ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {exo} Cute widower l chanbaek

    ลำดับตอนที่ #7 : พ่อม่ายชานยอล l ตอนที่ 6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.51K
      32
      16 มิ.ย. 64







        พ่อม่ายชานยอล l ตอนที่

       :: พระรอง ::

     

     

     

    04.20 am.
                 
                 ความปวดหน่วงช่วงกลางลำตัวปลุกผมขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดยามราตรี มือหนายันตัวเองลุกจากผืนเตียงกว้าง แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังห้องน้ำทันที ขอบกางเกงนอนสีดำถูกล่นลงเล็กน้อยเพื่อปลดปล่อยความอัดแน่นออกมาจนสุด จัดการกดน้ำแล้วสวมกางเกงกลับไว้ดังเดิม เป้าหมายถัดไปคือเตียงนอนขนาด
     6 ฟุต หลังใหญ่ที่วางตระหง่านอยู่กลางห้อง หากสายตาไม่ดันเหลือบไปเห็นแสงไฟที่ลอดมาจากชั้นล่างของบ้านเสียก่อน

     

    ผมสาวเท้าเดินลงมาเบื้องล่างทั้งที่ยังสะลึมสะลือไม่หาย แสงจากหลอดนีออนสว่างจ้าทำเอาดวงตากลมโตต้องหรี่ลงเพื่อปรับโฟกัส ภาพที่เห็นคือพี่เลี้ยงปีสามนามบยอนแบคฮยอน กำลังนอนหลับฟุบหน้าไปกับโต๊ะคอมอย่างหมดสภาพ เห็นดังนั้นเลยอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปซ้อนหลังเก้าอี้ล้อเลื่อนตัวที่เขานั่ง ขยับเมาส์เพียงเล็กน้อย หน้าจอสีดำก็กลับมาสว่างอีกครั้ง

     

     

    "โรมิโอแอนด์จูเลียต?" ไล่สายตาอ่านข้อความที่ถูกเน้นหนาอยู่กลางหน้าเวิร์ดอย่างสงสัย นี่มันคิดจะทำอะไรของมันกันแน่

     

    "รีบเถอะแม่นม จะมัวช้าทำไม?"

     

    "แม่นม หนูอายเขานะ หยุดเถอะค่ะ" จีบปากจีบคอพูดแล้วก็หลุดขำออกมาเบาๆ

     

     

    "อืออ.." เสียงครางเบาหวิวจากร่างเล็กตรงหน้าทำเอาผมชะงักงัน บยอนแบคฮยอนดูไม่สบายตัวเอาเสียเลย    ก็แหงล่ะ นอนอยู่แบบนี้ก็คงจะสบายอยู่หรอก รอจนอีกฝ่ายจัดท่านอนเรียบร้อยแล้วจึงเลื่อนเมาส์ไปกดเซฟงานให้อีกครั้งแล้วปิดหน้าจอลง

     

     

    เห้ออ บอกเขาอย่าเสือก แต่ดันไปเสือกงานเขาก่อนใครเลย ให้มันได้แบบนี้สิปาร์คชานยอล

     

     


     

    baekhyun’s

     

     

    "นี่นาย ไปทำอะไรมา ทำไมหน้าโทรมแบบนี้?" คยองซูใช้มือทั้งสองข้างช่วยประคองใบหน้าของผมให้หันมามองกัน           

     

    "เมื่อคืนนอนดึกน่ะ งานมันโดนลบนี่"

     

    "เอ้าชิบหาย ลบได้ไงอะ เมื่อวานที่มาเล่าก็ทำได้เยอะแล้วไม่ใช่หรอ?"

     

    "อืมม เขาคงโมโหที่ไปโหม่งหัวเขาล่ะมั้ง ลบงานฉันซะวอดเลย"

     

    "เป็นผู้ใหญ่ประสาอะไร ทำไมไม่รู้จักแยกแยะบ้าง งานก็ส่วนงานปะวะ?!" คยองซูต่อว่าอย่างหัวเสีย

     

    "แล้วนี่โกรธเขาบ้างป่ะ?" จุนมยอนที่นั่งฟังเรื่องราวทั้งหมดอยู่อย่างเงียบๆแกล้งถามขึ้นเพื่อหยั่งเชิง

     

    "ตอนแรกก็โกรธแหละ แต่ช่างเหอะ ถือซะว่าเจ๊ากับที่ไปโหม่งหัวเขาก็แล้วกัน"

     

    "เห้อ แบคฮยอนนี่มันแบคฮยอนจริงๆ"

     

     

    ผมทิ้งตัวนอนราบไปกับโต๊ะอย่างหมดแรง งานทั้งหมดขอส่งต่อให้จุนมยอนกับคยองซูทำล่วงหน้าไปก่อน ยังไงซะวันนี้ก็มีเรียนช่วงสายๆอยู่แล้ว เพราะงั้นขอนอนเอาแรงหน่อยก็แล้วกัน

     

     

     ...

     

     

    "เอ้า ทำไมวันนี้มาเช้าอะ มีเรียนสายไม่ใช่หรอ?" อู๋อี้ฟานที่ในมือถือแฟ้มงานบางอย่างเดินตรงเข้ามาในแคนทีน เอ่ยทักทายรุ่นน้องในเอกอย่างเป็นกันเอง

     

     

    "พอดีงานมีปัญหานิดหน่อยน่ะครับ เลยต้องรีบมาทำก่อน"

     

    "อ่ออ แล้วนี่เป็นไรอะ ไม่สบาย?" เสตามองรุ่นน้องคนสนิทที่หลับเอาหัวซุกแนบไปกับโต๊ะแล้วก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มบางด้วยความเอ็นดู

     

    "นอนดึกน่ะพี่ เมื่อคืนมันทำงานโต้รุ่ง" คยองซูอาสาตอบคำถามให้แทนเพื่อนรักที่หลับไปนานกว่าสิบนาทีแล้ว

     

    "นอนไม่พอว่างั้น?"

     

    "ประมาณนั้นแหละครับ" อี้ฟานพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเดินจากไปทันทีอย่างไม่มีบอกกล่าว คยองซูตีหน้างง จุนมยอนเองก็ไม่ต่างกัน ทั้งสองไหวไหล่เบาๆ แล้วจึงหันกลับมาสนใจกับงานตรงหน้าต่ออีกครั้ง แต่จู่ๆอู๋อี้ฟานก็เดินกลับมาพร้อมกับอะไรบางอย่างในมือ

     

     

     

    นมสดกล่องเล็กถูกวางลงตรงหน้าของบยอนแบคฮยอน

     

     

    "ถ้าเขาตื่นก็บอกให้กินนี่หน่อยนะ เผื่อมันจะทำให้เจ้าเด็กคลั่งนมคนนี้มีแรงทำอะไรขึ้นมาบ้าง พี่ไปละ..ตั้งใจทำงานนะเด็กๆ"

     

    อู๋อี้ฟานประธานเอกคณะปีสี่เดินจากไปด้วยรอยยิ้ม คยองซูและจุนมยอนมองตามร่างสูงโปร่งนั้นไปจนลับสายตา ก่อนที่ต่างฝ่ายจะหันหน้ากลับมามองกันอย่างรู้งาน พูดก็พูดเถอะ บยอนแบคฮยอนน่ะไม่ได้สายตาสั้นหรอก มันออกจะยาวไปด้วยซ้ำ

      

     

    "ฉันว่าฉันเชียร์คนนี้สุดใจเลย"

     

     

     

                             

     

               

    ช่วงสายไม่มีการเรียนการสอนอย่างที่ควรจะเป็น พวกเอกปีสามทุกคนจึงถูกต้อนให้มารวมกันที่โถงกลางคณะเพื่อทำการซักซ้อมบทละครเวทีที่จะมีขึ้นในอีก 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดีทีเดียวสำหรับคนอ่อนเปลี้ยเพลียแรงอย่างผม

     

    "แยกซ้อมอีกสิบห้านาทีรวม ปีสี่เจอกันที่ระเบียงในอีกหนึ่งนาที" พูดจบ พี่อี้ฟานก็รีบปลีกตัวแยกออกไปทันที ปีสามทุกคนเริ่มทยอยเดินแยกกันไปคนละทิศคนละทาง เพื่อหามุมเงียบๆสำหรับการซ้อมบทละครให้ตัวเอง

     

     

    ผมเลือกที่จะปลีกตัวออกมาบริเวณสวนหย่อมหลังโถงกลางแทน เพราะด้านในค่อนข้างวุ่นวายเป็นพิเศษ  บทละครถูกถือขึ้นในระดับสายตาแล้วไล่อ่านเนื้อความไปทีละบรรทัดอย่างใจเย็น ผมหลับตาลงช้าๆ แล้วสูดเอาออกซิเจนจากภายนอกเข้าไปเต็มจนปอดก่อนจะผ่อนมันออกแผ่วเบา แต่เมื่อลืมตาขึ้นใบหน้าของใครอีกคนที่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ กลับทำให้ผมตกใจจนเผลอก้าวถอยหลังไปชนเข้ากับรูปปั้นหินอย่างจังจนมันเสียสมดุล และก็เป็นอีกครั้งที่แรงโน้มถ่วงได้นำความซวยมาให้  

     

     

     

    ปั่กก!!

     

     

    รูปปั้นหินที่วางตระหง่านอยู่กลางสวน อันมีมาหลายชั่วอายุคนอย่างโยฮัน สเตราส์ คีตกวีชื่อดัง ผู้ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์รวมใจของคนทั้งคณะแตกหักลงต่อหน้าต่อตา

     

     

    "!!!!" ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ในหัวมีแต่คำว่า งานงอกแล้วแบคฮยอน อยู่เต็มไปหมด

     

    "เหี้ยละ! ขอโทษนะ ไม่ได้มีเจตนาทำให้นายตกใจ เจ็บตรงไหนรึป่าว?" ผมคว้ามือของคนแปลกหน้าที่กำลังหยิบยื่นมา เพื่อช่วยในการพยุงตัวเองขึ้น จะพูดว่าคนแปลกหน้าก็ฟังดูเกินไป จริงๆเขาก็คือเพื่อนในเอกของผมเอง     คิมซอกจิน

     

     

    "ฉันไม่เป็นไร แต่โยฮัน.."  

     

     

    "เอาไงดีวะ..หรือจะปล่อยไว้แบบนี้"  ซอกจินทอดสายตามองรูปปั้นที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างหมดหนทาง ซึ่งผมเองก็ไม่ได้มีไอเดียร์ดีๆที่จะทำให้เราทั้งคู่หลุดออกจากสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้เหมือนกัน

     

     

    "พวกคุณมาทำอะไรแถวนี้?" เสียงทุ้มดังมาตั้งแต่ปากทาง ทำเอาใจผมกระตุกวูบ แทบไม่ได้นัดหมายกันกับซอกจิน เราทั้งสองยืนบังความผิดมหันต์ที่รู้ดีว่าปิดยังไงก็คงไม่มิดแน่ๆ แต่เอาเถอะ ขอให้พี่อี้ฟานไม่สังเกตเห็นมันก็แล้วกัน เมื่อไม่ได้คำตอบ ร่างสูงโปร่งก็จัดการสาวเท้าเข้ามาใกล้ทันที

     

     

    “...”

     

     

                ตอบสิบยอนแบคฮยอน เรากำลังถามคุณอยู่ หรือว่าคุณจะให้ตอบแทนล่ะคิมซอกจิน เราถามว่ามาทำอะไรแถวนี้?”

     

                “เอ่อ..มาซ้อมบทน่ะครับ ผมอาสาตอบกลับไปแบบกล้าๆกลัวๆ เอาเถอะพี่อี้ฟานคงไม่กล้าดุผมมากหรอก แต่ถ้าซอกจินล่ะก็ไม่แน่

     

    เราบอกให้แยกกันซ้อมไม่ใช่หรอ หรือไม่ได้ยินที่พูด?”

     

    “...”

     

    "แล้วรูปปั้นโยฮันด้านหลัง ใครจะอธิบายเรื่องนี้ให้เราฟังได้บ้าง?"

     

     


                          

     

    เรื่องนี้ไปถึงหูท่านคณบดี นักศึกษาทั้งเอกเลยถูกเรียกมารวมตัวกัน ณ ห้องประชุมของคณะแทบจะทันที พวกเด็กปี1 ปี2 ที่ไม่เกี่ยวข้องก็ยังโดนลากมาด้วย เหอะ เรื่องทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนไปทั่วนี่งานถนัดนายเลยสินะ บยอนแบคฮยอน ผมก่นด่าตัวเองในใจ

     

     

    "ผมอยากจะแจ้งให้พวกคุณทราบ ถึงแม้ว่าบางคนจะทราบอยู่แล้วก็ตาม ว่ารูปปั้นนั่นอยู่กับเรามาตั้งแต่ตึกคณะดนตรีเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ เรายึดรูปปั้นนั่นเป็นศูนย์รวมจิตใจ หากแต่ใครบางคนในพวกคุณกลับทำลายมันลง"

     

    "..."

     

    "ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจ หรือไม่ก็ตาม ผมอยากให้คุณสารภาพมันออกมาต่อหน้าพวกเราทั้งหมด เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ใครทำขอให้ยกมือ"

     

    "..."

     

    "ถ้าไม่มีคนยอมรับพวกคุณจะต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งเอกโดยไม่มีข้อแม้ใดใดทั้งนั้น ผมจะขอถามอีกเป็นครั้งสุดท้าย ใครทำ!" และในขณะที่มือเรียวกำลังจะยกขึ้นเหนือศีรษะนั่นเอง ที่เสียงของใครบางคนหยุดการกระทำเหล่านั้นเอาไว้เสียก่อน

     

     

     

    "ผมครับ!/ผมครับ!" ผมหันไปมองเจ้าของเสียงทั้งสองที่ยืนกันอยู่คนละทางด้วยความไม่เข้าใจ ขมวดคิ้วตีหน้ายุ่งแทนคำถามไปทางพี่อี้ฟาน แต่กลับได้รับคำตอบเป็นสายตาเย็นๆที่บอกให้ผมอยู่นิ่งๆและไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น

     

    "เป็นฝีมือพวกคุณสองคนงั้นหรอ?"

     

    "ครับอาจารย์ ฝีมือผมเอง" พี่อี้ฟานออกหน้ารับแทนทุกอย่าง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ผมว่านี่มันไม่ถูกต้อง

     

    "คุณก็ด้วยหรอ คิมซอกจิน?"

     

    "ครับท่าน มันเป็นอุบัติเหตุ"

     

    เอาล่ะ คนที่ไม่เกี่ยวข้อง แยกย้ายไปเรียนได้ ส่วนพวกปีสามที่มีซ้อมละครเวทีก็ปลีกตัวออกไปที่โถงกลางได้เลย แล้วก็พวกคุณสองคน ตามผมมา

     

    พี่อี้ฟานเดิมตามท่านคณบดีออกไปอย่างรู้งานท่ามกลางสายตาที่กำลังจดจ้องมาของคนทั้งคณะ ซอกจินเหลือบมองมาทางผมเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเบือนหน้าหนีแล้วรีบเดินตามพี่อี้ฟานออกไปทันที 

     

     

    นักศึกษาในเอกเกือบห้าสิบชีวิต ต่างแยกย้ายกันไปเรียนตามคำสั่งของคณบดี จะเหลือก็แต่ผมนี่แหละ ที่ยังคงนั่งอยู่กับที่ไม่ยอมลุกไปไหน

     

    ได้ไงล่ะ ทั้งที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วทำไมต้องออกหน้ารับแทนผมด้วย? ไม่ได้การละ งานนี้เป็นไงเป็นกันวะ คิดได้ดังนั้น ก็รีบยันตัวลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งออกไปจากห้องประชุมทันที

     

                เอ้า แบคฮยอน จะไปไหน?”


               “ไปแสดงความรับผิดชอบน่ะสิ

     

     . . . . .



                “อู๋อี้ฟาน คุณเป็นถึงประธานเอกปีสี่ แต่กลับมาเล่นอะไรแผลงๆจนเกิดเรื่องแบบนี้ ยังไงซะ ผมก็มีความจำเป็นจะต้องปลดคุณออกจากตำแหน่งประธาน เพื่อตัวของคุณเอง ไม่งั้นรุ่นน้องคงจะหมดศรัทธาในตัวคุณกันพอดี

               "..."

                “คุณก็เหมือนกัน คิมซอกจิน ใกล้จะสอบไล่แล้วแท้ๆยังขยันหาเรื่องใส่ตัว สงสัยว่าเทอมนี้ คะแนนความประพฤติของคุณจะต้องโดนหักแล้วล่ะ..

     

     

                รู้ทั้งรู้ว่าการแอบฟังคนอื่นคุยกันมันเสียมารยาทมากแค่ไหน แต่ไอครั้นจะให้ยืนฟังต่อไปก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน มือเรียวจัดการเปิดประตูห้องออกโดยพลการ ผมไม่ต้องการให้ใครมารับผิดแทนผมอีกแล้ว

     

                ขอโทษที่เข้ามาโดยไม่ขออนุญาตครับท่าน แต่เรื่องทั้งหมด มันเป็นความผิดของผมเอง!”

     

                “คุณว่าไงนะ?”

     

    เรื่องรูปปั้นโยฮันเกิดจากความสะเพร่าของผมเองที่เดินไม่ระวัง เลยพลาดไปชนเข้า พี่อี้ฟานกับซอกจินพวกเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เพราะงั้นได้โปรด ให้ผมรับผิดเรื่องนี้แค่คนเดียวด้วยเถอะครับ!”

     


     

    โทษหนักสถานเดียวของผมคือการจ่ายค่าเสียหายเรื่องรูปปั้นทั้งหมดพ่วงมากับการดูแลสวนหย่อมหลังโถงกลางคณะเป็นเวลา 2 เดือน คะแนนความประพฤติถูกหักไปตามระเบียบ ส่วนซอกจินกับพี่อี้ฟานถูกลดโทษลงมาเหลือแค่การทำความสะอาดแคนทีนเป็นเวลา 2 อาทิตย์โทษฐานโกหกผู้หลักผู้ใหญ่ 

     

     

    "เข้ามาในห้องทำไม ไม่เข้าใจที่พี่ต้องการจะสื่อหรอ?"

     

    "ผมรู้ แต่ผมไม่ต้องการให้ใครมาเป็นแพะรับบาปแทนผมทั้งนั้นแหละ" รู้ทั้งรู้ว่าพี่เขาอยากช่วย แต่ขอเถอะ เรื่องนี้มันไม่เข้าท่าเลยจริงๆอ่ะ

     

    "นี่ฟังนะ ถ้ามันจะช่วยให้นายสบายขึ้นได้ พี่ก็อยากทำมันเพื่อนายนะแบคฮยอน"

     

    “...”

     

     

    อีกอย่าง พี่ไม่เคยรู้สึกว่าตกเป็นแพะเลยแม้แต่วินาทีเดียว รู้ไว้เลยนะเด็กโง่

     

     

     

                           

     

     

              06.35 pm.

     

                วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานในสวนหย่อมหลังโถงกลางคณะ บรรยากาศโดยรอบมันไม่ได้แย่อย่างที่คิด ผมเดินไปหยิบสายยางที่ขดตัวอยู่ท้ายสวนออกมาคลี่กางจนยาวเหยียด หมุนหัวก๊อกสีเงินไปตามเข็มนาฬิกา แล้วจึงเริ่มปฏิบัติหน้าที่ทันที

     

                แต่จู่ๆ แสงไฟจากโคมฝังพื้นบริเวณบ่อน้ำที่กลางสวนก็ถูกเปิดขึ้นอย่างปริศนา ผมหยุดฮัมเพลงโปรดแล้วกลั้นใจหันกลับไปมอง จนเมื่อเห็นเงาตะคุ่มๆกำลังเดินออกมาจากมุมห้องเก็บอุปกรณ์นั่นแหละ ถึงได้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก

     

                ยังไม่กลับบ้านอีกหรอ?” เป็นคิมซอกจินนั่นเองที่เดินเข้ามา บรรยากาศรอบข้างที่กำลังมืดลงไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าเป็นกังวลแต่อย่างใด

     

                “อันที่จริงอยู่หอน่ะ เพราะงั้นต่อให้กลับดึกแค่ไหนก็ไม่เห็นเป็นไร เจ้าตัวยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

     

                อ่า เด็กไม่ดีเลยนะซอกจิน

     

                พูดไปนั่น แล้วเพื่อนไปไหนหมด ไม่ได้มารอหรอ?”

     

                อืม กลับไปแล้วล่ะ ขืนให้มารอก็โดนบ่นพอดี ป่านนี้คยองซูคงจะกลับบ้านไปนอนได้หลายตื่นแล้ว ส่วนจุนมยอน รายนั้นน่ะไม่ต้องห่วง พ่อแม่หวงยิ่งกว่าไข่ในหิน เถรไถลที่ไหนไม่ได้อยู่แล้ว

     

    ผมพูดเรื่องของเพื่อนสนิทให้อีกฝ่ายฟังพอคร่าวๆ ซอกจินพยักหน้าตามเหมือนพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด ซึ่งถือว่านั่นเป็นเรื่องดีสำหรับคนที่ไม่เคยคุยกันมาก่อนตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ผมรู้แค่ว่า เขาชื่อคิมซอกจิน แต่ไม่เคยเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำความรู้จักเขาอย่างเป็นจริงเป็นจังเสียที

     

     

    แล้วเป็นไง เหงาปะ?”

     

    เหงาดิ ถามแปลก

     

                "งั้นให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนนายทุกวันตอนเย็นแบบนี้ จะโอเครึเปล่า บยอนแบคฮยอน?"

     


     


     

     

     

    07.35 pm. @ home sweet home

     

    "สาย" นั่งไขว่ห้างปรายตามองอีกฝ่ายอยู่บนโซฟาตัวยาว เห็นบยอนแบคฮยอนยืนเท้าแขนหอบหายใจหนักอยู่หน้าประตูบ้าน แล้วมันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกแรง เพื่อระงับอารมณ์ขุ่นมัว

     

     

    “....”

     

    ไปไหนมา ทำไมถึงได้วิ่งกระหืดกระหอบมาแบบนี้?”

     

    "พอดีวันนี้ผมทำเรื่องที่ม.ไว้ เลยได้งานเพิ่มต้องไปรดน้ำที่สวนหย่อมทุกเย็นน่ะครับ ผมเลยกะว่า จะซ้อมบทกับเพื่อนต่อจนถึงทุ่มนึงแล้วค่อยมา"

     

    "นั่นสิ ก็ไม่น่าช้า?"

     

    "ขากลับรถมันติดน่ะครับ ผมกลัวว่าจะมาไม่ทัน เลยวิ่งมาเอง"

     

    "คราวหลังถ้าจะมาช้าก็โทรบอก ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้ใหญ่เขารอ เข้าใจที่พูดไหม?"

     

    "ครับ.."

     

    "เอาโทรศัพท์มา"

      

    "โทรศัพท์?"

     

     

    "เอออ บอกให้เอามาก็เอามาดิ" แบคฮยอนพยักหน้าลงช้าๆอย่างจำยอม มือเรียวล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องบางออกมาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ เรียวนิ้วจัดการปลดล็อกหน้าจอให้เสร็จสรรพ แล้วยื่นมันมาตรงหน้า

               

    ผมรับของกลางดังกล่าวมาถือไว้ในครอบครอง เคสโทรศัพท์สีชมพูตัดกรอบดำสุดฟรุ้งฟริ้ง ไหนจะหน้าจอโฮมที่ถูกเซตเป็นรูปก้อนเมฆสีพาสเทลนั่นอีก เหอะ ดูยังไงก็ไม่เข้ากันกับเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย มึงตุ๊ดป่ะกูถามจริง

     

     

    ละความสนใจไปจากจุดนั้นแล้วจัดการเมมเบอร์โทรศัพท์ของตนลงไปทันทีอย่างไม่รอช้า แต่เมื่อพิมพ์ตัวเลขครบทั้ง 10 หลักแล้วช หน้าจอกลับโชว์เบอร์ของผมในชื่อที่แปลกออกไป ราวกับว่าได้มีการเมมเบอร์ไว้แล้วก่อนหน้า

     

     

    "คุณแฮปปี้ไวรัส?"

     

    "!!!" แบคฮยอนเบิกตากว้างด้วยความตกใจระดับสิบ มือเรียวรีบคว้าของกลางสุดฟรุ้งฟริ้งดังกล่าวกลับมายัดใส่กระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว แก้มเนียนทั้งสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างไม่ทราบสาเหตุ

     

     

    "ไปเอาชื่อพวกนี้มาจากไหน?"


    "..."  

     


    "ตอบ"

     


    "ป๋าาา อย่าดุแบคยอนเลยนะฮะ"

     


    "ป๋าไม่ได้ดุนะครับ ก็ถามแล้วไม่ยอมตอบนี่"

     


    "ถ้าป๋าถามดีๆ ใครเขาก็อยากตอบทั้งนั้นแหละฮะ" 


    อือหือ.. เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าโดนลูกสั่งสอนแล้วหน้าสั่นเป็นพิเศษ แอบเห็นว่าบยอนแบคฮยอนพยักหน้าเห็นดีเห็นงามกับคำพูดของลูกชายคนโต ผมเลยจัดการมองแรงใส่อย่างไม่พอใจ และนั่นก็ทำให้ไอเด็กสั้นหน้าเฉิ่มกลับมายืนไหล่ห่อได้อีกครั้ง

     


    "งื่ออ แบคยอน ไปเล่นกันฮะ" ผมมองตามร่างทั้งสองที่เดินหายเข้าไปในห้องจนลับสายตา หยิบกระเป๋ากีต้าร์คู่ใจขึ้นมาพาดบ่าไว้ด้วยท่าทีสบายๆทั้งที่ความสงสัยยังคงคับแน่นอยู่เต็มอก

     


    บยอนแบคฮยอนรู้ฉายาที่ร้านของผมได้ไง หรือว่าไอเด็กนั่นเคยไปที่ร้านมาก่อน ไม่ได้การละ งานเสือกต้องมา ได้เลยแบคฮยอน ในเมื่อไม่ยอมตอบ ฉันก็จะหาคำตอบด้วยตัวเอง!

     


     

    07.50 pm. @ Coffee Delight

     

    ทันทีที่มาถึงร้าน ผมก็รีบปรี่เข้าไปหาป้าฮโยจินที่กำลังเดินง่วนอยู่หน้าเคาเตอร์ก่อนเป็นอันดับแรก

     

    "ป้าครับ"

     

    "เอ้าชาน ป้าคิดว่าแกจะไม่มาซะแล้ว กำลังจะโทรไปถามพอดี แล้วนี่โอเคขึ้นแล้วหรอ?"

     

    "ผมโอเคขึ้นแล้วครับ แต่มีเรื่องจะถาม"

     

    "ว่ามา"

     

    "ป้าจำเรื่องพี่เลี้ยงปีสามที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้ปะ?" ป้าฮโยจินกรอกตามองบนแล้วพยายามนึกภาพตามก่อนจะพยักหน้าให้เป็นคำตอบ

     

    "ป้าเคยเห็นเขามาที่นี่บ้างปะครับ?"

     

    "แต่ป้ายังไม่เคยเห็นหน้าเด็กนั่นเลยนะชาน"

     

     

    แป่ว..

     

    เงิบแดกไปดิครับ ณ จุดๆนี้ ผมนิ่งค้างไปราวๆครึ่งนาที กว่าจะได้สติ ก็โดน ปาร์คฮโยจินคว้าถาดเสิร์ฟขนาดกลางที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาฟาดเข้าให้ที่ไหล่แกร่ง ผมเบ้หน้าแต่กลับโดนคนแก่กว่ามองค้อน ท้ายที่สุดเลยต้องยอมใจป้าแก ผมไหวไหล่อ่อนแล้วคว้าเจ้า MARTIN คู่ใจเดินไปเข้าประจำที่ทันที

     

    เอาเถอะ มันต้องรู้เข้าสักวันล่ะวะ!

     

     

               

     

     

    "ครับ กำลังจะนอนแล้ว" แบคฮยอนเอ่ยกับปลายสายเสียงอ่อนคล้ายคนกำลังอ้อน ผมแสยะยิ้มมุมปากกับคำพูดจอมปลอมเหล่านั้น กำลังจะนอนอะไรล่ะ ยังไงซะคืนนี้เด็กมันก็ต้องโต้รุ่งอีกแน่ ผมดูออก

     

    สาวเท้าเดินผ่านโซนหน้าคอมไปยังบานประตูสีน้ำตาลแล้วจัดการแง้มมันออกเล็กน้อย ชะโงกหน้าเข้าไปภายในเพื่อทำการตรวจเช็กความเรียบร้อยในห้องนอนของลูกแฝด และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเพิ่งสังเกตถึงการมาเยือนของผม จึงรีบเอ่ยปากลากับปลายสายทันที

     

     

    "เอ่อ.. พี่อี้ฟาน แค่นี้ก่อนนะครับ" สายถูกตัดไปแล้ว แบคฮยอนวางโทรศัพท์เครื่องบางไว้บนโต๊ะคอม

     

    "แฟนหรอ?" ถามไปงั้นแหละ ไม่ได้คิดไร แค่ตะขิดตะขวงใจนิดหน่อยว่าหน้าตาเฉิ่มๆแบบนี้น่ะหรอ ที่มีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนแล้ว

     

    "รุ่นพี่ที่คณะน่ะครับ"

     

     

    "เออ ถามไปงั้นแหละ" แบคฮยอนจำต้องหันหน้ากลับไปมองจอมอนิเตอร์ดังเดิม เมื่อบทสนทนาของเรามันเริ่มกร่อยลงจนต่างฝ่ายต่างรู้สึกอึดอัด ผมเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มแก้เซ็ง แล้วไมกูต้องรู้สึกแปลกๆด้วยวะ สบัดหน้าหนีไล่ความคิดฟุ้งซ่านในหัวออกไปจนหมดสิ้น แล้วจึงตัดสินใจเดินเบี่ยงเข้าไปในครัวแทน

     

     

    "ป๋าครับ"  หื้ม ว่าไงนะ ' ป๋า ' งั้นหรอ?

     

     

    "เมื่อกี้เรียกว่าไรนะ?"

     

    "เอ่อ เรียกคุณว่าป๋ามันจะทำให้สนิทกันเร็วขึ้น พูดคุณมันดูห่างเหินไป สองแฝดบอกมาแบบนั้นน่ะครับ"

     

     

    อ่า สองแฝดบอกมางั้นสินะ อยากให้ป๋าสนิทกับแบคยอนของลูกมากจะได้เลิกดุกันงั้นสิ? ผมกระตุกยิ้มมุมปากเพียงแค่เสี้ยววิก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติอีกครั้ง 


    ในเมื่อลูกอยากให้มันเป็นแบบนั้น งั้นจะลองดูก็ได้ ว่าสรรพนามแปลกๆที่พวกอิหนูทั้งหลายเขาใช้เรียกผู้ชายกระเป๋าหนักนั่นน่ะ มันจะทำให้สนิทกันได้มากแค่ไหนเชียว ตราบใดที่คนตรงหน้าคือบยอนแบคฮยอน ก็คงจะยากหน่อยล่ะนะ

     

     

    "เอาสิ"

     

    "...."

     

    "ถ้ามันทำให้เราสนิทกันได้จริง ก็อย่าลืมไปขอบใจสองแฝดด้วยล่ะ บยอนแบคฮยอน"

     

     

     

     

     

    TBC

     

    - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . -

    เอออเอา พระรองเขาเริ่มทำแต้มแล้วโว้ยย พระเอกเรามัวไปงมโข่งอยู่ไหนคะ ฮัลโหลๆๆ

    แต่ก็ใช่ซี๊ เป็นพระเอกนี่ ยังไงแบคยอนก็ต้องรักอยู่แล้ว โถ่ะๆๆ 

    #เบะปากรัว #ปาร์คชานยอลผู้ชายที่อยู่นิ่งๆแต่ก็ถูกรัก ใช่ซี๊ๆๆๆ

     

    ขอโทษจริงๆนะคะ เกิดจากความผิดพลาดและเวลาไม่เอื้อมากๆ เลยมาลงให้ช้า

    คือจริงๆเค้าจะลงให้อ่านตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนแล้ว แต่งานสอบมาตรึม ไม่มีเวลา 

    อย่างล่าสุดคอมโดนไวรัส แล้วโฟลเดอร์เค้าหายเกลี้ยงเลยจ้า *ปาดน้ำตาอ่อน*

    เลยต้องมานั่งแต่งตอนนี้ใหม่ เพราะไม่ได้มีสำรองเอาไว้ที่ไหนด้วย

    นี่เค้าก็พยายามเกลาให้เหมือนอันเก่ามากๆแล้ว ฮือออ ;__;

    ถ้าผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยจริงๆค่ะ

     

    เอาล่ะ ความในใจที่จะบอกให้ทราบกันก็มีเท่านี้แหละ

    เอ็นจอยรีดดิ้งจย้าา

     


     

    - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . -

     

     

    O W E N TM.


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×