คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : พ่อม่ายชานยอล l ตอนที่ 6
พ่อม่ายชานยอล
l ตอนที่ 6
:: พระรอง
::
04.20 am.
ความปวดหน่วงช่วงกลางลำตัวปลุกผมขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดยามราตรี
มือหนายันตัวเองลุกจากผืนเตียงกว้าง แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังห้องน้ำทันที
ขอบกางเกงนอนสีดำถูกล่นลงเล็กน้อยเพื่อปลดปล่อยความอัดแน่นออกมาจนสุด
จัดการกดน้ำแล้วสวมกางเกงกลับไว้ดังเดิม เป้าหมายถัดไปคือเตียงนอนขนาด 6 ฟุต หลังใหญ่ที่วางตระหง่านอยู่กลางห้อง
หากสายตาไม่ดันเหลือบไปเห็นแสงไฟที่ลอดมาจากชั้นล่างของบ้านเสียก่อน
ผมสาวเท้าเดินลงมาเบื้องล่างทั้งที่ยังสะลึมสะลือไม่หาย
แสงจากหลอดนีออนสว่างจ้าทำเอาดวงตากลมโตต้องหรี่ลงเพื่อปรับโฟกัส
ภาพที่เห็นคือพี่เลี้ยงปีสามนามบยอนแบคฮยอน
กำลังนอนหลับฟุบหน้าไปกับโต๊ะคอมอย่างหมดสภาพ เห็นดังนั้นเลยอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปซ้อนหลังเก้าอี้ล้อเลื่อนตัวที่เขานั่ง
ขยับเมาส์เพียงเล็กน้อย หน้าจอสีดำก็กลับมาสว่างอีกครั้ง
"โรมิโอแอนด์จูเลียต?" ไล่สายตาอ่านข้อความที่ถูกเน้นหนาอยู่กลางหน้าเวิร์ดอย่างสงสัย
นี่มันคิดจะทำอะไรของมันกันแน่
"รีบเถอะแม่นม จะมัวช้าทำไม?"
"แม่นม หนูอายเขานะ หยุดเถอะค่ะ" จีบปากจีบคอพูดแล้วก็หลุดขำออกมาเบาๆ
"อืออ.." เสียงครางเบาหวิวจากร่างเล็กตรงหน้าทำเอาผมชะงักงัน
บยอนแบคฮยอนดูไม่สบายตัวเอาเสียเลย ก็แหงล่ะ
นอนอยู่แบบนี้ก็คงจะสบายอยู่หรอก รอจนอีกฝ่ายจัดท่านอนเรียบร้อยแล้วจึงเลื่อนเมาส์ไปกดเซฟงานให้อีกครั้งแล้วปิดหน้าจอลง
เห้ออ
บอกเขาอย่าเสือก แต่ดันไปเสือกงานเขาก่อนใครเลย ให้มันได้แบบนี้สิปาร์คชานยอล
baekhyun’s
"นี่นาย ไปทำอะไรมา ทำไมหน้าโทรมแบบนี้?" คยองซูใช้มือทั้งสองข้างช่วยประคองใบหน้าของผมให้หันมามองกัน
"เมื่อคืนนอนดึกน่ะ งานมันโดนลบนี่"
"เอ้าชิบหาย ลบได้ไงอะ เมื่อวานที่มาเล่าก็ทำได้เยอะแล้วไม่ใช่หรอ?"
"อืมม
เขาคงโมโหที่ไปโหม่งหัวเขาล่ะมั้ง ลบงานฉันซะวอดเลย"
"เป็นผู้ใหญ่ประสาอะไร ทำไมไม่รู้จักแยกแยะบ้าง งานก็ส่วนงานปะวะ?!"
คยองซูต่อว่าอย่างหัวเสีย
"แล้วนี่โกรธเขาบ้างป่ะ?" จุนมยอนที่นั่งฟังเรื่องราวทั้งหมดอยู่อย่างเงียบๆแกล้งถามขึ้นเพื่อหยั่งเชิง
"ตอนแรกก็โกรธแหละ แต่ช่างเหอะ ถือซะว่าเจ๊ากับที่ไปโหม่งหัวเขาก็แล้วกัน"
"เห้อ แบคฮยอนนี่มันแบคฮยอนจริงๆ"
ผมทิ้งตัวนอนราบไปกับโต๊ะอย่างหมดแรง
งานทั้งหมดขอส่งต่อให้จุนมยอนกับคยองซูทำล่วงหน้าไปก่อน
ยังไงซะวันนี้ก็มีเรียนช่วงสายๆอยู่แล้ว เพราะงั้นขอนอนเอาแรงหน่อยก็แล้วกัน
...
"เอ้า ทำไมวันนี้มาเช้าอะ มีเรียนสายไม่ใช่หรอ?" อู๋อี้ฟานที่ในมือถือแฟ้มงานบางอย่างเดินตรงเข้ามาในแคนทีน
เอ่ยทักทายรุ่นน้องในเอกอย่างเป็นกันเอง
"พอดีงานมีปัญหานิดหน่อยน่ะครับ เลยต้องรีบมาทำก่อน"
"อ่ออ แล้วนี่เป็นไรอะ ไม่สบาย?" เสตามองรุ่นน้องคนสนิทที่หลับเอาหัวซุกแนบไปกับโต๊ะแล้วก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มบางด้วยความเอ็นดู
"นอนดึกน่ะพี่ เมื่อคืนมันทำงานโต้รุ่ง"
คยองซูอาสาตอบคำถามให้แทนเพื่อนรักที่หลับไปนานกว่าสิบนาทีแล้ว
"นอนไม่พอว่างั้น?"
"ประมาณนั้นแหละครับ" อี้ฟานพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเดินจากไปทันทีอย่างไม่มีบอกกล่าว
คยองซูตีหน้างง จุนมยอนเองก็ไม่ต่างกัน ทั้งสองไหวไหล่เบาๆ
แล้วจึงหันกลับมาสนใจกับงานตรงหน้าต่ออีกครั้ง
แต่จู่ๆอู๋อี้ฟานก็เดินกลับมาพร้อมกับอะไรบางอย่างในมือ
นมสดกล่องเล็กถูกวางลงตรงหน้าของบยอนแบคฮยอน
"ถ้าเขาตื่นก็บอกให้กินนี่หน่อยนะ
เผื่อมันจะทำให้เจ้าเด็กคลั่งนมคนนี้มีแรงทำอะไรขึ้นมาบ้าง พี่ไปละ..ตั้งใจทำงานนะเด็กๆ"
อู๋อี้ฟานประธานเอกคณะปีสี่เดินจากไปด้วยรอยยิ้ม
คยองซูและจุนมยอนมองตามร่างสูงโปร่งนั้นไปจนลับสายตา
ก่อนที่ต่างฝ่ายจะหันหน้ากลับมามองกันอย่างรู้งาน พูดก็พูดเถอะ
บยอนแบคฮยอนน่ะไม่ได้สายตาสั้นหรอก มันออกจะยาวไปด้วยซ้ำ
"ฉันว่าฉันเชียร์คนนี้สุดใจเลย"
ช่วงสายไม่มีการเรียนการสอนอย่างที่ควรจะเป็น
พวกเอกปีสามทุกคนจึงถูกต้อนให้มารวมกันที่โถงกลางคณะเพื่อทำการซักซ้อมบทละครเวทีที่จะมีขึ้นในอีก
2 เดือนข้างหน้า ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดีทีเดียวสำหรับคนอ่อนเปลี้ยเพลียแรงอย่างผม
"แยกซ้อมอีกสิบห้านาทีรวม ปีสี่เจอกันที่ระเบียงในอีกหนึ่งนาที" พูดจบ
พี่อี้ฟานก็รีบปลีกตัวแยกออกไปทันที ปีสามทุกคนเริ่มทยอยเดินแยกกันไปคนละทิศคนละทาง
เพื่อหามุมเงียบๆสำหรับการซ้อมบทละครให้ตัวเอง
ผมเลือกที่จะปลีกตัวออกมาบริเวณสวนหย่อมหลังโถงกลางแทน
เพราะด้านในค่อนข้างวุ่นวายเป็นพิเศษ บทละครถูกถือขึ้นในระดับสายตาแล้วไล่อ่านเนื้อความไปทีละบรรทัดอย่างใจเย็น
ผมหลับตาลงช้าๆ
แล้วสูดเอาออกซิเจนจากภายนอกเข้าไปเต็มจนปอดก่อนจะผ่อนมันออกแผ่วเบา
แต่เมื่อลืมตาขึ้นใบหน้าของใครอีกคนที่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
กลับทำให้ผมตกใจจนเผลอก้าวถอยหลังไปชนเข้ากับรูปปั้นหินอย่างจังจนมันเสียสมดุล
และก็เป็นอีกครั้งที่แรงโน้มถ่วงได้นำความซวยมาให้
ปั่กก!!
รูปปั้นหินที่วางตระหง่านอยู่กลางสวน
อันมีมาหลายชั่วอายุคนอย่างโยฮัน สเตราส์ คีตกวีชื่อดัง
ผู้ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์รวมใจของคนทั้งคณะแตกหักลงต่อหน้าต่อตา
"!!!!" ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
ในหัวมีแต่คำว่า งานงอกแล้วแบคฮยอน อยู่เต็มไปหมด
"เหี้ยละ! ขอโทษนะ
ไม่ได้มีเจตนาทำให้นายตกใจ เจ็บตรงไหนรึป่าว?"
ผมคว้ามือของคนแปลกหน้าที่กำลังหยิบยื่นมา เพื่อช่วยในการพยุงตัวเองขึ้น
จะพูดว่าคนแปลกหน้าก็ฟังดูเกินไป จริงๆเขาก็คือเพื่อนในเอกของผมเอง
‘ คิมซอกจิน’
"ฉันไม่เป็นไร แต่โยฮัน.."
"เอาไงดีวะ..หรือจะปล่อยไว้แบบนี้" ซอกจินทอดสายตามองรูปปั้นที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างหมดหนทาง
ซึ่งผมเองก็ไม่ได้มีไอเดียร์ดีๆที่จะทำให้เราทั้งคู่หลุดออกจากสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้เหมือนกัน
"พวกคุณมาทำอะไรแถวนี้?" เสียงทุ้มดังมาตั้งแต่ปากทาง
ทำเอาใจผมกระตุกวูบ แทบไม่ได้นัดหมายกันกับซอกจิน
เราทั้งสองยืนบังความผิดมหันต์ที่รู้ดีว่าปิดยังไงก็คงไม่มิดแน่ๆ แต่เอาเถอะ
ขอให้พี่อี้ฟานไม่สังเกตเห็นมันก็แล้วกัน เมื่อไม่ได้คำตอบ
ร่างสูงโปร่งก็จัดการสาวเท้าเข้ามาใกล้ทันที
“...”
“ตอบสิบยอนแบคฮยอน เรากำลังถามคุณอยู่ หรือว่าคุณจะให้ตอบแทนล่ะคิมซอกจิน
เราถามว่ามาทำอะไรแถวนี้?”
“เอ่อ..มาซ้อมบทน่ะครับ” ผมอาสาตอบกลับไปแบบกล้าๆกลัวๆ
เอาเถอะพี่อี้ฟานคงไม่กล้าดุผมมากหรอก แต่ถ้าซอกจินล่ะก็ไม่แน่
“เราบอกให้แยกกันซ้อมไม่ใช่หรอ หรือไม่ได้ยินที่พูด?”
“...”
"แล้วรูปปั้นโยฮันด้านหลัง ใครจะอธิบายเรื่องนี้ให้เราฟังได้บ้าง?"
เรื่องนี้ไปถึงหูท่านคณบดี นักศึกษาทั้งเอกเลยถูกเรียกมารวมตัวกัน ณ ห้องประชุมของคณะแทบจะทันที พวกเด็กปี1 ปี2 ที่ไม่เกี่ยวข้องก็ยังโดนลากมาด้วย
เหอะ เรื่องทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนไปทั่วนี่งานถนัดนายเลยสินะ บยอนแบคฮยอน
ผมก่นด่าตัวเองในใจ
"ผมอยากจะแจ้งให้พวกคุณทราบ ถึงแม้ว่าบางคนจะทราบอยู่แล้วก็ตาม
ว่ารูปปั้นนั่นอยู่กับเรามาตั้งแต่ตึกคณะดนตรีเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ
เรายึดรูปปั้นนั่นเป็นศูนย์รวมจิตใจ หากแต่ใครบางคนในพวกคุณกลับทำลายมันลง"
"..."
"ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจ หรือไม่ก็ตาม ผมอยากให้คุณสารภาพมันออกมาต่อหน้าพวกเราทั้งหมด
เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ใครทำขอให้ยกมือ"
"..."
"ถ้าไม่มีคนยอมรับพวกคุณจะต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งเอกโดยไม่มีข้อแม้ใดใดทั้งนั้น
ผมจะขอถามอีกเป็นครั้งสุดท้าย ใครทำ!" และในขณะที่มือเรียวกำลังจะยกขึ้นเหนือศีรษะนั่นเอง
ที่เสียงของใครบางคนหยุดการกระทำเหล่านั้นเอาไว้เสียก่อน
"ผมครับ!/ผมครับ!"
ผมหันไปมองเจ้าของเสียงทั้งสองที่ยืนกันอยู่คนละทางด้วยความไม่เข้าใจ
ขมวดคิ้วตีหน้ายุ่งแทนคำถามไปทางพี่อี้ฟาน
แต่กลับได้รับคำตอบเป็นสายตาเย็นๆที่บอกให้ผมอยู่นิ่งๆและไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น
"เป็นฝีมือพวกคุณสองคนงั้นหรอ?"
"ครับอาจารย์ ฝีมือผมเอง" พี่อี้ฟานออกหน้ารับแทนทุกอย่าง
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ผมว่านี่มันไม่ถูกต้อง
"คุณก็ด้วยหรอ คิมซอกจิน?"
"ครับท่าน มันเป็นอุบัติเหตุ"
“เอาล่ะ คนที่ไม่เกี่ยวข้อง แยกย้ายไปเรียนได้
ส่วนพวกปีสามที่มีซ้อมละครเวทีก็ปลีกตัวออกไปที่โถงกลางได้เลย แล้วก็พวกคุณสองคน
ตามผมมา”
พี่อี้ฟานเดิมตามท่านคณบดีออกไปอย่างรู้งานท่ามกลางสายตาที่กำลังจดจ้องมาของคนทั้งคณะ
ซอกจินเหลือบมองมาทางผมเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเบือนหน้าหนีแล้วรีบเดินตามพี่อี้ฟานออกไปทันที
นักศึกษาในเอกเกือบห้าสิบชีวิต
ต่างแยกย้ายกันไปเรียนตามคำสั่งของคณบดี จะเหลือก็แต่ผมนี่แหละ
ที่ยังคงนั่งอยู่กับที่ไม่ยอมลุกไปไหน
ได้ไงล่ะ
ทั้งที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วทำไมต้องออกหน้ารับแทนผมด้วย? ไม่ได้การละ
งานนี้เป็นไงเป็นกันวะ คิดได้ดังนั้น
ก็รีบยันตัวลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งออกไปจากห้องประชุมทันที
“เอ้า แบคฮยอน จะไปไหน?”
“ไปแสดงความรับผิดชอบน่ะสิ”
. . . . .
“อู๋อี้ฟาน คุณเป็นถึงประธานเอกปีสี่ แต่กลับมาเล่นอะไรแผลงๆจนเกิดเรื่องแบบนี้
ยังไงซะ ผมก็มีความจำเป็นจะต้องปลดคุณออกจากตำแหน่งประธาน เพื่อตัวของคุณเอง
ไม่งั้นรุ่นน้องคงจะหมดศรัทธาในตัวคุณกันพอดี”
"..."
“คุณก็เหมือนกัน คิมซอกจิน
ใกล้จะสอบไล่แล้วแท้ๆยังขยันหาเรื่องใส่ตัว สงสัยว่าเทอมนี้ คะแนนความประพฤติของคุณจะต้องโดนหักแล้วล่ะ..”
รู้ทั้งรู้ว่าการแอบฟังคนอื่นคุยกันมันเสียมารยาทมากแค่ไหน
แต่ไอครั้นจะให้ยืนฟังต่อไปก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
มือเรียวจัดการเปิดประตูห้องออกโดยพลการ ผมไม่ต้องการให้ใครมารับผิดแทนผมอีกแล้ว
“ขอโทษที่เข้ามาโดยไม่ขออนุญาตครับท่าน แต่เรื่องทั้งหมด มันเป็นความผิดของผมเอง!”
“คุณว่าไงนะ?”
“เรื่องรูปปั้นโยฮันเกิดจากความสะเพร่าของผมเองที่เดินไม่ระวัง
เลยพลาดไปชนเข้า พี่อี้ฟานกับซอกจินพวกเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เพราะงั้นได้โปรด
ให้ผมรับผิดเรื่องนี้แค่คนเดียวด้วยเถอะครับ!”
โทษหนักสถานเดียวของผมคือการจ่ายค่าเสียหายเรื่องรูปปั้นทั้งหมดพ่วงมากับการดูแลสวนหย่อมหลังโถงกลางคณะเป็นเวลา
2 เดือน คะแนนความประพฤติถูกหักไปตามระเบียบ
ส่วนซอกจินกับพี่อี้ฟานถูกลดโทษลงมาเหลือแค่การทำความสะอาดแคนทีนเป็นเวลา 2
อาทิตย์โทษฐานโกหกผู้หลักผู้ใหญ่
"เข้ามาในห้องทำไม ไม่เข้าใจที่พี่ต้องการจะสื่อหรอ?"
"ผมรู้ แต่ผมไม่ต้องการให้ใครมาเป็นแพะรับบาปแทนผมทั้งนั้นแหละ"
รู้ทั้งรู้ว่าพี่เขาอยากช่วย แต่ขอเถอะ เรื่องนี้มันไม่เข้าท่าเลยจริงๆอ่ะ
"นี่ฟังนะ
ถ้ามันจะช่วยให้นายสบายขึ้นได้ พี่ก็อยากทำมันเพื่อนายนะแบคฮยอน"
“...”
“อีกอย่าง พี่ไม่เคยรู้สึกว่าตกเป็นแพะเลยแม้แต่วินาทีเดียว
รู้ไว้เลยนะเด็กโง่”
06.35 pm.
วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานในสวนหย่อมหลังโถงกลางคณะ
บรรยากาศโดยรอบมันไม่ได้แย่อย่างที่คิด
ผมเดินไปหยิบสายยางที่ขดตัวอยู่ท้ายสวนออกมาคลี่กางจนยาวเหยียด
หมุนหัวก๊อกสีเงินไปตามเข็มนาฬิกา แล้วจึงเริ่มปฏิบัติหน้าที่ทันที
แต่จู่ๆ แสงไฟจากโคมฝังพื้นบริเวณบ่อน้ำที่กลางสวนก็ถูกเปิดขึ้นอย่างปริศนา ผมหยุดฮัมเพลงโปรดแล้วกลั้นใจหันกลับไปมอง
จนเมื่อเห็นเงาตะคุ่มๆกำลังเดินออกมาจากมุมห้องเก็บอุปกรณ์นั่นแหละ
ถึงได้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก
“ยังไม่กลับบ้านอีกหรอ?” เป็นคิมซอกจินนั่นเองที่เดินเข้ามา
บรรยากาศรอบข้างที่กำลังมืดลงไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าเป็นกังวลแต่อย่างใด
“อันที่จริงอยู่หอน่ะ เพราะงั้นต่อให้กลับดึกแค่ไหนก็ไม่เห็นเป็นไร” เจ้าตัวยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“อ่า
เด็กไม่ดีเลยนะซอกจิน”
“พูดไปนั่น
แล้วเพื่อนไปไหนหมด ไม่ได้มารอหรอ?”
“อืม
กลับไปแล้วล่ะ ขืนให้มารอก็โดนบ่นพอดี
ป่านนี้คยองซูคงจะกลับบ้านไปนอนได้หลายตื่นแล้ว ส่วนจุนมยอน รายนั้นน่ะไม่ต้องห่วง พ่อแม่หวงยิ่งกว่าไข่ในหิน
เถรไถลที่ไหนไม่ได้อยู่แล้ว”
ผมพูดเรื่องของเพื่อนสนิทให้อีกฝ่ายฟังพอคร่าวๆ
ซอกจินพยักหน้าตามเหมือนพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด
ซึ่งถือว่านั่นเป็นเรื่องดีสำหรับคนที่ไม่เคยคุยกันมาก่อนตลอดระยะเวลา 2
ปีที่ผ่านมา ผมรู้แค่ว่า เขาชื่อคิมซอกจิน
แต่ไม่เคยเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำความรู้จักเขาอย่างเป็นจริงเป็นจังเสียที
“แล้วเป็นไง เหงาปะ?”
“เหงาดิ ถามแปลก”
"งั้นให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนนายทุกวันตอนเย็นแบบนี้ จะโอเครึเปล่า บยอนแบคฮยอน?"
07.35
pm. @ home sweet home
"สาย" นั่งไขว่ห้างปรายตามองอีกฝ่ายอยู่บนโซฟาตัวยาว เห็นบยอนแบคฮยอนยืนเท้าแขนหอบหายใจหนักอยู่หน้าประตูบ้าน แล้วมันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกแรง เพื่อระงับอารมณ์ขุ่นมัว
“....”
“ไปไหนมา ทำไมถึงได้วิ่งกระหืดกระหอบมาแบบนี้?”
"พอดีวันนี้ผมทำเรื่องที่ม.ไว้
เลยได้งานเพิ่มต้องไปรดน้ำที่สวนหย่อมทุกเย็นน่ะครับ ผมเลยกะว่า
จะซ้อมบทกับเพื่อนต่อจนถึงทุ่มนึงแล้วค่อยมา"
"นั่นสิ ก็ไม่น่าช้า?"
"ขากลับรถมันติดน่ะครับ ผมกลัวว่าจะมาไม่ทัน เลยวิ่งมาเอง"
"คราวหลังถ้าจะมาช้าก็โทรบอก ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้ใหญ่เขารอ เข้าใจที่พูดไหม?"
"ครับ.."
"เอาโทรศัพท์มา"
"โทรศัพท์?"
"เอออ บอกให้เอามาก็เอามาดิ" แบคฮยอนพยักหน้าลงช้าๆอย่างจำยอม
มือเรียวล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องบางออกมาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์
เรียวนิ้วจัดการปลดล็อกหน้าจอให้เสร็จสรรพ แล้วยื่นมันมาตรงหน้า
ผมรับของกลางดังกล่าวมาถือไว้ในครอบครอง
เคสโทรศัพท์สีชมพูตัดกรอบดำสุดฟรุ้งฟริ้ง
ไหนจะหน้าจอโฮมที่ถูกเซตเป็นรูปก้อนเมฆสีพาสเทลนั่นอีก เหอะ
ดูยังไงก็ไม่เข้ากันกับเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย มึงตุ๊ดป่ะกูถามจริง
ละความสนใจไปจากจุดนั้นแล้วจัดการเมมเบอร์โทรศัพท์ของตนลงไปทันทีอย่างไม่รอช้า
แต่เมื่อพิมพ์ตัวเลขครบทั้ง 10 หลักแล้วช
หน้าจอกลับโชว์เบอร์ของผมในชื่อที่แปลกออกไป
ราวกับว่าได้มีการเมมเบอร์ไว้แล้วก่อนหน้า
"คุณแฮปปี้ไวรัส?"
"!!!" แบคฮยอนเบิกตากว้างด้วยความตกใจระดับสิบ
มือเรียวรีบคว้าของกลางสุดฟรุ้งฟริ้งดังกล่าวกลับมายัดใส่กระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว
แก้มเนียนทั้งสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างไม่ทราบสาเหตุ
"ไปเอาชื่อพวกนี้มาจากไหน?"
"..."
"ตอบ"
"ป๋าาา อย่าดุแบคยอนเลยนะฮะ"
"ป๋าไม่ได้ดุนะครับ ก็ถามแล้วไม่ยอมตอบนี่"
"ถ้าป๋าถามดีๆ ใครเขาก็อยากตอบทั้งนั้นแหละฮะ"
อือหือ.. เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าโดนลูกสั่งสอนแล้วหน้าสั่นเป็นพิเศษ แอบเห็นว่าบยอนแบคฮยอนพยักหน้าเห็นดีเห็นงามกับคำพูดของลูกชายคนโต ผมเลยจัดการมองแรงใส่อย่างไม่พอใจ และนั่นก็ทำให้ไอเด็กสั้นหน้าเฉิ่มกลับมายืนไหล่ห่อได้อีกครั้ง
"งื่ออ แบคยอน ไปเล่นกันฮะ" ผมมองตามร่างทั้งสองที่เดินหายเข้าไปในห้องจนลับสายตา หยิบกระเป๋ากีต้าร์คู่ใจขึ้นมาพาดบ่าไว้ด้วยท่าทีสบายๆทั้งที่ความสงสัยยังคงคับแน่นอยู่เต็มอก
บยอนแบคฮยอนรู้ฉายาที่ร้านของผมได้ไง
หรือว่าไอเด็กนั่นเคยไปที่ร้านมาก่อน ไม่ได้การละ งานเสือกต้องมา ได้เลยแบคฮยอน
ในเมื่อไม่ยอมตอบ ฉันก็จะหาคำตอบด้วยตัวเอง!
07.50
pm. @ Coffee Delight
ทันทีที่มาถึงร้าน
ผมก็รีบปรี่เข้าไปหาป้าฮโยจินที่กำลังเดินง่วนอยู่หน้าเคาเตอร์ก่อนเป็นอันดับแรก
"ป้าครับ"
"เอ้าชาน ป้าคิดว่าแกจะไม่มาซะแล้ว กำลังจะโทรไปถามพอดี
แล้วนี่โอเคขึ้นแล้วหรอ?"
"ผมโอเคขึ้นแล้วครับ แต่มีเรื่องจะถาม"
"ว่ามา"
"ป้าจำเรื่องพี่เลี้ยงปีสามที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้ปะ?"
ป้าฮโยจินกรอกตามองบนแล้วพยายามนึกภาพตามก่อนจะพยักหน้าให้เป็นคำตอบ
"ป้าเคยเห็นเขามาที่นี่บ้างปะครับ?"
"แต่ป้ายังไม่เคยเห็นหน้าเด็กนั่นเลยนะชาน"
แป่ว..
เงิบแดกไปดิครับ
ณ จุดๆนี้ ผมนิ่งค้างไปราวๆครึ่งนาที กว่าจะได้สติ ก็โดน
ปาร์คฮโยจินคว้าถาดเสิร์ฟขนาดกลางที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาฟาดเข้าให้ที่ไหล่แกร่ง
ผมเบ้หน้าแต่กลับโดนคนแก่กว่ามองค้อน ท้ายที่สุดเลยต้องยอมใจป้าแก
ผมไหวไหล่อ่อนแล้วคว้าเจ้า MARTIN คู่ใจเดินไปเข้าประจำที่ทันที
เอาเถอะ
มันต้องรู้เข้าสักวันล่ะวะ!
"ครับ กำลังจะนอนแล้ว"
แบคฮยอนเอ่ยกับปลายสายเสียงอ่อนคล้ายคนกำลังอ้อน
ผมแสยะยิ้มมุมปากกับคำพูดจอมปลอมเหล่านั้น กำลังจะนอนอะไรล่ะ
ยังไงซะคืนนี้เด็กมันก็ต้องโต้รุ่งอีกแน่ ผมดูออก
สาวเท้าเดินผ่านโซนหน้าคอมไปยังบานประตูสีน้ำตาลแล้วจัดการแง้มมันออกเล็กน้อย
ชะโงกหน้าเข้าไปภายในเพื่อทำการตรวจเช็กความเรียบร้อยในห้องนอนของลูกแฝด
และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเพิ่งสังเกตถึงการมาเยือนของผม
จึงรีบเอ่ยปากลากับปลายสายทันที
"เอ่อ.. พี่อี้ฟาน แค่นี้ก่อนนะครับ" สายถูกตัดไปแล้ว
แบคฮยอนวางโทรศัพท์เครื่องบางไว้บนโต๊ะคอม
"แฟนหรอ?" ถามไปงั้นแหละ ไม่ได้คิดไร
แค่ตะขิดตะขวงใจนิดหน่อยว่าหน้าตาเฉิ่มๆแบบนี้น่ะหรอ
ที่มีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนแล้ว
"รุ่นพี่ที่คณะน่ะครับ"
"เออ ถามไปงั้นแหละ" แบคฮยอนจำต้องหันหน้ากลับไปมองจอมอนิเตอร์ดังเดิม
เมื่อบทสนทนาของเรามันเริ่มกร่อยลงจนต่างฝ่ายต่างรู้สึกอึดอัด
ผมเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มแก้เซ็ง แล้วไมกูต้องรู้สึกแปลกๆด้วยวะ
สบัดหน้าหนีไล่ความคิดฟุ้งซ่านในหัวออกไปจนหมดสิ้น
แล้วจึงตัดสินใจเดินเบี่ยงเข้าไปในครัวแทน
"ป๋าครับ" หื้ม ว่าไงนะ ' ป๋า ' งั้นหรอ?
"เมื่อกี้เรียกว่าไรนะ?"
"เอ่อ เรียกคุณว่าป๋ามันจะทำให้สนิทกันเร็วขึ้น พูดคุณมันดูห่างเหินไป
สองแฝดบอกมาแบบนั้นน่ะครับ"
อ่า
สองแฝดบอกมางั้นสินะ อยากให้ป๋าสนิทกับแบคยอนของลูกมากจะได้เลิกดุกันงั้นสิ? ผมกระตุกยิ้มมุมปากเพียงแค่เสี้ยววิก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติอีกครั้ง
ในเมื่อลูกอยากให้มันเป็นแบบนั้น
งั้นจะลองดูก็ได้
ว่าสรรพนามแปลกๆที่พวกอิหนูทั้งหลายเขาใช้เรียกผู้ชายกระเป๋าหนักนั่นน่ะ
มันจะทำให้สนิทกันได้มากแค่ไหนเชียว ตราบใดที่คนตรงหน้าคือบยอนแบคฮยอน
ก็คงจะยากหน่อยล่ะนะ
"เอาสิ"
"...."
"ถ้ามันทำให้เราสนิทกันได้จริง ก็อย่าลืมไปขอบใจสองแฝดด้วยล่ะ บยอนแบคฮยอน"
TBC
- . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - .
-
เอออเอา
พระรองเขาเริ่มทำแต้มแล้วโว้ยย พระเอกเรามัวไปงมโข่งอยู่ไหนคะ ฮัลโหลๆๆ
แต่ก็ใช่ซี๊
เป็นพระเอกนี่ ยังไงแบคยอนก็ต้องรักอยู่แล้ว โถ่ะๆๆ
#เบะปากรัว #ปาร์คชานยอลผู้ชายที่อยู่นิ่งๆแต่ก็ถูกรัก
ใช่ซี๊ๆๆๆ
ขอโทษจริงๆนะคะ
เกิดจากความผิดพลาดและเวลาไม่เอื้อมากๆ เลยมาลงให้ช้า
คือจริงๆเค้าจะลงให้อ่านตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนแล้ว
แต่งานสอบมาตรึม ไม่มีเวลา
อย่างล่าสุดคอมโดนไวรัส
แล้วโฟลเดอร์เค้าหายเกลี้ยงเลยจ้า *ปาดน้ำตาอ่อน*
เลยต้องมานั่งแต่งตอนนี้ใหม่
เพราะไม่ได้มีสำรองเอาไว้ที่ไหนด้วย
นี่เค้าก็พยายามเกลาให้เหมือนอันเก่ามากๆแล้ว
ฮือออ ;__;
ถ้าผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยจริงๆค่ะ
เอาล่ะ
ความในใจที่จะบอกให้ทราบกันก็มีเท่านี้แหละ
เอ็นจอยรีดดิ้งจย้าา
- . -
. - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . -
ความคิดเห็น