ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อินาบาระ เมริน ::Tsuki Dorm::

    ลำดับตอนที่ #5 : [Main] เข้าเมือง หอจันทราและผู้ดูแล

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 54


    (พ.ค.) ------------------------------- (อาทิตย์)


    07.00 น. วันอาทิตย์

                ณ ร้านอาหารจีน แห่งหนึ่งในย่านไชน่าทาวน์ เมืองโยโกฮาม่า

                “เมรินโชคดีนะลูก แล้วติดต่อกลับมาบ้างนะ” เสียงของหญิงวัยกลางคน ๆ หนึ่งที่มีผมสีน้ำเงินและอยู่ในชุดกี่เพ้าสีเดียวกัน กำลังโบกมือลาเด็กสาวผมแดงที่ตอนนี้สะพายกระเป๋าใบใหญ่ เหมือนกับว่ากำลังจะออกเดินทางไปยังที่ไกล ๆ

                “ค่ะ หม่าม้า” เด็กสาวรับคำและออกเดินทางทันที สาเหตุที่ เมริน หรือเด็กสาวผมแดงต้องออกมายังต่างเมืองเพราะว่าเธอสอบติดที่โรงเรียนโชโจเรย์ โรงเรียนมัธยมปลายที่ตั้งอยู่ในโตเกียวเมืองหลวงของญี่ปุ่นนั่นเอง และทำไมเธอต้องออกมาในตอนเช้า ๆ อย่างนี้น่ะเหรอทั้ง ๆ ที่แค่นั่งรถไฟจากโยโกฮาม่ามายังโตเกียวก็ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณแค่ 30 นาทีเอง ก็เพราะว่ากรุงโตเกียวนั้นเป็นเมืองหลวงที่มีความเจริญมาก ในเมืองจึงเต็มไปด้วยผู้คนและถ้าพูดถึงคนก็ต้องนึกถึงที่อยู่อาศัย ใช่แล้วในเมืองใหญ่ขนาดนี้น่ะที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน แมนชั่น หรือห้องเช่านั้นหาได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในกองตะปู (?) เอ๊ยไม่ใช่ งมเข็มในมหาสมุทรต่างหาก แค่หาห้องเช่าเล็ก ๆ ได้สักห้องหนึ่งก็ถือว่าพระเจ้าเมตตาแล้ว

                “เฮ้อ ทำไมมันหายากอย่างนี้เนี่ย แค่ห้อง ๆ เดียวแท้ ๆ” เมรินที่ตอนนี้นั่งอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง หลังจากที่ตระเวนหาห้องเช่ามาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่พอเวลาผ่านไปได้สักพักเธอก็ลุกขึ้นพรวดขึ้นมาอย่างกะทันหันและพูดให้กำลังใจตัวเอง “ไม่ได้ ไม่ได้ เมริน เธอจะมายอมแพ้กับเรื่องแค่นี้ได้ยังไง ขนาดพระถังซำจั๋งกว่าจะอัญเชิญพระไตรปิฎกได้ก็ต้องผ่านอุปสรรคมานับไม่ถ้วน แล้วเราที่พึ่งจะมาพบกับอุปสรรคครั้งเดียวแค่นี้เราจะยอมแพ้ง่าย ๆ ได้ไง” หลังจากที่จุดไฟในตัวเสร็จแล้วเมรินก็สะพายกระเป๋าเตรียมตัวที่จะออกไปหาห้องเช่าอีกครั้ง ก็ต้องชะงักเพราะว่ามีคนมาเรียกเธอนั่นเอง

                “อา...เมริน ใช่เมรินหลานลุงจริง ๆ ด้วย เป็นไงท่าทางกำลังลำบากอยู่ล่ะสิ งั้นให้ลุงช่วยอะไรมั้ยล่ะ” ชายรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีเดียวกับเธอที่เรียกตัวเองว่าลุงนั้น หลังจากที่เห็นหน้าชัด ๆ แล้วรู้ว่าเป็นหลานของตัวเองก็เดินเข้ามาทักทายและถามเมริน

                “เอ่อ...ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้เมรินจัดการเองได้” เมรินตอบ คนแป็นลุงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มในทันทีเพราะว่าเขารู้จักนิสัยของหลานสาวคนนี้ดีที่ว่าเวลาทำอะไรก็จะทำไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ย่อท้อ และจะไม่ขอความช่วยเหลือจากใครจนกว่าจะถึงทางตันจริง ๆ

               “งั้นเมรินไปหาข้าวหาปลากินที่ร้านของลุงก่อน แล้วปัญหาของหลานค่อยจัดการทีหลังดีมั๊ย” ลุงยื่นข้อเสนอให้ เมรินที่ดูนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้มันใกล้จะบ่ายโมงแล้ว ก็ตัดสินใจตามลุงของเธอไปที่ร้านทันที ซึ่งหลังจากที่เดินตามไปได้สักพักก็พบกับร้าน ๆ หนึ่งที่ขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็ดูกว้างขวางดี ภายในร้านประดับไปด้วยโต๊ะและเก้าอี้หลากหลายชุดด้วยกัน เมื่อมองเข้าไปด้านในก็พบกับเครื่องครัวต่าง ๆ ทีดูคุ้นตายิ่งนักทั้งหม้อน้ำซุปขนาดใหญ่ ไม้นวดแป้ง หม้อและอื่น ๆ เธอที่เป็นลูกสาวร้านอาหารจึงรู้ได้ทันทีเลยว่าลุงของเธอเป็นเจ้าของร้านราเมงนี่เอง เมรินเดินไปนั่งที่โต๊ะพร้อมกับที่ลุงวางถ้วยราเมงที่พึ่งทำเสร็จพอดี เธอไม่รอช้าใช้ตะเกียบและช้อนในมือจัดการถ้วยที่อยู่ตรงหน้าจนหมดอย่างรวดเร็ว จนคนเป็นลุงนั้นแทบจะนำชามที่สองมาเสิร์ฟให้ไม่ทัน และเหตุการณ์ที่เจ้าของร้านมือระวิงเพราะทั้งทำทั้งเสิร์ฟ กับสาวน้อยที่ทำตัวเหมือนหลุมดำจัดการของตรงหน้าอย่างรวดเร็วก็วนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งตอนนี้ที่เมรินวางตะเกียบลงเป็นสัญญาณว่าเธออิ่มแล้ว

                “เป็นไง ฝีมือลุงอร่อยมั๊ยล่ะ” ลุงถามเมรินหลังจากที่เธอกินราเมงที่มีในร้านจนครบทุกชนิด เมรินที่ดื่มน้ำเสร็จก็ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “อร่อยสิคะคุณลุง ฝีมือของคุณลุงเนี่ยขนาดไม่ต้องให้เชลล์มาชวนชิมหรือแม่ช้อยมาร่ายรำก็มีคนมาอุดหนุนเต็มร้านอยู่แล้ว เอ๊ะ แล้ววันนี้คุณลุงปิดร้านเหรอคะทำไมถึงไม่เห็นลูกค้าสักคน” เมรินถามหลังจากที่ไม่เห็นว่าจะมีลูกค้าเข้ามาในร้านเลย

                “ใช่แล้วล่ะ วันนี้ลุงปิดร้านเพื่อหลานสาวคนเดียวของลุงเชียวนะ” ลุงตอบ เมรินที่สะดุดกับคำพูดมองหน้าลุงพลางวิเคราะห์ “เพื่อหนู งั้นแสดงว่าลุงรู้อยู่แล้วล่ะสิว่าหนูจะมาที่โตเกียวนี่น่ะ ปาป๊าคงจะบอกลุงล่ะสิ ถ้าไม่ใช่ก็คงจะเป็นใครไม่ได้อีกแล้ว”

                “ฮ่า ๆ ยังแสนรู้เหมือนเดิมเลยนี่ ก็พ่อหลานน่ะเขาเป็นห่วงเลยฝากให้ลุงช่วยดูแล และยังบอกอีกว่าให้จ้างหลานมาทำงานพิเศษที่ร้านของลุงด้วย” ลุงอธิบายพร้อมกับลูบหัวอย่างเอ็นดู เมรินที่รู้สึกเหมือนจะโดนชมทางอ้อม จึงเอามือของลุงออกพร้อมกับพูดว่า “เรื่องงานพิเศษหนูน่ะไม่ขัดอะไรอยู่แล้ว ดีซะอีกหนูจะได้มีเงินเก็บเอาไว้ใช้ส่วนตัว โดยไม่ต้องขอปาป๊ากับหม่าม้า”

                “ดี ๆ แล้วไว้หลานว่างตอนไหนก็มาทำแล้วกัน ลุงให้เป็นรายชั่วโมงนะ” ลุงชมพร้อมกับอธิบายเรื่องค่าจ้าง เมรินที่ตอนนี้พลังเต็มเปี่ยมจึงได้สะพายกระเป๋าและบอกลาลุง “งั้นหนูไปก่อนนะคะคุณลุง”

                “เออ โชคดีนะ แน่ใจนะว่าจะไม่มาอยู่กับลุง” ลุงถาม เมรินจึงตอบกลับมาว่า “แน่ใจค่ะคุณลุง หนูอยากลองมีชีวิตที่อิสระดูบ้าง” แล้วเมรินก็เดินออกไปจนลับสายตา

    20.15 น. วันอาทิตย์

                “เฮ้อ ทำไมมันหายากหาเย็นแบบนี้ แล้วที่นี่มันที่ไหน” เมรินบ่นหลังจากที่เวลาใกล้ค่ำแล้วยังหาที่ซุกหัวนอนไม่ได้หนำซ้ำเธอยังหลงทางอีกต่างหาก แต่มีหรือที่สวรรค์จะทอดทิ้งคนที่พยายาม เมรินที่ตอนนี้เดินไปข้างหน้าอย่างไร้จดหมายก็ได้พบกับอาคารหลังหนึ่งที่สูงทั้งหมดสามชั้น ตรงหน้าประตูมีข้อความเขียนกำกับไว้ว่า หอจันทรา ต้องการห้องว่างติดต่อผู้ดูแลเมรินไม่รอช้าวิ่งเข้าไปกดกริ่งทันที

                ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง เสียงกริ่งที่สามารถหาได้ทั่วไปดังขึ้น จากนั้นไม่นานก็มีเสียงผู้ชายตอบกลับออกมา “คร้าบ สักครู่น่ะครับ”

                “มีธุระอะไรรึเปล่าครับ” ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กับกางเกงขาสั้นที่ดูแล้วคงเป็นชุดนอนแน่ ๆ เมรินถามชายตรงหน้าทันที “เอ่อ ขอโทษนะคะ คือว่าชั้นขอพบผู้ดูแลหอจันทราหน่อยค่ะ”

                “ผมนี่แหละครับผู้ดูแลหอจันทรา ทาคายาม่า ทาคาโตะ มีธุระอะไรกับผมหรือครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวเองพร้อมถามกลับ เมรินได้ยินดังนั้นก็อดที่จะแอบคิดในใจไม่ได้ เฮ้ย จริงดิ ดูจากรูปร่างท่าทางแล้วอายุก็น่าจะพอ ๆ กับเรานี่หว่าชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มเหมือนกับอ่านความคิดได้ “ขอโทษด้วยนะครับที่รูปร่างท่าทางมันไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่”

                เมรินที่ได้ยินดังนั้นถึงกับแอบสะดุ้งไปเล็กน้อย แต่ด้วยความที่ว่าเธอยังต้องการที่พักจึงต้องปรับสีหน้าให้นิ่งและพูดถึงเรื่องสำคัญ(สำหรับเธอ) “สวัสดีค่ะคุณทาคายาม่า ชั้นชื่อ อินาบาระ เมริน พอดีเห็นว่าที่นี่มีห้องว่างเหลืออยู่ ชั้นจึงต้องการพบกับคุณเพื่อคุยเรื่องห้องว่างที่หอจันทราแห่งนี้ค่ะ” ทาคาโตะหลังจากที่ได้ฟังธุระของเมรินแล้วจึงพาเธอเข้าไปข้างใน และพามาแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ภายในหอว่า “ห้องนี้คือห้อง... ตรงนั้นเป็นห้อง...” จนนำมาถึงห้อง ๆ หนึ่งซึ่งที่หน้าประตูมีตัวหนังสือและตัวเลขเขียนไว้ว่า ห้อง 202’ เขาจึงส่งกุญแจให้พร้อมกับบอกว่า “นี่ห้องของคุณครับ คุณอินาบาระ” เมรินรับกุญแจมาแล้วพูดกลับไปว่า “คุณทาคายาม่าคะ เรียกชั้นว่าเมรินก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ให้” ทาคาโตะจึงตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไรครับ งั้นคุณเมรินเรียกผมว่าทาคาโตะแล้วกันนะครับ และถ้าหากว่าขาดเหลืออะไรก็เรียกผมแล้วกันนะครับ ขอตัวก่อนครับ”

                “ค่ะ เชิญค่ะ” เมรินกล่าวลาและเข้าไปในห้อง เธอจัดข้าวจัดของเสร็จก็กระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงและพูดกับตัวเอง “จากนี้ไปสินะที่ชีวิตนักเรียนม.ปลายและชีวิตเด็กหอกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ชักตื่นเต้นแล้วสิ” พูดจบเธอก็ลุกขึ้นแล้วหยิบของบางอย่างที่อยู่ในกระเป๋าออกมาและเดินออกจากห้อง

    21.00 น. วันอาทิตย์

                “อืม ทำอะไรดีน้า...” เมรินที่ตอนนี้กำลังเดินมาในห้องครัวพลางนึกรายการอาหารต่าง ๆ นานาที่อยู่ในสมองของเธอ ทำไมเธอต้องมาทำอาหารด้วยหรอ ก็เพราะว่าตอนที่ทาคาโตะกำลังแนะนำสถานที่อยู่นั้น เขาได้บอกว่าที่นี่นอกเขาที่เป็นผู้ดูแลแล้วก็ยังมีคนอื่น ๆ พักอยู่ด้วย ซึ่งตอนนี้เธอออกไปข้างนอก เธอคนนั้นพักอยู่ที่ห้อง 201 ที่อยู่ข้างห้องของเธอนั่นเอง เมรินจึงคิดจะใช้โอกาสนี้จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ เพื่อทำความรู้จักกับคนที่อาศัยอยู่ในหอ

                “งั้น...ดูในตู้เย็นก่อนว่ามีอะไรบ้าง” เมรินเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาวัตถุดิบมาทำอาหาร แล้วหยิบไข่ เนื้อหมู เนื้อไก่ เบคอน นม เบคอนและเนยออกมาวางไว้ที่โต๊ะพร้อมกับนำของที่เอามาจากห้องซึ่งมันก็คือกล่องใส่วัตถุดิบที่พ่อของเธอให้มา แล้วเริ่มลงมือทำอาหาร

    15 นาทีผ่านไป

                 “ฮ้า เสร็จแล้ว” เมรินยกมือปาดเหงื่อที่หน้าผาก หลังจากที่ทำอาหารเสร็จ ซึ่งอาหารที่เธอทำนั้นมีอยู่หลายอย่างเลย ทั้งซี่โครงหมูอบ ไก่ย่าง ผัดผักกวางตุ้ง คาราอาเกะ ซุปมิโสะ เบคอนอบเนย ส่วนของหวานและเครื่องดื่มก็จะเป็น เค้กช็อคโกแลต น้ำอัดลมและชากุ้ยหยวน เธอนำไปจัดเรียงไว้บนโต๊ะอาหารและเดินไปยังห้องของทาคาโตะ

                ก๊อก ก๊อกเมรินเคาะประตูห้อง 301 ที่เป็นห้องของทาคาโตะ

                “อ้าว คุณเมรินมีอะไรให้ช่วยรึเปล่าครับ” ทาคาโตะถามหลังจากที่เดินขึ้นมาจากห้องนั่งเล่น เมรินจึงตอบกลับไปว่า “ตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้ช่วยหรอกค่ะ แต่ว่าคุณทาคาโตะทานอาหารหรือยังคะ พอดีว่าชั้นจะจัดงานเลี้ยงทำความรู้จักน่ะค่ะ แล้วคุณสึสึเนะที่อยู่ห้องข้าง ๆ ห้องของชั้นน่ะค่ะ เธอไปไหนเหรอคะ”

                “ยังเลยครับ พอดีร้านประจำในเมืองปิด ผมก็เลยกะว่าจะโทรสั่งอาหารมาน่ะครับ ส่วนคุณสึสึเนะเธอคงจะออกไปข้างนอกล่ะมั้งครับ เห็นเธอบอกว่าจะกลับราว ๆ สามทุ่มครึ่งน่ะครับ อ๊ะ นั่นไงคุณสึสึเนะพูดถึงก็มาพอดีเลย” ทาคาโตะตอบ พร้อมกับผายมือไปทางประตูหอที่ตอนนี้มีเด็กสาวผมสีออกทอง ๆ ตัวเล็ก ๆ ท่าทางเหมือนคุณหนูเดินเข้ามา

                “คุณพ่อบ้าน นั่นใครเหรอคะ” เด็กสาวถามทาคาโตะ เมรินจึงกล่าวแนะนำตัวเอง “สวัสดีจ้ะ อินาบาระ เมริน พึ่งย้ายเข้ามาตอนนี้อยู่ที่ห้องข้าง ๆ ห้องของเธอ ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ”

                “สวัสดีจ้า สึสึเนะ ไอยูริ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันจ้า” ไอยูริแนะนำตัว เมรินที่เห็นว่าสมาชิกครบแล้วจึงพาทั้งทาคาโตะและไอยูริมาที่โต๊ะอาหาร และกล่าวเปิดงาน “ในวันนี้เป็นวันดีที่พวกเราทั้งสามคนได้มารู้จักกัน และเมื่อมีเรื่องดี ๆ เราก็ควรจะจัดงานเลี้ยงฉลองกัน เพราะฉะนั้นขอต้อนรับทั้งสองคนสู่งานเลี้ยงทำความรู้จักของเมรินค่า” และหลังจากนั้นงานเลี้ยงเล็ก ๆ (ที่ไม่ค่อยจะเล็ก) ก็ได้เริ่มขึ้น หอจันทราที่เคยเงียบเหงาบัดนี้ได้ก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×