ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {exo} Cute widower l chanbaek

    ลำดับตอนที่ #10 : พ่อม่ายชานยอล l ตอนที่ 9

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.3K
      26
      16 มิ.ย. 64





    พ่อม่ายชานยอล ตอนที่ 9

      :: เดทแรกของเรา ::




    baekhyun's

     

     

    ' ลืมไม่ได้ '

     

     

    ผมใช้เวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ในการลบภาพของเขาคนนั้นออกจากหัว หากแต่ไม่สามารถทำได้ มันเหมือนยิ่งใช้ความพยายามมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกดีๆที่มีให้มากขึ้นเท่านั้น น่าเศร้า ที่ความตั้งใจของผมมันดันล้มเหลวไม่เป็นท่า ให้ตายเถอะ นายนี่มันโลเลที่หนึ่งเลยแบคฮยอน

     

    เข้าสู่สองอาทิตย์สุดท้ายก่อนวันงาน ทุกอย่างจึงดูรีบเร่งไปหมดในสัปดาห์นี้ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งทำฉากหลังเพิ่มเติม หรือเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับอินเนอร์นักแสดง แต่เรื่องนั้นน่ะเอาไว้ก่อนเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้ผมเจอปัญหาใหม่ล่ะ

     


    "1..2..3..4 5..6..7..8....อะ"

     

    "ข..ขอโทษ"

     

    เอ่ยขอโทษเสียงแผ่ว รู้สึกแย่ทุกครั้งที่เสียงนับเลขต้องแปลเปลี่ยนเป็นเสียงร้องเตือนเบาๆในลำคอบ่งบอกถึงความผิดพลาด ผมชะงักค้าง มองอีกฝ่ายอย่างถอดใจ แล้วส่ายหน้าเบาๆ

     

    "ไม่เป็นไร ลองใหม่อีกครั้งนะ" ซอกจินว่าอย่างใจเย็น ผมสูดหายใจเข้าลึกอีกครั้ง เอาวะ ลองใหม่ เป็นไงเป็นกัน!

     

    "1..2..3..4 ..5..6..7..8..1...โอ้ย!" เสียงทุ้มลั่นขึ้นอีกเป็นรอบที่ร้อยราวกับม้วนเทปที่เปิดซ้ำ ทำพลาดอีกแล้วหรอแบคฮยอน น่าหงุดหงิดชะมัด

     

     

    ผมผละออกจากอีกฝ่าย ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นกลางโถงคณะอย่างไม่อาย นับว่าคิมซอกจินเป็นคนที่มีความอดทนมากถึงมากที่สุด ไม่งั้นเขาคงไม่ปล่อยให้ผมเหยียบเท้าเล่นอยู่แบบนี้แน่ๆ

     

    "ถอดใจแล้วหรอ?"


    "อืมม"

     

    "ถ้าไม่ซ้อมแล้วเมื่อไหร่จะเต้นได้ หื้ม?" ผมถอนหายใจ จำต้องเงียบใส่เพราะไม่รู้จะตอบกลับไปว่าอย่างไร เห็นดังนั้น อีกฝ่ายจึงปลีกตัวไปหยิบขวดน้ำดื่มที่วางอยู่ข้างเสาต้นใหญ่ ก่อนตัดสินใจส่งมันมาทางนี้

     

    "นายก็แค่เหนื่อย งั้นให้พักแป้บนึง"


    "ตามนั้นเลย" ผมรับของกลางดังกล่าวมาถือไว้ มือเรียวบิดฝาขวดออกแล้วจัดการกระดกดื่มทันทีอย่างกระหาย แต่เมื่อเห็นปริมาณน้ำดื่มที่พร่องลงไปมากกว่าครึ่งก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าดื่มมากไปจนลืมตัว ผมรีบหันหน้าไปมองเจ้าของขวด ก่อนตัดสินใจกลืนน้ำอึกสุดท้ายลงคอไปอย่างยากลำบาก

     

    "ยิ้มทำแมะ?"

     

    "เปล่า"  

     

    "โกหก"

     

    "ก็แล้วแต่" อีกคนยักไหล่ทั้งที่ยังไม่หยุดยิ้ม

     

    "ซอกจิน!"

     

    "อะไร?"

     

    "อยากรู้"

     

    "งั้นถอดแว่นให้ดูก่อน เดี๋ยวบอก"  หื้ม? ข้อต่อรองหรือนั่น ผมเบ้หน้า ดูก็รู้ว่างานนี้อีกฝ่ายมีแต่ได้กับได้เท่านั้น จะแกล้งกันอีกล่ะสิ ซอกจินขี้โกง นิสัยไม่ดี!

     

    "ถ้าถอดแล้วต้องบอกนะ สัญญาก่อน.." เพื่อนร่วมคณะคนนั้นหลุดขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ นิ้วก้อยเรียวถูกยื่นมาเกี่ยวกันไว้หลวมๆ

     

    ผมตัดสินใจใช้มือข้างหนึ่งดึงแว่นกรอบหนาของตัวเองออกช้าๆ ภายในใจก็กังวลอยู่ไม่น้อยกลัวอีกฝ่ายจะไม่ทำตามสัญญา ภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด นั่นก็รวมถึงใบหน้าของใครอีกคนด้วยเช่นกัน

     

    "ถอดแล้ว ว่ามาสิ"

     

    "...."

     

    "ซอกจิน?"

     

    "...."

     

    "..ไปไหน?" ในจังหวะที่ผมกำลังจะยกแว่นสายตาขึ้นสวมให้มันดูเข้าที่เข้าทางนั่นเองที่มือแกร่งของอีกฝ่ายเคลื่อนมาหยุดการกระทำเหล่านั้นเอาไว้เสียก่อน

     

    "ไม่ได้จะไปไหน.."

     

    "เห็นถามแล้วไม่ตอบ คิดว่าหายไปไหนซะอีก ไง ถอดแว่นแล้วตลกปะ?"

     

    "ไม่นี่ น่ารักดี" ผมทำหน้าไม่เชื่อ จนซอกจินหลุดขำพรืดออกมา

     

    "ฮ่ะๆๆ พูดจริงนะ"

     

    "เหอะๆ บอกมาได้แล้ววว ว่ายิ้มทำไม?"

     

    "ที่ยิ้มเมื่อกี้น่ะหรอ ก็..."

     

    "แบคฮยอนนนน!!" ประเด็นที่ข้องใจกำลังจะถูกเฉลยในอีกเสี้ยววินาทีข้างหน้า หากไม่มีเสียงตะโกนโหวกเหวกของเพื่อนรักทั้งสองที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมรีบหันหน้าไปยังต้นเสียงก่อนจะตะโกนกลับไป

     

    "แป้บนะคยองซู!"

     

    "เอ้า เพื่อนมาแล้ว นัดไปดูชุดกันนี่ ไปสิ" ซอกจินว่า ก่อนจะลุกขึ้นยืน ไวเท่าความคิด ผมรีบรั้งข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้แทบจะทันที

     

    "ซอกจิน.."

     

    "..."

     

    "..."

     

    "อยากรู้จริงๆใช่ปะ?"

     

    "อืม" ผมตอบไปเพียงเท่านั้น แต่ซอกจินกลับโน้มหน้าลงมากระซิบเสียงแผ่วเบาข้างๆใบหู ประโยคบอกเล่าแสนธรรมดาเหล่านั้นถูกปิดท้ายด้วยการสวมแว่นสายตาคืนให้ดังเดิม


    ผมเห็นสีหน้าจริงจังกับรอยยิ้มบางๆของเขาที่มอบให้แล้วรู้สึกทำตัวไม่ถูกจริงๆ คิมซอกจินเดินจากไปแล้ว หากแต่ประโยคของเขาเมื่อครู่ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท

     

     

    ' ก็นายมันน่ารักไงเจ้าบ้า นี่จีบอยู่นะรู้ยัง? '

     

     

     



     

    07.20 pm. @ home sweet home

     

    ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ผมตั้งหน้าตั้งตารอวันที่ตัวเองจะรู้สึกเนื้อเต้นแบบนี้มานานเกือบหนึ่งอาทิตย์ แทบทนไม่ไหว แหง่ล่ะ ก็วันนี้มันเดทแรกของผมกับว่าที่แม่ของลูกนี่นา ทกำพวบเทกำยสงโอ้ยยยไอสัด เขินโว่ยย

     

    พ่อม่ายชานยอลที่ปกติดูเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจอะไรตามแบบฉบับคนแมน แต่มาวันนี้ เขากลับลุกขึ้นมาวิ่งจ็อกกิ้งตั้งแต่ตีสี่ห้าสิบ ทานข้าวเช้าพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวด้วยรอยยิ้มบาง พอส่งสองแฝดเสร็จ ก็ต่อด้วยการไปส่งเด็กสั้นที่หน้าม. อย่างไม่อิดออด นับว่าเด็กนั่นอาการดีขึ้นตามลำดับหลังจากเหตุการณ์วันนั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดี


    พอกลับบ้านมาก็แทบจะนั่งไม่ติด รู้สึกตื่นเต้นไปหมด ฟังดูเหมือนเว่อร์ครับ แต่นี่เรื่องจริง มือหนาเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อควานหา เลือกสรร สิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง

     

               

    วันนี้ปาร์คชานยอลจะต้องหล่อที่สุดในสายตาครูสาวอิมจินอา คอยดู .///.

     

     

                เอาเป็นว่าตอนนี้ผมโทรไปลางานกับที่ร้านเรียบร้อยแล้ว โดยอ้างเหตุผลว่าจะไปหาแม่ใหม่ให้ลูก เลยโดนป้าฮโยจินด่าวอดไปชุดใหญ่เพราะเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มยี่สิบนาที ซึ่งอีกราวๆครึ่งชั่วโมงข้างหน้าก็จะถึงเวลานัดของเรา

     

    ผมมองสารรูปของตัวเองในชุดเสื้อสเวตเตอร์สีขาวตัวโคร่ง กับกางเกงสกินนี่สีเข้ม เผ้าผมถูกจัดทรงให้ปรกหน้าเพียงเล็กน้อย แต่กลับเสริมให้ใบหน้าหล่อดูคมคายขึ้นเป็นเท่าตัว ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มพอใจในผลงานของตนเอง ผมชอบมันนะ..

     

    พวกคุณว่าเธอจะชอบไหม?

     


                "ป๋าาจ๋า เห็นดินสอสีหนูมั้ย?" ผมหันไปตามเสียงเรียก เห็นลูกชายคนโตกำลังเดินขวักไขว่วนไปรอบห้อง  บ้างก็เอี้ยวตัวดูซ้ายดูขวาเพื่อตามหาสิ่งที่ต้องการ

     

    "ไม่เห็นเลยนะ หนูเอาไปวางลืมไว้ตรงไหนรึเปล่าลูก?"


    "ไม่รู้สิฮะ เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลยง่ะ.." เห็นสีหน้าอมทุกข์ของลูกชายแล้วรู้สึกสงสารจับใจ เลยตัดสินใจช่วยเขาหาอีกแรง ขายาวก้าวผ่านขั้นบันไดลงมาอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่บริเวณห้องนั่งเล่น ภาพแรกที่เห็น.. บยอนแบคฮยอน


    ทำอะไรของมันวะ ?

     


    ไอเด็กสั้นมันยืนงกๆเงิ่นๆอยู่กับที่ในท่าเตรียมบางอย่าง ริมฝีปากบางพึมพำตัวเลขออกมาไม่ขาดสาย ก่อนขาเรียวจะค่อยๆก้าวตามจังหวะที่นับออกไปช้าๆ แต่จู่ๆก็คร่อมจังหวะเฉย ผมแทบจะหลุดขำพรืดออกมากับการเต้นรำอ่อนหัดของลูกชายคนโต ไอเหี้ย มึงทำไรวะ 5555555 เอ้า ดูครับดู ดูเด็กมันหมุนตัว แหมมม๊หน้าตาเพ้อเจ้อนะเรา ฟีลเจ้าหญิงไม่ไหว!


    ผมนี่ยืนดูเลยครับ 5555555 กายสูงเอนพิงผนังด้วยท่าทีสบายๆ พลางทอดสายตามองคนตัวเล็กที่กำลังซ้อมเต้นรำด้วยความตั้งใจอย่างนึกขำ

     

     

               

     

    baekhyun's

     


    ช่วงบ่ายคล้อยที่ผ่านมา หลังจากไปดูชุด วัดตัว ตามคำสั่งโดคยองซูเสร็จเรียบร้อย ผมก็รีบตรงปรี่กลับบ้านทันที ห้องนั่งเล่นแห่งนี้ถูกจับจองเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลสำหรับ การซ้อมเต้นอย่างเอาเป็นเอาตายของบยอนแบคฮยอน

     

    น่าหงุดหงิดชะมัด ทั้งที่มันก็ไม่ได้มีอะไรเข้าใจยากเลยซักนิด แต่ก็ทำไม่ได้ทุกครั้ง จังหวะเท้าของผมมันมักจะคร่อมจังหวะอยู่เสมอ นั่นแหละครับปัญหา



    ผมหมุนรอบตัวเองช้าๆอย่างมีสเต็ป สายตากวาดมองไปทั่วจนไปสะดุดเข้ากับร่างสูงของพ่อม่ายที่กำลังยืนพ้อยเท้าพิงผนังพลางมองมาทางนี้ ไหนจะรอยยิ้มกรุ้มกริ่มพวกนั้นอีก

     


    "ม..มาเมื่อไหร่ครับเนี่ย?"

     

    "มาทันเห็นนายหมุนตัวอย่างเพ้อฝันน่ะ แหม๊ โลกสวยนะเรา" รู้สึกอายจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยได้แต่ก้มหน้างุดๆใส่อีกคนเท่านั้น เจ้าของบ้านตัวสูงเดินผิวปากอารมณ์ดีผ่านหน้าผมไปยังโซฟาตัวยาว มือหนาคว้ากล่องสีพลาสติกที่วางอยู่ขึ้นมาถือไว้

     

    "ตั้งใจซ้อมล่ะ" ไม่ว่าเปล่า เขายังยื่นมือหนามายีหัวผมแรงๆกะให้มันเสียทรงอีกด้วย แก้มเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อเพียงเพราะสัมผัสจากผู้ชายคนนี้

     

     

    คุณจู่โจมผมอีกแล้วนะครับชานยอล

     

     

     

    15 นาทีต่อมา

     

    ความเกร็งทวีเพิ่มระดับสิบ เมื่อจู่ๆพ่อม่ายที่คิดว่าน่าจะเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องทั้งวันกลับนึกคึกลงมานั่งเกากีต้าร์อยู่ที่โซฟาตัวยาว เสียงฮัมเพลงเบาๆที่ดังแทรกขึ้นมา ยังไม่น่าห่วงเท่าสายตาคมที่กำลังจ้องมองมาทางนี้เป็นแน่

     

    ผมผ่อนลมหายใจออกอย่างใจเย็น พยายามบังคับตัวเองไม่ให้รู้สึกตื่นเต้นไปมากกว่านี้ ไม่เป็นไรหรอกแบคฮยอน เขาก็ทำได้แค่นั่งดูเท่านั้นแหละ...


    "มา เดี๋ยวช่วยซ้อม" แทบเรียกได้ว่าอึ้งแดก ปาร์คชานยอลตัดสินใจวางเครื่องสายคู่ใจอย่างเจ้า MARTIN ลงข้างตัว แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะก้าวอาดๆตรงมาทางนี้


    "ป..ป๋าเต้นเป็นหรอครับ?"

     

    "แน่สิ ของแบบนี้มันขี้กาก นายเคยเห็นฉันทำอะไรไม่ได้ด้วยหรอ?"

     

    "ก็หลายอย่างอยู่นะครับ" เหมือนโดนเอาค้อนตีแสกหน้า ปาร์คชานยอลจิ๊ปากแรงอย่างขัดใจ

     

    "ปากดีให้ตลอดเถอะ เข้ามา"

     

    "..." ผมนิ่ง ไม่ได้ออกตัวก้าวหาอีกฝ่ายก่อนแต่อย่างใด ผลอันเนื่องมาจากอาการประหม่าขั้นสุดที่คืบคลานเข้ามา

    เขาจัดการประคองมือเล็กของผมไว้จนมันแทบจะจมหายไปกับอุ้งมือหนา ไม่ปฏิเสธเลยว่าสัมผัสอุ่นๆที่บริเวณฝ่ามือข้างขวานี่มันชวนให้รู้สึกดีไม่หยอก นี่มันมากกว่าที่วาดฝันไว้เสียอีก ผมพยายามขืนตัวออกห่าง แต่กลับโดนอีกฝ่ายรั้งเอวบางให้เข้ามาแนบกันเสียอย่างนั้น

     


    "!!!"

     

    "เต้นรำเข้าคู่ เขาสอนให้ยืนห่างกันเป็นวาหรือไง?"

     

    "..."  ที่ผมอยากยืนห่างเป็นวา เพราะใครอีกคนคือคุณไงครับชานยอล!

     

    "นับจังหวะไปด้วย แล้วก้าวตามมา" ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะค่อยๆก้าวตามอีกคนออกไปอย่างเงียบๆ พ่อม่ายทำหน้าที่เป็นช้างเท้าหน้านำผมเดินไปรอบห้องนั่งเล่น จังหวะที่เรากำลังจะก้าวผ่านเครื่องเล่นเพลง เขาก็ใช้มือข้างหนึ่งคว้ารีโมทขึ้นมากดปุ่มเพลย์

     

    ทำนองเพลงแสนเนิบนาบอย่าง Love me again ของ G.soul ที่มักจะได้ยินเจ้าบ้านร้องมันบ่อยๆ ก็เคยถามอยู่หรอกว่าทำไมถึงชอบนักชอบหนา และคำตอบที่ได้มาน่ะหรอ..

     

    มันทำให้ฉันคิดถึงลอเรนซ์น่ะ แต่ช่างเหอะ เรื่องมันนานมาแล้ว

     

     

    มาถึงตอนนี้ความรู้สึกเกร็งที่เกิดขึ้น ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะลดน้อยลงแต่อย่างใด ผมเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด จังหวะขาที่นับมาเป็นดิบเป็นดีเตลิดหายไปจนหมดสิ้น ในหัวผมว่างเปล่า ทั้งที่พยายามตั้งสติแล้วแท้ๆ แต่ความเกร็งนี้..มันช่างร้ายแรงยิ่งนัก

     

     ใบหน้าสวยก้มลงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสู้สายตากับอีกฝ่าย พยายามมองตามเท้าเพราะกลัวเหยียบใครอีกคนเข้าจนทำให้เขาหงุดหงิด จังหวะนั้นเองที่ปาร์คชานยอลใช้ก้านนิ้วยาวเชยคางเรียวของผมขึ้น


     

    "มองหน้าคู่เต้นรำ สำคัญที่สุดนะแบคฮยอน"


    "..."

     


    กลายเป็นว่าเรากำลังประสานตากันอย่างจำยอม และนั่นทำให้ผมรู้ว่านัยน์ตาสีดำสนิทของเขามันมีเสน่ห์มากแค่ไหน แก้มใสร้อนผ่าว ร่างกายมันชาไปหมดจนแทบจะก้าวขาต่อไม่ไหวแล้ว


    มือเล็กชื้นเหงื่อเพราะความตื่นเต้นที่สุมล้นอยู่เต็มอก และอีกฝ่ายเองก็คงรู้สึกได้เช่นกัน มือหนาที่กุมอยู่แน่นจึงค่อยๆคลายออกเล็กน้อย

     


    "อย่าเกร็ง"


    "ครับ ผมพยายามอยู่"


    "เงยหน้ามองผมด้วยครับแบคฮยอน" รีบเงยหน้าขึ้นตามคำสั่งอย่างว่าง่าย แต่กลับไม่รู้ว่าจะเอาจุดไหนบนใบหน้าหล่อเป็นที่วางสายตาดี ในใจได้แต่ภาวนาให้เพลงที่เล่นอยู่มันจบเร็วๆก็เท่านั้น


    "ทำไมต้องเต้นเป็นผู้หญิงด้วย?"


    "งานคณะน่ะครับ เขาให้ผมเล่นบทเป็นผู้หญิง"

     

    "ก็เหมาะดีนะ เตี้ยแถมยังเหยาะแหยะ"

     

    "..." ริมฝีปากบางเบะออก ไม่วายว่าผมอยู่เรื่อยเลยผู้ชายคนนี้ ให้ตายเถอะ เกือบหล่อแล้วครับชานยอล!

     

    "เหอะ เต้นง่อยขนาดนี้ ไหวปะเอาจริง?"

     

    "ไหวครับ ผมทำได้" ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจับน้ำเสียงได้ว่าผมกำลังไม่พอใจ เขาจึงจัดการเหวี่ยงตัวผมออก แล้วดึงกลับเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว กายเล็กหมุนไปตามทิศทางที่พ่อม่ายเป็นผู้ควบคุม จนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง


    เก่งแค่ไหนเชียวแบคฮยอน ฉันก็อยากจะรู้นัก?” อีกฝ่ายจ้องหน้าผมนิ่งเพื่อลองเชิง ผมเบิกตากว้าง รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่กำลังเป่ารดใบหน้า ซึ่งทำให้อุณหภูมิในร่างกายของผมมันร้อนวูบวาบไปหมด

     

    เสียงปรบมือแปะๆดังมาจากมุมห้องนั่งเล่น ทำให้ผมต้องรีบผละตัวออกจากพ่อม่ายทันที เมื่อรับรู้ว่าที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เราสอง แต่กลับมีเด็กแฝดกำลังยืนฉีกยิ้มกว้างอย่างชื่นชมอยู่ตรงนั้นด้วย



    "งื่อออ ป๋ากับแบคยอนเต้นเก่งจัง!"


    "เหมือนในนิทานที่ป๋าเคยเล่าให้หนูฟังเลยย ป๋าเป็นเจ้าชาย แบคยอนเป็นเจ้าหญิง คิคิคิ ดีจังง" ผมดันกรอบแว่นให้เข้าที่เข้าทางพลางก้มหน้างุดๆ คนเล็กเขาก็แซวตามประสาเด็กน่ะครับ แต่ผมนี่สิ เขินจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว


     เจ้าหญิงของปาร์คชานยอลงั้นหรอ.. บ้าไปแล้วแน่ๆ



    พูดไปนั่น แล้วหนูอะ อยากมาเป็นเจ้าหญิงของป๋าไหม?”


    อยากกก!!ปาร์คชานยอลคว้าแขนเล็กๆของคนน้อง ก่อนจะพาหมุนไปรอบ สองพ่อลูกเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน โดยมีเสียงเพลงเบาๆคลอมาเป็นแบคกราวด์

     

    ให้ฮะกระดาษเอสี่แผ่นบางถูกยื่นมาตรงหน้า ภาพวาดเจ้าชายเจ้าหญิงจากสีไม้เพียงสีเดียว ถูกเผยให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ผมขยับกรอบแว่นไล่สายตามองไปยังชื่อที่เขียนกำกับไว้ข้างตัวบุคคลในภาพ แล้วเป็นอันต้องคลี่ยิ้มออกกว้างอย่างช่วยไม่ได้ แอบดูอยู่นานแล้วสิท่า..


     



    อ่าา ให้แบคหรอครับ แหม..วาดรูปสวยเหมือนกันนะเรา

     

    เก็บดีๆนะฮะ อย่าให้ใครเห็นเลย หนูวาดนานมาก ตั้งใจให้แบคยอนดูคนเดียว..

     

    โอเคครับบบ แบคจะเก็บอย่างดีเลย ขอบใจนะผมม้วนผลงานชิ้นโบว์แดงชิ้นแรกของแฝดคนพี่ไว้ในมือ ก่อนจะลูบศีรษะอีกคนเบาๆอย่างที่เจ้าตัวชอบให้ทำบ่อยๆ

     

     

    "เดี๋ยวป๋าไปเดท อยู่บ้านดีๆล่ะ อย่าดื้อเข้าใจไหมครับ?" เสียงทุ้มที่ดังแว่วมาเรียกให้ผมต้องหันไปสนใจอย่างช่วยไม่ได้

     

    "ไปเดทคือไรง่ะ?" คนน้องถามเสียงอ้อน พ่อม่ายยิ้มบางแล้วรีบตอบกลับไปทันที

     

    "ไปเที่ยวกับครูนานะไงลูก เขาเรียกไปเดท" ดูเขาสอนลูกสิครับ เหอะ



    "อ่อออวววว แบบนี้นี่เอง หนูเข้าใจแล้วว" ปาร์คชานยอลยิ้มหล่อให้ลูกชาย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาแขวนผนังแล้วตัดสินใจวางร่างของลูกชายคนเล็กลงบนโซฟา เมื่อเอ่ยร่ำลาสองแฝดเรียบร้อยแล้ว จึงเดินไปสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองที่หน้ากระจกต่ออีกครั้ง



    แบคฮยอน

     

                “ครับ?”

     

    "เฝ้าบ้านให้ดีล่ะ อย่าลืมทำนมอุ่นให้สองแฝดดื่มก่อนเข้านอนด้วย"

     

    "ครับ ว่าแต่.."

     

    "??"

     

    "จะกลับดึกไหม?"



    "ไปเดทกับว่าที่แฟนทั้งทีนี่เนอะ ของแบบนี้ก็ต้องให้เวลากันบ้างจริงปะ?"



    "...."

     

    "โอ้โหไอชิบหาย คนบ้าอะไรวะ หล่อสัด" อีกฝ่ายพึมพำออกมาเสียงเบาพลางหันไปเซตเผ้าผมต่อ คนอะไรแค่แต่งตัวเรียบๆยังดูดีเลย ให้ตายสิ ผู้ชายด้วยกันเองยังชอบ แล้วนับประสาอะไรกับผู้หญิง...

     

    เบ้หน้าทำไม ปวดอึหรอ?”

     

    “เปล่า รีบไปเถอะครับ เดทแรกป๋าไม่ควรสายนะ

     

    รู้แล้วน่า บ่นยังกะแม่ ไปซ้อมไป๊ผมยืนนิ่งไม่ได้ทำตามที่อีกฝ่ายพูดแต่อย่างใด เงยหน้าขึ้นสบตาพ่อม่ายอยู่นานพักใหญ่ แน่นอนว่าคนที่ต้องหลบสายตาไปก่อนมันควรจะเป็นผม หากแต่ครั้งนี้กลับกลายเป็นปาร์คชานยอลเสียเองที่เบือนหน้าหนีไปไม่เหมือนทุกครั้ง

     

    ผมรู้ดีว่าการกระทำเหล่านั่นไม่ใช่เพราะอาการเคอะเขินเหมือนกันกับผม แต่มันเป็นเพราะอีกฝ่ายกำลังรีบต่างหาก รีบมากจนลืมของสำคัญที่ตั้งใจไว้จะเอาไปให้ครูสาวในวันนี้ ผมเดินไปหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยๆขึ้นมาถือไว้ สายตาหลุบมองวัตถุที่อยู่ภายในแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มให้กำลังใจตัวเอง


    ชาตินี้คงไม่มีวันได้ของขวัญแบบนี้จากปาร์คชานยอลหรอก จะได้ก็แต่สายตาดุๆกับคำพูดร้ายๆเท่านั้นแหละ เห้อ สุดท้ายคนแพ้ก็ต้องเฝ้าบ้านวันยังค่ำสินะ


    ประตูบ้านบานใหญ่ถูกเปิดออก ลมหนาวพัดเข้ามาปะทะผิวกายทำเอารู้สึกหนาวอยู่ไม่หยอก เป้าหมายของผมกำลังนั่งนิ่งอยู่ภายในรถ แม้เจ้าตัวจะทำการสตาร์ทเครื่องแล้วก็ตาม ผมรีบสาวเท้าไปอย่างไม่รีรอจนประชิดตัวรถ และดูเหมือนอีกฝ่ายจะเพิ่งสังเกตถึงการมาเยือนของผม จึงได้ลดกระจกลงเพื่อถามความประสงค์


    มีไร?”


    ป๋าลืมของน่ะครับถุงกระดาษสีน้ำตาลถูกโชว์ขึ้นในระดับไหล่ พ่อม่ายเบิกตากว้างก่อนจะรีบคว้าของกลางดังกล่าวไปถือไว้ทันที


    ขอบใจ..เข้าบ้านได้แล้ว อากาศมันเย็น เดี๋ยวเป็นหวัดแล้วเดือดร้อนคนอื่นอีกผมไม่ตอบแต่พยักหน้ารับคำอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย  กระจกรถเคลื่อนขึ้นบดบังใบหน้าของอีกฝ่าย ปาร์คชานยอลมองหน้าผมเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เร็กซ์ตันคู่ใจของเจ้าบ้านจะเคลื่อนหายลับไปกับสายตา

     


    อย่ากลับดึกมากนะครับ ผมรอคุณอยู่

     


                




                อ่าา รู้สึกใจหายเหมือนกันครับที่ต้องปล่อยให้เด็กๆอยู่บ้านกันตามลำพัง แต่เอาเถอะ วันนี้ป๊ะป๋าขอไปแรดก่อนน้าา~

     

                แม้จะอยู่ในช่วงยามวิกาลแต่ Megabox แห่งนี้ไม่เคยเงียบเหงาเลย มวลมหาประชาชนที่ไม่รู้แห่แหนกันมาจากสารทิศไหน กระจายตัวอยู่เต็มพื้นที่ไปหมด ส่วนผมน่ะหรอ ยืนเปรตพ้อยเท้าพิงอยู่ที่ต้นเสาเนี่ย ในมือถือถุงกระดาษใบเล็กพร้อมด้วยตั๋วหนังรักที่ตั้งใจไว้เป็นดิบเป็นดีว่าจะพาเธอมาดูเพื่อสารภาพความในใจกรายๆ แต่ใครจะคิดว่าคนสวยจะช้าวะ นี่เดทแรกของเรานะคุณ ฮือออ ;_ ;

     

                ตอนนั้นเองที่ดวงตากลมโตหันไปสะดุดเข้ากับผู้หญิงร่างโปร่งคนหนึ่งในชุดลำลองสบายๆที่ดูแปลกตาไปกว่าครั้งล่าสุดที่เจอกัน อวัยวะใต้อกซ้ายก็เป็นอันต้องทำงานหนักขึ้นมาตามระเบียบ ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มออกอย่างอดไม่ได้ วันนี้เธอมาในลุคสาวเท่ห์แฮะ

     

                ผมยกมือขึ้นเพื่อบอกตำแหน่ง ด้วยความว่าเป็นคนตัวสูงกันทั้งคู่ ทำให้เธอสามารถมองเห็นผมท่ามกลางฝูงชนได้อย่างชัดเจน ครูสาวยิ้มก่อนจะรีบวิ่งกระหืดกระหอบตรงมาทางนี้

     

                “ขอโทษที่ต้องให้รอนะคะ พอดีฉันหาที่จอดรถไม่ได้น่ะ

     

    "เปล่าเลยครับ ผมก็เพิ่งมาถึงเหมือนกันโกหกคำโตเชียว เพิ่งมาซะเมื่อไหร่ล่ะ ผมมายืนรอเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วต่างหาก แต่เอาเถอะ เพื่อความสบายใจของอีกฝ่าย

     

    คนเยอะขนาดนี้จะมีที่นั่งหรอคะ นี่เขาแห่มาดู Love  Forecast กันหมดเลยรึไง?”

     

    เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมได้ตั๋วมาแล้ว นี่ไงว่าจบก็ชูของกลางดังกล่าวขึ้นมาในระดับสายตา ครูสาวยิ้มกว้างเมื่อเห็นตั๋วหนังเรื่องโปรดอยู่ในมือของผม หากแต่สายตาของเธอไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น

     

    อ่าดีจัง แล้วนี่ถือถุงอะไรมาด้วยคะเนี่ย?”

     

    อ้อ ถุงนี้หรอครับ..ของคุณน่ะ


    หื้ม ของฉันหรอคะ?”

     

    ครับ ไม่รู้ว่าจะถูกใจไหมนะ แต่วันก่อนผมเดินผ่าน เห็นมันสวยดีเลยนึกถึงคุณขึ้นมา ช่วงนี้ก็หน้าหนาวแล้วด้วย..” เหี้ยเอ้ย เขินชิบหายที่พูดออกไปเนี่ย ครูสาวรับถุงกระดาษไปถือไว้ ก่อนมือเรียวจะล้วงลงไปแล้วหยิบวัตถุที่นอนแน่นิ่งอยู่ภายในขึ้นมา

     

    หมวกไหมพรหมนี่ ว่าจะไปหาซื้ออยู่พอดี แต่ช่วงนี้ติดเตรียมงานกับฝ่ายอนุบาลเรื่องทัศนศึกษาของเด็กๆ เลยไม่ค่อยมีเวลาน่ะค่ะ..แหม สีโปรดซะด้วยสิ


    ว่าไงนะ สีโปรดหรอ? ปาร์คชานยอล มึงนี่หล่อแล้วยังตาถึงจริงๆ ไม่ว่าเปล่า ครูสาวยังนำมาขึ้นมาสวมหัวอีกด้วย

     

                แบบนี้ดีไหมคะ?” ผมมองหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ


                ครับ แบบนี้แหละดีที่สุดเลยครูสาวหัวเราะเขินๆเมื่อถูกชม ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มบางอย่างคนเก็บอาการเท่านั้น แต่ใครจะรู้ ว่าในใจกูนี่กำลังรัวกลองยาวยิ่งกว่าแห่ขันหมากซะอีก



                เจอคนนี้ฟินเลย เยียยสวำเพยฟ่ำ

     

     


     

            

                12.05 am.

     

                ทันทีที่กลับมาถึงบ้านผมนี่เต้นอือรือรองเลย เห้ยแกรร คือเราเพิ่งไปเดทกับคนในใจมาเว่ย แล้วแบบชีวิตดี๊ดีย์อ่าาา ปากนี่ยิ้มมาจะถึงหูแล้ว ดีใจเป็นพิเศษ

     

                ขายาวก้าวพาร่างกำยำเดินผ่านประตูบ้านเข้าไปอย่างสบายอารมณ์ มือหนาตบสวิตซ์ไฟเป็นจังหวะจนทั่วทั้งบ้านสว่างจ้า เป้าหมายแรกหลังจากเถลไถลจนดึกดื่นคือห้องนอนของลูกชายฝาแฝดที่ป่านนี้คงจะหลับฝันกันไปได้หลายยก

     

    เปิดประตูเข้าไปตรวจเช็คความเรียบร้อยตามปกติ ผ้าห่มที่ตอนนี้ร่นไปอยู่ที่ปลายเตียงทำให้ผมต้องหลุดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู ตัดสินใจเดินเข้าไปเพื่อจัดแจงท่านอนให้เจ้าตัวเล็ก โดยไม่ลืมที่จะกู๊ดไนท์คิสเบาๆบนหน้าผากมนของเด็กทั้งสอง ก่อนที่ประตูห้องจะถูกปิดลงอย่างสงบ

     

    ราวกับเดจาวู เมื่อสายตาดันหันไปสะดุดกับร่างของใครบางคนที่กำลังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะอาหาร ผมมองมันนิ่ง ไอเด็กคนนี้มันหลับไม่เป็นที่สักครั้งเลยจริงๆ ไม่หน้าคอม ก็โซฟา ไม่โซฟาก็ฟุบโต๊ะ


    ไอเราล่ะอุตส่าห์เคลียร์ห้องชั้นสองให้เป็นห้องส่วนตัวแต่เสือกไม่ใช้ ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ สมองสั่งการให้ผมเดินลิ่วไปหาผ้าห่มผืนเล็กออกมาอีกตามเคย ไม่อยากปลุกเขาให้เสียเวลานอนหรอก มือหนาคลี่ผ้าห่มผืนนิ่มออกก่อนจะค่อยๆบรรจงห่มมันให้อีกคนอย่างแผ่วเบา


    แต่ทันทีที่เนื้อผ้าสัมผัสโดนแผ่นหลังเล็ก บยอนแบคฮยอนก็รู้สึกตัวทันที ไวเท่าความคิด มือหนารีบซัดผ้าห่มผืนนั้นออกไปให้ไกลสุดสายตา คงเพราะอีกฝ่ายกำลังสะลึมสะลือร่วมด้วย ดังนั้น เขาคงไม่ทันเห็นการกระทำแปลกๆของผมเมื่อกี้แน่

     

    ขืนเห็นก็เสียเชิงชายกันพอดี โธ่..

     


    "อื่อ..กลับมาแล้วหรอครับ?"


    "อ..อืม ไมมานอนตรงนี้?"


    "ผมรอป๋ากลับน่ะ เผลอหลับไปจนได้ ไม่คิดว่าจะช้านี่ครับ.." คนตัวเล็กยังคงงัวเงียไม่หาย ใบหน้าเฉิ่มง้ำงอ ดูเหมือนจะหลับลึกแล้วด้วยสิ แต่ดันมาตื่นซะได้ แย่หน่อยนะแบคฮยอน


    "บอกกี่ครั้งแล้วถ้าง่วงมากก็ไปนอน ไม่ต้องรอ"


    "อย่างน้อยก็ควรโทรมาบอกกันบ้างนะครับ..ไม่ใช่ปล่อยให้คนเขารออยู่แบบนี้.." แบคฮยอนมุ่ยหน้า ผมนึกขำกับประโยคสุดคุ้นหูนั้นอย่างเสียไม่ได้ แต่กลับเลือกที่จะตีหน้านิ่งกลับไป

     

    "ล้อเลียนหรอ เพื่อนเล่นปะ?"

     

    "ไม่เล่นก็ได้ครับ..."

     

    "เออดี งั้นขึ้นไปนอน" จากที่นั่งกลายเป็นว่าตอนนี้ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง แบคฮยอนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจออกเดิน ดวงตาเรียวเล็กภายใต้เลนส์แว่นที่ยังไม่เปิดดี แทบเรียกได้ว่าหลับตาเดิน ผมมองหัวทุยๆนั่นกำลังสัปหงกขึ้นลง กายเล็กโงนเงนไปมา ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะเดินมาชนแผงอกแกร่งของผมเข้าอย่างจัง


    "เดินดูทางบ้างครับคุณบยอน"


    "อืมม รู้แล้วน่า... " น้ำเสียงงัวเงียติดไปทางหงุดหงิดเล็กน้อย ทำเอาผมหลุดยิ้ม ดูครับดู ดูเด็กมันเดิน หัวนี่จะราพื้นอยู่รอมร่อแล้ว แบคฮยอนก้าวขาเดินขึ้นบันไดไปอย่างทุลักทุเล ผมมองสภาพพี่เลี้ยงในสังกัดแล้วอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว จะว่าเอ็นดูเด็กมันก็ไม่ใช่ จะว่าเวทนาก็ไม่เชิง


    ผมละสายตาจากแบคฮยอนกลับมาที่โต๊ะอาหาร อะไรบางอย่างที่วางอยู่บนเนื้อไม้ปาเก้สีเรียบ เรียกความสนใจจากผมได้ไม่มากก็น้อย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นอย่างฉงน

     

     

    อะไรวะนั่น?

     

     

     

     TBC


    - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . -

    เอออนั่นดิ อะไรวะ? 55555555555555555555

    ต่อตอนหน้าโน้ะะ ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยนะคะ

    เริ้บๆๆ เอ็นจอยรีดดิ้งจย้าา


     

     - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . -

     


    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×