คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : พ่อม่ายชานยอล l ตอนที่ 2
พ่อม่ายชานยอล l ตอนที่ 2
:: มนุษย์สั้นอีสคัมมิ่งซูน ::
"มาช้านะคะคุณพ่อ.."
"อ่า ขอโทษด้วยนะครับ
พอดีสองแฝดเลือกของนานไปหน่อย เลยมาช้านิดนึง"
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ
ว่าแต่ไหนของที่คุณว่าจะเอามาล่ะคะ?"
"อยู่ที่รถครับ ผมต้องการคนช่วยถือน่ะ มันเยอะ
ยกคนเดียวไม่ไหวแน่"
"ค่ะ งั้นเดี๋ยวฉันไปช่วยเองแล้วกัน
งานจะได้เสร็จไวๆ"
"โอเคครับ" ผมเดินนำหน้าคุณครูคนสวยไปที่รถ
ก่อนจะทำทีว่าหยิบของอย่างอื่นอยู่ด้านใน
แล้วตะโกนบอกให้ครูสาวช่วยเดินไปหยิบของที่อยู่หลังรถให้หน่อย
"ครูนานะ ช่วยเปิดท้ายรถแล้วหยิบของไปทีสิครับ"
"อ๋อ ได้ค่ะ" ท้ายรถถูกเปิดออกโดยฝีมือของครูสาว
เธอมีท่าทีอ้ำอึ้งไปไม่น้อยกับสิ่งที่ได้เห็น
ช่อดอกกุหลาบเล็กๆที่ผมเป็นคนนั่งจัดช่อเองกับมือ
"เอ่อ..คุณพ่อคะ ของอยู่ไหนหรอคะ?"
แหนะ คำถามพาซื่ออีกแล้ว จะน่ารักไปไหนครับคุณ
ผมชักจะอดใจไม่ไหวแล้วเนี่ย
"อยู่ตรงนั้นแหละครับ"
"แต่ฉันไม่เห็นว่ามันจะ.."
"ของมันอยู่ตรงหน้า แต่ใจผมเนี่ย
มันไปอยู่ที่ครูแล้วนะครับ"
ชาติเสือไม่ทิ้งลายจริงๆ ปาร์คชานยอล ประโยคนี้ผมให้คะแนนตัวเองเต็มสิบไม่หัก!
ขายาวก้าวเดินเข้ามาใกล้ครูสาวอย่างไม่รีบเร่ง ผมหยิบช่อดอกไม้จากหลังรถแล้วยื่นมันไปข้างหน้า
"ผมให้ครับ"
"คุณพ่อคะ.."
"ชู่วว ไม่ต้องพูดแล้วครับคนดี รับของแล้ว ก็อย่าลืมรับหัวใจผมไว้ด้วยนะครับ" ผมใช้เวลานานพอสมควรในการตั้งสติให้มั่นแล้วจ้องลึกเข้าไปมองนัยน์ตาคู่สวย
มันทอแสงประกายสวยงามอย่างที่ผู้หญิงคนนึงจะมีได้ สวยจริงๆ สวยไปหมดเลย..
โน้มใบหน้าลงไปให้ใกล้มากยิ่งขึ้น
ก่อนที่ริมฝีปากของเราสองคนจะทาบทับกันจนแนบสนิท
"พ่อหนูเพ้อเจ้อใหญ่แล้วเนี่ย ปลุกทีสิครับ
อาทนดูไม่ได้จริงๆ"
"ป๋าาาา ตื่นได้แล้วว!"
"เฮือกก!"
ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ
ครูนานะก็มีท่าทีเปลี่ยนไปจากเดิม เขาผละตัวหลบจูบผม แล้วตะโกนเสียงแหลมๆเล็กๆ
ที่เมื่อลองฟังดูดีๆแล้ว เสียงมันเหมือนกับลูกแฝดคนเล็กไม่มีผิด
เปลือกตาหนาเปิดขึ้นในเวลาต่อมา ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ โอเค
ผมอยู่ในห้องนอนของตัวเอง บนหน้าท้องนี่มีเจ้าคนเล็กนั่งเกยอยู่
ส่วนปลายเตียงมีเพื่อนซี้นาม คิมจงอิน ยืนพ้อยเท้าอยู่ด้วยท่าทีสบายๆ ไม่มีครูสาว
ไม่มีรอยจูบหรือมุขเสี่ยว ดอกไม้สักช่อหรือรถสักคันก็ไม่มี
โอเค กูฝันเฟื่องมโนภาพขึ้นมาเอง ขอบใจมาก e.here -____-
ผมยีหัวตัวเองอย่างสุดเซ็ง
"ตื่นได้แล้วครับคุณพ่อ"
ความจริงไม่ใช่ความฝัน
และแน่นอน ความฝันก็มักจะไม่ใช่ความจริงเช่นกัน..
09.00
am.
Rrrrrr Rrrrrrr.. Rrrrrr
แรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสาร เรียกความสนใจจากผมได้เป็นอย่างดี ผมละสายตาจากการ์ตูนเรื่องโปรดของสองแฝดที่นั่งดูอยู่อย่างตั้งใจ ส่วนไอเพื่อนซี้สองคนก็นั่งต่อเลโก้กันอยู่ตรงมุมห้องนั่งเล่น หน้าจอโทรศัพท์โชว์เบอร์แปลกที่ผมไม่คุ้นตา ผมเอาลิ้นดุนแก้ม ลังเลอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายก็กดรับในที่สุด
"สวัสดีครับ"
'...'
"ฮัลโหล ได้ยินไหมครับ?"
'...'
น่าแปลกที่ปลายสายยังคงเงียบ ผมเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง
เอ้า ก็ยังไม่วางสายนี่หว่า ทำไมไม่พูดวะ
"ฮัลโหล คุณได้ยินผมไหม?"
พูดเสียงดังขึ้นอีก แต่กลับโดนสองแฝดหันหน้ามาหาเป็นเชิงตำหนิ ผมยกมือขึ้นมาขอโทษขอโพยลูกชุดใหญ่ แล้วตัดสินใจเดินปลีกไปคุยโทรศัพท์ในครัวแทน
"ฮัลโหล.."
ตู๊ดดๆๆ..
อ่าวกรรม วางไปแล้วว่ะ สงสัยคงจะโทรผิด
ผมเดินกลับมาหน้าทีวีอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างลูกชายสุดที่รักทั้งสอง
"ป๋าาจ๋า
ใครโทรมาหรอฮะ?"
"ไม่รู้สิ เขาไม่ยอมพูดอะ"
"โรคจิตป่ะเห้ย ระวังไว้ให้ดีเถอะ หึหึหึ" ไอจงอินพูดแทรกขึ้นมาทันที ผมได้แต่ทำหน้าพ่องตายใส่มันเท่านั้น สัดนี่ มึงก็ดูหนังมาเยอะไปมั้ง
"คุณอาพูดไม่เพราะง่ะะ"
"ซอรี่ครับหลาน"
' ติ๊งต๋อง '
"ใครเปิด?"
"หนูเปิดเอง"
แดเนียลแฝดพี่เอ่ยปากอาสา ผมเหลือบมองไอพวกผู้ใหญ่วัยบรรลุนิติภาวะที่แม่งนั่งเล่นตัวต่อกันเป็นเด็กๆอย่างนึกเซ็ง นี่มึงให้เด็กไปเปิดประตูรับแขกนะเห้ย? เหอะ ตอนนี้ถ้าจะให้พูดว่าคนหนึ่งทำงานบริษัทรับเหมากับอีกคนเป็นนายแบบ อมพระมาพูด กูก็ไม่เชื่อครับ
แฝดคนพี่หายไปพักหนึ่ง ทำให้ผมรู้สึกกังวล จนตัดสินใจลุกขึ้นจากโซฟาตัวโปรดแล้วเดินตรงไปหน้าบ้าน
เปิดม่านสีหม่นออกเล็กน้อยพลางทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง
ผมเห็นลูกชายคนโตกำลังยืนคุยอยู่กับใครสักคน ซึ่งหลังจากลองเพ่งมองดีๆแล้วนั้น เขาก็เป็นแค่เด็กหนุ่มตัวเล็กคนหนึ่งที่สวมแว่นสายตาหนาเตอะ หน้าตาหยิ่งๆ แต่กลับดูใจดีซะงั้น ไหนจะเหล็กจัดฟันของเขาที่ดูเป็นเอกลักษณ์ไม่แพ้กัน คนพี่ยกยิ้มกว้างที่โดนเด็กคนนั้นลูบหัวเบาๆ มือเล็กคว้าเข้าที่ชายเสื้อเชิ้ตสีอ่อน แล้วดึงอีกคนให้เดินตามเข้ามาในบ้าน
ชิบหาย ลูกชายผมกำลังจะพาคนแปลกหน้าที่ดูถูกจริตกันเข้ามาในบ้านงั้นหรอ?!
แอ๊ดดด..
"แดเนียล ตัวพาใครมาอะ?" คนน้องวิ่งไปหาทันทีที่ประตูบ้านสีน้ำตาลถูกเปิดออกโดยฝีมือของคนพี่
"ก็พี่เลี้ยงของเราไง"
"!!!"
"ชื่ออะไรน่ะเรา?"
"บยอน แบคฮยอนครับ"
"อายุเท่าไหร่?"
"ยี่สิบเอ็ด"
"อืม งั้นเรียนที่ไหนล่ะ?"
"โห ถามขนาดนี้ มึงไม่ถามชื่อพ่อชื่อแม่เด็กมันไปเลย?" ไอเทาที่นั่งฟังอยู่ข้างๆท้วงขึ้น
"มึงเงียบๆได้ไหมล่ะ เดี๋ยวกูจัดการเอง"
"เอ่อ..ผมเรียนที่ม.คยองฮี สาข.."
"ยังไม่ได้ถาม"
"..."
กริบแดกเลยครับ
แบคฮยอนนั่งตัวเกร็ง หลบสายตา แถมยังเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรงทันทีที่ผมพูดจบ คยองฮีงั้นหรอ มหา'ลัยเอกชนนี่นา บ้านเด็กคนนี้ต้องมีฐานะดีแน่ๆ แล้วทำไมถึงอยากมาทำอะไรแบบนี้กันวะ ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยจริงๆครับ
"อืม.. บ้านนายก็ดูมีฐานะนี่
ทำไมถึงอยากมาทำอะไรแบบนี้กันล่ะ?" ต้องขอบคุณคิมจงอินที่เป็นคนเอ่ยถามประโยคพวกนั้นออกไปแทนผม
"อยู่บ้านคนเดียวมันน่าเบื่อน่ะครับ
ผมอยากมีเพื่อนคุยบ้าง.."
"แล้วเพื่อนที่มหาลัย?"
"บ้านไกลกัน เลยเจอกันได้เฉพาะเวลาเข้าเรียนเท่านั้น"
"ที่บอกว่าคนเดียวน่ะ พ่อแม่ไปไหนซะล่ะ?"
"พวกท่านอยู่ต่างประเทศ กลับมาที่นี่แค่เดือนละครั้ง แต่บางเดือนก็ไม่ได้มาน่ะครับ" เอ่อ นี่มันเรียกว่าเข้าข่ายเด็กขาดความอบอุ่นได้ยังวะ? พ่อแม่ดูไม่สนใจใยดีเลย
"แล้วมีประสบการณ์เกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กบ้างรึเปล่า?"
"ไม่มีครับ"
"ว่าไงนะ?"
"แต่ผมมั่นใจครับ ว่าผมดูแลพวกเขาได้" ผมมองคนตรงหน้าอย่างนึกขำ แววตาใต้เลนส์แว่นนั่นถึงจะดูตื่นๆ แต่ก็แฝงความมั่นใจอยู่อย่างน่าประหลาด เหอะ งั้นเรามาลองดูกันสักตั้งเป็นไง?
"ไอเทา ช่วยไปตามสองแฝดมาที" หวงจื่อเทาเดินหายจากห้องไปได้ไม่นาน ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับลูกชายฝาแฝดของผม
"มานี่ครับแฝด"
สองแฝดเดินหน้าตรง มือแนบลำตัวมาหาผม
อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศรอบข้างแลดูกดดันละมั้ง ทำให้พวกเขาเผลอทำอะไรตลกๆออกมา
"วันนี้ป๋าจะออกไปข้างนอก กลับดึกๆนะ หนูต้องอยู่กับพี่เขา โอเคไหม?"
"งือออ ป๋าจะไปไหน?"
"ป๋าต้องไปธุระกับคุณอา" หันหน้าไปหาเพื่อนตัวดีทั้งสองที่ยืนหน้าโง่อยู่ก่อน แล้วจึงหันหน้ากลับมาคลี่ยิ้มอ่อนให้ลูกชาย
"งือออ อยากไปด้วยอะะ"
"ไม่ได้เนอะ" หยิกแก้มคนน้องเบาๆให้หายหมั่นเขี้ยว
สองเด็กงอแงไม่อยากให้ผมไป แต่ท้ายที่สุด
"คุณอา
ดูแลป๊ะป๋าด้วย อย่าให้ป๋าดื้อน้าา!"
"ครับผม อาจะดูแลอย่างดีเลย!" ไอเทากับไอจงอินหอมแก้มเด็กแฝดกันคนละที
แล้วจึงเดินออกไปจากบ้าน แต่เด็กแฝดกลับวิ่งตามเพื่อนรักทั้งสองของผมออกไปซะงั้น
จะเหลือก็แต่พ่อม่ายวัยสามสิบ ที่ยืนเช็ตผมเผ้าอยู่หน้ากระจกอย่างไม่รีบร้อน กับเงาตะคุ่มๆของเด็กหนุ่มที่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างหลังนี่แหละ เขาเหลือบมองผมเป็นระยะแบบไม่เต็มสายตานัก ท่าทางเหมือนคนกำลังประหม่า ผมถอนหายใจเสียงแผ่วโดยไม่ให้อีกคนได้ยิน ก่อนตัดสินใจเดินสวนออกมาแล้วหยุดลงตรงพื้นที่ว่างข้างๆ โน้มใบหน้าลงไปกระซิบเบาๆที่ข้างใบหูขาวให้พอได้ยินกันแค่สองคน
"ถ้าทำให้เด็กๆชอบนายได้ก่อนที่ฉันจะกลับมา
ก็เป็นอันว่าตกลงนะบยอนแบคฮยอน"
baekhyun's
"ถ้าทำให้เด็กๆชอบนายได้ก่อนที่ฉันจะกลับมา ก็เป็นอันว่าตกลงนะบยอนแบคฮยอน"
ปึง!
ประตูสีเข้มบานเดิมถูกปิดลงโดยฝีมือของคนตัวสูงเจ้าของบ้าน ให้ตายเถอะแบคฮยอน
เผลอกลั้นหายใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?..
ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างเคยตัวเวลารู้สึกประหม่า
นิ้วเรียวดันกรอบแว่นให้เข้าที่เข้าทางมากกว่าเก่า
ตัดสินใจเดินออกมาจากที่เกิดเหตุเพื่อให้หายเพ้อเจ้อ
แล้วเลือกที่จะเลี่ยงมายังห้องนั่งเล่นแทน
เห็นสองแฝดนั่งเท้าคางทำหน้าหงอยอยู่ก่อนแล้วก็รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ
ผมเดินเข้าไปใกล้แล้วจึงนั่งยองๆลงตรงหน้าเด็กทั้งสอง
"ไง"
"ไงฮะ" เอ่ยทักทายตามมารยาทด้วยความพร้อมเพรียง ผมหลุดยิ้ม
พอมานั่งอยู่ด้วยกันก็ชักจะแยกไม่ออกซะแล้วสิ ว่าเมื่อครู่เพิ่งคุยกับเด็กแฝดคนไหนไป
"อ่า..คนไหนคือคนที่คุยกับพี่เมื่อกี้นี้ล่ะ?"
"ผมเอง"
"อ๋อ งั้นเราชื่ออะไรครับสุดหล่อ?"
"ผมชื่อแดเนียล ปาร์คเป็นคนพี่ ส่วนนี่เดนนิส ปาร์ค น้องชายของผมเองฮะ"
ผมยิ้มให้หลังประโยคแนะนำตัวแสนน่ารักนั้น
แล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
ซึ่งมันทำให้คนน้องที่นั่งหน้าหงอยอยู่ถึงกับตาลุกวาวขึ้นมาทันที
"ลูกอมหรอฮะ?"
"ใช่แล้วครับ อยากกินไหม?"
"กินได้หรอฮะ?" คนน้องเอ่ยถามอย่างมีมารยาท
"ได้สิ เดี๋ยวพี่แกะให้นะ"
ผมว่าพลางหยิบลูกอมน่าตาน่ากินขึ้นมาหนึ่งเม็ด
จัดการแกะเปลือกออกให้เรียบร้อย แล้วป้อนมันให้กับแฝดคนน้อง
"ขอบ้างได้ไหมฮะ?"
คนพี่พูดขึ้นมาอย่างน่าเอ็นดู
ผมยิ้มขำกับท่าทีลังเลนั้น
แล้วจัดการแกะเปลือกลูกอมอีกครั้งเพื่อป้อนมันให้กับแฝดคนพี่เช่นกัน
"ค่อยๆกินนะ ระวังติดคอ"
"อื้มม"
สองแฝดพยักหน้ารับเรื่อง
แล้วตั้งใจเคี้ยวลูกอมกลิ่นแตงโมที่แสนเหนียวนุ่มนี่อย่างเอาจริงเอาจัง
ผมหัวเราะจนตาหยี ดูท่ามันจะเหนียวเอาเรื่องเลยล่ะสิ แฝดคนน้องถึงได้ขมวดคิ้วหนักขนาดนี้
นานแค่ไหนแล้ว ที่ไม่มีโอกาสได้ยิ้มกว้างๆแบบนี้น่ะแบคฮยอน
"พี่ชื่อแบคฮยอน ไหนลองเรียกสิครับ"
"แบคยอน"
"ไม่ๆ มันออกเสียงว่า แบค-ฮะ-ยอน"
"แบคยอนนน!"
"อ่าา โอเคครับ แบคยอนก็แบคยอนเนอะ"
ปล่อยให้เด็กๆดื่มด่ำกับลูกอมรสหวาน
แล้วเอื้อมมือไปหยิบม้วนไหมพรหมอันเล็กๆที่วางอยู่ในตระกร้าขึ้นมาใช้อย่างถือวิสาสะ
"ชอบสีอะไรกันบ้างเด็กๆ?"
"ผมเอาสีแดงฮะ"
"งืออ ตัวแย่งเค้าา" คนน้องโวยวาย แฝดพี่ลอบถอนหายใจก่อนจะหันไปเลือกไหมพรหมสีเขียวอีกอันที่ผมถืออยู่อย่างไม่อิดออด เสียสละให้น้อง แถมไม่มีบ่นสักคำ นี่ละมั้งลูกชายคนโตของบ้าน ผมอมยิ้มน้อยๆ หึ คนพ่อสอนมาดีสินะ
"โอเค งั้นแดเนียลเอาสีเขียวนะครับ แล้วก็ของเดนนิสเอาสีแดง"
ผมตัดไหมพรหมออกมาขนาดยาวพอประมาณ
ก่อนจะนำมันมาผูกเข้าที่ข้อมือเล็กของสองแฝด
"แบคยอนผูกไว้ทำไมหรอฮะ?"
"เผื่อจำผิดคนไงครับ ผูกไว้แบบนี้ แบคจะได้เรียกถูก"
"อ๋ออ เข้าใจแล้วววว"
“มาเด็กๆ หาเกมเล่นกันดีกว่าเนอะ”
“ฮะ!”
เห้อออ เหนื่อยครับเหนื่อย ยอมรับเลยว่านี่ไม่ได้ออกลวดลายกับกีฬาในร่มมานานแค่ไหนแล้ว
เล่นเอาเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมด ผู้หญิงแต่ละคนก็น่าเซี๊ยะซะจริงๆ อือหือ
ครับผม ไม่ได้ไปตุ่ยกับใครมาหรอก แค่เล่นสนุ๊กเกอร์ในคลับเท่านั้นเอง ..
12.15
am. @ Coffee Delight
"But
are we all lost stars, trying to light up the dark .."
เสียงเกากีต้าร์เบาๆจบลง
เสียงปรบมือดังขึ้นมาแทนที่
ผมลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้แล้วโค้งขอบคุณรอบทิศอย่างมีมารยาท
ก่อนจะเดินลงมาจากเวทีเล็กๆที่ถูกทำขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับคุณพ่อรักเสียงดนตรีอย่างผม
ผมวางกีต้าร์ไว้ประจำตำแหน่งของมัน
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ป้าฮโยจินเดินมาพอดี
"เอ้า ทำไมวันนี้กลับช้าได้ล่ะ?"
"พอดีมีคนช่วยดูสองแฝดแล้วน่ะครับ ผมเลยกลับช้าได้หน่อย"
ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน
ผมก้มลงมองนาฬิกาข้อมือที่ตอนนี้กำลังบอกเวลาเที่ยงคืนห้าสิบนาทีแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ
วันนี้ดึกกว่าทุกวันเลยแฮะ
ประตูสีน้ำตาลถูกเปิดในเวลาต่อมา
บรรยากาศภายในบ้านมืดสนิทเหมือนอย่างเคย
ผมเดินเข้าไปในครัวหมายจะหาอะไรใส่ท้องเสียหน่อย แต่ทันทีที่ไฟดวงเล็กถูกเปิดขึ้น
ภาพตรงหน้ากลับทำให้ผมยืนอึ้งไปได้อยู่พักใหญ่
บนโต๊ะอาหารที่ควรจะว่างเปล่า
กลับมีร่างสามร่างนอนฟุบจับจองพื้นที่กันอยู่คนละมุม
ไม่แปลกใจหรอก
ที่เห็นสองแฝดนอนฟุบโต๊ะอยู่ แต่ไอมนุษย์สั้นที่ชื่อแบคฮยอนนี่สิ
ทำไมถึงได้มานอนฟุบอยู่ที่นี่กันล่ะ? คิดว่ากลับบ้านไปแล้วซะอีก และเมื่อลองมองดูรอบตัวให้ดีๆ
ก็จะพบว่าบ้านช่องแลดูสะอาดตามากขึ้นกว่าเก่า
แพลนสายตามองไปยังสองแฝดที่หลับปุ๋ยอ้าปากหวอจนน้ำลายไหลออกมาที่มุมปาก
นั่นแล้วก็หลุดขำ ดูท่าจะเหนื่อยใช่เล่นเลยแฮะ
ข้อมือเล็กๆของลูกน้อยทั้งสองมีเชือกไหมพรหมผูกอยู่ ผมขมวดคิ้ว
ปกติเด็กๆไม่เคยเล่นไหมพรหมนี่นา แล้วทำไมจู่ๆ..
เลยลองแพลนสายตาไปทางเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่บริเวณหัวโต๊ะบ้าง
ผมเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะนั่งยองลงข้างๆ และนั่นไม่ได้ทำให้ผมดูเตี้ยลงแต่อย่างใด
แต่มันกลับทำให้ส่วนสูงของผมดูพอเหมาะกับคนตรงหน้าเสียมากกว่า
ดวงตาคมเริ่มเพ่งพิจารณาโครงหน้าเฉิ่มๆของอีกคนโดยอาศัยแสงไฟสีนวลเพื่อช่วยในการมองเห็น
อืม ก็ผิวดีตามประสาลูกคนรวยแหละเนอะ เสียงลมหายใจผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
เป็นสัญญาณบอกที่ดี ว่าต่อให้ผมตะโกนอัดหน้าไปก็คงไม่ตื่น
นี่กะว่าหลับเป็นตายไปแล้วสินะ -__-
ริมฝีปากบางที่เผยออกเล็กน้อย
ทำให้เห็นน้ำใสๆที่ไหลออกมาจากมุมปาก ไม่ต่างอะไรจากสองแฝดเลยสักนิด ผมนึกขำก่อนจะส่ายหน้าให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
เดินไปหยิบโพสอิทสีโปรดขึ้นมาหนึ่งแผ่น ก่อนคว้าปากกาเมจิกขึ้นมาหนึ่งด้ามเพื่อเขียนอะไรบางอย่างลงไป
เดินกลับมาพร้อมกับผ้าห่มเล็กๆสามผืน
จัดการแปะโพสอิทไว้บนโต๊ะอาหารใกล้ๆใครอีกคน
จากนั้นจึงนำผ้าห่มมาคลุมไหล่ให้คนทั้งสามอย่างแผ่วเบา
หยิบน้ำเปล่าขึ้นมาหนึ่งขวดแล้วกระดกมันเข้าไปแทนที่ความหิวในท้อง
มองภาพตรงหน้าอีกครั้งก่อนตัดสินใจปิดไฟแล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านทันที
หมดหน้าที่ของผมในวันนี้แล้วล่ะ
เจอกันพรุ่งนี้
ราตรีสวัสดิ์ครับ
คุณปาร์ค ชานยอล
baekhyun's
เปลือกตาสีอ่อนภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะค่อยๆเบิกขึ้นทีละน้อย
สาบานได้เลยว่าปกติวันเสาร์ ผมไม่ได้ตื่นเช้าขนาดนี้
คงเพราะแปลกที่ละมั้ง
เลยนอนไม่ค่อยหลับ..
ตอนนี้สายตาพอจะปรับโฟกัสได้แล้ว
ใช่
ผมตื่นขึ้นมาในห้องครัว ในบ้านของผู้ชายตัวสูงที่ชื่อ ปาร์ค ชานยอล
ยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างไม่รีบร้อน
ทอดสายตามองสองแฝดที่ยังนอนอยู่ในท่าเดิมแล้วก็ต้องหลุดยิ้มออกมา
ผ้าห่มผืนนิ่มที่คลุมไหล่ของสองแฝดอยู่นั้น ก็พอจะเดาออกอยู่หรอกว่าเป็นฝีมือของใคร แต่พอพบว่าตัวเองก็ได้รับมันเช่นกันแก้มเนียนก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ผมตั้งสติแล้วดันกรอบแว่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นกระดาษโพสอิทแผ่นหนึ่งที่ถูกติดไว้ใกล้ๆ มือเรียวหยิบมันขึ้นมาเพื่ออ่านข้อความ
' งานเริ่มพรุ่งนี้หนึ่งทุ่ม อย่ามาสายล่ะ
Pcy. '
ความคิดเห็น