คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 9 : ตีค่ายปิ่นทอง
คณะเดินทางของทองอินทร์เดินผ่านลพบุรี และนครสวรรค์มาอย่างรวดเร็ว โดยไร้การต่อต้านจากกองกำลังปีศาจตามรายทาง พวกเขาเดินทางกันอย่างรวดเร็วและสะดวก ราวกับเทพยดากำลังอวยพรให้กับพวกเขาอยู่
“พวกปีศาจมันไปมุดหัวที่ไหนกันเล่า??” คาวีถามอย่างสงสัย
“ข้าว่า พวกมันคงกำลังรวมพลที่พิษณุโลกเป็นแน่” วารีตอบไป
“พ่อกุมาร ท่านว่ากำลังของพวกมันมีเท่าใดกัน??” ทองอินทร์ถามไป
“ข้าว่า ต้องมีนับพันเป็นแน่” กุมารเทพตอบไป
“แต่ช่างเถิด เราได้วิชาจากพวกเทพแล้วนี่” เมรีพูดไป
“ข้ารู้สึกเหมือนข้ามีพละกำลังเพิ่มขึ้นแหะ” วาทินพูดอย่างยิ้มเยาะ
“อย่าผยองไปท่าน พวกปีศาจอาจมีกำลังมากกว่า” เวียงพิงค์พูดขึ้น
“ใช่ แล้วข้าสัมผัสได้ถึงพลังมืดที่กำลังคลืบคลานเข้ามา” อนาเลียพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง อนาเลียก็ได้ยินเสียงประหลาดๆอีกแล้ว
“ซิลลินเรีย เจ้าได้พลังมากขึ้นแล้ว ไอปีศาจจะช่วยให้เจ้าชนะ...”
“อนาเลีย เจ้าเป็นอะไรอีกแล้วเนี่ย??” เทเรซ่าที่สังเกตเธอถามไป
“เอาเถิดๆๆ อย่าไปชวนนางทะเลาะเลย” แม็กซิมพูดปรามไป
“ข้าว่า พวกมันอาจต้องส่งระดับหัวหน้ามาต่อกรกับเราเป็นแน่” นรสิงห์พูดขึ้น
“แต่ข้าเห็นต่าง ข้าว่าพวกมันต้องรอเราที่พิษณุโลกเป็นแน่” แสนคำสมิงพูดขึ้น
“ข้าเห็นพ้องด้วย พิษณุโลกชัยภูมิเป็นต่อ แถมมีป้อมค่ายมากมาย” เอื้องเหนือพูดขึ้น
“ถ้าต้องสู้กับพวกมันเป้นพัน น่าจะลำบากอยู่นะ” รีปเปอร์พูดขึ้น
“เราไม่กลัวหรอก เรามีวิชาเทพเจ้าแล้วนี่” อองโม่โยพูดขึ้น
“นั่นสิ ถึงอย่างไรเราก็ชนะมันได้เป็นแน่” ออเรเลียพูดเสริม
“ได้ยินว่ากระสุนนี่ยิงได้มิมีวันหมด แถมยังไม่ต้องใช้ดินปืนอีก” มาร์คัสพูดขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องแบกดินปืนให้เหนื่อยแล้วสิพี่” อเล็กซพูดไป
“คอยดูเถิด ข้าจะยิงพวกมันไม่ยั้งเลย” ชิงเสียนพูดไป
“มายะ เธอว่า ถ้าไปถึงพิษณุโลกเราจะเจออะไร??” ฉางหลงถามอย่างสงสัย
“ข้าก็ไม่รู้ แต่เอาเถิด ถึงอย่างไรข้าก็ไม่หวั่นหรอก” มายะพูดขึ้น
“ถึงเราจะอิ่มทิพย์ แต่ข้าอยากกินไก่ป่าซักตัวจัง” โชพูดขึ้น
“ข้าเองก็อยากจะกินปลาย่างเช่นกัน แต่ตั้งเดินทางมากับพวกเจ้า ข้าไม่รู้สึกหิวโหยเลย” ฮิเดกิพูดไป
“ทุกคน ข้าดูฤกษ์ให้พวกเจ้า หากพวกเจ้าจะเดินทางไปพิษณุโลก พวกเจ้าต้องไปถึงในวันรุ่งพรุ่งนี้” สมบาติพูดไป
“หือ ข้าเคยไปที่พิษณุโลก แต่เราเพิ่งจะเข้านครสวรรค์ไม่นานเอง คงจักต้องใช้เพลาอีกราว 2 วันนะ” ซื่ออ้ายพูดไป
“แต่เท่าที่ดู พวกเราก็เดินทางกันเร็วปานลับนิ้วมือแล้วนี่” ไวโอเล็ตพูดขึ้น
“เป็นเพราะเหล่าเทพบนสวรรค์กำลังช่วยให้พวกเจ้าเดินทางกันเร็วยังไงหล่ะ” หลี่เจาพูดขึ้น
“ก็ขอให้พระเจ้าประทานพรให้เราแบบนี้ตลอดเถอะ” เชอร์รี่พูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วงหรอก เจ้าก็ได้เห็นกับตาเจ้าแล้วนี่” อิริยะพูดไป
“อืม ศาสตร์ของชาวตะวันออกนี่น่าสนใจแหะ” มาเรียน่าพูดและอ่านคัมภีร์ที่เธอเพิ่งจะได้มา
“อ่ะก๊ะๆๆๆ เมรัยของพี่!!” ลุงคงตะโกนละร้องรำทำเพลงไปด้วย
“แหม่ ได้ของเล่นใหม่นี่ดีใจเลยนะลุง” ธิดาตะโกนบอกไป
“ข้าว่า พวกเราควรจะเร่งเดินทางกันเถิด” ทูตเบลล์พูดขึ้น แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทาง จู่ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินโซซัดโซเซเดินมาทางเขา จากนั้นอยู่ดีๆก็มาล้มต่อหน้าพวกเขา
“พี่อินทร์ ดูนั่นสิ รีบไปช่วยนางเถอะ!!” นาราตะโกนออกมา ทองอินทร์จึงรีบไปดูผู้หญิงคนนั้นในทันที แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ทองอินทร์ก็ได้กลิ่นแปลกๆเมื่อเข้าไปใกล้เธอ
“หือ ทำไมกลิ่นแรงจัง แม่หญิง??”
แต่จู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็กระโจนเข้าใส่ทองอินทร์ แต่ทองอินทร์ก็ถีบเธอออกไปได้ จากนั้นคนอื่นๆก็มาช่วยทองอินทร์ในทันที
“นี่ เจ้าเป็นใครกันแน่??” นาราตะโกนถามไป และในตอนนั้นเอง หญิงสาวคนนั้นก็กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดน่าเกลียดน่ากลัว เล็บยาว และท้องใหญ่ เธอกรีดร้องออกมา เสียงร้องของเธอดูน่าสะพรึงกลัว
“ท่านพี่ นังนี่มันมีพลังกล้าแกร่งมาก!!” กุมารเทพพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ก็ปรากฏร่างของชายคนหนึ่งใส่ชุดคลุมดำเดินมาข้างๆกับปีศาจสาวตัวนั้น
“ท่านเดอเวส การที่ได้เสพสังวาสกับท่าน ทำให้พลังของข้ากล้าแกร่งยิ่งนัก!!”
“อย่าปากดีไป ข้าต้องสะสมไอปีศาจอีกมากก็เพราะเจ้า” เดอเวสพูดไป
“นี่ พวกเจ้าเป็นใครกันแน่??” ทองอินทร์ถามไป
“ข้าชื่อเดอเวส ข้าเป็นทูตแห่งกาลกิณี วันนี้คือวันตายของพวกเจ้า” เดอเวสพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ปีศาจสาวตัวนั้นก็เกิดไปพบกับหน้าของเอื้องเหนือเข้าโดยบังเอิญ ทำเอาเธอถึงกับกริ๊ดลั่นออกมา
“กริ๊ด นังเอื้องเหนือ ฉันจะฆ่าแก!!”
ปีศาจตัวนั้นไม่รอช้า วิ่งกระโจนเข้าใส่กลุ่มของทองอินทร์ในทันทีเดอเวสที่เห็นเธอกระโจนเข้าใส่ก็ถึงกับส่ายหน้า แล้วก็บุกเข้าไปโจมตีพวกของทองอินทร์ด้วย
พวกเขาประมือกันไปกันมา บางส่วนพยายามจะป้องกันปีศาจสาวตัวนั้น บางส่วนก็ต่อสู้กับเดอเวส ปีศาจสาวตัวนั้นโจมตีกลุ่มของทองอินทร์อย่างต่อเนื่อง ปีศาจสาวตัวนั้นพยายามจะเล่นงานแต่เอื้องเหนือ ราวกับว่าปีศาจตัวนั้นรู้จักกับเอื้องเหนือมาก่อน
“เอื้องเหนือ เจ้าหลบอยู่หลังข้าก่อน!!” แสนคำสมิงพูดขึ้น จากนั้นก็ฟันเข้าที่เล็บของปีศาจสาวตัวนั้น แต่เล็บของเธอก็ยังงอกมาใหม่ได้เรื่อยๆ
“ลองวิชาของกูหน่อย!!” นรสิงห์ใช้วิชาดาบของเขาฟันไปที่แขนของเธอ จนเธอกระเด็นไป แต่เธอก็เหวี่ยงเล็บออกไปจนนรสิงห์กระเด็นออก
“กินลูกปืนซะ!!” อเล็กซชักปืนสั้นของเธอออกมากระหน่ำยิงใส่ปีศาจสาวตัวนั้น ด้วยวิชาใหม่ของอเล็กซทำให้ยิงปีศาจตัวนั้นไปได้
“กริ๊ด!!” ปีศาจตัวนั้นกรีดร้องออกมา ทำเอาอเล็กซแทบจะหูแตกไปเลย
“บ้าเอ้ย เสียงร้องของนางน่าสะพรึงมาก!!” อองโม่โยพูดขึ้น จากนั้นก็ใช้วิชาโล่ของเขากันการโจมตีของเธอและผลักเธอออกไป
“เอาทวนไปกินซะ!!” ออเรเลียขี่ม้าและเหวี่ยงทวนและแทงมันจนกระเด็นไป
“กริ๊ด ใครที่ช่วยนังเอื้องเหนือ ฆ่าจะฆ่ามัน!!” ปีศาจสาวตัวนั้นตะโกนต่อ ทำเอาลุงคงวิ่งเข้าไปต่อยเธอ จับเล็บและเหวี่ยงเธอออกไปในทันที
“ตุ๊บ!!”
“อ่ะก๊ะๆๆๆๆ” แต่ในตอนนั้นเอง ปีศาจสาวตัวนั้นก็ยืดเล็บของมันโจมตีลุงคง แต่ในตอนนั้น คาวีก็ใช้วิชาดาบของเขาฟันเล็บของนางจนหลุดเกือบจะหมดนิ้ว
“ลุง รีบหนีเร็ว!!” คาวีตะโกนออกมา แต่ปีศาจสาวตัวนั้นก็วิ่งพุ่งชนพวกเขาทั้งคู่จนกระเด็นออกไป
“กินหน้าไม้หน่อยยัยบ้า!!” เวียงพิงค์ยิงหน้าไม้ของเธอใส่มัน ทำเอาปีศาจตัวนั้นถึงกับถอยออก
“เป็นไง อยากลองอีกหรือเปล่า แกตายแน่!!” เมรีชักธนูของเธอมาร่ายมนต์และยิงใส่มัน แต่มันก็กรีดร้องอีกครั้งและเหวี่ยงเล็บของเธอไปมาจนพวกเขาต้องหาที่หลบ
“เอาปืนใหญ่ไปกินซะ!!” มาเรียน่าพูดขึ้น จากนั้นก็จุดปืนใหญ่มือยิงถล่มปีศาจตัวนั้นไป
“มันกำลังจะล้มแล้ว!!” ธิดาตะโกนออกมา แต่ในตอนนั้น มันก็พยายามส่งเสียงกรีดร้องออกมาอีกครั้ง คราวนี้ทำเอาคนอื่นๆถึงกับต้องถอยออกมาเลยทีเดียว
“บ้าเอ้ย อยากโดนใช่ไหม??” ซื่ออ้ายตะโกนออกมา จากนั้นก็ซัดเข็มพิษของเธอใส่ปีศาจตัวนั้น แต่คราวนี้พิษของเธอได้ผลเกินคาด มันพยายามจะฝืนตัวและยื่นเล็บโจมตีคนอื่นๆ แต่พวกเขาก็หลบได้อย่างทันท่วงที
“เราต้องรีบหยุดนาง มิเช่นนั้นเราตายแน่” ไวโอเล็ตตะโกนออกมา และในตอนนั้น จู่ๆมันก็จะพุ่งชนพวกเขาอีกรอบ แต่คราวนี้วารีได้ใช้วิชาดาบของเขาปาดเข้าไปที่พุงของเธอ ทำเอาเธอถึงกับต้องกุมท้องของเธอเอาไว้
“กริ๊ด!!”
“เป็นไงบ้างหล่ะไอ้ระยำเอ้ย??” วารีตะโกนออกไป ในขณะที่ปีศาจสาวตัวนั้นก็ร้องโหยหวน
และอีกด้านหนึ่ง คนอื่นๆที่กำลังประมือกับเดอเวส พวกเขาฟาดฟันดาบกับเดอเวสอย่างต่อเนื่อง แต่ฝีมือของเดอเวสค่อนข้างเหนือชั้น
“โห ไอ้บ้านี่มันมีฝีมือจริงๆ” สมบาติพูดไป
“คิดว่าฉันจะกลัวแกเหรอ??” มายะชักดาบออกมาแล้วประมือกับเดอเวส แต่เดอเวสก็ผลักเธอออกไปได้
“พวกเจ้านี่เก่งกว่าที่คาดเสียอีก!!” เดอเวสพูดขึ้น จากนั้นก็พยายามจะฟันมายะ แต่โชฟันดาบของเขาออก และเตะเข้าที่ชายโครงของเขาจนกระเด็น
“มีดีแค่นี้เองเหรอ??” โชตะโกนออกไป จากนั้นฉางหลงก็ทั้งเตะทั้งต่อยเขาอย่างต่อเนื่อง แต่เดอเวสขืนไว้และถีบเขากระเด็นออก แต่ด้วยฤทธิ์หมัดของฉางหลงจึงทำให้เดอเวสถึงกับจุกได้
“เฮ้อ ไปไงบ้างหล่ะไอ้ปีศาจ??” ฉางหลงตะโกนไป
“ลุยหล่ะนะ!!” เชอร์รี่พูดขึ้นจากนั้นก็จ้วงดาบใส่เขา แต่เดอเวสกันไว้ได้และเตะเธอออกไป
“ข้าลุยเอง!!” ฮิเดกิตะโกนออกมา จากนั้นก็จู่โจมเดอเวสอย่างต่อเนื่อง ฮิเดกิจะฟันอีกรอบแต่เดอเวสหลบได้และต่อยเข้าที่ชายโครงของฮิเดกิจนกระเด็น
“โห พลังของมันมหาศาลยิ่งนัก!!” มาร์คัสตะโกนออกมา
“มันได้รับพลังจากปีศาจพันปีหน่ะท่าน!!” กุมารเทพพูดขึ้น มาร์คัสตอนนั้นก็ยิงมันต่อ กระสุนคดของมาร์คัสโดนมันที่กลางหลังจังๆ
“กระสุนวิเศษแท้ๆ แบบนี้ต้องเอาอีก!!” ชิงเสียนตะโกนออกมา แต่เดอเวสใช้มีดพกของเขาขว้างใส่ชิงเสียน แต่ชิงเสียนหลบได้ทัน จากนั้นหลี่เจาและอิริยะก็จัดการรุมเดอเวสจนเกือบต้องถอย ทำเอาเดอเวสถึงกับต้องมาตั้งหลัก
“เฮ้อ คิดว่าเก่งงั้นเหรอพวกเทพเจ้าเอ้ย??” เดอเวสถามไป
“นั่นแค่การเตือน ถ้าเจ้าอยากลองก็เข้ามา!!” หลี่เจาพูดขึ้น จากนั้นก็เหวี่ยงทวนใส่เดอเวส เดอเวสกลิ้งหลบและเตะหลี่เจาไป
“ท่านหลี่เจา!!” อิริยะพูดและขว้างห่วงวิเศษใส่เขา เดอเวสยืนยันกับห่วงนั้น จากนั้นก็เหวี่ยงมันทิ้งในทันที และในตอนนั้นเทเรซ่าและสองเทมพลาร์ก็บุกโจมตีใส่เดอเวส พวกเขาปักดาบลงพื้นเป็นดาบลงพื้นจนกลายเป็นดาบไฟและฟาดฟันกับเดอเวส แต่ในตอนนั้นเอง เดอเวสก็หลบดาบของเทเรซ่าแล้วสวนกลับไป
“ฉึก!!”
“อ๊ากกก!!”
เทเรซ่าล้มลงไปในทันที ทำเอาคนอื่นๆต้องรีบมาดูเทเรซ่าในทันที บางส่วนก็ไปจัดการกับเดอเวส
“เทเรซ่า ทำใจดีๆไว้นะ!!” แม็กซิมพูดขึ้น และในตอนนั้นวาทินก็วิ่งเข้าไปลุยกับเดอเวสอย่างรวดเร็ว เขาใช้วิชาเท้าไว้หลบหลีกไปมาทำให้เดอเวสถึงกับงุนงง จากนั้นก็ค่อยๆจัดการเดอเวสไป แต่เดอเวสหาจังหวะของวาทินได้และถีบเขาออกไป
“ตุ๊บ!!”
“เฮ้อ ใช้ได้นี่หว่า!!” วาทินพูดและปัดฝุ่นที่เสื้อของเขา จากนั้นนาราและทองอินทร์ก็โจมตีเดอเวสอย่างหนัก พวกเขาผลัดกันรุกผลัดกันรับไปมา แต่เดอเวสก็โดนทองอินทร์ฟันเข้าที่หน้าของเขา ทำเอาเขาต้องถอยออกมา
“ยอมแพ้ซะไอ้ปีศาจ!!” นาราตะโกนออกมา
“ไม่มีทางเว้ย พวกแกเริ่มมีวรยุทธ์แก่กล้า แต่ข้าไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก!!” เดอเวสพูดขึ้น จากนั้นปีศาจสาวตัวนั้นก็เดินมาหาเดอเวสด้วยสภาพที่บาดเจ็บ เดอเวสเห็นว่าต้องไปตั้งหลักก่อน จึงใช้ระเบิดควันพรางตัว แล้วหายตัวไปในทันที
“ระยำเอ้ย ข้าอยากฟันหน้ามันอีกข้างยิ่งนัก!!” ทองอินทร์ตะโกนออกมา และในตอนนั้น คนอื่นๆก็รีปไปดูเทเรซ่าที่กำลังบาดเจ็บในทันที
“เทเรซ่า ใครก็ได้ช่วยหน่อย!!” รีปเปอร์ตะโกนออกมา
“ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ได้โปรดช่วย..อ๊าค...” เทเรซ่าพยายามสวดมนต์แต่เธอก็เจ็บหนักขึ้น ทำเอาอนาเลียต้องมาดูแผลของเธอ แล้วก็พบว่ามันเป็นไอปีศาจชนิดที่เธอรู้จัก
“อย่าสวดเด็ดขาด มันเป็นพิษที่ถูกสาป ยิ่งเจ้าสวดมนต์มากเท่าไหร่ ยิ่งตายเร็วเมื่อนั้น ช่วยปิดปากนางหน่อย นางจะเจ็บมาก ธิดา เอื้องเหนือ มาทางนี้!!” อนาเลียพูดขึ้น จากนั้นทุกคนก็ช่วยกันจับเทเรซ่าเอาไว้ อนาเลียในตอนนั้นก็รีบไปเอาหม้ออะไรบางอย่างมา จากนั้นก็ค่อยๆร่ายมนต์อะไรบางอย่าง และพยายามดูดเอาพิษในร่างกายของเทเรซ่าออกมาในทันที จากนั้นก็พยักหน้าให้ธิดากับเอื้องเหนือ ทั้งคู่ใช้ฝ่ามือคอยรักษาเทเรซ่า จนสุดท้ายแผลของเธอก็ปิดสนิท และเทรซ่าก็กลับมาเป็นปกติแล้ว
“อืม พิษชนิดนี้น่าสนใจ เก็บมันไว้หน่อยแล้วกัน ซิลลินเรีย!!” เสียงในหัวของอนาเลียพูดไป
“นางดีขึ้นแล้ว ที่เหลือก็แค่ต้มยาบำรุงให้นางดื่ม แค่นั้นพอ!!” เอื้องเหนือพูดขึ้น
“พวกมันเป็นผู้ใดกัน ข้าสงสัยไปหมดแล้ว??” ทูตเบลล์ถามอย่างสงสัย
“มันคงจะเป็นขุนพลปีศาจ ว่าแต่ ท่านอนาเลีย พิษนั่นมันคือพิษอะไรกัน??” ทองอินทร์ถามอย่างสงสัย
“มันเป็นพิษที่ผสมระหว่างไอปีศาจและไอพลังของเกรย์โอลด์วัน มันเป็นพิษที่ถูกออกแบบมาให้คนที่เป็นเกรย์โอลด์วันถอนมันได้เท่านั้น ข้าเคยเรียนรู้มนต์ของพวกเขาอยู่เลยพอจะถอนมันได้ ดูเหมือนว่าพวกมันจะเกณฑ์เอาพวกมันมาร่วมรบด้วย แต่เหตุไฉน ไอ้ปีศาจนั่นมันไม่ใช่เกรย์โอลด์วัน แต่มันใช้พิษแบบนี้ได้??” อนาเลียถามอย่างสงสัย
“เอาเถิด อย่างน้อยก็ได้รู้ที่มาที่ไปของพวกมัน” กุมารเทพพูดขึ้น
“เอื้องเหนือ ข้าถามเจ้าหน่อย ปีศาจตัวนั้น เหตุไฉนมันถึงรู้จักเจ้า??” เวียงพิงค์ถามอย่างสงสัย
“จะว่าไป ข้าก็คุ้นเคยกับนาง มันทำให้ข้านึกถึงตองสาว เพื่อนที่ข้าเคยรู้จักสมัยเด็ก นางเป็นลูกเจ้าเมือง แต่ไปก่อเรื่องจึงถูกต้องโทษหน่ะ” เอื้องเหนือพูดไป
“เหมือนข้าคุ้นว่านางจะถูกข้าลงดาบ เพราะนางไปก่อเรื่องให้ตระกูลใหญ่ในเชียงแสนแตกคอกัน ตอนนั้นเจ้าเมืองเชียงใหม่ไม่พอใจมากเลยตรอมใจตายหลังจากที่นางถูกประหาร” แสนคำสมิงพูดขึ้น
“แล้วเหตุไฉนนางถึงกลายมาเป็นปีศาจหล่ะ??” ธิดาถามอย่างสงสัย
“ข้าว่า คงจะเป็นที่แรงแค้นของนาง แรงอาฆาต เป็นอาวุธชั้นดีของความชั่วร้าย” คาวีพูดไป
“อีกอย่างนะ ข้าอยากจะรู้ว่าไอ้ปีศาจตัวนั้นเป็นใคร??” มาร์คัสถามอย่างสงสัย
“ข้าเองก็ไม่รู้ประวัติของมัน แต่ก็พอรู้เรื่องกาลกิณีทั้ง 6 ที่ถือกำเนิดมาบนโลก พวกมันทำงานรับใช้ความมืดมาหลายสมัยแล้ว” ทูตเบลล์พูดไป
“หะ นี่แปลว่าพวกเราต้องเจอกับมันอีก 6 ตัวงั้นเหรอ??” อเล็กซถามอย่างสงสัย
“แล้วไงหล่ะ วันนี้มันก็โดนจนน่วมไปเลย” ฉางหลงพูดขึ้น
“อย่าประมาท พวกมันอาจจะกำลังฝึกปรือฝีมือกันอยู่ก็ได้” มายะพูดขึ้น
“เราต้องเดินทางไปให้ถึงพิษณุโลกพรุ่งนี้ตอนย่ำรุ่งนะ” สมบาติพูดไป
“แต่ว่า เทเรซ่านางยังเดินไม่ไหวเลยนะ” แม็กซิมพูดขึ้น
“ไม่หรอก ข้ายังพอไหว ข้าไม่เป็นไรแล้ว” เทเรซ่าพูดขึ้นและหยิบดาบของเธอออกมา
“ถ้าเช่นนั้น ให้นางนอนพักที่เกวียน แล้วค่อยต้มยาให้นาง” ไวโอเล็ตพูดขึ้น
“ได้เลย ข้าจะคุ้มกันนางเอง” รีปเปอร์พูดขึ้น
“แต่ว่า พิษณุโลกก็อยู่ตั้งไกล ไม่รู้ว่าเราจักไปถึงทันหรือไม่” อองโม่โยพูดขึ้น
“มิต้องห่วง เหล่าเทพกำลังช่วยให้พวกเจ้าเดินทางเร็วกันอยู่” หลี่เจาพูดไป
“ต่อให้ไปถึง เราก็ต้องเจอกับกองทัพของพวกมันที่รออยู่” ออเรเลียพูดไป
“ถ้าคืนนี้เราไม่นอน เราก็น่าจะพอไปถึงทัน” โชพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง กุมารเทพก็จัดการร่ายมนต์อะไรบางอย่างให้กับคนในกลุ่มในทันที
“คืนนี้พวกท่านจักไม่หลับใหล ข้าช่วยร่ายมนต์ให้พวกท่านแล้ว!!” กุมารเทพพูดขึ้น
“เยี่ยม ถ้าเช่นนั้นเราก็เร่งฝีเท้ากันเลย!!” นรสิงห์พูดขึ้น
“ถ้าไม่หลับทั้งคืน พ่อกุมารช่วยร่ายมนต์ใส่เราทุกวันได้หรือไม่??” เมรีถามไป
“ไม่ได้หรอกท่าน ข้าใช้ได้แค่ไม่กี่ครั้ง” กุมารเทพตอบไป
“เอาเถิด แค่คืนนี้ก็น่าจักพอแล้ว” วารีตอบไป
“ข้าเองก็อยากรู้ว่าผู้ใดจักรอพวกเรา??” วาทินถามอย่างสงสัย
“ก็คงจะเป็นแค่พวกปีศาจชั้นต่ำหน่ะ” มาเรียน่าพูดขึ้น
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะยิงพวกมันให้ตายให้หมดเลย” ชิงเสียนพูดขึ้น
“อ่ะก๊ะๆๆๆ เมรัยที่รัก...” ลุงคงก็ยังตะโกนร้องรำทำเพลงและพูดไม่รู้เรื่องไป
“ถึงเมืองข้างหน้าก็ต้องหาเมรัยให้เขาด้วย” อิริยะพูดขึ้น
“เฮ้อ ข้าว่าข้าคอแข็งแล้วนะ ตาลุงนี่ยิ่งกว่าข้าอีก” เชอร์รี่พูดไป
“นั่นสิ ข้านี่ยังดื่มไม่ได้เท่ากับเขาเลย” ฮิเดกิตอบไป
“นี่ หน้าสิ่วหน้าขวานพวกท่านยังจะมาห่วงเรื่องนี้งั้นหรือ??” ซื่ออ้ายตะโกนถามไป
“เอาเถิดๆ เพลานี้เรารีบออกเดินทางกันต่อเถิด ก่อนจะเสียฤกษ์กันหมด” นาราพยายามเตือนสติทุกคนไป
“ออกเดินทางกันเลย ระวังให้ดีทุกฝีก้าวหล่ะ” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทางกันต่อในทันที
ณ เมืองพิษณุโลก กองกำลังปีศาจนับร้อยกำลังเตรียมการเสริมการป้องกันบนกำแพงเมือง พวกนั้นวางทั้งปืนใหญ่และปืนเล็กเพื่อรับมือพวกคณะเดินทาง อาชิซะได้รับคำสั่งให้คุมกองกำลังเพื่อป้องกันกำแพง และในตอนนั้น อาชิซะก็เรียกปีศาจตัวหนึ่งมาคุยกับเขาด้วย
“นายท่าน มีอันใดให้ข้ารับใช้??”
“ตอนนี้กองกำลังของพวกเจ้าพร้อมแค่ไหนกัน??” อาชิซะถามอย่างสงสัย
“เรามีกำลัง 300 กว่า และปืนใหญ่ตั้งบนกำแพงขอรับ!!”
“ไม่ พวกเจ้าต้องมีมากกว่านั้น” อาชิซะพูดขึ้น
“เหตุไฉนล่ะท่าน??”
“เพราะข้าเคยประมือกับพวกมัน ข้ารู้ว่าพวกมันมีฝีมือแค่ไหน” อาชิซะตอบไป
“หากเราอยากได้กำลังมากกว่านี้ คงต้องไปขอกำลังจากท่านปีศาจหมื่นปีขอรับ”
“แล้วพวกนั้นใช้คนไปทำอันใดกันหมดเล่า??” อาชิซะถามไป
“พวกนั้นใช้กำลังพลเพื่อปิดล้อมแดนสวรรค์ขอรับ!!”
“พวกมันหาได้รู้หรือ ว่าถ้าพิษณุโลกแตก พวกมันก็อาจเข้าถึงเราจากด้านหลัง” อาชิซะพูดขึ้น
“ข้าเองก็มิอาจทราบได้ขอรับ!!”
“เออนี่ แล้วเรื่องสถานที่ตั้งของเจดีย์เทพ พวกเจ้าพอรู้หรือยัง??” อาชิซะถามไป
“หุบเขาละแวกเมืองลำพูนขอรับ!!”
“ดี จับตาดูไว้ ข้าจะใช้มนต์ทำลายเจดีย์ ปลดปล่อยพวกพ้องของข้า” อาชิซะพูดไป และในตอนนั้นเอง อีกด้านหนึ่ง เฟยหลิงที่กำลังสอดแนมอยู่ไกลๆก็ถึงกับนึกอะไรออกในทันที
“เจ้านั่นหมายถึงเจดีย์ของท่านหลี่จึ้งงั้นหรือ พวกเกรย์โอลด์วันดูผนึกไว้ในนั้นส่วนใหญ่ แต่มันจะทำลายได้เยี่ยงไร มันมีฤทธิ์ของพระนารายณ์คุ้มกันนี่??” เฟยหลิงถามอย่างสงสัย
“แล้วอีกอย่าง ตอนนี้พวกมันกำลังนำพลล้อมสวรรค์ นี่กำแพงสวรรค์ใกล้จะแตกแล้วงั้นหรือ??” เฟยหลิงถามต่อ จากนั้นเธอก็ส่งสัญญาณของเธอเพื่อติดต่อกับคนบนสวรรค์ในทันที
“นี่ ท่านฉางเอ๋อ ข้าเอง เฟยหลิง!!”
“เฟยหลิง เจ้าลงไปอยู่โลกมนุษย์ได้เยี่ยงไรกัน หากองค์เง๊กเซียนรู้ เจ้าโดนแน่??”
“บอกท่านว่าข้าไม่ว่าง แต่ที่ท่านต้องรู้คือ ตอนนี้กองกำลังปีศาจกำลังเตรียมการทำลายเจดีย์ที่ผนึกพวกปีศาจไว้ หากมันทำสำเร็จ สวรรค์เจอศึกหนักเป็นแน่ แล้วตอนนี้สวรรค์เป็นยังไงบ้าง??” เฟยหลิงถามไป
“ได้ๆ ข้าจะแอบไปบอกท่านนาจา ตอนนี้สวรรค์ยังต้านพวกมันไว้ได้ แต่เสียไพร่พลไปเยอะมาก แล้วเรื่องคณะเดินทางศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเดินทางกันถึงไหนแล้วเล่า ได้ยินว่าท่านเซียนไปช่วยพวกเขานี่??”
“พวกเขากำลังเดินทางอยู่ แต่ตอนนี้มีกองกำลังปีศาจขวางทางพวกนั้น ข้าจะลองไปสำรวจดูก็แล้วกัน แล้วก็อย่าบอกใครหล่ะ!!” เฟยหลิงพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เหาะต่อไปยังจุดหมาย นั่นก็คือค่ายของปีศาจปิ่นทองนั่นเอง
และที่ค่ายของปิ่นทอง ตกเย็นในวันนั้น กำลังของพวกเขาก็สร้างแนวป้องกันรับมือได้สำเร็จ รอแต่เพียงให้พวกคณะเดินทางมาถึง เขาตรวจสอบกำลังพลของเขา พบว่ามีปีศาจชนิดใหม่คือปีศาจลิงลมซึ่งสวมเกราะและถือกระบอง รวมถึงลิงลมที่ใช้คบเพลิงเป็นอาวุธดูน่าเกรงขาม ปิ่นทองได้มาพูดปลุกใจกับปีศาจของเขาที่เตรียมไว้รับมือคณะเดินทางในทันที
“พวกเจ้าทุกคนคือกองกำลังปีศาจอันเกรียงไกร หน้าที่ของพวกเจ้า คือหยุดพวกมันไว้ อย่าให้มันข้ามไปพิษณุโลกก่อนตะวันจะโผล่พ้นขอบฟ้า เราจักกลืนกินลมปราณของพวกมัน แล้วตอนนั้นจักมิมีสิ่งใดขวางทางเจ้าได้!!” ปิ่นทองตะโกนออกมา
“ท่านปิ่นทอง เหตุไฉนท่านถึงต้องก่อนย่ำรุ่งเล่า??” ปีศาจตัวหนึ่งถามไป
“ท่านปีศาจหมื่นปีบอกว่า มันจักเป็นฤกษ์ดีกับพวกมัน แล้วอีกอย่าง พวกมันต้องมาถึงที่นี่ในช่วงค่ำเป็นแน่ หากพวกมันผ่านที่นี่ได้ คงไม่มีอะไรจักหยุดมันได้” ปิ่นทองพูดไป
“ขอรับท่าน เราจักสังหารพวกมันทุกตัวขอรับ!!”
“ดี หากมีพวกเทพอยู่ในกลุ่มของพวกมัน จับมันมาให้ข้า ข้าจะดูดไอวิญญาณมัน” ปิ่นทองพูดขึ้น
“ขอรับนายท่าน!!”
“พวกเจ้าดักรอมันตามตำแหน่งที่วางกันไว้ และเมื่อพวกมันเข้ามา เราจะจัดการพวกมันให้หมด เราจะย่ำไปบนศพของพวกมัน แลเราจะดื่มเลือดของพวกมันทุกตัว!!” ปิ่นทองพูดอย่างแน่วแน่
“ขอรับนายท่าน!!”
“ดี พวกมันไม่รู้หรอกว่าข้าซ่อนกล่องดวงใจเอาไว้ พวกมันไม่มีวันฆ่าข้าได้ พวกเจ้าไปจัดทัพได้แล้ว แลฆ่าพวกมันให้สิ้น!!” ปิ่นทองตะโกนออกไป
“ขอรับนายท่าน!!” ปีศาจพวกนั้นรับคำสั่ง จากนั้นพวกมันก็แยกย้ายกันไปจัดการตามแผนที่พวกนั้นได้วางเอาไว้ในทันทีเพื่อเตรียมทำศึก
“อ้ายพวกคณะเดินทางโง่เง่า ข้ารอจักเห็นหัวพวกแกแทบไม่ไหวแล้ว!!” ปิ่นทองพูดขึ้น และอีกด้านหนึ่ง เฟยหลิงที่มองดูอยู่บนฟ้าก็ลงมาตรวจดูค่ายของเขา แล้วก็พบว่า ปิ่นทองซ่อนกล่องดวงใจเอาไว้ที่ห้องลับห้องหนึ่ง ซึ่งต้องใช้รหัสในการเปิดกล่องด้วย
“อู้ว เคล็ดวิชาถอดดวงใจกระนั่นหรือ ไม่เลว!!” เฟยหลิงพูดขึ้น จากนั้นเธอก็หายตัวแวบไปในทันที ปล่อยให้พวกของปิ่นทองคอยรับศึกจากคณะเดินทาง
ยามเย็น ในตอนที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ทั้งเดอเวสและปีศาจสาวตัวนั้นก็พากันลากสังขารหนีออกมาจากกลุ่มคณะเดินทางได้สำเร็จ แม้เดอเวสจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ปีศาจสาวตัวนั้นก็บาดเจ็บอย่างหนักและร้องโหยหวยไปมาดูน่ากลัว
“นี่เจ้าหยุดร้องเสียทีได้หรือไม่ ตองสาว??” เดอเวสถามอย่างสงสัย
“ข้าเจ็บเหลือเกิน มันฟันข้า แล้วท่านก็อย่าเรียกชื่อเก่าข้า ไม่เช่นนั้นข้าอาจจะไม่เกรงใจท่านนะ!!” ปีศาจตัวนั้นพูดขึ้น
“ก็ได้นางราคี ข้าเจ็บใจยิ่งนัก ไอ้นั่นมันฟันหน้าข้า คอยดูเถอะ ข้าจะกินหน้าของมันทั้งหน้าไปเลย!!” เดอเวสพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง กองกำลังปีศาจส่วนหนึ่งก็ช่วยกันแบกอะไรบางอย่างมาทางพวกเขา เดอเวสต้องออกไปรับพวกนั้นมา แล้วก็ได้เจรจากันในทันที
“พวกเจ้า มาที่นี่มีเรื่องอันใด??” เดอเวสถามไป
“เรานำร่างของพวกทหารมาให้พวกท่านได้กิน เพื่อให้พวกท่านฟื้นพลัง!!” ปีศาจสุนัขในตัวนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็รีบวางศพมากมายที่เต็มไปด้วยไอวิญญาณไว้ต่อหน้าปีศาจนางราคี นางเห็นศพก็ได้กัดกินอย่างหิวโหยในทันที
“เฮ้อ เหม็นเป็นบ้า” เดอเวสแอบพูดในใจ เพราะการกินของนางแม้แต่พวกปีศาจยังต้องขยาด
“นี่สำหรับท่าน เขาคัดมาแต่พวกแม่ทัพนายกองมาให้กับท่าน!!” ปีศาจตัวเดิมบอกกับเดอเวส จากนั้นก็วางศพไว้ต่อหน้าเขา เดอเวสรีบกัดกินศพพวกนั้นในทันทีอย่างรวดเร็ว และพลังของเขาก็ค่อยๆฟื้นกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว จนในตอนนี้เขากลับมาลุกขึ้นต่อสู้ได้แล้ว
“เยี่ยม ในที่สุดข้าก็ฟื้นพลังได้แล้ว!!”
“ว่าแต่ นายท่านจะทำเยี่ยงไรต่อเล่า??” ปีศาจสุนัขในตัวนั้นถามไป
“ข้าจะไล่ติดตามไอ้พวกคณะเดินทางโง่เง่าพวกนั้น จะฆ่าพวกมันให้หมด โดยเฉพาะไอ้บ้านั่น ที่มันฟันหน้าข้า ข้าจะเอาให้มันไม่มีวันเห็นหน้าตัวเองได้อีกเลย!!” เดอเวสพูดอย่างเจ็บแค้น ส่วนปีศาจสุนัขในพวกนั้นก็เดินทางออกไปในทันที
และอีกด้านหนึ่ง กลุ่มคณะเดินทางของทองอินทร์ก็ได้เดินทางมาเรื่อยโดยไม่มีหยุดพัก เพราะพวกเขาต้องเดินทางไปยังพิษณุโลกก่อนจะย่ำรุ่ง แต่การเดินทางของพวกเขาก็รวดเร็วปานลับนิ้วมือ จนในไม่กี่อึดใจ พวกเขาก็จะถึงชายแดนเขตพิษณุโลกแล้ว
“พวกเราเข้าใกล้พิษณุโลกแล้ว นี่มิกี่ชั่วยามเอง” คาวีพูดขึ้น
“ใช่ แต่ได้ยินมาว่าเราต้องเจอกับพวกปีศาจที่กำลังรอพวกเราอยู่นี่” วารีพูดไป และในตอนนั้นเอง เฟยหลิงก็มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกคณะเดินทาง ทำเอาคนอื่นๆถึงกับตกใจในทันที
“อ้าว เทพจอมซนนี่ มาอีกแล้วงั้นหรือ??” ธิดาถามไป
“เจ้ามีอันใดก็รีบว่ามา ก่อนที่ข้าจะยิงหน้าเจ้า??” เมรีถามไป
“แหม่ๆๆ ตั้งแต่ได้พลังนี่ก็เก่งเชียวนะ ใจเย็น ข้าแค่จะมาเตือนพวกเจ้าว่า ที่ค่ายด้านหน้า จะมีพวกปีศาจรอเจ้าอยู่” เฟยหลิงพูดขึ้น
“ก็แค่พวกชั้นต่ำ จักน่ากลัวแค่ไหนเชียว??” แสนคำสมิงถามไป
“ใจเย็นสิท่าน น่าจะลองฟังนางก่อนนะ” เอื้องเหนือพูดปรามไป
“ดูท่านจะตื่นเต้นมากเสียนี่กระไรนะท่าน” เวียงพิงค์พูดเสริม
“ใช่ เพราะปีศาจที่พวกเจ้าเจอ มันมีวิชาถอดดวงใจ พวกเจ้าต้องหากล่องดวงใจของมันให้พบ มิเช่นนั้นก็ฆ่ามันไม่ได้” เฟยหลิงพูดขึ้น
“วิชาถอดกล่องดวงใจ มันคืออะไรงั้นหรือ??” เชอร์รี่ถามไป
“วิชาโบราณหน่ะ พวกนั้นเชื่อว่าถ้าถอดเอาดวงใจออกมาเก็บไว้ที่อื่น จะทำให้ฆ่าไม่ตาย” นรสิงห์พูดขึ้น
“ใช่เลยท่าน ดังเช่นตอนที่ทศกัณฐ์ถอดดวงใจซ่อนจากหนุมานไว้หน่ะ” กุมารเทพพูดไป
“ถ้าเช่นนั้น มันจะเก็บกล่องดวงใจไว้ที่ใดกันหล่ะ??” ซื่ออ้ายถามอย่างสงสัย
“เท่าที่เคยได้ยินตามตำนาน ถ้าไม่ที่ไหนไกลๆ ก็ต้องเป็นกล่องใส่ที่แน่นหนา แน่นหนามากๆด้วย” อองโม่โยพูดขึ้น
“เจ้าเดาถูก มันถูกเก็บไว้ในกล่อง ภายในค่ายของพวกมัน แต่พวกเจ้าต้องหาเอง ข้าใบ้ให้แค่นี้หล่ะ โชคดีท่านหลี่เจา แล้วก็พวกเจ้าทุกคนด้วย!!” เฟยหลิงพูดขึ้น จากนั้นเธอก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“นางเป็นเทพประเภทใดกันเนี่ย ไม่เคยพบเคยเจอ??” ชิงเสียนถามไป
“เอาเถิด อย่างน้อยนางก็ไม่ได้คิดร้ายต่อเรา” อิริยะพูดไป
“หากมันเอาดวงใจไปที่อื่น เราจะสู้พวกมันได้เยี่ยงไรเล่า??” ออเรเลียถามไป
“ดูเหมือนที่เฟยหลิงพูด มันน่าจะเก็บกล่องดวงใจไว้ในค่ายของมันนี่หล่ะ” หลี่เจาพูดขึ้น
“ที่นางพูดจะเชื่อได้งั้นหรือ??” ฮิเดกิถามไป
“ถึงนางจะบ้าๆบอๆ แต่ข้าว่านางเชื่อถือได้ ถ้าดูจากอาการของนาง” มาร์คัสพูดไป
“เอาเถิด แล้วเราจะหากล่องดวงใจของมันได้ที่ใดเล่า??” ไวโอเล็ตถามอย่างสงสัย
“เห็นทีคงต้องลองใช้วิธีของข้าแล้วหล่ะ” อนาเลียพูดขึ้น
“เอาเถิดๆ อยากทำอะไรก็ทำเถิด ขอให้เราชนะได้ก็พอ” อเล็กซพูดไป
“เทเรซ่า ถ้าท่านสู้ไม่ไหวก็พักก่อนก็ได้” แม็กซิมพูดขึ้น
“ข้ายังไหว ข้ากลับมาหายดีแล้ว ข้าแค่ประมาทมันไปหน่อย” เทเรซ่าพูดไป
“ก็แล้วแต่ท่าน แต่ข้าจะคุ้มกันเอง” รีปเปอร์พูดขึ้น
“หรือว่าเราจะแบ่งคนออกไป ส่วนหนึ่งปะทะกับมัน อีกส่วนออกหากล่องดวงใจของมัน??” มายะออกความเห็นไป
“เอ้ย ความคิดดี พวกมันกำลังงุนงง เราจะใช้จังหวะนี้เล่นงานมัน” ฉางหลงพูดขึ้น
“ใช่ แต่เราจะแบ่งคนเยี่ยงไรเล่า??” โชถามไป
“เราค่อยแบ่งกันตอนไปถึงก็ได้นี่หน่า” มาเรียน่าพูดไป
“ถ้าเช่นนั้น เรื่องหาของให้เป็นหน้าที่ข้าเอง ข้าเคยเป็นตีนแมวมาก่อน” วาทินพูดไป
“อ่ะก๊ะๆๆ ร่อแร่ๆๆๆๆ” ลุงคงยังพูดไม่รู้เรื่องอีกตามเคย
“หวังว่าจะมีเมรัยให้ลุงแกนะ เอานี่ ข้ามีคาถาคลายมนต์ เผื่อเจ้าอยากใช้!!” สมบาติพูดขึ้น จากนั้นก็หยิบเอาคัมภีร์เล่มหนึ่งให้วาทิน
“เอาหล่ะ รีบเดินทางกันก่อนเถิด เราต้องไปดูค่ายของมันให้เห็นกับตา!!” นาราพูดขึ้น
“รีบไปกันเถอะ พอไปถึงแล้ว เราค่อยวางแผนกันต่อ” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินทางกันต่อในทันที
และในไม่กี่อึดใจ ช่วงพลบค่ำ คณะเดินทางของทองอินทร์ก็เดินทางมาเรื่อยๆ ท่ามกลางความมืด และไม่มีเสียงรอบข้างเลยแม้แต่น้อย ซึ่งอีกไม่กี่อึดใจพวกเขาก็เข้าเขตพิษณุโลกแล้ว แต่ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็เดินทางมาเจอกับค่ายใหญ่ค่ายหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นค่ายร้าง แต่มันไม่ใช่เลย รอบค่ายมีแต่ปีศาจเดินเพ่นพ่านเต็มไปหมด และยังมีทหารยามบนกำแพงอีก ทำเอาพวกเขาถึงต้องมาหยุดเพื่อดูสถานการณ์ไปด้วย
“ข้าสังเกตดูแล้ว พวกมันคงมีไม่ต่ำกว่า 100 ได้” กุมารเทพใช้ตาวิเศษเพ็งมอง
“เฮ้อ ไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่เราจะแบ่งกำลังไปโจมตี แล้วหากล่องดวงใจได้เยี่ยงไรเล่า??” เมรีถามอย่างสงสัย
“ข้าจัดการเอง แต่ต้องมีคนนำทางข้า แล้วคอยชี้ทางให้แก่ข้า ให้ข้าเข้าถึงกล่องดวงใจนั่น” วาทินพูดขึ้น
“ข้านำทางเจ้าเอง ข้าสัมผัสพลังแปลกๆในปราสาทนั่นได้ ไม่แน่อาจจะมีอันใดอยู่ก็เป็นได้” อนาเลียพูดขึ้น
“ถ้าเช่นนั้น ท่านเก็บหินนี่ไว้ด้วย ท่านจะสื่อสารกับข้าได้!!” กุมารเทพหยิบหินสีทองอันหนึ่งให้วาทินและวาทินก็รับเอาไว้ในทันที
“เอาหล่ะ แต่ปัญหาคือ วาทินจะเข้าไปเยี่ยงไร พวกมันอยู่กันเต็มไปหมด วาทินไม่รอดแน่??” เมรีถามไป
“ข้าไปด้วยกับวาทินดีกว่า จะได้ช่วยกันได้!!” วารีพูดไป แต่วาทินค้านไม่ให้เขาไปด้วย
“มิต้องห่วงดอก ไม่มีใครจับเจ้านี่ได้อยู่แล้วนี่ ใช่หรือไม่??” คาวีถามวาทินไป วาทินก็พยักหน้าแล้วยิ้มให้
“แต่พวกเราก็ต้องหลอกล่อให้พวกมันออกมา ให้พวกมันสำคัญว่าเรามีกำลังเยอะ” นรสิงห์อธิบายแผนการของเขา
“เป็นความคิดที่ดี เราพยายามหลอกล่อให้พวกมันออกมา เบนความสนใจให้วาทินได้” แสนคำสมิงพูดเสริม
“ถึงอย่างไร ข้าว่าพวกมันไม่โง่ ถึงขนาดไม่รู้ว่าจะมีคนมาขโมยกล่องดวงใจมันดอก” เวียงพิงค์พูดขึ้น
“ข้าว่า มันต้องใช้อาคมสะกดปิดทางเอาไว้ แต่ท่านอนาเลียจัดการได้อยู่แล้ว” เอื้องเหนือพูดขึ้น
“ถ้าเราจะหลอกล่อให้พวกมันออกมา เราต้องใช้เสียงดังเข้าข่ม ให้พวกมันคิดว่าเรามากันเยอะ” มาเรียน่าพูดขึ้น
“ข้าว่า เราน่าจะใช้ปืนใหญ่มือยิงเข้าไปก่อน แล้วค่อยยิงใส่พวกมันตอนพวกมันออกมา” ธิดาพูดขึ้น
“ใช่ แต่ตัวหัวหน้าของพวกมันเล่า เป็นผู้ใด??” อองโม่โยถามอย่างสงสัย
“จะเป็นผู้ใดก็ช่าง ก็แค่ปีศาจร้ายตัวหนึ่ง ข้ามิกลัวมันหรอก” ออเรเลียพูดขึ้น
“ถ้าพวกมันออกมา ข้าจะยิงพวกมันให้หมดเลย!!” ชิงเสียนพูดขึ้น
“ใช่ ไหนๆเราก็ยิงได้ไม่มีจำกัดอยู่แล้วนี่” มาร์คัสพูดไป
“ได้เลยท่านพี่ ให้มันมาเถิด มันไม่รอดไปได้ซักตัวแน่” อเล็กซพูดขึ้น
“ถ้าเราจะเล่นใหญ่ เราต้องเสียงมันดังมากกวานี้ ให้ดังไปทั่ว มันจะได้รู้ว่าเรามีกำลังเยอะแค่ไหน” เทเรซ่าพูดไป
“ได้เลย ไอ้เรื่องทำเสียงดังขอให้บอก ข้าถนัดอยู่แล้วเรื่องพวกนี้” แม็กซิมพูดไป
“เอาเถิด แต่ถึงอย่างไร ก็คงต้องป้องกันไว้ให้ดี ไม่อย่างงั้นเราคงเสียท่าพวกมัน” รีปเปอร์พูดขึ้น
“ข้าดูจากฤกษ์ยามแล้ว เจ้าต้องไปทางด้านตะวันตกของปราสาท เจ้าถึงจักมีโชค” สมบาติพูดกับวาทิน
“ข้าว่า มิน่าจะต้องมากังวลเรื่องฤกษ์ยามดอก ควรจักวางแผนให้รัดกุมมากกว่า” ไวโอเล็ตพูดปรามไป
“ถ้าพวกมันออกมา ข้าจะยิงพวกมันให้สนุกมือไปเลย!!” เชอร์รี่พูดและชักปืนไฟของเธอออกมา
“ข้าด้วย เข็มพิษของข้ามีพอจักฆ่าพวกมันได้หมดทั้งทัพเลย” ซื่ออ้ายพูดขึ้น
“ข้าอยากจักเห็นหน้าของไอ้หัวหน้ามันยิ่งนัก อยากรู้มันจักน่าเกรงขามเพียงใด” ฉางหลงพูดขึ้นพร้อมกำหมัดไป
“เอาเถิด ขอให้เจ้าอย่าตายเสียก่อนหล่ะ ข้าเตือนเพราะหวังดีกับเจ้า!!” โชพูดไป
“อ่ะก๊ะๆๆๆๆๆ” ลุงคงในตอนนั้นก็ร้องรำทำเพลงออกมาด้วย
“ข้าว่า ให้ท่านลุงแกไปร้องรำทำเพลงที่หน้าค่าย เดี๋ยวพวกมันรำคาญก็คงจักออกมาเองนั่นหล่ะ” ฮิเดกิพูดขึ้น
“อิริยะ ถ้าเป้นไปได้ เจ้าจัดการพวกมันที่อยู่บนกำแพงได้หรือไม่??” หลี่เจาถามเธอไป
“มิต้องห่วงไป ห่วงเหล็กของข้าจัดการพวกมันได้ทุกตัวอยู่แล้ว” อิริยะพูดขึ้น
“เอาหล่ะ วาทิน เจ้าออกเดินทางไปได้เลย พอเจ้าเข้าไปใกล้กำแพงของพวกมันแล้ว พวกเราจะจัดการหลอกล่อให้พวกมันออกมาเอง” นาราพูดไป
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะไปกับท่านวาทิน เผื่อว่าข้าจะช่วยอะไรได้” ทูตเบลล์พูดขึ้น
“เอาหล่ะ วาทิน เจ้าไปก่อนเถิด ส่วนที่เหลือพวกข้าจัดการเอง!!” ทองอินทร์พูดขึ้น วาทินพยักหน้าจากนั้นก็วิ่งเข้าไปที่ค่ายนั้นอย่างรวดเร็ว และด้วยวิชาที่วาทินได้มาใหม่ ทำให้เขาเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและไร้ร่องรอย แทบไม่มีปีศาจตัวไหนรู้เลยว่าเขามา
“เอาหล่ะ พวกเรา เตรียมลงมือได้เลย!!” ทองอินทร์บอกกับทุกคนไป จากนั้นพวกเขาก็ไปเตรียมตัวเพื่อหลอกล่อให้กองกำลังที่อยู่ในค่าย บางส่วนก็พยายามส่งสัญญาณติดต่อกับวาทินว่าเขาควรจะไปทางไหน
==============================================================
พวกเขากำลังจะเตรียมโจมตีค่ายของปิ่นทองแล้ว เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย!!
ใครอยากส่งบอสมาเพิ่มก็ส่งมาได้นะครับ!!
https://writer.dek-d.com/shinobinon/writer/view.php?id=2198407 ผมมีนิยายใหม่เน้อ แหะๆ
ความคิดเห็น