คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6 : ซามะ
ไมได้มาต่อเสยตั้งนาน ยังไงก็ขอคำคอมเม้นด้วยนะฮับ ขอบคุณฮับ อ่านได้เลย
ตอนที่ 6 ซามะ
“นี่จะเล่นกันมากเกินไปแล้วนะ”นานะหันมาหาฉันกับเก็นนะด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก หึงหล่ะสิ คำๆนี้อยู่ในหัวของฉันเสมอ เพราะว่าเจอบ่อยกับเรื่องแบบนี้โรงเรียนเก่าของฉันก็เป็นแบบนี้แหละ
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลย”เก็นตอบไปอย่างนั้นแต่ก็ไม่สามารถทำให้นานะกับยูนะหายโกรธได้ ฉันเลยยิ้มอย่างหน่ายๆให้พวกเขา บรรยากาศแบบนี้แล้วก็กลิ่นอายของญี่ปุ่นมันช่างดีเหลือเกินนะ แต่คิดถึงเพื่อนที่โรงเรียนเก่าจัง ป่านนี้จะเป็นยังไงกันบ้างนะ ในระหว่างที่ฉันได้แค่คิดถึงเพื่อนเก่า ก็เผลอพึมพำออกมาเบาๆ แต่เพื่อนหูดีของฉันในตอนนี้ก็ดันได้ยินอีก
“ซามะ”ซามะคือเพื่อนที่โรงเรียนเก่าของฉัน เป็นคนที่สนิทที่สุด ก็เป็นรูมเมทกันนี่นะ ยังไงก็ต้องสนิทกันอยู่แล้วหล่ะนะ แถมซามะยังเป็นคนดีอีกต่างหาก คอยช่วยเหลือฉันเสมอเวลาตอนที่ทำการบ้านจนเหนื่อย ก็จะคอยมาดูแล มันทำให้คิดถึงเวลานั้นจริงๆนะ
“ซามะ ใคร”นานะพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่แสนจะดัง ทำให้คนทั้งห้องต้องมองมาที่ฉันอย่างช่วยไม่ได้ ฉันได้แต่ทำหน้าเหมือนกับปกติ ไม่อยากตอบอะไรทั้งสิ้น แต่ก็ต้องตอบเพราะทุกสายตามันแสนจะคาดคั้นฉัน จนเริ่มรำคาญ ตอบไปก็ไม่เห็นจะเป็นไร
“เพื่อนน่ะ เพื่อนสนิท”ฉันพูด พร้อมกับหันไปที่หน้าต่างเพื่อดูวิวต่อไป แต่รู้สึกเหมือนว่าใจของฉันกับซามะจะตรงกันหล่ะมั้ง ก็ในเมื่อเสียงมือถือของฉันมันดังขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ดีนะที่อาจารย์ยังไม่เข้ามาน่ะ ไม่อย่างนั้นโดนริบมือถือแน่นอน
ตี๊ด ตี๊ด ตุ้งๆๆ ปึ้งงงงง ปังงง
เสียงโทรศัทพ์มือถือของฉันนั่นเอง ฉันเลื่อนมือไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะกดรับมัน และเมื่อเห็นว่าเป็นชื่อของใครที่โทรมา ฉันก็ถึงกับยิ้มแก้มแทบปริทันที
“ว่าไงครับ สาวสวย”ผมแกล้งล้อเลียนคนที่อยู่ในโทรศัพท์ แต่ก็ได้เสียงด่ากลับมา ให้ตายสิ คนกำลังคิดถึง อุตส่าห์ล้อเลียนเพื่อให้หายคิดถึง แต่ดันโดนเจอลูกด่ามหาปะลัยของเพื่อนสนิทเข้าซะนี่ ทำเอาฉันหมดอารมณ์ไปเลย
“สาวสวยบ้านแกดิ ว่าแต่เคียวเป็นยังไงบ้าง รู้มั้ยฉันคิดถึงนะ”เมื่อได้คำตอบฉันก็ถึงกับอมยิ้มทันที อย่างน้อยๆในคำด่ามันก็มีคำคิดถึงอ่านะ สมแล้วที่เป็นเพื่อนสนิทที่ฉันไว้ใจ
“อืมก็ดี แล้วซามะหล่ะ”
“ก็สบายดีนะ ว่าแต่เรียนที่นั่นเป็นยังไงบ้างหล่ะ ดีมั้ย สนุกหรือเปล่า”แล้วเวลาแห่งการรื้อฟื้นและถามไถ่กับเพื่อนสนิทของฉันมันก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีเสียงขัดขึ้นนั่นแหละฉันถึงต้องรีบวางโทรศัพท์มือถือก่อนที่จะโทรศัพท์จะโดนยึด
“บายนะครับ แล้วค่อยคุยกัน”ฉันบอกลาซามะก่อนที่จะรีบเก็บมือถือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วเริ่มหันมาสนใจกับกระดานที่อยู่ตรงหน้า แต่แล้วสายตาเจ้ากรรมของฉันก็หันไปเห็นสายตาของนานะ กับยูนะที่หันมามองฉันอย่างกับจะถามอะไรซักอย่าง มันทำฉันรำคาญอย่างแรง มีอะไรก็ถามๆมาสิ มาจ้องอยู่ได้
“มีอะไรหรือเปล่าทั้งสองคน”ฉันถามอย่างเบื่อหน่ายปนกับความหงุดหงิดนิดหนึ่งโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าอาจารย์กำลังสอนคณิตศาสตร์อยู่บนกระดานอยู่ ทั้งยูนะกับนานะต่างก็จ้องหน้ากันซักพักก่อนที่จะถามคำถามอันน่าปวดหัวให้กับฉัน คิดได้ไงเนี่ย จะเป็นลม
“แฟนเคียวโทรมาหรอ”กะไว้แล้วเชียว ฉันส่ายหน้าอย่างไม่คิดจะตอบอะไรก่อนที่จะตวาดเสียงแผ่วๆให้กับทั้งสองคนได้รู้แจ้งกันเลยว่า คนอย่างฉันไม่มีทางเป็นแฟนกับผุ้หญิงอย่างแน่นอน โดยเฉพาะยัยจอมวงการอย่างซามะ
“ไม่ใช่ อย่าคิดอย่างนั้นอีก ฉันไม่มีแฟนเข้าใจมั้ย”ฉันพูดก่อนที่จะหันไปสนใจกับกระดานที่อยู่ตรงหน้าต่อ แต่ก็ได้ยินเสียงคิกคักดังมาจากข้างหลังของฉันทำให้ฉันรู้เลยว่าสองตัวที่อยู่ข้างหลังฉันมันกำลังหัวเราะกันอยู่
“เคียว ถามหน่อยนะ รู้สึกรำคาญพวกเรามากเลยหรอ”เก็นหันมาถามฉันด้วยแววตาเศร้า ที่ดูยังไงๆ มันก็ไม่เหมือนผู้ชายซักนิด ออกจะเหมือนเด็กผู้หญิงที่กำลังนั่งจ้องจับผิดแฟนของตัวเองอยู่อย่างนั้นแหละ เฮ้ย คิดอะไรเนี่ยฉัน ไม่เอาๆๆ ไม่คิดละ
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นหล่ะ”ฉันถามด้วยน้ำเสียงเรียบ โดยที่ไม่ได้หันไปมองเก็นเลย เพราะสายตาของฉันกำลังจับจ้องอยุ่ที่กระดานอยู่ โจทย์ที่อาจารย์เอาให้ทำกำลังมันน่ะสิ สนุก ฉันเป็นคนชอบคิดเลข มันใช้ความคิดดีนะ
“ก็ตอนที่เคียวคุยกับซามะน่ะนะ น้ำเสียงออกจะร่าเริง แต่กลับพวกเราเหมือนห่างๆกันยังไงไม่รู้”อ้าว เป็นงั้นไป มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วสิ เจ้านี่ถ้าจะบ้า คนรู้จักกันเพียงแค่สองวันจะให้พูดสนิทอย่างฉันกับซามะ มันไม่ได้หรอกนะ ฉันกับยัยนั่นน่ะครบกันก็นานพอดู แถมยังเป็นเพื่อนสนิทกันอีก จะไม่ให้คุยด้วยน้ำเสียงร่าเริงได้ไงเนี่ย ฉันหันไปมองหน้าเก็นพร้อมกับส่ายหัวอย่างหน่ายแล้วเลื่อนมือไปแตะบ่าของเก็น
“อย่าคิดมากน่า ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้ายังสนิทไม่มากก็จะพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้แหละ อย่าคิดมาก”ทำไมฉันต้องไปแคร์ความรู้สึกของไอ้เจ้าบ้านี่ด้วยนะ เฮ้อ แต่ก็ช่างเถอะ เห็นเก็นยิ้มฉันก็รู้สึกดีใจและโล่งใจไปด้วย ก็ดีกว่าไม่มีเพื่อนที่คอยห่วงใยซักคนอ่านะ
“อืม ไม่คิดมากก็ได้”เก็นว่าด้วยน้ำเสียงหวานๆ คนอื่นอาจจะไม่คิดอะไร แต่ฉันน่ะคิดว่ามันเป็นน้ำเสียงที่แสนจะดัดจริตจริงๆ มันสูงเกินไป นี่สงสัยดัดเสียงตัวเองให้ดูเหมือนผู้หญิงหล่ะมั้ง แต่มันก็เหมือนจริงๆนะ แต่มันคนละเรื่องกับเสียงตอนนั้นเลยแฮะ ถ้าพูดด้วยเสียงอย่างเมื่อตอนนั้นนะ ฉันจะปลื้มเก็นมาก โหะโหะ เสียงหล่ออ่ะ
หลังจากที่ฉันกับเก็นได้ปรับความเข้าใจในเรื่องของการคบหากันเสร็จแล้ว พวกฉันก็ตัดสินใจเดินไปยังโรงอาหาร แต่ที่แน่ๆคือ ฉันไม่ชอบอยู่อย่างหนึ่ง ก็เพราะเจ้าเก็นน่ะสิ ทั้งๆที่มันเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ดันมาเกาะแขนของฉัน มันเหมือนกับฉันเป็นผู้ชายซะเอง มันไม่น่าโมโหหรือไง แถมยังเสียงซุบซิบนินทาอีกต่างหาก
“นี่ เก็น จะเกาะฉันอีกนานมั้ย”ฉันหันไปถามอย่างหน่ายๆ มันเมื่อย ต้องเข้าใจบ้าง แถมขี้เกียจทนกับสายตาที่หันมามองฉัน ทุกคน ดูดิ แต่ละคน ถึงโรงเรียนนี้จะแยกระหว่างชายหญิงก็ตามที แต่บางคาบวิชา ผู้ชายก็จะข้ามฝั่งมาเรียนที่ฝั่งหญิง แน่นนอนฝั่งหญิงก็เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะเยอะกว่าปกติ เพราะมันมีชมรมนั่นเอง
“ทำไมอ่ะ เราว่าเกาะอย่างนี้แหละดีแล้ว”น่าน เฮ้อ เหนื่อยจริงๆ มันจะอะไรนักหนากันนะ ช่างเหอะ เกาะได้เกาะไปจะเกาะได้อีกกี่น้ำกันนะ ดูซิ จะทนกับเสียงซุบซิบได้มั้ย หึหึ ฉันน่ะไม่เป็นไรหรอกเพราะโดนมามากพอแล้ว แต่กับเก็นฉันก็ไม่รู้อ่านะ
“นี่ สวีทกันเกินไปแล้ว”ใครมันพูด ฉันอยากจะถีบให้กระเด็น แต่พอมองดูดีๆ อ้าวกลายเป็นนานะนั่นเอง
“เอ่อ เราไม่ได้สวีทกันนะ”แล้วทำไมฉันต้องแก้ต่างอย่างลุกลี้ลุกลนด้วยหล่ะเนี่ย โอ๊ยยยยย จาบ้าตาย
“แล้วทำไมลุกลี้ลุกลนจัง”ตาไวอีก แน่นอน ตาไวต้องยกให้กับยูนะ ที่ตอนนนี้จ้องหน้าฉันอย่างกับจะค้นหาความจริงแบบแน่วแน่ มันทำเอาหัวใจของฉันรู้สึกหวั่นๆเหมือนกันนะ ว่าจะเจอคำถามอะไรที่มันมากกว่านี้หรือเปล่า
ความคิดเห็น