ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {exo} Cute widower l chanbaek

    ลำดับตอนที่ #11 : พ่อม่ายชานยอล l ตอนที่ 10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.23K
      31
      16 มิ.ย. 64





    พ่อม่ายชานยอล ตอนที่ 10

      :: ไดอารี่แบคฮยอน ::



     

    เสียงฝีเท้าก้าวเดินอย่างขวักไขว่ ภายในห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็ก คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น ความกังวลสุมล้นอยู่เต็มอก มือบางเปิดนู่นยกนี่ขึ้นสูง พลางกวาดสายตามองไปรอบๆเพื่อหาสิ่งที่ต้องการ

     

    "อยู่ไหนวะ?"

     

    "หาอะไรอยู่?"

     

    "ป๋าครับ เห็นไดอารี่ผมไหม?"

     

    "ไดอารี่?"

     

    "ครับ เล่มหนาประมาณนี้ สีดำ ผมหาทั่วบ้านแล้วยังไม่เจอเลย"

     

    "วางลืมไว้ตรงไหนรึป่าว?"

     

    "ไม่รู้สิครับ..อืม ถ้าจำไม่ผิดมันต้องอยู่แถวนี้ดิ" ประโยคหลังหันมาพูดพึมพำกับตัวเอง ผมเดินง่วนไปทั่วส่วนปาร์คชานยอลก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆแทนคำตอบ เสียงทุ้มพูดให้กำลังใจกันเล็กน้อย ก่อนเจ้าตัวจะเดินจากไป  ผมถอนหายใจหนักพลางทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงหลังเล็ก ถ้ามันหายไป ผมต้องเป็นบ้าแน่ๆ นั่นมันครึ่งชีวิตของผมเลยนะ

    ไดอารี่แบคฮยอนน่ะ ..

     


              


     

                03.00 pm. @ home sweet home

     

                เห้อมม กว่าจะแกะคอร์ดเพลงใหม่อย่าง Photograph ของ Ed Sheeran เสร็จ ก็เล่นเอาเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมด ผมเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา อ่า ได้เวลาไปรับสองแฝดแล้วสินะ

     

                มือหนาประสานกันแล้วชูแขนขึ้นเหนือศีรษะก่อนจะออกแรงบิดขี้เกียจไปมาขับไล่ความเมื่อยล้าทั้งหมดที่มี แก้วหูหิ้วเซรามิกถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากอิ่ม หึ พูดแล้วก็น่าขำ ว่าฝีมือการทำอาหารไม่เอาไหนอย่างบยอนแบคฮยอน จะชงกาแฟออกมาได้กลมกล่อมขนาดนี้ ผมลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ขายาวก้าวพาร่างสูงเดินลงบันไดไปอย่างเนิบนาบ จนเมื่อมาหยุดอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย กลับพบว่าบริเวณโซฟาตัวยาวถูกจับจองโดยมนุษย์สั้นที่กำลังนั่งกอดอกตีหน้ายุ่งอยู่ตรงนั้น


     

    "นี่ ยังหาไม่เจอรึไง?" เอ่ยถามออกไปเพราะรู้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่อีกคนพยายามตามหามาตลอดช่วงเช้า

     

    "ไม่ครับ"

     

    "แล้วจะตะเบ็งทำไม?"

     

    "ไม่รู้!" เห้ยๆ แบบนี้เขาเรียกพาลแล้วปะวะ อย่ามาทำตัวนักเลงแถวนี้แบคฮยอน กูขอเตือน

     

    "นี่ ถามจริงเหอะ ไอไดอารี่เล่มนั้นมันมีอะไรสำคัญนักหนา ห้ะ ถึงได้หาจนแทบจะพลิกบ้านขนาดนี้?"

     

    "ก็ครึ่งชีวิตของผมอยู่ในนั้น.."

     

    "..."

     

    "..ช่างเถอะครับ คงจะหายไปแล้วจริงๆนั่นแหละ" อีกคนถอนหายใจอย่างสิ้นหวังพลางมองมาทางนี้


     "..."


    "ขอโทษที่ขึ้นเสียงใส่ ผมขอตัวก่อนนะครับ" แบคฮยอนลุกขึ้นยืนก่อนจะมุ่งหน้าไปหยิบกระเป๋าสะพายใบเก่งขึ้นมาพาดบ่าไว้ และในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะเดินสวนออกไปนั่นเอง ที่มือหนาของผมเคลื่อนขึ้นจับต้นแขนเล็กๆนั่นไว้เสียก่อน

     

    "จะไปไหน?"

     

    "ไปธุระกับเพื่อน กลับไม่ดึกหรอกครับ เอาไว้ถ้าดึก เดี๋ยวผมจะโทรหาเอง ไม่ต้องโทรตาม"


    ว่าจบก็รีบสะบัดแขนแล้วเดินจากไปทันที โอ้โห..เหนือคาด ปกติบยอนแบคฮยอนมันเป็นคนแบบนี้ซะเมื่อไหร่ กะอีแค่สมุดไดอารี่เล่มนึงหายไป ทำไมถึงเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กคนนี้ให้กลายเป็นคนละคนได้เลยวะ?

     

    เหอะ ยิ่งเขาแสดงออกมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งสงสัยเจ้าสมุดปกแข็งที่นอนแน่นิ่งอยู่ในห้องมากขึ้นเท่านั้น ใช่ครับ ไดอารี่ของแบคฮยอนไม่ได้หายไปไหนหรอก มันอยู่ในห้องของผมเอง

     



     


    baekhyun’s

     

     

    ว่าด้วยเรื่องของไดอารี่แบคฮยอน  สมุดบันทึกเล่มสีดำ ปกแข็ง ที่รวบรวมความเป็นบยอนแบคฮยอนทั้งหมดเอาไว้ภายในนั้น แล้วไหนจะเรื่องราวความรักที่ไม่มีวันเป็นจริงนั่นอีก..

     

     

    ฟืดดดด.. ฟืดดดดด

     

    มือเรียวจัดการบังคับกระป๋องสเปรย์ให้เคลื่อนไปในทิศทางที่ต้องการ ละอองสีกระจายฟุ้งไปหมด นั่นเสริมให้อารมณ์ที่ไม่ค่อยดีของผมมันเผลอติดลบอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผมถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ ก่อนเลือกที่จะเดินเบี่ยงไปอีกทาง พื้นคอนกรีตต่างระดับถูกใช้เป็นที่นั่งเพื่อสงบสติอารมณ์


     แบบนี้ไม่ดีแน่ นี่มันเวลางานนะแบคฮยอน แยกแยะด้วย..

     


    "อู้งานหรอแบคฮยอน?" จู่ๆร่างสูงโปร่งของพี่อี้ฟานก็มาปรากฏให้เห็นอยู่ในกรอบสายตาซะงั้น เขานั่งยองๆลงตรงหน้าผม สายตาที่มองมามันเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่น นับว่าเป็นความโชคดีของผมแล้วจริงๆ ที่แถวนี้ไม่ค่อยมีคนมากนัก ไม่งั้นคงโดนหาว่าเป็นเด็กเส้นชัวร์ ที่บังอาจมาตีสนิทกับประธานคณะได้มากขนาดนี้

     

    "...."

     

    "หน้าบึ้งอีกแล้ว"

     

    "ผมทำของสำคัญหายน่ะ.."

     

    "บอกพี่ได้ไหนว่าอะไร?" จบประโยคนั้นผมได้แต่เงียบใส่เป็นการปฏิเสธ พี่อี้ฟานคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะตัดสินใจเลื่อนตัวมานั่งข้างๆผม

     

    "อ่า..ไม่ต้องพูดก็ได้ ดูเหมือนมันจะมีคุณค่าทางจิตใจมากเลยสินะ" ผมพยักหน้ารับ พี่อี้ฟานหลุดยิ้ม มือหนาเลื่อนขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ

     

    "ว่าแต่เด็กดื้อของพี่ไปวางลืมไว้ตรงไหนรึเปล่า หื้ม?"

     

    "ไม่รู้สิครับ..ฮื่ออ เมื่อคืนยังอยู่เลยแท้ๆ" ผมเอามือลูบหน้าตัวเองอย่างหมดหวัง คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้ออกมาให้มันรู้แล้วรู้รอด

     

    "เมื่อก่อนพี่ก็เคยทำของสำคัญหายนะ..แย่กว่านั้นหน่อย มันเป็นของสำคัญของแม่น่ะ"

     

    "..."

     

    "ความรู้สึกแรกหลังจากรู้ว่ามันหายไป ตัวพี่ชาไปหมด ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาจนได้แต่ก่นด่าตัวเองที่สะเพร่า เดาได้ไม่ยากเลยว่าจะต้องโดนดุแน่ๆ"

     

    "..."

     

    "แต่รู้อะไรไหม..แม่ไม่ได้ดุพี่เลย แถมยังรับสารภาพว่าเป็นคนเอาไปซ่อนซะเองอีกคนหลุดหัวเราะออกมา เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีต

     

    ตอนนั้นพี่ทั้งรู้สึกโล่งใจและหงุดหงิด แม่เลยบอกกับพี่ว่า อี้ฟาน..ไว้วันนึง ลูกจะมีของสำคัญที่สุดในชีวิตเหมือนกัน ถึงเวลานั้นแล้ว จงรักษามันให้ดีที่สุด การสูญเสียจะทำให้เราเข้มแข็งและเติบโตขึ้นไปพร้อมๆกัน"

     

    “...”

     

    ยื่นมือมานี่สิผมทำตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างว่าง่าย มือใหญ่เคลื่อนเข้ามาทาบทับกับฝ่ามือของผมแผ่วเบา

     

    “...”

     

    อย่าบั่นทอนความเชื่อของตัวเองนะแบคฮยอน ขอแค่เชื่อมั่น อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทันทีที่อีกฝ่ายผละมือออก ก็เผยให้เห็นอมยิ้มกลิ่นแตงโมแสนโปรดที่วางอยู่บนฝ่ามือ ผมเบิกตากว้างเล็กน้อยด้วยความตกใจ ไม่จริงน่า ผมมองเขาอยู่ตลอด ก็เห็นอยู่ว่าพี่อี้ฟานไม่ได้หยิบอะไรขึ้นมาเลย

     

    อะไรกัน ไหนเขาบอกว่ามายากลจะทำให้เด็กๆยิ้มได้..แล้วไหงไอดื้อของพี่ยังไม่ยอมยิ้มสักทีล่ะครับ?”

     

    ...

     

    อ่าาา..นี่เราปล่อยให้พี่พูดคนเดียวมานานแล้วนะ ไม่คิดจะตอบโต้บ้างรึง..ไม่รอให้อีกคนพูดจบประโยคผมก็โถมร่างทั้งร่างเข้าหาอีกฝ่ายทันที พี่อี้ฟานนิ่งไปพักนึงเพราะยังไม่ทันตั้งตัว แต่สุดท้ายเขาก็รับตัวผมเข้ามาในอ้อมกอดแล้วลูบหัวเบาๆด้วยความเอ็นดู

     

    ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง..ริมฝีปากเล็กได้แต่พึมพำคำเดิมๆออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

    หึ.. กินอมยิ้มแล้วก็ต้องยิ้มเยอะๆด้วยนะ เข้าใจที่พูดปะ?”

     

    เข้าใจแล้วครับ

     

     




               

                07.30 pm.


                มรสุมช่วงบ่ายผ่านไปได้อย่างยากเย็น ฉากบ้านบนกระดานผ้าใบเสร็จสมบูรณ์ท่ามกลางความภาคภูมิใจ ของคนทั้งคณะ จะเหลือก็แต่ฉากวังงานหยาบที่ทุกคนลงมติว่าจะเริ่มทำมันทันทีหลังจากพักเบรก


                ภายในโถงคณะเต็มไปด้วยบรรดานักศึกษามากมายทั้งปีสามและปีสี่ นั่งกองรวมกันอยู่ บ้างก็แยกตัวออกไปนั่งกันเป็นกลุ่มๆ จะมีก็แต่กลุ่มของผมนี่แหละ ที่นั่งกันแทบเรียกได้ว่าครบองค์ประชุมมากที่สุด


                ผมนั่งติดคยองซูและจุนมยอน ฝั่งตรงข้ามมีพี่อี้ฟานและพี่ปีสี่อีกสองถึงสามคนที่กำลังดื่มด่ำกับมื้อค่ำสุดพิเศษอย่างต็อกโบกี ที่ประธานคณะอุตส่าห์ฝ่าความหนาวเย็นยามค่ำคืนออกไปซื้อมาเลี้ยงคนทั้งเอก เพราะไม่อยากให้อดตายกันไปเสียก่อน โดยได้ตั้งปณิธานอันแน่วแน่ไว้ว่า..


    ต่อให้หัวเด็ดตีนขาดยังไง ฉากทั้งหมดก็จะต้องเสร็จภายในคืนนี้ ไม่เสร็จก็ไม่ต้องกลับ ถ้าหิวหรือขาดเหลืออะไรก็มาบอก เราจะรับผิดชอบชีวิตของพวกคุณเอง! ’

     

                เอ้า แล้วนี่ไอจินมันหายไปไหนวะเนี่ย?” พี่คยูฮยอน สายรหัสของซอกจินเอ่ยขึ้นทันที เมื่อมองไปรอบวงแต่กลับไม่พบร่างของน้องชายคนสนิท

     

                กูเห็นมันนั่งเป่าฉากอยู่ข้างสวนนู่นพี่เยซองเสริม

     

                “เอ้า แล้วไมมึงไม่ชวนมันมาแดกต็อกวะ กูเห็นมันนั่งเป่ามาตั้งแต่บ่าย หน้าซีดแล้วมั้งน่ะ?”

     

                “กูเรียกแล้ว แต่แม่งไม่มาว่ะ มันบอกว่ารอให้ฉากแห้งก่อน

     

                “รอฉากแห้ง? งั้นคงชาติหน้า

     

                งั้นเดี๋ยวผมไปตามให้เองครับหลังจากที่นั่งฟังอยู่นาน ผมก็เอ่ยปากออกอาสา เล่นเอาพี่อี้ฟานที่กำลังจะคีบคิมบับใส่ปากถึงกับชะงักไปเล็กน้อย สายตาคมเพ่งมองมาที่ผมราวกับจะถามความแน่ใจ ซึ่งผมก็ทำได้แค่สื่อสารผ่านแววตากลับไปเท่านั้น



                เออๆ ฝากด้วยนะแบคฮยอน ตามมาให้ได้ล่ะ


                “แน่นอนครับ

     

                หลังจากได้รับอนุญาตจากส่วนกลางให้เป็นตัวแทนกลุ่มออกมาตามซอกจิน ผมก็รีบวิ่งไปที่สวนหลังโถงกลางคณะทันที ไฟนีออนหลอดยาวที่ติดอยู่ใกล้กับห้องเก็บของถูกเปิดค้างเอาไว้ ไหนจะเสียงไดร์เป่าผม ที่มาพร้อมด้วยร่างของบุคคลที่กำลังตามหา ผมใช้เวลารวบรวมความกล้าไม่นานก่อนจะค่อยๆสาวเท้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย คงเพราะเหตุการณ์วันนั้นล่ะมั้งที่ทำให้เราเข้าหน้ากันไม่ค่อยติดเท่าที่ควร

     

                ..ซอกจิน

     

                “เอ้า ออกมาทำไมอะ กินอิ่มแล้วหรอ?”

     

                “อื้มม..พี่ๆเขาให้มาตามไปข้างในน่ะ นายยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่บ่ายใช่ไหม?”

     

                อ่าฮะ แต่ไม่หิวนะจะบอกให้อีกฝ่ายยิ้ม และนั่นทำให้ผมรู้สึกว่าความอึดอัดระหว่างเรากำลังถูกทำลายลงทีละน้อย

     

                หรอ แล้วถ้ามีนี่อะ?” ว่าจบ ต็อกโบกีเสียบไม้ก็ถูกโชว์หราขึ้นมาเบื้องหน้า ผมหลุดขำออกมาเล็กน้อย หลังจากเห็นปฏิกิริยาโต้ตอบของอีกฝ่าย โกหกหน้าตายเลยสินะคิมซอกจิน จ้องตาเป็นมันขนาดนี้คงไม่ค่อยหิวเลยมั้ง

     

                “โอเคยอม หิวก็ได้..”  เขาว่าเสียงอ่อน

     

                “เออแค่นั้นแหละ..คราวนี้แลกเวรกับฉัน นายเข้าไปข้างในได้แล้ว เดี๋ยวฉากนี่ฉันดูแลต่อเอง

     

    "เอางั้นหรอ?"

     

    "งั้นสิ" ผมว่าอย่างเป็นมิตร ก่อนจะยื่นต็อกโบกีเสียบไม้ให้อีกฝ่าย มือเล็กฉวยเอาไดร์เป่าผมมาถือไว้ในครอบครอง แล้วจัดการย้ายตัวเองมานั่งตรงตำแหน่งของคิมซอกจินแทน

     

    "นี่"

     

    "หื้ม?"

     

    "ถ้าไม่รังเกียจก็ใส่ซะสิ" แจ็คเก็ตสีดำถูกยื่นมาเบื้องหน้า ผมมองหน้าซอกจิน สลับกับของกลางดังกล่าวด้วยความงุนงง

     

    "มืดกว่านี้แล้วอากาศจะยิ่งหนาวน่ะ ใส่ไว้ก่อนสบายใจกว่านะ" ผมยิ้มเมื่อรับรู้ได้ถึงความหวังดีของใครอีกคน ก่อนมือเรียวจะยื่นไปรับเสื้อหนาวตัวดังกล่าวมาสวมใส่อย่างว่าง่าย

     

    "ขอบใจนะ" ซอกจินพยักหน้าให้เบาๆ ก่อนเขาจะค่อยๆหมุนตัวกลับหลังเพื่อเดินจากไป แต่เพียงเสี้ยววินาทีต่อมา ผมกลับได้ยินเสียงของเขาดังแว่วขึ้นมาอีก

     


    "นี่ รู้อะไรไหม.."

     

    "...."

     

    "ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันคงไม่ยอมลุกไปไหนแน่ๆ"

     

    "อืม รู้แล้ว..ถึงได้ออกมาตามนี่ไง"

     

    "ขอบใจนะแบคฮยอน"

     

    "ด้วยความยินดี"

     

     



                ปึง!


                เสียงประตูรถโดยสารถูกปิดลงอย่างแผ่วเบา ผลอันเนื่องมาจากการเดินทางที่แสนยาวนานสู่ใจกลางเมืองทงแดมุน เอาล่ะแบคฮยอน สิ้นสุดการเดินทาง..

               

                ผมสาวเท้าเดินไปข้างหน้าอย่างอิดโรย ทุกๆย่างก้าวเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย เปลือกตาหนักอึ้งจนมันแทบจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ เนื้อตัวมอมราวกับโดนผลักตกถังสี ผมเผ้าสีน้ำตาลเข้มชี้ฟูจนยุ่งเหยิงไปหมด พูดง่ายๆคือตอนนี้สภาพผมดูแย่มาก


                หลังจากผ่านประตูรั้วด่านแรกของบ้านมาได้ ก็มาสู่ด่านประตูที่สอง ผมเอื้อมมือไปจับลูกบิดแล้วจัดการเปิดมันออก ทันทีที่ภาพตรงหน้าเผยให้โซฟาตัวยาว เสียงเกากีต้าร์ซึ่งมาพร้อมกับเสียงเพลงเบาๆก็ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท

     

    나의 얘기가 끝나기 전에 너는 꿈을 꿀 거야..

     

                สายตาหลุบมองนาฬิกาข้อมือที่กำลังบอกเวลาเที่ยงคืนห้าสิบนาทีแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ดึกป่านนี้แล้ว ปาร์คชานยอลยังไม่นอนอีกหรือไงแต่แล้วอะไรบางอย่างกลับผลักดันให้ผมพาร่างอันไร้เรี่ยวแรงของตัวเองเดินไปจนถึงหน้าประตูห้องนอนของสองแฝดซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดเสียงดังกล่าว

     

     “little star.. haa~ tonight.. haa~ 밤새 내가 지켜줄 거야..

     

     

    เสียงทุ้มนุ่มนวลของชายเจ้าของบ้าน ที่ยิ่งฟังก็เหมือนยิ่งตกอยู่ในมนต์สะกด จนทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว รู้สึกเคลิ้บเคลิ้มไปกับท่วงทำนองอันแสนหวานที่อีกคนเป็นผู้บรรเลง และนี่คงเป็นอีกครั้งที่บทเพลงของปาร์คชานยอล ทำให้โลกทั้งใบของผมหยุดหมุน..

     

     

     

    กรึ่ก แอ๊ดด..

     

    "!!!!" เรียกได้ว่าสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆประตูที่คิดว่าควรจะปิดอยู่อย่างนั้นกลับเปิดออกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อย่าว่าแต่ผมเลยที่ตกใจ ปาร์คชานยอลเองก็เช่นกัน แต่รายนั้นดูจะเก็บอาการได้ดีกว่าผมหน่อยนึง


     

    "มาทำอะไรตรงนี้?" 


    "เอ่อ..คือ"


    "ไม่ต้องพูดละ ขี้เกียจฟัง แล้วนี่ไปตกถังสีที่ไหนมาสภาพดูไม่ได้เลย" ปาร์คชานยอลว่าเสียงเรียบ นัยน์ตาสีดำสนิทนั้นกำลังจ้องมองมาที่ผม


    ว..วันนี้พี่ปีสี่เขานัดทำฉากที่คณะน่ะครับ พอดีเพิ่งเสร็จ เลยเพิ่งกลับ..ขอโทษนะครับที่ไม่ได้โทรมาบอกว่าจะกลับดึก


    เออๆ ช่างมันเถอะจบประโยค มือหนาอีกข้างที่ไม่ได้ทำหน้าที่ถือเครื่องสายคู่ใจก็เอื้อมไปจับลูกบิดก่อนจะค่อยๆปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา


    "แฝดตื่นกลางดึกหรอครับ?" เอ่ยถามเสียงแผ่ว พลางมองตามอีกคนที่กำลังเดินหายเข้าไปในครัว


    "เปล่า พวกเขางอแงว่าวันนี้นายกลับช้าน่ะ บอกว่าจะรอเจอแบคยอนลูกเดียว เลยไม่ยอมนอนกัน นี่ฉันก็เพิ่งกล่อมหลับไป อ่า สุดท้ายก็ปล่อยให้สองแฝดรอเก้อจนได้ ให้มันได้แบบนี้สิแบคฮยอน


    อ่า..พวกเขารอผมงั้นสินะ..


    เหอะ ไม่ต้องทำหน้ารู้สึกผิดขนาดนั้นหรอก มอมแมมจะแย่แล้ว ไปอาบน้ำไป


    ครับ..ผมรับคำเสียงอ่อน และในขณะที่กำลังจะหมุนตัวกลับหลังไปนั้นเอง ที่เสียงทุ้มของเจ้าบ้านหยุดการกระทำของผมเอาไว้อีกครั้ง


                เออเกือบลืม..นี่ใช่ของนายรึเปล่า?” ประโยคคำถามที่อิงโยงไปถึงสิ่งของเป็นตัวการสั่งให้ผมหันหน้าไปมองยังต้นเสียงจนคอแทบเคล็ด และอะไรบางอย่างในมือคู่กรณีกำลังทำให้ผมต้องเบิกตากว้างอย่างช่วยไม่ได้ ไดอารี่!!!!  ไดอารี่แบคฮยอนจริงๆด้วย!!!! มือบางรีบคว้าของกลางดังกล่าวไปกอดไว้แนบอกทันที ทำไมมันถึงไปอยู่ที่เขาล่ะ?


    อย่าบอกนะว่า...

     

     

    "ป..ป๋า"


    "อะไร ก็ฉันเจอมันในห้องสองแฝด"

     

    "แต่เมื่อเช้าผมหาแล้วนี่ครับ.."


    "จะไปรู้ได้ไง มันอาจจะเพิ่งเดินมาก็ได้" บ้าเถอะ ไดอารี่บ้านใครมีขาเดินได้บ้างครับคุณ ตรรกะไหนของเขาวะเนี่ย โธ่.. ผมก้มมองไดอารี่ในอ้อมอกอย่างชั่งใจ ริมฝีปากบางเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยถามออกไป

     


    "ย...ยังไม่ได้เปิดอ่านใช่ไหมครับ?"

     

    "เอออสิ เห็นฉันเป็นคนขี้เสือกขนาดนั้นเชียว?"



    "แน่ใจนะครับ?"

     

    "พูดงี้หมายความว่าไง อยากให้อ่านมากใช่ปะ?"

     

    "ป..เปล่านะครับ!" ตอบปฏิเสธเสียงแข็งทันที เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเข้ามาแย่งของสำคัญในมือไป สมองสั่งการให้สองเท้าออกวิ่งสี่คูณร้อยขึ้นชั้นสองของบ้านไปอย่างรู้งาน

     

     


    ปัง!!


    ประตูห้องถูกปิดอย่างแรงโดยไม่มีความเกรงใจเจ้าบ้านแต่ประการใด แสงจากหลอดนีออนกลางห้องถูกเปิดจนสว่างโร่ กระเป๋าเป้ใบเก่งถูกโยนลงบนพื้นห้อง ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะถลาลงบนเตียงหลังเล็ก มือบางคว้าหมอนหนุนขนาดกลางมาปิดหน้าไว้ก่อนจะร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจทั้งหมดที่มี

     

    โชคดีแค่ไหน..ที่มันไม่ได้หายไปอย่างที่ใจคิด โชคดีแค่ไหนแล้วที่ปาร์คชานยอลยังไม่ได้อ่านมัน ทั้งที่เมื่อกี้ก็อยู่ใกล้มือคู่กรณีมากขนาดนั้น

     

    ได้แต่ลอบยิ้มที่อย่างน้อยวันนี้ก็ยังมีเรื่องดีๆเยือนเข้ามาก่อนจะผ่านข้ามอีกวันไปอย่างหมองหม่น ผมยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบปากกาเมจิกหัวเล็กด้ามประจำที่ใช้สำหรับการเขียนไดอารี่ขึ้นมาแล้วเปิดฝาออก

     

     

     ปึก!

    ยังไงซะ เหตุการณ์โชคดีๆแบบนี้ ก็จะต้องถูกบันทึกลงไปเป็นความทรงจำส่วนหนึ่งในไดอารี่แบคฮยอน

     

               

    มือเรียวรีบเปิดไดอารี่แบคฮยอนไปยังหน้าล่าสุดที่เขียนไว้ทันทีอย่างไม่รอช้า แต่เมื่อหน้าล่าสุดของสมุดถูกเปิดออก หน้าถัดไปกลับไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนอย่างเคย ข้อความบนกระดาษโพสอิทแผ่นเล็กกำลังทำให้บยอนแบคฮยอนคนนี้รู้สึกร้อนวาบไปทั้งหัวใจ

     



     

     

     


    ลายมือหวัดๆที่แสนคุ้นตา แทบไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลยว่าใครเป็นเจ้าของกระดาษโพสอิทแผ่นนี้ หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรงไม่เป็นส่ำ มือเล็กจัดการเปิดไปไล่อ่านข้อความจากไดอารี่ของตนเองตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าล่าสุดแล้วก็อยากจะโขกหัวตัวเองให้มันตายๆไปซะ เวิ่นเว้ออะไรมากมายวะเนี่ย?!

     

     

     

     

    22.xx.15

    วันนี้พ่อกับแม่กลับปารีส ต้องอยู่บ้านคนเดียวอีกแล้ว พี่แทฮีก็ลากลับต่างจังหวัด เหงาจะแย่แล้วแบคฮยอน.. 

     Σ(´д`;)

     


    24.xx.15

    วันนี้พี่อี้ฟานนัดคุยเรื่องละครเวทีที่คอฟฟี่ดีไลท์ล่ะ เป็นร้านกาแฟที่พี่อี้ฟานชอบไปนั่งบ่อยๆเวลาว่าง บรรยากาศในร้านดีสุดๆไปเลย แต่มันไกลจากกังนัม เพราะงั้นไปมาคงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่ใครจะรู้ ว่าผมจะได้เจอรักแท้ที่นี่ แต่เขาเป็นผู้ชายอะ...ชื่อคุณแฮปปี้ไวรัส อืมมม หลังจากประเมินแล้วก็..เล่นดนตรีเก่ง ยิ้มก็เก่ง เสียงเขาก็ทุ้มน่าฟัง แถมหน้าตาน่ารักอีกต่างหาก งื่อออ เผลอใจเต้นแรงอีกแล้ว ทำไงดีอะ ผมไม่เคยมีอาการแบบนี้กับผู้ชายที่ไหนมาก่อนเลยนะ (´;ω;`)

     


    01.xx.15

    อ่าา วันนี้ก็มาหมกตัวที่คอฟฟี่ดีไลท์อีกแล้วว อุดหนุนนมสดของที่ร้านประจำจนสนิทกับพี่จีซูจนได้ ㅋㅋㅋ

    พี่จีซูบอกว่าคุณมือกีต้าร์ของร้านชื่อ 'ปาร์คชานยอล' ล่ะ อ่าา ชื่อดูดีจังครับ

    "เห็นแบบนั้นลูกสองแล้วนะ" ผมนี่เงิบไปเลย คิดว่ายังโสดซะอีก  หน้าคุณเด็กมากกกกครับปาร์คชานยอล! (#゚Д゚)

     


    16.xx 15

    พี่อี้ฟานใจร้าย จู่ๆก็จะให้ไปเล่นเป็นจูเลียต ทำไมไม่ถามความเห็นกันบ้างครับบบ ;_; คอยดูเถอะ จบงานเมื่อไหร่ ผมสูบพี่หมดตัวแน่! อ่า..ขากลับผมเจอคุณด้วยแหละ เรื่องลูกสองที่พี่จีซูว่าดันเป็นเด็กแฝดซะด้วย น่ารักเหมือนพ่อเขาไม่มีผิดเลย ผมแอบถ่ายรูปคุณมาด้วยนะ เก็บคุณไว้ในโทรศัพท์แบบนี้ จะได้ไม่ฟุ้งซ่านเวลาคิดถึงไง ฮื่ออ..เอาเป็นว่าตอนนี้ผมเป็นแฟนคลับคุณแล้วนะ  (///▽///)

     

    21.xx.15

    วันนี้คุณดูดีมากเลย ร้องเพลงโปรดของผมอีกแล้ว ผมเห็นคุณกลับดึกทุกวัน  ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ 

     


    25.xx.15

    วันนี้มีจรวดกระดาษบินมาร่วงตรงหน้า พอคลี่ดูเท่านั้นแหละ... งื่อออ มันคือใบประกาศหาพี่เลี้ยงเด็กของปาร์คชานยอล!! บ้าไปแล้วแน่ๆ พรหมลิขิตรึไงล่ะ?? โอ้ยยเขินนนโว่ยยย (*´>д<)

     


    27.xx.15

    ไปเจอเขาตัวจริงแบบใกล้ๆมาแล้ว ดูดีกว่ามองไกลๆตั้งหลายเท่า นิสัยน่ะหรอ   ก็น่าจะเป็นคนอารมณ์ร้อนน่าดู แต่พออยู่กับลูกแล้วเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย  น่ารักเนอะ พ่อม่ายลูกสองเนี่ย.. และข่าวดี เขารับผมเข้าทำงานแล้ววด้วยย   ヾ(*´∀`*)ノ

    # จำให้ได้ล่ะ คนโตชื่อแดเนียล > คนพี่เรียบร้อย

                        คนเล็กชื่อเดนนิส > คนน้องขี้อ้อน

     


    02.xx.15

    โดนปาร์คชานยอลลบงานซะวอดเลย นี่ตีหนึ่งกว่าแล้ว แต่ผมต้องนั่งเขียนบทใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้น.. ทั้งที่เรื่องเมื่อเช้าก็ขอโทษไปแล้วแท้ๆ ก็เขานั่นแหละ เล่นอะไรก็ไม่รู้ ฮื่อออออ ไม่เข้าใจเลย ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย คนใจร้าย นิสัยไม่ดี!! ไม่รักแล้วโว้ยยยย ( #`Д´)

     

    11.xx.15

    ป่วยแล้วมีคนดูแลมันก็รู้สึกดีเหมือนกันแฮะ ขอบคุณมากนะครับป๋า ที่อย่างน้อยคุณก็ยังเป็นห่วงผมอยู่บ้าง



    25.xx.15

    จะกลับเมื่อไหร่ครับ? เห้อมม ลืมเขาไม่ได้ก็ยังไม่แย่เท่าในตอนนี้ ! ปาร์คชานยอลไปเดท ส่วนผมต้องนั่งเฝ้าบ้านไปตามระเบียบ ส่งสองแฝดเข้านอนเรียบร้อย คุณก็ยังไม่มา ผมรอแล้วรอเล่า คุณก็ยังไม่มา นี่เดินวนรอบบ้านแล้วนะ ก็ยังไม่มาอีก กลับดึก ทำไมไม่โทรมาบอกบ้างล่ะครับ บอกให้คนอื่นโทรหา แต่ดันเอา "ตัวเอง" เป็นข้อยกเว้นซะงั้น นี่จะไม่หงุดหงิดเลยถ้าผมไม่ได้กำลังรอคุณอยู่.. กลับบ้านได้แล้วครับชานยอล ผมรอนานแล้วนะ ~!

     


    โอ้ยยย แล้วแบบนี้จะไปกล้าสู้หน้าเขาได้ไงเนี่ยแบคฮยอน (;_;)

     

     


     TBC


    - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . -

    27/11/15 - chan's day

    หลังจากรอฤกษ์ดีมานาน ความก็แตก 5555555

    ถ้าจะถามว่าหายไปไหนมา คงต้องบอกว่า..

    ' พาพระรองไปอัพสกิลมาค่ะ '

    ไม่ว่าจะเป็นสกิลการอ่อยแบบแยบยลของซอกจิน 

    หรือมุกมายากลของพี่ฟาน าสเ่หำพรวเ้ 


    ทีมใครขอให้พูด

    #ทีมโรมิโอ #ทีมพี่ประธาน #ทีมพ่อม่าย

    ( to. พ่อม่าย #ระวังพระรองเขาคาบไปแดก )

    ต่อตอนหน้าโน้ะะ ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยนะคะ

    เริ้บๆๆ เอ็นจอยรีดดิ้งจย้าา


     

     - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . -




    O W E N TM.



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×