ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic THE FEELING IN MY HEART [KIHAE,HUNHYUK,KYUMIN]

    ลำดับตอนที่ #13 : The feeling :11 [70%] [ไร้เตอร์กลับมาแล้ว+จดหมายจากไร้เตอร์]

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 54


    กรหลับมาแล้วฮาว์ฟทุกคน พอดีช่วงที่หายไปนั้นกรเพิ่งจะเข้า ปีหนึ่ง  ทั้งกิจกรรมแล้วก็อะไรหลายๆ
    อย่างมันยังไม่ลงตัว กรเลยทิ้งฟิคเรื่องนี้ไปโดนไม่ได้บอกไดกล่าว รีดเดอร์แต่ประการใด
    ยังไงกรก็ขอโทดด้วยนะ  แต่ตอนนี้กรกลับมาแล้ว  อะไรหลายๆอย่างก็เริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว
    ว่าแต่รีดเดอร์ยังรอกรอยู่ป่ะเนี้ยะ  กรคิดถึงรีดเดอร์ทุกคนเลยนะ  ฟิคเรื่องนี้นะเป็นฟิคที่แต่งสดเฉพาะนั้นช่วงที่หายไปเลยไม่มีอะไรมาอัพให้ แหะๆ





    รีเดอร์จ๋า....  คิดถึง เต้ไม  เต้กลับมาแล้วนะ จ๊วฟฟฟฟ : โปเต้
    แสบอย่างแกใครจะไปคิดถึง รีดเดอร์ที่รักของฮันกยอง ทุกคนคิดถึงผมใช่ไมครับ : ฮันกยอง
    ทุกคนเค้าคิดถึงฉันต่างหาก ใช่มั๊ยฮาว์ฟ : ไร้เตอร์
    คิดถึง เต้ : โปเต้
    คิดถึงผมใช่มั๊ยครับทุกคน : ฮันกยอง
    คิดถึงฉัน : ไร้เตอร์

    บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ


                                                                          24 สิงหาคม 2554




    THE 
    FEELING IN MY HEART

    .................. โปเต้ vs คู่กรณี ....................






    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::



    “ฉันเกือบจะเดินหนีไปแล้วนะเนี้ยะ  ไม่ให้ตั้งตัวเลยนะไอ้ตัวแสบเอ้ย  ตีบทซะแตกกระจ่ายเลยนะ”  ผมเดินเข้าไปขยี้หัวอันยุ้งของไอ้เต้ให้มันยุ้งเข้าไปใหญ่ด้วยความหมั่นเคี้ยว  ผมไม่นึกว่ามันจะเล่นแผนนี้ตอนแรกตอนที่ผมเห็นมันกอดกับฮยอกแจผมกะจะเดินหนีไปแล้วแต่มันกับทำปากบอกให้ผมอยู่ต่อ  ตอนแรกผมก็รังเรอยู่ว่าจะอยู่ตามที่มันบอกรึเปล่า  แต่ผมก็ต้องตัดสินใจอยู่เพราะมันบอกว่าจะจูบฮยอกแจของผม  (ตั้งเมื่อไหร่ที่ฉันเป็นของพี่  - -*  ฮยอกแจ)

    “อ่ะโด่คนไรไม่รู้ใจเสาะเป็นบ้า”

    “ฉันไม่ได้ใจเสาะโวย  แล้วถ้าแกเป็นฉันแกจะอยู่ดูฉากแบบนี้ให้ทรมานใจแกรึเปล่าล่ะ”

    “ไม่”

    “เห็นมั๊ยแกยังตอบแบบไม่ต้องคิดเลย  แล้วฉันจะอยู่ทำไมเล่า”

    “อยู่แล้วมันคุมเปล่าล่ะ”

    “คุม”

    “เห็นไมพี่ยังตอบแบบไม่ต้องคิดเลย”

    “นี้มันนะไรกัน”

    “...................”

    “...................”

    “ฉันถามว่านี้มันอะไรกัน  พวกพี่เล่นอะไรกัน  โปเต้นี้มันอะไรกัน”

    “ฉันไม่รู้เรื่องนะพี่ไก่  ถามพี่ฮันเลยเค้าเป็นคนสั่งให้ฉันทำ  ตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามีธุระขึ้นมากะทันหันฉันไปนะ”  โอ้แม่เจ้าไอ้เต้ตัวแสบโยนภูเขามาให้ผมซะนี้  แล้วตัวเองก็เพ่นไปโน้นแล้ว หึๆ  ไม่ลอดแน่ๆครับงานนี้  ทั้งที่ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำแต่ผมกับต้องรับไปคนเดียวเต็มๆมันยุติธรรมแล้วหรอครับ  ฮื่อ ๆๆ

    “ฮยอกแจจ๋า”

    “ไม่ต้องมาจ๊ะมาจ๋า  อธิบายมาเดี๋ยวนี้”  ผมไม่เคยเห็นฮยอกแจในโหมดแบบนี้มาก่อนเลยครับ  ผมกลัวนะเนี้ยะ

    “พี่ไม่รู้เรื่องนะ  ไอ้เต้มันทำคนเดียวเลย”

    “พี่ไม่เกี่ยวแล้วพี่มาอยู่ที่นี้ได้ยังไง  พี่ไม่ต้องมาโกหกผมเลยพี่เป็นคนวางแผนใช่มั๊ย  บอกผมมาเดี๋ยวนี้นะ”   ไอ้เต้น้องรักกับมาช่วยพี่ก่อน  ผมร้องเรียกไอ้เต้ในใจเพราะผมรู้สึกว่าตอนนี้ฮยอกแจน่ากลัวมากเลยครับ

    “พี่ก็โดนไอ้เต้มันลากมาที่นี้นะสิ  เชื่อพี่สินายคิดว่าคนอย่างพี่จะคิดแผนแบบนี้ได้หรอกพี่ออกจะเป็นคนดี”  ผมพยายามพุดเข้าข้างตัวเองแล้วก็โยนความผิดทั้งหมดให้ไอ้เต้มัน  (เป็นคนดีมากพี่ชาย  *-* โปเต้)   ที่ผมพุดมานะมันก็จริงนะครับเพราะผมโดนมันลากมาจริงๆ

    “จริงหรอก”   ดูเหมือนว่าฮยอกแจจะสงบแล้วนะครับ  อย่างนี้มันต้องรีบโยนภูเขากลับไปให้ไอ้เต้โดยเร็วครับ

    “จริงสิ  นายแล้วกับไอ้เต้มันมากกว่าใครเพื่อนนายน่าจะรู้จักนิสัยมันดีนิ”

    “ใช่  ไอ้เต้แก่นะแกหลอกได้แม้กระทั่งพวกเดียวกัน  อยากให้เจอนะฮึ”   โล่งอกครับงานนี้ผมไม่ต้องเพิ่งไอ้เต้ผมก็ลอดส่วนไอ้เต้   ผมไม่รู้นะว่ามันจะเป็นยังไง

    “ว่าแต่เรื่องที่นายพูดกับไอ้เต้มันนะเรื่องจริงหรอ”

    “เรื่องผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”  อ้าวน่านพูดแล้วทำไมต้องเดินหนีด้วยเนี้ยะ  แล้วตกลงที่พูดเมื่อกี่พุดเล่นหรือพูดจริงล่ะเนี้ยะ

    “ฮยอกแจรอพี่ด้วย  แล้วตกลงเมื่อกี่พุดจริงหรือพุดเล่นอ่ะ  พี่อยากรู้”

    “ไม่รู้  คิดเอาเองสิโตแล้วนิ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “หวังว่าพี่คงจะเอาตัวลอดได้นะพี่ฮัน”  หลังจากที่โปเต้รีบฉิ่งออกมาจากพวกฮันกยองแล้วก็รีบไปที่ที่หนึ่งแต่ก่อนจะถึงที่นั้น  โปเต้ก็เจอกับปัญหาใหญ่เข้าให้

    “โอ๊ย!!  โปเต้ชนเข้ากับใครบ้างคนจนคนคนนั้นล้มลงไป  “นี้ไม่มีตารึไงถึงไม่เห็นว่ามีคนกำลังเดินมานะ  ห๊า”

    “ถ้าเห็นแล้วจะชนหรอ”  ใจจริงเค้าอยากจะพุดว่าขอโทษแต่ด้วยบอกที่มันหาเรื่องของเค้านั้นมันกับทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่จะคิด

    “นี่แกรู้มั๊ยว่าฉันนะลูกใคร  ถึงกล้าพุดกับฉันอย่างนี้”  เธอคนนั้นเมื่อเห็นว่าคนที่ชนเธอแล้วไม่คิดที่จะช่วยเธอให้ลุกขึ้นเธอจึงลุกขึ้นเอง

    “น่าสงสารจัง  น่าตาก็ดีไม่น่าสมองเสื่อมเลย”  ด้วยความกวนของเค้าจึงพุดไปแบบนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าภัยกำลังคืบคานเข้ามาหาเค้าโดนไม่รู้ตัว

    “อ๊ายยยยยยยยย   นี้แกไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่มั๊ยถึงได้กล้าพูดกับฉันอย่างนี้”  ตอนนี้คู่กรณีของโปเต้กำลังโกรธเค้ามากขึ้นมากขึ้น

    “โหเป็นเอามากนะเนี้ยะ  นี้ถึงฉันจะไม่ได้เป็นคนเกากลีแต่ฉันก็พอจะรู้จักโรงพยาบาลจิตเวชอยู่นะ  เอางี่เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้เธอฟังดีๆนะ  เธอเดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเลี้ยวขวาอีกทีแล้วก็เลี้ยว........”

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ  ตอนแรกฉันว่าจะไม่เอาเรื่องแล้วนะแต่แกมันปากพานหาเรื่องเองนะ  โซตะ  อาโค  จัดการผู้หญิงคนนี้ซะเอาแค่สั่งสอนให้รู้สึกจำก็พอไม่ต้องถึงตายหรอก   แกโทษฉันไม่ได้นะแกมันหาเรื่องเอง”  เธอคนนั้นเรียกบอดี้การ์ดตัวเองออกมา  เธอรู้สึกโกธรมากเพราะเธอไม่เคยถูกใครหยามได้ถึงเพียงนี้  เธอจึงรู้สึกโกธรมาก

    “ว้าวหน้าหนุกจังแหะ”  แต่เหมือนว่าโปเต้จะไม่รู้สึกกลัวหรือว่าอยากจะไปจากที่ตรงนี้เลยเค้ากับคิดว่าตัวเอกำลังจะได้เล่นอะไรสนุกๆ  ทั้งที่ผู้ชายสองคนที่ผู้หญิงคนนั้นเรียกออกมานั้นตัวใหญ่กว่าเค้า  หรือไม่ก็ใหญ่กว่าฮันกยองหรือคิบอมเลยก็ได้

    “ได้สนุกแน่สาวน้อย”  หนึ่งในชายชุดดำพุดขึ้นพร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาจับตัวโปเต้แต่ก็ไม่ไวเท่าโปเต้ซึ่งตัวเล็กกว่า

    “เฮ้  น้าอย่าเล่นทีเผลอดิ เอางี้ฉันมีธุระต้องรีบไปน้าสองคนเข้ามาพร้อมกันเลยได้กว่าฉันไม่มีเวลามากต้องรีบไป”  โปเต้ทำท่ากระดิกนิ้วเป็นสัญญาณว่าให้คู่ต่อสู้เข้ามาได้

    “แกอย่าทำเป็นเก่งลูกน้องของพ่อฉันนะระดับมือโปรทั้งนั้น”  เหมือนคนที่สั่งบัญชาการชายชุดดำอยู่เบียงหลังนั้นจะโอ้อวดสุพรรณคุณคนของตัวเองเอาอย่างมาก

    “เดี๋ยวก็รู้ระหว่างมือโปรกับเทควันโดและมวยหญิงของประเทศ  ใครมันจะเจ๋งกว่ากัน” เหมือนเป็นการท้าทายที่น่าสนใจสำหรับโปรเต้ในตอนนี้เพราะเค้าเองก็ไม่ได้ใช้ความสามารถพิเศษเหล่านี้มานานแล้วตั้งแต่............   โปเต้ตั้งท่าเตรียมพร้อมรับทุกการโจมตี

    “งั้นหรอ  อย่างนี้มันต้องรองกันสักตั้งซะแล้วน้องสาว”  ฝ่ายชายทั้งสองคนก็ใช้ว่าจะยอมเพราะกะอีแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างโปเต้มันไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเค้าอยู่แล้ว

    “นี้น้า  น้าไม่กระดากปากบ้างรึไงเรียกน้องสาว น้องสาวอยู่ได้อายุน้านะมันคนล่ะโยดกับฉันเลยนะ”  โปเต้พูดพร้อมกับออกมัดไปข้างหน้าตวัดขาไปขาหลังเพราะใช่ว่าชายทั้งสองคนจะอยู่นิ่งๆฟังเค้าพูดอย่างเดียว

    “ไม่เลวนะ  น้องสาว”

    “ก็ไม่เลวนะสิก็ฉันเป็นคนดีนะน้า  หน้าตาก็ดี  แถมยังเก่งรอบด้านอีกต่างหาก  เฮ้! น้าเล่นแบบนี้อีกแล้วนะเผลอเป็นไม่ได้เลย  ให้ตาย”  โปเต้พูดไปก็หลบไปเพราะชายทั้งสอง  ทั้งออกมัด ตวัดขา ออกเข่า  สารพัดอย่างที่คิดว่าจะทำร้ายโปเต้ได้

    “หลบเก่งนักนะน้องสาว  ไหนบอกว่าเก่งรอบด้านไง  อย่าเอาแต่หลบสิ”  ชายคนหนึ่งพูดทั้งที่ยังออกมัดใส่โปเต้ไม่ยั้ง  แต่ยังดีที่โปเต้เป็นคนตัวเล็กแล้วก็ว่องไวเลยหลบได้ทุกรูปแบบ

    “เปล่าหรอกน้า  ฉันแค่อยากดูพวกน้าเล่นตลกให้ดูนะ”  โปเต้พูดตามความจริง  เพราะที่เค้าเอาแต่หลบนั้นใช่ว่าเค้าสู่ชายทั้งสองไม่ได้เพียงแต่เค้าแค่อยากจะเก็บรายละเอียดของคู่ต่อสู้เท่านั้นเอง

    “เล่นตลกอย่างงั้นหรอ  มันจะดูถูกพวกเรามากไปแล้วนะน้องสาว  เห็นเราเล่นด้วยหน่อยทำเป็นปากดี  ปากดีมากๆระวังมันจะมีสีนะน้องสาว” ชายทั้งสองโกรธกับคำพูดที่ว่า “เล่นตลก” ของโปเต้มากชายทั้งสองยิ่งลุกโปเต้มากขึ้น  แต่เหมือนกับว่าชกไปก็ชกได้แต่ลม  เตะไปก็โดนแต่ความว่างเปล่า โปเต้หลบได้ทุกรูปแบบเพราะเค้าว่าเค้าจับทางของชายทั้งสองได้หมดแล้ว

    “น้าเต้ว่านะ  จบการต่อสู้ของเราเหอะเต้เหนื่อยอ่ะ  ไม่อยากเล่นแล้วอ่ะไม่หนุกเลย”  พูดจบโปเต้ก็ไม่รอช้ากาวขาออกไปข้างหน้าเพียงก้าวครึ่งก็ถึงคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าโปเต้ตวัดขาไปข้างหน้าพร้อมกับการเข้าประชิดตัวคู่ต่อสู้ก่อนจะจับตัวคู่ต่อสู้ทุ่มลงกับพื้น ด้วยความที่ไม่คิดว่าเด็กหญิงตัวแค่นี้จะทำอะไรได้ขาดนี้  ชายอีกคนก็กำลังตกใจโปเต้จึงไม่ปล่อยโอกาศนี้มันหลุดลอยหายไปเปล่าๆ  โปเต้ใช้เทคนิคเดิมที่เคยใช้ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วิ  ดปเต้เข้าประชิดตัวคู่ต่อสู้แล้วจับคู่ต่อสู้ทุ่มลงกับพื้นก่อนจะรีบมองหาอะไรเพื่อมามัดทั้งสองคนไว้เพราะถ้าไม่มัดไว้คงต้องสู้กันยาวแน่ๆ  โปเต้มองซ้ายมองขวาหาสิ่งที่พอจะมามัดทั้งสองคนได้ก็ไม่มีแต่แล้วด้วยสมองอันชาญฉลาดของโปเต้  โปเต้ก็คิดอะไรบ้างอย่างขึ้นมาได้

    “น่าช่วงที่น้ามึนๆอยู่อ่ะ  เต้ขอเนกไทน้ากับกางเกงน้านะ”  ว่าแล้วโปเต้ก็ลงมือจับทั้งสองคนถอดกางเกงแล้วก็เนกไท  “เนกไทน้านะ  เต้จะเอามามัดมือน้านะ  น้าไม่ต้องห่วงว่าเต้จะขโมยมันนะ  ส่วนกางเกงก็เต้เห็นว่ามันขายาวดีเต้เลยยืมน้ามาพันไว้รอบตัวตัวน้านิดหน่อยนะ ฮึบ  เสร็จแล้วน้าชอบไม  เอ๊แต่เต้ว่ามันยังขาดอะไรอยู่นะ ............... อ้อปากน้ามันก็ต้องมีที่ปิดสิมันถึงจะครบสูตรแต่เอ๊เต้จะเอาอะไรมามัดดีล่ะ  อ้อนึกออกแล้ว ..................เสร็จแล้วจริงๆนะน้าเต้ไปล่ะนะ  บับบาย  ว่าแต่ยัยผู้หญิงเสียงแหลมสมองเสื่อมหายไปไหนว่ะเนี้ยะจะรู้รึไปว่าลูกน้องตัวเองดูไม่ได้ขนาดนี้เนี้ยะ”  ว่าแล้วโปเต้ก็เดินออกจากสถานที่เกิดเหตุก่อนที่คนอื่นจะมาเห็นว่าเค้าทำอะไรลงไปบ้างกับชายทั้งสอง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “อิตาน้าสองคนนั้นมันเคยล้างเท้าบ้างรึป่าวว่ะเนี้ยะเหม็นเป็นบ้าเลย”

    :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: [70%] ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

    แบบว่าขอโทษที่หายไปนาน  ถ้าทุกคนสังเกตุนะจะรู้ว่ากรต้องขอโทษแบบนี้บ่อยมาก

    เพราะกรหายไปบ่อยจริงๆ กรว่าเรียนมันไม่เท่าไหร่หรอก  แต่งานนี้สิทำไมมันเยอะขนาดนี้

    แต่ว่ายังไงกรจะพยายามอัพให้บ่อยขึ้นแล้วกัน  ถึงแม้ว่ามันจะทำยากก็ตามที  แต่ยังไงก็จะพยายามนะ

    มาว่าเรื่องฟิคเรากันบ้างดีกว่า  ตอนนี้มันจะการพูดถึงสรรพคุณความแสบของโปเต้  แล้วแถมให้อย่างก็คือ

    ช่วงหลังที่เหลือจะได้รู้ด้วยว่าคู่กรณีโปเต้เค้าเป็นใคร  พ่อแม่คือใคร  ทำงานอะไร เรียนจบจากไหน 555+  ล้อเล่น

    เอาแค่รู้ว่าเธอเป้นใครก็พอแล้วกันนะ

    ถึงกรจะหายไปนานแต่ยังไงกรก็ยังอยากได้  เม้นอยู่อ่ะ

    เม้นนะ  เม้นนะ  โอมจงเม้น  เพี้ยง!




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×