
ทองอินทร์ตะโกนบอกทุกคน แต่ในตอนนั้นลูกธนูอีกดอกก็ลอยมาใส่พวกเขา แต่ออเรเลียใช้โล่กันได้ มาร์คัสยิงสวนมันกลับไปในทันที
“ปัง!!”
กระสุนพุ่งเข้าไปโดนเป้าหมาย ซึ่งเป็นอมนุษย์ตัวหนึ่ง รูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่ใบหน้าดูคล้ายสุนัขป่า และไม่นานนัก พวกมันฝูงหนึ่งก็ถือดาบ หอก และโล่ วิ่งออกมาจากป่าและเข้าจู่โจมพวกของทองอินทร์ในทันที
“สู้มัน!!”
ทองอินทร์ตะโกนออกไป จากนั้นพวกเขาก็เข้าปะทะกับพวกปีศาจนั่นในทันที การปะทะเป็นไปอย่างดุเดือด พวกของทองอินทร์พยายามยันพวกมันไม่ให้บุกเข้ามา พวกมันตัวหนึ่งใช้โล่ฟาดไปที่นาราตอนเธอเผลอ มันพยายามจะใช้หอกแทงเธอซ้ำ แต่นรสิงห์ก็วิ่งเข้ามาถีบมันออกไป มันตัวหนึ่งจะแทงเข้าที่ด้านหลังนรสิงห์ ทองอินทร์ที่กำลังฟาดฟันกับพวกมันอยู่ก็ปาดาบใส่มันในทันที จากนั้นก็วิ่งเข้ามาแล้วหยิบเอาดาบออกไปจากร่างของมัน
“เป็นอะไรหรือเปล่า??” ทองอินทร์ถามไป
“ข้ามิเป็นไร ห่วงตัวเจ้าเองเถิด!!” นรสิงห์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ดึงร่างของนาราขึ้นมาทันที
“ข้าขออภัยท่านพี่ ข้าประมาทมันไปหน่อย” นาราพูดขึ้น
“พวกเจ้า มาช่วยทางนี้หน่อย เร็ว!!” คาวีตะโกนเรียกพวกของทองอินทร์ ทองอินทร์รีบกลับไปช่วยในทันที
“พวกนี่มันเป็นอันใดกัน??” เมรีถามในขณะที่ยิงธนูสวนกับพวกมัน
“พวกหมาล่าเนื้อ พวกนี้เป็นปีศาจลูกผสมหน่ะ” กุมารเทพพูดขึ้น จากนั้นก็ปล่อยพลังใส่มันในทันที
“พวกสัตว์ร้ายจากตะวันออกนี่น่ากลัวนะ” ทูตเบลล์พูดขึ้นในขณะที่พยายามหลบหลีกหอกดาบของพวกมัน
“เข้ามาเลย ไอ้หมานรก!!” วารีพูดขึ้นจากนั้นก็ฟันพวกมันจนโล่แตก
“เอื้องเหนือ เอาลูกดอกให้ข้าที!!” เวียงพิงค์พูดขึ้น จากนั้นเอื้องเหนือก็เอาลูกดอกให้กับเวียงพิงค์ไป
“ช่วยยิงคุ้มกันคนอื่นด้วย” ธิดาพูดขึ้น
“อ้ายพวกนรกส่งมาเกิด!!” แสนคำสมิงใช้ดาบฟาดพวกมันจนโล่แตก จากนั้นก็ถีบมันจนกระเด็นออกไป
“แน่จริงจับข้าให้มันสิ!!” วาทินกระโดดหลบดาบของพวกมัน จากนั้นก็ฟาดฟันพวกมันกลับ
“บ้าเอ้ย พวกนี้มันสู้เหมือนมนุษย์เลย” ชิงเสียนพูดขึ้นในขณะที่ยิงพวกมันไป
“ก็พวกมันเป็นลูกเสี้ยงปีศาจนี่” สมบาติพูดขึ้น จากนั้นก็ยื่นปืนที่บรรจุกระสุนแล้วให้มาเรียน่าไป
“ไอ้พวกนี้คงไม่ต้องยิงที่หัวแล้วสินะ!!” มาเรียน่าพูดขึ้นจากนั้นก็ยิงใส่โล่ของพวกมันจนแตก
“อเล็กซ กระสุนยังเหลือหรือเปล่า??” มาร์คัสถามในขณะที่บรรจุกระสุนไป
“ยังพอเหลืออยู่พี่ ไม่ต้องห่วง” อเล็กซพูดขึ้นจากนั้นก็ยิงที่หัวของมันตอนมันเข้ามาใกล้ขบวน และอองโม่โยก็ใช้โล่รับดาบมันไว้และดันมันกลับในทันที ส่วนออเรเลียก็ใช้หอกซัดปาใส่พวกมันไปด้วย
“ไอ้พวกนี้ รนหาที่จริงๆ” ออเรเลียพูดขึ้น ส่วนอนาเลียก็พยายามใช้มนต์ดำไล่พวกมันกลับไป จนมันตัวหนึ่งจะง้างธนูยิงอนาเลีย เทเรซ่าเห็นจึงใช้มีดสั้นปาใส่มันจนมันล้มลง
“ไม่มีอันใดติดค้างกันแล้วนะ!!” เทเรซ่าพูดขึ้น
“เจ้านี่ก็ใช้ได้นี่หน่า” อนาเลียพูดและจุ๊บใส่เทเรซ่า ส่วนแม็กซิมกับรีปเปอร์ก็ไล่ฟันพวกมันจนมันถอยกลับเข้าไปในป่า
“ถอยกลับไปเลยไอ้พวกปีศาจ!!” แม็กซิมตะโกนขึ้น ส่วนรีปเปอร์ก็เอากางเขนของเขายื่นใส่พวกมัน ทำเอาพวกมันถึงกับถอยออกไปในทันที
“พวกมันจะตายกันหมดแล้ว!!” อองโม่โยตะโกนออกมา
“ทุกคน อย่าตามพวกมันไปหล่ะ” เอื้องเหนือพูดเตือนทุกคน และในตอนนั้นพวกเขาก็จัดการกับพวกปีศาจสุนัขป่าได้ทั้งหมด ซากศพของพวกมันกองพะเนินเต็มไปหมด และมันตัวหนึ่งกำลังจะกระโจนใส่ขบวน แต่หลี่เจาก็ปาทวนของเขาใส่หัวมันจนมันแน่นิ่งไป จากนั้นก็ไปดึงเอาทวนออกมา
“อย่าประมาทคู่ต่อสู้ จับอาวุธให้มั่น!!” หลี่เจาพูดขึ้น
“ไอ้พวกหมาล่าเนื้อ พวกมันรับใช้จอมมารมานานนับขวบปีหล่ะ" อิริยะพูดขึ้น
“ท่านพี่ พวกเราจักต้องเดินทางไปถึงอโยธยาโดยเร็วนะท่านพี่!!” กุมารเทพพูดขึ้นกับทุกคน
“ข้าว่า มิเกินค่ำนี้ก็ถึงอโยธยาแล้วหล่ะ” ทองอินทร์พูดขึ้น
“ตอนค่ำพลังของข้าจะลดน้อยลงนะ” ทูตเบลล์พูดขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะคุ้มกันเอง ตอนนี้เราเดินทางกันต่อเถิดท่านพี่” กุมารเทพพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินทางต่อในทันที
ช่วงเที่ยงของวันนั้น พวกเขาก็ใกล้จะถึงอโยธยาในไม่กี่อึดใจ แต่ก็ต้องเผชิญกับเหล่าปีศาจร้ายมาตลอดทาง ซึ่งไม่มีแม้แต่เงาของสิ่งมีชีวิตชนิดใดเลย จนกระทั่งมาถึงจุดหนึ่ง พวกเขาก็มาตั้งค่ายเพื่อพักก่อนจะเดินทางกันต่อ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่หิวอะไรเลย แม้จะไม่ได้กินอะไรแต่เช้า
“เออนี่ ข้ามิได้กินอะไรตั้งแต่เช้าแล้ว เหตุไฉนข้าไม่รู้สึกหิวโหยเลย??” คาวีถามอย่างสงสัย
“พระอินทร์ให้พรกับพวกท่าน ให้พวกท่านอิ่มทิพย์ได้หน่ะ” กุมารเทพพูดขึ้น
“แต่ข้าเองก็อยากกินหน่อย ข้าอยากกินไก่ป่าหน่ะ” ชิงเสียนพูดขึ้น
“ป่านนี้พวกมันคงกลายเป็นปีศาจกันจนสิ้นแล้วหล่ะ” วาทินพูดขึ้น จากนั้นเขาก็หยิบขลุ่ยของเขาขึ้นมาเป่าในทันที เพื่อเป็นการผ่อนคลายจิตใจกับคนอื่น
“ข้าอยากจะรู้ ว่าที่จวนของพระยาพลเทพมีอันใดกันแน่??” เอื้องเหนือถามอย่างสงสัย
“ตัวข้าจับสัมผัสได้ ว่าทุกอย่างเกิดจากตัวพระยาพลเทพนั่น ข้าจึงต้องไปสืบเสาะดูว่าจะมีเบาะแสอันใดเพิ่มเติมบ้าง” กุมารเทพพูดขึ้น
“หวังว่าอโยธยาจักมิมีพวกปีศาจพวกนั้นนะ” นรสิงห์พูดขึ้น
“ข้าว่าพวกมันอาจจะตั้งกำลังรอเราอยู่แล้วหล่ะ” นาราพูดขึ้น
“ปีศาจพวกนี้มาจากที่ใดกันแน่ พวกผีดิบนั่นข้าพอจักรู้ แต่พวกอมนุษย์นี่สิ??” วารีพูดขึ้น
“พวกมันคงได้รับบัญชาจากจอมมารมาหล่ะมั้งคะ??” ทูตเบลล์ออกความเห็นไป
“เฮ้อ ข้ามิกลัวพวกมันหรอก ให้พวกมันมาเถิด” เมรีพูดขึ้น
“แต่เจ้าก็ควรระวังตัวด้วยสิ เจ้าเกือบโดนพวกมันเล่นงานนะ” เวียงพิงค์พูดขึ้น
“เอาหล่ะ อาวุธของพวกเจ้าเหลือกันเยอะแค่ไหนหล่ะ??” ธิดาถามไป
“เราเหลือกระสุนดินดำไม่มาก มีทางเดียวต้องทำเพิ่มหน่ะ” มาร์คัสพูดขึ้น
“ถ้ามีโรงตีเหล็ก ข้าทำกระสุนให้พวกเจ้าได้นะ” มาเรียน่าพูดขึ้น
“แต่เราจะหาแร่เหล็กจากไหนหล่ะ??” อเล็กซถามไป
“ข้าว่า ลองหาจากอาวุธที่ตกที่พื้นก็ได้ นี่ ท่านหน่ะ ฝีมือของท่านไร้เทียมทานยิ่งนัก ท่านต้องมิใช่นักสู้ธรรมดาเป็นแน่” ออเรเลียพูดกับหลี่เจา
“ข้าเองก็เคยฝึกยุทธเหมือนกัน แลยังฝึกลมปราณไปด้วย” หลี่เจาพูดขึ้น
“แต่ว่า เพลานี้คงต้องใช้ยิ่งกว่าลมปราณแล้ว” อิริยะพูดเสริมไป
“เราผ่านค่ายท่านเนเมียวสีหบดีมาแล้ว แต่ทั้งค่ายเงียบหมดเลย” อองโม่โยพูดขึ้น
“ข้าว่า พวกของเจ้าคงมีอันเป็นไปแล้วหล่ะ” แสนคำสมิงพูดขึ้น
“นี่ พ่อหนุ่ม เจ้าพอจะทำนายอะไรได้หรือเปล่า??” อนาเลียถามสมบาติไป
“เท่าที่ข้าดูในตอนนี้ เราอาจจะต้องเจอกับปีศาจระดับขุนพลเลยหล่ะ” สมบาติพูดขึ้นในขณะที่กำลังเขียนกระดานชนวนของเขา
“ข้ามิสนหรอกว่าพวกมันจะเป็นใคร แต่ข้าจะฆ่ามันให้เหี้ยน” เทเรซ่าพูดขึ้น
“แต่ว่า แค่ที่เราเจอก็เกือบไม่รอดแล้วนะ” แม็กซิมพูดขึ้น
“เฮ้ยนี่ เจ้าขลาดกลัวพวกมันงั้นหรือ??” รีปเปอร์ถามไป
“ข้าว่า พวกเราน่าจะหาอาวุธและของจำเป็นเพิ่มเติมได้ในอโยธยา เราจะไปที่โรงตีเหล็ก ทำกระสุนดินดำที่นั่น แลไปยังบ้านพระยาพลเทพ เพื่อสืบหาความเป็นไป พวกเจ้าคิดเห็นเช่นไร??” ทองอินทร์ถามอย่างสงสัย
“ความคิดดียิ่งนักท่านพี่ ถ้าเช่นนั้นเราเดินทางกันต่อดีกว่า” นาราพูดขึ้น
“เอาหล่ะ พวกเราเดินทางกันต่อเถิด ก่อนจะย่ำค่ำเสียก่อน” กุมารเทพพูดขึ้น จากนั้นไม่นานพวกเขาก็เก็บสัมภาระกัน และออกเดินทางกันต่อไปยังกรุงศรีอโยธยาในทันที
ผ่านมาประมาณ 3 ชั่วยาม กลุ่มคณะเดินทางก็ยังคงเดินเท้าต่อกันมาเรื่อยๆ เพื่อไปถึงกรุงศรีอโยธยาก่อนย่ำค่ำ สภาพรอบด้านตอนนี้ไม่ใช่ป่าดงอีกต่อไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นทุ่งราบเมื่อเข้าสู่เขตเมืองมากขึ้น แต่ในระหว่างทางนั้นเอง พวกเขาก็เจอกับกองกำลังหมาล่าเนื้ออีกแล้ว คราวนี้พวกมันมีมากกว่าเก่า แถมยังถืออาวุธครบมือและเตรียมบุกเข้าหาคณะเดินทางอีกต่างหาก
“โห ดูเหมือนพวกมันจะตั้งกำลังรอเราเลยนะเนี่ย” นรสิงห์พูดขึ้นพลางชักดาบออกมา
“เช้ากลัวกระนั่นหรือ ข้ามีอาคม พวกมันฟันข้ามิเข้าดอก” คาวีพูดขึ้น จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปโจมตีพวกมันไปในทันที ในขณะที่คนอื่นๆก็เข้าตะลุมบอนกับมันไปด้วย คาวีและนรสิงห์วิ่งเข้าไปฟันพวกมันจนโล่แตก พวกมันพยายามจะฟันคืนแต่ก็ไม่ระคายผิวพวกเขาเลย ทองอินทร์ในตอนนั้นก็ก็วิ่งเข้าไปและใช้ดาบคู่ฟาดฟันพวกมัน มันตัวหนึ่งจะใช้หอกแทงทองอินทร์ แต่หอกนั้นทำอันตรายกับเขาไม่ได้ ทองอินทร์เลยจับหอกมันและตัดหัวมันในทันที
“ท่านพี่ พวกมันมีกันเป็นร้อยเลย!!” กุมารเทพพูดขึ้นในขณะที่ลอยตัวหลบดาบของมันและซัดอาคมใส่มัน
“ข้ารู้ ดูเหมือนพวกมันจักขวางทางเรามิให้ไปอโยธยา” ทองอินทร์พูดขึ้น
“เช่นนั้นเราคงต้องฝ่ามันไปให้ได้” วารีพูดขึ้นจากนั้นก็สู้กับพวกมันต่อ เขาใช้ดาบคาตะนะตัดหอกของมันจนกระเด็น
“ไอ้พวกนี้มันมาจากที่ใดกันแน่??” เมรีถามในขณะที่ยิงธนูสกัดพวกมันไว้
“ข้าไม่รู้ แต่รีบไปคุ้มกันเกวียนของเราบัดเดี๋ยวนี้เลย!!” นาราพูดขึ้นในขณะที่เห็นพวกมันกำลังวิ่งไปที่เกวียน ในขณะที่คนอื่นๆก็คอยยิงสกัดพวกมันไม่ให้เข้ามาใกล้
“อย่าให้มันทำลายเกวียนได้!!” เอื้องเหนือพูดขึ้น
“พูดเหมือนกับง่ายราวปอกกล้วยกระนั้น!!” เวียงพิงค์ตอบกลับไป จากนั้นก็ยิงหน้าไม้ใส่พวกมัน ในขณะที่เอื้องเหนือพยายามใช้หอกไล่มันไป
“นี่ เจ้าทำแค่นั้นมิได้ดอก” ธิดาพูดขึ้น ในขณะที่ชิงเสียนก็ช่วยยิงสกัดพวกมันเอาไว้ไม่ให้พวกมันมาใกล้ขบวน
“มัวแต่ตะลึงงัน ระวังจะโดนพวกมันเล่นงานนะ” ชิงเสียนพูดขึ้น
“พวกมันจะเยอะไปไหนเนี่ย??” อเล็กซพยายามยิงพวกหมาล่าเนื้อที่เข้ามาใกล้อย่างบ้าคลั่ง
“อ้ายพวกระยำเอ้ย มาเลย!!” อองโม่โยพูดขึ้น จากนั้นก็ใช้โล่กระแทกใส่พวกมันและฟาดฟันพวกมันในทันที
“ระวังด้วย พวกมันอาจจะล่อให้เราแตกขบวน แล้วเล่นงานพวกเราก็ได้” ออเรเลียพูดขึ้น จากนั้นก็ซัดหอกใส่มันตัวหนึ่งจนกระเด็นไป
“กระสุนดินดำของพวกเจ้าเหลือไม่มากแล้วนะ!!” สมบาติพูดขึ้น จากนั้นก็ยื่นปืนให้กับมาร์คัส
“เห็นทีคงต้องชักอาวุธออกมาแล้วหล่ะ” มาร์คัสพูดขึ้น จากนั้นก็ชักขวานสั้นของตัวเองออกมาเพื่อเตรียมพร้อม
“แม็กซิม รีปเปอร์ ไปคุ้มกันด้านขวา เร็ว!!” เทเรซ่าตะโกนออกไปในขณะที่กำลังฟันโล่มันจนแตก
“รีปเปอร์ ทางนั้น เร็ว!!” แม็กซิมตะโกนออกไป จากนั้นรีปเปอร์ก็วิ่งไปทางอนาเลีย พยายามสกัดพวกมันเอาไว้ในขณะที่อนาเลียกำลังใช้มนต์ปกป้องพื้นที่อยู่
“ระวังด้วย ข้าได้กลิ่นปีศาจที่ร้ายกาจกว่าเดิม” อนาเลียพูดขึ้น
“ให้มันมาเถิด ข้าไม่กลัวมันหรอก” รีปเปอร์พูดขึ้น แต่ในตอนนั้นมันตัวหนึ่งจะเอาหอกแทงรีปเปอร์จากด้านหลัง แต่ทูตเบลล์ก็ช่วยเอาไว้โดยการปล่อยมนต์ไปสะกดมัน
“พรึ่บ!!”
“ระวังด้วยสิท่าน!!” ทูตเบลล์พูดขึ้น
“ไหนกัน ปีศาจที่ท่านว่าหล่ะ??” วาทินถามในขณะที่ฟันหัวมันตัวหนึ่ง แต่ทันใดนั้นเอง
“ตึ่งๆๆๆ”
เสียงย้ำเท้าดังสนั่น ซึ่งพวกเขาไม่รู้ว่าเป็นเสียงย้ำเท้าของใคร รู้เพียงแต่มันต้องมิใช่มนุษย์ธรรมดาเป็นแน่ ในตอนนั้นพวกเขาก็แทบจะหยุดนิ่งไปเลย
“พวกเจ้าทุกคน นิ่งไว้ ข้าว่ามันมาแล้ว!!” หลี่เจาพูดขึ้นพลางกำทวนของเขาไว้แน่น
“เสียงนั่น มิใช่ปีศาจปลายแถวแน่ๆ” อิริยะพูดขึ้นในขณะที่เตรียมมีดบินของเธอ
“นั่นมันเสียงอันใดกันแน่??” แสนคำสมิงถามอย่างสงสัย
“ข้าไม่รู้ แต่เตรียมตัวไว้เถิด!!” มาเรียน่าพูดขึ้นพลางเล็งปืนยาวของเธอไปยังต้นทางของเสียง และในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีอะไรวิ่งพุ่งตรงเข้ามาใส่วาทิน แต่วาทินก็หลบได้เสียก่อน จากนั้นมันก็ใช้โล่ตีอองโม่โยที่อยู่ตรงนั้นจนกระเด็น ดีที่อองโม่โยใช้โล่กันไว้ได้ก่อน อเล็กซและคนอื่นๆพยายามยิงไล่ จนมันถอยออกไป และมันก็เอาโล่เหล็กกันกระสุนไว้ แล้วก็คำรามออกมาในทันที
“โฮก!!”
ร่างกายของมันสูงประมาณ 2 เมตร มีมือ แขน ขาเหมือนมนุษย์ แต่หนังของมันเป็นสีน้ำตาลเข้ม พร้อมใบหน้าคล้ายเสือโคร่ง ถือโล่เหล็ก ขวานและใส่ชุดเกราะเหล็กดูน่าเกรงขาม ทำเอาทุกคนที่เห็นถึงกับตกใจกันหมด
“นั่นมันตัวอะไรกันหน่ะ??” ทองอินทร์ถามในขณะที่กำดาบไว้แน่น
“ปีศาจเสือโคร่ง มันเป็นลูกเสี้ยว ใบหน้าเป็นเสือโคร่ง ร่างกายเป็นหมูป่า” กุมารเทพพูดขึ้น
“นี่ใช่หรือเปล่าปีศาจที่ท่านว่า??” วาทินถามอนาเลียไป เธอก็ได้แต่พยักหน้า
“งั้นก็ลุยกับมันเลยสิ!!” ชิงเสียนพูดขึ้น จากนั้นเธอก็กระหน่ำยิงเข้าไปที่ปีศาจตัวนั้น แต่มันก็ใช้โล่กันไว้ได้ และพยายามวิ่งเข้าปะทะกับขบวนเกวียนนั่น
“เพล้ง!!”
แสนคำสมิงใช้ดาบใหญ่ของเขาต้านโล่ของมันเอาไว้ แต่มันก็ผลักแสนคำสมิงออกจนกระเด็นไปติดเกวียน ทำเอาคนอื่นๆต้องเข้าไปช่วยดูในทันที
“เป็นอะไรหรือเปล่าท่าน??” ธิดาถามไป
“พละกำลังมันมากเหลือเกิน มันต้องไม่ใช่ภูตผีธรรมดาเป็นแน่” แสนคำสมิงพูดขึ้น ในตอนนั้นนรสิงห์ก็กระโดดไปฟันมันในทันที แต่มันก็ใช้โล่กันไว้ได้ แล้วผลักนรสิงห์ออกไป มันจะใช้ขวานฟันนรสิงห์ แต่คาวีใช้ดาบยันเอาไว้
“พวกเจ้า ยิงใส่มันเลย!!” คาวีตะโกนออกไป จากนั้นเวียงพิงค์ก็ยิงหน้าไม้ใส่หัวของมัน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ระคายอะไรเลย
“บ้าเอ้ย ยิงมันแทบไม่เข้าเลย!!” เวียงพิงค์พูดขึ้นในขณะที่ยิงหน้าไม้ใส่มัน
“หนังมันหนาเกินไป ยิงไม่เข้าดอก!!” สมบาติตะโกนออกมา จากนั้นคนที่มีปืนก็ระดมยิงใส่มันในทันที มันถอยออกไปบ้างด้วยฤทธิ์ของกระสุนปืน แต่มันก็ตั้งโล่กันไว้ได้ทันท่วงที
“บ้าเอ้ย ยิงแทบไม่เข้าเลยไอ้บ้าตัวนี้” มาร์คัสพูดขึ้น
“ใช้กางเขนร่ายมนต์ใส่มันเลยสิ!!” อเล็กซพูดขึ้น
“มันมีโล่กันอยู่ ใช้ไม่ได้หรอก” มาเรียน่าพูดขึ้น จากนั้นมันก็ตั้งโล่และวิ่งเข้าปะทะต่อ มันวิ่งมาหลายจะทำลายเกวียนและคนอื่นๆ แต่ทูตเบลล์ก็พยายามร่ายคาถาเพื่อดันมันออกไป
“พรึ่บ!!”
ปีศาจตัวนั้นโดนเข้าไปก็ถึงกับตาบอดไปชั่วขณะ แต่มันก็ใช้โล่ฟาดทูตเบลล์จนกระเด็นไปทางอื่น คนอื่นๆพยายามจะรุมยำมัน แต่ด้วยแรงมหาศาลของมัน ทำเอามันสลัดทุกคนออกอย่างง่ายดาย
“บ้าเอ้ย พละกำลังมหาศาลจริงๆ” นาราพูดขึ้น
“ข้าว่า จัดการโล่ของมันก่อนเถิด มิเช่นนั้นอาวุธทำอันตรายมันมิได้แน่ๆ” เอื้องเหนือตะโกนบอกไป
“ข้าจักลองดู!!” วารีพูดขึ้น จากนั้นก็วิ่งล่อมัน ให้มันเอาโล่ฟาดเขา วารีกระโดดหลบไปหลบมา จนในตอนนั้นมันก็ทุบโล่จนติดลงดินไป มันจะเอาขึ้นมาแต่จงหลีก็ใช้ทวนกดโล่มันเอาไว้
“พวกเจ้า จัดการเลย!!” หลี่เจาตะโกนขึ้น และอิริยะก็ปักมีดเข้าที่สันคอของมัน เพื่อให้มันหยุดนิ่งไปชั่วคราว
“พวกเจ้า ตัดแขนของมันที่จับโล่ เร็ว!!” อิริยะพูดขึ้น นรสิงห์ไม่รอช้าวิ่งเข้าไปจากนั้นก็ฟันเข้าที่แขนของมันในทันที ซึ่งทำให้มันร้องโหยหวนไปทั่วป่า
“ตายซะไอ้สัตว์นรก!!” นรสิงห์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ตัดแขนของมันที่ถือโล่ไว้จนได้ แขนของมันตกพื้นไป จากนั้นมันก็ผลักทุกคนกระเด็นออก จากนั้นก็พยายามจะงอกแขนมันขึ้นมาใหม่ แต่อนาเลียใช้มนต์ของเธอเสกไปที่แขนที่กุดของมัน ทำให้แขนของมันงอกไม่ได้
“คิดจะงอกแขนเหรอ ฝันไปเถอะ!!” อนาเลียพูดขึ้น
“แม็กซิม รีปเปอร์ ตำแหน่งกางเขน ลุย!!” เทเรซ่าพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็ไปยืนอยู่ตรงจุดสามจุด จากนั้นก็ปักกางเขนลงพื้น จากนั้นก็ใช้ดาบรุมฟันมันในทันที แม็กซิมและรีปเปอร์ใช้ดาบฟันที่เอ็นข้อเท้าของมันจนล้มลง แต่มันก็ซัดขวานใส่ทั้งคู่จนกระเด็นออกไป
“บ้าเอ้ย ไม่เคยเจอปีศาจตัวไหนอึดขนาดนี้มาก่อนเลย” รีปเปอร์พูดขึ้น
“ตอนนี้มันล้มแล้ว พวกเจ้าจัดการเลย!!” แม็กซิมตะโกนออกไป
“ข้าจะเล่นงานที่ตาของมัน!!” เมรีพูดขึ้น จากนั้นก็ยิงธนูใส่ตาข้างหนึ่งของมัน มันร้องโหยหวนออกมา แต่ก็ยังล้มมันไม่ได้เลย
“มันมิยอมล้มเลย คงต้องใช้อาคมจัดการแล้วหล่ะ” อองโม่โยพูดขึ้น ในขณะที่คนอื่นๆพยายามจะล้อมและโค่นมัน แต่ดูเหมือนมันจะสู้สุดใจ
“มันไม่ยอมล้มง่ายๆเลย บ้าเอ้ย!!” ออเรเลียพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง กุมารเทพก็บอกให้ทองอินทร์ใช้อาคมของเขาในทันที
“พี่อินทร์ อาคมปราบมาร!!”
ทองอินทร์ได้ยินดังนั้นก็ร่ายบริกรรมคาถาใส่ดาบของเขา ในขณะที่คนอื่นๆพยายามต้อนมันให้ล้ม และเมื่อเขาเป่าคาถาใส่ลงไปในดาบคู่ จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปหามันในทันที
“ย้าก!!”
ทองอินทร์กระโดดและใช้ดาบคู่ปักเข้าไปที่หัวของมัน ทำเอามันถึงกับร้อยโหยหวนไม่เป็นภาษา ทองอินทร์ดึงดาบคู่ออกมาอีกครั้ง ในคราวนี้เขาใช้ดาบข้างขวาฟันเข้าไปที่หัวของสัตว์ร้ายนั่นในทันที จนทำให้หัวมันถึงกับหลุดออกมาจากบ่าและกระเด็นไป
“ตายซะไอ้ปีศาจ!!” ทองอินทร์ตะโกนออกไป และในตอนนั้น หน้าของเสือร้ายตัวนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นหน้าของมนุษย์ผู้หนึ่ง รวมถึงร่างกายในส่วนอื่นๆด้วย ทำเอาพวกเขาถึงกับตกใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“นี่ มันเป็นมนุษย์งั้นหรือ??” คาวีถามอย่างสงสัย
“นี่มันเกิดอันใดขึ้นเนี่ย ท่านกุมาร??” วารีถามอย่างสงสัย
“พวกปีศาจใช้ร่างของท่านผู้นี้หน่ะ” กุมารเทพพูดขึ้น
“ดูเหมือนพวกมันเริ่มจะเดินหมากเข้าใกล้พวกเราแล้ว” หลี่เจาพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง อองโม่โยก็เข้าไปดูหน้าของชายคนนั้นใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นคนที่เขารู้จัก เขาเข้าไปใกล้และพยายามจะลูบหน้าของเขาในทันที
“เกิดอันใดขึ้น เจ้ารู้จักเขาหรือ อองโม่โย??” วาทินถามไป
“นี่คือท่านนายกองฉับกุงโบ ท่านนายกองนำกำลังตีฝ่าพวกผีร้ายเพื่อไปขอกำลังจากอังวะ แต่ก็มิมีผู้ใดได้ข่าวคราวของเขาอีกเลย!!” อองโม่โยพูดขึ้น
“โห ดูราวจะเป็นบุพเพสันนิวาสจริงเชียว!!” เมรีพูดขึ้น
“พูดเรื่อยเจื้อยน่า แล้วนี่ เราจะทำอันใดกับเขาต่อหล่ะ??” ธิดาถามไป
“เขาเป็นขุนทหาร ควรส่งเขาไปที่ชอบๆ” นรสิงห์พูดขึ้น
“ข้าเห็นด้วย ถึงอย่างไรก็ควรให้เกรียติเขา รีบฝังเขาเถิด” แสนคำสมิงพูดเสริม
“ข้าแนะนำให้เผาร่างของเขา เพื่อมิให้พวกปีศาจเอาร่างไปใช้” อนาเลียพูดขึ้น
“แต่ว่าแถวนี้มิมีฟืนฟางเลย เราจักหาจากที่ใด??” เวียงพิงค์ถามไป
“ข้าว่า ลองใช้หอกของพวกมันตั้งเป็นที่วางเตี้ย แลวางศพเขาเถิด” เอื้องเหนือพูดขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นก็จัดการเลย” สมบาติพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ไปรวบรวมหอกของเหล่าปีศาจมาในทันที ได้มานับร้อยอัน จากนั้นก็วางเรียงกันไว้ในทันที และอองโม่โยก็นำร่างของนายกองฉับกุงโบมาวางไว้ด้วย
“นี่ มาเรียน่า เจ้ามีน้ำมันดินหรือเปล่า??” ชิงเสียนถามไป
“ข้ามีอยู่ เอาไป!!” มาเรียน่าพูดขึ้น จากนั้นก็ยื่นไหน้ำมันดินให้คนอื่นๆไป แต่ตอนนั้นอองโม่โยก็หยิบมันมาและราดลงไปบนตัวของนายกองฉับกุงโบในทันที
“จะทำศพให้พวกอังวะงั้นหรือ??” นาราแอบถามอย่างสงสัย
“ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนเหมือนกับเรานี่หล่ะ เจ้าอย่าคิดมากเลย” มาร์คัสบอกกับนาราไป
“เราขอส่งวิญญาณของเขา ไปสู่หัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า!!” เทเรซ่าหยิบไม้กางเขนของเธอออกมาแล้วภาวนาเอา
“ขอพระเจ้ารับวิญญาณของเขาไป!!” แม็กซิมและรีปเปอร์พูดไปพร้อมกัน
“ท่านควรจะเป็นผู้ที่จุดเปลวเพลิงนี่นะ!!” ออเรเลียพูดกับอองโม่โย จากนั้นเขาก็จุดไฟเผาศพของนายกองฉับกุงโบไปในทันที
“ข้าพระเจ้าคุ้มครองเขาบนดินแดนแห่งสวรรค์!!” อเล็กซพูดพลางจูบกางเขนของเธอ
“เอาหล่ะ ข้าว่าเดินทางกันต่อเถิด ใกล้ถึงกรุงอโยธยาแล้ว” อิริยะบอกกับทุกคนไป
“ใช่ นี่ก็ใกล้จะย่ำค่ำแล้ว เดินทางกันต่อเถิด” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินทางกันต่อเพื่อไปยังพระนครศรีอโยธยาในทันที
ไม่กี่ชั่วยามถัดมา ช่วงใกล้จะค่ำแล้ว อาทิตย์ในตอนนั้นกำลังจะลาลับขอบฟ้า ขบวนเดินทางในตอนนั้นก็มาพบกับกำแพงสูงใหญ่ตระการตา แต่สภาพภายในตอนนั้นพวกเขายังไม่เห็นว่ามันเป็นยังไง ทองอินทร์เห็นดังนั้นก็รู้เลยว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใด เขาเลยบอกกับทุกคนให้รู้ในทันที
“ทุกคน เรามาถึงแล้ว อโยธยาศรีรามเทพนคร!!” ทองอินทร์ตะโกนขึ้นมา และทุกคนในตอนนั้นก็ดูตื่นเต้นมาก
“ข้ายังไม่เคยมาเหยียบกรุงศรีเลย เขาร่ำลือกันว่าสวยงามตระการตายิ่งนัก” แสนคำสมิงพูดขึ้น
“ยิ่งเข้ามาใกล้เขตเมือง ข้าก็สัมผัสได้ถึงพลังแห่งความมืดเลย” กุมารเทพพูดขึ้น
“ข้าไม่รู้ว่าในเมืองมีปีศาจมากน้อยเพียงใด แต่ก็ระวังไว้เถิด” หลี่เจาพูดขึ้น
“แต่ว่า อโยธยากว้างใหญ่เช่นนี้ จักหาบ้านพระยาพลเทพได้เยี่ยงไรเล่า??” คาวีถามอย่างสงสัย
“ท่านสมบาติ ท่านก็เคยอยู่อโยธยา ท่านน่าจะรู้นี่??” ธิดาหันไปถามสมบาติ
“นี่น่าจักเป็นประตูด้านใต้ โรงตีเหล็กกับบ้านพระยาพลเทพมิน่าจะอยู่ไกลกันนัก” สมบาติพูดขึ้น
“ถ้าเช่นนั้น เราจักแบ่งกำลังกำไปกระนั้นหรือ??” วารีถามไป
“ข้าว่ามิจำเป็น ไปถึงที่ใดก่อน ก็ไปที่นั่นเถิด” นาราพูดขึ้น
“ข้าว่า พวกผีร้ายมันอาจจะรอเราอยู่แล้ว” เวียงพิงค์พูดขึ้น
“ข้าเห็นพ้องเจ้า ข้าว่าเราต้องระวังตนให้จงหนัก” เอื้องเหนือพูดเสริมไป
“ข้ามิกลัวพวกมันดอก ให้พวกมันมาเถิด!!” เมรีพูดขึ้น
“เจ้านี่ห้าวหาญดีนี่แม่หญิง นับถือจริงๆ” อิริยะบอกกับเมรีไป
“คืนนี้ข้าจะช่วยคุ้มกันพวกเจ้าเอง ข้าทรงพลังที่สุดในยามค่ำคืน” อนาเลียพูดขึ้น
“นี่ ข้ายังไม่ไว้ใจเจ้าไปทั้งหมดหรอกนะ เจ้าอย่าคิดร้ายกับพวกเราหล่ะ” เทเรซ่าบอกกับเธอไป
“เฮ้อ จะไม่บาดหมางกันซักวันนี่จะเป็นกระไร??” ชิงเสียนถามอย่างหัวเสีย
“นางเป็นแม่มด เป็นธรรมดาที่นางจะ…” อเล็กซพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง
“เป็นแม่มดแล้วอย่างไรเล่า มิใช่พวกมันก็แล้วไป” วาทินพูดขึ้นพลางกอดอก
“เอาเป็นว่า พวกเจ้าหยุดความบาดหมางไว้ตรงนี้เถิด ถือว่าข้าขอ!!” นรสิงห์ถึงกับต้องมาห้ามศึกเอง
“ในเมืองนั่น ข้าว่าบ้านพระยาพลเทพน่าจะอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ จากนั้นเราก็จะไปโรงตีเหล็กต่อ” มาเรียน่าพูดขึ้น
“เฮ้อ หวังว่าในเมืองจะมีดินปืนเหลืออยู่นะ” ออเรเลียพูดขึ้น
“ตอนกลางคืนข้าอาจจะทำอะไรไม่ได้มากนะ เพราะข้าไม่ได้มีพลังมากในช่วงกลางคืนหน่ะ” ทูตเบลล์พูดขึ้น
“เอาเถิด ถ้าเช่นนั้นข้าจักช่วยคุ้มกันเจ้าเอง” แม็กซิมพูดขึ้น
“หวังว่าจะมีโรงแรมดีๆไว้ให้เรานอนหน่อยนะ” รีปเปอร์พูดขึ้น
“ข้าว่า พวกเจ้าคงไม่ได้นอนกันหรอกคืนนี้ พวกมันคงมีไม่ต่ำกว่าร้อย” มาร์คัสพูดขึ้น
“แต่ข้าว่าเรารีบเข้าเมืองกันเถิด ในเมืองน่าจักปลอดภัยกว่านอกเมืองโขอยู๋” อองโม่โยพูดขึ้น จากนั้นไม่นานนัก พวกเขาก็เดินหน้าเข้าสู่กรุงอโยธยาในทันทีเพื่อไปยังบ้านของพระยาพลเทพ และสืบหาต้นตอของสาเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด ว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่
===============================================================
อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้านะครัช
จะบอกว่า ตัวละครลุงคง กับสี่ตัวละครที่เหลือ จะออกมาตอนหน้านะครับ อย่าว่ากันเน้อ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย!!
ความคิดเห็น