คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : พ่อม่ายชานยอล l ตอนที่ 17
พ่อม่ายชานยอล l ตอนที่ 17
:: ใครบอกว่าความลับมีในโลก ::
06.30 pm. @PARIS, FRANCE
"คุณโบอา สายจากเกาหลีค่ะ"
"หื้ม? ใครกัน" พูดออกมาลอยๆ ไม่ได้ต้องการคำตอบจากใครอีกฝ่ายแต่อย่างใด แต่มือเรียวกลับหยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นมาแนบหูเพื่อหาคำตอบด้วยตนเอง
"บยอน โบอาพูดสายค่ะ..."
"..."
"อ่า งั้นหรอ.. ยังไงก็ขอบคุณมากเลยนะที่ช่วยดูแลน้องแทนให้...โอเคจ่ะ เอาไว้เจอกัน" ใช้เวลาเพียงไม่นาน สายก็ถูกตัดไป บยอนโบอาส่งเครื่องมือสื่อสารคืนให้กับเลขาคนสนิท
"โซฮี ช่วยเช็คตารางงานของอาทิตย์นี้ให้หน่อยสิ"
"วันพรุ่งนี้มีคุยเรื่องคอนเซปชุดคอลเลคชั่นใหม่กับบริษัทคู่ค้าในย่านนี้ ส่วนวันที่ 12 มีงานเปิดตัวชุดเจ้าสาวที่เบอร์ลินค่ะ"
"อาทิตย์นี้แค่ 2 วันงั้นหรอ?"
"ใช่ค่ะ งานวันที่ 12 ก็เสร็จแค่ช่วงเช้าด้วย"
"อ่า งั้นช่วยจองตั๋วกลับเกาหลีช่วงบ่ายให้หน่อยสิ"
"หมายถึงบ่ายวันที่12 ?" หญิงวัยกลางคนไม่ตอบแต่กลับพยักหน้าลงช้าๆ
"มีเรื่องด่วนอะไรงั้นหรอคะ?" เลขาสาวเอ่ยถาม เพียงเพราะประสบการณ์ทำงานที่มีมากพอจนทำให้เธอรู้นิสัยของเจ้านายที่ไม่ชอบเดินทางต่อหลังมีอีเว้น เว้นแต่จะเป็นเหตุจำเป็นจริงๆเหมือนครั้งนี้
"มีเรื่องต้องกลับไปเคลียร์นิดหน่อยน่ะ เอาเป็นว่ายังไงก็ฝากด้วยละกัน"
"ด้วยความยินดีค่ะบอส"
12.12.xx
02.30 am. @ home sweet home
ความเหนื่อยล้าจากการใช้ความคิดติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน กำลังทำให้ผมรู้สึกท้อ เงื่อนไขตายตัวอีกข้อสำหรับการแสดงเดี่ยวที่กำลังจะเกิดขึ้น คือเพลงโซโล่ที่เอาไว้ใช้เป็นโชว์เปิดตัวนั่นแหละครับ ที่กำลังทำเอาหัวหมุนอยู่ตอนนี้
ตลอดสามวันที่ผ่านมา ผมใช้เวลาไปกับการคิด เขียน เรียบเรียงถ้อยคำต่างๆ เพื่อสรรสร้างออกมาเป็นบทเพลง ผมออกจากบ้านแต่ไก่โห่ไปขลุกตัวอยู่ตามร้านกาแฟ หรือสถานที่ต่างๆที่มีผู้คนมากหน้าหลายตา เพื่อหาไอเดียร์เจ๋งๆให้กับเพลงโซโล่ของตัวเองผ่านการสังเกตพฤติกรรมต่างๆของกลุ่มคน
กระดาษนับสิบถูกปลายปากกาจรดลงและถูกขยำทิ้งวนลูปอยู่แบบนั้น จนจบสุดท้าย ก็ต้องกลับบ้านมาพักรบในช่วงเวลานี้เป็นประจำ งานที่ได้ออกมาก็ดูสะเปะสะปะไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลยซักนิด โคตรไม่เข้าท่า ผมใช้เวลาไม่นานก็ผ่านด่านประตูรั้วของบ้านมาได้อย่างง่ายดาย นาฬิกาข้อมือบอกเวลาที่คุ้นเคย ทำเอาผมต้องถอนหายใจออกมาอีกรอบอย่างช่วยไม่ได้ ราวกับเดจาวูยังไงอย่างงั้น
ประตูบ้านถูกปิดลงอย่างเงียบเชียบโดยฝีมือของผม รองเท้าคู่โปรดถูกถอดไว้อย่างเป็นระเบียบ มือเล็กที่กำลังจะเอื้อมหาสวิตซ์ไฟก็เป็นอันต้องหยุดชะงักลงเมื่อ เสียงพากย์รายการบอลที่กำลังเข้มข้นดังเจื้อยแจ้วเข้ามาในโสตประสาท
อ่า วันนี้รอบชิงนี่นะ
สองเท้าก้าวเดินไปตามทางจนมาถึงห้องนั่งเล่น ไฟเพดานไม่ได้ถูกเปิดไว้อย่างที่คิด แสงสว่างส่วนใหญ่เลยมาจากสมาร์ททีวีที่ถูกเปิดค้างเอาไว้แทน โซฟาตัวยาวถูกจับจองโดยเจ้าของบ้านร่างสูง ปาร์คชานยอลในสภาพที่ดูเหนื่อยล้าจากการทำงานไม่ต่างกันกับผม เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวที่สุดแสนจะธรรมดากับยีนส์ตัวเก่ง ในมือถือรีโมททีวีไว้หลวมๆ และยังไม่ทันที่สมองจะได้ประมวลผลอะไรมากนัก เสียงทุ้มก็ดังขึ้นเสียก่อน
"กลับมาแล้วหรอ?"
"ครับ" ผมวางกระเป๋าลงบนโต๊ะคอม ก่อนจะกลับมายืนที่เดิมอีกครั้ง ปาร์คชานยอลไม่ได้มองมาที่ผมแต่อย่างใด เจ้าตัวยังคงใช้สายตาปรือมองไปยังสมาร์ททีวีเบื้องหน้า
"ถ้าง่วงมากก็ไปนอน ค่อยดูย้อนหลังเอาก็ได้นี่ครับ"
"รอบชิง ดูสดมันสนุกกว่า"
"ผมรู้ แต่พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปทัศนศึกษากับสองแฝดไม่ใช่หรอ?"
"..."
"แล้วป่านนี้ยังไม่ยอมนอน ถ้าผมจำไม่ผิด ปกติป๋าก็ชอบดูรายการย้อนหลังเพราะไม่ชอบพวกโฆษณาคั่นนี่ครับ"
"แม่ง บ่นยังกะคนแก่ แล้วจะยืนอีกนานปะ มานั่งดิ" เหอะ ใครกันแน่ที่แก่ พูดยากพูดเย็นชะมัด
ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างคนตัวสูง ก่อนที่เสียงสนทนาจะเงียบลงอีกครั้ง จะเหลือก็แต่เสียงพากย์ของทีมงานช่องโทรทัศน์ที่ยังคงทำหน้าที่ต่อไป ปาร์คชานยอลกำลังต่อสู้กับสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นของตัวเองอย่างดุเดือด และนั่นทำให้ผมไม่เข้าใจ ถ้ารู้ว่าสู้ไม่ไหวแล้วจะฝืนไปทำไมกัน?
"วันนี้พอก่อนเถอะครับ อีกตั้งสี่สิบนาทีกว่าจะจบเกม" ผมเอื้อมมือไปหมายจะหยิบรีโมททีวี แต่กลับถูกมือหนาของอีกฝ่ายรวบไว้เสียก่อน
"ไม่ต้องปิด.." พูดออกมาเพียงเท่านั้น ปาร์คชานยอลก็จัดการพิงหัวลงบนไหล่ซ้ายของผมด้วยท่าทีเนิบนาบ ทำเอารู้สึกเกร็งอยู่ไม่น้อย
"จบเกมแล้วเรียกด้วย"
"นอนแบบนี้เดี๋ยวก็เมื่อยหรอกครับ ผมว่าไปนอนดีๆเ.."
"คืนเดียวแบคฮยอน..."
"..."
"ขอแค่คืนเดียว" ปาร์คชานยอลออกแรงกระชับมือผมไว้หลวมๆ ก่อนที่เปลือกตาสีอ่อนจะถูกปิดลงสนิท ไม่ว่าจะในสถานการณ์แบบไหน เวลาโดนผู้ชายคนนี้จู่โจม อวัยวะใต้อกซ้ายก็ทำงานหนักขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ผมมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายโดยอาศัยแสงไฟจากจอทีวี ลมหายใจสม่ำเสมอเป็นตัวบ่งบอกว่าเจ้าบ้านกำลังดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา และนี่คงเป็นอีกครั้งที่ภาพเหล่านี้ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาได้ ให้ตายเถอะแบคฮยอน ทำไมถึงได้โง่แบบนี้..
ปอยผมสีเข้มที่ร่วงลงมาปรกใบหน้าหล่อเหลา ถูกก้านนิ้วเรียวของผมช่วยจัดแจงให้มันดูเข้าที่เข้าทางมากยิ่งขึ้น
เสียเวลาไปหาตั้งไกล สุดท้ายเขาอยู่ตรงนี้เอง..
‘ แรงบันดาลใจของผม :- ) ’
"ถ้ามีคืนที่สอง.. ผมไม่ให้อภัยคุณแน่ครับชานยอล"
06.20 am. @home sweet home
แดดอ่อนๆยามเช้าทะลุผ่านม่านสีหม่นเข้ามาภายในตัวบ้าน เสียงผู้ประกาศข่าวประจำภาคเช้าดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท จับใจความได้แค่เป็นการประกาศผลการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของเมื่อคืน ผมตัดสินใจเบิกตาขึ้นสู้แสงทีละน้อย ไหล่ซ้ายยังคงถูกปาร์คชานยอลครอบครองไปโดยปริยาย
ภาพของปาร์คยูรา นักข่าวสาวที่กำลังอ่านพาดหัวข่าวถัดไปอย่างคล่องแคล่วไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแปลกตาเท่ากับร่างแยกพรีปฐมวัยที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ตรงนั้น
‘ ยิ้มอะไร? ’
ผมขยับปากถามโดยไม่ออกเสียง เดนนิส ปาร์คไม่ตอบแต่กลับทำท่าทีเขินอายก่อนจะซบลงที่ลาดไหล่เล็กของพี่ชาย เล่นเอาอีกคนต้องหัวเราะออกมาเบาๆอย่างถูกใจ ผมเหลือบตามองปาร์คชานยอลที่ยังคงหลับตาอยู่ตรงนั้น ก็เป็นอันเข้าใจท่าทีแปลกๆของสองแฝดขึ้นมาทันที
อ่า โดนเด็กแซวแต่เช้าเลยสิ
สุดท้ายก็หลุดยิ้มออกมา รู้สึกอายอยู่หน่อยๆที่ถูกลูกชายเขาจับได้คาหนังคาเขา แต่ก็เป็นอันต้องหุบยิ้มลงทันที เมื่อดันสบสายตาเข้ากับชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน
"ยิ้มอะไร?" โดนถามกลับด้วยประโยคเดียวกัน แต่เล่นเอาไปไม่เป็นเลยทีเดียว
"เปล่านี่ครับ"
"หรอ?" ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ปาร์คชานยอลหรี่ตาลงเล็กน้อยหมายจะจับผิด ผมพยายามตีเนียนสู้สายตาของอีกฝ่าย แต่ใจดวงน้อยดันไม่รักดี พอโดนคนที่ชอบมองเข้าหน่อย ก็เต้นไม่เป็นจังหวะจนแทบจะหลุดออกมาอีกแล้ว
"โกหก" ใบหน้าหล่อเหลานั้นเลื่อนเข้ามาใกล้เหมือนตั้งใจจะลองเชิง ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย ริมฝีปากหยักเผยอขึ้นเล็กน้อย วินาทีนั้นสมองสั่งการให้ผมรีบเฟดตัวออกมาให้เร็วที่สุด แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไวกว่าเป็นไหนๆ
สัมผัสนุ่มหยุ่นบริเวณริมฝีปาก กำลังทำให้หัวใจผมแทบหยุดเต้น
ภาพเก่าฉายย้อนเข้ามาในหัว ถ้าไม่นับตอนที่ผมเมา
นี่ก็คงเป็นครั้งที่สองแล้วที่เราจูบกัน
และผมเองยังรู้สึกตื่นเต้นเหมือนครั้งแรกไม่มีผิด
มันบางเบาและเนิ่นนานในความรู้สึก
จูบครั้งนี้ยืดยาวกว่าครั้งก่อนและผมคิดว่าอีกไม่นานอีกฝ่ายก็คงจะถอนจูบไปแต่ผมคิดผิด
เมื่อพ่อม่ายออกแรงกดจูบลงหนักๆและย้ำมันอยู่แบบนั้น มือหนายกขึ้นมาประคองใบหน้าของผมเพื่อความถนัด
รสจูบหนักหน่วงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ปาร์คชานยอลออกแรงขบเม้มริมฝีปากผมเบาๆเหมือนต้องการจะแกล้ง
ผมรู้ดีว่ากำลังโดนอีกฝ่ายเอาเปรียบ
จึงรวบรวมความกล้าและกำลังที่มีดันแผงอกแข็งแรงให้ออกห่าง แล้วลุกขึ้นยืนทันที
"ผมว่าป๋ากำลังจะสายแล้ว! รีบไปอาบน้ำดีกว่าครับ
เดี๋ยวผมไปเตรียมอาหารเช้าให้"
"นี่.."
"..."
"ถ้าโดนจับได้อีกคราวหน้า จะไม่โดนแค่นี้หรอกรู้ใช่ไหม?" ผมไม่ตอบ สองเท้ารีบจ้ำอ้าวออกจากจุดเกิดเหตุทันที
ยอมรับครับว่าตอนนี้เลิ่กลักไปหมด ใช้มือหยิบกล่องซีเรียลก็แทบจะไม่มีแรง
ราวกับว่าจูบเมื่อครู่ได้สูบพลังชีวิตของผมไปจนหมดสิ้น
ให้ตายเถอะปาร์คชานยอล
เล่นบ้าอะไรของคุณเนี่ย?! ,////,
ผมมองเด็กในสังกัดที่กำลังเดินดุ่มๆเข้าไปในครัวแล้วเป็นอันต้องหลุดหัวเราะในลำคออย่างเสียไม่ได้
แม่งเอ้ย น่ารักได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันแบคฮยอน?
ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจตามประสา ความตึงตัวเข้าโจมตีช่วงต้นคอทำให้รู้สึกเมื่อยอยู่เล็กน้อย แต่ถ้าแลกมากับการได้จับเท็จไอเด็กเฉิ่ม ก็จัดว่าคุ้มค่า
ตัวเลขดิจิตัลบนฝาบ้านกำลังบอกถึงเวลาที่ล่วงเลย นั่นทำให้ผมตระหนักว่าถ้าผมยังไม่รีบ ก็คงจะสายจริงๆแบบที่ไอเด็กนั่นว่า สมองสั่งการให้สองขาออกเดิน แต่ยังไปไม่ถึงไหน สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นก้อนอ้วนทั้งสองที่หลบตัวนั่งยองอยู่หลังตู้หนังสือ มือเล็กปิดตาสองข้างจนแนบสนิท
อุ่ย ดูท่าลูกจะเห็นหมดแล้วสิเนี่ย 555555
"มาทำอะไรตรงนี้ครับลูก?"
"เล่นๆซ่อนแอบ.." สองแฝดตอบกลับมาทั้งที่ยังปิดตาอยู่แบบนั้น เอ้อ..พี่เลี้ยงเขาเทรนมาดีจริงๆ
"งั้นแบบนี้ก็เห็นหมดแล้วสิว่าป๋าจุ๊บๆกับแบคยอน"
"หนูเปล่าาา/หนูก็ด้วย!!!"
"เสียงดังเลยอะ ไม่เห็นจริงดิ?"
"หนูเปล่าเห็นซะหน่อย!/ไม่เห็นจริงๆนะฮะ!"
"หึ! คนโกหกจะต้องโดนป๋าทำโทษ!" ผมช้อนร่างของลูกชายทั้งสองเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจัดการหอมแก้มอ้วนๆของสองเด็กคนละทีสองทีจนหนำใจ
หมั่นเขี้ยวทั้งลูก ทั้งคนเลี้ยงลูกเลยครับ แง่ม .____ .\\
10 นาทีต่อมา
ผมกับลูกชายใช้เวลาจัดการตัวเองเพียงไม่นาน สองเด็กก็อยู่ในชุดพละพร้อมสำหรับการไปทัศนศึกษาในวันนี้แล้ว ผมเดินเข้าครัวไป บนโต๊ะอาหารมีถ้วยซีเรียลกับขนมปังปิ้งวางอยู่สองชุด ส่วนอีกชุดนึงเป็นขนมปังปิ้งกับกาแฟร้อนของผม
"เมื่อกี้ป้าฮโยจินโทรมา บอกว่าที่ร้านมีงานด่วน ให้รีบเข้าไปน่ะครับ" แบคฮยอนยื่นโทรศัพท์เครื่องบางมาให้ผม หน้าจอปรากฏให้เห็นรายการโทรเข้าล่าสุด
"งานอะไร?"
"ไม่ได้ถามรายละเอียดครับ ได้ยินแค่ป้าบอกให้รีบไป" แบคฮยอนก้มหน้าน้อยๆ ไม่กล้าสบตากับผมตรงๆ ซึ่งผมไม่ได้ติดใจอะไรมาก กดโทรออกเบอร์ล่าสุดทันที รอไม่นาน ก็ได้ยินเสียงปลายสายโต้ตอบกลับมา
"มีงานด่วนอะไรหรอครับโทรมาซะเช้าเลย?"
' วันนี้ครบรอบสองปีที่ร้านเปิดไง '
“หื้ม ไม่ใช่พรุ่งนี้หรอครับ?”
‘ ดูปฏิทินซะพ่อตัวดี นี่แกสายแล้วนะ ป้าให้เวลาแกไม่เกินครึ่งชั่วโมง ’
“โห่ ป้าอะ วันนี้ผมต้องพาเด็กๆไปทัศนศึกษานะ ขอเข้ากะค่ำเหมือนเดิมไม่ได้หรอครับ?”
‘ ไม่ได้ วันนี้มีแขกผู้ใหญ่มา ป้าอยากให้แกมาอยู่เล่นต้อนรับที่นี่ อย่าทำให้ป้าเสียหน้าได้ไหมปาร์คชานยอล’ ป้าฮโยจินพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งบังคับกึ่งขอร้อง ผมถอนหายใจออกเบาๆ ก่อนจะตอบกลับไปอย่างสุภาพ
“โอเค เอางั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบเข้าไป” ผมรอจนปลายสายกดตัดไป แล้วก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“วันนี้ป๋าคงไม่ได้ไปอยู่เล่นกับพวกหนูแล้วนะ พอดีมีงานด่วนเข้ามา ป๋าเลยต้องรีบไปที่ร้านก่อน ไว้ค่อยเจอกันตอนเย็นนะครับ” ผมหันไปอธิบาย สองเด็กได้ฟังดังนั้นก็เป็นอันนั่งหน้างอไปตามๆกัน
“ไม่โกรธๆกันได้ไหมคนเก่ง ดีกันนะ” ส่งลูกอ้อนอยู่พักนึงกว่าสองแฝดจะยอมยื่นนิ้วก้อยเล็กๆนั่นมาเกี่ยวกันไว้หลวมๆ ผมหยิบกาแฟที่เริ่มอุ่นขึ้นมากระดกดื่มรวดเดียวจนหมด
“งั้นวันนี้นายไปฟิวทริปเป็นเพื่อนสองแฝดแทนฉันหน่อยแล้วกัน ฝากด้วยนะ” ผมหยิบเงินค่ารถ กับค่าขนมส่งให้เด็กในสังกัด ก่อนตัดสินใจยกขนมปังปิ้งทั้งจานให้คนตัวเล็กด้วยเช่นกัน มือหนาขยี้กลุ่มผมนิ่มของเด็กในสังกัดเบาๆแทนการบอกลา
“ถ้าถึงที่แล้วก็ทักมาบอก”
“ป๋าก็ขับรถดีๆ ไม่ต้องรีบเกินไปนะครับ”
“รับทราบ”
07.30 am.
หลังอาบน้ำเสร็จ ผมก็รีบพาสองเด็กนั่งรถเมล์มาลงหน้าโรงเรียนเหมือนทุกครั้ง แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมก็คงจะเป็นบทสนทนาระหว่างทางละมั้ง จะให้พูดง่ายๆก็คือ ผมโดนสองแฝดแซวตั้งแต่ปาร์คชานยอลออกจากบ้านแล้วล่ะครับ
คนทำคือเขา แต่คนซวยดันเป็นผมซะงั้น ไม่ยุติธรรมเลยซักนิด
ทันทีที่รถเมล์จอดสนิทเทียบทางเท้า ผมจูงมือเด็กทั้งสองลงจากรถด้วยสภาพกึ่งเดินกึ่งวิ่ง สองแฝดพาผมไปหาครูประจำชั้นของพวกเขาที่กำลังยืนเช็คชื่อเด็กๆในคลาสอยู่ข้างมินิบัสปรับอากาศ ครูนานะอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่ง กางเกงยีนส์สีเข้มเข้ากันดีกับช่วงขาเรียวยาวของเธอ แล้วไหนจะรองเท้าผ้าใบที่ทำให้เธอดูคล่องตัวนั่นอีก ผมส่งยิ้มบางๆให้ทันทีที่เราสบตากัน ผมโค้งตัวลงเล็กน้อยตามมารยาท ก่อนจะพาสองแฝดไปเช็คชื่อเพื่อขึ้นรถ
"ว่าไงจ้ะสองแฝด สายจนคิดว่าจะไม่มาแล้วนะเนี่ย แล้ววันนี้คุณพ่อไม่ว่างหรอคะ?"
"ใช่ฮะ วันนี้ป๋าจ๋าต้องไปที่ร้านแต่เช้าเลยไม่ได้มาด้วยยย"
"เลยได้แบคยอนมาเป็นเพื่อนแทนสินะ"
"ช่ายยยยย" เธอยิ้มพลางลูบหัวคนน้องอย่างเอ็นดู เครื่องหมายติ๊กถูกปรากฏขึ้นบนแผ่นกระดาษในเวลาต่อมา ก่อนมือเรียวจะส่งแผ่นห้อยคอแฮนเมดมาให้ ผมรับมันมาถือไว้ก่อนจะก้มลงดูรายละเอียดที่แนบมาด้วย
"อันนี้เป็น map คร่าวๆของแต่ละที่ที่จะไปนะคะ ส่วนด้านล่างเป็นเบอร์โทรของฉันเอง ถ้าแบคฮยอนเกิดหลงทางหรือมีปัญหาอะไร ก็โทรมาได้ตลอดเลยนะคะ"
"ผมไม่เคยมาในนามผู้ปกครองแบบนี้มาก่อนเลย ยังไงก็ขอฝากตัวด้วยนะครับ"
"ยินดีค่ะแบคฮยอน ไม่ต้องกังวลเลยนะ ก็เหมือนพาเด็กๆมาเที่ยวปกตินี่แหละ ทำตัวสบายๆได้เลยค่ะ"
เธอยิ้มอีกครั้ง และนั่นทำให้ผมรู้สึกสบายใจมากขึ้นอีกหน่อย ผมเอ่ยขอบคุณเธอก่อนจะจูงมือคนพี่ขึ้นรถตามกันไปเป็นทอดๆ ผมรับตัวแฝดน้องมานั่งบนตักทันทีที่ได้ที่นั่ง โดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกผู้ปกครองที่แท้จริงของเด็กๆด้วย
ข้อความถูกส่งไปแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะอ่านแต่อย่างใด ผมปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วเก็บมันลงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับสองแฝดอีกครั้ง ตอนนี้รถออกไปได้ซักพักแล้ว ครูสาวย้ายตำแหน่งจากท้ายรถไปหยุดยืนอยู่หลังที่นั่งคนขับ เธอหยิบโทรโข่งขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อแนะนำตัวเองคร่าวๆและพูดถึงวัตถุประสงค์ ข้อตกลงต่างๆเกี่ยวกับการออกทริปในวันนี้
"ค่ะ ต่อไปจะเป็นโชว์เล็กๆน้อยๆที่ฉันเตรียมมา ถือซะว่าให้มันเป็นของขวัญต้อนรับทุกคนที่ทำให้เรามาอยู่รวมกันในวันนี้นะคะ" ครูนานะหยิบอูคูเลเล่ขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะให้จังหวะกับตัวเองเบาๆ และเริ่มเปล่งเสียงร้องอันไพเราะออกมา
เสียงพูดที่ว่าเพราะอยู่แล้ว พอเจอเสียงร้องเพลงเข้าไป ก็ยิ่งทำให้ผมเห็นเสน่ห์ในตัวผู้หญิงคนนี้เพิ่มอีกหนึ่งข้อ
ทันทีที่สิ้นเสียงร้อง เสียงปรบมือก็ดังขึ้นมาแทนที่ทันที ครูนานะโค้งตัวขอบคุณอย่างสุภาพ ผู้ปกครองบนรถปรบมือให้เธอแทนคำขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่แสนอบอุ่น ส่วนเด็กๆเองก็ปรบมือชอบใจกันยกใหญ่
"ค่ะ ตอนนี้ก็พักผ่อนตามอัธยาศัยก่อนนะคะ อีกราวๆครึ่งชั่วโมงก็น่าจะถึงแล้ว ขอบคุณที่อุตส่าห์สละเวลามาอยู่เป็นเพื่อนเด็กๆกันนะคะ ขอบคุณค่ะ" เธอเอ่ยขอบคุณอย่างสุภาพอีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ท้ายรถดังเดิม
ตอนที่เธอเดินผ่านผมไป คงเป็นอีกครั้งแล้วสินะที่ผมได้เห็นรอยยิ้มของเธอใกล้ๆ เธอเป็นคนมีเสน่ห์จริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ปาร์คชานยอล หรือใครๆต่างก็ชอบเธอ ทั้งบุคลิกและท่าทาง หรือแม้แต่การวางตัว ทุกอย่างช่างสวยงามและน่ามองไปหมด ไหนจะความสามารถรอบด้านของเธอนั่นอีก..
..ผมว่าผมได้ไอเดียร์ในการแต่งเพลงแล้วล่ะ
สองแฝดคุยเล่นจนเริ่มผล็อยหลับไปตามๆกัน ผมจึงถือโอกาสนี้หยิบกระดาษรายงานในกระเป๋าขึ้นมา คิดไม่ผิดจริงๆที่ถือโอกาสมาหาไอเดียร์กับการออกฟิวทริปของเด็กๆ ถ้อยคำต่างๆถูกคิดไว้ในหัว ผมกลั่นกรองเขียนมันเป็นตัวหนังสือ และเรียบเรียงออกมาเป็นบทเพลงทีละบรรทัดอย่างใจเย็น
"แบคฮยอน.."
"ครับ?"
"ขอโทษนะคะ รบกวนรึเปล่า?"
"ไม่เลยครับ ครูมีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่า?"
"พอดีจะฝากซองไปให้คุณชานยอลเขาน่ะค่ะ”
"ซอง?" เธอคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นซองกระดาษสีครีมขาวมาตรงหน้าผม ผมรับมันมาถือไว้ ใช้เวลาพิจารณาเพียงไม่นาน ผมก็ได้คำตอบ
“จริงๆฉันอยากจะให้เขาเองกับมือ แต่คงต้องรบกวนแบคฮยอนแล้วล่ะ"
"การ์ดแต่งงานหรอครับ?"
"ใช่ค่ะ ฉันกำลังจะแต่งงาน”
08.00 pm. @home sweet home
เสียงประตูห้องนอนของสองแฝดถูกปิดลงอย่างเงียบเชียบ ผมสาวเท้าต่อมายังโซฟาตัวยาว ก่อนตัดสินใจทิ้งตัวลงนอนราบอย่างหมดอาลัยตายอยาก หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นดูเวลาก็เป็นอันต้องถอนหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้ สองชั่วโมงเลยหรอแบคฮยอน ให้ตายเถอะ กว่าจะกำหราบสองเด็กนั่นได้ก็เล่นเอาหมดเรี่ยวแรงอย่างที่เห็น
นิ้วเรียวกดเข้าแอพแชทเพื่อเช็คข้อความ ล่าสุดเป็นข้อความฝั่งขวาที่ผมส่งไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว และแน่นอนครับว่าปาร์คชานยอลยังไม่กดอ่านมันเหมือนเดิม เห็นแบบนี้เลยต้องถอนหายใจหนักๆออกมาอีกรอบ
เคยมีประสบการณ์รอแชทจากใครซักคนกันไหมครับ?
นั่นแหละ ความรู้สึกของผมตอนนี้ล่ะ
read
จู่ๆขอความที่ดูเหมือนจะหนักขวากลับปรากฏร่องรอยที่ทำให้ผมรู้ว่าใครอีกคนก็กำลังอยู่ในหน้าแชทแห่งนี้เช่นกัน และยังไม่ทันที่ผมจะได้ส่งข้อความอะไรเพิ่มเติม แรงสั่นครืดในมือก็เรียกความสนใจจากผมได้เป็นอย่างดี
หน้าจอแสดงรายชื่อเดิมที่คุ้นเคย แต่ไม่บ่อยนักที่เขาจะโทรมาทั้งที่รีดข้อความไปแล้วแบบนั้น กลายเป็นว่าอ่านไม่ตอบ แต่กลับโทรมาบอกแทนงี้?
' คุณแฮปปี้ไวรัส '
ผมกดรับสายก่อนจะกรอกเสียงลงไป
"ครับ?"
' ถึงบ้านรึยัง? '
"เรียบร้อยครับ เพิ่งส่งสองแฝดเข้านอนเมื่อกี้"
' ดีแล้วล่ะ '
"อ่านแชทแล้วจะโทรมาให้เปลืองเงินทำไมครับเนี่ย?"
' ก็ว่าง มีปัญหาไร? '
"ไม่มีครับ.."
' แล้วนี่มีงานต้องทำอีกไหม? ' ปาร์คชานยอลเปิดประเด็นใหม่ เพื่อไม่ให้บทสนทนาในครั้งนี้มันกร่อยลงจนน่าเบื่อ
"ผมต้องเขียนเพลงไว้โชว์ในงานปิด วันนี้ได้ไอเดียร์มาเพิ่มเลยว่าจะลองเขียนดูน่ะครับ" ไม่เคยคุยโทรศัพท์เรื่องสัพเพเหระแบบนี้มาก่อน ยิ่งกับปาร์คชานยอล ก็ยิ่งไม่ชินเข้าไปใหญ่
' อ่า งั้นไม่กวนแล้วดีกว่า '
"เลิกงานแล้วหรอครับ?" ผมถามต่อ
' ยังหรอก อีกสักสามชั่วโมงมั้ง วันนี้ป้าฮโยจินบอกจะให้กลับก่อนเที่ยงคืน.. '
ติ๊งต๋อง!
หื้ม?
ติ๊งต๋อง!
"เอ่อ..มีคนมากดกริ่งหน้าบ้าน"
' ตอนนี้อะนะ? '
"ครับ" ผมยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ชะโงกหน้ามองทะลุผ่านม่านสีหม่นไปแต่ไม่เป็นผล จึงตัดสินใจเดินตรงไปที่ประตูทั้งที่ยังถือสายของใครอีกคนไว้แบบนั้น
' แบคฮยอน? '
"..."
ประตูบ้านถูกเปิดออก ผมมองตรงไปยังประตูรั้ว
เห็นเงาตะคุ่มๆก็พอจะดูออกครับว่าเป็นเงาคน แต่ขอร้องเถอะ
อย่าให้เป็นแบบที่ผมคิดเลย ปกติค่ำมืดแถวนี้ก็ไม่ค่อยมีคนซะด้วยสิ มือเล็กดันกรอบแว่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนมืออีกข้างจะคว้าไม้กวาดด้ามสั้นติดมือมาให้อุ่นใจ
'แบคฮยอน? ได้ยินไหม? แบคฮยอน..'
"ป๋าครับ เดี๋ยวผมโทรกลับนะ" สายถูกตัดไปแล้ว ระยะทางที่สั้นลงกำลังทำให้ใจผมเต้นรัว ผมผ่อนลมหายใจออกเบาๆอย่างใจเย็น ก่อนมาหยุดอยู่หลังรั้วบ้านสีเข้ม และตัดสินใจเปิดมันออกช้าๆ ทันทีที่ด่านแรกของบ้านถูกเปิดออก
ทำเอาใจผมกระตุกวูบ เมื่อภาพตรงหน้าที่ได้เห็นมันไม่เป็นไปอย่างที่คิด และเหนือความคาดหมายไปมากทีเดียว
"อยู่ที่นี่จริงๆด้วยสินะ บยอนแบคฮยอน"
“!!”
100%
TBC
-. - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . -
อห ก็หายไปอีกหนึ่งปีเศษๆค่ะทุกคน 55555555 ,___,
ขอโทษที่ทำให้ทุกคนรอนานนะคะ แงๆ ไม่รู้จะยังมีคนรออยู่มั้ย แต่เค้ามาลงให้อ่านอีกตอนแล้วนะ
ไม่สัญญาหรอกนะคะว่าจะไม่หายไป แต่ถ้าทุกคนยืนยันที่จะรอ เค้าก็ยืนยันที่จะแต่งต่อให้จบค่ะ
มาเป็นทีมรอเธอกันนะคะ 555555555555 แงงง้
เนื่องด้วยสถานการณ์ตอนนี้
ก็อยากให้ทุกคนพักผ่อนอยู่บ้าน และสู้ๆกับวิกฤตที่เกิดขึ้นนะคะ
อย่าลืมดูแลตัวเองและล้างมือบ่อยๆ เราจะผ่านมันไปด้วยกันอย่างปลอดภัยค่ะ !
สุดท้ายก็ขอขอบคุณที่ติดตามชีวิตพ่อม่ายชานยอลมาจนถึงตอนนี้
ไว้ว่างอีกเมื่อไหร่ จะมาลงตอนต่อไปให้อ่านกันนะคะ
ผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยเหมือนเดิมค่าา
เริ้บๆๆ เอ็นจอยรีดดิ้งจย้าาทุกคน
-. - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . -
<
ความคิดเห็น